คาวาสึ (Kawazu) ใครมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากมาดูดอกซากุระบานแบบฟูฟ่องที่เปลี่ยนทั่วทั้งเมืองให้กลายเป็นสีชมพูสุดปุ๊กปิ๊ก ช่วงนู่นเลยกับปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายนเลย แต่มันจะมีอยู่เมืองหนึ่งที่มีความพิเศษสุดไม่เหมือนใครในญี่ปุ่น นั่นคือ คาวาสึ (Kawazu) เมืองที่ก๊อตกำลังจะพาทุกคนไปเที่ยวชมดอกซากุระสายพันธุ์คาวาสึ ที่เค้าบานสะพรั่งให้ได้ยลโฉมก่อนใครเพื่อนตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีเลย ยังไม่หมดเท่านั้นนะ ใครที่ชอบการเที่ยวน้ำตกเป็นชีวิตจิตใจ หลงรักสายน้ำชุ่มฉ่ำท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติสบายๆ แล้วอยากจะตามเก็บน้ำตกให้ได้หลายๆ แห่ง ที่ คาวาสึ (Kawazu) เค้ามีน้ำตก 7 แห่งในพื้นที่เดียวกัน ที่เรียกว่า “น้ำตกทั้ง 7 ของคาวาสึ” (Kawazu Seven Waterfalls) อยู่ด้วยแกร โดยที่นี่เราสามารถเดินเท้าสำรวจน้ำตกจากที่แรกไปถึงที่สุดท้ายได้โดยไม่ต้องนั่งรถให้เมื่อย แค่ออกกำลังกายขากันกรุบกริบ แค่นี้ก็สามารถเก็บน้ำตกเข้ากรุเพิ่มได้ถึง 7 ที่แล้ว
⚡️ ทริปนี้ก๊อตมาเที่ยวแบบโร้ดทริปโดยขับรถมาจากเมืองอื่นนะ แต่สำหรับคนที่จะมาตามรอยเที่ยว เทศกาลดอกซากุระบานคาวาสึ (Kawazu Cherry Blossom Festival) อย่างเดียวนั้น เราสามารถเดินทางมาเที่ยวแบบวันเดย์ทริปจากโตเกียวได้ง่ายๆ ด้วยรถไฟ อาจจะใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟนานหน่อย แต่ก็คุ้มค่ามากกับการมาดูซากุระแหละ สามารถดูวิธีการเดินทางจากด้านล่างได้เลย
รู้จักกับคาวาสึ (Kawazu)
คาวาซสึ (Kawazu) เมืองที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) จังหวัดชิซึโอะกะ (Shizuoka) เมืองนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของดอกซากุระสายพันธุ์คาวาสึ ซึ่งเป็นดอกซากุระที่บานเร็วที่สุดในญี่ปุ่น โดยจะบานสะพรั่งกันตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เนื่องจากสภาพภูมิอากาศในคาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) นั้นอบอุ่นกว่าพื้นที่อื่น ๆ ในญี่ปุ่นในช่วงเดียวกัน ทำให้ดอกซากุระบานเร็วขึ้นนั่นเอง ทำให้หลายคนชอบมาเที่ยวพักผ่อนตากอากาศที่คาบสมุทรอิสุ และมาเที่ยวชมซากุระที่เมืองคาวาสึ (Kawazu) กับเทศกาลดอกซากุระบานคาวาสึ (Kawazu Cherry Blossom Festival) ที่ถือเป็นเทศกาลดังของการเที่ยวชมซากุระที่สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองเค้ามากที่สุด โดยเฉพาะภาพต้นซากุระสีชมพูเรียงรายไปกับแม่น้ำที่สวยเอาเรื่องมากจนหลายคนอยากมาให้เห็นกับตา แถมยังเดินทางมาเที่ยวแบบวันเดย์ทริปจากโตเกียวก็เที่ยวได้ สบายม๊าก
นอกจากนี้ที่ คาวาสึ (Kawazu) ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกชื่อดังของเมืองอย่างน้ำตกทั้ง 7 ของคาวาสึ (Kawazu Seven Waterfalls) น้ำตก 7 แห่งในพื้นที่เดียวกัน ที่ทำเป็นเส้นทางเดินให้เราได้เดินเข้าไปสำรวจท่ามกลางธรรมชาติและส่องน้ำตกกันแบบใกล้ชิด และเมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของชายหาดอิมาอิฮามะ (Imaihama Beach) หนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในคาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) อยู่อีกด้วย
บอกเลยว่าใครที่ชื่นชอบเมืองที่ธรรมชาติสวยๆ รักการมาดูดอกซากุระบานเป็นชีวิตจิตใจ แล้วอยากเป็นคนพิเศษได้ดูซากุระบานก่อนใครในญี่ปุ่น เชิญมากันที่ คาวาสึ (Kawazu) ได้เลยจ๊า รับรองไม่มีผิดหวัง
แพลนโร้ดทริปเที่ยวญี่ปุ่น
จังหวัดนากาโน่ (Nagano) – ชิซึโอะกะ (Shizuoka)
บอกกันก่อนว่า ทริปนี้เราเที่ยวกันแบบโร้ดทริป เช่ารถขับเที่ยวกันเอง โดยเราเริ่มต้นเช่ารถจากคารุอิซาวะ (Karuizawa) ขี้นไปนากาโน่ (Nagano) ขับไหลลงมายังเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ชิซึโอะกะ (Shizuoka) และคาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsular) ที่มีไฮไลท์เด็ดอย่างการมาดูดอกซากุระสายพันธุ์คาวาสึ (Kawazu) ที่บานเร็วที่สุดในญี่ปุ่นกันตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีด้วย ใครอยากตามรอยเที่ยว สามารถตามแพลนเที่ยวโรดทริปด้านล่างได้เลย ก๊อตทำตารางมาให้แล้ว จะตามแพลนนี้ทั้งหมดก็ได้ หรือจะปรับเปลี่ยนตามความชอบก็ไม่ว่ากัน
วัน | แพลนเที่ยว | เมืองที่นอน |
1 | เมืองคารุอิซาวะ (Karuizawa) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองนากาโน่ (Nagano) |
2 | เมืองนากาโน่ (Nagano) อ่านรีวิวเต็ม คลิก เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ที่พัก: Guest House Matsumoto Hanare |
3 | เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) |
4 | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) |
5 | เมืองชิซึโอะกะ (Shizuoka) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) |
6 | เมืองอิสุตะวันตก (West Izu) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองชิโมดะ (Shimoda) |
7 | เมืองคาวาสึ (Kawazu) – แหลมสึเมกิ (Cape Tsumeki) | เมืองอิโตะ (Ito) |
8 | เมืองอิโตะ (Ito) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองอาตามิ (Atami) |
9 | เมืองอาตามิ (Atami) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | – |
10 | เมืองคามาคุระ (Kamakura) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองคามาคุระ (Kamakura) |
ส่วนลด OTA | ส่วนลด Klook ส่วนลด Agoda ส่วนลด Booking ส่วนลด Expedia ส่วนลด Hotels |
วิธีมาเที่ยวเมืองคาวาสึ (Kawazu) ด้วยรถสาธารณะ
สำหรับคนที่อยากเดินทางมาเที่ยวที่ คาวาสึ (Kawazu) เราสามารถเดินทางได้หลายวิธีเลย ซึ่งก๊อตจะยึดการเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่โตเกียว (Tokyo) เป็นหลัก เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยว หรือคนไทยที่บินมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นที่มาเที่ยวโซนนี้ มักจะบินมาลงที่โตเกียว (Tokyo) จากนั้นค่อยเริ่มออกเที่ยวตามเมืองต่างๆ สำหรับการเดินทางมาที่ คาวาสึ (Kawazu) นั้น ก็สะดวกมากๆ เพราะเค้ามีขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมโดยเฉพาะรถไฟ โดยก๊อตได้รวมเอาวิธีการเดินทางทั้งหมดมาไว้ให้ตามด้านล่างนี้ ใครชอบแบบไหน ถนัดทางใด จิ้มตามนี้ได้เล้ยย
วิธีการเดินทางจากโตเกียว (Tokyo) <-> คาวาสึ (Kawazu)
- รถไฟ (⭐️⭐️ แนะนำ): การเดินทางด้วยรถไฟเป็นวิธีที่ก๊อตแนะนำมากที่สุดสำหรับไปเที่ยว คาวาสึ (Kawazu) โดยเฉพาะคนที่จะเดินทางมางานเทศกาลดอกซากุระบานคาวาสึ (Kawazu Cherry Blossom Festival) นะ
- ตัวเลือกที่ 1: JR Odoriko Limited Express รถไฟด่วนพิเศษที่วิ่งตรงจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) มาสถานีคาวาซุ (Kawazu Station) ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 2 ชั่วโมง 36 นาที โดยราคาตั๋วเที่ยวเดียวแบบไม่มีพาสเริ่มต้น 5,500 เยน (~1,330 บาท) หรือถ้าใครมีพาส JR East Pass (Tohoku Area) / JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) / TOKYO Wide Pass / JR East-South Hokkaido Rail Pass หรือ JR Pass สามารถกระโดดขึ้นรถไฟสายนี้ได้เลย
- ตัวเลือกที่ 2: รถไฟความเร็ว JR Tokaido Shinkansen) ขึ้นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) มาลงสถานีอตามิ (Atami Station) ใช้เวลาเดินทาง 40-50 นาที ราคาตั๋วเที่ยวเดียวแบบไม่ระบุที่นั่งอยู่ที่ 2,310 เยน (~560 บาท) ในส่วนของรถไฟชินคันเซน หากใครมี JR Pass สามารถกระโดดขึ้นได้เลย จากนั้นให้เปลี่ยนไปนั่งรถไฟสายอิสุคิวโกะ (Izu Kyuko Line) มายังสถานีคาวาสึ (Kawazu Station) ใช้เวลาเดินทาง 57 นาที ราคาตั๋วเที่ยวเดียวแบบไม่ระบุที่นั่ง และไม่มีพาสจะอยู่ที่ 1,440 เยน (~350 บาท) สายนี้สามารถขึ้นได้ฟรีหากมี JR East Pass (Tohoku Area) / JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) / TOKYO Wide Pass และ JR East-South Hokkaido Rail Pass
- เช่ารถขับ (⭐️⭐️แนะนำ): ใครที่เน้นสะดวก ไม่อยากเสียเวลารอขึ้นรถสาธารณะ วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางเลยคือการเช่ารถขับที่เราสามารถเช่ารถจากเมืองไหนในญี่ปุ่นก็ได้แล้วแต่เราจะสะดวก โดยข้อดีของการเช่ารถคือเราสามารถขับเที่ยวไปไหนก็ได้ตามใจชอบ ไม่ต้องมาเสียเวลารถสาธารณะ และไม่ต้องเดินเยอะอีกด้วย แต่ทั้งนี้ การเช่ารถก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายของทริปเราที่จะสูงขึ้นมากแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่ารถต่อวันเอย (เฉลี่ย 2,000 บาท/วัน) ค่าน้ำมัน และค่าทางด่วนที่แพงม๊ากกก แต่ถ้าใครชอบเที่ยวแบบโร้ดทริปแต่จ่ายได้ บอกเลยว่าเช่ารถเที่ยวนั้นคือสนุกที่สุดแล้ววว
มาเริ่มเที่ยวคาวาสึ (Kawazu) กันเล้ย
แหลมสึเมกิ (Cape Tsumeki)
ที่เที่ยวแรกในคาวาสึ (Kawazu) ที่เราขับรถมาเที่ยวกันคือ แหลมสึเมกิ (Cape Tsumeki) แหลมดังที่มีชื่อเสียงในเรื่องของทุ่งดอกแดฟโฟดิล (Daffodil) กว่า 3 ล้านต้นที่เบ่งบานกันในช่วงเดือนมกราคมส่งผลให้พื้นที่ของแหลมสึเมกิ (Cape Tsumeki) นั้น กลายเป็นทุ่งสีเหลืองสดใสไปทั่วบริเวณจนเป็นสถานที่ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวเค้ามากัน นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่เที่ยวเชิงธรณีวิทยาที่มีหินหลากหลายรูปทรงให้ได้มาสำรวจ และยังมีจุดตกปลา เส้นทางเดินป่าอีกเพียบ เรียกได้ว่าใครที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง แหลมสึเมกิ (Cape Tsumeki) ตอบโจทย์มากเว่อร์
แหลมสึเมกิ (Cape Tsumeki) เป็นแหลมที่ขึ้นชื่อในเรื่องของ “รอยต่อเสา” ซึ่งก็คือหินที่มีรูปร่างคล้ายเสาทอดยาวไปตามแนวชายฝั่ง โดยเค้าว่ากันว่าเมื่อเราไปยืนอยู่ริมชายหาดหรือมองดูหินจากตามหน้าผาจะเห็นว่าหินเค้ามีรูปร่างเหมือนเสานั่นเอง โดย แหลมสึเมกิ (Cape Tsumeki) นั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีอิซุ (Izu Geopark) อีกด้วย
สำหรับใครขับรถมาเที่ยวเองแบบก๊อตแล้วอยากจอดรถในจุดที่ใกล้กับ แหลมสึเมกิ (Cape Tsumeki) มากที่สุด เราสามารถมาจอดรถที่ลานจอดรถที่อยู่ติดกับแหลมสึเมกิ (Cape Tsumeki) ได้เลย โดยเค้าจะมีค่าที่จอดรถวันละ 500 เยน/วัน (~120 บาท) แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเงินแบบก๊อต ก๊อตแนะนำให้เราไปจอดรถฟรีได้ที่ Tsumekizaki Natural Park Parking Lot ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปอีกราว 650 เมตร จากนั้นค่อยเดินชิลลงมาที่ แหลมสึเมกิ (Cape Tsumeki) ได้เลย
โดยช่วงที่ก๊อตไปนั้นคือปลายเดือนกุมภาพันธ์ ทั่วทั้งบริเวณของแหลมที่มองจากด้านบนลงไปเราจะเห็นพื้นที่เขียวๆ โดยมีดอกไม้สีขาวๆ น่ารักกุ๊กกิ๊กขึ้นแซมๆย มู้ดตอนเดินลงมาด้านล่างนี้มันเหมือนก๊อตกำลังเดินเล่นอยู่ในทุ่งดอกไม้ของการ์ตูนญี่ปุ่นเป๊ะ วิวสุดคิ้วท์ของท้องทะเลเบื้องหน้าช่วยให้รู้สึกเฟรชสุดๆ การได้เดินลงมายืนดื่มด่ำไปกับบรรยากาศชิลๆ ของทุ่งหญ้า ทะเล สายลม และท้องฟ้าในวันที่สดใส บอกเลยว่ามันชื่นใจเป็นที่สุด ถ้าใครว่างนี่อยากให้มาเดินเล่นชมวิวดู รวมถึงเดินต่อไปอีกตามชายฝั่งเรื่อยๆ ถือเป็นอีกที่เที่ยวที่สวยไม่เบาในเรื่องของธรรมชาติแหละ
เทศกาลดอกซากุระบานที่คาวาสึ (Kawazu Cherry Blossom Festival)
และแล้วเราก็มาถึงกับ เทศกาลดอกซากุระบานคาวาสึ (Kawazu Cherry Blossom Festival) ที่ถือเป็นไฮไลท์หลักที่ก๊อตตั้งใจมาเที่ยวในเมืองคาวาสึ (Kawazu) เพราะนี่เป็นเทศกาลอันโด่งดังของเมืองที่ปีๆ นึงจะมีนักท่องเที่ยวมาชมความงามของดอกซากุระกว่าล้านคน เนื่องจากที่นี่เป็นเทศกาลแรกที่ทุกคนจะได้เห็นดอกซากุระสายพันธุ์คาวาสึบานสะพรั่งกันก่อนใครในญี่ปุ่น โดยเทศกาลนี้เค้าจะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ไปจนเดือนมีนาคมกันเลยทีเดียว ดังนั้นใครที่อยากมาดูซากุระสีชมพูฟูฟ่องก่อนใครห้ามพลาดเทศกาลนี้เลย
สำหรับ “ดอกซากุระคาวาสึ” นั้นเป็นสายพันธุ์ที่ได้ชื่อว่าบานเร็วที่สุด เนื่องจากดอกซากุระทั่วไปโดยเฉพาะในโตเกียวนั้นจะเริ่มบานเต็มที่ระหว่างปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน แต่ที่เมืองคาวาสึ (Kawazu) ดอกซากุระกว่า 8,000 ต้นที่อยู่ทั่วทั้งเมืองของเค้าจะบานกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปเนื่องจากสภาพภูมิอากาศของคาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) ที่อบอุ่นกว่าพื้นที่อื่นๆ ในช่วงเดียวกันนั่นเอง โดยเอกลักษณ์ของ “ดอกซากุระคาวาสึ” นั้นจะมีกลีบดอกขนาดใหญ่รวมถึงมีสีชมพูสดใส ซึ่งพอน้องมาอยู่รวมกันเป็นช่อๆ บนต้นซากุระนี่ คือคิวท์และชมพูไปโหม๊ดดด คือสวยมากๆ
สำหรับเส้นทางเดินเที่ยวใน เทศกาลดอกซากุระบานคาวาสึ (Kawazu Cherry Blossom Festival) นั้น คนส่วนใหญ่จะเดินเลียบไปตามแม่น้ำคาวาสึ (Kawazu River) ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ที่สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยดอกซากุระบานไล่ยาวเข้าไป โดยฝั่งขวาของแม่น้ำนั้นจะมีร้านค้า ร้านอาหารของคนญี่ปุ่นท้องถิ่นมาตั้งเรียงขายบนถนนให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกัน มีตั้งแต่ร้านขายอาหาร ของฝากและของที่ระลึก โดยนี่ก็แวะซื้อขนมไทยากิ ขนมรูปปลาสไตล์ญี่ปุ่น ที่กลายเป็นหนึ่งในขนมป็อปๆ ที่นักท่องเที่ยวชอบมาซื้อถ่ายรูปกับดอกซากรุะกัน หน้าตาขนมเค้าจะเป็นน้องปลาสีชมพูไส้ถั่วแดงที่เข้ากับบรรยากาศของดอกซากุระบานสุดๆ
บอกก่อนเลยว่านี่เป็นครั้งแรกของก๊อตที่ได้เห็นดอกซากุระบานแบบนี้ โดยดอกซากุระคาวาสึที่เห็นในรูปว่าชมพูแล้ว ของจริงคือสีชมพู๊วววแบบตะโกนสุด และยิ่งเดินลึกเข้ามามากขึ้นไม่ว่าเราจะหันไปมองทิศทางไหนก็จะเห็นแต่สีชมพูจากดอกซากุระอยู่เต็มไปหมด โดยใครที่เดินผ่านเข้ามาถึงช่วงบริเวณกลางแม่น้ำ เราจะเห็นสะพานทอดผ่านแม่น้ำอยู่ไม่ไกล และจะมีบางจังหวะที่รถไฟเค้าวิ่งผ่านกลายเป็นฉากหลังที่น่ารักปุ๊กปิ๊กไม่เบาเลยล่ะ จากนั้นก๊อตก็เดินถ่ายรูปเล่นกับเหล่าดอกซากุระหลายล้านรูป บอกเลยว่าสวยจริง ยิ่งสถานที่จริงนั้นสวยกว่ารูปหลายเท่าเลยแหละ
นอกจากดอกซากุระแล้ว หากเราเดินเลียบไปกับแม่น้ำเรื่อยๆ เราจะเริ่มเห็นสีเหลืองของดอกเรพซีดที่อยู่พุ่มตัดกับสีชมพูของดอกซากุระที่ช่วยเพิ่มความสดใสยิ่งขึ้นไปอี้ก นอกจากนี้บางช่วงของแม่น้ำนั้นแทบจะแห้งและไม่มีน้ำเลย ตรงนี้เราสามารถหาบันไดแล้วเดินลงไปถ่ายรูปอยู่ตรงกลางแม่น้ำได้ด้วยนะ ถือเป็นภาพอีกมุมที่สวยสับน่ารักไม่แพ้กัน บอกเลยว่าการมาดูเทศกาลดอกซากุระบานรอบนี้ ก๊อตใช้คำว่า “น่ารัก” ได้สิ้นเปลืองมาก เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่อยากให้ทุกคนได้มาเห็นของจริงกับตากันสักครั้ง
ทิ้งท้าย นอกจากซากุระที่อยู่เลียบแม่น้ำคาวาสึ (Kawazu River) แล้ว ทั่วทั้งเมืองก็ยังเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระบานอยู่เช่นกัน และถ้าใครอยากมาเห็นต้นซากุระต้นแรกของเมืองอย่าง “Kawazu Sakura Original Tree” ต้นซากุระอายุกว่า 60 ปี สามารถเดินไปดูต่อได้เลยนะ สามารถปักหมุดชื่อนี้ในกูเกิลแมะได้เลยล่ะ
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
น้ำตกทั้ง 7 ของคาวาสึ (Kawazu Seven Waterfalls)
ปิดท้ายการเที่ยวในเมืองคาวาสึ (Kawazu) กันที่ น้ำตกทั้ง 7 ของคาวาสึ (Kawazu Seven Waterfalls) น้ำตก 7 แห่งบนภูเขาเหนือเมืองคาวาสึทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsular) ที่เคยได้รับรางวัลสองดาวใน Michelin Green Guide Japan โดยขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่เหมาะกับคนรักกิจกรรมการเดินป่า แถมที่นี่ยังโด่งดังเป็นพลุแตก เนื่องจากถูกเขียนเอาไว้ในเรื่องสั้น “The Dancing Girl of Izu” ของยาซูนาริ คาวาบาตะ (Yasunari Kawabata) นักเขียนนวนิยายและเรื่องสั้นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมอีกด้วย ทำให้ น้ำตกทั้ง 7 ของคาวาสึ (Kawazu Seven Waterfalls) กลายเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวต้องมาของเมืองนี้เลย
น้ำตกทั้ง 7 ของคาวาสึ (Kawazu Seven Waterfalls) ประกอบไปด้วยน้ำตกโอดารุ (Odaru Falls), น้ำตกเดไดดารุ (Deaidaru Falls), น้ำตกคานิดารุ (Kanidaru Falls), น้ำตกโชเคดารุ (Shokeidaru Falls), น้ำตกเฮบิดารุ (Hebidaru Falls), น้ำตกอิบิดารุ (Ebidaru Falls) และน้ำตกคามาดารุ (Kamadaru Falls) ตามลำดับ ใครที่อยากมาเดินเก็บน้ำตกทั้ง 7 แห่งนี้ สามารถเดินเที่ยวตามเส้นทางธรรมชาติบนระยะทาง 1-2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เราก็สามารถตามเก็บน้ำตกทั้งหมดได้แล้ว
แต่ต้องบอกให้รู้กันก่อนว่า ก๊อตไม่มีเวลาเดินให้ครบทั้ง 7 น้ำตกนา ด้วยความที่ก๊อตเองมีเวลาน้อย และเพื่อนก๊อตที่ไปด้วยเกิดอาการงอแงขี้เกียจจะเดินนิดหน่อย เพราะการเดินไปแต่ละน้ำตกต้องที่แรงกายแรงใจอยู่ ก๊อตก็เลยเก็บแค่ 3 น้ำตกพอหอมปากหอมคอ ก็คือ น้ำตกหมายเลข 1 น้ำตกโอดารุ (Odaru Falls), น้ำตกหมายเลข 2 น้ำตกเดไดดารุ (Deaidaru Falls) และ น้ำตกไฮไลท์หมายเลข 4 น้ำตกโชเคดารุ (Shokeidaru Falls) เท่านั้นนะ ส่วนใครที่ชอบเที่ยวธรรมชาติดูน้ำตก หากมีเวลาเหลือก็สามารถเดินเก็บให้ครบได้เลย
เรามาเริ่มเที่ยวน้ำตกหมายเลขหนึ่งบนแผนที่อย่าง น้ำตกโอดารุ (Odaru Falls) กันก่อน ทางเดินจะลงไปตามแนวเขาเรื่อยๆ โดยคำว่า “โอดารุ” (Odaru) แปลได้ตรงตัวเลยว่า “น้ำตกใหญ่” แน่นอนว่าน้ำตกโอดารุ (Odaru Falls) เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในบรรดาน้ำตกทั้ง 7 ด้วยความสูง 30 เมตร และกว้าง 7 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถยืนชมน้ำตกได้จากแพลตฟอร์มด้านบนที่เค้าทำไว้เท่านั้นแหละ โดยด้านล่างน้ำตกนั้นเค้าจะทำเป็นที่แช่ออนเซ็นซึ่งเราต้องเสียเงินค่าเข้าเพิ่มนะ ใครมีเวลาว่างๆ อยากจะนั่งแช่น้ำชิลๆ ชมวิวน้ำตก ถือว่าดีเลย
ถ่ายรูปเล่นท่ามกลางบรรยากาศของน้ำตกที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและโขดหินสวยๆ แล้ว ตอนแรกก๊อตนึกว่ามันจะเดินเชื่อมต่อไปยังน้ำตกหมายเลข 2 ได้เลย สรุปแล้วเราต้องเดินย้อนกลับออกมาแล้วเดินลงไปใหม่ตรงทางลงน้ำตกหมายเลข 2 อย่าง น้ำตกเดไดดารุ (Deaidaru Falls) ซึ่งนี่บอกก่อนว่าเหนื่อยแฮ่กๆ อยู่นะแกร
น้ำตกเดไดดารุ (Deaidaru Falls) เป็นน้ำตกที่อยู่ด้านบนถัดขึ้นมาจากน้ำตกเมื่อครู่ที่เราไปมากัน โดยน้ำตกจุดนี้จะเป็นสายน้ำที่ไหลผ่านร่องหินขนาดใหญ่ลงมาสู่แอ่งน้ำสีฟ้าด้านล่าง ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ความอลังของที่นี้แม้ว่าจะเป็นน้ำตกที่สูงเพียง 2 เมตร แต่ลักษณะของหินที่เกิดจากชั้นของลาวาที่ไหลแยกออกจากกันนั้น ทำให้น้ำตกเดไดดารุ (Deaidaru Falls) มีความสวยที่แตกต่างจากน้ำตกที่เหลือทั้งหมด ซึ่งของจริงสวยอลังมาก ชั้นหินสีเทาเข้มตัดกับสายน้ำสีขาว ตกกระทบลงสู่แอ่งน้ำสีฟ้าใส มันเป็นภาพที่สวยสับ แบบก๊อตยังอดทึ่งไม่ได้กับความงดงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาจริงๆ
มาต่อกันที่ไฮไลท์หลักอย่างน้ำตกหมายเลข 4 น้ำตกโชเคดารุ (Shokeidaru Falls) น้ำตกสูง 10 เมตร ที่มีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของตัวละครจากเรื่อง The Dancing Girl มาตั้งเอาไว้ที่ด้านหน้าของน้ำตก โดยน้ำตกโชเคดารุ (Shokeidaru Falls) นั้นเรียกได้ว่าเป็นน้ำตกที่ดีที่สุดสำหรับการมาถ่ายรูปเลยก็ว่าได้ เพราะเราสามารถเดินลงไปใกล้ตัวน้ำตกได้มากที่สุดตั้งแต่เดินกันมา บรรยากาศรอบๆ เขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้ที่ปกคลุม ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ตัวน้ำตกมากเท่าไหร่ สายน้ำที่ไหลลงมากระทบกับแอ่งน้ำด้านล่างเกิดเป็นฝอยละอองเล็กๆ ที่ลอยมาโดนเนื้อตัวก็พลอยให้ได้ชุ่มฉ่ำไปด้วย แถมถ่ายรูปก็ส๊วยสวยเพราะได้รูปน้ำตกแบบใกล้ชิดสุด นี่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้าถึงเป็นไฮไลท์ของที่นี่
เอาล่ะ ถ่ายรูปกันจนเมมแทบเต็ม ก๊อตก็เดินออกมาจากน้ำตกโชเคดารุ (Shokeidaru Falls) ซึ่งเราไม่ได้ไปกันต่อแล้ว เพราะตอนนั้นเริ่มเหนื่อยและหนาวม๊ากก นี่เลยเดินกลับไปเอารถที่เราจอดไว้ตรงลานจอดรถแล้วก็ขับรถต่อไปยังที่ต่อไปเลยเลย ส่วนตัวประทับใจการมาเดินเที่ยวน้ำตกทั้ง 7 ของคาวาสึ (Kawazu Seven Waterfalls) มาก คือมันเหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวน้ำตกที่สุด บรรยากาศดี ธรรมชาติอุมดมสมบูรณ์ แถมยิงปืนนัดเดียวได้น้ำตกมาถึง 7 แห่งด้วยนา อันนี้ไม่มาไม่ได้เด้ออ
สรุปการเที่ยวคาวาสึ (Kawazu)
จบแล้วกับโร้ดทริปในคาวาสึ (Kawazu) เอาจริงๆ หลักๆ เลยที่เรามาเที่ยวเมืองนี้กัน เพราะว่าต้องการมาดูงานเทศกาลดอกซากุระบานนั่นเอง ซึ่งพอได้มาเห็นของจริงบอกเลยว่าสวยอลังการมาก ทั่วทั้วเมืองที่ก๊อตไปมานั้นกลายเป็นสีชมพูสดใสไปทั่วทั้งเมือง ขับรถไปทางไหนก็เจอแต่ดอกซากุระคาวาสึบานสะพรั่งคอยต้อนรับอยู่ ความดีงามเลยของที่นี่คือ เราจะได้มาเห็นดอกซากุระบานก่อนใครในญี่ปุ่นเลย โดยคนเค้าก็ตื่นเต้นกันมาก ยิ่งใครมาเที่ยวที่โตเกียวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ด้วยแล้ว ก๊อตอยากให้ลองแวะมาเที่ยวที่เมืองคาวาสึ (Kawazu) ด้วย เพราะเรายังสามารถมาเที่ยวแบบ One Day Trip ได้สบายๆ เลย
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡