อาตามิ (Atami) อีกหนึ่งเมืองสำหรับคนรักดอกไม้ในคาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว โดยก๊อตอยากจะชวนทุกคนไปเที่ยวด้วยกัน เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองที่เราจะได้มาสัมผัสกับดอกบ๊วยหลากสีสัน ทั้งชมพู ขาวแสนจะสดใสที่บานสะพรั่งให้ได้ชมกันก่อนใครในญี่ปุ่น ซึ่งใครที่ชื่นชอบการดูดอกซากุระบานแล้ว ก๊อตแอบกระซิบบอกว่า ดอกบ๊วยบานนั้นก็เริ่ดไม่แพ้กัน เรื่องความสวยนี่กินกันไม่ลงเลยแหละ แต่ถ้าใครมาแล้วพอจะมีเวลามาเที่ยวเต็มๆ วัน หรืออยู่เที่ยวกันหลายวันหน่อย อาตามิ (Atami) ยังมีที่เที่ยวเชิงธรรมชาติและประวัติศาสตร์รอให้เราได้มาค้นพบอีกมากมายเลย ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์อย่างศาลเจ้าคิโนมิยะ (Kinomiya Shrine) ศาลเจ้าที่มีต้นการบูรอายุกว่า 2,000 ปีให้ได้ดูกันใกล้ๆ หรือจะเป็นปราสาทอาตามิ (Atami Castle) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาท่ามกลางวิวเมืองสวยๆ ซึ่งนี่แค่เกริ่นเท่านั้นนาแต่อย่าเพิ่งเชื่อกันมาก ก๊อตอยากให้ลองอ่านรีวิวเต็มกันก่อน เพราะถ้าอ่านจบแล้วอยากจะจองตั๋วมาเที่ยวที่นี่ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน ฮ่าๆ
รู้จักกับเมืองอาตามิ (Atami)
อาตามิ (Atami) อีกหนึ่งเมืองในจังหวัดชิซึโอะกะ (Shizuoka) ที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก ที่นี่รู้จักกันดีว่าเป็นประตูสู่ภูเขาไฟฟูจิและคาบสมุทรอิซึ เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในฐานะเมืองออนเซ็นยอดนิยมที่รายล้อมไปด้วยภูเขาและทะเล อีกทั้งยังมีเรียวกังมากมายที่มาพร้อมออนเซ็นส่วนตัว และยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเนะ-อิซึ (Fuji-Hakone-Izu National Park) ที่เป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิ หรือจะเป็น MOA Museum of Art พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก็บคอลเลกชันศิลปะเอเชียตะวันออกมากกว่า 3,500 ชิ้น รวมถึงศาลเจ้าคิโนมิยะ (Kinomiya Shrine) ที่เลื่องลือกันในเรื่องของต้นการบูรศักดิ์สิทธิ์อายุกว่า 2,000 ปี
ยังไม่หมดเท่านั้น อาตามิ (Atami) ยังขึ้นชื่อเรื่องการมาดูความสวยงามของสวนบ๊วยอาตามิ (Atami Plum Garden) สวนที่เต็มไปด้วยดอกบ๊วยหลากสี ซึ่งพิเศษไม่เหมือนใคร เนื่องจากดอกบ๊วยภายในสวนแห่งนี้จะบานเร็วที่สุดในญี่ปุ่น และสำหรับใครที่มาดูวิวดอกบ๊วยกันจนฉ่ำใจแล้ว ก๊อตจะบอกว่าที่ อาตามิ (Atami) เค้ายังเป็นเมืองดูใบไม้เปลี่ยนสีได้สวยสับไม่แพ้เมืองอื่นๆ เพราะที่นี่มีช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ยาวนานม๊าก ดังนั้นพวกใบไม้แดง ใบไม้ส้มทั้งหลายก็จะอยู่ให้เราได้เห็นและมาเซลฟี่กันนานกว่าเมืองอื่นนั่นเอง
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ทำให้อาตามิ (Atami) กลายเป็นอีกหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวที่นี่มากกว่าปีละ 6 ล้านคน เอาล่ะ ใครที่อยากหาเมืองตากอากาศไม่ไกลจากโตเกียว เดินทางแป๊บเดียวถึง ลองจิ้มมากันที่อาตามิ (Atami) โลด รับรองไม่มีผิดหวังแน่นอน
แพลนโร้ดทริปเที่ยวญี่ปุ่น
จังหวัดนากาโน่ (Nagano) – ชิซึโอะกะ (Shizuoka)
บอกกันก่อนว่า ทริปนี้เราเที่ยวกันแบบโร้ดทริป เช่ารถขับเที่ยวกันเอง โดยเราเริ่มต้นเช่ารถจากคารุอิซาวะ (Karuizawa) ขี้นไปนากาโน่ (Nagano) ขับไหลลงมายังเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ชิซึโอะกะ (Shizuoka) และคาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsular) ที่มีไฮไลท์เด็ดอย่างการมาดูดอกซากุระสายพันธุ์คาวาสึ (Kawazu) ที่บานเร็วที่สุดในญี่ปุ่นกันตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีด้วย ใครอยากตามรอยเที่ยว สามารถตามแพลนเที่ยวโรดทริปด้านล่างได้เลย ก๊อตทำตารางมาให้แล้ว จะตามแพลนนี้ทั้งหมดก็ได้ หรือจะปรับเปลี่ยนตามความชอบก็ไม่ว่ากัน
วัน | แพลนเที่ยว | เมืองที่นอน |
1 | เมืองคารุอิซาวะ (Karuizawa) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองนากาโน่ (Nagano) |
2 | เมืองนากาโน่ (Nagano) อ่านรีวิวเต็ม คลิก เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ที่พัก: Guest House Matsumoto Hanare |
3 | เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) |
4 | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) |
5 | เมืองชิซึโอะกะ (Shizuoka) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) |
6 | เมืองอิสุตะวันตก (West Izu) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองชิโมดะ (Shimoda) |
7 | เมืองคาวาสึ (Kawazu) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองอิโตะ (Ito) |
8 | เมืองอิโตะ (Ito) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | – |
9 | เมืองอาตามิ (Atami) – ปราสาทอาตามิ (Atami Castle) *ถ้ามีเวลาเหลือ แนะนำให้มาตามเก็บเพิ่ม – ศาลเจ้าคิโนมิยะ (Kinomiya Shrine) | เมืองอาตามิ (Atami) |
10 | เมืองคามาคุระ (Kamakura) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองคามาคุระ (Kamakura) |
ส่วนลด OTA | ส่วนลด Klook ส่วนลด Agoda ส่วนลด Booking ส่วนลด Expedia ส่วนลด Hotels |
วิธีมาเที่ยวเมืองอาตามิ (Atami) ด้วยรถสาธารณะ
สำหรับคนที่อยากเดินทางมาเที่ยวที่ เมืองอาตามิ (Atami) เราสามารถเดินทางได้หลายวิธีเลย ซึ่งก๊อตจะยึดการเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่โตเกียว (Tokyo) เป็นหลัก เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยว หรือคนไทยที่บินมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นที่มาเที่ยวโซนนี้ มักจะบินมาลงที่โตเกียว (Tokyo) จากนั้นค่อยเริ่มออกเที่ยวตามเมืองต่างๆ สำหรับการเดินทางมาที่เมืองอาตามิ (Atami) นั้น ก็สะดวกมากๆ เพราะเค้ามีขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม โดยก๊อตได้รวมเอาวิธีการเดินทางทั้งหมดมาไว้ให้ตามด้านล่างนี้ ใครชอบแบบไหน ถนัดทางใด จิ้มตามนี้ได้เล้ยย
วิธีการเดินทางจากโตเกียว (Tokyo) <-> เมืองอาตามิ (Atami)
- รถไฟ (⭐️⭐️แนะนำ): การเดินทางด้วยรถไฟเป็นวิธีที่ก๊อตแนะนำมากที่สุดสำหรับมาเที่ยวเมืองอาตามิ (Atami) แล้ว เนื่องจากใช้เวลาเดินทางไม่นานและสะดวกที่สุดแล้ว
- ตัวเลือกที่ 1: รถไฟความเร็วสูง JR Tokaido Shinkansen ขึ้นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) มาลงสถานีอาตามิ (Atami Station) ใช้เวลาเดินทาง 40-50 นาที ราคาตั๋วเที่ยวเดียวแบบไม่มีพาสเริ่มต้น 4,000 เยน (~970 บาท) หรือถ้าใครมีพาส Japan Rail Pass สามารถกระโดดขึ้นรถไฟได้เลย
- ตัวเลือกที่ 2: รถไฟด่วน JR Tokaido Line ขึ้นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) มาลงสถานีอาตามิ (Atami Station) ใช้เวลาเดินทาง 1.40 – 2 ชั่วโมง ราคาตั๋วเที่ยวเดียวแบบไม่มีพาสเริ่มต้น 1,980 เยน (~480 บาท) สายนี้สามารถขึ้นได้ฟรีหากมี Japan Rail Pass, JR Tokyo Wide Pass, JR East Nagano Niigata Area Pass, JR East Tohoku Area Pass และ JR East South Hokkaido Pass
- เช่ารถขับ (⭐️⭐️แนะนำ): ใครที่เน้นสะดวก ไม่อยากเสียเวลารอขึ้นรถสาธารณะ วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางเลยคือการเช่ารถขับที่เราสามารถเช่ารถจากเมืองไหนในญี่ปุ่นก็ได้แล้วแต่เราจะสะดวก โดยข้อดีของการเช่ารถคือเราสามารถขับเที่ยวไปไหนก็ได้ตามใจชอบ ไม่ต้องมาเสียเวลารถสาธารณะ และไม่ต้องเดินเยอะอีกด้วย แต่ทั้งนี้ การเช่ารถก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายของทริปเราที่จะสูงขึ้นมากแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่ารถต่อวันเอย (เฉลี่ย 2,000 บาท/วัน) ค่าน้ำมัน และค่าทางด่วนที่แพงม๊ากกก แต่ถ้าใครชอบเที่ยวแบบโร้ดทริปแต่จ่ายได้ บอกเลยว่าเช่ารถเที่ยวนั้นคือสนุกที่สุดแล้ววว
ปราสาทอาตามิ (Atami Castle)
มาเที่ยวที่แรกกันที่ ปราสาทอาตามิ (Atami Castle) หนึ่งในปราสาทขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเมืองอาตามิ (Atami) เป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิที่สวยสับที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง อีกทั้งยังเป็นจุดที่ว่ากันว่าขึ้นมาดูวิวบนนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นเจ้าขุนมูลนายมาดูวิวอยู่บนป้อมปราการเลยเชียวแหละ ทำให้บนปราสาทอาตามิ (Atami Castle) นั้นมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาดูวิวกันเยอะม๊ากก
ปราสาทอาตามิ (Atami Castle) แม้หน้าตาภายในนอกจะดูเก่าแก่ราวกับถูกสร้างขึ้นมาในสมัยโมโมยามะ (Momoyama period ) (ราวๆ ปี ค.ศ. 1568-1600) แต่แท้ที่จริงแล้วปราสาทแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปราสาทใหม่ของญี่ปุ่น เพราะเพิ่งจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองเมื่อปี ค.ศ.1959 บนยอดเขาที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 120 เมตร ซึ่งจากด้านบนปราสาทนั้นเราสามารถมองเห็นวิวเมืองอาตามิ (Atami) ได้ไกลสุดสายตา และยิ่งใครได้ขึ้นไปชั้นบนสุดของปราสาทในวันที่ฟ้าเปิดด้วยนั้น จะยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์มุมกว้างเหนือเมืองอาตามิ (Atami) ออกไปจนถึงอ่าวซากามิ (Sagami Bay) ไกลออกไปจนเห็นถึงคาบสมุทรนิอิซึรุ (Niitsuru Peninsula) อีกด้วย
ภายในปราสาทอาตามิ (Atami Castle) เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับปราสาทสำคัญต่างๆ ของญี่ปุ่น ทั้งปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle), ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle), ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) และปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) นอกจากนี้ยังจัดแสดงพวกชุดเกราะและดาบญี่ปุ่นที่ซามูไรในสมัยก่อนเค้าใช้งานเอาไว้จำนวนมาก ซึ่งเค้ามีโซนให้นักท่องเที่ยวเช่าชุดมาแต่งกายเป็นซามูไรถ่ายรูปเล่นด้วย
ส่วนตัวก๊อตนั้น บอกก่อนว่าเราไม่ได้เข้าไปในตัวปราสาทนะ เพราะตอนนั้นใจมันอยากจะไปดูดอกบ๊วยกันเต็มที่ ก๊อตกับเพื่อนเลยเลือกเดินถ่ายรูปเล่นด้านนอกปราสาทแทน รวมถึงส่องวิวเมืองตรงจุดชมวิว ถ้าใครที่อยากดูวิวแต่ไม่ได้อยากเข้าไปในปราสาท ตรงบริเวณรอบๆ เรายังสามารถดูวิวเมืองได้อยู่ และบรรยากาศก็ดีงามอยู่เด้อ ถือว่าไม่เสียเที่ยวนะเว้ย ด้วยมู้ดของสวนที่อยู่รอบๆ โดยมี ปราสาทอาตามิ (Atami Castle) ที่ตั้งสง่าอยู่บนเนินเขา หันหน้าออกสู่วิวเมืองเป็นภาพบรรยากาศที่สวยเอาเรื่อง ดังนั้นใครมาเที่ยวที่อาตามิ (Atami) ก๊อตก็อยากให้มาเที่ยวที่นี่กัน
สำหรับใครจะมาตามรอยแล้วอยากจะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศด้านในของปราสาท เค้ามีค่าเข้าชมด้านในปราสาทคนละ 1,000 เยน (~240 บาท) ส่วนใครจะเข้าชม Trick Art Museum ก็ต้องเสียเงินเข้าคนละ 1,000 เยน (~240 บาท) เช่นกัน แต่ถ้าใครอยากเข้าทั้งสองอย่างเลย แนะนำให้ซื้อเป็นตั๋วแบบคอมโบ ราคาอยู่ที่ 1,700 เยน (~ บาท) และใครที่ขับรถมาเองแบบก๊อต สามารถขับมาจอดที่ลานจอดรถของปราสาทได้เลย จอดฟรีจ๊า
สวนบ๊วยอาตามิ (Atami Plum Garden)
หนึ่งในที่เที่ยวยอดฮิตที่ทำให้เมืองอาตามิ (Atami) นั้นโด่งดังจนดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนได้ไม่น้อยเลยก็คือ สวนบ๊วยอาตามิ (Atami Plum Garden) หรือจะเรียกตรงๆ ตามชื่อว่า “สวนพลัมอาตามิ” ก็ได้ ที่นี่เป็นสวนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นบ๊วยมากกว่า 500 ต้น จาก 60 สายพันธุ์ โดยบางต้นมีอายุมากกว่า 100 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีดอกไม้สายพันธุ์อื่นๆ ที่เบ่งบานสลับกันไปตลอดทั้งปีอีกด้วย ซึ่งความพิเศษของดอกบ๊วยเกือบทั้งหมดในสวนนั้นเค้าจะบานเร็วกว่าเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่นนั่นเอง แบบที่ว่าถ้าเราอยากจะเห็นดอกบ๊วยก่อนใคร ต้องมาดูที่อาตามิ (Atami) เล้ยย
โดยช่วงเวลาที่คนเค้านิยมมาดูดอกบ๊วยบานคือช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนมกราคม ไล่ยาวไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งความโชคดีของก๊อตนั้นคือเราไปทันงานเทศกาล ‘Atami Plum Festival’ ซึ่งเป็นเทศกาลที่เค้านิยมมาดูดอกบ๊วยบานภายในสวนบ๊วยอาตามิ (Atami Plum Garden) ที่ทั่วทั้งสวนจะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันหลากสีของดอกบ๊วย โดยแต่ละสายพันธุ์ก็จะค่อยๆ บานสลับกันไป ทำให้ทั้งทั่วพื้นที่ของสวนนั้นถูกปกคลุมไปด้วยโทนสีมากมายไล่ตั้งแต่ขาวไปจนถึงสีชมพูสุดปุ๊กปิ๊กกันเลยเชียว หากใครจะมาชมดอกบ๊วย เค้าจะมีค่าเข้านิดหน่อย อยู่ที่ 300 เยน (~70 บาท) นา
เอาล่ะ พอเราจ่ายเงินค่าเข้ามาภายในเรียบร้อยแล้ว ด้านในเค้าจะมีเส้นทางที่เราสามารถเดินตามทางลัดเลาะไปจุดต่างๆ ภายในสวนได้เลย สำหรับบรรยากาศภายในสวนนั้นเต็มไปด้วยต้นบ๊วยมากมาย บางต้นก็ออกดอกเบ่งบานกันสะพรั่งต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบเรากันสุดฤทธิ์ กลับกันในบางต้นก็ยังเป็นดอกตูมๆ ไม่ก็กำลังเริ่มจะบานให้ได้ชมกันในเวลาอันใกล้นี้ บางจุดเองยังน้ำตกเล็กๆ หรือไม่ก็ก็มีสะพานให้เดินตัดผ่านต้นบ๊วย มู้ดโดยรวมนั้นสวยงามและค่อนข้างโรแมนติกเลยแหละ ใครมาเดินเล่นกับแฟนบอกเลยว่าละมุนมาก ยิ่งสาวๆ ที่ชื่นชอบดอกไม้มาที่นี่ต้องตกหลุมรัก แต่ถ้าใครพาคุณพ่อคุณแม่มาด้วย นี่ว่าผู้ใหญ่เค้าก็คงชอบไม่ต่างกัน คงมีขอให้เราถ่ายรูปให้กันจนเมมเต็มแน่ๆ
สุดท้าย ก๊อตคิดว่าภาพดอกบ๊วยที่เรามาเห็นกันในเทศกาล Atami Plum Festival พอมองออกไปแบบภาพกว้างๆ ดอกบ๊วยมันมีความหยุบหยับพอสมควร อย่างก่อนหน้านี้ที่เราไปดูดอกซากุระกันมา มู้ดของดอกซากุระเค้าจะบานฟูฟ่องเป็นพุ่มๆ ฟูไปทั่วทั้งเมือง แต่ดอกบ๊วยจะเป็นฟีลดูไกลๆ แล้วดูยุ่งเหยิง ไม่ฟูฟ่องเป็นพุ่มแบบดอกซากุระบานเท่าไหร่ 555555
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
แต่สำหรับดอกบ๊วยเอง หากเราได้ลองมองเข้าไปใกล้ๆ ของดอกบ๊วยแล้ว ฟีลเหมือนเจอรักแท้ที่ตามหามานาน เพราะน้องเค้าดั้นมีหน้าตาน่ารักสุดๆ ด้วยกลีบดอกอวบๆ สีขาวไล่เฉดไปหาสีชมพู เกสรตรงกลางชูช่อยาวออกไปที่เวลาลมพัดมาก็จะเอนไหวพริ้วไปมา เอาจริงนี่ว่าดอกบ๊วยเวอร์ชั่นใกล้ๆ สวยกว่าดอกซากุระอี๊ก บอกเลยว่าใครอยากดูดอกบ๊วยสวยๆ แกรลองเดินเข้าไปส่องใกล้ๆ ดูเด้ออ น้องเค้าสวยจึ้งชวนอึ้งกันม๊ากก
ที่พักในอาตามิ (Atami)
Izu no Umi Hotel
สำหรับที่พักของก๊อตในค่ำคืนนี้ เรามาพักกันที่ Izu no Umi Hotel ที่พักแบบเกสต์เฮาส์ระดับ 3 ดาวที่ตั้งอยู่ในเมืองอาตามิ (Atami) ที่มีคุณลุงญี่ปุ่นท่าทางใจดีเป็นเจ้าของ โดยที่นี่นั้นเป็นอีกหนึ่งที่พักใจกลางเมืองที่อยู่บนทำเลดีม๊ากก เพราะที่พักของลุงเค้าตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านสะดวกซื้อ แต่ต้องบอกก่อนว่าใครที่ขับรถมาเที่ยวกันเองแบบก๊อต Izu no Umi Hotel เค้าไม่มีที่จอดรถให้นา แต่ใกล้ๆ กันจะมีลานจอดรถแบบเสียเงินให้บริการอยู่ เราสามารถเอารถไปจอดตรงนั้นได้ ถ้าใครกลัวหาไม่เจอสามารถถามกับคุณลุงตอนที่เค้ามาต้อนรับเราก็ได้
ห้องพักที่เราจองมาเป็นแบบห้อง Japanese-Style Room ห้องพักแบบญี่ปุ่นที่มีเสื่อทาทามิปูเอาไว้ บรรยากาศของห้องก็ให้อารมณ์เหมือนเรามาพักอยู่ในบ้านเพื่อนที่ญี่ปุ่น แล้วเค้าให้เราเอาผ้าออกมาปูนอนเองในห้อง ส่วนภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำส่วนตัวมาพร้อมอ่างอาบน้ำให้ได้นอนแช่แยกออกไว้จากห้องนอนอย่างเป็นสัดส่วน มีแอร์, ไมโครเวฟ, ตู้เย็น, กาต้มและโต๊ะทำงานให้ได้ใช้ และที่สำคัญฟรี Wi-fi จ๊า ซึ่งทั้งหมดที่ว่านี้ก๊อตจองมาในราคาเพียง 3,500 บาท/คืน สำหรับ 3 คน ถือว่าโอเคอยู่น้า
ส่วนตัวคิดว่าใครที่มาเที่ยวเมืองอาตามิ (Atami) แล้วไม่รู้จะไปพักที่ไหนดี ก๊อตแนะนำที่ Izu no Umi Hotel เค้าเลย ที่พักอยู่ไม่ไกลจากชายหาดอาตามิ ซัน บีช (Atami Sun Beach) เพียงแค่ 600 เมตรแบบที่เดินไปเที่ยวได้สบายๆ บอกเลยว่ารวมๆ แล้วที่พักดีตั้งอยู่บนทำเลสะดวกต่อการเดินทาง อีกทั้งยังเหมาะกับการมานอนค้างสักคืนก่อนไปเที่ยวที่เมืองอื่นๆ ในวันต่อไปได้แบบสบายๆ
สรุปการเที่ยวอาตามิ (Atami)
จบแล้วกับการโร้ดทริปเที่ยวในเมืองอาตามิ (Atami) บอกเลยว่าใครที่ชื่นชอบการมาดูธรรมชาติท่ามกลางเมืองบรรยากาศสบายๆ อากาศเย็นสดชื่น อีกทั้งยังได้มาเห็นดอกบ๊วยสวยๆ ที่บานฟูฟ่องเปลี่ยนพื้นที่สวนให้กลายเป็นสีชมพูสดใส ลองจิ้มมาเที่ยวที่นี่กันได้เลย เชื่อก๊อตอย่างน้อยมาแล้วเราก็พอจะมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมาอย่างนึง นั้นคือ แยกดอกบ๊วยและดอกซากุระได้แน่ๆ ว่าดอกไหนเป็นดอกอะไร เค้าแตกต่างกันยังไงงี้ 55555
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡