หากใครผ่านแถวสาทรช่วง บีทีเอส ช่องนนทรี ผมเชื่อว่าทุกคนต้องสะดุดตากับบ้านหลังนี้ ตัวเองผมทำงานตรงตึกสาทรสแควร์ และเห็นบ้านหลังนี้มานานเหมือนกัน สงสัยมาตลอดว่าที่นี่มีประวัติมาอย่างไรบ้าง จนวันนี้ได้มาพบคำตอบหลังจากได้มาลองชิม The Afternoon Tea ในส่วน The Courtyard, The House on Sathorn โดย W Bangkok ครับ บอกเลย บ้านหลังนี้น่าสนใจมากกกก!
รู้จักบ้าน The House on Sathorn หลังนี้ก่อน
บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2432 จนถึงตอนนี้ก็ 127 ปีแล้ว ซึ่งก่อนจะมาเป็น The House on Sathorn ในปัจจุบัน บ้านหลังนี้ถือว่าผ่านประสบการณ์มาหลายอย่าง ทั้งเป็นบ้าน โรงแรม หรือแม้แต่สถานทูต จนตอนนี้มาเป็นบาร์และร้านอาหารไปและ
บ้านสาทร หรือ บ้านหลวงสาทรราชายุกต์ (ยม พิศลยบุตร) เป็นผู้รับเหมาขุดคลองในพระนคร ซึ่งจริงๆบ้านหลังนี้ก็เป็นของหลวงสาทรตั้งแต่แรกนี่แหละครับ สร้างขึ้นเมื่อปี 2432 ออกแบบสไตล์นีโอคลาสสิคด้วยทีมออกแบบเดียวกับพระราชวังอนันตสมาคม หลังจากหลวงสาทรถึงเสียชีวิต ทรัพย์สินส่วนนี้จึงตกมาเป็นของหลวงจิตร์จำนงค์วานิช คือมีศักดิ์เป็นบุตรเขย แล้วกิจการโรงสีของหลวงจิตร์จำนงค์วานิชล้มละลาย บ้านหลังนี้จึงถูกจำนองและตกเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ปี 2459
ในปี 2467 บ้านหลังนี้ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นโรงแรมชื่อ “โฮเตล รอแยล” และปี 2477 เปลี่ยนเป็นชื่อ “โรงแรมไทยแลนด์” ต่อมา ในช่วงปี 2491-2542 นั้นกลายมาเป็นสถานเอกอัคราชทูตรัสเซีย กว่า 51 ปี และในปี 2543 กรมศิลปากรได้เข้าทำการสำรวจและจัดเป็นอาคารอนุรักษ์สถาปัตยกรรมนั่นเอง
ปัจจุบันบ้านหลังนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ W Bangkok โดยทาง W ก็ได้รีโนเวททั้งหมด และเปลี่ยนเป็นร้านอาหารและบาร์โดยใช้ชื่อว่า The House on Sathorn
เจ๋งมั้ยล่ะ หากใครสนใจและอยากดูรูปว่าก่อนหน้าที่บ้านหลังจะรีโนเวท หน้าตาของบ้านเป็นอย่างไร คลิกดูที่นี่ได้เลย
The House on Sathorn ปัจจุบัน
จากที่บอกบ้าน The House on Sathorn หลังนี้กลายเป็นบาร์และร้านอาหารแล้วล่ะ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนด้วยกัน คือ The Dining Room, The Bar, The Courtyard และอีกส่วนคือห้องจัดเลี้ยง และพิเศษคือชั้นสอง ที่ผมได้มีโอกาสได้ขึ้นชมกับสามห้องโครตคลาสสิก และสวยมาก ซึ่งปกติไม่ได้เปิดให้บริการนะแจ๊ะ
The Dining Room จะเป็นอาหารเอเชียสมัยใหม่ แต่ละเมนูของที่นี่จะมีเรื่องราวต่างๆผสมกับการเตรียมอาหารที่เป็นเอกลักษณ์จากเชฟ และห้องอาหารนี้ครัวจะเป็นแบบเปิด ซึ่งเค้าตั้งใจให้เราไปนั่งตรงเคาท์เตอร์และสามารถพูดคุยกับเชฟได้ด้วยแหละครับ
The Bar คือบาร์ที่สามารถมานั่งดริงก์ได้ทั้งคอร์กเทล ไวน์ วิสกี้ และอีกเยอะน่ะ
The House on Sathorn ชั้นสอง เค้าไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปขึ้นไปชมนะ นอกจากจะมีอีเวนท์พิเศษที่จัดขึ้นเฉพาะ แต่วันนี้ผมจะพาขึ้นไปดู นั่นแงะ เจ๋งป่ะ
ห้องแรกคือ The Emerald ซึ่งเป็นห้องโทนสีเขียวและมีฟังก์ชั่นบาร์อยู่ ที่งามคือห้องนี้มีภาพจิตกรรมฝาผนังจากเรื่องรามสูรด้วย
ห้องที่สองจะเป็นห้อง Secret ถ้าเราเดินในโถงทางเดินชั้น 2 เผลอๆเราอาจไม่รู้ว่ามีห้องนี้อยู่ทางขวาด้วยอ่ะ เพราะเค้าทำประตูให้กลมกลืนกับกำแพง คือมองไม่ออกจริง ลองดูภาพทางเดินข้างล่าง ห้องจะอยู่ด้านขวาถัดจากหน้าต่าง ห้องนี้คือพีค ผมชอบอ่ะ ฮ่าๆ
ห้อง RuBy โทนสีแดง
The Courtyard
ส่วนของ The Courtyard ใน The House on Sathorn นั้นคือส่วนพื้นที่ตรงกลางของบ้านที่สามารถรองรับได้มากถึง 50 คน ส่วนนี้เปิดโล่งและมีอาคารบ้านหลังนี้ล้อมรอบ รวมถึงตึก Mahanakhon ซึ่งสูงที่สุดในประเทศไทยตั้งเด่อยู่ มันก็จะเป็นฟีลความย้อนยุคผสมความปัจจุบันได้อย่างลงตัวจริงๆ มองเพลินเลย ส่วนอาหารที่นี่จะเป็นแบบคอมฟอร์ทฟู้ด เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ซึ่ง Afternoon Tea เราจะนั่งกินกันตรงนี้นี่แหละ
Signature Afternoon Tea
ตัวเซต Signature Afternoon Tea ประกอบด้วยของกิน 18 อย่าง พร้อมชา TWG ที่เราสามารถเลือกกลิ่นและรสชาติได้ 2 อย่าง จาก The House Collection มาดูรายชของกินในเซตกันเลยว่ามีอะไรบ้าง นี่แทบมองหน้าหน้าเพื่อ เยอะมาก จะกินหมดหรอ?
- Refreshing Sorbet of the day
- Traditional Scones / Homemade Marmalade and Jam / Devonshire Clotted Cream
- Peanut Mini Muffin, Peanut Cream / Financier / Chocolate Dom
- Macanese Egg Tart / Caramel Chocolate Tart / Yuzu Verrine / Éclair Lychee
- Raspberry Macaroon Cake / Black Sesame Cheesecake / Banana Crème Brûlée / Seasonal Tart Fine
- Chicken-Pineapple Curry Finger Sandwich / Mushroom -Truffle Mascarpone Croissant / Ocean Trout Gravlax, Onion Pickles on Rye Bread
Sorbet of the day ข้างบนด้านซ้าย อร่อยสดชื่นมากกกกกกก
ผมว่ากินสองคนกำลังดีนะ เพราะบางตัวจะมีสองชิ้น ซึ่งสามารถแบ่งกันได้พอดีลงตัว ถามว่าอิ่มมั้ย หูย อิ่มมาก ผมกับเพื่อนสองคนยังกินไม่หมดเลย หลังๆอาจจะเริ่มเลี่ยนนิหน่อย แต่ถ้ากินคู่กับชา TWG ก็ช่วยแก้เลี่ยนได้บ้าง
สำหรับภาพรวมผมว่าโอเคเลยนะ นั่งชิลได้เรื่อยๆ ซึบซับบรรยากาศรอบๆ ถ้าอากาศร้อน เค้าก็จะมีพัดลมเป่าให้ที่โต๊ะคลายร้อนได้อยู่ครับ
สรุปราคา The House on Sathorn
Afternoon Tea Set ราคาจะอยู่ที่ 1,150++ หรือ Nett แล้วก็ประมาณ 1,353.55 บาท
เค้าแนะนำ เซตนึงทานได้ 2 ท่านกำลังดี หารแล้วตกคนละเกือบๆ 700 บาท ราคาก็แรงนิดนึงตามฉบับโรงแรม 5 ดาว เพราะ 700 ก็สามารถไปกินบุฟเฟต์ดีๆมื้อนึงได้เลย แต่มันก็แล้วแต่ความชอบ และความต้องการของแต่ละคนแหละเนอะ
The House on Sathorn อยู่ที่ไหน?
The House on Sathorn อยู่ระหว่างตึก W Hotel และ Sathorn Square ซึ่งสามารถมาได้ง่ายๆครับโดยนั่งรถไฟฟ้า BTS มาที่สถานีช่องนนทรี หรือถ้าขับรถมาก็อยู่ถนนสาทรเหนือ ช่วงแยกสาทร-นราธิวาส ง่ายยย..
หากใครอยากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ The House on Sathorn สามารถโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 0-2344-4000 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยที่ www.thehouseonsathorn.com facebook.com/thehouseonsathorn and @thehouseonsathorn ครับ 😀
6 comments
รูปถ่ายสวยมากครับ มันดูละมุนดี แล้วมันดู บอกไม่ถูก ชอบมากก ใช้กล้องอะไรหรอครับ?
มีสองตัวครับ Leica T กับ Sony A5100 ครับผม 😀
คงไม่ได้ไปคนเดิยวนะ?
น่ารักจัง 5555
5555 ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากนะครับสำหรับการรีวิว ผมกำลังหาข้อมูลเพื่อที่จะไปถ่ายรูปแล้วก็นั่งชิวๆที่บ้านสาธรพอดีเลย