วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ‘วัดน้ำใส’ นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คและเป็นวัดที่ดังมากที่สุดของเกียวโต โดยก่อนหน้านี้ที่ทางวัดนั้นได้บูรณะอาคารไม้หลักด้วยการคลุมผ้าปิดตัวเรือนระเบียงไม้มานมนานหลายปี ก๊อตอยากบอกตอนนี้เราจะไม่นกแล้วจ๊ะพี่ตา เพราะทางวัดเค้าบูรณะตัววัดเสร็จไปเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้น รีวิวนี้ทุกคนจะได้เห็นอาคารไม้ของวัดน้ำใสกันแบบเต็มๆ แอบบอกว่าสวยเลอค่าท่ามกลางบรรยากาศโคตรดี และเผื่อใครยังไม่รู้ว่านอกจากอาคารไม้หลังใหญ่บนเนินเขาแล้ว ที่ วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) ยังมีจุดอื่นๆ ที่สวยสับไม่แพ้กันอีกเยอะ อย่างตัวอาคารด้านหน้าทางเข้าวัด ที่ก๊อตยกให้เป็นอีกจุดที่สวยเอาเรื่อง คือเอาจริง ไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหนของวัด ทุกอย่างรอบตัวมันดูสวยไปหมด ดังนั้นรีวิวนี้บอกเลยว่าเราใช้คำว่าสวยได้เปลืองมาก 555555
รู้จักกับ วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple)
วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) หรือ ‘วัดน้ำใส’ ถือเป็นวัดที่เก่าแก่ที่มีอายุมากกว่าเมืองเกียวโตอีกนะ โดยวัดนี้ถูกสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 778 ก่อนหน้าเมืองเกียวโต ที่ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 794 โดยชื่อว่า ‘น้ำใส’ นั้น มาจากน้ำที่ใสบริสุทธิ์จากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ที่อยู่ภายในวัดนั่นเอง เดิมทีวัดแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับนิกายฮอสโส (Hosso) ซึ่งเป็นหนึ่งในนิกายที่เก่าแก่ที่สุดในศาสนาพุทธของญี่ปุ่น แต่ภายหลังในปี ค.ศ. 1965 ทางวัดได้ก่อตั้งนิกายกิตะ ฮอสโส (Kita Hosso) ขึ้นมา
ความดีงามและทรงคุณค่าของ วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) คือในปี ค.ศ. 1994 วัดแห่งนี้ถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อมรดกโลกของ UNESCO เป็นที่เรียบร้อย โดยวัดเป็นที่รู้จักจากอาคารไม้บนเนินเขาที่สร้างรางไม้รองรับฐานเอาไว้โดยไม่ใช้ตะปูตอกสักดอกเดียว อีกทั้งยังมีน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ที่ผู้คนเชื่อกันว่า ดื่มแล้วจะสมพรปราถนาทุกประการ นั่นยิ่งทำให้ วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) โด่งดังและได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต่างต้องมาเยือนนั่นเอง
วิธีการเดินทางมาที่วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple)
รถไฟ JR : วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟ JR โดยสถานีรถไฟที่ใกล้กับ วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) มากที่สุดคือ สถานี Kiyomizu-Gojo Station ซึ่งสามารถเดินทางมาตามนี้ได้เลย
- โดยรถไฟ JR :
- วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) : จากสถานี Kyoto Station ให้ขึ้นรถไฟสาย JR Nara Line นั่งมาลงที่สถานี Tofukuji Station จากนั้นให้เปลี่ยนสายมานั่ง Kiyomizu-Gojo Station แล้วเดินต่ออีก 1 นาที
เริ่มเที่ยว วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) กันเล้ยย
สำหรับจุดแรกก่อนที่ก๊อตจะเข้าไปถึง วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) เราเดินผ่าน นิเน็นซากะ (Ninenzaka) และ ซานเน็นซากะ (Sannenzaka) ถนนที่มีลักษณะเป็นตรอกซอกซอยให้เราได้มาเดินเที่ยวและสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ท่ามกลางบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ซึ่งพอเราเดินผ่านถนนทั้งสองเส้นมาเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็เริ่มเข้าสู่ วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera Temple) เริ่มแรกจากประตูทางเข้าหลัก (Nio-mon, 仁王門) ของวัดที่ครั้งหนึ่งเคยถูกไฟไหม้ในช่วงสงครามกลางเมืองในปี ค.ศ. 1469 และได้รับการบูรณะใหม่ประมาณปี ค.ศ. 1500 จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2003 ที่ผ่านมา ประตูหลักได้ถูกปรับปรุงอีกครั้งและใช้งานมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งประตูแห่งนี้มีความกว้างประมาณ 10 เมตร ยาว 5 เมตร และสูง 14 เมตร
โดยบริเวณด้านหลังประตูเข้ามานั้น จะเป็นลานที่เต็มไปด้วยเจดีย์เล็กๆ ตั้งประดิษฐานอยู่ตามมุมต่างๆ ของวัดให้เราได้เดินชมความงดงามแบบใกล้ๆ หรือจะยกกล้องขึ้นมาเซลฟี่ พร้อมทั้งเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ ไปพลางๆ โดยความประทับใจแรกของก๊อตตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเหยียบในอาณาเขตของวัด คือเรื่องของวิวที่สวยโคตรๆ เพราะจากบริเวณลานกว้างนี้ เราสามารถมองย้อนกลับไปทางด้านหลังแล้วดื่มด่ำกับวิวสกายไลน์เมืองเกียวโตได้แบบไกลสุดลูกหูลูกตา และหากวันไหนฟ้าเปิดเป็นใจยังสามารถมองออกไปเห็น เกียวโตทาวเวอร์ (Kyoto Tower) หอคอยที่สูงที่สุดของเกียวโตที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเมืองได้อีกด้วยนา
พอได้รูปหนำใจแล้ว นี่ก็เดินตรงไปยังอาคารไม้ฮอนโดะ หรือ Hondo (Main Hall) อาคารหลักของวัดที่เค้าปรับปรุงกันมายาวนานหลายปี ซึ่งล่าสุดที่ก๊อตไปเที่ยวมานั้น เค้ารีโนเวทเสร็จเรียบร้อยแล้วนา โดย อาคารไม้ฮอนโดะ หรือ Hondo (Main Hall) จะเป็นอาคารโถงขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นบนหน้าผาสูงชันโดยใช้วิธีการก่อสร้างแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น สังเกตได้จากลักษณะภายนอกของอาคารไม้ ที่มีตัวเสาและรางประกอบเข้าด้วยกันจนดูเหมือนนั่งร้าน ซึ่งตัวเสาและรางนี้ไม่ใช่ว่ายังปรับปรุงไม่เสร็จนะ แต่เค้าทำหน้าที่รองรับโครงสร้างของอาคารไม้ทั้งหลังได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวแม้ว่าจะสร้างอยู่บนทางลาดชันก็ตาม ซึ่งภายในนั้นเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระโพธิสัตว์คันนอน (Kannon) หรือเจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ 1000 กร ที่ถือว่าเป็นพระประธานประจำวัด ใครที่เคารพนับถือเจ้าแม่กวนอิมอยู่แล้ว สามารถมาทำความไหว้และขอพรท่านได้เลย
ในส่วนของด้านหน้าอาคารไม้จะมีระเบียงอันโอ่อ่าที่เรียกกันว่า ‘เวทีคิโยมิสึ’ (Kiyomizu Stage) ซึ่งสูงจากพื้นดินกว่า 13 เมตร (เกือบเท่าตึกสูง 4 ชั้น) ด้านล่างรองรับด้วยเสาจำนวน 18 ต้น ที่สร้างจากต้นเซลโควาอายุ 400 ปี ความอลังของเค้าคือ เสาต้นที่ใหญ่ที่สุดสูงประมาณ 12 เมตรและมีเส้นรอบวง 2 เมตร เลยทีเดียว ความอะเมซิ่งอีกอย่างที่ก๊อตทึ่งมาก คือ เสาแต่ละต้นนั้นเชื่อมต่อเข้าหากันด้วยรางไม้โดยไม่มีการตอกตะปูยึดเข้าหากันแม้แต่ดอกเดียว เริ่ดไม่ไหวเลย และหากใครเน้นอยากมาเดินชมวิวเมืองเกียวโต หลังจากไหว้สิ่งศักดิ์ด้านในเสร็จแล้ว จะมายืนดูวิวเมืองจากบริเวณด้านหน้าของอาคารไม้ได้นา บอกเลยว่าวิวสวยสับมาก
นอกจากนี้ วัดน้ำใสยังเป็นสถานที่ประดิษฐานของเทพเจ้าเอบิสุ (Ebisu) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล การประมง และการค้าอยู่ด้วย โดยคนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าท่านจะประทานพรในเรื่องของความร่ำรวย มั่งคั่ง นำความโชคดีจากท้องทะเลมาให้ โดยลักษณะท่าทางของเทพเจ้าเอบิสุนั้น ดูเหมือนชายรูปร่างอ้วนทว่าใจดี ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สวมหมวกแบนๆ เอาไว้ ที่แขนซ้ายอุ้มปลาไท (ปลากระพงแดง) ส่วนบริเวณมือขวาถือคันเบ็ด แต่บางคนเค้าก็เชื่อกันว่าท่านถือค้อนตะลุมพุก และแบกถุงใส่สมบัติเอาไว้ โดยมีเรื่องเล่าว่าเมื่อใดที่ท่านสั่นค้อนตะลุมพุกไปมา เมื่อนั้นเงินทองจะไหลมาเทมานั่นเอง ดังนั้นใครที่มาขอพรในเรื่องของโชคลาภเงินทองให้ตรงปรี่มาสักการะได้เลย แต่ถ้าใครอยากขอพรเรื่องความรัก ให้ลองเดินอ้อมไปที่ด้านหลังของอาคาร จะมี ศาลเจ้าจิชุ (Jishu Shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้กับโอคุนินุชิ โนะ มิโคโตะ (Okuninushi no Mikoto) เทพแห่งความรักอยู่ คู่รักไหนที่อยากมาขอพรให้ครองรักกันแบบชั่วนิจนิรันดร์นี่ต้องอย่าลืมเข้าไปด้านในต่อนะเออ
ส่วนใครที่อยากได้รูปมุมสวยๆ โดยมีฉากหลังเป็นอาคารไม้ให้เดินต่อไปยังอาคารโอคุโนอิน (Okuno-in Hall) อีกหนึ่งอาคารเก่าแก่ของวัดที่ตั้งข้างๆ กับอาคารไม้ ซึ่งบริเวณด้านหน้าของอาคารมีเวทียื่นออกมา รวมถึงภายในยังเป็นโถงบรรยากาศไม่ต่างจากอาคารไม้เมื่อครู่มากนัก แต่ที่มันป๊อบและมีคนมายืนออกันอยู่ด้านหน้าอาคารหลังนี้เยอะมาก เพราะมันสามารถถ่ายภาพย้อนกลับไปหาอาคารไม้ฮอนโดะได้ทั้งหลัง ยิ่งถ้าใครมาเที่ยวช่วงฤดูใบไม้แดง บอกเลยว่าโคตรพีค เพราะตรงบริเวณวัดจะแดงเถือกล้อมรอบตัวอาคารเลยล่ะ นอกจากนี้ เรายังสามารถมองออกไปเห็นวิวเมืองได้กว้างไกลไม่แพ้กัน แต่บอกเลยว่าคนยืนอยู่ตรงนี้แตกแตนเป็นฝูงมด ถ้าใครอยากได้รูปคู่กับอาคารไม้สวยๆ ต้องหามุมและจังหวะถ่ายรูปดีๆ เด้อ
จากอาคารโอคุโนอิน (Okuno-in Hal)l จะเป็นทางเดินลงไปตามแนวบันไดเพื่อกลับออกไปด้านนอก ซึ่งใครที่เป็นสายเก็บวิวน่าจะชอบมุมนี้ เพราะนอกจากจะมองเห็นวิวเมืองได้แล้ว ยังสามารถมองเห็น เจดีย์ซันจุโนโตะ (Three Story Pagoda) สูง 3 ชั้นตั้งตระหง่านอยู่ด้านล่างของวัดอีกด้วยถือเป็นอีกหนึ่งมุมที่สวยมากที่สุดของวัดน้ำใสเค้าเลย นอกจากนี้ยังสามารถมองลงไปเห็น น้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ที่อยู่ด้านล่างอาคารได้อีกด้วย โดยน้ำตกนี้ถูกแบ่งออกเป็น 3 สาย ที่เค้าเชื่อกันว่า เมื่อเราดื่มน้ำของแต่ละสายที่ไหลลงมา จะสมปราถนาตามพลังของสายน้ำนั้นๆ นั่นคือ อายุยืนยาว ความสำเร็จด้านการศึกษา และโชคดีในเรื่องความรักนั่นเอง โดยชื่อของ วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) เผื่อหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าชื่อของเค้าที่แปลว่า ‘น้ำใส’ นั้นก็มาจากลักษณะของน้ำจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) นี่เอง
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
หลังจากชื่นชมวิวจนหนำใจแล้ว ก๊อตก็เดินกลับออกมา โดยรวมแล้ว วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) บรรยากาศของจริงสวยอลังการม๊ากก สวยจนไม่รู้จะอธิบายออกมายังไงให้ทุกคนเห็นภาพมากที่สุด นอกจากอยากจะบอกว่าให้ลองมาสัมผัสด้วยตาของตัวเอง แค่ได้มาเห็นอาคารไม้หลังมหึมาบนเนินเขาส่วนตัวก๊อตคิดว่ามันก็คุ้มค่าที่สุดแล้ว ใครมาเที่ยวเกียวโตบอกเลยว่าต้องมา เพราะที่นี่เค้าเปรียบเหมือนแลนด์มาร์คดังของเมืองที่ห้ามพลาดเลย
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡