ชีวิตหนึ่งคืนกับรถไฟไทยขบวนใหม่ กรุงเทพ-เชียงใหม่ อุตราวิถี

หลายคนอาจจะได้ยินข่าวการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 30 ปีของรถไฟไทย บางคนอาจจะไม่รู้ว่าตอนนี้เรามีรถไฟตู้นอนขบวนใหม่ให้นั่งแล้วเว้ยยยย ก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยคิดอยากจะขึ้นรถไฟเท่าไหร่ แต่พอได้เห็นข่าวและรูปที่แชร์กันมากมายในโลกโซเชียล แม่งเอ้ยยย.. โคตรอยากลองเลยครับ มันอยากรู้อยากเห็นมากว่ารถตู้นอนขบวนใหม่จะเป็นยังไง และจะทำให้เราหลงรักการนั่งรถไฟมั้ย นี่เลยรีบไปจองตั๋วรถไฟทันทีแบบไม่ลังเลกับ ขบวนรถด่วนพิเศษอุตราวิถี 9/10 กรุงเทพ-เชียงใหม่ เนี่ยแหละมึง ได้ข่าวมาว่า รถไฟขบวนใหม่นี้สามารถวิ่งได้เร็วสูงสุดถึง 120 กม./ชม.

รถไฟขบวนใหม่เป็นยังไง?

แกร .. มันเป็นขบวนรถไฟแบบใหม่ที่พึ่งเข้ามาให้บริการสดๆร้อนๆ เป็นรถนอน ไอ้เจ้าโบกี้รถไฟขบวนเนี้ยะ สามารถวิ่งได้สูงสุด 120 กม./ชม. จริงๆแล้ว มันไม่ได้ไปแค่เชียงใหม่นะ แต่มีทั้งหมด 4 เส้นทาง คือ กรุงเทพ-เชียงใหม่ กรุงเทพ-อุบลราชธานี กรุงเทพ-หนองคาย และ กรุงเทพ-หาดใหญ่ (* ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 เค้าเปิดบริการอยู่แค่สองเส้นทาง คือ กรุงเทพ-เชียงใหม่ และ กรุงเทพ-อุบล เท่านั้น)

สิ่งอำนวยความสะดวกก็โครตครบ ไม่ว่าจะเป็นชั้นหนึ่ง หรือชั้นสอง ทุกเตียงจะมีปลั้กไฟ ไฟส่องอ่านหนังสือ หมอน ผ้าห่ม น้ำดื่มฟรีให้คนละขวด นอกจากนี้ยังมีตู้เสบียงอาหารพร้อมฟรี Wifi อีก

ห้องน้ำของตู้ขบวนใหม่จะเป็นระบบสูญญากาศแบบปิด แบบเครื่องบินเลยเว้ย คือดี ถ่ายคล่อง

ถ้าใครนอนชั้นหนึ่ง และมาเป็นคู่ก็สามารถจองแบบห้องส่วนตัว ห้องมึงจะเป็นเตียงบนและเตียงล่างมีที่ล้างมือในตัว หรือถ้าใครมาคนเดียว แต่จะเหมาห้องเค้าก็ไม่ว่า อีกทั้งยังมี Wifi สำหรับชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ รวมถึงห้องอาบน้ำส่วนตัวที่ท้ายขบวนให้ด้วยแหละ แต่ราคาก็นั่นแหละ ชั้นหนึ่งแพงกว่าชั้นสองแน่นอน

ค่าโดยสายรถไฟ กรุงเทพ-เชียงใหม่

ราคาตั๋วรถไฟจริงๆ มันก็มีหลายเรท หลายราคา แล้วแต่ว่าจะนอนชั้นไหน และขึ้นจากที่ไหนไปลงที่ไหน เส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ มันไม่ได้ออกจากกรุงเทพแล้วไปจอดทีเดียวที่เชียงใหม่เลยนะเว้ยเห้ย มันมีจอดหลายสถานี หลายจังหวัดอยู่ ซึ่งจะไปเที่ยวจังหวัดอื่นผ่านเส้นทางนี้ ก็ไม่มีใครว่า เอาล่ะ นี่จะบอกราคาคร่าวๆ จากต้นกรุงเทพ ไปปลายสถานีเชียงใหม่คร่าวๆ ละกันเนาะ

สำหรับรายละเอียดราคาๆ แบบขึ้นกลางทาง ลงกลางทางแนะนำดูข้อมูล ที่เพจ “ทีมนั่งรถไฟกับนายแฮมมึน” เลย เค้ารวมไว้ให้หมดแล้ว!  https://goo.gl/HZBRsb

จองตั๋วรถไฟก่อน

การจองตั๋วรถไฟก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่ มันมีอยู่สองวิธี วิธีแรกคือไปที่สถานทีรถไฟและซื้อตั๋วที่ช่องขายตั๋วเลย แต่นี่ขอแนะนำวิธีที่สองนะ คือ..

โทรเช็ครายละเอียดก่อนที่เบอร์ 1690 บอกเจ้าหน้าที่ว่า เราจะไปที่ไหน วันไหน และจะนอนชั้นหนึ่งหรือชั้นสอง รวมถึงบอกชื่อ-นามสกุล และเลขบัตรประจำตัวประชาชน จากนั้นเราต้องไปจ่ายเงิน และรับตั๋วที่สถานีรถไฟได้ทุกที่ภายใน 4 ทุ่มของวันถัดไปหรือก่อนเวลาปิดทำการของแต่ละสถานี

หลังจากจ่ายเงินเสร็จก็ตั้งหน้าตาตั้งตารอไปขึ้นรถไฟได้เล้ยยย อ้อ .. ไอ้ตั๋วรถไฟ สามารถจองได้นานสูงสุด 60 วันแหละ

อยากรู้เรื่องรถไฟขบวนใหม่มากกว่านี้?

ข้อมูลไม่ละเอียดพอ? แนะนำอ่านข้อมูลสรุปทุกอย่างจากเพจ “ทีมนั่งรถไฟกับนายแฮมมึน” เลย พี่เค้าสรุปไว้หมดทุกอย่างของรถไฟขบวนใหม่ โคตรดี! https://goo.gl/JYg68r

เริ่มต้นชีวิตหนึ่งคืนด้วยรถไฟอุตราวิถี กรุงเทพ-เชียงใหม่

ตามเวลาที่ รถด่วนขบวนพิเศษ กรุงเทพ-เชียงใหม่ อุตราวิถี จะออกจากกรุงเทพ คือเวลา 18.10น.ที่เขียนในตั๋ว ครั้งนี้นี่ไปแบบรถไฟนอนชั้น 2 ซึ่งตอนแรกอยากไปชั้น 1 มากมึง แต่จองไม่ทันไง เต็มยาวถึงสิ้นปี โอเค้.. ไม่เป็นไร ชั้นสองก็ได้ ถึงเชียงใหม่เหมือนกัน 🙂

นีรีบออกจากบ้าน และไปถึงหัวลำโพงตั้งแต่สี่โมงเย็นเลยว่ะ เอ้า .. ตื่นเต้นไงมึง กลัวรถติดไม่ทันงี้ เดินไปที่ชานชาลา รถยังไม่เทียบสถานีเลยจ้า ไอ้นี่มาเร็วไป มันไม่ใช่เครื่องบินนะโว้ย ที่ต้องเผื่อเวลาสองชั่วโมง เช็คอิน โหลดกระเป๋า รอบอร์ดดิ้งที่เกท แต่นี่มันคือรถไฟ รถไฟที่มึงสามารถมาก่อนเวลาแค่ 20 นาทีกำลังดี พอรถไฟมาก็กระโดดขึ้นรถไฟ หาที่นั่งได้เลย เห้ย แม่งดี ชอบฟีลนี้

ประมาณห้าโมง เกือบหกโมงเย็น รถไฟขบวนใหม่ที่เราตั้งหน้าตั้งตาคอย มาแล้วโว้ยยย .. ครั้งนี้นางมาเทียบชานชาลาที่ 5 สถานีกรุงเทพ หัวลำโพง มาแบบนิ่งๆ เนิ่บๆ เมื่อขบวนรถไฟนิ่งสนิท นี่ก็รีบหาตู้ขบวนและที่นั่งของเราที่จองไว้ ระหว่างนั้น พี่ๆพนักงานการรถไฟ ก็จะจัดของ ลำเลียงเสบียง ของใช้ ผ้าห่มขึ้นมาในขบวน

แว๊บแรกที่เห็นขบวนรถไฟและได้ขึ้นไป .. มันมีความใหม่ สะอาด ขบวนข้างในโทนสีขาวตัดกับเบาะสีแดง เห้ย แม่งดูดี น่านั่งจริงๆ

เมื่อเรามาถึงที่นั่งของเราแล้ว ก็เอากระเป๋าสัมภาระเก็บได้เลยที่ใต้เบาะของเรา ช่องเก็บของค่อนข้างใหญ่อยู่ สามารถเอากระเป๋าเดินทางสองใบสอดเข้าได้แบบพอดี จากนั้น เราก็นั่งชิลในนั้นนั่นแหละ คนก็เริ่มเข้ามากันเรื่อยๆจนเกือบเต็มขบวน แล้วก็ถึงเวลา 18.10 น. รถยังไม่ออก สรุปดีเลย์จ้าาาา รถไฟออกเลทไปเกือบสิบนาที เห้ย ยังโอเค เรารับได้ ฮ่าๆ

หาของกินที่ตู้เสบียง

ด้วยความที่เรานอนอยู่ชั้นสอง ขบวนตู้ที่หก เราจะบอกว่ามันเป็นตู้ที่ดีที่สุดเลยอันนี้แหละ เพราะว่าไร เพราะมันอยู่ติดตู้เสบียงเลยจ้า รู้สึกหิวหรอ? เดินไปโคตรง่ายแค่ไม่กี่ก้าว อีกทั้งยังมี Wifi ฟรีที่ตู้เสบียงอีกด้วย แต่.. เน็ตไม่ดีเลยแจ่ะ ต่อ hotspot จากมือถือคือเร็วกว่า

ในตู้เสบียงจะมีโต๊ะให้นั่งอยู่ไม่กี่โต๊ะว่ะแก โต๊ะนึงจะนั่งได้ 4 คน แล้วมันไม่พอรองรับคนที่เข้ามาหาของกินได้ทุกคนไง มึงอาจจะต้องแบกอาหารกลับไปกินที่นอนของตัวเองแทน แต่นี่จะกินที่นี่ ก็แจมกับคนที่นั่งคนเดียวนั่นแหละ ขอเค้านั่งด้วยเล้ย เค้าให้อยู่แล้ว และที่นี่สังเกตดู คนส่วนมากที่มานั่งชิลในนี้คือฝรั่งแหะ ฝรั่งที่ต่างคนต่างไม่รู้จัก เค้าจะมานั่งซื้อของกินแล้วมานั่งกินจับกลุ่มคุยกันที่นี่ ทั้งที่เจอกันครั้งแรกในรถไฟนี่แหละ นั่งอยู่ตู้เนี๊ยะ ฟีลเหมือนเที่ยวอยู่เมืองนอก เพราะคนไทยไม่ค่อยมีเลย 55555555

ที่นี่อาหารราคาไม่แรง สามารถอิ่มสบายท้องได้แบบกระเป๋าตังค์ไม่แฟ่บ มีทั้งเครื่องดื่ม-กาแฟ (35-65 บาท) ข้าวกล่อง (55-59 บาท) ขนมจีบ ซาลาเปา (20-30 บาท/ไม้,ลูก)  ขนม และของใช้ส่วนตัว แทบจะเป็นเซเว่นเล็กๆในรถไฟ เสียดาย อาหารที่เสิร์ฟเป็นแบบแช่แข็ง มาอุ่นไมโครเวฟ

แต่ก็เข้าใจมากนะ ว่าทำไมถึงต้องใช้แบบอุ่นไม่โครเวฟ เพราะคนแม่งเยอะมากมึง ต่อคิวกันยาวงี้เลยจริงๆ ถ้าให้มาปรุงอาหารสดๆหลังครัว แน่นอนว่าเสริฟไม่ทัน สรุปแล้วสั่งนี่มา ข้าวกระเพราไก่ ข้าวหมูกระเทียม ขนมจีบกุ้ง-หมู และกาแฟลาเต้เย็น

บอกเลย อาหารมันฟีลเหมือนเซเว่นนั่นแหละ ของที่นำมาเสิร์ฟในรถไฟ ก็มาจากซีพีนี่แหละจาาา แหมมม มิน่าล่ะ คล้ายๆตอนไปซื้อเซเว่นกินแหะ แต่ถามว่าแย่มั้ย มันไม่แย่นะเว้ย มันก็อร่อยในแบบอาหารอุ่นไม่โครเวฟ มันโอเครสำหรับเรา 🙂

เตรียมตัวนอน

หลังจากกินอะไรเสร็จแล้ว ก็กลับเข้ามายังเตียงของเรา เวลาประมาณ 2 ทุ่มจะมีเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟมากางเตียงชั้นบนให้เรา และแปลงร่างที่นั่งคู่ชั้นล่างให้กลายเป็นเตียงล่าง วางเบาะนอนและปูผ้าคลุมพร้อมวางหมอนและผ้าห่ม ติดม่านปิดเตียงพร้อมนอนได้เลย

ความยาวเตียง ผมสูง 177 ซม. เท้าติดล่าง หัวเกือบติดบนที่กั้นเลย แสดงว่าใครสูงเกิน 180 ซม. อาจไม่สบายตัวหน่อย เพราะอาจต้องนอนงอขา หรือหดตัวกันบ้าง

ช่วงหลังจากพี่เจ้าหน้าทีรถไฟกางเตียงให้เราเสร็จเรียบร้อยนี่แหละ คนก็จะเริ่มเข้ามุม เข้าเตียง ปิดม่านของตัวเองแล้วมึง จะนอน จะทำไรหลังม่านก็ว่ากันไป และทางเดินตรงกลางนี้จะยังเปิดไฟตลอดทั้งคืนอยู่ แสงมันผ่านม่านเข้ามาค่อนข้างสว่างเลยแหละ โดยเฉพาะคนนอนเตียงบน นี่อาจจะนอนไม่หลับ เพราะไฟบนเพดานมันแยงตามาก ส่วนเตียงล่างดีหน่อย เป็นสีส้มนวลๆให้หลับได้ ทีนี้ล่ะ ตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างนอนแจ้

รุ่งเช้าก่อนถึงเชียงใหม่

นอนหลับๆ ตื่นๆ ถึงประมาณตี 5  ก็ตื่นและ สะลึมสะลือไปแปรงฟัน ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น จากนั้นก็เดินไปตู้เสบียงหาไรกินเลยแจ้ สั่งกาแฟแล้วนั่งชิลกินที่ตู้นี้แหละ วิวข้างทางรถไฟแม่งฟินมาก นั่งไปเรื่อยๆจนพระอาทิตย์ขึ้น และนั่งเรื่อยๆจนเกือบถึงเชียงใหม่ สุดท้ายเราไปถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ เวลาประมาณ 7.20น. ดีเลย์จากที่เขียนไว้ประมาณ 10 นาที เห้ย แม่งจิ๊บจ๊อย เราโอเค 55555555

สรุป

เราโคตรชอบรถไฟขบวนใหม่นี้เลยว่ะ ถึงแม้จะขึ้นรถไฟไม่กี่ครั้งในชีวิต แต่เรากลับหลงรักชีวิตหนึ่งคืนในรถไฟ มันเป็นฟีลที่แกไม่เร่งรีบ นั่งเรื่อยๆ หาไรทำเรื่อยเปื่อย แล้วนอนข้ามคืนไปยังเชียงใหม่ ซึ่งเราว่ามันได้อยู่กับตัวเองดี สำหรับใครที่เร่งรีบ เราไม่แนะนำให้ใช้รถไฟ แต่ถ้าใครอยากอยู่กับตัวเองเรื่อยๆ รถไฟเป็นตัวเลือกนึงที่แม่งโอเคเลย แล้วรถไฟก็ถือเป็นยานพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดด้วยนะมึ้งงงง ปลอดภัยหายห่วง

สำคัญสุด ช่วยกันอุดหนุนรถไฟไทยกันหน่อยเนอะ เราคิดว่ามันดี เราก็อยากดันให้คนรู้จัก เลยเกิดมาเป็นรีวิวนี้ หากใครว่างๆ ก็มานั่งรถไฟไปเที่ยวกันเถอะครับ 😀