วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) หนึ่งในวัดรินไซเซนที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเกียวโต (Kyoto) ของญี่ปุ่น ที่นอกจากจะเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีได้สวยสับแล้ว วัดแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของความอลังของสะพานคลองส่งน้ำที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดที่สุดที่มาพร้อมกับประตูไม้โบราณขนาดใหญ่ที่สวยสง่าแบบที่ว่าต้องมาสัมผัสด้วยตาของตัวเองสักครั้ง นอกจากนี้ภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของวัดน้อยใหญ่อยู่อีกมากมาย เรียกได้ว่า วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) เป็นวัดที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดอีกแห่งของเมืองเลยก็ว่าได้
รู้จักกับ วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple)
วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) เดิมชื่อว่าวัดเซ็นรินเซ็นจิ (Zenrinzen-ji Temple) เป็นวัดพุทธนิกายเซนในพื้นที่ของฮิกายาชิม่า (Higashiyama) ของเกียวโต (Kyoto) ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์ของภูเขาที่สวยงาม ภายในเต็มไปด้วยวัดย่อยหลายแห่ง
ย้อนกลับไปในช่วงปี ค.ศ. 1264 จักรพรรดิคาเมยามะ (Kameyama (1249 – 1305)) ได้สร้างวิลล่าขึ้นมาบนพื้นที่แห่งนี้ (พื้นที่วัดในปัจจุบัน) เพื่อใช้สำหรับเป็นที่พัก โดยขณะนั้นพระองค์ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นจักพรรดิอยู่ ก่อนจะถูกเปลี่ยนถ่ายอำนาจและการปกครอง ท่านเลยยกวิลล่ารวมถึงที่ดินแห่งนี้ให้เป็นสาธารณะ โดยได้เปลี่ยนมาสร้างเป็น วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1291 ซึ่งวัดแห่งนี้ได้เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในยุคสมัยนั้น
จนกระทั่งในช่วงสมัยมุโรมาชิ (Muromachi period)ในปี ค.ศ. 1393, 1447 และ 1467 วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) ได้ถูกไฟไหม้หลายครั้ง และเริ่มทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ภายหลังในปี ค.ศ. 1597 เมื่ออิชิน ซูเด็น (Ishin Sūden) ที่ปรึกษาของรัฐบาลโชกุนโทคุงาวะ (Tokugawa Shogunate) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าเจ้าอาวาสและบริหารจัดการวัดแห่งนี้ ท่านจึงได้ริเริ่มระดมทุน พร้อมทั้งจัดทำแผนผังของวัด ไปจนถึงจำนวนวัดย่อยต่างๆ ก่อนจะสร้างขึ้นมาใหม่แทบทั้งหมด ต่อมาในปี ค.ศ. 1885 ได้มีการสร้าง Nanzenji Suirokaku หรือ ‘สะพานส่งน้ำ’ ซึ่งแล้วเสร็จในช่วงปี ค.ศ. 1890 โดยทำหน้าที่เป็นสะพานคลองส่งน้ำจากทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) ไปยังเมืองเกียวโต เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นใช้อุตสาหกรรมปั่นด้าย ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังจากกังหันน้ำ, การชลประทาน และเพื่อป้องกันอัคคีภัยภายในเมืองนั่นเอง และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) ก็ได้เติบโตและกลายเป็นวัดสำคัญอีกแห่งของเกียวโตไปเป็นที่เรียบร้อย
ค่าเข้า วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple)
- ค่าเข้าวัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) :
- ผู้ใหญ่ 300 เยน (~75 บาท)
- นักเรียนมัธยมปลาย 250 เยน (~60 บาท)
- นักเรียนประถม – มัธยมต้น 150 เยน (~36 บาท)
- ค่าขึ้นประตูซันมง :
- ผู้ใหญ่ 500 เยน (~120 บาท)
- นักเรียนมัธยมปลาย 400 เยน (~97 บาท)
- นักเรียนประถม – มัธยมต้น 300 เยน (~75 บาท)
- ค่าเข้าสวนโฮโจ :
- ผู้ใหญ่ 500 เยน (~120 บาท)
- นักเรียนมัธยมปลาย 400 เยน (~97 บาท)
- นักเรียนประถม – มัธยมต้น 300 เยน (~75 บาท)
วิธีการเดินทางมาที่ วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple)
รถไฟใต้ดิน: วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟใต้ดิน โดยสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้กับ วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) มากที่สุดคือ สถานี Keage Station ซึ่งสามารถเดินทางมาตามนี้ได้เลย
- โดยรถไฟใต้ดิน :
- วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) : ให้ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai Line นั่งมาลงที่สถานี Keage Station แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
เริ่มเที่ยว วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) กันเล้ยย
ก่อนอื่นต้องจับเข่าเล่าให้ฟังก่อนว่า ภายใน วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) เค้าแบ่งออกเป็นหลายโซน ซึ่งมีทั้งส่วนที่เข้าชมฟรี และส่วนที่เสียเงินเข้า ซึ่งส่วนใหญ่เราจะต้องเสียเงินเข้านั่นเอง แต่ถ้าใครมาแล้วอยากดูแค่โซนใดโซนหนึ่งเท่านั้น เราก็เลือกจ่ายเท่าที่อยากดูได้นะ ซึ่งก๊อตเองนั้นหลักๆ คืออยากมาดู ‘สะพานส่งน้ำ’ ที่เราสามารถดูได้ฟรีๆ และมีอันที่ก๊อตเสียเงินเข้าในส่วนของ สวนโฮโจ (Hojo Garden) เท่านั้น ฮ่าๆ
สิ่งแรกภายในวัดที่ต้องสะดุดตาทุกคนก็คือ ประตูซันมง (Sanmon Gate) หรือเรียกอีกชื่อว่า Mountain Gate ประตูไม้ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางเหล่าต้นเมเปิ้ลมากมาย โดยประตูแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1628 ถือว่าเป็นประตูที่สำคัญที่สุดในวัดพุทธนิกายเซนของญี่ปุ่น ประตูมีความสูง 22 เมตร สร้างขึ้นโดยโทโด ทากาโทระ (Tōdō Takatora) เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ล้อมปราสาทโอซาก้าในปี ค.ศ. 1615 โดยใครที่อยากดูวิวมุมสูงสามารถซื้อบัตรเพื่อขึ้นไปชมวิวด้านบนของประตูได้ในราคา 500 เยน ซึ่งด้านบนนั้น เราสามารถเห็นทิวทัศน์รอบๆ วัดแบบ 360 องศาเลย
พอเดินพ้นเข้ามาจะเป็นโซนที่ตั้งของ ‘Hatto’ อาคารหลักประจำ วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) โดยตัวอาคารรายล้อมไปด้วยต้นไม้มากมาย ซึ่งตอนที่ก๊อตไปนั้นมันยังไม่ใช่ช่วงใบไม้แดงมาก แต่นี่คิดว่าถ้าใครมาช่วงใบไม้แดงนะ โอ้ยย สวยจนต้องกรีดร้องแน่ๆ ซึ่งอาคารหลักหลังนี้เป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1909 นะ แต่เราไม่สามารถเข้าไปชมบรรยากาศและความงดงามภายในอาคารได้เด้อ ทำได้เพียงมองลอดผ่านช่องประตูหน้าต่างเอา ซึ่งใครที่อยากได้รูปคู่กับอาคารแบบสวยๆ ก๊อตแนะนำให้เดินไปที่ด้านข้างของอาคาร มันเป็นมุมที่ถ่ายรูปดีงามมาก
หลังจากนั้นนี่ก็เดินไปทางฝั่งขวาจากบริเวณอาคารหลัก มันจะเป็นอีกโซนไฮไลท์ของวัด นั่นคือ Nanzenji Suirokaku (Waterway Bridge) หรือ ‘สะพานส่งน้ำ’ มีลักษณะคล้ายซุ้มประตูอิฐสีแดงที่ผสมผสานเข้ากับเสน่ห์ของสิ่งปลูกสร้างแบบโบราณ ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังมีการใช้งานสะพานนี้อยู่นา โดยเราสามารถมายืนถ่ายรูปบริเวณด้านล่างกับตัวสะพานได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ไม่สามารถขึ้นไปด้านบนของสะพานได้ ถือเป็นอีกมุมของวัดที่ถ่ายรูปสวยและแปลกตามาก
มาถึงจุดสุดท้ายที่ก๊อตเสียเงินเพื่อเข้าไปดูบรรยากาศด้านในกันอย่าง สวนโฮโจ (Hojo Garden) สวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวๆ ที่ก๊อตยังเชื่อว่าถ้าเรามาช่วงใบไม้แดงจะต้องสวยฉ่ำกว่านี้แน่นอน โดยพื้นที่ของสวนนั้นถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1611 และยังได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติของชาติเมื่อปี ค.ศ. 1952 อีกด้วย ภายในเต็มไปด้วยต้นไม้ ลานกลางแจ้ง บ่อน้ำ รวมถึงยังมีบ้านพักของเหล่านักบวช และห้องโถงหลักของ วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) ที่ภายในนั้น มีทั้งห้องอาหารกลางวัน ห้องพักต่างๆ ไปจนถึงระเบียงกว้าง ที่เค้าเปิดโล่งให้เราได้เดินวนดูกันแบบหนำใจ แต่เราดูได้แค่รอบนอกเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปด้านในห้องโถงได้เด้อ
ซึ่งตัวก๊อตเองก็เดินชมบรรยากาศอยู่ภายในสวนกันไปพักใหญ่จนเราได้รูปพอสมควรแล้ว นี่เลยเดินกลับออกมาเป็นอันจบการพาทุกคนมาเที่ยว วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple)โดยรวมก๊อตชอบที่นี่เลยแหละ มันยังคงกลิ่นอายความขลังและเก่าแก่ในทุกย่างก้าวของเรา อีกทั้งยังได้เห็นความยิ่งใหญ่ของสะพานส่งน้ำที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ในวัดแบบนี้อีก ถือเป็นอีกหนึ่งวัดที่ควรค่าแก่การมาเที่ยวเมื่อเราได้มาเยือนเกียวโตเลยล่ะ
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡