Club Med La Rosière ใครที่ชีวิตนี้อยากลองเล่นสกี หรือกิจกรรมท่ามกลางหิมะบนเทือกเขาแอลป์สักครั้ง มันไม่มีที่ไหนเหมาะเจาะเท่ากับการบินข้ามซีกโลกเพื่อมายัง Club Med La Rosière ที่ฝรั่งเศสอีกแล้ว โดยที่นี่เป็นสกีรีสอร์ตในเครือคลับเมด (Club Med) ที่ก๊อตมาครั้งแรกแล้วประทับจิตประทับใจมาก เพราะเราสามารถมาใช้ชีวิตอยู่ในนี้ได้เลยโดยไม่ต้องออกไปที่ไหน ทั้งกิน เที่ยว ดื่ม และสังสรรค์ต่างๆ รวมถึงการได้เล่นสกีและสโนวบอร์ดแบบฉ่ำที่ครบจบในที่เดียว รีวิวนี้ก๊อตเลยจะพาทุกคนไปเปิดโลกแห่งสกีรีสอร์ตไปด้วยกันกับก๊อตที่ Club Med La Rosière แล้วรับรองว่าทุกคนจะต้องแฮปปี้และอยากจองที่พักมาตามรอยกันที่คลับเมด (Club Med) แห่งนี้อย่างแน่นอน
สารบัญ Club Med La Rosière
- รู้จักกับ Club Med La Rosière
- วิธีการเดินทางจากสนามบิน > Club Med La Rosière
- Club Med La Rosière ที่มาพร้อม All-inclusive
- เริ่มสำรวจ Club Med La Rosière และสิ่งอำนวยความสะดวกกันเลย
- กีฬาและกิจกรรม (Sports & Activities) หน้าหนาว
- ฟิตเนส (Fitness) + โยคะ (Yoga by Heberson)
- สระว่ายน้ำ (Swimming Pools)
- Club Med Spa by myBlend
- สโมสรสำหรับเด็ก (Kids Clubs)
- บาร์ (Bars) และ เธียร์เตอร์ (Theatre)
- ห้องพัก Club Med La Rosière
- ห้องพักแบบดีลักซ์ (Deluxe Room)
- ห้องพักโซน Exclusive Collection
- ห้องอาหารเลอ มงต์ วาเลซาน (Le Mont Valezan)
- ห้องอาหารซานเบอร์นาโด (San Bernardo)
- สรุปการเข้าพักที่ Club Med La Rosière
รู้จักกับ Club Med La Rosière
Club Med La Rosière เป็นหนึ่งในรีสอร์ตแบบออลอินคลูซีฟ (All-inclusive) ระดับพรีเมียมของคลับเมด (Club Med) ที่มีอยู่กว่า 70 แห่งทั่วโลก ครอบคลุม 32 ประเทศใน 5 ทวีป โดยแบ่งออกเป็นรีสอร์ตริมทะเล (Sun Resorts) และรีสอร์ตบนภูเขา/สกี (Snow Resorts) โดย คลับเมด (Club Med) นั้น มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ก่อตั้งโดย Gérard Blitz ชาวเบลเยียม และ Gilbert Trigano ที่ในช่วงเวลานั้นเค้ามีแนวคิดว่า วันหยุดพักผ่อนควรเป็นช่วงเวลาที่คนได้ปลดปล่อยตัวเองอย่างแท้จริง ทำให้เลือกที่จะเปิดคลับเมด (Club Med) ขึ้นมา โดยรีสอร์ตแห่งแรกที่เขาเปิด อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ บนชายหาดที่มายอร์กา (Mallorca/Majorca) ของสเปน ก่อนจะได้รับความนิยม และเริ่มขยับขยายไปเปิดในสถานที่อื่นๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันนี้ คลับเมด (Club Med) กลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว รวมถึงสายกิจกรรมจากทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้
สำหรับ Club Med La Rosière ที่ก๊อตมาเที่ยวกันในครั้งนี้ เค้าเป็นสกีรีสอร์ตที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 โดยตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,950 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศส (French Alps) เขตมอนต์วาเลซาน (Montvalezan) ใกล้กับชายแดนฝรั่งเศส อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ โดยพื้นที่ตั้งของที่นี่นั้น ยังเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่สกีเอสปาซ ซาน เบอร์นาโด (Espace San Bernardo) อีกด้วย โดย Club Med La Rosière ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ตัวรีสอร์ตนั้นถูกสร้างอยู่บนพื้นที่ของสนามบินเก่าที่ถูกปิดไปแล้ว ซึ่งได้มีการฟื้นฟูพื้นที่ธรรมชาติรอบๆ รีสอร์ตให้มีความอุดมสมบูรณ์และงดงาม นอกจากนี้ที่นี่ยังถูกออกแบบให้เชื่อมโยงเข้ากับประวัติศาสตร์ของเทือกเขาแอลป์ได้อย่างลงตัว ผ่านการดีไซน์ที่สะท้อนความงดงามและวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของชาวฝรั่งเศส ด้วยการเลือกใช้โทนไม้ หิน และวัสดุธรรมชาติในการก่อสร้าง เพื่อให้รีสอร์ตดูกลมกลืนไปกับภูเขา รวมถึงทุกคนที่เข้าพักได้สัมผัสถึงความอบอุ่น และผ่อนคลายนั่นเอง ยังไม่หมดเท่านั้น Club Med La Rosière เป็นที่พักแบบ Ski-in/Ski-out โดยอยู่ติดกับลานสกี ที่เพียงแค่ก้าวเท้าออกจากที่พักก็ได้เล่นสกีกันแล้ว
วิธีการเดินทางจากสนามบิน > Club Med La Rosière
สำหรับการเดินทางจากสนามบินไปยัง Club Med La Rosière ของก๊อตนั้น เนื่องจากสนามบินที่อยู่ใกล้มากที่สุดคือ ท่าอากาศยานนานาชาติเจนีวา (Geneva Airport) ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก๊อตจึงบินจากไทยมาลงที่นี่ เพราะ Club Med La Rosière ตั้งอยู่ใกล้แนวชายแดน 3 ประเทศ คือฝรั่งเศส อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ หากใครที่จะมาพักที่นี่ การเลือกบินมาลงที่เจนีวาจะช่วยประหยัดเวลาในการทางได้มากกว่าบินมาลงในฝรั่งเศสนั่นเอง โดยทุกคนสามารถใช้วิธีการเดินทางต่อไปยัง Club Med La Rosière ตามด้านล่างนี้ให้ได้เลย
- จองรถรับส่งจาก Club Med (แนะนำที่สุด): โดย Club Med La Rosière เค้าจะมีบริการรถรับส่งทั้งแบบ Private และ Shared Shuttle Service ที่จะมารับเราจากจากสนามบินเจนีวา มาส่งยังรีสอร์ตเลย ซึ่งใครจะใช้บริการนี้ ในตอนที่จองที่พักมา ให้จองรถรับส่งเพิ่มไว้ด้วยเลย ราคาจะขึ้นอยู่กับประเภทของรถที่เราเลือก และจำนวนคนที่มา ซึ่งรถเค้าจะมารอรับที่สนามบิน เมื่อเราแลนด์และออกมายังพื้นที่ขาออกของสนามบินแล้ว ด้านในจะมีเคานฺเตอร์ Club Med โดยเฉพาะเพื่อรอรับแขกและพาเราไปส่งถึงหน้ารีสอร์ตนั่นเอง
- เช่ารถขับเองจากสนามบินเจนีวา: หากใครมากันเป็นก๊วนแล้วโร้ดทริปเที่ยว สามารถเลือกวิธีนี้ได้ แต่เราจะต้องเช็คให้ดีก่อนว่า บริษัทรถที่เราเช่านั้น เค้าอนุญาตให้นำรถข้ามจากฝั่งสวิสมาฝรั่งเศสหรือไม่ หากไม่ติดอะไรก็เช่ารถขับข้ามมาได้เลย โดยเส้นทางจะอยู่ที่ประมาณ 150 กิโลเมตร ก๊อตแนะนำว่าหากใครมาเที่ยวหน้าหนาวเหมือนกันนั้น ให้เลือกรถที่เค้าติดยางหิมะ/โซ่ เพราะมันต้องมีการขับขึ้นเขามาพอสมควรเลย
- นั่งรถไฟ > รถบัส: วิธีนี้เหมาะกับคนมีเวลาเยอะ และอยากเซฟงบ โดยเราสามารถนั่งรถไฟจากสนามบินมาลงที่สถานี Bourg-Saint-Maurice ใช้เวลา 3.5 ชั่วโมง จากนั้นให้ต่อรถชัตเติ้ลบัสของ Club Med La Rosière ขึ้นเขาอีกประมาณ 30-40 นาที ก็ถึงรีสอร์ตแล้ว โดยวิธีนี้แนะนำให้เช็คตารางรถไฟ และรอบรถชัตเติ้ลบัสให้ดี เพื่อที่เราจะได้กะเวลาเดินทางให้ถูก ไม่ต้องรอนาน
Club Med La Rosière ที่มาพร้อม All-inclusive
สำหรับคนที่เข้าพักใน Club Med La Rosière ทุกการจองเข้าพักที่นี่ของเรานั้น ทางรีสอร์ตเค้าจะรวมโปรแกรม All-inclusive เข้ามาให้ด้วย ซึ่งมันคือแพ็กเกจที่รวมทุกอย่างไว้แล้วในราคาที่เราจ่ายไปตอนจองห้องพัก โดยเราจะได้พักในห้องนอนแบบที่เลือก พร้อมกับการเล่นกิจกรรมและคลาสต่างๆ บนลานสกี ได้กินอาหาร และเครื่องดื่ม ไปจนถึงกิจกรรมบันเทิงต่างๆ ภายในรีสอร์ตได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มนั่นเอง โดยก๊อตแยกเป็นแต่ละหัวข้อมาให้ตามด้านล่าง เพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นภาพรวมของ All-inclusive มากขึ้นนั่นเอง
- ได้เข้าพักในห้องพักระดับพรีเมียม ซึ่งจะมีให้เลือกหลายประเภท อีกทั้งยังมีห้องพักในโซน Exclusive Collection ที่จะพิเศษและเว่อร์วังขึ้นไปอีก
- ได้กินอาหารแบบไม่อั้น (Full Board) รวม 3 มื้อหลัก คือ อาหารเช้า กลางวัน เย็น ที่ห้องอาหารของ Club Med La Rosière รวมถึงมีอาหารว่าง ชาและกาแฟ ให้ทานตลอดทั้งวัน
- สามารถสั่งเครื่องดื่มได้ไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นไวน์ เบียร์ ค็อกเทล น้ำผลไม้ ชา กาแฟ *แต่จะมีเครื่องดื่มพรีเมียมบางรายการที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มต่างหาก
- เล่นกีฬาและกิจกรรมต่างๆ ได้ฟรี ทั้งสกี (Ski), สโนว์บอร์ด (Snowboard) และการปีนเขาบนหิมะ (Snowshoe Hikes) ซึ่งแขกเข้าพักทุกคนจะได้สกีพาสสำหรับพื้นที่เอสปาซ ซาน เบอร์นาโด (Espace San Bernardo) ในฝรั่งเศส และอิตาลีเอาไว้แล้ว อีกทั้งยังรวมการขึ้นลิฟต์สกีได้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง และยังมีครูมาสอนในแต่ละคลาสให้ฟรีอีกด้วย
- กิจกรรมอื่นๆ เช่นโชว์การแสดงตอนเย็น เข้าสระว่ายน้ำ ทำเวิร์กช็อปต่างๆ และอื่นๆ ภายในรีสอร์ตก็ยังรวมอยู่ใน All-inclusive ด้วยเช่นกัน ยกเว้นสปาที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามา
เริ่มสำรวจ Club Med La Rosière และสิ่งอำนวยความสะดวกกันเลย
หากใครที่เข้าพักใน Club Med La Rosière ก๊อตบอกเลยว่าเราจะรู้สึกได้ถึงการพักผ่อนและปลีกวิเวกออกจากความวุ่นวายของชีวิตมาก เนื่องจากทำเลที่ตั้งของเค้าที่นอกจากจะอยู่บนภูเขาท่ามกลางความเงียบสงบแล้ว ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รองรับคนที่เข้าพักแบบที่ว่า มาแล้วไม่ต้องออกไปเที่ยวที่อื่นก็อยู่ได้สบายๆ เลย ยังไม่หมดเท่านั้น ด้วยความที่ก๊อตมาเที่ยวในช่วงหน้าหนาวของที่นี้ รีสอร์ตของเค้าเลยจะถูกปกคลุมและห้อมล้อมไปด้วยหิมะสีขาวฟูฟ่อง บรรยากาศในการเข้าพักเลยจะอบอุ่นเหมาะแก่การมาพักผ่อนเป็นที่สุด นอกจากนี้บ้านไหนที่มาเที่ยวเป็นครอบครัว มีลูกเล็กเด็กแดงมาด้วย Club Med La Rosière นี่เรียกได้ว่าเป็นเหมาะเหม็ง เนื่องจากเค้ามีกิจกรรมที่ทั้งผู้ใหญ่และเด็กสามารถไปเล่นได้ อย่างพวกสกี สโนว์บอร์ด หรือกิจกรรมเดินสำรวจหิมะต่างๆ หรือถ้าน้องๆ หนูๆ ยังไม่สะดวกที่จะเล่นกิจกรรมหน้าหนาวต่างๆ ทางรีสอร์ทเองเค้ามี สโมสรสำหรับเด็ก (Kids’ Clubs) ที่มีพี่เลี้ยงและห้องกิจกรรมสำหรับเด็กๆ ให้ได้มาเล่นตลอดทั้งวัน ซึ่งผู้ใหญ่อย่างเราสามารถฝากน้องไว้ที่นี่ได้เลย ส่วนเราก็ออกไปเล่นกิจกรรมข้างนอกได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่า Club Med La Rosière เป็นสถานที่พักผ่อนที่ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัยแบบสุดๆ
โดยจุดแรกที่ก๊อตเข้ามาเจอใน Club Med La Rosière เลยก็คือบริเวณล็อบบี้ของเค้าที่จะตั้งอยู่ร่วมกับโซนบาร์ เธียร์เตอร์ และมุมนั่งเล่น โดยบรรยากาศด้านในนั้นจะเป็นเหมือนพื้นที่ทั้งชั้นที่เค้าแบ่งครึ่งหนึ่งเป็นโซนที่นั่งไล่เรียงยาวไปในแนวเดียวกัน ผนังของชั้นนี้เป็นกระจกเสียส่วนใหญ่ทำให้มองออกไปเห็นวิวของเทือกเขาที่อยู่ด้านนอกได้แบบเต็มสายตา ซึ่งนอกจากจะมีที่นั่งด้านในแล้ว ด้านนอกยังมีโซนที่นั่งให้ได้ออกไปดื่มด่ำกับธรรมชาติอีกด้วย
โดยบริเวณล็อบบี้นั้น เราจะได้กลิ่นไม้หอมๆ จากโครงสร้างด้านใน ท่ามกลางความอบอุ่นของเตาผิงกลางห้องชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งบริเวณเคาท์เตอร์เช็คอินนั้น จะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ที่บอกเล่าเรื่องราวจากช่องเขาลิตเทิลเซนต์เบอร์นาร์ด (Petit Saint Bernard) ที่เคยเป็นเส้นทางโบราณ และเป็นจุดผ่านสำคัญของประวัติศาสตร์ยุโรปในอดีต โดยฉากในภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นไฮไลท์ของเค้าเลยก็คือ ขบวนช้างของฮันนิบาล ขุนพลแห่งคาร์เธจที่เคยนำกองทัพช้างข้ามเทือกเขาแอลป์เพื่อต่อกรกับโรมัน รวมถึงยังมีฉากของนักแสวงบุญในชุดคลุมยาว ที่ในยุคกลาง เค้าเคยเดินเท้าข้ามพรมแดนจากอิตาลีสู่ฝรั่งเศสอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฉากของพ่อค้า โจรภูเขา นักผจญภัย และทหารโรมัน ที่เคยใช้เส้นทางนี้สัญจรเมื่อครั้งอดีตนั่นเอง โดยภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่นี้จะช่วยให้เราได้เห็นถึงเรื่องราวความเป็นมาของที่ตั้งรีสอร์ต ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ เหมือนเป็นประตูบานแรกที่จะพาเราเข้าสู่การผจญภัยบนเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศสแห่งนี้นั่นเอง
กีฬาและกิจกรรม (Sports & Activities) หน้าหนาว
สำหรับกีฬาและกิจกรรมใน Club Med La Rosière ที่โดดเด่นของเค้าสอดคล้องกับการเป็นสกีรีสอร์ต มันจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย หากไม่ใช่ การเล่นกิจกรรมกลางแจ้งท่ามกลางหิมะขาวโพลน อย่าง สกี (Ski), สโนว์บอร์ด (Snowboard) และ Snowshoe Hikes ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามความชอบ โดยกิจกรรมที่ก๊อตเลือกเล่นนั้น จะเป็นการเล่นสกี (Ski) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เล่นได้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบขึ้นไป โดยทุกกิจกรรมจะมาในรูปแบบคลาสที่มีการแยกเลเวลต่างๆ ตั้งแต่คนที่ไม่มีประสบการณ์จนถึงระดับช่ำชอง ซึ่งทุกคลาสนั้นเค้าจะมีคุณครูมืออาชีพที่มีใบรับรองจาก ESF (École du Ski Français) หรือโรงเรียนสอนสกีแห่งฝรั่งเศส คอยดูแลเราอยู่นั่นเอง
การเลือกเล่นกิจกรรมอะไรบนนี้นั้น หากจะให้เล่นแบบมีประสิทธิภาพสูงสุด ก๊อตแนะนำให้เลือกเล่นแค่อย่างใดอย่างหนึ่งไปเลย เพราะตั้งแต่คลาสแรกที่เราเริ่มนั่น จะมีการแบ่งกลุ่มตามระดับเลเวล อย่างก๊อตเองไม่เคยเล่นสกีมาก่อนเลย ก็จะอยู่ในกลุ่มมือใหม่ ที่คุณครูเค้าจะสอนเราแบบใกล้ชิดตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างการใช้เครื่องมือเล่นสกี ไปจนถึงระดับที่เราเล่นสกีได้นั่นเอง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เราเข้าพักนั้น เราควรจะต้องอยู่กับกลุ่มเดิมเพื่อไต่ระดับความสามารถขึ้นไปพร้อมๆ กันนั่นเอง โดยคลาสนั้นจะแบ่งออกเป็นสองช่วงคือ ช่วงครึ่งเช้าและครึ่งบ่าย ช่วงละประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง รวมต่อวันประมาณ 5 ชั่วโมงเลยล่ะ
สำหรับคนใครที่ไม่มีชุดเตรียมพร้อมมาสำหรับเล่นสกี ทางรีสอร์ตเองก็มีร้านขายอุปกรณ์ที่มีของครบจบในที่เดียว ส่วนอุปกรณ์การเล่นสกีอื่นๆ เราสามารถมาเช่ากับทางรีสอร์ตได้ แต่สิ่งที่เช่าไม่ได้เลยคือแว่นตากับถุงมือ ที่เค้าถือว่าเป็นของใช้ส่วนตัว อันนี้เราจะต้องเตรียมมาเองจากที่บ้านหรือจะซื้อเอาที่รีสอร์ตก็ได้ เอาล่ะ พอพร้อมแล้ว ขั้นตอนการเรียนก็ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย เราแค่ต้องฝึกเล่นสกีอยู่อย่างนั้น ล้มลุกคลุกคลานกันไปวันสองวันเต็มๆ
ใครที่เล่นสกีไม่เป็นนั้น ไม่ต้องกังวลเลย เพราะอย่างก๊อตเองก็เล่นไม่เป็น แต่ก็ใจสู้เข้าคลาสครบทุกครั้ง จนช่วงวันที่สาม ตัวก๊อตก็เริ่มคล่องตัวในการสกีขึ้นเยอะมาก ซึ่งวันที่สามนี้เองที่คุณครูเริ่มพาเราออกไปยังลานสกีด้านนอกรีสอร์ตที่ยากกว่าและสวยกว่าเดิม ซึ่งการเล่นสกีของเราก็ไม่ยุ่งยาก เพราะการเข้าพักที่ Club Med La Rosière นั้นรวมสกีพาสมาให้แล้วเรียบร้อย โดยเราสามารถพกติดตัวเอาไว้ตลอดในยามที่ต้องเข้าลานสกีต่างๆ รวมถึงขึ้นลิฟต์สกี หรือกระเช้า สามารถใช้บัตรนี้แตะผ่านเข้าไปได้ทั้งหมดเลย
ต้องบอกว่าวันที่สามจะเริ่มเป็นวันที่เราเล่นสกีได้สนุกที่สุด เนื่องจากเราเริ่มเล่นสกีได้แบบคล่องปร๋อ รวมถึงเส้นทางที่ครูเค้าพาก็ยากขึ้นนิดหน่อยจากช่วงวันแรกๆ เพราะทางเริ่มชันและมีความคดเคี้ยวมากขึ้น ซึ่งก๊อตบอกเลยว่าสนุกมาก จังหวะได้พาตัวเองไถลตัวลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโล่ง ท่ามกลางหิมะขาวโพลนและต้นไม้ใหญ่รอบกาย มันสนุกและเอนจอยแท้
สำหรับการเล่นสกีของเราในทุกวันก็จะเล่นอยู่กลุ่มเดิมและคุณครูคนเดิม ดังนั้น ที่ก๊อตบอกว่า เมื่อเราเลือกกิจกรรมไหนแล้วก็ควรจะเล่นอันนั้นไปเลยยาวๆ ตลอดการเข้าพัก เพราะสกิลของคนในกรุ๊ปจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนวันที่เราได้เรียน มันจะเหมือนกับการเรียนที่ไต่ระดับจากเบาๆ ไประดับที่ยากขึ้น ซึ่งหากเราโผล่เข้ามาจอยกรุ๊ปเค้ากลางคัน ทั้งที่มีสกิลเป็นศูนย์ แล้วเพื่อนในกรุ๊ปนำหน้าไปแล้ว บอกเลยว่าอันนี้เริ่มยากแล้ว เพราะเราอาจจะตามคนอื่นไม่ทันนั่นเอง ใครที่อยากจะเล่นอะไรก็ตัดสินใจดีๆ แล้วเลือกที่ชอบได้เลย แต่การเล่นสกีนี่คือที่สุดของก๊อตแล้ว เพราะมันเป็นการเล่นครั้งแรกในชีวิตที่โคตรจะแฮปปี้เลย แถมที่นี่ก็เลื่องลือเรื่องการเล่นสกี แล้วก๊อตจะพลาดได้ยังไงก่อน
ฟิตเนส (Fitness) + โยคะ (Yoga by Heberson)
หากใครเป็นสายออกกำลังกาย ที่ Club Med La Rosière เค้ามีห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ รวมถึงคลาสโยคะให้เราได้เข้ามาเล่นและเรียนรู้กันอีกด้วย โดยเรามาเริ่มสำรวจกันที่ ห้องฟิตเนส (Fitness) กันก่อน ภายในนั้นกว้างขวางและถูกแบ่งพื้นที่ใช้งานได้เป็นสัดส่วน มีทั้งโซนคาร์ดิโอ เวทเทรนนิ่ง และฟรีเวท มาพร้อมเครื่องออกกำลังกายใหม่กริ๊บระดับตัวท็อปทั้งนั้น เรียกว่าใครเป็นสายรักสุขภาพ เข้าพักที่รีสอร์ตแห่งนี้ เราะได้ออกกำลังกายกันแบบจัดเต็ม
ความเริ่ดของห้องฟิตเนสที่ก๊อตชอบ นอกจากอุปกรณ์ที่ครบครันแล้ว คือวิวรอบๆ ห้องฟิตเนสที่อลังการด้วยผนังกระจกใสรอบด้าน ทำให้ตอนที่เรามาออกกำลังกาย หรือวิ่งลู่ ยกเวทอยู่ในนั้น สามารถมองผ่านกระจกใสออกไปเห็นวิวของเทือกเขาแอลป์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ฟีลเหมือนก๊อตได้เบิร์นแคลอรีอยู่ท่ามกลางฉากหนังสวยๆ ยกให้เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ออกกำลังกายที่สนุกแบบไม่รู้ตัว
นอกจากห้องฟิตเนสแล้ว ที่ Club Med La Rosière ยังมีคลาสโยคะ (Yoga by Heberson) ให้เราได้เข้าเรียนและเข้าร่วมเวิร์กช็อปเพื่อสุขภาพอีกด้วย โดยเค้าจะมีการจัดคลาสให้ทุกคนได้เข้ามาเล่นเพื่อผ่อนคลายร่างกาย ใครที่ไปเล่นกิจกรรมอื่นๆ มาแล้วเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวอยากยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายร่างกาย และเติมความสดชื่น สามารถมาเช็คตารางเล่นโยคะและเข้ามาในคลาสได้เลย
สระว่ายน้ำ (Swimming Pools)
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดของ Club Med La Rosière คือสระว่ายน้ำที่มีวิวสวยเหมือนภาพวาดชิ้นโบว์แดงของจิตรกรฝีมือดี ด้วยบรรยากาศของเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศสที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวๆ ตั้งสูงต่ำลดหลั่นกันเป็นแนวออกไป โดยสระว่ายน้ำของที่นี่ มีทั้งแบบอินดอร์ที่แยกสระเด็ก และสระของผู้ใหญ่ออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน และยังมีจากุชชี่เอาท์ดอร์ให้เราได้แช่ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บที่พัดปะทะแก้มเบาๆ อีกด้วย
ความเริ่ดคือสระว่ายน้ำมาพร้อมหน้าต่างกระจกใสรายล้อม ทำให้ตอนที่เราว่ายน้ำอยู่ในสระนั้น สามารถมองออกไปชมวิว และดื่มด่ำกับธรรมชาติด้านนอกได้แบบเต็มอิ่ม ซึ่งใครจะมาว่ายน้ำในนี้นั้น ก๊อตแนะนำให้มาช่วงกลางวัน เพราะจะเป็นช่วงที่คนเค้าออกไปทำกิจกรรมเล่นสกีกันด้านนอก ไม่ค่อยมาใช้สระมาก เวลามาว่ายน้ำมันเลยจะมีความเป็นส่วนตัว และได้ชมวิว เก็บภาพบรรยากาศได้แบบเพลินๆ
หากใครที่ไปเล่นสกีมาแล้ว อยากผ่อนคลายร่างกายแบบขั้นสุด ก๊อตแนะนำให้มาใช้จากุชชี่เอาท์ดอร์ ที่ตั้งอยู่ชานระเบียงด้านได้เลย โดยน้ำที่อยู่ในสระจะเป็นน้ำอุ่นที่เหมาะสำหรับการมาแช่ตัวให้ผ่อนคลายมาก และถึงแม้สระเค้าจะอยู่ด้านนอกท่ามกลางหิมะ แต่พอได้แช่น้ำอุ่น มันฮีลร่างกายให้ได้ผ่อนคลายและฟินสุดใจก๊อตมาก ยิ่งได้มองวิวของภูเขาโดยไม่มีกระจกใสมากั้น บวกกับผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล มันเหมือนเรากำลังถูกโอบกอดจากธรรมชาติเลย เป็นการมาแช่ตัวที่มีความสุขสุดๆ ใครอยากเห็นวิวแบบเต็มๆ สายตา ก็สามารถเลือกออกมานั่งแช่ในสระด้านนอกได้
Club Med Spa by myBlend
นอกจากกิจกรรมต่างๆ ที่ก๊อตเล่ามาข้างต้นแล้ว หากใครที่อยากผ่อนคลายขั้นสุด ที่ Club Med La Rosière เค้ามีบริการสปาที่ชื่อ Club Med Spa by myBlend อยู่ด้วยนะ โดยจะเป็นสปาที่จะช่วยบำบัดร่างกายด้วยเทคโนโลยีและสกินแคร์ ให้กลับมาฟื้นฟูและงดงามจากภายในสู่ภายนอก แต่ก๊อตบอกก่อนว่า สปาของที่นี่จะคิดค่าบริการเพิ่ม ไม่ได้รวมอยู่ใน All-inclusive โดยค่าบริการจะขึ้นอยู่กับแพ็คเกจสปาที่เราเลือกทำ ซึ่งใครที่เล่นกิจกรรมมาอย่างหนักหน่วง อยากฟื้นฟูร่างกายแบบส่วนตัวๆ มีคนมาทำสปาให้ฟินๆ สามารถแจ้งกับทางรีสอร์ตและเข้าใช้บริการได้ที่ Club Med Spa by myBlend เค้าเลย
สโมสรสำหรับเด็ก (Kids Clubs)
ด้วยความที่ Club Med La Rosière เค้าเป็นรีสอร์ตที่มาพร้อมกิจกรรมและรองรับคนทุกเพศทุกวัย ยิ่งใครมาเที่ยวแบบครอบครัว ที่นี่เรียกได้ว่าตอบโจทย์มาก โดยอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทางรีสอร์ตเค้ามีไว้รองรับลูกค้าอย่างเราๆ เลยก็คือ สโมสรสำหรับเด็ก (Kids Clubs) ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 0-17 ปี สามารถเข้าใช้บริการได้ฟรีเลย โดยที่นี่จะแยกโซนกิจกรรมต่างๆ เอาไว้เป็นห้องๆ เหมือนเราเข้ามายังโรงเรียนของเด็กๆ แล้วมีครูคอยพาทำกิจกรรมแบบนั้นเลยทีเดียว
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ซึ่งบ้านไหนที่อยากออกไปเล่นสกีหรือกิจกรรมกลางแจ้งกันแบบผู้ใหญ่ๆ แล้วเด็กๆ ไม่อยากไปด้วย สามารถเอาพวกเค้ามาฝากให้กับทาง สโมสรสำหรับเด็ก (Kids Clubs) ได้เลย ที่นี่เค้ามีพี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ให้เรียบร้อย โดยที่เราไม่ต้องกังวลใจใดๆ และสามารถออกไปทำกิจกรรมได้แบบเต็มที่ ส่วนกิจกรรมในนี้นั้น จะมีทั้งของเล่นที่ช่วยเสริมพัฒนาการ ไปจนถึงคลาสและเวิร์กช็อปเกี่ยวกับสกี และการเตรียมพร้อมเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ของทางรีสอร์ตแบบครบจบในสโมรสรเด็กเลย เรียกได้ว่าเด็กๆ เข้ามาอยู่ในนี้แล้ว มีอะไรให้ทำตลอดทั้งวัน พวกเค้าไม่มีเบื่ออย่างแน่นอน
บาร์ (Bars) และ เธียร์เตอร์ (Theatre)
สายชิล สายปาร์ตี้ อยากดื่มฟีลจอยๆ ที่ Club Med La Rosière ยังมี บาร์ (Bars) และ เธียร์เตอร์ (Theatre) คอยให้บริการเราอีกด้วยนะ โดย บาร์ (Bars) ของที่นี่จะมีอยู่หลายจุดเลย ไม่ว่าจะเป็น San Bernardo Bar, Zen Lounge, Le Paradiso Exclusive Collection Lounge Bar, Wine cellar และ Hannibal Bar ซึ่งจะเป็นบาร์หลักของที่นี่ โดยตั้งอยู่ชั้นเดียวกับล็อบบี้ที่เราเข้ามาเช็คอินเลย ซึ่งบาร์หลักนั้น เค้าจะถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างบรรยากาศอันอบอุ่นและเป็นกันเองให้กับลูกค้าที่เข้าพัก ด้วยการตกแต่งของเฟอร์นิเจอร์ไม้ ผนังหินแห้ง และโซฟาเชสเตอร์ฟิลด์ให้ความรู้สึกหรูหรา ทำให้บาร์หลักตรงนี้เป็นจุดที่คนเค้ามานั่งสังสรรค์ แฮงเอาท์กันตลอดทั้งวัน ซึ่ง Hannibal Bar ให้บริการเครื่องดื่มหลากหลายม๊ากก ไม่ว่าจะเป็นค็อกเทล ไวน์ เบียร์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ โดยทั้งหมดมันรวมอยู่ในแพ็กเกจ All-Inclusive ของทางรีสอร์ตหมดแล้ว เราเลยสามารถมานั่งและสั่งเครื่องดื่มได้แบบฟินๆ นั่นเอง
ความเริ่ดคือ ทุกๆ เย็น Club Med La Rosière จะมีการแสดงโชว์สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ โดยโชว์จะอยู่ที่บริเวณโซนที่เรียกว่า เธียร์เตอร์ (Theatre) ซึ่งจะอยู่ใกล้กับบาร์หลัก ซึ่งในแต่ละค่ำคืนนั้น ที่นี่จะถูกจัดกิจกรรมบันเทิงต่างๆ ของรีสอร์ต ทั้งการแสดงสด ดนตรี หรือปาร์ตี้ธีมต่างๆ โดยคนที่มาโชว์ให้เราดูก็จะมีทั้งโชว์ที่แสดงโดยพนักงานในรีสอร์ท หรือแม้แต่ศิลปินจากข้างนอกที่เค้าหมุ่นเวียนมาจัดแสดงให้เราได้ดูแบบไม่ซ้ำในแต่ละวันที่เราเข้าพักเลย
บอกเลยว่าการแสดงในเธียร์เตอร์ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่คึกคักมาก เพราะแขกเหรื่อมากมายเค้าก็จะมาวาดลวดลายออกสเต็ปมันส์ๆ ใน เธียร์เตอร์ (Theatre) พร้อมๆ กับการดื่มจอยๆ เหมือนเป็นการผ่อนคลายและปลดปล่อยตัวเอง หลังจากไปเล่นกิจกรรมต่างๆ มาตลอดทั้งวันนั่นเอง ซึ่งที่ก๊อตบอกว่าโชว์เค้าสลับเปลี่ยนไปในทุกๆ วัน อันนี้พูดจริงๆ เพราะอย่างก๊อตเข้าพัก 3 คืน ทุกคืนที่เรามา โชว์ก็จะไม่ซ้ำกันเลย ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ต้องมาของที่นี่เลยทีเดียว
ห้องพัก Club Med La Rosière
มาถึงการสำรวจห้องพักของ Club Med La Rosière กันแล้ว ก่อนที่จะพาทุกคนไปดูห้องที่ก๊อตนอนนั้น ก๊อตขอเล่าให้ฟังก่อนว่าที่นี่เค้ามีห้องพักอยู่ 2 โซนหลักๆ คือโซนห้องพักปกติที่ก๊อตเข้าพักซึ่งจะแบ่งห้องพักออกเป็น 2 แบบ คือ Superior ซึ่งจะมีขนาดตั้งแต่ 23-48 ตารางเมตร โดยจะเป็นห้องพักที่ตกแต่งสไตล์ชาเลต์อัลไพน์ด้วยไม้และโทนสีอบอุ่น มาพร้อมวิวภูเขาหรือหุบเขาทาเรนเตส (Tarentaise) และในบางห้องพักจะมีระเบียงส่วนตัว ส่วนห้องอีกแบบคือ Deluxe มีขนาดตั้งแต่ 27-58 ตารางเมตร เป็นห้องพักที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องกว้างขึ้น มาพร้อมระเบียงส่วนตัว และวิวพาโนรามาของเทือกเขาแอลป์นั่นเอง
ส่วนอีกโซนห้องพักของ Club Med La Rosière จะเรียกว่า Exclusive Collection ซึ่งจะแยกออกไปเป็นแบบส่วนตัว เป็นอาคารอีกหลังไปเลย โดยมีห้องพักแบบ Luxury Suites ขนาดตั้งแต่ 51-85 ตารางเมตร ที่ราคาเข้าพักต่อคืนจะสูงกว่า แต่เหมาะกับคนที่อยากอยู่เป็นส่วนตัว ซึ่งก๊อตจะพาไปส่องแบบลงลึกแยกต่างหากอีกทีเน้อ
ห้องพักแบบดีลักซ์ (Deluxe Room)
เรามาดูห้องพักที่ก๊อตเข้าพักกันก่อน กับห้องพักในโซนปกติ ไทป์ห้องแบบบ ดีลักซ์ (Deluxe Room) ซึ่งห้องที่ก๊อตเข้าพักนั้น มีขนาด 27 ตารางเมตร เป็นห้องที่เหมาะกับการเข้าพัก 1-3 คน ภายในห้องพักตกแต่งด้วยโทนสีไม้ ให้ฟีลอบอุ่นเหมาะกับการเข้าพักเป็นครอบครัวและคู่รักม๊ากกก ภายในห้องพักตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก พื้นที่ของห้องกว้างขวางมีพื้นที่เหลือให้วางกระเป๋าเดินทาง มาพร้อมเตียงขนาดใหญ่ที่นุ่มนิ่มหลับสบายมาก ซึ่งบ้านไหนที่พาเด็กมาด้วย หากเข้าพักห้องไทป์เดียวกับก๊อต สามารถแจ้งทางโรงแรมเพื่อขอเตียงเด็กเพิ่มได้นะ ถือว่าสะดวกสบายมากๆ เลยล่ะ
ส่วนของใช้ภายในห้องพัก ก็มีครบครันตั้งแต่ โทรศัพท์ไว้ติดต่อภายใน ทีวี Wi-fi กาต้มน้ำ ตู้เย็น ไปจนถึงเตารีด และเครื่องทำความร้อน คือมีครบจบให้เราได้ใช้กันแบบสะดวกสุดๆ ส่วนห้องน้ำเค้าก็มีไดร์เป่าผม แชมพู เจลอาบน้ำ โลชั่น รองเท้าแตะ พร้อมราวแขวนผ้าเช็ดตัว แบบที่เราแทบไม่ต้องพกอุปกรณ์อาบน้ำมาให้หนักกระเป๋าเลย คือสิ่งอำนวยความสะดวกเค้าครบเครื่องมากๆ
ซึ่งข้อดีของห้องพักก๊อตนั้น คือเรามีระเบียงส่วนตัวที่สามารถเปิดออกไปชมวิวเทือกเขาแอลป์ด้านนอกได้นั่นเอง แต่บอกก่อนว่า วิวภูเขาที่เราได้ส่องกันนั้น จะต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับมุมที่ตั้งของห้องพักด้วยนา แต่บอกเลยว่า จะห้องอยู่โซนไหน ก็ได้ดื่มด่ำกับภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวๆ ท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ อย่างแน่นอน ถือเป็นห้องอีกไทป์ที่กำลังดีเหมาะกับการมาแบบครอบครัวเล็ก หรือมาเที่ยวกับแฟนมากเว่อร์
ห้องพักโซน Exclusive Collection
มาถึงโซน Exclusive Collection ซึ่งจะเป็นห้องพักที่เค้าแยกออกไปเป็นส่วนตัวอีกตึกหนึ่ง โดยห้องพักจะมีขนาดเริ่มต้นที่ใหญ่กว่าห้องพักในโซนปกติที่ก๊อตเข้าพัก เหมาะกับการเข้าพักแบบครอบครัว หรือคนที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวแบบขั้นสุด เพราะที่นี่จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบเฉพาะคนที่เข้าพักในโซนนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นเลานจ์บาร์สุดพิเศษ อ่างน้ำวนกลางแจ้งท่ามกลางวิวของธรรมชาติ พร้อมทั้งได้สิทธิเข้าพื้นที่ทุกส่วนของรีสอร์ต นอกจากนี้ยังมีรูมเซอร์วิสสำหรับอาหารเช้า และเจ้าหน้าที่คอยให้การอำนวยความสะดวกแบบพิเศษ โดยที่ไม่ต้องไปปะปนกับแขกโซนปกติ
ซึ่งไฮไลท์ของเค้าไม่ใช่แค่สิทธิพิเศษต่างๆ เท่านั้น แต่วิวภายในห้องที่เราจะได้รับเมื่อเข้าพักใน โซน Exclusive Collection นั้น จะเป็นวิวของภูเขาที่สวยกว่าฝั่งโซนห้องพักปกติมาก โดยเป็นภูเขาที่มองเห็นได้ทั้งลูกท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมนั่นเอง และด้วยความที่ก๊อตมาในฐานะสื่อ เราเลยได้มีโอกาสเข้ามาส่องบรรยากาศภายในห้องพักของ โซน Exclusive Collection ซึ่งห้องที่ก๊อตได้เข้ามาสำรวจนั้น จะเป็นห้องไทป์ Exclusive Collection Space Family Suite – with view ขนาด 51 ตารางเมตร ภายในห้องจะมีห้องนอนแยกเป็นส่วนตัว และห้องนั่งเล่น มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ความรู้สึกอบอุ่น
แต่ที่เป็นเริ่ดเลยคือเค้ามีระเบียงส่วนตัวที่เราสามารถออกไปยืนมองวิวของภูเขาด้านนอกได้แบบเต็มสายตา ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูเงียบสงบ แบบที่ว่าถ้าเข้าพักในห้องโซนนี้ มันเหมือนเราได้พักผ่อนและอยู่กับตัวเองและธรรมชาติจริงๆ ถือเป็นห้องพักที่หากใครมีงบหน่อยๆ แล้วอยากได้ความเป็นส่วนตัว ก๊อตแนะนำเข้าพักโซน Exclusive Collection ได้เลย
ห้องอาหารเลอ มงต์ วาเลซาน (Le Mont Valezan)
สำหรับห้องอาหารใน Club Med La Rosière เค้าจะมีอยู่ด้วยกันหลักๆ 2 แห่ง คือ ห้องอาหารเลอ มงต์ วาเลซาน (Le Mont Valezan) และ ห้องอาหารซานเบอร์นาโด (San Bernardo) โดยเราจะมาพูดถึง ห้องอาหารซานเบอร์นาโด (San Bernardo) กันก่อน ซึ่งเค้าเป็นห้องอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่เสิร์ฟครบทั้ง 3 มื้อ ตั้งแต่ เช้า กลางวัน และดินเนอร์ โดยมาในบรรยากาศสุดอบอุ่นด้วยผนังรอบๆ ที่เป็นกระจกใส เวลาเข้ามากินแล้วสามารถมองออกไปเห็นวิวภูเขาด้านนอกได้แบบเพลินๆ เลย
นอกจากนี้ บรรยากาศของห้องอาหารยังอบอุ่นและเป็นกันเอง ด้วยงานวัสดุไม้กับโทนสีครีมนวลของห้อง พร้อมตกแต่งด้วยโคมไฟสีขาวรูปทรงเหมือนดอกไม้ ทำให้การทานอาหารของเรายิ่งอร่อยมากขึ้นไปอีกหลายเท่าเลย
โดยอาหารที่เค้าเสิร์ฟให้เราแบบบุฟเฟต์นั้น จะมีตั้งแต่อาหารนานาชาติและอาหารท้องถิ่น ทั้งอาหารอิตาเลี่ยน อาหารฝรั่งเศส เอเชีย ไปจนถึงขนมหวานที่มีเป็นบาร์ให้ตักกินเพียบ รวมถึงยังมีเมนูสุดพิเศษที่จะสลับสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละวัน โดยอาหารภายใน ห้องอาหารเลอ มงต์ วาเลซาน (Le Mont Valezan) จะมีทั้งที่ให้เราไปตักมากินเอง และแบบที่มีเชฟมาคอยทำให้กินแบบสดใหม่ เป็นจานที่เค้ารังสรรค์เมนูพิเศษมาโดยเฉพาะ ซึ่งเราสามารถหยิบแต่ละจานมากินได้แบบไม่อั้น
โดยการจะเข้ามากินอาหารใน ห้องอาหารเลอ มงต์ วาเลซาน (Le Mont Valezan) มันจะรวมอยู่ใน All-inclusive เรียบร้อย ซึ่งเราสามารถมากินได้ทั้ง 3 มื้อเลย เค้าจะมีอาหารบุฟเฟ่ต์ให้เข้ามากินตลอดทั้งวัน ส่วนตัวก๊อตคิดว่า ห้องอาหารเลอ มงต์ วาเลซาน (Le Mont Valezan) เป็นห้องอาหารที่โอเคมาก เพราะมีไลน์อัพอาหารเยอะ แถมของหวาน และเครื่องดื่มก็จัดเต็ม แต่ละเมนูที่ทำมาให้กินนั้นรสชาติก็อร่อย กินง่าย คือเป็นห้องอาหารที่เหมือนสวรรค์ของคนชอบกินเลย
ห้องอาหารซานเบอร์นาโด (San Bernardo)
หากใครอยากกินอาหารฟีลดินเนอร์ท่ามกลางบรรยากาศลักชู ด้วยม่านสีแดงๆ ท่ามกลางผนังไม้ อีกทั้งยังไม่ต้องไปตักอาหารเอง ให้มาที่ ห้องอาหารซานเบอร์นาโด (San Bernardo) ได้เลย โดยที่นี่นั้น ถือเป็นห้องอาหารไฮไลท์ของรีสอร์ตเลยก็ว่าได้ ซึ่งเค้าจะไม่ใช่การเสิร์ฟแบบบุฟเฟต์ แต่จะมาในรูปแบบของคอร์สที่เราสั่งมาไลน์อาหารที่เค้าเตรียมไว้ โดยห้องอาหารแห่งนี้มาในบรรยากาศที่ดูหรูหราขึ้น ทว่ากลับตลบอบอวลปด้วยมวลความอบอุ่นและเป็นกันเองมาก
ส่วนอาหารที่เสิร์ฟกันนั้นก็จะเน้นไปที่อาหารอิตาเลี่ยน อาหารท้องถิ่น โดยจะมีเมนูให้เราเลือกตั้งแต่สตาร์ตเตอร์ อาหารจานหลัก ไปจนถึงเมนูของหวาน โดยเมนคอร์สที่ต้องลองเลยก็คือ เมนูชีสฟองดูว์ มันเป็นเหมือนอาหารเลื่องชื่อของเค้า ที่จะมีหม้อต้มชีส กินเคียงคู่กับเนื้อสัตว์ละขนมปัง เวลากินก็ให้เอาพวกขนมปัง และเนื้อสัตว์ที่เค้าเสิร์ฟมาให้ จุ่มลงไปในชีส รสชาติจะมีความมันๆ นัวๆ หอมชีสสุดๆ ซึ่งใครที่มาเที่ยวยุโรปแล้วยังไม่เคยลอง ก๊อตแนะนำเลยว่าต้องสั่งเมนูนี้ มันจะเหมือนเรามาถึงบ้านเมืองเค้าแล้วจริงๆ และที่สำคัญเลย ใครที่จะมาฝากท้องโดยเฉพาะช่วงดินเนอร์ไว้กับ ห้องอาหารซานเบอร์นาโด (San Bernardo) แห่งนี้จะต้องจองคิวเข้ามาก่อนนะ คือถ้าไม่จองมาก่อน ก๊อตบอกเลยว่าห้องอาหารเค้าเต็มแน่นอน
สรุปการเข้าพักที่ Club Med La Rosière
ทั้งหมดนี้คือการเข้าพักของก๊อตใน Club Med La Rosière ที่ถือเป็นการมาเข้าพักที่ Club Med ครั้งแรกแล้วบอกเลยว่า ประทับใจมากกกก มันเป็นการมาเที่ยวสกีรีสอร์ตครั้งแรกที่เราเล่นสกี แบบจัดเต็มและสนุกสุดๆ แถมยังได้พักผ่อนและปลีกตัวออกจากความวุ่นวาย พร้อมทั้งได้ปล่อยใจจอยๆ ไปกับธรรมชาติเทือกเขาแอลป์สวยๆ ที่ห้อมล้อมที่พักของเราเอาไว้ ถือเป็นการมาเยือนครั้งแรกที่เปิดโลกการเล่นสกีของก๊อต จนถึงขั้นพูดกับเพื่อนว่าเราจะต้องได้ไปเล่นสกีอีกครั้ง และต้องมาที่คลับเมด (Club Med) เท่านั้นด้วย คือมันมีแต่ความดีย์งามเต็มไปหมด จนอยากให้ทุกคนได้มาเยือนด้วยตัวเองสักครั้ง รับรองว่าจะต้องเอนจอย และมีความสุขกลับไทยเหมือนก๊อตอย่างแน่นอน
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡