ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) รีวิวนี้ก๊อตจะพาทุกคนไปอัปเดต 7 สิ่งห้ามพลาดใน ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ฉบับปี 2024 แบบยกมาเสิร์ฟร้อนๆ ให้ทุกคนได้มาอัปเดตกันแบบจุใจ เพราะหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าภายในปีนี้ ที่นี่เค้ามีอัปเดตหลายอย่างมากที่สุดในรอบหลายปีที่แฟนๆ ดิสนีย์ควรต้องมาเที่ยวอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น โซนใหม่ล่าสุดกับ World of Frozen กับอาณาจักรเอเรนเดลล์ของจริงที่ถือเป็นที่แรกของโลก รวมถึงเหล่าบรรดา Duffy and Friends ที่ตอนนี้กลายเป็นตัวละครหลักของ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ในช่วงสปริงนี้ หรือแม้แต่โชว์ใหม่จากเหล่าเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel ซึ่งเป็นอีเวนท์พิเศษที่มีถึง 10 มิถุนายนนี้ โดยเราจะได้กระทบไหล่กับซูเปอร์ฮีโร่คนโปรดแบบใกล้ชิด บอกเลยว่า ใครที่เคยมาเที่ยว ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) มาก่อนหน้านี้หลายปี ถ้าได้มาอีกครั้งตอนนี้ หลายอย่างของเค้าได้เปลี่ยนไปพร้อมกับความสนุก ความตื่นเต้นที่ไม่เหมือนเดิมแน่นอน ซึ่งบทความนี้ก๊อตรวบรวมมาแล้วทั้งหมด 9 อย่าง ลองมาอ่านกันได้เลย
สารบัญ 7 อย่างห้ามพลาดในฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland)
ซื้อบัตรฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ที่ไหนดี?
สำหรับช่องทางในการซื้อบัตรฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) นั้น ก๊อตแนะนำให้ทุกคนซื้อผ่าน Klook ได้เลย เพราะสะดวกสบาย ซื้อง่าย และราคาดี ผ่านแอพหรือเว็บไซต์ Klook นั่นเอง โดยเราสามารถซื้อบัตรล่วงหน้าได้ 2 เดือน โดยเว็บเค้ามีภาษาไทย และตั๋วที่เค้าออกให้จะเป็น QR Code ที่เราสามารถไปสแกนที่หน้าประตูแล้วเข้าสวนสนุกได้เลย อันนี้สะดวกสบายมาก
🎫 เช็คราคาและซื้อบัตรฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) [ซื้อผ่าน Klook]
1. Duffy and Friends Play Days
สำหรับใครที่มาเที่ยว ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ช่วงนี้ ทุกคนจะได้พบกันอีเว้นท์สุดพิเศษห้ามพลาดอย่าง Duffy and Friends Play Days เทศกาลแฟนเฟสติวัลประจำปีของเหล่าดัฟฟี่และผองเพื่อนที่เค้ามีถึงวันที่ 10 มิถุนายนนี้ โดยเราจะได้มาร่วมดื่มด่ำไปกับการเฉลิมฉลองสุดน่ารักไปกับ ดัฟฟี่ (Duffy), เชลลี่ เมย์ (Shelliemay), เจลาโตนี่ (Gelatoni), สเตล่า ลู (Stella Lou), คุกกี้แอนน์ (CookieAnn), ลีน่าเบล (LinaBell) และโอลู (Olu Mel) โดยก๊อตขอเล่าให้ฟังก่อนว่าดัฟฟี่นั้น เค้าเป็นตุ๊กตาหมีที่มินนี่ เม้าส์เย็บให้กับมิกกี้ เมาส์ เพื่อให้มาอยู่เป็นเพื่อนในการเดินทางท่องโลก จนทำให้ทั้งสองได้กลายมาเป็นเพื่อนรักของกันและกัน ซึ่งความพิเศษสุดๆ ของ Duffy and Friends Play Days คือเค้ามีเฉพาะใน ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) เท่านั้น
โดยตลอดช่วงเวลาที่มีอีเว้นท์ คนที่มายังสวนสนุกจะได้เพลิดเพลินไปกับสวนสวยๆ ที่มีหน้าของเจ้าดัฟฟี่อยู่บนบริเวณรางรถไฟ รวมถึงได้ยลโฉมประติมากรรมผองเพื่อนของดัฟฟี่สมจริงใจกลางลานในถนน Main Street พร้อมทั้งได้เข้าไปพบปะกับดัฟฟี่และเพื่อนๆ ในโรงละครสุดน่ารัก และไฮไลท์ที่ต้องมาเห็นด้วยตาเลยก็คือ The Joy of Sharing ที่ดัฟฟี่จะแท็กทีมชวนเพื่อนออกมาเต้นโชว์กันอยู่กลางลานด้านหน้าของปราสาทท่ามกลางบรรยากาศสุดอบอุ่นหัวใจ ซึ่งก๊อตบอกเลยว่าอีเว้นท์แต่ละอันของเค้านั้นน่ารักสุดๆ ใครที่ก่อนมาอาจจะยังไม่คุ้นหูกับแก๊งนี้ แต่ก๊อตการันตีได้เลยว่า มาถึงที่นี่แล้วจะต้องโดนดัฟฟี่และเพื่อนๆ ของเค้าตกได้ไม่ยากแน่นอน
Meet Duffy and Friends Play House
ใครที่อยากเข้าไปจับมือทักทายพร้อมกับถ่ายภาพคู่กับดัฟฟี่และผองเพื่อนแบบใกล้ชิด ท่ามกลางโลกของการ์ตูนที่จำลองออกมาได้เสมือนจริง ราวกับเราได้เข้าไปเป็นสมาชิกคนหนึ่งด้วยนั้น กิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยก็คือ การเข้าไป Meet Duffy and Friends Play House บน Plaza Grounds ที่เราจะได้เข้ามาเยือน ‘โรงละครของดัฟฟี่และผองเพื่อน’ ที่สมจริงผ่านห้องโถงมากมาย ทั้ง Morning Glory ห้องนั่งเล่นของดัฟฟี่และเพื่อนๆ ที่บรรยากาศนั้นตลบอบอวลไปด้วยความสดใสและน่ารัก ยกขบวนกันมาทั้งเหล่าเฟอร์นิเจอร์และของประดับสุดปุ๊กปิ๊ก แถมเรายังสามารถเข้าไปนั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้ราวกับว่าหลุดเข้ามาอยู่ในห้องรับแขกของพวกเค้าจริงๆ ถือเป็นห้องที่ชวนให้ใจฟูกันตั้งแต่เริ่มต้นเลย นอกจากห้องนั่งเล่นแล้ว เค้ายังมีห้องครัวของ คุกกี้แอนน์ (CookieAnn) ที่ตกแต่งเสมือนเป็นห้องครัวจริงๆ รวมถึงยังมีสตูดิโอศิลปะของเจลาโตนี่ (Gelatoni) ที่มาพร้อมภาพงานศิลปะและเทคโนโลยีสุดเจ๋งให้เราได้ลองมาเป็นศิลปินอีกด้วย
ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยคือ เขาวงกตของ ลีน่าเบล (LinaBell) ที่เราจะได้เดินลัดเลาะเข้าไปในเส้นทางที่รายล้อมไปด้วยผีเสื้อมากมายเพื่อเจอกับคาแรกเตอร์ต่างๆ ในชุดมาสคอตที่รอพบปะกับเราหลังม่านเขาวงกต โดยเค้าจะมี 3 ตัวละครมาให้เราเลือก ไม่ว่าจะเป็น ลีน่าเบล (LinaBell), คุกกี้แอนน์ (CookieAnn) และ สเตล่า ลู (Stella Lou) ซึ่งเป็นตัวละครที่ก๊อตเลือกเข้าไปเจอ โดยสเตล่า ลู ตอนเราไปเจอน้องน่ารักและมีเอเนอร์จี้เยอะม๊าก มีความดุ๊กดิ๊กสุดๆ ซึ่งเราจะมีเวลาอยู่ในห้องนั้น 1 นาที จะเต้น เล่น ร้อง หรือถ่ายรูปก็ทำได้ตามสบาย ซึ่งก๊อตเองประทับใจแบบยิ้มไม่หุบ บอกเลยว่าใครที่ชื่นชอบดัฟฟี่และผองเพื่อนอยู่แล้ว ห้ามพลาดกิจกรรมนี้โดยเด็ดขาด ยิ่งใครที่ตั้งใจมาเจอพวกเค้าด้วยแล้ว แนะนำให้วิ่งตรงมาโซนนี้เลยตั้งแต่ปาร์คเปิด เพราะที่นี่ถือเป็นกิจกรรมฮิตที่เราต้องต่อคิวยาวมากที่สุดของปาร์คแล้ว ซึ่งช่วงพีคๆ นั้นเราต้องรอมาถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
Duffy and Friends “The Joy of Sharing” Show
อีกหนึ่งโชว์ห้ามพลาดใน ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ที่ก๊อตแนะนำเลยคือการมายืนรอดูเหล่า Duffy and Friends มาเต้นโยกย้ายส่ายก้นกันที่หน้าปราสาท ภายใต้ชื่อโชว์ว่า “The Joy of Sharing” ที่เค้าได้จำลองเทศกาลเฟสติวัลประจำปีขึ้นมา โดยได้เนรมิตพื้นที่หน้าปราสาทให้กลายเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีเพื่อให้ดัฟฟี่และเพื่อนๆ ได้ออกมาร่วมปิกนิกไปท่ามกลางบรรยากาศแห่งความมหัศจรรย์ของฤดูใบไม้ผลิที่ยกพร๊อพและของตกแต่งมาจัดเอาไว้กันแบบอลัง
สำหรับรอบการแสดงนั้นจะจัดเป็นช่วงเวลาตลอดทั้งวัน โดยเราสามารถดูตารางเวลาโชว์ในแต่ละวันที่ป้ายด้านหน้าปราสาท หรือเว็บไซต์ของ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ได้เลย และเมื่อใกล้ถึงเวลาโชว์แล้ว ก๊อตแนะนำให้ทุกคนรีบมาจับจองพื้นที่บริเวณลานด้านหน้าของปราสาทกันก่อนได้เลย เพราะโชว์นี้ถือเป็นอีกโชว์ที่ป็อปมากที่สุดของที่นี่ การที่เรามาเร็ว เราก็จะได้เห็นเหล่าดัฟฟี่และผองเพื่อนของเค้ากันแบบเต็มๆ สายตากันนั่นเอง
สำหรับ Duffy and Friends “The Joy of Sharing” Show จะเริ่มจากการที่เหล่านักแสดงในชุดสีสันสดใสพากันออกมาร้องเล่นเต้นรำอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่ดัฟฟี่ (Duffy), เชลลี่ เมย์ (Shelliemay), เจลาโตนี่ (Gelatoni), สเตล่า ลู (Stella Lou), คุกกี้แอนน์ (CookieAnn), ลีน่าเบล (LinaBell) และโอลู (Olu Mel) จะพากันตบเท้าเดินออกมาจากตัวปราสาทแล้วมาร้อง เล่น เต้น ให้เราได้รับชมไปพร้อมๆ กัน ถือเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่เราจะได้เห็นความน่ารักของเหล่าคาแรกเตอร์ทั้ง 7 ตัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ท่ามกลางบทเพลงเพราะๆ ที่ฟังแล้วเคลิ้มจนอยากกระโดดเต้นตาม
2. Marvel Season of Super Heroes
อีกหนึ่งอีเว้นท์ใหญ่ต่อจากดัฟฟี่ที่ต้องมาดูเลยก็คือ “Marvel Season of Super Heroes” โชว์จากเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวล (Marvel) ที่โซนทูมอร์โรว์แลนด์ (Tomorrowland) ซึ่งความพิเศษคือเค้ามีเฉพาะช่วงนี้ไปจนถึง 10 มิถุนายน 2567 นี้เท่านั้น โดยเป็นโชว์ที่เราจะได้มาร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเหล่าฮีโร่จากมาร์เวลในการปกป้องพื้นที่ให้รอดพ้นจากกลุ่มวายร้ายอย่าง อาร์นิม โซล่า (Arnim Zola) ที่มาพร้อมกับกองทัพไฮดร้าสุดแข็งแกร่ง ซึ่งโชว์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลา ได้แก่ “Find Your Super Power: Battle for Stark Expo” ที่แสดงในตอนกลางวัน ซึ่งเราจะได้เห็นเหล่าฮีโร่แทบทั้งหมดจากมาร์เวลกันแบบตัวเป็นๆ ที่ยกทัพมาปล่อยของพร้อมโชว์พลังพิเศษกันแบบใกล้ชิด และอีกโชว์คือการแสดงโดรนในตอนกลางคืนอย่าง “Find Your Super Power: Battle in the Sky” ที่ก๊อตบอกเลยว่าโชว์นี้ใครที่ชื่นชอบตัวละครจากภาพยนตร์และซีรีส์ต่างๆ ของจักรวาลมาเวลต้องมาดูด้วยตาตัวเอง เพราะนอกจากจะได้เห็นเหล่าฮีโร่แทบจะทุกตัวละครแล้ว เรายังได้เห็นการแสดงบินโดรนเป็นภาพตราสัญลักษณ์ของฮีโร่แต่ละคนบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนอีกด้วย นอกจากนี้ Marvel Season of Super Heroes ยังมาพร้อมกับสินค้าธีมมาร์เวลให้เราได้สะสมกันพรึ่บพรั่บ แถมยังได้ฟินไปกับชุดอาหารและเครื่องดื่มในธีมเดียวกันที่ทำออกมาได้เท่และน่ากินสุดๆ เรียกได้ว่าสาวกมาร์เวลไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
Find Your Super Power: Battle for Stark Expo
พาทุกคนไปเริ่มกันที่ Find Your Super Power: Battle for Stark Expo โชว์ที่นำเสนอเรื่องราวมหากาพย์การต่อสู้ระหว่างอาร์นิม โซล่า (Arnim Zola) ศัตรูตัวฉกาจของกัปตันอเมริกาและเหล่าอเวนเจอร์ส ที่ครั้งนี้เค้ากลับมาพร้อมกองทัพไฮดร้าที่ทรงพลังยิ่งขึ้น นำมาซึ่งการต่อสู้ระหว่างตัวร้ายกับเหล่าฮีโร่บนเวทีที่เราจะได้เกาะติดขอบจอกันแบบใกล้เว่อร์ และที่ก๊อตยกให้เค้าเป็นหนึ่งในโชว์ห้ามพลาดเพราะเราจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับฮีโร่ของมาร์เวลแบบครบทีมในโชว์เดียว ทั้ง ไอรอนแมน (Ironman), สไปเดอร์-แมน (Spider – Man), กาโมรา (Gamora), กัปตันอเมริกา (Captain America), ธอร์ (Thor), แอนท์-แมน (Ant – Man) และฮีโร่คนอื่นๆ อีกมากมาย ที่ตีบทแตกกระจุยโชว์ปราบเหล่าวายร้ายกันแบบสมจริงสุดๆ และเมื่อโชว์เสร็จแล้ว เรายังมีโอกาสได้มีทและถ่ายรูปกับเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ที่ตัวเองชื่นชอบแบบใกล้ชิดได้ด้วยนะ บอกเลยว่าแฮปปี้สุด
Find Your Super Power: Battle in the Sky
สำหรับโชว์ Find Your Super Power: Battle in the Sky จะเป็นโชว์บินโดรนในช่วงเวลากลางคืนที่ก๊อตอยากให้ทุกคนอยู่รอดูกันม๊าก เพราะความเริ่ดมันอยู่ที่เค้าจะบินโดรนไปบนท้องฟ้าเหนือ Stark Expo ให้ออกมาเป็นตราสัญลักษณ์ของเหล่าฮีโร่ของมาร์เวลแบบครบทุกคน ความดีงามมันอยู่โดรนสามารถปรับสีไปตามแต่ละสัญลักษณ์ของเหล่าฮีโร่ได้ ซึ่งสตอรี่ของ Find Your Super Power: Battle in the Sky จะเป็นเรื่องราวของโซล่าที่ได้ปล่อยฝูงบ็อตที่ผ่านการพัฒนาให้มีความเก่งกาจทางอากาศออกมาอาละวาด ฟีลเหมือนเข้ายึดครองน่านฟ้าของพวกฮีโร่เอาไว้นั่นแหละ ทีนี้เหล่าฮีโร่เค้าก็จะออกมาปกป้อง Stark Expo ด้วยการต่อสู้กับจอมวายร้ายให้เราได้ดูกันแบบใกล้ๆ อีกครั้ง ท่ามกลางระบบ แสง สี เสียงแบบจัดเต็มที่ตอนก๊อตยืนดูอยู่นั้น มันยิ่งใหญ่และตื่นตาตื่นใจสุดๆ ยิ่งเวลาโดรนบนท้องฟ้ามันเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ นะ นี่จำไม่ได้เลยว่าตัวเองพูดคำว่า ‘ว้าว ว้าว ว้าว’ ไปกี่หนจนกว่าจะจบโชว์ ก๊อตขอยกให้เป็นหนึ่งในโชว์ที่ต้องดูของที่นี่เลย
Take Flight with Iron Man Above Hong Kong
นอกจากการดูโชว์พิเศษจากมาร์เวลแล้ว หนึ่งในเครื่องเล่นที่เราต้องมาเล่นที่ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) เท่านั้นเลยคือ เครื่องเล่น Take Flight with Iron Man Above Hong Kong เครื่องเล่นธีมมาร์เวลที่เราจะได้ขึ้นยานบินไปกับไอรอนแมนเหนือเกาะฮ่องกงแบบคมชัดสมจริงสุดๆ โดยเครื่องเล่นนี้เค้ามาในรูปแบบสามมิติที่เราต้องใช้เจ้าแว่นตา StarkVision เข้าไปนั่งอยู่บนยานจำลอง Iron Wing Mark VIII รุ่น Expo Edition ที่จะพาเราเหาะเหินขึ้นไปบนอากาศเพื่อชมทิวทัศน์ของเกาะฮ่องกง บินว่อนผ่านเกาะเกาลูน แหล่งการค้าสุดคึกคัก อ่าววิคตอเรียอันยิ่งใหญ่ และแนวตึกสูงต่างๆ ไปจนถึงตึก Hong Kong Stark Tower ซึ่งทั้งหมดนี้เราจะได้บินเคียงคู่ไปกับไอรอนแมนอีกด้วย
ภารกิจลุ้นระทึกมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อไอรอนแมนได้รับรายงานว่าในเมืองมีเหล่าไฮดร้ากำลังก่อการร้ายอยู่ ทีนี้ละความวายป่วงได้เริ่มต้นขึ้นทันที ยานที่นั่งชมวิวมาดีๆ ได้เหาะเหินไปบนอากาศกันอย่างรวดเร็ว โดยมีภารกิจที่จะต้องไปช่วยไอรอนแมนกำจัดเหล่าวายร้ายที่เล่นฟาดสารพัดข้าวของเข้าใส่ จู่โจมไอรอนแมนและยานที่เรานั่งมาจนกระจกหน้าแตกกันเลยทีเดียว ซึ่งตอนสู้กันเนี่ย สนุกม๊าก เพราะเบาะที่เรานั่งเค้าจะโยกไปมาแบบตึกตักๆ ก้นแทบไม่แตะเบาะกันเลยทีเดียว โดยตลอดระยะเวลาที่เล่นอยู่กว่า 4 นาที ถือเป็นเครื่องเล่นระทึกหัวใจเว่อร์เป็นการนั่งเครื่องเล่นที่ดูเหมือนไม่หวาดเสียงแต่ชวนอ้วกและมึนหัวได้เช่นกัน คิคิ
โดยรวมตลอดการเล่น Take Flight with Iron Man Above Hong Kong ในระยะเวลาประมาณ 4 นาที ก๊อตบอกเลยว่าตื่นตาตื่นใจทุกวินาที เป็นเครื่องเล่นที่ดึงเอเนอร์จี้และความตื่นเต้นของเราออกมาได้พอสมควร ยกให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องเล่นที่พลาดไม่ได้ของ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) เลย
3. World of Frozen
สำหรับโซนใหม่ล่าสุดของฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ที่ต้องมอบมงความสวยอลังที่ห้ามพลาด เป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากโซน World of Frozen แห่งแรกของโลก กับดินแดนของอาณาจักรเอเรนเดล (Arendelle) ที่สมจริงและยิ่งใหญ่อลังการที่ด้านในถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนหลักๆ คือ Arendelle Village (ฝั่งเมือง) และ Arendelle Forest (ฝั่งป่า) ที่จำลองหมู่บ้าน น้ำพุแห่งมิตรภาพ หอนาฬิกา วังน้ำแข็งของเอลซ่า ปราสาทเอเรนเดลล์ ไปจนถึงเครื่องเล่นและโชว์จากเอลซ่าและอันนารวมอยู่ด้วย ซึ่งทั้งสองโซนนี้ถูกคั่นกลางเอาไว้ด้วย King Agnarr Bridge หรือ สะพานข้ามทะเลสาบเอเรนเดลล์ ใครที่อยากหลุดเข้าไปเป็นหนึ่งในชาวเมืองเอเรนเดลนั้น ก๊อตบอกเลยว่า World of Frozen สานฝันเราได้ดีเยี่ยมเลย
Frozen Ever After
Frozen Ever After คือหนึ่งในเครื่องเล่นของ World of Frozen ที่ทุกคนจะได้กระโดดลงเรือไม้ลำใหญ่ล่องเข้าไปยัง Elsa’s Ice Palace ท่ามกลางฉากของถ้ำ หมู่บ้าน และผืนป่าที่ทำออกมาได้สมจริงสุดๆ นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่นๆ และบทเพลงสุดไพเราะจากภาพยนตร์เรื่อง Frozen ให้ได้ดื่มด่ำกันแบบหนำใจ โดยซีนไฮไลท์ที่ก๊อตประทับใจจนน้ำตาไหลและขนลุกมากเลยก็คือ ซีนเจ้าหญิงเอลซ่าที่กำลังยืนร้องเพลงร่ายมนต์อยู่ เรือไม้จะค่อยๆ ลอยลำเข้าไปตรงหน้าของเอลซ่า ท่ามกลางเสียงเพลง Let It Go ที่ดังลั่นไปทั่วบริเวณ พร้อมกับจังหวะที่เรือได้ถอยหลังห่างออกจากเอลซ่าอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางแสง สี เสียง และถ้ำที่กลายเป็นสีฟ้าราวกับมีเวทมนตร์อยู่จริงๆ มันสวย มันจึ้งไปหมด ก๊อตชอบจนเล่นซ้ำสองรอบ ถือเป็นช่วงที่ชอบที่สุดในเครื่องเล่นนี้แล้ว มันเหมือนเราถูกสะกดด้วยเวทมนตร์จากเอลซ่าจริงๆ
Wandering Oaken’s Sliding Sleighs
Wandering Oaken’s Sliding Sleighs อีกหนึ่งเครื่องเล่นใน World of Frozen ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากตัวละครที่ชื่อ โอเค่น (Oaken) เจ้าของร้าน Wandering Oaken’s Trading Post and Sauna ที่ได้ปรับเปลี่ยนภูเขาหลังบ้านท่ามกลางผืนป่าเอเรนเดลให้กลายมาเป็นลานรถไฟเหาะ จนกลายมาเป็น Wandering Oaken’s Sliding Sleighs ที่แม้ว่าจะเป็นเครื่องเล่นรถไฟเหาะเด็กน้อยที่ระดับความเสียวไม่ได้มีมากนัก แต่ก๊อตคิดว่าก็ถือเป็นอีกเครื่องเล่นที่ตื่นตาตื่นใจไปกับฉากต่างๆ ที่เราจะได้พบเจอด้านใน แต่น่าเสียดายไปนิดที่ระยะเวลาการเล่นรถไฟเหาะนี่สั้นเพียงนิดเดียวเท่านั้น ยังไม่รู้สึกจุใจเท่าไหร่เล้ย ฮ่าๆ แต่ยังไงนี่ก็แนะนำให้เล่นนะ เพราะเครื่องเล่นนี้มีอยู่แค่ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) เท่านั้น ใครที่มาครั้งแรก หากปาร์คเปิดแล้วให้พุ่งตัวมาเล่นก่อนได้เลย
Playhouse in the Woods
สำหรับ Playhouse in the Woods คือ โรงละครขนาดย่อมที่เปิดโอกาสให้แฟนๆ Frozen ได้เข้ามาชมโชว์ของ เอลซ่า อันนา และโอลาฟอย่างใกล้ชิด ซึ่งความน่ารักของโชว์คือ เจ้าหญิงทั้งสองเค้าจะเดินลงมาอยู่ใจกลางโรงละครแล้วสวมบทบาทแสดงพร้อมร่ายมนต์ให้เราได้ดูกันแบบเอกซ์คลูซีฟ ท่ามกลางผืนป่าที่จัดเต็มไปด้วยฉาก เอฟเฟกต์ต่างๆที่อลังการไม่แพ้ใคร ยิ่งในตอนที่เอลซ่าร่ายมนต์นั้น เหล่าควัน ภาพประกอบ ไปจนถึงหิมะ ต่างโปรยปรายลงมาเสมือนจริงให้ได้ตื่นตาตื่นใจไปด้วย ก๊อตยกให้เป็นอีกโชว์ที่น่ารักหนุบหนับใจมาก ใครที่อยากชมโชว์นี้ จะต้องกดจองคิวเข้ามาผ่าน Disney Standby Pass ก่อนนะ โดยบัตร 1 ใบ สามารถใช้ได้กับ 1 คนเท่านั้น ซึ่งตอนกดจองเค้าจะมีรอบเวลาให้เราเลือก ดังนั้น หากใครจองทัน ให้มารอเข้าชมในเวลาที่กำหนด หรือมารอก่อนเวลาได้เลย
4. อาหารห้ามพลาดในฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland)
สำหรับใครที่เที่ยวในสวนสนุก เล่นสารพัดเครื่องเล่นจนเหนื่อยแล้วอยากเติมพลังด้วยอาหารอร่อยๆ ที่ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) นั้นมีอาหารหลากหลายแบบให้เราเลือกทานเยอะมาก ชนิดที่เรียกว่ากินทั้งวันก็ไม่หมด สำหรับอาหารห้ามพลาดอย่างแรกสำหรับแฟนๆ จักรวาลมาร์เวลที่ก๊อตอยากให้ทุกคนได้ลอง คือ เมนูอาหารซูเปอร์พาวเวอร์ ที่ห้องอาหาร Starliner Diner ในโซนทูมอร์โรว์แลนด์ (Tomorrowland ) ที่มีให้เราเลือกกินถึง 4 เซต ไม่ว่าจะเป็น Fried Chicken Basket Combo ราคา HK$140 (~660 บาท), Fish Burger Combo HK$145 (~685 บาท), Captain Marvel Beef Burger Combo HK$140 (~660 บาท) และ Hulk Double Beef Burger Combo HK$165 (~780 บาท) ซึ่งอาหารแต่ละเซตนั้น ใครที่เป็นแฟนๆ มาร์เวลจะต้องร้องกรี๊ด ยิ่งใครสั่งเป็นเบอร์เกอร์ด้วยแล้ว คือตรงขนมปัง เค้าหยิบยกเอาหน้าของไอรอนแมน เดอะ ฮัค แปะมาด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกนำมาครีเอทอยู่ในเมนูให้เราได้กินนั่นเอง
หากใครอยากกินแบบบุฟเฟ่ต์ในสวนสนุกเค้าก็มีอีกโซนที่ก๊อตแนะนำเลยคือ Explorer’s Club Restaurant กับ Explorer’s Semi-Buffet บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ ที่จ่ายราคาเดียวแล้วจะกินเท่าไหร่ก็ได้แบบจุใจ โดยความพิเศษของบุฟเฟ่ต์คือเค้านำเอาวัตถุดิบจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศจีน อินเดีย รัสเซีย โมร็อกโก และอียิปต์ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นประเทศที่ ท่านลอร์ด เฮนรี่ มิสติก หนึ่งในตัวละครของดิสนีย์หลงใหลมากที่สุดมาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์เมนูต่างๆ ออกมา โดยเชฟเค้าได้นำเอาวัตถุดิบจากแต่ละประเทศมาผสมผสานและปรุงออกมาเป็นอาหารหลากหลายเชื้อชาติ เช่น เนื้อแกะสไตล์โมร็อกโก, ไก่เนยสไตล์อินเดีย, ไก่ไหหลำสไตล์จีน ที่เราจะได้นั่งกินอาหารเหล่านี้ท่ามกลางบรรยากาศสโมสรของท่านลอร์ดที่ภายในถูกแบ่งและตกแต่งออกเป็น 5 ห้อง ตามแต่ละประเทศอีกด้วย ความเริ่ดของเค้าก็คือ รสชาติอาหารแต่ละเมนูนั้น หากเราได้ลิ้มลองแล้ว มันเหมือนกับว่าตัวเราได้หลุดเข้าไปยังประเทศนั้นจริงๆ ไม่ต่างจากท่านลอร์ด เฮนรี่ มิสติกเลยเชียว เรียกได้ว่าเป็นรายการบุฟเฟ่ต์ที่คุ้มสุดๆ มาในราคาสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ HK$298 (~1,400 บาท) และเด็ก HK$198 (~930 บาท) โดยเค้าจะมีรอบให้เราเข้าไปกิน 2 ช่วงเวลาคือ มื้อเที่ยง 12:00 น. – 17:45 น. และมื้อเย็น เวลา 18:15 น. ใครที่อยากกินอาหารท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ได้ลิ้มรสเมนูจากหลากหลายประเทศ นี่แนะนำบุฟเฟ่ต์ที่นี่เลยจ๊า อาหารละลานตามากบอกเลย
5. ขบวนพาเหรด Mickey & Friends Street Celebration
มาถึงกิจกรรมที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยที่อยากจะสนุกไปกับตัวละครแบบใกล้ชิด ในทุกๆ วันที่ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) เวลา 12:15 น. และ 17:30 น. บริเวณถนน Main Street เค้าจะมี ขบวนพาเหรด Mickey & Friends Street Celebration ของมิกกี้และผองเพื่อน รวมไปถึงวินนี่ เดอะ พูห์ ตบเท้าขึ้นมาบนขบวนรถไฟสุดน่ารักแล้วเคลื่อนตัวไปตามถนนท่ามกลางเสียงเพลง และเหล่าตัวละครที่พากันออกสเต็ปวาดลวดลายกันอย่างสุดมันส์ให้เราได้มายืนส่งเสียงเชียร์และร่วมเต้นไปด้วยกัน
ซึ่งก๊อตจะบอกว่าการมาเที่ยวดิสนีย์แลนด์นั้น หากเราไม่ได้มาดูขบวนพาเหรดมันเหมือนเรามาไม่ถึงดิสนีย์ของจริง ดังนั้น นี่จึงไม่อยากให้พลาด ขบวนพาเหรด Mickey & Friends Street Celebration ซึ่งขบวนเค้าจะเคลื่อนตัวออกมาจากทางด้านข้างของปราสาทเพื่อเข้ามาตามถนน Main Street จังหวะนี้บ้านไหนที่พาเด็กๆ มาด้วย แล้วอยากให้น้องๆ เค้าได้เห็นเหล่าตัวละครกันแบบครนครันในครั้งเดียว ก๊อตแนะนำให้มาจับจองพื้นที่ว่างด้านข้างของถนนแล้วอยู่รอชมกันได้เลย รับรองว่าเราจะได้สัมผัสกับประสบการณ์สนุกๆ จากตัวละครแทบทุกตัวของดิสนีย์ในช่วงเวลานั้นนั่นเอง
โดยที่ก๊อตอยากให้ทุกคนได้เห็นเลยก็คือ มาสคอตของ มิกกี้ เม้าส์คลาสสิกเวอร์ชัน Steamboat Willie หรือมิกกี้ตัวขาวดำ ซึ่งปัจจุบันนี้เค้ากลายเป็นสมบัติธารณะ เพราะดิสนีย์ได้หมดลิขสิทธิ์ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยพี่มิกกี้เวอร์ชันนี้เค้าจะมีในมาสคอตตัวสีขาวดำ สวมกางเกงสีน้ำเงิน และมีหูที่ยาวกว่าปกติด้วยนา ซึ่งจากที่ก๊อตไปดิสนีย์แลนด์มาในหลายๆ ประเทศ ยังไม่เห็นมีขบวนพาเหรดไหนมีเจ้า Steamboat Willie อยู่เลย นอกจากที่ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) อะ คือรู้แบบนี้แล้วยิ่งต้องมารอดู ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมห้ามพลาดของที่นี่เค้าเลย
6. โชว์พลุ “Momentous” มหัศจรรย์เเสงสีเเห่งราตรี
ปิดท้ายแต่ไม่ท้ายที่สุดกับสิ่งที่ห้ามพลาดมากที่สุดกับโชว์ปิดท้ายของการเที่ยวดิสนีย์แลนด์นั่นก็คือ การได้มาชมพลุ “Momentous” มหัศจรรย์เเสงสีเเห่งราตรี อีกหนึ่งการโชว์ของดิสนีย์ที่ก๊อตเชื่อว่าหลายคนตั้งหน้าตั้งตารอในช่วงสุดท้ายของวันก่อนกลับกันออกไป โดยโชว์พลุนั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลา 21:00 น. ของทุกวัน โดยมีทั้งการฉายภาพ 3 มิติ บอกเล่าเรื่องราวของภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่องต่างๆ ที่มีตัวละครมากกว่า 150 ตัว ท่ามกลางระบบแสง สี เสียง และเอฟเฟกต์ รวมถึงพลุสุดเว่อร์วังที่ทำออกมาได้สมจริง จนก๊อตมองแล้วยังอดไม่ได้ที่จะร้องว้าวออกมาซ้ำๆ
สำหรับก๊อตที่เคยได้ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์มาแล้วเกือบทั่วโลกนั้น ณ ตอนนี้ก๊อตขอยกโชว์พลุอันดับหนึ่งในดวงในให้กับที่ฮ่องกง ด้วยสารพัดเอฟเฟกต์ที่ยกขบวนกันมาแบบจัดหนักจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น น้ำพุที่ถูกออกแบบให้เต้นพริ้วไหวไปตามจังหวะของดนตรี การฉายภาพลงไปบนผืนน้ำด้านหน้าของปราสาท เลเซอร์ และระบบแสงที่ถูกยิงไปทั่วทุกทิศทาง ไปจนถึงสิ่งที่ทำให้ก๊อตน้ำตาซึมอย่างพลุ และดอกไม้ไฟจำนวนมหาศาลที่ถูกจุดแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เปล่งแสงทอประกายไปทั่วผืนนภาและสะท้อนกลับลงมาสู่ปราสาทหลังโตให้ดูเลอค่ายิ่งขึ้นไปอีก บอกเลยว่าตลอดระยะเวลา 20 นาทีที่เค้าโชว์พลุกันอย่างยิ่งใหญ่อยู่นั้น ภาพของปราสาทที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของดิสนีย์ แสง สี เสียงต่างๆ มันผสมผสานเข้าไว้ด้วยกันจนกลายเป็นโชว์ที่สมบูรณ์แบบและเฟอร์เฟกต์มากๆ มันคุ้มค่ากับการยืนดูจนจบโชว์จริงๆ
ใครที่อยากสานฝันในวัยเด็ก ได้มายืนอยู่ท่ามกลางโลกแห่งความมหัศจรรย์ เพลิดเพลินไปกับบทเพลงสุดไพเราะจากดิสนีย์ การได้ดูพลุ “Momentous” มหัศจรรย์เเสงสีเเห่งราตรี ถือเป็นโชว์ปิดท้ายที่จะทำให้การมาเที่ยว ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ของเรานั้นคอมพลีทและใจฟูเป็นที่สุด ยิ่งได้มายืนดูกับคนที่เรารัก จะเป็นคนในครอบครัว หรือแม้แต่แฟนและเพื่อน ก๊อตบอกเลยว่า ช่วงที่พลุเข้าขึ้นฟ้าแบบพรึ่บพรั่บมันเป็นมู้ดที่ดีงามต่อใจม๊ากก นี่ประทับใจพลุสุดๆ แบบอิ่มเอมในใจเว่อร์
7. นอนโรงแรมในดิสนีย์แลนด์ที่ Disney Explorers Lodge
หากใครที่ตั้งใจมาเที่ยว ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) แบบฟูลฟีลเต็มอิ่มที่สวนสนุก การได้เข้าพักที่โรงแรมของดิสนีย์ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ก๊อตคิดว่าควรลองสักครั้ง ซึ่ง โรงแรมดิสนีย์ เอกพอร์เรอร์ ลอร์ด (Disney Explorers Lodge) เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ก๊อตแนะนำเลย เพราะเค้าเป็นโรงแรมใหม่ล่าสุดของ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ที่มาในธีมของนักสำรวจจากสตอรี่เรื่องราวของมิกกี้ เม้าส์ (Mickey Mosue) และ มินนี่ เม้าส์ (Minnie Mouse) ที่ทั้งคู่ได้สร้างที่อยู่อาศัยของตัวเองขึ้นมา ซึ่งก็คือ โรงแรมดิสนีย์ เอกพอร์เรอร์ ลอร์ด (Disney Explorers Lodge) แห่งนี้เพื่อเป็นเหมือนฐานที่มั่นและเก็บของสะสมจากทั่วโลกเอาไว้
บรรยากาศและการตกแต่งของ โรงแรมดิสนีย์ เอกพอร์เรอร์ ลอร์ด (Disney Explorers Lodge) นั้น มันเหมือนกับเราได้หลุดเข้ามาในโลกที่เต็มไปด้วยการสำรวจ ตั้งแต่บรรยากาศภายนอกของโรงแรมที่ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนป่า และอีกด้านรายล้อมไปด้วยท้องทะเล ภายในโรงแรมโอ่อ่ากันตั้งแต่ล็อบบี้ขนาดใหญ่ที่ยกเพดานสูงปรี๊ด โดยจำลองบรรยากาศของใต้ท้องเรือ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ และข้าวของที่วางประดับตกแต่งเอาไว้นั้นล้วนเป็นโทนสีไม้และมีไม้จริงๆ รวมอยู่ด้วย ให้อารมณ์เหมือนเราเป็นกะลาสีอยู่ใต้ท้องเรือกันจริงๆ
นอกจากบรรยากาศดีๆ ที่เราจะได้รับแล้ว หากเราเข้าพักที่ โรงแรมดิสนีย์ เอกพอร์เรอร์ ลอร์ด (Disney Explorers Lodge) เรายังได้สิทธิพิเศษเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการได้รับคูปองส่วนลดในการซื้อของดิสนีย์ที่สโตร์ด้านล่างของโรงแรมอีกด้วยนะ แถมยังมีรถรับส่งจากโรงแรมไปยังสวนสนุกตลอดทั้งวันหมดซึ่งสะดวกสบายสุดๆ มากไปกว่านั้น ในแต่ละวันเค้ายังมีมิกกี้ กูฟฟี่ ที่สวมชุดมาสคอตแบบเต็มยศมายืนรอให้เราได้ถ่ายรูปอยู่ที่ด้านล่างตรงล็อบบี้อีกด้วย แต่ช่วงเวลานั้นก๊อตไม่มั่นใจ เพราะตอนเราไปเจอ นี่เจอช่วงบ่ายๆ จ๊า แต่ถ้าใครกลัวมาไม่ทัน ที่ห้องอาหารเช้า ตั้งแต่เวลา 08:00 น. เป็นต้นไป พี่มิกกี้ และพี่กูฟฟี่เค้าจะผลัดกันมารอให้เราได้เซลฟี่ถ่ายรูปคู่ด้วยนา เป็นอีกกิจกรรมน่ารักๆ ภายในโรงแรมที่หนุบหนับใจสาวกดิสนีย์มาก
สรุป ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland)
ทั้งหมดนี้คือ 7 กิจกรรมห้ามพลาดใน ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ฉบับอัปเดตปี 2024 ของก๊อต ที่ใครมาเที่ยวแล้วต้องมาตามรอยเก็บทุกกิจกรรมให้ได้ ส่วนตัวก๊อตประทับใจทุกอย่าง นี่ว่าเค้าทำแต่ละกิจกรรมออกมาได้ดีมาก ยิ่งใครที่เป็นแฟนๆ Duffy and Friends รวมถึงชื่นชอบมิกกี้เมาส์และมินนี่เมาส์อยู่แล้ว ที่ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) เหมือนเราได้เข้ามาเยือนบ้านของพวกเขาจริงๆ พวกมันมีแต่คำว่าน่ารักอยู่เต็มไปหมด ส่วนโชว์จากเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวล (Marvel) ที่โซนทูมอร์โรว์แลนด์ (Tomorrowland) นั้น ยิ่งใหญ่ม๊าก นอกจากบินโดรนแบบอลังแล้ว ยังได้เจอเหล่าฮีโร่ตัวเป็นๆ แบบใกล้ชิดอีกด้วย ในส่วนของโซน Frozen ก็เล่นใหญ่ยกกันมาทั้งอาณาจักร คือมายันภูเขาน้ำแข็งให้ได้มาดูแบบตื่นตาตื่นใจม๊ากก และที่อยากให้ทุกคนอยู่รอดูเลยคือการแสดงพลุ อย่างตอนที่ก๊อตไปเค้าเริ่มโชว์ตอนสามทุ่มตรง ถึงแม้โชว์พลุเค้าจะเริ่มดึกหน่อย แต่คุ้มค่าแก่การรอคอยมาก เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 20 นาที แสง สี เสียง รวมถึงพลุ และเอฟเฟ็กต์ต่างๆ คืออลังการจนน้ำตาแทบไหล สวยงามเลอค่าจนอยากหยุดเวลาในตอนนั้นเอาไว้ เอาเป็นว่าใครอยากลองเที่ยวสวนสนุกของดิสนีย์ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) ถือเป็นอีกหนึ่งสวนสนุกที่ตอบโจทย์และใช้เวลาบินจากบ้านเราไม่นานด้วย บอกเลยว่าอยากให้ทุกได้ลองมาสัมผัสกันจริงๆ