Club Med Grand Massif Samoëns Morillon อีกหนึ่งสกีรีสอร์ตของคลับเมด (Club Med) บนเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศส (French Alps) ที่ใครอยากได้ไวบ์ของการเข้าพักท่ามกลางบรรยากาศของภูเขาที่โอบล้อมไปด้วยหิมะ มาพร้อมกิจกรรมกลางแจ้งอย่างการเล่น สกี (Ski) และ สโนว์บอร์ด (Snowboard) ครบครันไปด้วยเรื่องกิน ดื่ม และเอนเตอร์เทนแบบจัดเต็ม Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ตอบทุกสิ่งที่ก๊อตพูดมาเลย รีวิวนี้ก๊อตขอชวนทุกคนเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วออกเดินทางบินข้ามทวีปไปเที่ยวด้วยกันใน Club Med Grand Massif Samoëns Morillon จะมีเรื่องราวอะไรใหม่ๆ ให้เราได้เปิดประสบการณ์กันบ้าง มาสัมผัสไปพร้อมๆ กันกับก๊อตเลย
สารบัญ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon
- รู้จักกับ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon
- วิธีการเดินทางจากสนามบิน > Club Med Grand Massif Samoëns Morillon
- Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ที่มาพร้อม All-inclusive
- เริ่มสำรวจ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon และสิ่งอำนวยความสะดวกกันเลย
- กีฬาและกิจกรรม (Land Sports & Leisure) หน้าหนาว
- สระว่ายน้ำ (Swimming Pools)
- Club Med Spa by Sothys
- สโมสรสำหรับเด็ก (Kids’ Clubs)
- บาร์ (Bars) และ เธียร์เตอร์ (Theatre)
- ห้องพัก Club Med Grand Massif Samoëns Morillon
- ห้องพักแบบซูพีเรีย (Superior Room)
- ห้องพักแบบสวีท (Suite Room)
- ห้องพักโซน Exclusive Collection: Chalet-Apartments
- ห้องอาหารโคซี่ เมาน์เทน (Cos (Cosy Mountain)
- ห้องอาหารสกายไลน์ (Skyline)
- สรุปการเข้าพักที่ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon
รู้จักกับ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon
Club Med Grand Massif Samoëns Morillon อีกหนึ่งรีสอร์ตแบบออลอินคลูซีฟ (All-inclusive) ระดับพรีเมียมของคลับเมด (Club Med) ที่มีอยู่กว่า 70 แห่งทั่วโลก ครอบคลุม 32 ประเทศใน 5 ทวีป โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ รีสอร์ตริมทะเล (Sun Resorts) และรีสอร์ตบนภูเขา/สกี (Snow Resorts) โดย คลับเมด (Club Med) นั้น เปิดกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ก่อตั้งโดย Gérard Blitz ชาวเบลเยียม ที่ในช่วงเวลานั้นเค้ามีแนวคิดว่า วันหยุดพักผ่อนควรเป็นช่วงเวลาที่คนได้ปลดปล่อยตัวเองอย่างแท้จริง ทำให้เลือกที่จะเปิดคลับเมด (Club Med) ขึ้นมา โดยรีสอร์ตแห่งแรกที่เปิด ถูกสร้างอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ บนชายหาดที่มายอร์กา (Mallorca) ของสเปน ก่อนจะได้รับความนิยม และเริ่มขยับขยายไปเปิดในสถานที่อื่นๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันนี้ คลับเมด (Club Med) กลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว รวมถึงสายกิจกรรมจากทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้
สำหรับ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon นั้น ถือเป็นสกีรีสอร์ตที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเดส์แซกซ์ (Plateau des Saix) ที่ความสูง 1,600 เมตร ในเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศส (French Alps) โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองอานน์ซี (Annecy) ของฝรั่งเศส และกรุงเจนีวา (Geneva) ของสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งยังอยู่ท่ามกลางพื้นที่สกีแกรนด์ มาสซิฟ (Grand Massif) ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่สกีที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส โดยมีเส้นทางสกีที่ยาวเชื่อมต่อกันได้ถึง 265 กิโลเมตรเลยทีเดียว โดย Club Med Grand Massif Samoëns Morillon เปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2017 ภายใต้การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิลล่าขนาดใหญ่ ซึ่งผสมผสานเข้ากับเสน่ห์แบบดั้งเดิมของภูมิภาคซาวอย (Savoyard) ได้อย่างลงตัว ยังไม่หมดเท่านั้น Club Med Grand Massif Samoëns Morillon เป็นที่พักแบบ Ski-in/Ski-out โดยอยู่ติดกับลานสกี ที่เพียงแค่ก้าวเท้าออกจากที่พักก็ได้เล่นสกีกันแล้ว
ปัจจุบันนี้ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon เรียกได้ว่าเป็นรีสอร์ตสกีของ คลับเมด (Club Med) ที่เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนของครอบครัว คู่รัก หรือกลุ่มเพื่อน ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์สกีและการพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศของเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศส (French Alps) ท่ามกลางธรรมชาติและขุนเขาอันตระการตานั่นเอง
วิธีการเดินทางจากสนามบิน > Club Med Grand Massif Samoëns Morillon
สำหรับการเดินทางจากสนามบินไปยัง Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ของก๊อตนั้น เนื่องจากสนามบินที่อยู่ใกล้มากที่สุดคือ ท่าอากาศยานนานาชาติเจนีวา (Geneva Airport) ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก๊อตจึงบินจากไทยมาลงที่นี่ เพราะ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ตั้งอยู่ใกล้แนวชายแดน 3 ประเทศ คือฝรั่งเศส อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ หากใครที่จะมาพักที่นี่ การเลือกบินมาลงที่เจนีวาจะช่วยประหยัดเวลาในการทางได้มากกว่าบินมาลงในฝรั่งเศสนั่นเอง โดยทุกคนสามารถใช้วิธีการเดินทางต่อไปยัง Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ตามด้านล่างนี้ให้ได้เลย
- จองรถรับส่งจาก Club Med (แนะนำที่สุด): โดย Club Med Grand Massif Samoëns Morillon เค้าจะมีบริการรถรับส่งทั้งแบบ Private และ Shared Shuttle Service ที่จะมารับเราจากจากสนามบินเจนีวา มาส่งยังรีสอร์ตเลย ซึ่งใครจะใช้บริการนี้ ในตอนที่จองที่พักมา ให้จองรถรับส่งเพิ่มไว้ด้วยเลย ราคาจะขึ้นอยู่กับประเภทของรถที่เราเลือก และจำนวนคนที่มา ซึ่งรถเค้าจะมารอรับที่สนามบิน เมื่อเราแลนด์และออกมายังพื้นที่ขาออกของสนามบินแล้ว ด้านในจะมีเคาน์เตอร์ Club Med โดยเฉพาะเพื่อรอรับแขกและพาเราไปส่งถึงหน้ารีสอร์ตนั่นเอง โดยจะใช้เวลานั่งรถประมาณ 1.15 ชั่วโมง
- เช่ารถขับเองจากสนามบินเจนีวา: หากใครมากันเป็นก๊วนแล้วโร้ดทริปเที่ยว สามารถเลือกวิธีนี้ได้ แต่เราจะต้องเช็คให้ดีก่อนว่า บริษัทรถที่เราเช่านั้น เค้าอนุญาตให้นำรถข้ามจากฝั่งสวิสมาฝรั่งเศสหรือไม่ หากไม่ติดอะไรก็เช่ารถขับข้ามมาได้เลย โดยเส้นทางจะอยู่ที่ประมาณ 70-80 กิโลเมตร ก๊อตแนะนำว่าหากใครมาเที่ยวหน้าหนาวเหมือนกันนั้น ให้เลือกรถที่เค้าติดยางหิมะ/โซ่ เพราะมันต้องมีการขับขึ้นเขามาพอสมควรเลย
- นั่งรถไฟ > รถบัส: วิธีนี้เหมาะกับคนมีเวลาเยอะ และอยากเซฟงบ โดยเราสามารถนั่งรถไฟจากสนามบินมาลงที่สถานี Cluses ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นให้ต่อรถชัตเติ้ลบัสของ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ขึ้นเขาอีกประมาณ 30-40 นาที ก็ถึงรีสอร์ตแล้ว โดยวิธีนี้แนะนำให้เช็คตารางรถไฟ และรอบรถชัตเติ้ลบัสให้ดี เพื่อที่เราจะได้กะเวลาเดินทางให้ถูก ไม่ต้องรอนาน
Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ที่มาพร้อม All-inclusive
สำหรับคนที่เข้าพักใน Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ทุกการจองเข้าพักที่นี่ของเรานั้น ทางรีสอร์ตเค้าจะรวมโปรแกรม All-inclusive เข้ามาให้ด้วย ซึ่งมันคือแพ็กเกจที่รวมทุกอย่างไว้แล้วในราคาที่เราจ่ายไปตอนจองห้องพัก โดยเราจะได้พักในห้องนอนแบบที่เลือก พร้อมกับการเล่นกิจกรรมและคลาสต่างๆ บนลานสกี ได้กินอาหาร และเครื่องดื่ม ไปจนถึงกิจกรรมบันเทิงต่างๆ ภายในรีสอร์ตได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มนั่นเอง โดยก๊อตแยกเป็นแต่ละหัวข้อมาให้ตามด้านล่าง เพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นภาพรวมของ All-inclusive มากขึ้นนั่นเอง
- ได้เข้าพักในห้องพักระดับพรีเมียม ซึ่งจะมีให้เลือกหลายประเภท อีกทั้งยังมีห้องพักในโซน Exclusive Collection กับชาเลต์หรูที่พิเศษมากกว่าเดิม
- ได้กินอาหารแบบไม่อั้น (Full Board) รวม 3 มื้อหลัก คือ อาหารเช้า กลางวัน เย็น ที่ห้องอาหารของ Cosy Mountain รวมถึงมีอาหารว่าง ชาและกาแฟ ให้ทานตลอดทั้งวัน
- สามารถสั่งเครื่องดื่มได้ไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นไวน์ เบียร์ ค็อกเทล น้ำผลไม้ ชา กาแฟ *แต่จะมีเครื่องดื่มพรีเมียมบางรายการที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มต่างหาก
- เล่นกีฬาและกิจกรรมต่างๆ ได้ฟรี ทั้งสกี (Ski), สโนว์บอร์ด (Snowboard) และการปีนเขาบนหิมะ (Snowshoe Hikes) ซึ่งแขกเข้าพักทุกคนจะได้สกีพาสสำหรับพื้นที่สกีแกรนด์ มาสซิฟ (Grand Massif) เอาไว้แล้ว อีกทั้งยังรวมการขึ้นลิฟต์สกีได้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง และยังมีครูมาสอนในแต่ละคลาสให้ฟรีอีกด้วย
- กิจกรรมอื่นๆ เช่นโชว์การแสดงตอนเย็น เข้าสระว่ายน้ำ ทำเวิร์กช็อปต่างๆ และอื่นๆ ภายในรีสอร์ตก็ยังรวมอยู่ใน All-inclusive ด้วยเช่นกัน ยกเว้นสปาที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามา
เริ่มสำรวจ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon และสิ่งอำนวยความสะดวกกันเลย
เมื่อทุกคนเดินทางผ่านเส้นทางอันคดเคี้ยวของเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศสขึ้นมาเรื่อยๆ ท่ามกลางวิวของภูเขาที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะราวกับโลกในจินตนาการ เราก็มาถึง Club Med Grand Massif Samoëns Morillon สกีรีสอร์ตที่มาพร้อมกิจกรรมหน้าหนาวสนุกๆ และสารพัดสิ่งอำนวยความสะดวก ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่พักผ่อนบนเทือกเขาที่ครบจบในที่เดียวแบบที่เราไม่ต้องออกไปเที่ยวยังที่อื่นๆ ก็อยู่ได้สบายๆ เพราะเค้ามีกิจกรรมให้เล่นเพียบ ไม่ว่าจะเป็นสกี สโนว์บอร์ด รวมถึงโชว์สนุกๆ อย่างการแสดงพลุ และโชว์เอนเตอร์เทนต่างๆ พร้อมทั้งมีอาหาร และเครื่องดื่มที่จัดหนักแบบจุกๆ ให้เราได้ใช้บริการแบบจุใจ นอกจากนี้ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ยังมีพื้นที่สำหรับเด็ก และกิจกรรมอื่นๆ ให้ได้มาลองทำอีกเพียบ ดั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนที่มาพักผ่อนแบบครอบครัว คู่รัก หรือเพื่อนชาวแก๊งนั้นคือได้หมดจริงๆ
ทันทีที่ก๊อตก้าวเท้าเข้ามาในล็อบบี้ สิ่งแรกที่ห้อมล้อมตัวก๊อตไว้ ไม่ใช่ความอบอุ่นจากฮีทเตอร์ด้านใน แต่กลับเป็นกลิ่นอายของการพักผ่อน ที่เราสัมผัสได้ตั้งแต่แรกเห็น โดยล็อบบี้ของ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon กว้างขวาง โล่ง และโปร่งสบาย ผ่านไม้โทนอ่อนที่ตัดเข้ากับผนังหินในสไตล์โมเดิร์น ที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น ทว่าดูเรียบหรูในเวลาเดียวกัน บริเวณตรงกลางของล็อบบี้นั้น มีชุดโซฟานุ่มๆ ให้แขกเหรื่ออย่างเราได้มานั่งหย่อนก้นพักกาย ติดกับโซนล็อบบี้มีบาร์ให้เราได้สั่งเครื่องดื่มมานั่งจิบท่ามกลางวิวภูเขาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ท่ามกลางแสงธรรมชาติสีนวลตาที่ลอดผ่านกระจกบานใสเข้ามา ทำให้เรามองออกไปเห็นวิวของยอดเขาต่างๆ ได้แบบสุดสายตาอีกด้วย
นอกจากนี้หากเรามองไปยังผนังรอบๆ และของตกแต่งดีๆ จะเห็นภาพของกวาง และลวดลายป่าไม้ รวมถึงการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสายโค้งเหมือนกิ่งไม้ และเขากวางอยู่ด้วย โดยเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศส (French Alps) และแถบแกรนด์ มาสซิฟ (Grand Massif) เป็นถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติของสัตว์อย่าง กวางแดงยุโรป (Red Deer) ดังนั้น กวางจึงถือเป็นสัญลักษณ์ที่รีสอร์ตเค้าหยิบยกมาใช้ให้ผู้คนได้รู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้คือที่หลบภัยในฤดูหนาว เหมือนกวางหาที่พักในป่าหิมะนั่นเอง บรรยากาศทั้งหมดนี้ถือเป็นเหมือนคำทักทายแรกจากเจ้าถิ่นที่ช่วยให้เรารู้สึกอบอุ่นได้เป็นอย่างดี
กีฬาและกิจกรรม (Land Sports & Leisure) หน้าหนาว
สำหรับกีฬาและกิจกรรมใน Club Med Grand Massif Samoëns Morillon แน่นอนว่าเค้าเป็นสกีรีสอร์ต จะเป็นกิจกรรมอย่างอื่นไม่ได้เลย หากไม่ใช่ สกี (Ski), สโนว์บอร์ด (Snowboard) และ Snowshoe Hikes ซึ่งทั้ง 3 กิจกรรมนี้ จะมาในรูปแบบคลาสที่มีการแยกเลเวลต่างๆ ตั้งแต่คนที่ไม่มีประสบการณ์ไปจนถึงเทพสนามเล่นได้ชิลๆ ซึ่งทุกคลาสนั้นเค้าจะมีคุณครูมืออาชีพที่มีใบรับรองจาก ESF (École du Ski Français) หรือโรงเรียนสอนสกีแห่งฝรั่งเศส มาคอยดูแลเราอย่างใกล้ชิดอีกด้วย โดยการเล่นกิจกรรมก๊อตแนะนำให้เลือกเล่นไปเลยอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะตั้งแต่เริ่มคลาสไปจนถึงวันที่เราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม เราจะได้ค่อยๆ พัฒนาสกิลการเล่นไปกับคุณครูและเพื่อนร่วมคลาสคนเดิมนั่นเอง
โดยกิจกรรมที่ก๊อตเลือก คือ สโนว์บอร์ด (Snowboard) ซึ่งเล่นได้ตั้งแต่เด็กอายุ 8 ปี ขึ้นไป หากใครที่ไม่มีชุดเตรียมพร้อมมาสำหรับเล่นสโนว์บอร์ดไม่ต้องกังวลไป เพราะภายในรีสอร์ตมีช็อปให้เราได้ช้อปชุด และอุปกรณ์การเล่นแบบครบวงจร โดยสิ่งที่เรายืมได้จากรีสอร์ตนั้นคืออุปกรณ์การเล่น อย่างเช่น บอร์ด แผ่นสกี รองเท้าสโนว์บอร์ด/สกี ไม้สกี หรือหมวกกันน็อคเท่านั้น โดยข้าวของทั้งหมด เราสามารถนำมาเก็บไว้ในตู้ล็อกเกอร์ที่ชั้นเล่นกิจกรรม ตู้เค้าจะมีป้ายเลขห้องชัดเจน ซึ่งเราสามารถใช้ริสแบนด์ของเราที่ได้ตั้งแต่เช็คอินแตะที่ตู้ได้เลย
สำหรับกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็น สกี (Ski), สโนว์บอร์ด (Snowboard) และ Snowshoe Hikes จะเริ่มประมาณ 9.00-09.30น. ซึ่งเราก็สามารถเข้าคลาสได้เลย โดยเค้าจะแบ่งเลเวลให้ หากใครที่ไม่มีประสบการณ์การเล่นมาก่อนก็ไม่ต้องห่วง เพราะอย่างก๊อตเองก็ได้มาเล่นสโนว์บอร์ดที่นี่ครั้งแรก ซึ่งเราจะได้เรียนรู้ขั้นตอนการเล่นทั้งหมดจากคุณครู ก่อนที่จะได้เริ่มเล่นสโนว์บอร์ดท่ามกลางลานสกีกันแบบจริงจัง ซึ่งการจะเข้าลานสกีนั้นก็ไม่วุ่นวาย เพราะทุกคนที่เข้าพักใน Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ทางรีสอร์ตเค้ารวมสกีพาสเอาไว้ใช้ตอนขึ้นลิฟต์สกี หรือกระเช้า ซึ่งสามารถใช้บัตรนี้แตะผ่านเข้าไปได้ทั้งหมดได้เลย คือสะดวกม๊าก
ส่วนตัวก๊อตนั้น การได้ลองเล่นสโนว์บอร์ด ถือเป็นกิจกรรมใหม่และเปิดโลกสุดๆ ด้วยความที่ตอนเล่นสกีมันเหมือนเราบังคับทิศทางด้วยขาทั้งสองข้าง แต่สโนว์บอร์ดคือผิดไปจากนั้นมาก เพราะเราต้องใช้ทั้งตัวในการทรงตัวและบังคับทิศทาง เหมือนเราเล่นเซิร์ฟอยู่กลางทะเล แต่เปลี่ยนมาเป็นสโนว์บอร์ดกลางหิมะแทน มันเลยค่อนข้างใช้แรงกายและแรงใจเยอะพอสมควร แต่โดยรวมคือสนุกและมันส์โคตรๆ ยิ่งตอนได้ไถตัวเองลงมาตามเนินหิมะขาวๆ ท่ามกลางวิวหุบเขาสวยๆ เป็นความรู้สึกประทับใจแบบที่ว่ากลับมาถึงไทยแล้วยังคงเป็นช่วงเวลาที่ดีอยู่ในความทรงจำเลย
สระว่ายน้ำ (Swimming Pools)
หนึ่งในไฮไล์ของ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย หากไม่ใช่สระว่ายน้ำซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง 3 แบบ คือ สระแบบอินดอร์, เอาท์ดอร์ พลู และจากุชชี่เอาท์ดอร์ โดยความอลังคือตัวสระแบบอินดอร์ที่มาพร้อมผนังกระจกใสที่สูงจากพื้นจรดเพนดาน ทำให้เวลามาลงว่ายน้ำ หรือแช่ตัว เราจะได้อยู่ท่ามกลางวิวของภูเขาที่มีหิมะปกคลุม รายล้อมไปด้วยท้องฟ้าสีสันสดใส อย่างกับมีภาพวาดธรรมชาติขนาดยักษ์ให้ดูอยู่ตรงหน้า
โดยบริเวณรอบๆ สระน้ำมีเตียงเดย์เบดนุ่มๆ ถูกจัดวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับมีมุมกระโจมฟีลเหมือนแคมปปิ้งให้เราได้เข้าไปนั่งพักผ่อน ซึ่งความเริ่ดของสระว่ายน้ำแห่งนี้คือ หากใครมาเล่นช่วงกลางวันจะได้สัมผัสกับแสงแดดในฤดูหนาวที่สาดส่องผ่านกระจกใสเข้ามาให้ได้รู้สึกอุ่นวาบไปตามผิวกาย แต่หากมาในช่วงเย็น บรรยากาศภายในสระจะดูอบอุ่นโรแมนติกด้วยแสงไฟที่ถูกปรับลดทอแสงลงมานั่นเอง นอกจากบรรยากาศดีๆ ที่นี่ยังมีโซนสระเด็ก พร้อมพื้นที่เล่นให้น้องๆ หนูๆ ได้เข้ามาปลดปล่อยจินตนาการอีกด้วย เรียกได้ว่าบ้านไหนมาเที่ยวกันเป็นครอบครัว สามารถมาใช้เวลาภายในสระร่วมกันได้
สำหรับบริเวณด้านนอกติดกับสระว่ายน้ำนั้น เค้ายังมีสระว่ายน้ำและจากุชชี่เอาท์ดอร์ อีกด้วย ใครมาเที่ยวช่วงหน้าหนาวเหมือนก๊อต หลังจากเล่นสกีหรือสโนวบอร์ดเสร็จ แนะนำให้มาแช่น้ำอุ่นๆ ท่ามกลางไอควันสีขาวพวยพุ่ง ที่ห้อมล้อมไปด้วยวิวของเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุม บอกเลยว่าความเมื่อยเท้านั้นหายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ
Club Med Spa by Sothys
หากใครที่ใช้เวลาตลอดทั้งวันอยู่กับการเล่นหิมะ หรือกิจกรรมอื่นๆ จนรู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้าและอยากจะฮีลให้กลับมาซู่ซ่าเหมือนเดิม ให้พุ่งตัวมาที่ Club Med Spa by Sothys ได้เลย แต่แพ็คเกจสปาจะไม่ได้รวมอยู่ใน All-inclusive ดังนั้น เราจะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อเข้าใช้บริการ ซึ่งความโดดเด่นของสปาที่นี่คือเค้าใช้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์สปาและสกินแคร์ระดับไฮเอนด์จากฝรั่งเศส มาทำทรีทเมนต์ต่างๆ ให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็น การนวดผ่อนคลายหลังเล่นสกี, ทรีตเมนต์บำรุงผิวหน้าจากสมุนไพรหายาก, หรือบอดี้สครับสูตรพิเศษเหมาะกับอากาศหนาวๆ ในสปาที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีเรียบให้ฟีลเงียบสงบผ่อนคลาย
สำหรับห้องสปาภายใน Club Med Spa by Sothys เค้าจะมีห้องหลายแบบให้เราได้เลือก ซึ่งในบางห้องนั้น พิเศษสุดๆ เพราะมาพร้อมวิวเทือกเขาแอลป์ให้ได้ดื่มด่ำกับแบบฟิน อีกทั้งบางห้องยังมีจากุชชี่ให้ได้แช่ตัว ท่ามกลางหิมะสีขาวโปรยปรายด้านนอกหน้าต่างอีกด้วย ใครที่อยากมาผ่อนคลายร่างกายไปกับผลิตภัณฑ์ดีๆ ในบรรยากาศสุดแสนจะผ่อนคลาย สามารถเข้ามาใช้บริการใน Club Med Spa by Sothys ได้เลย
สโมสรสำหรับเด็ก (Kids’ Clubs)
สำหรับครอบครัวที่มาเข้าพักยัง Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ที่นี่เค้ายังมี สโมสรสำหรับเด็ก (Kids’ Clubs) พื้นที่แห่งจินตนาการที่ให้เด็กๆ ได้เข้ามาโลดแล่นและเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ผ่านโซนกิจกรรมตามวัยตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ไปจนถึง 17 ปี ท่ามกลางห้องที่ถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ โซน ภายในตกแต่งด้วยพรมหนานุ่ม และเฟอร์นิเจอร์สุดน่ารัก มาพร้อมเครื่องเล่นต่างๆ ให้เด็กๆ ได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ไปด้วยกัน
ภายใน สโมสรสำหรับเด็ก (Kids’ Clubs) แต่ละโซนนั้น จะมีทีมดูแลเด็กจากทางรีสอร์ตประจำการอยู่ โดยทีมงานเหล่านี้จะเป็นผู้เข้ามาช่วยดูแลเด็กๆ พร้อมทั้งสอนพัฒนาการต่างๆ เสมือนอยู่ในโรงเรียน โดยข้อดีของ สโมสรสำหรับเด็ก (Kids’ Clubs) คือ หากเด็กๆ ไม่อยากไปทำกิจกรรมอย่างพวกการเล่นสกีร่วมกับพ่อแม่ เราสามารถเอาพวกเค้ามาฝากเลี้ยงไว้ที่นี่ได้เลย ทีนี้เด็กๆ ก็จะได้ใช้เวลาไปกับกิจกรรมอย่างเต็มที่ รวมถึงพ่อแม่ก็ได้มีเวลาส่วนตัวกันอีกด้วย
บาร์ (Bars) และ เธียร์เตอร์ (Theatre)
มาถึงสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะ และความคึกคัก มันส์สุดเหวี่ยงใน Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ก๊อตขอยกให้กับ บาร์ (Bars) และ เธียร์เตอร์ (Theatre) โซนเอนเตอร์เทนที่มีอะไรให้เรามาทำเยอะแยะมาก โดยก๊อตขอเริ่มจาก บาร์ (Bars) ที่จะมีอยู่ด้วยกัน 3 บาร์หลักๆ คือ The Carillon บาร์หลักของรีสอร์ตที่อยู่ในชั้นเดียวกับล็อบบี้ โดดเด่นด้วยพื้นที่เปิดโล่งที่อบอุ่นด้วยแสงไฟนวลๆ ท่ามกลางบาร์ยาวที่เต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมายอยู่แทบจะตลอดทั้งวัน โดยในช่วงเช้าๆ จะมีแขกมานั่งจิบชา กาแฟ และเครื่องดื่มร้อนๆ แต่พอตกเย็นมาที่นี่ก็กลายเป็นสถานที่สังสรรค์ของบรรดาแขกเหรื่อมากมายที่พากันมานั่งดื่ม นั่งชิลกันอย่างเนืองแน่นนั่นเอง ใครชอบความม่วนจอยมันส์ๆ แนะนำ The Carillon เลย
ถ้าใครอยากดื่มด่ำกับวิวของภูเขาสวยๆ ให้มาที่ Skyline Bar ได้เลย โดยบาร์แห่งนี้จะเว่อร์วังไปด้วยวิวจากกระจกใสที่สูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้เราสามารถมองออกไปเห็นวิวของเทือกเขาแอลป์ได้แบบเต็มสายตา เป็นอีกหนึ่งบาร์ที่เหมาะกับการมานั่งจอยๆ ปล่อยใจในตอนพลบค่ำ ดื่มด่ำกับแสงสีทองสุดท้ายของวันที่ค่อยๆ ลาลับหายไปกับเทือกเขานั่นเอง
มาถึงโซนที่สนุกไม่แพ้ใครเลยก็คือ เธียร์เตอร์ (Theatre) ที่อยู่เคียงข้างถัดจากบาร์หลัก โดยที่นี่จะเป็นเหมือนพื้นที่ให้เราได้หลุดเข้ามาในโถงของโรงละคร บรรยากาศภายในกว้างขวางมีเก้าอี้เรียงรายเป็นชั้นๆ ให้เราได้เลือกนั่งโดยไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใคร ใจกลางของโซนคือเวทียกสูงจากพื้น ซึ่งในแต่ละค่ำคืนนั้น จะมีนักแสดง นักร้อง ดีเจ รวมถึงพนักงานของรีสอร์ตมาโชว์การแสดงต่างๆ ให้เราได้รับชมหมุนเวียนกันไป เป็นโซนที่หากเราเข้าพักติดกันหลายๆ คืนนั้น การแสดงที่ได้รับชมแต่ละวันจะไม่เหมือนกันเลยทีเดียว
ความพิเศษในตอนที่ก๊อตไปนั้น ทางรีสอร์ตเค้ามีกิจกรรมจุดพลุที่บริเวณลานด้านนอก ให้เราได้มานั่งชมชิลๆ กันอีกด้วย ซึ่งคนก็มารอดูกันแบบแตกแตนมาก ยังไม่หมดเท่านั้น เค้ายังมีการฉลองรินแชมเปญไหลลงมาเป็นน้ำตกให้ได้ตื่นตาตื่นใจอีกด้วย ถือเป็นโชว์ที่เรียกเสียงเฮฮาจากผู้คนได้ล้นหลามเลยทีเดียว ซึ่งนี่ก็คือความสนุกที่ก๊อตได้รับจาก เธียร์เตอร์ (Theatre) พื้นที่ที่ทุกคนได้มาแบ่งปันเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และช่วงเวลาอบอุ่นร่วมกันนั่นเอง
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ห้องพัก Club Med Grand Massif Samoëns Morillon
มาถึงการสำรวจห้องพักของ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon กันบ้าง ที่นี่มีห้องพักอยู่ 2 โซนหลักๆ คือโซนห้องพักปกติที่ก๊อตเข้าพักซึ่งจะแบ่งห้องพักออกเป็น 3 แบบ คือ Superior Room ซึ่งจะมีขนาดตั้งแต่ 24-50 ตารางเมตร ห้องพักสไตล์มินิมอล อบอุ่นแบบชาเลต์สมัยใหม่ มาพร้อมวิวภูเขา หรือวิวลานสกีให้ได้เลือกเข้าพัก เหมาะกับทั้งคู่รัก หรือครอบครัวเล็กๆ แบบต่อมาคือ Deluxe Room มีขนาดตั้งแต่ 28-56 ตารางเมตร เป็นห้องพักที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องกว้างขึ้น มีห้องนั่งเล่น และโซฟาที่ปรับเป็นเตียงเสริมได้ อีกทั้งวิวในบางห้องยังมองเห็นเทือกเขาแอลป์ได้แบบเต็มสายตา ปิดท้ายด้วยห้อง Suite Room มีขนาดตั้งแต่ 41-51 ตารางเมตร ห้องสูทที่มาในขนาดกว้างขวาง พร้อมโซนนั่งเล่นแยกออกจากโซนห้องพัก อีกทั้งมีระเบียงส่วนตัว ท่ามกลางวิวสุดอลังของภูเขาและหิมะที่ปกคลุมนั่นเอง
ส่วนอีกโซนห้องพักของ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon จะเรียกว่า Exclusive Collection โดยเป็น Chalet-Apartments ชาเลต์ส่วนตัวที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาโดยแยกออกไปจากตัวตึกหลัก โดยมีห้องพักแบบ 2-5 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 80-193 ตารางเมตร ที่ราคาเข้าพักต่อคืนจะสูงกว่าในโซนปกติ แต่เหมาะกับคนที่อยากอยู่เป็นส่วนตัว ซึ่งก๊อตจะพาไปส่องแบบลงลึกทุกโซนเล้ย
ห้องพักแบบซูพีเรีย (Superior Room)
มาถึงห้องที่ก๊อตเข้าพักแล้ว กับห้องพักในโซนปกติ ไทป์ห้องแบบบ ซูพีเรีย (Superior Room) ที่ชื่อ Superior Room – Balcony เป็นห้องพักขนาด 25 ตารางเมตร มาพร้อมระเบียงส่วนตัว เหมาะกับการเข้าพัก 1-2 คน ภายในห้องพักตกแต่งด้วยสไตล์มินิมอลเรียบง่ายในโทนสีขาว และครีมเป็นหลัก ให้ฟีลร่วมสมัยด้วยลวดลายกราฟฟิกเก๋ๆ ตามประตูห้องน้ำ และของตกแต่ง โดยพื้นที่ของห้องไม่ได้กว้างมาก แต่ก็ไม่ได้แคบจนวางกระเป๋าเดินทางไม่ได้ ส่วนตัวก๊อตคิดว่าขนาดกำลังโอเคเลยหากมากันสองคน
ส่วนของใช้ภายในห้องพัก ก็มีครบครันตั้งแต่ เตียงนอนหนาหนุ่ม และโต๊ะข้างเตียงที่มีโทรศัพท์ไว้ติดต่อภายใน รวมถึงยังมีทีวี Wi-fi กาต้มน้ำ ไปจนถึงเตารีด ตู้เซฟ และเครื่องทำความร้อน คือมีครบจบให้เราได้ใช้กันแบบสะดวกสุดๆ ส่วนห้องน้ำเค้าก็มีไดร์เป่าผม แชมพู เจลอาบน้ำ โลชั่น รองเท้าแตะ พร้อมราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้เสร็จสรรพ และหากใครอยากซักเสื้อผ้า ที่รีสอร์ตเค้ามีบริการซัก อบ แห้งให้ด้วยนะ
ข้อดีของห้องพักก๊อตนั้น คือเรามีระเบียงส่วนตัวที่สามารถเปิดออกไปชมวิวเทือกเขาแอลป์ด้านนอกได้ แต่ต้องบอกก่อนว่าวิวของแต่ละห้องพักจะไม่เหมือนกัน บางห้องสามารถมองเห็นเทือกเขาได้แบบยิ่งใหญ่และใกล้สุดๆ แต่ในบางห้องก็จะเห็นวับๆ แวมๆ พอได้ชื่นใจเท่านั้น แต่วิวที่เราจะได้เห็นแน่ๆ เลยก็คือ หิมะขาวๆ เหมือนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยมาชเมลโล่นั่นเอง ถือเป็นห้องอีกไทป์ที่เหมาะกับการเข้าอยู่ฟีลคู่รัก หรือมากับเพื่อนมาก
ห้องพักแบบสวีท (Suite Room)
ด้วยความที่ก๊อตมาในฐานะสื่อ เราเลยได้มีโอกาสได้เข้าไปส่องบรรยากาศในห้องไทป์อื่นๆ ของโซนปกติร่วมด้วย โดยห้องที่ก๊อตได้เข้ามา คือ ห้องพักแบบสวีท (Suite Room) สำหรับ 1-2 คน และ ห้องพักแบบแฟมิลี่ สวีท (Family Suite Room) สำหรับ 1-4 คน ซึ่งเราจะมาเริ่มสำรวจกันที่ ห้องพักแบบสวีท (Suite Room) ขนาด 41 ตารางเมตรกันก่อน โดยห้องไทป์นี้นั้น ตกแต่งไม่ต่างจากห้อง Superior Room ที่ก๊อตเข้าพักมากนัก ทั้งโทนสี และเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ล้วนมาในโทนเดียวกันหมด
ภายในห้องพักนั้นจะเป็นห้องนอนที่มาพร้อมเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และ Wi-fi แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือตู้เย็นขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่มุมปลายเตียง รวมถึงมุมโซฟาให้เราได้นั่งพักผ่อนข้างเตียง แต่ที่ก๊อตชอบเลยคือระเบียงของห้องพักเค้าค่อนข้างกว้างมาก เพราะตัวระเบียงล้อมรอบห้องนอนเอาไว้แทบจะครบทุกมุมเลย ทำให้เราสามารถออกไปเดินดูวิว หรือนั่งชิลๆ ถ่ายรูปสวยๆ ได้นั่นเอง
ส่วนห้องน้ำก็โอ่อ่ากว้างขวาง มีอุปกรณ์ในการอาบน้ำ และผ้าขนหนูเตรียมพร้อมไว้ให้เรียบร้อย โดยรวมแล้ว ห้องพักแบบสวีท (Suite Room) ถือเป็นห้องอีกไทป์ที่ส่วนตัวก๊อตคิดว่ามาเข้าพักสัก 2 คนกำลังดี และที่สำคัญวิวตรงระเบียงดีย์งามมาก ใครอยากได้พื้นที่ใช้สอยในห้อง และมีความเป็นส่วนตัวแยกห้องนอนและห้องนั่งเล่นชัดเจน แนะนำห้องไทป์นี้เลย
ห้องพักแบบแฟมิลี่ สวีท (Family Suite Room)
มาถึงห้องพักอีกแบบที่ก๊อตได้เข้ามาสำรวจกับ ห้องพักแบบแฟมิลี่ สวีท (Family Suite Room) ขนาด 59 ตารางเมตร ที่รองรับการเข้าพักได้มากถึง 4 คน โดยมู้ดการตกแต่ง ทั้งโทนสี และเฟอร์นิเจอร์เหมือนกันกับสองห้องก่อนหน้านี้ แต่ห้องไทป์นี้มีขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้างกว่าในบรรดาทุกห้องที่เราส่องกันมา รวมถึงมีห้องนั่งเล่นที่แยกออกมาอย่างเป็นสัดส่วน ทำให้บ้านไหนที่มาเป็นครอบครัวแล้วต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะๆ ห้องพักแบบแฟมิลี่ สวีท (Family Suite Room) ตอบโจทย์สุดๆ แล้ว
ภายในห้องพักมีห้องนอนใหญ่มาพร้อมเตียงเดี่ยวหนานุ่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ตัวห้องมีระเบียงส่วนตัวที่สามารถเปิดออกไปยืนรับลมและชมวิวได้ ส่วนห้องนอนเล็กนั้น จะมีเตียงคู่ขนาดเล็ก 2 เตียง เหมาะสำหรับให้เป็นห้องของเด็กๆ ภายในห้องนอนเล็กไม่ได้มีระเบียงส่วนตัวให้ แต่เค้าเป็นหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ให้เราได้เปิดม่านออกไปส่องบรรยากาศ
นอกจากห้องนี้ ภายใน ห้องพักแบบแฟมิลี่ สวีท (Family Suite Room) ยังมีห้องนั่งเล่น ที่ครบครันไปด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟา โต๊ะรับแขกให้ได้นั่งพักผ่อนและทำกิจกรรมร่วมกันอีกด้วย ใครที่มาเที่ยวเป็นครอบครัวแล้วอยากได้ห้องพักที่มีพื้นที่กว้าง และฟังก์ชั่นครบ ก๊อตแนะนำ ห้องพักแบบแฟมิลี่ สวีท (Family Suite Room) เลย มันจะตอบโจทย์และนอนสบายกว่ากันเยอะมาก
ห้องพักโซน Exclusive Collection: Chalet-Apartments
มาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือโซน Exclusive Collection โดยเป็น Chalet-Apartments ชาเลต์ส่วนตัวจากโซนตึกหลัก มาในสไตล์ Savoyard Modern ให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยไม้ที่ผสมผสานเข้ากับความเรียบหรูแบบรีสอร์ตระดับพรีเมียม ความยิ่งใหญ่ที่ทำให้บ้านพักแบบนี้ต่างจากห้องพักโซนปกติเลยก็คือ บ้านทุกหลังสามารถมองออกไปเห็นภูเขาขาวโพลนได้แบบ 180 องศา โดยไม่มีอะไรมากั้นสายตา อีกทั้งยังมาพร้อมกับสิทธิพิเศษในการเข้าใช้พื้นที่ต่างๆ ของรีสอร์ต รวมถึงมีบัตเลอร์ดูแลส่วนตัว และรถรับส่งไปยังโซนอาคารหลักแบบไม่ต้องใช้ร่วมกับใครอีกด้วย
สำหรับตัวบ้านพักนั้น จะมีให้เราเลือกเข้าพักอยู่หลากหลายประเภท เริ่มตั้งแต่แบบ 2 ห้องนอนไปจนถึง 5 ห้องนอน โดยแต่ละแบบนั้น จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยด้านในที่ต่างกันออกไป อย่างหลังที่ก๊อตเข้าไปนั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ชั้น ภายในมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม ตั้งแต่ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว คือมีทุกอย่างเหมือนเราเข้าพักอยู่ในบ้านพักตากอากาศเลย โดยส่วนตัวก๊อตคิดว่า บ้านพักแบบนี้มันเหมาะกับครอบครัวใหญ่ๆ หรือคนที่มีงบเหลือแล้วอยากซื้อความเป็นส่วนตัว รวมถึงซื้อวิวให้ตัวเองและครอบครัวมาก เพราะพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชั่นต่างๆ จะตอบโจทย์มากกว่าโซนห้องพักปกติ เอาเป็นว่าใครที่อยากเข้าพักในบ้านที่เราสามารถเปิดประตูออกไปแล้วก้าวเท้าไปสัมผัสกับหิมะและเจอขุนเขาได้เลย รับรองว่าจะประทับใจไม่รู้ลืมเลย
ห้องอาหารโคซี่ เมาเท่นต์ (Cosy Mountain)
มาถึงห้องอาหารหลักของรีสอร์ตที่เราสามารถมาฝากท้องได้ครบทั้ง 3 มื้ออาหารหลัก เลยก็คือ ห้องอาหารโคซี่ เมาเท่นต์ (Cosy Mountain) อีกหนึ่งห้องอาหารที่ก๊อตประทับใจมาก เพราะทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่ห้องอาหาร เราจะรู้สึกเหมือนได้พาตัวเองหลุดเข้ามาอยู่ในบ้านกลางภูเขา ที่ถูกแต่งแต้มด้วยกลิ่นหอมของขนมปังอบใหม่ๆ คลอเคลียไปด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ จากผู้คน ในบรรยากาศสุดอบอุ่น ท่ามกลางแนวไม้สีอ่อนของผนังให้ความรู้สึกโคซี่ๆ สบายๆ เข้ากับชื่อร้านอาหาร
ภายใน ห้องอาหารโคซี่ เมาเท่นต์ (Cosy Mountain) แบ่งออกเป็น 4 โซน คือ La Rivière, Les Randonneurs, LesSommets และ La Prairie ซึ่งจะตกแต่งในโทนสีที่ต่างกันออกไป โดยแต่ละโซนจะได้รับแรงบันดาลใจมากจากหุบเขา แม่น้ำ การเดินป่า และทุ่งหญ้า ส่วนอาหารที่เสิร์ฟเป็นแบบบุฟเฟต์มีครบ 3 มื้อหลัก ทั้งเช้า กลางวัน และเย็น โดยมีตั้งแต่มื้ออาหารนานาชาติทั้งเอเชีย อิตาเลียนที่มาอบพิซซ่า ทำพาสต้าเส้นสดๆ ให้ได้ดู และอาหารท้องถิ่นของฝรั่งเศส พร้อมไลน์ชีส และไวน์ฝรั่งเศส รวมถึงโซนกริลล์ ไปจนถึงของหวานโฮมเมด อย่างพวกไอศกรีมเจลาโต้ และเบเกอร์รี่ต่างมีให้เลือกกินแบบละลานตาเลยทีเดียว ซึ่งอาหารส่วนใหญ่รสชาติดี วัตถุดิบคุณภาพทั้งนั้นเลย
ห้องอาหารสกายไลน์ (Skyline)
ปิดท้ายกันด้วย ห้องอาหารสกายไลน์ (Skyline) ที่ใครอยากดื่มด่ำกับประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวพร้อมวิวภูเขาแบบพาโนรามา ท่ามกลางการตกแต่งที่อบอุ่นและมีสไตล์ พร้อมทั้งได้ลิ้มรสอาหารที่เสริ์ฟกันมาเป็นคอร์สๆ รวมถึงยังเป็นเลานจ์ให้แขกได้เข้าเข้ามานั่งพักผ่อนพูดคุยในบรรยากาศแบบไพรเวท ให้ทุกคนมาที่ ห้องอาหารสกายไลน์ (Skyline) ได้เลย เพราะที่นี่เรียกได้ว่าเหมาะสมกับทุกสิ่งที่ก๊อตเกริ่นมาแล้ว
โดยจุดเด่นของ ห้องอาหารสกายไลน์ (Skyline) คือวิวจากที่นั่งเกือบทุกมุมสามารถมองลอดผ่านผนังกระจกใสออกไปเห็นเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศสได้เต็มสายตา ยิ่งใครมาเที่ยวในหน้าหนาวเหมือนกันนั้น ไม่ว่าเราจะนั่งมุมไหนของห้องอาหาร มันมองเห็นหิมะได้ทุกมุมเลย ถือเป็นอีกไฮไลท์ของห้องอาหารที่นี่เลยก็ว่าได้
สำหรับอาหารที่เสิร์ฟในห้องอาหารแห่งนี้ เค้าจะเสิร์ฟกันเป็นคอร์สๆ ให้เราเลือกตั้งแต่เมนูเรียกน้ำย่อย ตามมาด้วยเมนคอร์ส และปิดท้ายด้วยของหวานที่เราสามารถสั่งจากในรายการอาหารกับพนักงานได้เลย โดยเมนูที่ต้องสั่งเลยก็คือ ชีสฟองดูว์ร้อนๆ มาในหม้อให้เราได้เอาขนมปังและเนื้อสัตว์ลงไปจุ่มขึ้นมากินแบบฉ่ำๆ นอกจากนี้ยังมีของหวานแบบโฮมเมดทั้งไอศกรีม เค้ก และเบเกอร์รี่ต่างๆ ให้ได้เลือกสั่งมาลิ้มรสอีกมากมาย
และด้วยความที่ห้องอาหารแห่งนี้เป็นเลานจ์ภายในตัว เค้าจึงมี Wine cellar บาร์อยู่ภายในด้วย โดยที่นี่คือพื้นที่ลับๆ สำหรับคนที่หลงใหลในรสสัมผัสของไวน์ บรรยากาศอาจจะไม่ได้ครึกครื้นเหมือนบาร์หลัก แต่มีความละเมียดละไมอยู่ทุกตารางเมตรที่เราก้าวเท้าเข้ามา ด้วยการตกแต่งที่น้อยแต่มาก ท่ามกลางกลิ่นไม้โอ๊คอ่อนๆ กับอากาศเย็นสบายภายในห้องใต้ดิน ข้อดีของบาร์แห่งนี้คือเค้ามีไวน์ให้เราได้ลองดื่มหลากหลาย แต่หากใครนึกไม่ออกว่ามาแล้วอยากลองอะไร ภายในบาร์เค้ามีพนักงานคอยให้ความรู้และแนะนำเรื่องไวน์อยู่ด้วย โดยรวมแล้วใครที่อยากกินอาหารท่ามกลางบรรยากาศสุดฟิน พร้อมทั้งได้ลิ้มรสไวน์ชั้นเลิศ ให้มาที่ ห้องอาหารสกายไลน์ (Skyline) ได้เลย ยิ่งใครมาเที่ยวกับแฟน อยากดินเนอร์เดทโรแมนติกๆ แกรเอ้ย ที่นี่คือดีงามสุดๆ
สรุปการเข้าพักที่ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon
จบไปแล้วกับการเข้าพักที่ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon ครั้งแรกของก๊อต หลังจากใช้เวลาหลายวันอยู่ในสกีรีสอร์ตแห่งนี้ สำหรับก๊อตแล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ประทับใจมาก เพราะนอกจากเราจะได้พาตัวเองหลบหลีกจากโลกภายนอก มาเข้าพักในห้องพักแสนสบายแล้ว ยังได้ทำกิจกรรม และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ อีกมากมาย ทั้งการเล่นสโนว์บอร์ด การได้เห็นบ้านพักแบบชาเล่ต์ รวมถึงการได้กิน ดื่ม และรังสรรค์ที่มีให้ก๊อตแบบครบจบในที่เดียว ทุกอย่างมันเลยกลายมาเป็นความประทับใจและความทรงจำที่ดีมากที่สุดสำหรับก๊อตเลยก็ว่าได้ หากใครกำลังมองหาสถานที่แห่งการมาพักกาย พักใจ ท่ามกลางวิวที่สวยจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบเทียบ Club Med Grand Massif Samoëns Morillon คือคำตอบที่ก๊อตอยากให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง เพราะบางทีความสุขที่แท้จริง อาจจะเป็นแค่การเริ่มต้นวันด้วยการมองภูเขาขาวโพลนเงียบๆ ในตอนเช้าก็เป็นได้
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡