พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) หากใครเคยดูแฟนเดย์ แล้วจำฉากที่หัวหน้านางเอกแกล้งบอกว่าจะเล่นมายากลให้นาฬิกาหน้าพิพิธภัณฑ์พ่นไอน้ำออกมาแล้วมีเสียงดังลั่นนั้น ก๊อตจะบอกว่าเค้าถ่ายทำกันที่ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) นี่แหละ ซึ่งนาฬิกาที่ว่าเค้าคือ นาฬิกาไอนํ้าตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ โดยเป็นของขวัญจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ที่เค้าจะตั้งเวลาให้ส่งเสียงออกมาทุกๆ 15 นาที และพ่นไอน้ำฟู่ฟ่าออกมาทุกชั่วโมงนั่นเอง แน่นอนว่าเกริ่นมายืดยาวขนาดนี้ รีวิวนี้จะพาไปที่ไหนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) โดยรอบนี้ก๊อตกลับมาเที่ยวที่โอตารุ (Otaru) อีกครั้งในรอบหลายปี นี่เลยจะพาทุกคนไปอัปเดตพร้อมๆ กันว่าด้านในของพิพิธภัณฑ์มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมยังไงบ้าง แต่แอบบอกก่อนเลยว่ามารอบนี้คึกคักมาก คนแตกแตนสุดๆ
รู้จักกับ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum)
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) หรือ Otaru Orgel Museum ตั้งอยู่ในเมืองโอตารุ (Otaru) จังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido) เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศตนให้กับงานศิลปะและประวัติศาสตร์ของกล่องดนตรี มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดย พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) ตั้งอยู่ภายในอาคารอิฐเก่าแก่สูง 3 ชั้น ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมของยุคเมจิ (Meiji Period) และไทโช (Taisho Period) ซึ่งเดิมทีอาคารหลังนี้เป็นโกดังเก็บของ ก่อนจะถูกปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในช่วงปี ค.ศ. 1983 ในตอนนั้นบริษัท Otaru Music Box ได้ปรับเปลี่ยนอาคารแห่งนี้ให้กลายมาเป็น พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) โดยมีเป้าหมายที่จะอนุรักษ์ศิลปะของกล่องดนตรี และแบ่งปันความทรงคุณค่าของงานฝีมือให้กับผู้คน
โดยปัจจุบันนี้ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) เป็นที่เก็บคอลเลคชันกล่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีทั้งชิ้นงานโบราณและร่วมสมัยอยู่นับหมื่นๆ ชิ้น ซึ่งกล่องดนตรี ที่จัดแสดงอยู่นั้นมีทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ มาในรูปแบบและลวดลายสุดคลาสสิกสไตล์ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งในแต่ละปีนั้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีการจัดนิทรรศการพิเศษ เวิร์กช็อป รวมถึงจัดแสดงกล่องดนตรีตามธีมให้ได้มาชมกันอีกด้วย และทั้งหมดทั้งมวลนี้เอง เลยส่งผลให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโอตารุ (Otaru) และยังดึงดูดผู้คนจากทั่วญี่ปุ่นและทั่วโลกให้มาเยือนกันไม่ขาดสาย
วิธีการเดินทางมาที่ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum)
รถเมล์: วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟ โดยสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้กับ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) มากที่สุดคือ สถานีโอตารุ (Otaru Station) ซึ่งสามารถเดินทางมาตามนี้ได้เลย
- โดยรถไฟ JR:
- พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) : ให้ขึ้นรถไฟ JR สาย JR Hakodate Main Line จากสถานีซัปโปโร (Sapporo Station) นั่งมาลงที่ สถานีโอตารุ (Otaru Station) จากนั้นสามารถเดินต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เริ่มเที่ยว พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum)
สำหรับใครที่เดินจากสถานีรถไฟมาถึงด้านหน้าอาคารของ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) สิ่งแรกที่เราต้องทำเป็นเหมือนการเช็คอินว่าเรามาถึงพิพิธภัณฑ์ของเค้าแล้วจริงๆ เลยก็คือ การไปยืนเซลฟี่ถ่ายภาพคู่กับนาฬิกาขนาดใหญ่ที่รัฐบาลแคนาดาเค้ามอบให้เป็นของขวัญแก่ประเทศญี่ปุ่นอย่างที่ก๊อตบอกไปตอนต้นนั่นเอง แน่นอนว่าเราต้องขอแวะถ่ายภาพคู่ก่อนสักแมท
สำหรับด้านในของ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) ภายในอาคารมีทั้งหมด 3 ชั้น มาในบรรยากาศโฮมมี่ๆ เหมือนพาเราหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยายที่รายล้อมไปด้วยเสียงกรุ๊งกริ๊งๆ อยู่รอบตัว ยิ่งมาพร้อมกับไฟสีส้มนวลๆ ด้วยแล้ว ในนี้มันยิ่งโรแมนติกอบอุ่นหัวใจม๊าก บริเวณชั้นแรกจะเป็นเหมือนร้านขายกล่องดนตรี ที่มีให้เราเลือกซื้อกันจนตาแตก ก๊อตยังไม่เคยเห็นกล่องดนตรีที่ไหนจะเยอะเท่าที่นี่อีกแล้ว คือให้นับด้วยสายตาบอกเลยว่านับไม่หวาดไม่ไหว โดยเค้าจะจัดวางกล่องดนตรีแต่ละแบบไปบนชั้นที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเราสามารถเดินชมได้แบบใกล้ชิดเลยนะ ตอนเดินดูก็จะมีเสียงดนตรีออกมาให้ได้ฟังเพลินๆ และนอกจากกล่องดนตรีแล้ว ยังมีพวกโคมไฟ เครื่องแก้ว กรอบรูปที่ทำออกมาดีเทลละเอียดยิบ รูปทรงน่ารักๆ วางขายอีกด้วย
เดินขึ้นบันไดมาบริเวณชั้น 2 และชั้น 3 เค้าจะเป็นโซนที่ดูเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาแล้ว โดยรอบๆ จะมีการจัดวางกล่องดนตรีและของตกแต่งขนาดเล็กไปจนถึงของชิ้นใหญ่ๆ ที่มีให้เห็นมากกว่าบริเวณชั้นแรก มาพร้อมการจัดวางของเฟอร์นิเจอร์โทนสีไม้ๆ ให้ฟีลเหมือนเราอยู่ในบ้านเก่าแก่ตามในหนังย้อนยุคแบบนั้นเลย ซึ่งทั้งสองชั้นนี้จะมีนิทรรศการพิเศษหมุนเวียนมาจัดให้ได้ชมอยู่เรื่อยๆ ด้วยนา ใครที่อยากถ่ายรูปไม่ติดคนเยอะแนะนำขึ้นมาชั้นนี้เลย
โดยรวมแล้วจากที่ก๊อตไปมา ที่นี่น่ารักดี คือเหมาะแก่การเดินเล่นดูของ ใครชอบกล่องดนตรีก็สามารถซื้อกลับบ้านได้เลย แต่อาจจะต้องใช้เวลาเลือกนานหน่อย เพราะกล่องดนตรีเยอะม๊ากกก แบบที่ว่ามีของขายประมาณ 3,400 ชนิด และมากกว่า 25,000 ชิ้น กันเลยทีเดียว เอาเป็นว่าใครมาเที่ยวโอตารุ (Otaru) ก็อย่าลืมแวะมาด้วยนะ ยิ่งใครที่สะสมพวกกล่องดนตรีนี่อยากให้มามาก รับรองมีล้มละลายแน่ๆ ฮ่าๆ
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡