เกียวโต (Kyoto) เมืองฮิตอันดับสองของภูมิภาคคันไซที่คนไทยนิยมมาเที่ยวมาก (มากก) โดดเด่นด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยหลายคนรู้จักอันดับต้นๆถึงขั้นมีชื่อไทยที่เราติดเรียกกัน ไม่ว่าจะเป็น ‘วัดน้ำใส’ (วัดคิโยมิสึเดระ / Kiyomizu-dera Temple), ‘วัดทอง’ (วัดคินคะคุจิ / Kinkakuji Temple) หรือสวนป่าไผ่อาราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Groves) ที่ก๊อตเชื่อว่าหลายคนได้เคยเห็นรูปกันมาหมดแล้ว
นี่บอกเลยว่า เมืองเกียวโตคือโคตรเลอค่าแก่การมาเที่ยวมากนะเว้ย ตัวก๊อตเองนั้น คือชอบเกียวโตมากกว่าโอซาก้าอีก เพราะที่นี่มีเสน่ห์และสมบูรณ์แบบด้วยตัวเมืองที่ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน ดังนั้น เรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเค้ามาเต็มมาก และแน่นอนว่า เราจะได้สัมผัสกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นสมัยเก่ากลมกล่อมด้วยญี่ปุ่นสมัยใหม่ในรูปแบบที่ไม่เหมือนเมืองอื่นเลยแหละ ดังนั้น เกียวโต คืออีกหนึ่งเมืองท็อปลิสของญี่ปุ่นที่ห้ามพลาดเลย
แพลนเที่ยวเกียวโต (Kyoto)
สำหรับ แพลนเที่ยวเกียวโต (Kyoto) ของก๊อตนั้น เราจะเที่ยวกันทั้งหมด 2 วัน 1 คืนเท่านั้น โดยเก็บที่ไฮไลท์ของเกียวโตค่อนข้างเยอะมากเลยทีเดียวแหละ ทีนี้สำหรับคนที่วางแพลนเที่ยวกันอยู่ สามารถต่อจิ๊กซอว์กับเมืองอื่นได้เลย เช่น แพลนคลาสสิคที่หลายคนที่มาเที่ยวแถบคันไซครั้งแรกมักจะเที่ยวตามนี้กันคือ โอซาก้า > เกียวโต > นารา นั่นเอง
ส่วนแพลนของก๊อตเองนั้น ลงจากเครื่องบินที่สนามบินคันไซ (KIX) และนั่งรถไฟมาตรงมายังเกียวโตเลย พอเที่ยวเกียวโตเสร็จ ก๊อตก็ไป คานาซาว่า (Kanazawa) > ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) > ทาคายาม่า (Takayama) > วนกลับมา โอซาก้า (Osaka) อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกและความชอบของแต่ละคนเด้อ เลือกเอาตามใจชอบ
วันที่ | ที่เที่ยวเกียวโต |
1 | ย่านฮิกาชิยามะ (Higashiyama District) – ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) – สวนมารุยามะ (Maruyama Park) – นิเน็นซากะ (Ninenzaka) / ซานเน็นซากะ (Sannenzaka) – วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) |
2 | อาราชิยาม่า (Arashiyama) – วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple) – สวนป่าไผ่ (Bamboo Groves) – วิลล่าโอโคจิซันโซ (Okochi Sanso Villa) วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market) |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นในภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
1. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
2. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
3. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
4. รีวิว นารา (Nara)
5. รีวิว โกเบ (Kobe)
6. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
มาเกียวโตจากสนามบินคันไซ (KIX) / เมืองโอซาก้า (Osaka)
ไม่ว่าเราจะมาจากที่ไหน จะจากสนามบินคันไซ (KIX) ใจกลางเมืองโอซาก้า (Osaka) หรือแม้แต่เมืองอื่นๆ วิธีที่สะดวกรวดเร็วที่สุดสำหรับคนมีพาส คงต้องยกให้รถไฟเค้าแหละ เพราะทุกเมืองของเค้าที่นี่เชื่อมต่อด้วยรถไฟแบบดีมากๆ แต่ถ้าใครไม่มีพาส การนั่งรถบัสลีมูนซีนก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน ทีนี้ก๊อตจะขอพูดเน้นเฉพาะแค่สนามบินคันไซ (KIX) และตัวเมืองโอซาก้าเท่านั้นเนอะ เพราะนี่คิดว่าหลายคนเกือบจะ 80% ที่มาเที่ยวเกียวโต คือจะมาแลนด์ดิ้งที่โอซาก้าก่อนนั่นเอง (รวมถึงตัวก๊อตด้วยเช่นกัน)
🚄 จากสนามบินคันไซ (KIX) ไป เกียวโต (Kyoto) ด้วยรถไฟ ➤ JR สาย Kansai-Airport Express “HARUKA”
สำหรับคนที่ มี JR PASS แบบทั่วประเทศ หรือแบบย่อยๆตามภูมิภาคย่านนี้ (ดูตัวลิสพาสที่ใช้ได้ด้านล่าง) / หรือถ้าไม่มีพาส จะซื้อตั๋วไปเกียวโตเที่ยวเดียวก็ได้ เราสามารถเลือกใช้รถไฟ JR สาย Kansai-Airport Express “HARUKA” เพื่อนั่งตรงไปยังเกียวโตได้เลย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที โดยระหว่างทาง เค้ามีแค่สามสถานีหลักเท่านั้นคือ สถานีเทนโนจิ (Tennoji), สถานีชิน-โอซาก้า (Shin-Osaka) และสถานีเกียวโต (Kyoto) นั่นเอง โดยรถไฟเที่ยวแรกที่ออกจากสนามบินคันไซ คือเวลา 6:30น. ในวันธรรมดา และ 6:40น. ในวันหยุด เด้อ
💰สำหรับการซื้อตั๋ว JR สาย Kansai-Airport Express “HARUKA” หรือพาสรถไฟอื่นๆ นี่แนะนำให้ซื้อผ่าน KLOOK เพราะถูกกว่าซื้อหน้าเคาท์เตอร์เยอะอยู่ เพราะราคาบนเว็บจะเป็นราคาที่ถูกกว่าปกติสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะเด้อ [ซื้อผ่าน KLOOK] [ซื้อผ่าน KKday]
ส่วนใครที่ถือพาส JR PASS เหล่านี้ล่ะก็ กระโดดขึ้น JR Haruka Express ฟรีได้เลย : Japan Rail Pass – All Area (JR Pass) *จองที่นั่งได้ฟรี / Kansai Area Pass / Kansai WIDE Area Pass / Kansai Hiroshima Area Pass / Sanyo-San’in Area Pass *จองที่นั่งได้ฟรี / Kansai-Hokuriku Area Pass / Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass / Sanyo-San’in Northern Kyushu Pass *จองที่นั่งได้ฟรี
🚄 จากตัวเมืองโอซาก้า ไป เกียวโต (Kyoto) ด้วยรถไฟ JR
สำหรับคนที่อยู่ตัวเมืองโอซาก้า เราสามารถมาตั้งต้นนั่งรถไฟที่สถานีโอซาก้า (JR Osaka Station) แล้วนั่งไปยังสถานีเกียวโต (JR Kyoto Station) ได้เลยในระยะเวลา 29 นาที ราคา 570 เยน/คน เท่านั้น ส่วนใครที่มีพาสรถไฟอยู่แล้ว ลองดูสรุปพาสทั้งหมดตามลิสด้านล่างได้
สรุป พาสรถไฟที่ใช้เที่ยวเมืองเกียวโต (Kyoto) ได้
ถ้าใครที่ไปเที่ยวหลายเมืองในคันไซ (รวมถึงเกียวโต) หรือมีไปเมืองในภูมิภาคอื่นๆ มีพาสรถไฟหลายตัวมากที่สามารถใช้นั่งรถไฟมาเที่ยวเกียวโตได้นะ หลายคนอาจจะงวยงงว่าใช้อันไหน อันนี้ก็ต้องดูแพลนเที่ยวญี่ปุ่นแต่ละคนแล้วว่าไปไหนบ้าง ดังนั้น ก๊อตเลยลิสพาสรถไฟต่างๆมาให้ว่าพาสไหนเหมาะหรือเข้าพอดีกับแพลนตัวเอง อาจจะลองดูว่าเราลงสนามบินไหนเป็นต้นทางก่อนก็ได้ แล้วส่องดูแพลนต่างๆ ของตัวเองว่าจะไปเมืองไหนบ้าง เมื่อเรามั่นใจแล้วก็ซื้อพาสรถไฟเพื่อความประหยัดและสะดวกสบายในการเดินทางด้วยรถไฟได้เลย! สามารถเทียบราคาทั้ง Klook และ KKday ได้เลยนะ ราคาจะขึ้นลงตามเรทค่าเงินเยน <-> บาท นะครับโผมม
- 🎫 Hankyu Tourist Pass (⭐️ แนะนำ เพราะถูกมาก): เฉพาะสายรถไฟ Hankyu ครอบคลุมการเที่ยวเมืองเด่นๆ อย่าง โอซาก้า เกียวโต โกเบ / มีแบบ 1, 2 วัน ราคาเริ่มต้น ~180 บาท [ซื้อผ่าน Klook]
- 🎫 Kansai Thru Pass (⭐️ แนะนำเพราะคุ้มค่าตัวสุด): นั่งได้เกือบทุกอย่าง และเกือบทุกบริษัทของระบบขนส่งในแถบคันไซ ยกเว้นรถไฟ JR ที่ไม่สามารถใช้ได้ / ครอบคลุมการเที่ยวเมืองเด่นๆ อย่าง โอซาก้า เกียวโต โกเบ นารา ฮิเมจิ และวากายาม่า / มีแบบ 2, 3 วัน ราคาเริ่มต้น ~1,125 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 Kansai Area Pass : เฉพาะสายรถไฟ JR ครอบคลุมการเที่ยวเมื่อเด่นๆ อย่าง โอซาก้า เกียวโต นารา โกเบ และ ฮิเมจิ / ใช้นั่ง Kansai-Airport Express Haruka จากสนามบินคันไซ (KIX) ได้ / มีแบบ 1, 2, 3, 4 วัน ราคาเริ่มต้น ~620 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 Kansai WIDE Area Pass : เฉพาะสายรถไฟ JR ครอบคลุมการเที่ยวเมืองเด่นๆ อย่าง โอซาก้า เกียวโต นารา โกเบ วากายาม่า ฮิเมจิ และ โอคายาม่า / สามารถนั่ง Sanyo Shinkansen ไปกลับ โอซาก้า-โกเบ-โอคายาม่า ได้ / ใช้นั่ง Kansai-Airport Express Haruka จากสนามบินคันไซ (KIX) ได้ / มีแบบ 5 วัน ราคาราวๆ ~2,530 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 Kansai Hiroshima Area Pass : (ก๊อตใช้พาสนี้ในรีวิวนี้) เฉพาะสายรถไฟ JR ครอบคลุมการเที่ยวเมืองเด่นๆ อย่าง โอซาก้า เกียวโต นารา โกเบ วากายาม่า ฮิเมจิ โอคายาม่า และ ฮิโรชิม่า/ สามารถนั่ง Sanyo Shinkansen ไปกลับ โอซาก้า-โกเบ-โอคายาม่า-ฮิโรชิม่า ได้ / ใช้นั่ง Kansai-Airport Express Haruka จากสนามบินคันไซ (KIX) ได้ / มีแบบ 5 วัน ราคาราวๆ ~3,800 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 Sanyo-San’in Area Pass : เฉพาะสายรถไฟ JR สำหรับเที่ยวเมืองเด่นๆ อย่าง โอซาก้า เกียวโต นารา โกเบ วากายาม่า ฮิเมจิ โอคายาม่า ฮิโรชิม่า และ ฟุกุโอกะ / สามารถนั่ง Sanyo Shinkansen ไปกลับ โอซาก้า-โกเบ-โอคายาม่า-ฮิโรชิม่า-ยามากุจิ-ฮากาตะ (ฟุกุโอกะ) ได้ / ใช้นั่ง Kansai-Airport Express Haruka จากสนามบินคันไซ (KIX) ได้ / มีแบบ 7 วัน ราคาราวๆ ~5,150 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 Japan Rail Pass – All Area (JR Pass) : สามารถใช้ขึ้นรถไฟ JR ได้ทั่วประเทศ รวมถึงรถไฟหัวกระสุน Shinkansen เกือบทุกสาย ทั่วประเทศญี่ปุ่น มีแบบ 7, 14, 21 วัน ราคาราวๆ ~7,540 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
ดูส่วนลด KLOOK ประจำเดือน คลิก / ดูส่วนลด KKday ประจำเดือน คลิก
เที่ยวเกียวโต วันที่ 1
ย่านฮิกาชิยามะ (Higashiyama District)
เริ่มต้นวันแรกของการเที่ยวเกียวโต วันนี้เราจะมาโฟกัสทางฝั่งขวาของเมืองเกียวโตกันเนอะ โดยที่แรกที่เราจะไปนั้นจะเป็นย่านเมืองเก่าอันโด่งดังที่เรียกว่า ย่านฮิกาชิยามะ (Higashiyama District) ที่มีแลนด์มาร์คชื่อดังที่สุดอย่าง วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) หรือ “วัดน้ำใส” ที่คนไทยนิยมเรียกกัน โดยระหว่างทางเราก็จะได้เห็นถนนหนทางและบ้านเรือนอันเก่าแก่ที่ทางเมืองเกียวโตเค้ารักษาอย่างดี ใครที่อยากอินให้มากขึ้น แนะนำเช่ากิโมโนเที่ยวเลย เพราะบรรยากาศเค้าคือได้ความเป็นญี่ปุ่นขั้นสุด รับรองว่าถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอนนน
การเดินทาง: จุดเริ่มต้นของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน อย่างที่พักก๊อตเองอยู่ติดรถไฟสาย Keihan ดังนั้น ก๊อตเลยเลือกนั่งรถไฟแล้วมาลงที่สถานี Gion-Shijo Station แล้วเดินแถว ย่านกิออน (Gion) เรื่อยๆ มายัง ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ที่สุดปลายถนน คนอื่นจะมาเริ่มต้นเหมือนก๊อตก็ได้เน้อ
เมื่อเรามาถึงแล้ว ก่อนจะเริ่มเดิน นี่แนะนำให้เราปักแต่ละที่ใน Google Map ก่อนด้วย จากนั้นกดให้แอพมันนำทางเดินให้ เราจะได้ไม่เดินหลงนาจา โดยเราสามารถปักจุดแรกที่ ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ได้เลย แล้วปักแต่ละจุดไปเรื่อยๆ จนจบที่ วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple)
ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) + สวนมารุยามะ (Maruyama Park)
ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ถือเป็นศาลเจ้าที่โดดเด่นมากที่สุดของย่านกิออน (Gion) เลยแหละ โดยศาลเจ้านี้ถูกสร้างมานานกว่า 1,350 ปี และเป็นที่จัด 1 ใน 3 เทศกาลอันโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง “กินออน มัตสึริ (Gion Matsuri)” กับพาเหรดแห่รถลากยามาโฮโกะรอบเมืองเกียวโต ที่สมัยก่อนเค้าเชื่อว่า การแห่รถนี้จะช่วยให้ดวงวิญญาณสงบลงจากภัยพิบัติ ใครที่มาเที่ยวเกียวโตช่วงเดือนกรกฎาคมนี่ แนะนำให้มาดูเทศกาลเค้าได้เลย คือโคตรยิ่งใหญ่
ใครที่ไม่ได้มาช่วงเทศกาลแบบก๊อตนี่ ก็เดินเล่นในศาลเจ้าให้สบายอกสบายใจกันดีกว่า ซึ่งถ้าใครที่กำลังมองหาที่พึ่งจิตใจเรื่องความรัก เค้าบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งพลังงานในการขอเรื่องความรักและเรื่องแต่งงานเลยนะเว้ย โดยศาลเจ้าหลักที่นี่นั้นจะมีเทพแห่งทะเลและพายุ ‘ซุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะ (Susanoo-no-Mikoto)’ ประทับอยู่กับภรรยา ที่เค้ากล่าวกันว่า ท่านจะช่วยให้เราสมหวังในความรักนั่นเอง
ติดกันกับ ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) นี่เดินต่อมายังด้านหลังของศาลเจ้า โผล่มาที่ สวนมารุยามะ (Maruyama Park) ซึ่งก๊อตก็เดินกันชิลๆ เอื่อยๆ กันซะมากกว่า โดยอันที่ชอบก็จะเป็นบ่อน้ำที่มีทั้งปลาและเป็ดว่ายอยู่ คือบรรยากาศมันโคตรดีเลยแหละ
ใครที่มาช่วงปกติธรรมดา ก็อาจจะมาเดินเปื่อยๆ เรื่อยๆ หรือจะข้ามที่นี่ไปเลยก็ได้ แต่ถ้าใครมาช่วงดอกซากุระบานล่ะก็ คือโคตรห้ามพลาดสวนมารุยามะ (Maruyama Park) เด็ดขาด เพราะนี่คืออีกจุดที่เราสามารดูต้นซากุรุบานสวยๆ ได้เต็มสวนเลย 555555
นิเน็นซากะ (Ninenzaka) + ซานเน็นซากะ (Sannenzaka)
ออจากสวนมารุยามะ (Maruyama Park) มาแล้ว ให้เราเดินเล่นต่อไปยัง นิเน็นซากะ (Ninenzaka) + ซานเน็นซากะ (Sannenzaka) เพื่อเป็นทางผ่านไปยังวัดน้ำใสต่อได้เลย ถนนคนเดินเส้นนี้ถือว่าเป็นถนนที่แทบจะสวยที่สุดในเกียวโตเลย ด้วยบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นที่เค้าสงวนรักษาไว้อย่างดิบดี ทำให้แต่ละจุดของเส้นถนนนั้นมีเสน่ห์โคตร ใครที่แต่งชุดยูกาตะมาคือคุ้มมาก สามารถถ่ายรูปรัวๆ ได้เลย
เมื่อเรามาถึงช่วงถนน ซานเน็นซากะ (Sannenzaka) ถนนตรงนี้คนจะแน่นมาก เพราะสองข้างถนนจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขนมโคตรเยอะซึ่งเหมาะกับการหาอะไรกินกรุบกริบมาก นอกจากนี้ ช่วงปลายถนนของซานเน็นซากะ (Sannenzaka) ยังเป็นจุดไฮไลท์ที่คนนิยมถ่ายรูปมาก เพราะมันเป็นถนนลาดเอียงที่ต่อไปยังวัดน้ำใส โดยถ้าเรามองกลับมายังเส้นถนนคนเดิน เราจะเห็นบรรยากาศบ้านเรือนที่เค้าบอกกันว่า “นี่แหละ คือบรรยากาศบ้านเมืองของเกียวโตสมัยก่อนของจริง” // มันจะสวยกว่านี้มาก ถ้าคนน้อยกว่านี้ 5555
Processed with VSCO with u3 preset
วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) / วัดน้ำใส
วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ‘วัดน้ำใส’ นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเกียวโตเลยแหละ แต่น่าเสียดายมาก ช่วงที่ก๊อตไปเค้าคลุมผ้าปิดตัวเรือนระเบียงไม้เพื่อรีโนเวทอยู่ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดถ่ายรูปหลักแบบพีคๆของที่นี่ แต่ถ้าใครที่ไปตอนนี้คือโชคดีแล้วแหละ เพราะเค้ารีโนเวทเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 และตอนนี้ได้เอาผ้าคลุมออกแล้วด้วย โอ้ยยย อิจฉาคนที่จะได้ไปตอนนี้สุดๆ อย่างไรก็ตาม นี่ก็มาเที่ยวเกียวโตแล้วเนอะ จะไม่มาเที่ยววัดนี้ก็ถือว่าพลาดมหันต์เลยทีเดียว เพราะนอกจากเรือนระเบียงไม้แล้ว ที่วัดน้ำใสยังมีจุดอื่นๆ น่าสวยอีกเยอะ อย่างเช่นตัวอาคารด้านหน้าทางเข้าวัด ถือว่าเป็นอีกจุดที่โคตรสวย เผลอๆ อาจจะสวยกว่าอาคารไม้หลักของวัดอีกน้า
วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) ถือเป็นวัดที่เก่าแก่ที่มีอายุมากกว่าเมืองเกียวโตอีกนะเออ โดยวัดนี้ถูกสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 778 (เมืองเกียวโต ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 794) และชื่อว่า ‘น้ำใส’ นั้น มาจากน้ำที่ใสบริสุทธิ์จากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ที่อยู่ภายในวัดนั่นเอง
ตอนที่ก๊อตไปนั้น ถึงแม้ตัวอาคารเรือนไม้จะโดนคลุมอยู่ แต่เรายังสามารถเดินชมบรรยากาศด้านในได้ ซึ่งความพิเศษของเรือนนี้คืออาคารเรือนไม้ที่ไม่ใช้ตระปูซักอันเลย และด้านในนั้นยังมีองค์พระโพธิสัตว์คันนอน (Kannon) หรือเจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ 1000 กร ประดิษฐานเป็นองค์ประทานอยู่ ใครที่เคารพเจ้าแม่กวนอิมนี่ ขอพรได้เลย
เมื่อเราเดินวนลงจากมาจากเรือนระเบียงไม้ลงมาด้านล้างแล้ว เราจะเห็นคนต่อคิวเพื่อดื่มน้ำจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) เยอะมาก ซึ่งตัวน้ำตกจะถูกแบ่งออกเป็น 3 สาย ที่เค้าเชื่อกันว่า เมื่อเราดื่มน้ำของแต่ละสายที่ไหลลงมา จะสมปราถนาตามพลังของสายน้ำนั้นๆ นั่นคือ อายุยืนยาว ความสำเร็จด้านการศึกษา และโชคดีในเรื่องความรัก ซึ่งนี่จะบอกว่า คนต่อคิวเยอะมากกกก ทำให้ก๊อตผ่านไปและเดินออกมาเลยเพื่อรีบไปยังที่สุดท้าย คือ ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha)
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha)
ที่สุดท้ายของวันนี้ เราจะไปเที่ยวยัง ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) ที่ถือเป็นศาลเจ้าที่สำคัญมากที่สุดของเกียวโต (และของประเทศ) เลยเชียว นี่เชื่อว่าหลายคนต้องร้องอ๋อ เมื่อเห็นรูปทางเดินที่มีเสาโทริอิ (Torii) สีแสดเป็นหมื่นต้นที่ตั้งเรียงรายขึ้นไปยังภูเขาอินาริด้านบน ซึ่งรูปที่หลายๆคนเห็นนั่นก็คือศาลเจ้านี้ที่เกียวโต โดยเสาโทริอิต่างๆเหล่านี้ล้วนมากจาผู้คนมากมายรวมถึงพ่อค้าแม่ค้าและบริษัทที่เชื่อถือและศรัทธา และได้สร้างขึ้นเพื่อให้ธุรกิจของตัวเองเจริญและมั่งคั่งนั่นเอง // ก่อนเข้า ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) แถวๆทางเข้าศาลเจ้า มีถนนของกินที่มีขนมเยอะแยะให้กินด้วยนะเออ ครึกครื้นมาก ขนมอร่อย 5555
ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) คือศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าอินาริทั้งหมดกว่า 32,000 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยถือเป็นศาลที่นับถือเทพเจ้าอินาริ (Inari Kami) เทพแห่งพืชพรรณธัญญาหารและความอุดมสมบูรณ์ โดยศาลเจ้าหลักแห่งนี้ถูกสร้างมายาวนานมากกว่า 1,300 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 711 โดยมีมาก่อนที่จะมีวัดน้ำใส และจังหวัดเกียวโตอีกด้วยนะ
ตามแพลนของการเที่ยวศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) ของก๊อตคือ การเดินขึ้นภูเขาอินาริไปเรื่อยๆ ไม่ได้ซีเรียสว่าจะถึงยอดเขาอินาริหรือไม่ เพราะกว่าก๊อตจะมาถึงที่นี่คือเริ่มเย็นมากแล้วแหละ ดังนั้น ความตั้งใจหลักของตัวเองคือ ให้เดินผ่านทั้งศาลเจ้าหลักฮอนเดน (Honden) รวมถึงเดินผ่านเสาโทริอิสีแสดหลักหลายหมื่นต้น ซึ่งอันสุดท้ายคือสำคัญสุดเด้อ 55555
อาคารศาลเจ้าหลักฮอนเดน (Honden) นั้น แทบจะเป็นจุดแรกที่เราผ่านเมื่อเราเข้ามายังตัว ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) เลยแหละ อาคารใหญ่โตสวยงาม ซึ่งถ้าเราดูจากภายนอกจะนึกว่ามีศาลเจ้าเดียว แต่จริงๆแล้วด้านในเค้าแยกออกเป็นอีก 5 ศาลเจ้า (เทพ 5 องค์) โดยทั้งหมดนั้น เค้าจะเรียกรวมว่าเทพอินาริ (Inari Kami) ที่บอกไป ซึ่งทั้ง 5 องค์ก็จะแตกต่างกันในเรื่องของการขอพร ตั้งแต่เรื่องความมั่งในธุรกิจ อุตสาหกรรม ความปลอดภัยของคนในครอบครัว การเดินทาง และความสำเร็จในเรื่องของการแสดงทางด้านศิลปะ ด้วยความที่คนญี่ปุ่นเคารพและนิยมมาขอพรเทพอินาริมาก ทำให้คนมาเยือนศาลเจ้าอินาริที่นี่หลักล้านคน และพีคที่สุดคือช่วงตอนปีใหม่ที่เค้าบอกกันว่า มากันประมาณ 2 ล้านคนเลยแหละ
ตรงหน้าอาคารศาลเจ้าหลักฮอนเดน (Honden) เราจะเห็นหมาจิ้งจอกขนาดใหญ่สองตัวอยู่ด้านหน้า ตัวซ้ายคาบกุญแจสำหรับเปิดยุ้งฉางที่เก็บข้าว ส่วนตัวขวาจะคาบลูกแก้วกลม (Hoshi no Tama) ที่เป็นสัญลักษณ์ถึงเทพแห่งธัญญาหารนั่นเอง
หากเราไปเดินที่ ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) เราจะได้เห็นรูปปั้น หมาจิ้งจอก (Kitsune) เยอะมากเลยแหละ จนหลายคนเรียกชื่อเล่นของศาลเจ้าที่นี่ว่า ศาลเจ้าจิ้งจอก แต่จริงๆ นี่จะบอกว่าจิ้งจอกไม่ใช่เทพนาจา แต่เค้าเปรียบเสมือนจิ้งจอกเป็นสัตว์ส่งสารของเทพ ซึ่งคล้ายกับกวางที่เมืองนาราเลยเด้อ
สรุปสุดท้าย ก๊อตเดินไม่ถึงยอดเขาอินาริตามที่คิดไว้ เพราะเอาจริง มันก็ไกลอยู่เหมือนกันนะเว้ย แถมตอนนั้น ฟ้าเริ่มมืดครึ้ม คนเริ่มหายกันไปหมดจนบางทีก็รู้สึกหวิวมากเลยเหอะ บรรยากาศด้านบนช่วงใกล้มืดตอนคนไม่มีคือหวาบหวิวอยู่นาาา เคว้งคว้างมากเหอะ เอาดีๆ 555555555
สุดท้ายนี่เดินไปถึงจุดชมวิวอันนึงที่มองเห็นเมืองเกียวโตเล็กๆ พักยืนมองวิวซักแปปนึงก็เดินลงมาด้านล่าง ซึ่งกว่าจะถึงสถานีรถไฟ ฟ้าก็มืดเรียบร้อยแล้ว ฮ่า ดังนั้น ใครที่คิดอยากเดินถึงยอดภูเขาอินาริ แนะนำให้เผื่อเวลาดีๆ เพราะตามที่เค้าแนะนำกันนั้น เราจะใช้เวลาประมาณ 40-60 นาทีเลย
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
เที่ยวเกียวโต วันที่ 2
อาราชิยาม่า (Arashiyama)
วันที่สองของการเที่ยวเกียวโตนั้น เราจะไปที่ อาราชิยาม่า (Arashiyama) ที่ตั้งตามชื่อภูเขาตรงนั้นก็คือ เขาอาราชิยาม่านั่นเอง นี่เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นชื่อกันไม่มากก็น้อย แต่ถ้าก๊อตให้ดูรูปของ สวนป่าไผ่ (Bamboo Groves) อันโด่งดังของเกียวโตล่ะก็ ทุกคนต้องร้องอ๋อออ่ะ เพราะมันดังมากจริงๆ และกลายเป็น Tourist Spot ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูป เอาเป็นว่า ครึ่งเช้าเราจะมาเที่ยวแถว อาราชิยาม่า (Arashiyama) กัน เพราะนอกจากสวนป่าไผ่แล้ว ก๊อตจะพาไปเที่ยว วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple) และ วิลล่าโอโคจิซันโซ (Okochi Sanso Villa) ด้วยเด้อ ตามมากันเลยจ่ะ
🚄 วิธีการมาย่าน อาราชิยาม่า (Arashiyama) สามารถนั่งรถไฟมาได้ 3 เจ้าเลย แต่ก๊อตแนะนำอยู่สองสาย ใครที่มาจาก Kyoto Station ให้นั่ง JR Sagano Line มาลงที่สถานีซากะ-อาราชิยาม่า (Saga-Arashiyama Station) ได้ แต่เดินต่อมาอีก 10-15 นาที กับอีกหนึ่งอันคือรถไฟบริษัท Keifuku ที่เราสามารถขึ้นได้จากกลางเมืองเกียวโตที่สถานีโอมิยะ (Omiya Station) มาลงที่สถานีอาราชิยาม่า (Arashiyama) ซึ่งอยู่ใจกลางย่านการค้าของแถวๆนี่ คือไม่ต้องเดินไกลมากแถมยังมีร้านขนมตลอดข้างทาง ฮ่าๆ ซึ่งถ้าให้แนะนำ ต้องดูว่าจุดเริ่มต้นแต่ละคนอยู่ตรงไหน สะดวกอันไหนก็มาอันนั้นเล้ย // ส่วนตัวก๊อตคือมารถไฟ JR แล้วก็เดินมาเรื่อย ระหว่างทางกว่าจะเดินมาถึง คือกินขนมกรุบกริบระหว่างทางเยอะมาก 555555
วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple)
ก่อนที่เราจะเข้าสวนป่าไผ่ (Bamboo Groves) ก๊อตแนะนำให้เข้าไปเที่ยว วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple) กันก่อน ซึ่งวัดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งวัดที่สวยที่สุดในเกียวโตเลยนะเออ โดยเฉพาะสวนญี่ปุ่น ‘สวนโซเกนจิ (Sogenchi Garden)’ ของวัดนี้ที่รวมเอาแบล็คกราวด์ของภูเขาอาราชิยาม่า (Mount Arashiyama) มาเป็นส่วนหนึ่งของสวนรวมกับสระน้ำและต้นสนอันสวยๆของวัดด้วย ทำให้สวนญี่ปุ่นที่นี่กลายเป็นอีกสวนที่โคตรสวย!
วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple) ถือเป็น 1 ใน 5 วัดนิกายเซ็นใหญ่ที่สำคัญที่สุดในเกียวโต ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1339 และยังถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในเรื่องของสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของเมืองเกียวโตด้วยนะเออ ไม่ธรรมดานะแจ๊ะ
ตัวก๊อตเองนั้น เข้ามาเพื่อเดินสวนอย่างเดียวเนอะ โดยค่าเข้านั้นจะแบ่งออกเป็นสองอย่างคือ แบบเดินดูสวนอย่างเดียวในราคา 500 เยน ส่วนถ้าใครอยากขึ้นไปเดินชมบนหอโฮโจ (Hojo) ที่รูปของพระพุทธเจ้าอยู่ด้านในด้วย ใครที่เดินเข้าไปชมด้านจะต้องเสียเพิ่มอีก 300 เยน เด้อ ซึ่งก๊อตก็เดินวนรอบๆ และเดินดูสวนต่อ คือสวนญี่ปุ่นเค้าสวยจริง เต็มสิบนี่ไม่หักคะแนนเลยจ้าแม่
สวนป่าไผ่ (Bamboo Groves)
ออกมาจาก วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple) ทางประตูทิศเหนือ มันจะเป็นทางเข้า สวนป่าไผ่ (Bamboo Groves) อันโด่งดังที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ซึ่งที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ Instagramable ชื่อดังของเกียวโตเล้ย บอกเลยว่าคนเยอะมากกกกกกก // ก่อนเข้าไปยังสวนไผ่ ด้านหน้าทางเข้าเค้ามี ศาลเจ้าโนโนะมิยะ (Nonomiya Shrine) ที่ศาลเจ้าหลัก สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพีแห่งพระอาทิตย์ ‘อามะเทระสึ (Amaterasu)’ ซึ่งใครที่อยากขอพร สามารถเดินเข้าไปได้เล้ย
เส้นทางของ สวนป่าไผ่ (Bamboo Groves) เส้นนี้จะยาวประมาณ 500 เมตร โดยเป็นทางเดินที่ขนาบข้างไปด้วยต้นไผ่สูง เรียงยาวไปตามทางเดิน หลายคนอาจจะสงสัยว่า เค้ามาปลูกต้นไผ่นี้ทำไม คำตอบก็คือ เพื่อการตกแต่งสวยงามล้วนๆ ของย่านอาราชิยาม่า (Arashiyama) ตรงนี้ที่พื้นที่รอบๆ เต็มไปด้วยวิลล่าบ้านพักคนดัง รวมถึงวัดสำคัญหลายแห่งในสมัยก่อน
สำหรับใครที่เห็นรูปก๊อตคนน้อยๆ ล่ะก็ จะบอกว่าทริคการถ่ายรูปแทบไม่มีอะไรเลยเด้อ ก๊อตแนะนำให้เราเดินเข้าไปยังสวนป่าไผ่ลึกๆ แทนตรงหน้าปากทางเข้า เพราะตรงนั้นคนจะชอบมุงและยืนออกันอยู่เยอะ ทำให้เราถ่ายรูปได้ไม่สวยนั้นเอง จากนั้นก็แค่รอจังหวะที่คนไม่มี แล้วรีบกดชัตเตอร์รัวได้เล้ย เอ้อ มีแค่นี้จริงๆ 5555555
วิลล่าโอโคจิซันโซ (Okochi Sanso Villa)
สุดทางสวนป่าไผ่ (Bamboo Groves) ถ้าเราเดินไปทางขวาอีกหน่อย ตรงนี้จะมีทางเข้าไปยัง วิลล่าโอโคจิซันโซ (Okochi Sanso Villa) ที่อดีตเคยเป็นบ้านพักของดาราญี่ปุ่นชื่อดัง Okochi Denjiro (1898-1962) ผู้ที่อุทิศตัวเองในช่วง 30 ปีสุดท้ายของชีวิต ได้สร้างวิลล่าแห่งนี้ขึ้นมา คิดดูว่าดาราคนนี้จะยิ่งใหญ่ขนาดไหนที่สร้างวิลล่าตัวเองได้ขนาดนี้ เอ้อออ ซึ่งตอนนี้เค้าได้เปิดวิลล่าให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอย่างเป็นทางการแล้วด้วย ด้านในก็จะมีบ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม รวมถึงสวนขนาดใหญ่โตมโหฬารให้เราเดินเล่นกินลมชมวิวอีก
สำหรับการเที่ยวที่ วิลล่าโอโคจิซันโซ (Okochi Sanso Villa) จะมีค่าเข้าอยู่ที่ 1,000 เยน ตอนแรกพอเห็นค่าเข้าก็ลังเลเว่อร์ ว่าจะเข้าหรือไม่เข้าดีวะ แต่สุดท้ายก็เลือกเข้าไป เพราะค่าเข้าเค้าดันรวมค่าขนมกรุบกริบและชาเขียวมัชฉะแท้ ที่เราสามารถนั่งดื่มชิลๆ ภายในตัวบ้านเค้าอีกด้วย โดยรวมเลยไม่เสียดายเงิน เพราะชาเขียวเค้าอร่อยจริง
กินชา กินขนมเสร็จก็เดินเที่ยวชมสวนบ้านเค้ากันต่อ บอกเลยว่าสวยมาก โดยเค้าได้ออกแบบสวนออกมาให้สวยหมดทั้ง 4 ฤดู โดยไม่ว่าเราจะมาเที่ยวฤดูไหน สวนที่นี่ก็จะมีความพิเศษแตกต่างกันออกไป ส่วนตัวนี่ค่อนข้างชอบ เพราะมันเดินชิลๆ เพลินๆ ให้ตัวเองได้สโลวสไลฟ์นั่นเอง
วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) – วัดทอง
มากับแลนด์มาร์คที่สุดท้ายของเกียวโตกับ วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วัดทอง เนื่องจากตัวอาคารพาวิลเลียนหลักของวัดนั้นเป็นสีทองอร่าม บอกเลยว่าสวยม๊ากกกก และวัดนี้จะสวยพีคสุดก็ตอนที่แสงแดดส่องตกกระทบตัวอาคาร คือสะท้อนแสงสีทองพร้อมกับภาพสะท้อนตรงผิว คือดีย์ ความสวยงามระดับสิบขนาดนี้เลยทำให้วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่มักจะกลายเป็นภาพโปรโมทการท่องเที่ยวของเกียวโตนั่นเอง
ก่อนหน้าที่จะเป็น วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) ที่นี่เคยเป็นวิลล่าของ โชกุนอาชิคากะ โยชิมิตสึ (Ashikaga Yoshimitsu) มาก่อน แต่หลังจากที่ท่านเสียชีวิตไป ลูกชายจึงได้เปลี่ยนที่นี่เป็นวัดนิกายเซ็นจนถึงปัจจุบันตามคำขอของพ่อ ตัวอาคารหลักที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นเป็นอาคารที่สร้างใหม่ในปี 1955 หลังจากโดนระเบิดเสียหายในสงครามโอนิน (ช่วงปี 1467–1477)
เมื่อเข้ามาด้านในแล้ว เส้นทางการเดินเที่ยวด้านในวัด จะเป็นทางให้เราเดินผ่านอาคารสีทองรอบๆ (แต่เข้าภายในอาคารไม่ได้นะ) และหลังจากนั้น เราจะเดินเข้าสู่สวนและสระน้ำสวยๆภายในวัดต่อจนวันออกมายังทางออกที่เป็นศาลเจ้านั่นเอง ฟีลคือร่มรื่นและชิลมาก
สรุป ต้องมาเที่ยวนะจ๊ะ ถ้าใครที่มาเกียวโตครั้งแรกคือโคตรห้ามพลาด เพราะนอกจากวัดจะสวยงามล้ำค่าแล้ว ที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญในโตเกียว และถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO อีกด้วย
ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market)
และที่สุดท้ายของการเที่ยวเกียวโตทริปนี้ เราจะมาเดินเล่นและหาของกินกันที่ ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market) ที่ถือเป็นตลาดคนเดินที่คึกคัก ของกิน ของกรุบกริบ รวมถึงของฝากค่อนข้างเยอะเลยแหละ ด้วยความที่หิวข้าวมาก ไม่สะดวกที่จะกินของกรุบกริบในตลาดได้ นี่เลยเดินในซอยตลาดแบบผ่านๆ เพราะร้านส่วนมากในซอยนั้น จะเน้นเป็นขนมกรุบกริบ อาหารกินเล่น ของฝาก และปลาดสดมากกว่าแหละ ถ้าเราอยากกินข้าวแบบร้านอาหารอาจจะต้องเดินบริเวณรอบๆ ด้านนอกซอยแทน
จากการที่ได้ยินชื่อเสียงของราเมงข้อสอบ “Ichiran Kyoto Kawaramachi” แบบออริจินอลที่ญี่ปุ่นมานานโคตร (จนในไทยบ้านเรา มีเปิดร้านราเมงข้อสอบที่ก๊อบปี้เค้ามาอีกทีจนโด่งดัง) ในที่สุด นี่ก็ได้กินสมใจอยากแถวๆ ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market) นี่แหละ ซึ่งถ้าใครอยากกินแบบก๊อต สามารถปักชื่อร้านเค้าได้เลย ซึ่งร้านเค้าดังเรื่องราเมงทงคัตสึมากเว้ย อร่อยและอยากให้ลองจริงๆ // มันไม่ได้มีแต่ที่เกียวโตนะ แทบจะมีอยู่ทั่วประเทศ ลองเสิร์จได้ 5555
ที่พักในเกียวโต
Guesthouse Rinn Tofukuji Riverside
สำหรับที่พักในโตเกียวที่ก๊อตได้ไปพักจริงคือ Guesthouse Rinn Tofukuji Riverside ที่ส่วนตัวก๊อตเองค่อนข้างประทับใจและอยากแนะนำมากเลยแหละ ดีทั้งเรื่องโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ใกล้สองสถานีรถไฟ คือ JR Tofukuji Station ที่อยู่เลยสถานี JR Kyoto Station มาแค่หนึ่งสถานี และยังมีสถานี Keihan Tofukuji Station อีกด้วย ตัวที่พักเองยังดีแบบพรีเมียม ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านคนญี่ปุ่นที่สุด อารมณ์แบบ Airbnb ขั้นสุด
ส่วนตัวคือโคตรชอบที่พักแบบนี้มาก มันคือฟีลอยู่บ้านที่ห้องแบ่งออกเป็นสัดส่วนสุด ก๊อตเองมาเที่ยวทั้งหมด 3 คน โดยเลือกห้องแบบ Triple Room ที่มีห้องน้ำ ห้องครัวเล็กๆ ที่มีทั้งไมโคเวฟ ซิงค์ล้างจาน ตู้เย็น และแยกออกมาเป็นห้องนอนแบบดีมาก (ส่วนห้องอื่นๆ ที่เป็นแบบ 2 คน จะไม่ได้แยกส่วนขนาดนี้เนอะ) โดยรวมทุกอย่างคือดีมากๆ เลยแหละ
ส่วนเรื่องอาหารเช้า มันจะไม่ใช่ Full Service แบบโรงแรมเนอะ แต่เค้าจะมีให้เราสั่งเป็นกล่องเบนโตะโดยเสิร์ฟให้ที่ห้องตอนเช้า ดูจากหน้าตาและราคาแล้ว ก๊อตว่าไปหาอะไรอร่อยๆ กินข้างนอกดีกว่าเด้อ อันนี้ขอเว้นไว้ ฮ่าๆ 5555555555
ดูเรทและจองผ่าน Agoda ดูเรทและจองผ่าน Booking ดูเรทและจองผ่าน Expedia ดูเรทและจองผ่าน Trip ดูเรทและจองผ่าน Hotelsราคาห้องพักเริ่มต้น 3,0o0 บาท/คืน ดูเรทและจอง รินน์ โทะฟุกุจิ ริเวอร์ไซด์ (Rinn Tofukuji Riverside) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡