หากใครเข้ามาอ่านรีวิวเที่ยวอินโดนีเซียอันนี้เป็นครั้งแรก อยากจะบอกว่า.. จริงๆแล้วผมไม่ได้เที่ยวแต่ภูเขาไฟโบรโม่-คาวาอีเจียน อย่างเดียวนะครับ ก่อนหน้านี้มีไปเที่ยวบุโรพุทโธ ปรัมบานา ที่ยอร์กยาการ์ตาก่อนที่จะมาที่นี่ และหลังจากโบรโม่ ผมก็เที่ยวเกาะบาหลีต่อเลย ซึ่งทริปนี้รวมทั้งหมดคือ 10 วันแหละ โหดใช่เล่น แต่บอกเลยว่าเป็นทริปที่ประทับใจมากที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวต่างประเทศเลยทีเดียวครับ รับประกันจริงๆนะเว้ยยย .. และในบทความรีวิวนี้ จะรีวิวในส่วนเฉพาะของภูเขาไฟโบรโม่ คาวาอีเจียน น้ำตกมาดาคารีปูราเท่านั้นคร้าบ!
หากใครอยากอ่านของบุโรพุทโธ ตอนท้ายมีลิงค์รีวิว
ภาพรวมทริปอินโดนีเซีย ยอร์กยาการ์ตา-โบรโม่-คาวาอีเจียน-บาหลี 10 วัน (คลิกดูรูปใหญ่เพื่อเซฟตามรอยได้)
การจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรม
จากทริปอินโดนีเซียทั้งหมดนี้ ผมได้ใช้บริการ Traveloka ในการหาและจองตั๋วเครื่องบินและจองโรงแรมทั้งหมด คือแม่งถูกจริง ถูกกว่าจองเว็บสายการบินอีก แถมมีโค้ดลดเฉพาะโปรโมชั่นหรือร่วมกับบัตรเครทดิต และเคล็ดลับที่หลายๆคนไม่รู้คือ ถ้าจองที่พักผ่านแอพของ Traveloka เอง ก็ถูกยิ่งกว่าเดิมอีก หากใครอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติม ลองอ่านรีวิวจากก๊อตได้ที่นี่เล้ยย Traveloka เคยลองหาตั๋วเครื่องบินหรือโรงแรมถูกๆที่นี่แล้วรึยัง?
รู้จักโบรโมก่อนมั้ย?
ภูเขาไฟโบรโม่นั้นถือเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว แต่ยังไม่สนิท มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,329 เมตร จากระดับน้ำทะเล จากที่ไปมา คือภูเขาก็ยังคงพ่นควันออกมาพร้อมเสียงคำรามที่ดูน่ากลัว แล้วรู้มั้ยว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา โบรโมพึ่งประทุระเบิดไปไม่นาน ล่าสุดคือปี 2558 แต่ครั้งที่ร้ายแรงคือปี 2554
มกราคม 2554 โบรโม่ประทุพ่นเถ้าถ่านสูง 5.5 กิโลเมตร กินบริเวณกว้างกว่า 370 กิโลเมตร (wiki)
รอยต่อยอร์กยามาโบรโม่ PANTIP
จากที่ผมบอกไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ ผมได้ไปเที่ยวบุโรพุทโธ ที่ยอร์กยาการ์ตามาก่อนที่จะมาเที่ยวโบรโม่ ทีนี้แหละ ผมต้องเดินทางโดยรถไฟของอินโดนีเซียมาที่สุระบายาก่อน เพราะผมได้นัดกับคนขับรถที่จะพาผมเที่ยวโบรโม่ คาวาอีเจียนตลอดสามวันนี้
หากใครจะมาเที่ยวที่โบรโม่เลย ก็ให้จองตั๋วเครื่องบินมาลงสุระบายาจากกรุงเทพได้เลย แต่บินตรงจากกรุงเทพไม่มีนะ ต้องเปลี่ยนเครื่องที่จาการ์ตาสะดวกสุด บอกเลย
จากแพลนผมแนะนำให้มาสุระบายาตอนกลางคืนซักสี่ทุ่มเนี่ยแหละดี เพราะอะไรน่ะหรอ? เพราะกว่าจะไปถึงแถวโบรโม่ก็ประมาณตีสามพอดี .. อย่าพึ่งตกใจ ตีสามนั่นแหละดี เพราะจะได้เตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่โบรโม่ต่อเลยได้ จริงจริงงงงงง .. เชื่อสิ
เหมารถมาโบรโม่-คาวาอีเจียน?
ต้องบอกก่อนว่า การมาเที่ยวโบรโม คาวาอีเจียนครั้งนี้ คือไม่ได้ใช้รถสาธารณะเลย แต่เหมารถตลอด 3 วันกว่า เพื่อให้เค้าขับรถตลอดทริปในส่วนนี้ รวมถึงการหารถจี๊ปเพื่อเข้าไปในอุทยานโบรโมและไกด์ท้องถิ่นในการเดินพาขึ้นคาวาอีเจียน
แล้วนั่งรถสาธารณะไม่มีหรอ? .. คำตอบคือมี แต่บอกเลยว่ามันยาก ทำเวลาไม่ค่อยได้ และใช้เวลานานในการเดินทางหากใช้รถสาธารณะ
ก่อนไปเที่ยว ผมได้ส่งอีเมลถามเรื่องการเหมารถ และแพลนเที่ยวไปหาเอเจ้นที่นู้นมากกว่า 10 เจ้า แต่สุดท้าย.. ลงเอยที่คนที่ชื่อ Novan (bromozigzag@gmail.com) จากการที่เค้าตอบเร็วที่สุด และให้ราคาดีที่สุดสำหรับการเที่ยวโบรโม คาวาอีเจียนสำหรับสองคน
ราคาสุดท้ายที่ได้คือ 2,000,000 รูเปีย / คน (5,400 บาท) ต่อราคาจากสองล้านสองในตอนแรก
ราคานี้ไม่รวมค่าที่พัก เนื่องจากจองที่พักจาก Traveloka ที่ไทยไปแล้วก่อนหน้านี้
ราคาแพคเกจนี้รวมอะไรบ้าง ก็ตามนี้เลย
- รถยนต์นั่งส่วนตัวโตโยตา อแวนซ่า พร้อมคนขับพูดภาษาอังกฤษได้
- ค่าทางด่วน ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรอดรถ ค่ากิน ค่าอยู่ของคนขับ
- ค่ารถจี๊บ เข้าโบรโม่
- ไกด์ท้องถิ่นที่คาวาอีเจียน พร้อมมีหน้ากากมาส์กให้ใช้
- ค่าเข้าน้ำตก Madakaripura (11,000 รูเปีย หรือสามสิบบาท .. แหม)
- ค่าตั๋วข้ามจากเกาะชวาไปบาหลี (5,000 รูเปีย หรือสิบกว่าบาทเอง โถ่ว)
ทั้งนี้ จะไม่รวม ค่าเข้าโบรโม (220,000 รูเปีย / 594 บาท) และ ค่าเข้าคาวาอีเจียน (200,000 รูเปีย / 540 บาท)
เริ่มเที่ยวโบรโม่เล้ย (Bromo) PANTIP
ข้อมูลแน่นมั้ยล่ะ กว่าจะอ่านมาถึงจุดนี้ จุดที่เล่าเรื่องเที่ยวซักที ฮ่าๆ .. จริงๆแล้วจากแพลน ผมมาถึงโบรโม่ตอนตีสาม เพื่อเตรียมตัวขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว Penanjakan เค้าบอกว่าคือจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดในโบรโม่ แต่ด้วยความที่ .. เอาจริง .. คือแม่งโคตรของโคตรโชคร้าย คือนี่ขึ้นไปรอที่จุดชมวิวแล้วตั้งแต่ตอนตีสี่กว่า ซักพักตีห้า ฝนตกเว้ยเห้ย ตกแรงมาก หมอกปกคลุม ได้แต่ภาวนาให้ฝนหยุดและฟ้าเปิด สรุปรอจนหกโมงครึ่ง ฟ้าฝนไม่เป็นใจ สรุป .. อดดูพระอาทิตย์ขึ้นจ่ะ ฮัลโหลวววว เสียใจมาก ได้แต่เดินลงมาแบบเปียกๆกลับเข้ารถจี๊ป แล้วคิดว่า วันนี้จะได้เห็นอะไรมั้ยเนี่ย ไอ้บ้า จ่ายตังค์ค่าทั่วร์ ล็อควันไปหมดแล้วเว้ย!
ในแพคเกจดูพระอาทิตย์ขึ้น มันมีให้เลือกสองที่คือ Bromo Seruni และ Penanjakan ให้เลือกอันที่สองแหละ สวยสุด (เค้าบอกมา)
* รูปข้างล่างยืมเค้ามาให้ดูว่าวิว Penanjakan มันเป็นยังไง .. นี่ไม่มีบุญได้เห็น งือ
(เครดิต : https://www.blamethemonkey.com/indonesia-mount-bromo-java-sleeping-giants)
หลังจากลงมาที่จุดชมวิวแล้ว พี่รถจี๊บก็จะขับเข้ามาในส่วนของทะเลทรายดำๆด้านหน้าภูเขาไฟโบรโม่และภูเขาไฟบาต็อกที่ตั้งอยู่ติดกัน สูงตระหง่านอยู่ข้างหน้า ทีนี้เราต้องเดินเข้าไปหาตีนภูเขาไฟโบรโมก่อนประมาณสองกิโลกว่าได้ แต่ถ้าหากใครขี้เกียจจะขี่ม้าถ่ายรูปเก๋ๆลงอินสตาแกรมก็สวยดี แต่นี่งก เดินไปนั่นแหละ โถ้ว ..
หลังจากเดินขึ้นมาในส่วนฐานของโบรโม่แล้ว ทีนี้แหละความยากเริ่มมา คือแกต้องไปปีนขึ้นไปดูบนปล่องภูเขาไฟเว้ย ความพีคของทริปนี้รออยู่บนปล่องภูเขาไฟแหละแก จะบอกว่ามันชันมาก ลื่นมาก และเหนื่อยมากนาจา หากใครไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรือไม่ฟิตนี่ หายนะชัดๆ .. แต่จะบอกว่าเมื่อขึ้นไปถึงจุดสุดยอดแล้ว ความเหนื่อยที่ปีนมา แม่งหายหมดจริงๆ
รูปข้างล่างๆนี้ยังแค่ครึ่งทางกว่านะ คือจุดเริ่มต้นมันมาจากหญ้าเขียวไกลๆ จุดๆ ลิบๆนู้น ลองมองดิ นั่นอ่ะคือที่จอดรถจี๊ปแล้วต้องเดินเข้ามาเองหรือไม่ก็ขี่ม้า
และรูปข้างล่างนี้เว้ย มันคือขอบปล่องภูเขาไฟโบรโม่แล้วววว โครตสวย และย้ำว่าของจริงสวยอลังการกว่าในรูปเยอะมาก
ลองดูจุดที่ผมยืนในรูปล่างๆ นั่นคือทางเดินปากปล่องแหละ และในปล่องก็จะมีควันขึ้นมาเยอะมาก เสียงดังมากด้วยเช่นกัน และบางครั้งก็มีเถ้ากระเด็นออกมา แล้วคือทางเดินมันมีราวกั้นนิดหน่อยใช่ป่ะ ถ้าเดินตามขอบๆไปอีกก็จะไม่มีทางเดินแล้ว ก็ต้องระวังหน่อย กลัวจะพลาดตกลงไป นี่คือไม่มีใครช่วยจริงๆนะ ตายอย่างเดียว!
ผมกับเพื่อนนี่ใช้เวลานานมาก ประมาณเกือบสามชั่วโมงได้ในพื่นที่นี้ คือจะบอกว่าทุกมุม ทุกองศาคือถ่ายรูปสวยหมดจริงๆ จนเดินกลับมาที่รถจี๊บ คนขับถึงกับเบ้ปาก เพราะเรามาถึงคนท้ายๆที่อยู่แถวนี้ จากรถจี๊ปที่จอดพรึ่มตอนมา ตอนนี้เหลืออยู่คันเดียวจ้า ฮ่าๆๆ
ทุ่งสะวันนา (Savahna) และ ทรายกระซิบ (Whispering Sand)
หลังจากปีนไปดูปากปล่องมาแล้ว เรามาคิวท์ๆที่ทุ่งหญ้าสะวันนากันซักหน่อย แต่เบื้องลึกเบื่องหลังเกี่ยวกับทุ่งหญ้าที่นี่มันคืออะไรกันแน่ นี่ก็ไม่รู้นา แต่เค้าเรียกกันสะวันนา อย่างไรก็ตาม มาเดินคิวท์ๆถ่ายรูปวิวข้างหลังที่เป็นวิวภูเขากลมๆเขียวๆ จะบอกว่า .. สวยไม่แพ้จุดอื่นเลยยยย
หลังจากนั้นเรามาต่อกันที่ทรายกระซิบ ผมเป็นคนตั้งชื่อภาษาไทย จริงๆมันคือ Whispering Sand ที่เห้ยยย ….. แม่งเอ้ย …….
อีกหนึ่งความพีคที่ต้องมาเห็นกับตา เพราะของจริงมันสวยกว่าในรูปล้านเท่า มันคือทรายสีขาวที่ฟุ้งเหมือนมีลมเป่าให้มันพัดตลอดเวลา เหมือนเราอยู่ในสวรรค์ยังไงยังงั้น
เป็นหนึ่งจุดที่ผมรู้สึกประทับใจมากไม่แพ้โบรโม่เลย .. ย้ำว่าในรูปไม่เหมือนของจริงที่เจอ ถ่ายแล้วทรายสีขาวฟุ้งๆมันไม่ค่อยเห็นอ่ะ แต่ยังไงก็ตามถ่ายวิวก็สวย ถ่ายคนก็โคตรหล่อ (ทำไมชมตัวเอง ฮ่าๆ)
หมดอายุ: 11-11-2024
หมดอายุ: 11-11-2024
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ที่พักวิวดีที่สุดในโบรโม่ PANTIP
เหตุผลในการเลือกพักที่โรงแรม Cemara Indah Hotel นี้ อย่างเดียวเลยคือวิวที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟโบรโม่ได้อย่างชัดเจน ถึงแม้วันแรกในโบรโม่จะพลาดการดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว Penanjakan ไป รุ่งเช้าวันถัดมาผมจึงตื่นขึ้นมาดูตรงโรงแรงที่นี่แทน ซึ่งก็ทดแทนได้บ้างน่า.. แต่อย่าหวังอะไรมากกับห้องพักซึ่งค่อนข้างธรรมดา ส่วนอาหารที่ขายในโรงแรมอร่อยใช้ได้เลย และอีกอย่าง คนไทยเยอะมากที่นี่ ฮ่าๆ สำหรับการจองห้องพักที่นี่
ผมจอง Cemara Indah Hotel จาก Traveloka เช่นกันครับ (ดูโรงแรมได้ที่นี่)
เดินเอื่อยในหมู่บ้านในบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นที่โบรโม่
วันที่สองได้เริ่มต้นขึ้นโดยการดูวิวโบรโม่หน้าโรงแรม Cemara Indah Hotel ซึ่งก็ยังดีที่วันนี้ ฟ้าเปิด สามารถดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ ถึงแม้จะยังเจ็บใจที่ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นของเมื่อวานก็ตาม โธ่เอ้ยยยยย .. หลังจากเดิมด้อมๆ ก็มีคนอินโดตรงๆนั้นเดินเข้าพูด
คนอินโด “ยูๆ เดี๋ยวนี่ขี่มอไซค์พาไปดูตรงแถวยอดเขาหมู่บ้านนู่นแมะ (พร้อมชี้ไปทางขวานู้น)”
ก๊อต “โน้วววว” พร้อมคิดในใจว่า ชี้โพรงให้กระรอกและเมิ๊งง เดี๋ยวกูเดินไปเอง.. ไม่เสียตังว่ะ
เออ .. แล้วก็เดินไปมั่วๆเว้ย ตามที่เค้าชี้ๆมา แล้วก็แบบบบบบ .. เห้ยแม่ง คิดถูกแล้วที่เดินมา คือจ๋วยมากกกกกกก งื้อ ถ้าสมมุตได้ไปพักที่เดียวกัน คือรับประกันแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าต้องโดนเหมือนกัน ลองเดินไปตามทางที่เค้าชี้ดู มันต้องเดินเลาะๆตามทางเดินเล็กๆขอบเขา มันมีทางอยู่แหละแก เดินได้ ไม่ไกลมาก
ลุยน้ำตกมาดาคารีปุรา ก่อนไปคาวาอีเจียน
หลังจากทานข้าวเช้าที่โรงแรมในโบรโมเสร็จ ก็ถึงเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเพื่อไปยังคาวาอีเจียนเลย แต่ระหว่างทาง เราขอแวะน้ำตกชื่อดังก่อนคือน้ำตกมาดาคารีปุรา (Madakaripura Waterfall) ซึ่งบอกเลย ตัวเปียกแน่นอนจ้า เตรียมเสื้อกันฝนไว้เลย จะไม่ได้ต้องไปซื้อหน้างานตรงนั้น
และการที่จะเข้าไปดูน้ำตกแห่งนี้ได้ คือแม่งต้องซ้อนท้ายมอไซค์เข้าไปก่อนถึงหน้าประตูทางเข้าว่ะ คือมันระยะทาง 4 กิโลเมตรจากที่จอดรถ ซึ่งก็ขึ้นๆไปเถอะ คนละไม่เท่าไหร่ เพราะแนะนำให้เก็บแรงไว้ใช้ตอนไปคาวาอีเจียนดีกว่าแน่นอน หลังจากถึงหน้าประตู ก็จะเสียค่าเข้าอีกคนละ 11,000 รูเปีย (27 บาท) จากนั้นเว้ย คือมีไกด์โลคอลจากไหนไม่รู้พาเดินเข้าไปเลยจ่ะ คือจะบอกจริงๆก็เดินเองได้ แต่นี่ตีเนียนเดินมาด้วยกัน เอ่อ… หลังจากนั้นเราก็เดินลัดเลาะเข้าไปอีก 15 นาที เห้ย แม่งไกลใช่เล่น!
ความสวยงามของที่นี่คือน้ำตกที่สูงม๊ากกกกก ตกลงมาข้างล่าง ซึ่งก็ท่วมเป็นแอ่งน้ำ ความเขียว.. ความอุดมสมบูรณ์มาเต็ม และเปียกแน่นอน
คือไกด์ที่เดินมากับเราเค้าก็จะพานำทางนั้นแหละ มันจะมีทางที่ต้องปีหินสูงนิดๆหน่อยอยู่บ้าง เอาน่า สุดท้ายตอนเดินออกมา ก็จบด้วยการบอกว่า ..
“มันนี่ .. มันนี่…” .. พูดในใจ “ค่ะ #มองบน” ให้ไป 20,000 รูเปีย (54 บาท)
หลังจากให้ตังค์ไป ก็กลับเข้ารถ แล้วนั่งยาวเลยจ้า
พัก 5 ชั่วโมงก่อนตื่นไปลุยคาวาอีเจียนตอนเที่ยงคืน
หลังจากนั้นรถเราก็มาส่งที่โรงแรมที่เราได้จองไว้จาก Traveloka คือ Ijen View Hotel (ดูโรงแรมได้ที่นี่) ซึ่งตัวโรงแรมมันก็ไม่ได้อยู่ใกล้อีเจียนทีเดียว เรามีเวลาพักที่นี่แค่ 5 ชั่วโมง คือมาถึงที่นี่หนึ่งทุ่มและต้องเช็คเอาท์ออกเลยตอนเที่ยงคืนเพื่อไปยังคาวาอีเจียนโดยทันที เป็นอีกโรงแรมที่แนะนำครับ แต่สารภาพว่าไม่มีรูปโรงแรมเลย เพราะถึงก็สลบเลยครับ ส่วนอาหารเช้าสามารถเทคเอาท์เอาไปกินข้างนอกได้ .. แต่.. ขนมปัง 2 สองแผ่นกับไข่เจียวเองจ่ะ หืมมม ..
คาวาอีเจียนสุดโหด
ด้วยความที่เมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอน ก็ต้องรีบออกจากโรงแรมเที่ยงคืนเลย แล้วนั่งรถต่อไปคาวาอีเจียนอีกชั่วโมงนึง และนี่กินแค่ขนมปังไปแผ่นเดียว ถึงคาวาอีเจียนตี 2 พอไปถึงเราก็จะได้เจอไกด์ท้องถิ่น (อีกแล้ว) ที่รอรับเราอยู่ แต่คือไกด์นี้มันรวมอยู่ในแพคเกจที่เหมาะไปตอนแรกแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง ซึ่งเค้าก็พูดคุยน่ารักมาก หลังจากนี้นี่แหละคือความโหดของคาวาอีเจียนที่นี่ ..
ระยะทางจากทางเข้าไปปากปล่องภูเขาไฟคาวาอีเจียน 3 กิโล .. เดินขึ้นทางชันๆประมาณ 2 กิโล (ย้ำ.. ว่าชันมาก) ทางราบ อีก 1 กิโล ยังไม่รวม .. ลงไปในปล่องอีกแก อีก 1 กิโล บ้าไปแล้ว
เดี๋ยวนะ บางคนอาจจะสงสัย คือมาทำหอยอะไรตีสองกว่าที่นี่ คือเค้าให้มาดูเพลิงสีน้ำเงิน หรือที่เค้าเรียกกันกว่า Blue Fire เว้ย ทีนี้เนียะกว่าจะปีนขึ้นเขากว่าจะเดินลงไปในปล่องภูเขาอีกเพื่อนไปดูเจ้าเพลิงนี่ ก็ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเลยทีเดียว ก็นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไม
หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น เพลิงสีฟ้านี้ก็จะไม่สามารถมองเห็นได้แล้วล่ะ ภาพที่จะมาทดแทนเบื้องหน้าก็จะเป็นทะเลสาปสีเขียวมรกตแทน (จะบอกว่ามันมีกรด คือมีกรดซัลฟูริคจร ไม่ได้ล้อเล่น คือลงไปก็ตายอ่ะ)
ไฟสีน้ำเงินเกิดได้ยังไง? มันมาจากแก๊สซัลเฟอร์ออกมาจากรอยแตกภูเขาไฟที่มีความดันสูงและมีอุณหภูมิมากกว่า 600 องศา และเมื่อแก๊สซัลเฟอร์มันออกมาเจอกับออกซิเจนนั่นแหละ มันก็เลยกลายเป็นเปลวไฟสีน้ำเงินออกมา ***
*** อ้างอิงจาก National Geographics (http://goo.gl/JIp0oG)
สิ่งที่ต้องเตรียมมาในการมาภูเขาไฟอีเจียน คือ ไฟฉาย มาสก์แก๊ส และกำลังใจ (สองอย่างแรกพี่ไกด์ผมเค้ามีให้) – เหตุผลที่ต้องใส่หน้ากากมาส์กเพราะว่า กลิ่นและควันซัลเฟอร์รุนแรงมากกกก มากจนแบบ จะสำลักตายถ้าจะเยอะขนาดนั้น
ก็นั่นแหละ มันก็เป็นแบบนี้ มีความเหนื่อย มีความลำบาก มีความต้องอดทน กำลังใจต้องสูง แต่ประสบการณ์และทัศนีย์ภาพทุกอย่างที่ปรากฎตรงหน้า ณ ตอนนั้นเมื่อฟ้าเริ่มสว่าง คุ้มค่าที่สุดจนลืมความเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้านี้ไปเลย!
ระหว่างเดินลงเขาก็สวย ลองมองดูวิวรอบๆ แล้วเราจะเห็นความงดงามที่ตอนเราเดินขึ้นไม่เห็น
สุดท้ายจวบจนถึงเวลาเกือบ 9 โมงกว่า ไกด์คนเดิมก็พากลับมาที่รถ เราจากลากับไกด์ และคนขับรถก็ขับรถมาส่งเราที่ท่าเรือเพื่อข้ามไปบาหลีต่อในราคา 5,000 รูเปีย (14 บาท) ถูกอะไรขนาดนั้น เนี่ยแหละครับ รีวิวการเดินทางของทริปภูเขาไฟโบรโม คาวาอีเจียน ซึ่งมันยังไม่จบไง มันมีบาหลีต่ออีก 4 วัน ฮ่าๆ
สรุปภูเขาไฟโบรโม คาวาอีเจียน
เป็นที่ .. ที่.. คือแม่งต้องมาซักครั้งในชีวิตอ่ะ เอาจริงๆ จบแค่นี้เลยในหนึ่งบรรทัด ห้วนป่ะ
เห้ยยยยย นี่รู้สึกแบบนี้จริงๆ คุ้มมากกับการมาที่นี่ มันคือที่สุดจริงๆที่ครั้งนึงต้องมาก่อนตายหายไปจากโลกนี้ แค่นี้เลยสั้นๆ
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลกหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡
13 comments
คำถามคือ ทำไมต้องใส่เสื้อแขนเดียวครับ
amazing ka
khop khun krubbbb 😛
วิวสวย ภาพสวย ขอบคุณที่มารีวิวที่เที่ยวให้ได้ชมและติดตามคะ
ถามนิดค่ะ เราสามารถนั่งเรือจาก บาหลี ไป bromo ได้มั้ยคะ พอดีอยากนั่งเครื่องไปลง dps ค่ะ จะได้ไม่ต้องต่อรถต่ออะไรหลายรอบ
พี่ไปตอนเดือนไหนครับ
กรกฎาคมครับผม
ขอสอบน่อยค่ะ ไปโบรโม่ จองตั๋วไปลงสนามบินที่ไหนอ่ะค่ะ จาก กรุงเทพ
แนะนำให้ลงสุระบายาแล้วให้ทัวร์มารับเราที่สนามบินครับ
ดีจัง ต้องไปให้ได้ค่ะ ^^
จองตั๋วเลยคร้าบ 😀
อยากค่าจ่ายทั้งหมดค่ะ ไม่รวมค่าตั๋ว,โรงแรม
เราอ่านรีวิวก๊อตแล้วดีมากเลย เหมาะเจาะกับเราพอดี เราจะไปอินโด4-12สคนี้
แพลนที่วางไว้คือ
4เดินทาง
5-8 อยู่กูต้า บาหลี
9-10ภูเขาไฟโบรโม่ (ข้ามจากบาหลีไปเกาะชวา ตามที่นายรีวิวอ่ะ
ทีนี้แม่เราอายุ58พอไหวป่ะว่ะ)
11 บุโรพุธโธ
12กลับไทย
นายมีอะไรแนะนำเราป่ะ
อ้อไกด์ที่นายแปะเมลไว้ ถ้าเราไปแค่โบรโม่เขาจะพาเราไปใช่ป่ะ