โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ใครที่อยากมาเที่ยวสวนสนุกพร้อมกับได้เดินส่องสัตว์จากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นน้องหมีแพนด้ายักษ์ แพนด้าแดง โลมา ฉลาม เพนกวิน หากมาเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong) ก๊อตแนะนำว่าต้องมาเที่ยว โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) เลย โดยที่นี่เป็นสวนสนุกที่อยู่คู่กับฮ่องกงมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเป็น สวนสนุกเพื่อการศึกษาแห่งแรกของฮ่องกง (Hong Kong) ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และรายล้อมไปด้วยชายฝั่งทางตอนใต้ของฮ่องกง (Hong Kong) ภายในนอกจากจะรวมเอาสัตว์นานาพันธุ์มาให้เราได้ชมกันอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีโซนเครื่องเล่นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่แบบเบบี๋อย่างชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน รถไฟราง ไปจนถึงเครื่องเล่นหวาดเสียวเอาใจผู้ใหญ่สายผาดโผนอย่างเครื่องเล่น Hair Raiser, Wild Twister ที่มีแรงมหาศาลถึง 4G และ Arctic Blast ที่มีธีมสโนว์สเคป มากไปกว่านั้น ที่นี่ยังมีการจัดงานตามเทศกาลใหญ่ๆ อย่างที่โด่งดังเลยก็คือ “เทศกาลฮาโลวีน” และ “ซัมเมอร์สแปลช” ที่จะมามอบประสบการณ์ความตื่นเต้นเร้าใจ เรียกได้ว่า ใครที่อยากหาสถานที่ทำกิจกรรมร่วมกัน จะเป็นครอบครัว แฟน หรือเพื่อนๆ ก๊อตแนะนำให้ทุกคนปักหมุดมาที่ โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) โลด รับรองว่ามาที่เดียวเราจะได้ผจญภัยกันครบทุกรสชาติแน่นอน
Ocean Park – Wondrous Winter Gala
Ocean Park – Wondrous Winter Gala ก่อนที่เราจะไปเที่ยวด้านในสวนสนุก ก๊อตมีอีกหนึ่งอีเว้นท์ที่กำลังจะจักขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2025 ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2025 ใครมาเที่ยวที่ โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) อย่าลืมมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ไปกับน้องแพนด้าสุดน่ารักใน “โรงละครอินเตอร์แอคทีฟแพนด้ายักษ์” ใหม่ล่าสุด ที่เราจะได้เข้ามายังโลกของแพนด้า พร้อมกับได้เล่นและโต้ตอบไปกับความน่ารักของพวกเค้าผ่านเทคโนโลยี Interactive สุดล้ำ ที่จะทำให้เราได้เห็นแพนด้ายักษ์กันแบบเรียลไทม์ตรงหน้า
นอกจากการได้มาเล่นกับแพนด้ายักษ์ผ่านเทคโนโลยีแบบทันสมัยแล้ว ใน Ocean Park – Wondrous Winter Gala เรายังสามารถถามข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับแพนด้ายักษ์ รวมไปถึงเรียนรู้การอนุรักษ์สัตว์ป่าไปพร้อมๆ ได้กันอีกด้วย อย่างโซนที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ Panda Wonders: An Illuminated Journey ที่เราจะได้ออกเดินทางตามรอยแพนด้ายักษ์ไปบนผืนป่าที่เต็มไปด้วยต้นไผ่ และดอกไม้นานาชนิด อีกทั้งยังได้ดื่มด่ำไปกับโลกแห่งแสงสีที่สาดส่องมาบนรูปปั้นแพนด้ายักษ์แบบใกล้ชิดอีกด้วย คนที่ชอบดูแพนด้ามาแล้วฟินมากบอกเลย
ยังไม่หมดเท่านั้น Ocean Park – Wondrous Winter Gala ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้เราได้มาลองเล่นและชมกันอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น การแสดงเชิดมังกรและสิงโตสุดอลัง ที่จะมาเรียกรอยยิ้มจากทุกคน รวมถึงยังมีการแสดงเล่นกล มาพร้อมกับเทพเจ้าแห่งโชคลาภและดาวมงคล ที่หากใครหาเจอจะได้รับความสุขและความโชคดีกลับไปด้วย สุดท้ายใครที่อยู่จนถึงค่ำ กิจกรรมที่ต้องรอดูเลยก็คือ Gala Of Lights การแสดงไฟในธีมปีใหม่ ที่จัดเต็มทั้งแสง สี เสียงแบบอลัง เอาเป็นว่าใครมาเที่ยวช่วงเวลานี้ อย่าลืมรอดูอีเว้นท์ Ocean Park – Wondrous Winter Gala กันนา ก๊อตบอกเลยว่า เล่นใหญ่สะใจแน่นอน
รู้จักกับ โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong)
โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ตั้งอยู่ที่ หว่องชุกหาง (Wong Chuk Hang) และนัมลองซาน (Nam Long Shan) บนชายฝั่งทางใต้ของเกาะฮ่องกง โดยที่นี่เป็นสวนสนุกแห่งการผจญภัยในธีมท้องทะเล อีกทั้งยังมีโซนนิทรรศการเชิงการศึกษา และพื้นที่ให้ผู้คนได้มาเปิดประสบการณ์เกี่ยวกับสัตว์อยู่ด้วย
ภายใน โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ The Waterfront และ The Summit โดยเริ่มตั้งแต่โซน The Waterfront ที่เป็นพื้นที่ส่วนแรกที่เราเดินเข้ามาจากประตูทางเข้า โดยบริเวณนี้จะเป็นพื้นที่จัดแสดงสัตว์ต่างๆ ที่ถูกแยกย่อยออกเป็น 3 โซน ได้แก่ Aqua City พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ ที่จัดแสดงสัตว์ทะเลกว่า 5,000 ตัวจาก 400 สายพันธุ์ในอควาเรียมและแท็งก์น้ำขนาดบิ้กเบิ้ม นอกจากนี้ยังมีโชว์กิจกรรมทางน้ำให้ได้มาม่วนจอยกันอีกด้วย ต่อมาจะเป็น Amazing Asian Animals โซนนี้เค้าจะจัดแสดงสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในเอเชีย แต่ที่เป็นไฮไลท์ที่คนเค้าแห่มาดูเลยก็คือ น้องหมีแพนด้า และแพนด้าแดง ที่จะมานั่งกินต้นไผ่ให้เราดูกันแบบใกล้ชิด ส่วนโซนสุดท้ายจะเป็น Whiskers Harbour ที่เหมาะสำหรับน้องๆ หนูๆ มาก เพราะนอกจากจะมีเหล่าสัตว์ตัวเล็กอย่างพวกเมียร์แคต เต่า จัดแสดงอยู่แล้ว โซนนี้ยังมีเครื่องเล่นน่ารักๆ อย่างพวกม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ และรถไฟให้เด็กๆ ได้มาปล่อยพลังเล่นกันอีกด้วย
สำหรับ The Summit จะเป็นโซนใหญ่ที่สร้างเอาไว้บนพื้นที่เขาด้านหลัง ซึ่งจะเป็นโซนที่เราจะต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้า Ocean Express ข้ามฟากไป หรือจะนั่งรถรางขึ้นไปก็ได้ ใครที่ชอบเหล่าสัตว์จากขั้วโลก รวมถึงอยากเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวฟีลผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ก๊อตแนะนำให้มาโซนนี้ได้เลย โดย The Summit จะแบ่งย่อยออกเป็น 4 โซน ได้แก่ Rainforest โซนที่เราจะได้หลุดเข้าไปใจกลางป่าทึบ ที่มีทั้งสัตว์น้ำ และเหล่านกมากมาย อีกทั้งยังมีเครื่องเล่นทางน้ำ อย่างล่องแก่งให้เราได้มาเล่นกันด้วย จากนั้นจะเป็นโซน Thrill Mountain เป็นที่ตั้งของเครื่องเล่นผาดโผน เช่น โรลเลอร์โคสเตอร์ Hair Raiser, Wild Twister และ Bumper Blaster
ติดกันจะเป็นโซน Polar Adventure ใครที่อยากเห็นสัตว์จากขั้วโลกตัวเป็นๆ อย่างเพนกวิน แมวน้ำ หมาจิ้งจอกอาร์กติก ที่อยู่ท่ามกลางพื้นที่จำลองขั้วโลกให้พุ่งตัวตรงดิ่งมาโซนนี้ได้เลย ปิดท้ายกันที่ Marine World โซนที่เราจะต้องเดินลงไปตามเนินเขา ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของเครื่องเล่นท้าความสูง อย่าง Crazy Galleon, Viking และ Flying Swingที่จะมาในแบบที่อลังการและหวาดเสียวกว่าในโซน Thrill Mountain ม๊ากก ใครที่รู้สึกว่ายังกรี๊ดไม่สะใจ มาลองเล่นเครื่องเล่นในโซนนี้ได้เลย แต่นอกจากเครื่องเล่นแล้ว เค้ายังมีโซนแสดงสัตว์น้ำอย่าง โลมา ฉลาม และแมงกะพรุนอยู่ด้วย
และนี่ก็คือโซนต่างๆ ภายใน โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ซึ่งรีวิวนี้ก๊อตจะพาทุกคนไปสำรวจ รวมถึงเล่นเครื่องเล่นกันแบบจัดเต็ม แต่บอกก่อนว่า เราอาจจะไม่ได้ตามเก็บทุกเครื่องเล่น แต่รับประกันเลยว่า ทุกเครื่องเล่นที่ก๊อตเอามาฝาก รวมถึงโซนสัตว์ต่างๆ ที่ไปมา ครบรสแน่นอน ใครที่มาเที่ยวฮ่องกง แล้วอยากมาสวนสนุกแถมยังได้ดูสัตว์ไปในตัว ไม่มีที่ไหนตอบโจทย์เราได้เท่ากับ โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) อีกแล้ว
โซนใน โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong)
วิธีเดินทางมายัง โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong)
รถไฟ MTR, รถเมล์ : วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่ โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) คือรถไฟ MTR และรถเมล์ โดยสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้มากที่สุดคือสถานีโอเชี่ยนปาร์ค (Ocean Park Station) ส่วนป้ายรถเมล์ที่ใกล้มากที่สุดจะเป็นป้ายหว่องชุกหาง (Wong Chuk Hang) ซึ่งสามารถเดินทางมาตามนี้ได้เลย
- โดยรถไฟ MTR :
- โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) : ให้ขึ้นรถไฟ MTR บนสาย South Island นั่งมาลงมาที่ สถานีโอเชี่ยนปาร์ค (Ocean Park Station) ที่ตั้งอยู่หน้าสวนสนุกที่เราสามารถเดินเชื่อมมายังสวนสนุกได้เลยทันที
- โดยรถเมล์ :
- โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) : ให้ขึ้นรถเมล์สายสีเขียวหมายเลข 29 หรือ 59 สีเขียว นั่งมาลงที่ ป้ายหว่องชุกหาง (Wong Chuk Hang) จากนั้นเดินต่อไปยัง โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ได้
🎫 เช็คราคาและซื้อบัตร Octopus Card สำหรับใช้เดินทางในฮ่องกง [ซื้อผ่าน KKday]
ซื้อบัตร โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ที่ไหนดี?
ซื้อผ่าน OTAs อย่าง KKday (⭐️ แนะนำ): วิธีที่ก๊อตว่าสะดวกสบาย ซื้อง่าย และราคาดี คือการซื้อบัตรสวนสนุกผ่าน KKday นั่นเอง โดยตั๋วที่เราจะได้นั้นเป็นแบบ QR Code ที่สามารถแสกนที่หน้าเกทแล้วเข้าสวนสนุกได้ทันที
🎫 เช็คราคาและซื้อบัตรโอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) [ซื้อผ่าน KKday]
เริ่มเที่ยว โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ได้เล้ยย
โซน The Waterfront
สำหรับรูทการเดินเที่ยวใน โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ก๊อตจะพาทุกคนเดินไปทีละโซน โดยเราจะเริ่มกันที่โซนแรกที่พอเดินเข้ามาจากประตูทางเข้าหลักจะเจอเลยกับ The Waterfront โซนที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นทางเข้าหลักสู่สวนสนุกที่ทุกคนจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามา โดยโซนนี้ได้รับการออกแบบเพื่อแนะนำภารกิจในการอนุรักษ์ทางทะเลและสัตว์ป่าของ โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ผ่านการจัดแสดงสัตว์มากมาย นอกจากนี้ยังเป็นโซนที่เน้นย้ำถึงมรดกทางวัฒนธรรมของฮ่องกง โดยผสมผสานระหว่างการศึกษาและความบันเทิงเข้าไว้ด้วยกัน ภายในก็จะมีตั้งแต่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โซนแสดงสัตว์เอเชีย พื้นที่นิทรรศการ ไปจนถึงร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก ให้ได้มาส่องและช้อปกัน โดยในโซน The Waterfront จะแบ่งย่อยโซนออกเป็น 3 โซน คือ Aqua City, Amazing Asian Animals และ Whiskers Harbour ซึ่งก๊อตจะพาทุกคนเที่ยวไล่ไปทีละโซนเลย
Aqua City
The Grand Aquarium
มากันที่โซนแรกอย่าง Aqua City โซนเรือธงของ โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดของโลกใต้น้ำ ซึ่งเค้าได้เอาธีมเกี่ยวกับท้องทะเลมาผสมผสานเข้ากับความบันเทิงอย่างการแสดงมัลติมีเดียบนพื้นที่ Aqua City Lagoon และการอนุรักษ์ทางทะเลเข้าไว้ด้วยกัน เป็นโซนแรกที่เราจะเดินเข้ามาเจอนั่นเอง
ภายใน Aqua City จะมีไฮไลท์ด้วยกันหลักๆ คือ The Grand Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ใครที่ชื่นชอบสัตว์น้ำ ก๊อตบอกเลยว่าที่นี่ยิ่งกว่าสววรค์ เพราะข้างในนั้น มีสัตว์ทะเลมากกว่า 5,000 ตัวจากกว่า 400 สายพันธุ์ ซึ่งจะถูกจัดแสดงอยู่ในพื้นที่จำลองเหมือนเราหลุดเข้ามาใต้ท้องทะเลลึก โดยจะมีทั้งที่เป็นการมองผ่านตู้กระจกใส และแบบที่ทำเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยโขดหินที่โคตรจะสมจริง โดยเค้าจะเป็นทางเดินลัดเลาะไปมาให้เราได้เพลิดเพลินไปกับเหล่าปลามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฉลามครีบดำ, ฉลามม้าลาย, ปลากระเบนราหูจุด, ปลาการ์ตูน, ปลานกแก้ว, ปลาทูน่า ไปจนถึงแมงกะพรุนนั่นเอง คือเดินส่องกันจนตาแตก โดยมุมที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ แท็งก์น้ำขนาดใหญ่ที่เราสามารถมองดูปลานับพันตัวได้แบบ 360 องศา อันนี้นอกจากจะยิ่งใหญ่อลังการแล้ว ถ่ายรูปคู่กับแท็งก์น้ำก็เป็นมุมที่ภาพออกมาเว่อร์วังสุดๆ
The Hong Kong Jockey Club Sichuan Treasures
เดินถัดออกมาจากอควาเรียม จะเป็นอีกหนึ่งโซนป๊อบของที่นี่เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ The Hong Kong Jockey Club Sichuan Treasures โซนที่เราจะได้เห็นหมีแพนด้าตัวเป็นๆ โดยข้างในจะเป็นโซนปิดที่จำลองพื้นที่อาศัยของหมีแพนด้าเอาไว้ในห้องกระจกขนาดใหญ่ โดยหมีแพนด้าที่เราเห็นนี้ ชื่อคือ An An and Ke Keเป็นที่รู้จักจากนิสัยขี้เล่นและอยากรู้อยากเห็น โดยตอนที่ก๊อตเข้าไปเจอ น้องกำลังนั่งแทะใบไผ่แบบเอร็ดอร่อยมาก พอกินเสร็จก็เดินตุ๊บป่องไปทางซ้ายที ขวาที ฟีลโชว์ตัวให้คนที่เข้ามาดูได้เห็นกันแบบทุกทิศทุกทาง ซึ่งตัวจริงๆ คือน่ารักปุ๊กปิ๊กขนฟูๆ แบบที่ก๊อตเห็นแล้วมันเขี้ยวม๊ากก นอกจากหมีแพนด้าแล้ว ข้างๆ กันยังมีลิงจมูกเชิดสีทอง (Golden Snub-Nosed Monkey) 2 ตัว ชื่อ QiQi และ LeLe จัดแสดงอยู่ด้วย ซึ่งทั้งสองตัวก็น่ารักมากจริงๆ
Amazing Asian Animals
หากใครที่ดูแพนด้ายังไม่สะใจ ให้เดินมาที่โซน Amazing Asian Animals ต่อได้เลย โดยความเริ่ดของโซนนี้คือเค้าอุทิศให้กับการจัดแสดงสัตว์ป่าซึ่งเป็นสัตว์พื้นเมืองของเอเชียทั้งหมด อีกทั้งยังมีนิทรรศการแบบโต้ตอบ และการจัดแสดงเชิงการศึกษา เพื่อส่งเสริมให้คนที่เข้ามาดูได้ตระหนักรู้ในเรื่องของการอนุรักษ์และเห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพของภูมิภาคนั่นเอง
โดยไฮไลท์หลักๆ ของโซนนี้ที่ต้องมาชมเลยก็คือ Applause Pavilion เพราะเราจะได้ดื่มด่ำกับแพนด้าท่ามกลางโดมเปิดขนาดใหญ่ ที่ภายในจำลองพื้นที่ป่าไผ่แบบไม่มีกระจกกั้นเอาไว้ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นที่อยู่ของแพนด้ายักษ์น้อง หยิง หยิง (盈盈) และ LeLe ที่เราสามารถมองเห็นผ่านรั้วกั้นได้แบบเต็มสายตา ซึ่งตอนที่ก๊อตไปถึงน้องกำลังนั่งจุมปุ๊กกินใบไผ่แบบชิลๆ เหมือนนั่งกินโชว์ให้พวกมนุษย์ดูมาก คือน้องไม่มีท่าทีตื่นเต้นใดๆ ที่มีคนมายืนเกาะขอบรั้วดูน้องนั่งกินเลย เป็นการดูแพนด้าที่ใกล้มาก คือใกล้ระดับที่ว่าห่างกันเพียงเอื้อมมือแบบนั้นเลย
ติดกันจะเป็นที่อยู่ของ แพนด้าแดงตัวจิ๋ว ที่แม้จะหน้าตาเหมือนแรคคูน แต่น้องอยู่ในตระกูลแพนด้านะทุกคน โดยก๊อตยืนส่องอยู่เนิ่นนาน น้องก็ไม่ทำอะไรไปมากกว่าการเดินนวยนาดไปบนกิ่งไม้แล้วก็เดินไปสำรวจพื้นนิดหน่อย จากนั้นก็ขึ้นมาขอบๆ ตรงรั้ว แล้วก็ทิ้งตัวนอนเกาพุงตัวเอง เป็นภาพที่ตลกแต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกันมาก
โซน The Summit
สำหรับโซน The Summit จะเป็นโซนที่เค้าตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนบนของสวนสนุก เป็นโซนที่ขึ้นชื่อในเรื่องของวิวรอบๆ ที่เว่อร์วัง เพราะสารพัดเครื่องเล่นต่างๆ ล้วนตั้งอยู่บนเขาที่รายล้อมไปด้วยมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ โดยโซนนี้จะเน้นไปที่เครื่องเล่นแนวหวาดเสียวและผาดโผน เหมาะสำหรับคนที่อยากมากระตุ้นอะดรีนาลีนหรือรักในการผจญภัย พร้อมทั้งชื่นชอบสัตว์ป่า เพราะ The Summit ยังมีโซนจัดแสดงสัตว์ป่าเอาไว้ให้เราได้มาส่องกันอีกเพียบ โดยจะมีโซนย่อยแบ่งออกมาถึง 4 โซน คือ Rainforest, Thrill Mountain, Polar Adventure และ Marine World นั่นเอง
โดยการที่เราจะขึ้นไปยังโซน The Summit จะมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ เดินทางขึ้นไปด้วยกระเช้าลอยฟ้า ที่ตลอดเส้นทางเราจะมองเห็นวิวของมหาสมุทรที่โอบล้อมเกาะฮ่องกงเอาไว้ แถมยังสามารถมองเห็นสวนสนุกจากมุมสูงได้อีกด้วย ส่วนอีกวิธีคือการนั่ง Ocean Express ซึ่งเป็นรถรางที่จำลองการเดินทางใต้น้ำระหว่างนั้น บอกก่อนว่าการนั่งรถรางจะใช้เวลาน้อยกว่ากระเช้าลอยฟ้า อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครสะดวกแบบไหน สามารถเลือกขึ้นได้ตามชอบเลย ส่วนตัวก๊อตขาขึ้นเรานั่งกระเช้าลอยฟ้า แต่ตอนกลับลงมาก๊อตเลือกนั่งเป็นรถราง ถือว่าเราได้นั่งครบทั้งสองอย่างพอดี
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ร้านอาหาร The Bayview Restaurant
ก่อนที่ก๊อตจะพาทุกคนไปเล่นเครื่องเล่นสุดมันส์ในโซน The Summit ก๊อตขอแวะเติมพลังกันที่ ร้านอาหาร The Bayview Restaurant กันก่อน โดยร้านอาหารจะอยู่ในอาคารเดียวกับสถานีจอดกระเช้าลอยฟ้าเลยนะ เราสามารถเดินเชื่อมมาหากันได้ง่ายๆ เลย
สำหรับ The Bayview Restaurant ถือเป็นร้านอาหารในสวนสนุกที่โดดเด่นในเรื่องของวิวทิวทัศน์มาก ด้วยความที่ร้านเค้าตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้สามารถมองออกไปเห็นวิวของท้องทะเลจีนใต้ได้แบบไกลสุดลูกหูลูกตา ใครที่อยากมานั่งกินข้าวท่ามกลางวิวสวยๆ ก๊อตแนะนำเลย ซึ่งอาหารภายในร้านเค้าก็มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น อาหารจีน อาหารตะวันตก ไปจนถึงอาหารฟิวชันเอเชีย รวมถึงยังมีเค้ก ผลไม้ ไอศกรีม และเครื่องดื่มขายอยู่ด้วย
โดยก๊อตเลือกกินเป็นข้าวหน้าแซลม่อนแสนอร่อยที่เสิร์ฟกันจานโตๆ ให้เนื้อปลาแซลม่อนมาชิ้นบิ้กเบิ้ม กินคู่กับซุปข้าวโพดรสกล่อมกลม ปิดท้ายด้วยไอศกรีมล้างปาก บอกเลยว่าดีย์งามมาก ยิ่งได้นั่งกินโต๊ะริมหน้าต่างของร้านที่สามารถมองออกไปเห็นวิวของท้องทะเลอันกว้างใหญ่ รายล้อมไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อย ยิ่งฟินเป็นสองเท่าเลยล่ะ ใครมาสวนสนุกแล้วอยากฝากท้องกับอาหารอร่อยๆ มีให้เลือกหลากหลาย The Bayview Restaurant ตอบโจทย์มาก
Rainforest
มาเริ่มโซนแรกใน The Summit กันที่ Rainforest โซนที่มาพร้อมการจำลองสภาพแวดล้อมของป่าฝนอันเขียวชอุ่มในเขตร้อน โดยในโซนนี้จะเป็นพื้นที่จัดแสดงสัตว์ป่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น คาปิบารา สัตว์ฟันแทะที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือจะเป็น นกแก้ว และนกทูแคน ที่จะมาสร้างสีสันให้กับพื้นที่ป่าแห่งนี้ ยังไม่หมดเท่านั้น เค้ายังมีสัตว์เลื้อยคลานอย่างงูสายพันธุ์ต่างๆ อนาคอนด้า เต่า ปลาน้ำจืดหายาก ไปจนถึงสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอยู่ด้วย โดยบรรยากาศด้านในจะเป็นเหมือนบ้านต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีเส้นทางให้เราเดินไปตามสะพานไม้ทอดยาวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อย่างกับตัวก๊อตหลุดเข้าไปอยู่ในป่าฝนจริงๆ แบบนั้นเลย
นอกจากสารพัดสัตว์ที่ก๊อตเล่ามา ในโซนนี้ยังมี เครื่องเล่น Expedition Trail หรือล่องแก่งที่จะพาเราล่องไปตามแม่น้ำจำลอง ผ่านแนวป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธ์ บางจุดของเครื่องเล่นก็จะมีน้ำตกพาดผ่านอีกด้วย โดยระหว่างทางจะมีเหล่าสัตว์ในพื้นที่ออกมาเดินเตร็ดเตร่ พร้อมส่งเสียงร้องให้ได้ยิน ยิ่งเพิ่มประสบการณ์เหมือนอยู่ท่ามกลางป่ากันจริงๆ ความสนุกคือระหว่างที่เครื่องเล่นมันล่องไปเรื่อยๆ อยู่เส้นทางด้านล่าง บริเว๊ด้านบนที่เป็นโซนจัดแสดงสัตว์จะมีมุมให้คนสามารถฉีดน้ำใส่คนที่ล่องแก่งอยู่ด้านล่างได้ คือถ้าเราเล่นแล้วเปียก ไม่ต้องแปลกใจ มันไม่ได้เปียกเพราะน้ำด้านล่างกระเด็นมาโดน แต่มาจากคนด้านบนที่ฉีดใส่กันไม่ยั้งต่างหาก อันนี้มันส์มากบอกเลย เป็นการเข้าถึงแก่นแท้ของป่าฝนไแบบขั้นสุด
Thrill Mountain
ไปต่อกันที่โซน Thrill Mountain ที่เราสามารถเดินเชื่อมมาจากโซน Rainforest ได้เลย โดยโซนนี้จะถูกออกแบบมาสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้นเร้าใจ เพราะเค้ารวมเอาเครื่องเล่นความเร็วสูงมาไว้ให้เราลองเล่นแบบครบครัน ท่ามกลางบรรยากาศเหมือนเราเดินเล่นอยู่ในงานคาร์นิวัล ที่สดใสไปด้วยสีสัน และเสียงดนตรีสุดคึกคัก
โดยเครื่องเล่นห้ามพลาดในโซนนี้เลยก็คือ Hair Raiser รถไฟเหาะตีลังกาที่โดดเด่นด้วยทางเข้าหน้ายิ้มขนาดใหญ่ ซึ่งเค้าได้แรงบันดาลใจในการสร้างมาจากสวนสนุกลูน่าปาร์ค ซิดนีย์ (Luna Park Sydney) ประเทศออสเตรเลีย (Australia) ความหวาดเสียวของ Hair Raiser คือเค้าเป็นรถไฟเหาะระบบรางแบบไม่มีพื้น ความมันส์เลยอยู่ตรงนี้ เพราะจังหวะที่รถไฟพุ่งทะยานออกจากราง ตัวเราจะเหาะเหินลอยวืดอยู่บนอากาศ ท่ามกลางวิวแบบพาโนราม่า โดย Hair Raiser จะวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงสุด 88 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนรางที่มีจุดสูงสุดถึง 34 เมตร ส่วนตัวก๊อตนั้น ด้วยความที่เราเป็นสายรถไฟเหาะอยู่แล้ว Hair Raiser ยังถือว่าเป็นรถไฟเหาะที่ระดับความหวาดเสียวอยู่ในระดับกลางๆ แต่ถ้าใครไม่ถนัดพวกเครื่องเล่นรถไฟเหาะ มาลองเล่นเจ้านี่สักรอบ เดินลงมาอาจจะขาสั่นได้
แต่ถ้าใครที่อยากปลุกอะดรีนาลีนให้พลุกพล่านไปกับเครื่องเล่นหวาดเสียวตัวจริงเสียงจริง ก๊อตยกมงให้กับ The Flash เครื่องเล่นที่หน้าตาเหมือนเฮอริเคน มาพร้อมแรงเหวี่ยงหมุนไปหมุนมาเป็นวงกลมแบบ 360 องศา บนความสูง 22 เมตร ความหวาดเสียวของ The Flash คือตอนแรกๆ มันเหวี่ยงเราไปซ้ายทีขวาทีด้วยความเร็วไม่มากนัก แต่พอมันค่อยๆ ไต่ระดับไปจนถึงความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง วินาทีนั้น ที่นั่งของเราจะควงวงสวิงเป็นวงกลม พาเราลอยห้อยหัว ห้อยขาอยู่กลางอากาศ วินาทีชีวิตมาถึงไม่ต้องพึ่งเพลง I Believe I Can Fly ให้วุ่นวาย เพราะเราจะทำได้เพียงแหกปากร้องขอชีวิตเท่านั้น กรี๊ด กรี๊ดมันออกมาจนสุดเสียง ยิ่งตอนที่ตัวเราลอยเคว้งอยู่บนจุดสูงสุดแล้วมีจังหวะแช่อยู่สักแป๊บ ตอนนั้นก๊อตได้แต่ถามตัวเองว่า ขึ้นมาทำไมวะ เอ้อ มันหวาดเสียวมาก ถือเป็นเครื่องเล่นที่รู้สึกหวาดเสียวมากที่สุดของเครื่องเล่นที่เล่นมาในโอเชียนปาร์คแล้ว!
เล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวกันไปจนขาเริ่มสั่นพรึ่บพรั่บ ก๊อตขอปิดโซนนี้ด้วยเครื่องเล่นน่ารักๆ อย่าง Whirly Bird เครื่องเล่นที่ให้ฟีลเหมือนเราเป็นนกน้อยที่ได้ออกโผบิน โดยมาในรูปแบบที่นั่ง 2 คน ด้านข้างมีปีกสองข้างสยายอยู่ โดยเราสามารถบังคับคันโยกตรงกลางเพื่อให้ปีกเค้าบินเหมือนนกได้ในขณะเล่น โดยการเล่น Whirly Bird จะเป็นการนั่งไปบนที่นั่ง จากนั้นเครื่องจะพาเราค่อยๆ บินไปบนอากาศวนไปเป็นวงกลม ด้วยความสูงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 30 เมตรจากพื้น วิวด้านบนตอนเล่นดีย์งามมาก เราสามารถมองเห็นผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ด้านล่าง ท่ามกลางเครื่องเล่นมากมายที่เราเพิ่งไปเล่นกันมา ถือเป็นเครื่องเล่นที่ไม่ได้หวาดเสียวอะไรมาก เหมือนขึ้นไปเป็นนกชมวิวสวนสนุกจากมุมสูงประมาณนั้น
Polar Adventure
เล่นเครื่องเล่นกันจนฉ่ำแล้ว มาเดินชิลๆ ส่องสัตว์ขั้วโลกด้วยกันในโซน Polar Adventure ดีกว่า โดยโซนนี้เราจะได้เห็นสัตว์จากอาร์กติก (Arctic) และแอนตาร์กติกา (Antarctic) อย่างใกล้ชิด ผ่านการออกแบบที่จะทำให้เราได้เข้าใจถึงสภาพแวดล้อมและสายพันธุ์เฉพาะตัวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่หนาวที่สุดของโลกได้อย่างลึกซึ้งนั่นเอง
โดยรูทเดินชมสัตว์ในโซนนี้ก๊อตจะเริ่มเดินจากบริเวณ South Pole Spectacular ซึ่งจัดแสดงสัตว์จาก แอนตาร์กติกา (Antarctic) โดยไฮไลท์เด็ดของเค้าเลยก็คือ เพนกวินที่อยู่ท่ามกลางภูมิประเทศจำลองของแอนตาร์กติกา (Antarctic) ซึ่งเป็นลานน้ำแข็งขนาดมหึมาอยู่ท่ามกลางหิมะเทียม ในอุณหภูมิที่เย็นสบายม๊าก โดยเพนกวินในโซนนี้จะมีอยู่หลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น เพนกวินคิง (King Penguins) นกเพนกวินที่ใหญ่เป็นอันดับสอง โดดเด่นด้วยลวดลายสีเหลืองและสีส้มที่สะดุดตามาแต่ไกล หรือจะเป็นนกเพนกวินเจนทู (Gentoo Penguins) สายพันธุ์นี้จะมีหัวสีขาวแต้มอยู่ และมีหางที่ยาวกว่าสายพันธุ์อื่นๆ แต่ถ้าใครเห็นเพนกวินตัวจิ๋วๆ กว่าใครเพื่อน เค้าคือ นกเพนกวินร็อคฮอปเปอร์ใต้ (Southern Rockhopper Penguins) สายพันธุ์นี้จะตัวเล็กกว่าใคร และจะมีหงอนสีเหลืองเด่นหรามาเลย ซึ่งทั้งหมดก็จะแหวกว่ายอยู่ในน้ำ บ้างก็เดินโซเซไปมาอยู่บนโขดหิน แต่ที่น่ารักเลยคือมันจะมีบางตัวที่เหมือนติดพี่เลี้ยง คือเค้ามาฉีดน้ำล้างพื้นให้ เพนกวินก็จะเดินเป๋ไปเป๋มาเข้าไปใกล้ๆ พี่เลี้ยงให้เค้าฉีดน้ำใส่มัน ก๊อตยืนมองดูนานมาก น้องมันตามติดพี่เลี้ยงแจ คือพี่เลี้ยงไปอีกทาง มันก็เดินอ้วนตุ๊บตามเขาไป เห็นแล้วมันเขี้ยวสุดๆ
มาปิดท้ายกันที่โซน North Pole Encounter ที่เราจะได้เห็นพื้นที่จำลองภูมิภาคอาร์กติกแบบยิ่งใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจำลองมากมาย โดยตรงกลางจะเป็นบ่อขนาดยักษ์ซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าแมวน้ำ และวอลรัส โดยพวกมันจะมาว่ายน้ำวนไปมา บ้างก็กำลังถูกครูฝึกเรียกให้มารวมตัวก็มี โดยเราสามารถดูได้จากทั้งด้านบนบ่อ และสามารถเดินวนลงมาดูที่ด้านล่าง ซึ่งจะเป็นเหมือนตู้อความเรียมขนาดใหญ่ให้เราได้มาส่องพวกเค้าแบบใกล้ชิดอีกด้วย
สุดท้ายจริงๆ ในโซน Polar Adventure ยังมีอีกหนึ่งเครื่องเล่นที่ก๊อตอยากให้มาลองกัน เผื่อใครที่ไม่กล้าเล่นรถไฟเหาะก่อนหน้านี้ แต่อยากเปิดประสบการณ์รถไฟเหาะ Arctic Blast ตอบโจทย์มาก เพราะเค้าเป็นรถไฟเหาะที่ออกแบบมาสำหรับคนทุกเพศทุกวัย โดยตัวรถไฟจะวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนรางสีน้ำเงินยาวประมาณ 415 เมตร คดเคี้ยวผ่านทั่วทั้งโซน Polar Adventure ตอนเล่นคือสนุกมาก ด้วยความที่รถไฟเหาะวิ่งไม่เร็วมากนัก มันเลยทำให้ก๊อตสามารถมองวิวรอบๆ โซนได้แบบจุใจเลย และที่เลิฟสุดคือเค้าพาเราเล่นวน 2 รอบ อันนี้สะใจมาก เต็มอิ่มสุดๆ อยากให้ทุกคนมาลองเล่นกัน
Marine World
ปิดท้ายโซน The Summit กันด้วย Marine World โซนที่หากใครดูแผนที่จะเห็นว่าเราสามารถเดินเชื่อมมาจาก Rainforest ได้ แต่ด้วยความที่รูทเดินเที่ยวก๊อตมันวนไปอีกฝั่ง เราเลยเก็บ Marine World ไว้เป็นโซนสุดท้ายนั่นเอง โดยโซนนี้จะตั้งอยู่บนหน้าผาที่สามารถมองเห็นวิวอันสวยงามของทะเลจีนใต้ได้ และนอกจากวิวที่สวยสับแล้ว เครื่องเล่นในโซนนี้บอกเลยว่าหวาดเสียวไม่แพ้โซน Thrill Mountain เพราะเค้ายกขบวนกันมาหมด ทั้ง Ocean Park Tower หอสังเกตการณ์แบบหมุนที่เราจะได้เห็นวิวของสวนสนุกบนความสูงถึง 72 เมตร หรือจะเป็น Crazy Galleon เครื่องเล่นเรือโจรสลัดสุดคลาสสิกที่อยู่คู่สวนสนุกมาอย่างยาวนาน โดยรูปแบบการเล่นจะเหมือนเรือไวกิ้งที่พาเราวิ่งไปข้างหน้าและถอยหลังก่อนจะค่อยๆ โค้งขึ้นเกือบ 180 องศา ใครที่ชอบเครื่องเล่นแนวเรือไวกิ้งต้องมาลอง แต่ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วกลัวว่ามาโซนนี้จะเล่นอะไรไม่ได้ ก๊อตบอกเลยว่าไม่ต้องกลัว เพราะเค้ามีครื่องเล่นเบบี๋น่ารักๆ อย่างชิงช้าสวรรค์ รถราง รวมถึงโชว์การแสดงของสัตว์น้ำอย่างโลมา และปลาฉลามรวมอยู่ด้วย
สำหรับเครื่องเล่นที่ก๊อตมาเล่นในโซนนี้คือ Ferris Wheel ชิงช้าสวรรค์ที่ตั้งอยู่เนินเขา ด้วยความสูงของตัวชิงช้าถึง 24 เมตร ทำให้ตอนขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้น เราสามารถมองออกไปเห็นวิวของท้องทะเลได้แบบพาโนราม่าเลยล่ะ ซึ่งตัวกระเช้าจะมีด้วยกัน 24 ตู้ โดยจะเป็นแบบโอเพ่นให้เราได้นั่งรับสายลม และแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ใครที่อยากลองนั่งชิงช้าสวรรค์ท่ามกลางวิวของท้องทะเลตัดกับภูเขา ก๊อตอยากให้เดินมาขึ้น Ferris Wheel ได้เลย
หลังจากเล่นเครื่องเล่นในโซน The Summit เสร็จแล้ว ก็อตก็เดินไปรอขึ้นรถรางเพื่อลงไปด้านล่าง โดยเราใช้เวลานั่งรถรางกันประมาณ 5 นาที ก็มาถึงกันแล้ว ซึ่งช่วงเวลาที่ก๊อตลงมา บริเวณโซน The Waterfront กำลังโชว์การแสดงพอดี โดยจะมีเหล่านักเต้น พร้อมมาสคอตสัตว์ต่างๆ ของสวนสนุกมาวาดลวดลายท่ามกลางเสียงเพลงอันคึกคัก เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้คนได้มากมายเลย ถือเป็นโชว์ปิดการมาเที่ยว โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ที่ฟลูฟีลก๊อตมาก
วิธีการเดินทางมา โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong)
ก่อนจะจบรีวิวนี้ไป ก๊อตขอมาย้ำเรื่องการเดินทางมาเที่ยวที่ โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) กันอีกรอบ เผื่อใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากมาตามรอยกัน ซึ่งวิธีการเดินทางมาที่นี่ก็ง๊ายง่าย สะดวกสบายด้วยตัวเลือกการขนส่งหลายประเภทตามนี้เลย
- MTR (รถไฟใต้ดิน): ขึ้นสาย South Island Line และลงที่สถานี Ocean Park จากนั้นเดินไปที่ทางเข้าของสวนสนุกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานี
- รถบัส: ขึ้นรถบัสหมายเลข 29 หรือ 59 และลงที่ป้ายรถบัส Wong Chuk Hang จากนั้นเดินไปที่ทางเข้าของสวนสนุกซึ่งอยู่ใกล้ๆ
ราคาบัตร และช่องการซื้อ
สำหรับใครที่ไม่อยากมาต่อคิวเข้าแถวซื้อตั๋วเข้า โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ที่หน้างาน เพื่อความสะดวก ก๊อตแนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่าน KKday มาก่อนได้ บอกเลยว่ารวดเร็วและง่ายม๊ากก โดยหลังจากที่เราซื้อตั๋วกับ KKday เค้าจะออกเป็น QR Code มาให้ พอเรามาถึงทางเข้าแล้ว ให้เปิด QR Code บนหน้าจอโทรศัพท์ จากนั้นเอาไปสแกนที่ทางเข้าได้ทันที แค่นี้ก็สามารถเข้าสวนสนุกได้เลย แบบไม่ต้องไปเสียเวลาซื้อตั๋วให้วุ่นวาย อีกทั้งการซื้อผ่าน KKday ยังได้ราคาโปรโมชันแบบน่ารักๆ อีกด้วย ใครอยากซื้อตั๋ว สามารถคลิกที่นี่ได้เลย
สรุปการมาเที่ยว โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong)
และนี่ก็คือการมาเที่ยว โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) ของก๊อตนั่นเอง ถือเป็นการมาเปิดประสบการณ์เที่ยวสวนสนุกในอีกรูปแบบหนึ่งที่ประทับใจมาก ด้วยความที่หากมาเที่ยวสวนสนุก หลายคนจะต้องนึกภาพการมาเล่นเครื่องเล่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ที่ โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) นอกจากเครื่องเล่นที่มีตั้งแต่ระดับเบบี๋ชิลๆ ไปจนถึงเครื่องเล่นหวาดเสียวแล้ว เค้ายังมีโซนจัดแสดงสัตว์ พื้นที่นันทนาการ และนิทรรศการรวมอยู่ด้วย มันเลยทำให้ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัยที่มาเยือน อีกทั้งพื้นที่สวนสนุกก็กว้างขวาง คนที่มาเค้าก็จะกระจายตัวกันไปตามโซนต่างๆ จนทำให้เราไม่รู้สึกแออัดเวลาอยู่ในสวนสนุกเลย ใครที่ชอบบรรยากาศสวนสนุกฟีลคลาสสิกหน่อยๆ ให้มู้ดเหมือนอยู่ในงานคาร์นิวัลเก๋ๆ แถมยังครบเครื่องทั้งชมสัตว์ และเครื่องเล่น มาเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong) ต้องมาเช็คอิน โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง (Ocean Park Hong Kong) บอกเลยว่าได้รับความสนุกกับบ้านกันทุกคนแน่นอน