ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) อีกหนึ่งปราสาทชื่อดังประจำเมืองเกียวโตที่เลอค่าไปด้วยสถาปัตยกรรม อาคารอันงดงามจนได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลก จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่ที่ ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ปราสาทที่เคยถูกใช้เป็นที่พักของโทคุกาวะ อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu) โชกุนคนแรกในยุคสมัยเอโดะ ที่ปัจจุบันนี้เค้าเปิดให้ผู้คนจากภายนอกสามารถเข้าไปส่องบรรยากาศและดื่มด่ำกับสิ่งปลูกสร้างภายในได้ ซึ่งปราสาทนี้จะเลอค่า และสวยจึ้งน่าตื่นตาตื่นใจขนาดไหน มาตามก๊อตไปเที่ยวกันเล้ยย
รู้จักกับ ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)
ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ตั้งอยู่ในเกียวโต (Kyoto) และเป็นปราสาทอันเลื่องชื่อที่ผู้คนรู้จักกันดีในญี่ปุ่น เนื่องจากมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเมือง อีกทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1994 โดยปราสาทหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1603 เพื่อเป็นที่พักของโทคุกาวะ อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu) โชกุนคนแรกในยุคสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603 – 1867) แต่เนื่องจากตัวปราสาทนั้นยิ่งใหญ่ทำให้กินเวลาในการก่อสร้างไปหลายปี โดยว่ากันว่าปราสาทแล้วเสร็จในช่วงสมัยของโทคุงาวะ อิเอมิตสึ (Tokugawa Iemitsu) ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของโทคุกาวะ อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu) โดยเค้าเป็นโชกุนคนที่ 15 ของตระกูลและได้เข้ามาสานต่อการก่อสร้าง ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) รวมถึงได้ขยายตัวปราสาทและพื้นที่เพิ่มเติม จนทำให้ปราสาทเสร็จสมบูรณ์ได้อย่างงดงาม
ต่อมาในปี ค.ศ. 1867 ภายหลังรัฐบาลโทคุกาวะ (Tokugawa Shogunate) ล่มสลายลง ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) จากเดิมที่เคยถูกใช้เป็นพระราชวังหลวงสำหรับพักผ่อนนั้น ได้ถูกโทคุงาวะ อิเอมิตสึ (Tokugawa Iemitsu) บริจาคปราสาททั้งหมดให้กับเมือง และได้ทำการเปิดให้ผู้คนได้เข้ามาชม ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ในฐานะโบราณสถานของญี่ปุ่น โดยภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ฮนมารุ (Honmaru) หรือปราสาทชั้นใน, นิโนมารุ (Ninomaru) แนวปราสาทชั้นนอก และพื้นที่สวนรอบๆ ภายในพื้นที่ของปราสาท
นอกจากนี้ภายใน ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ยังมีสวนพลัมที่ใครอยากมาดูความงามของดอกพลัมบานสะพรั่งสวยๆ สามารถมาเที่ยวที่นี่ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงต้นเดือนมีนาคมได้เลย หรือใครที่อยากชมต้นเมเปิล แปะก๊วย และต้นไม้อื่นๆ ที่เปลี่ยนสีเปลี่ยนพื้นที่รอบๆ ปราสาทให้สวยสดใส แนะนำให้มาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งปกติจะเริ่มตั้งแต่ครึ่งหลังของเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปจ๊า เอาเป็นว่าใครอยากมาเดินเที่ยวชมปราสาทไปพร้อมๆ กับบรรยากาศสวยๆ ลองจิ้มเลือกช่วงเวลาตามชอบโลดด
วิธีการเดินทางมาที่ ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)
รถไฟใต้ดิน: วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟใต้ดิน โดยสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้กับ ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) มากที่สุดคือ สถานีนิโจโจ มาเอะ (Nijojo – mae Station) ซึ่งสามารถเดินทางมาตามนี้ได้เลย
- โดยรถไฟใต้ดิน :
- ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) : ให้ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai Line นั่งมาลงที่สถานีนิโจโจ มาเอะ (Nijojo – mae Station) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที
เริ่มเที่ยว ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) กันเล้ยย
เมื่อเราจ่ายเงินค่าเข้าและเดินผ่านประตูหลักเข้ามาจนถึงพื้นที่ด้านในของ ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) กันแล้ว สิ่งแรกที่เป็นไฮไลท์และเด่นตระการตามาเลยคือ Ninomaru Palace พระราชวังชั้นเดียวที่ประกอบไปด้วยอาคารไม้ 6 หลัง ไล่เรียงเชื่อมต่อยาวเข้าไปด้านใน ความพิเศษของเค้าคือ อาคารไม้เหล่านี้เป็นอาคารสไตล์โชอิน ซูคุริ (Shoin-zukuri Style) ที่สร้างเสร็จในสมัยเอโดะตอนต้น และถือว่าเป็นโครงสร้างที่สำคัญในประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมของญี่ปุ่น โดยพระราชวัง Ninomaru Palace ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพระราชวังในญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การมาเที่ยวจริงๆ
บริเวณด้านหน้าทางเข้าของ Ninomaru Palace ก๊อตอยากให้ทุกคนลองส่องดูบานประตูไม้สีทองของเค้าที่มันแกะสลักมาจากไม้ทั้งบาน ลวดลายนั้นประณีตและงดงามม๊ากก นี่ยังไม่ทันได้เข้าไปข้างในก็ว้าวแล้ว แต่นี่บอกเลยว่าด้านในของพระราชวัง Ninomaru Palace นั้นว้าวกว่า ภายในนั้นจะถูกแบ่งห้องออกเป็นทั้งหมด 10 ห้องให้เราได้เดินเที่ยวตามรูทของเค้า คือเดินจากฝั่งซ้ายอ้อมขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วเดินวนกลับลงมาทางด้านฝั่งขวา มันจะเป็นการเดินชมแบบทางเดียวไม่มีเดินย้อนสวนกลับมาเจอกันเด้อ
โดยทางเดินเข้าไปตามแต่ละห้องนั้น ซิกแซกเอาเรื่องมาก แต่ในความซิกแซกนั้นเราจะได้ชมและเรียนรู้เรื่องราวของทุกห้องไปอย่างช้าๆ แต่ทั้งนี้ ก๊อตจะไม่มีรูปด้านในพระราชวังมาให้ทุกคนได้ดูนะ เพราะว่าเค้าไม่ได้ให้ถ่ายรูปด้านในนั่นเอง สำหรับห้องแรกที่เราจะได้ชมนั้นเรียกกันว่า ‘Far Samurai’s’ หรือ “ห้องเสือ” ที่เค้าซอยห้องหลักออกเป็น 3 ห้องเล็กๆ ตามผนังและประตูบานเลื่อนมีภาพวาดของเสือที่ดูดุร้ายท่ามกลางฉากธรรมชาติอันสวยงามให้ได้ชมกัน, ห้องที่ 2 ‘ห้องสำหรับทำพิธี’ ซึ่งจะมีแท่นพิธีตั้งเอาไว้ โดยห้องนี้เป็นส่วนที่ถูกใช้เป็นเป็นสถานที่สำหรับติดต่อธุรกิจและถวายเครื่องสักการบูชาแก่โชกุนในยุคสมัยก่อน, ห้องที่ 3 ‘Great Hall Three Rooms’ ห้องโถงอันหรูหราที่มีงานแกะสลักบนกรอบวงกบที่ทำจากไม้ที่สวยเว่อร์มาก, ห้องที่ 4 ‘Large Hall’ หรือห้องโถงขนาดใหญ่ 2 ห้อง ที่ใช้เป็นสถานที่พบปะอย่างเป็นทางการของโชกุน ไดเมียว และขุนนางในราชสำนัก, ห้องที่ 5 ‘Kuroshoin’ ห้องโถงขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับให้โชกุน และขุนนางศักดินา รวมไปถึงขุนนางระดับสูงที่ใกล้ชิดกับตระกูลโทคุงาวะได้เข้ามาพบปะกันแบบเห็นหน้า
มาต่อห้องที่ 6 อย่าง ‘Hakushoin’ ห้องนี้เชื่อกันว่าเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอนของโชกุน บริเวณรอบๆ ห้อง รายล้อมไปด้วยภาพวาดหมึกให้ความรู้สึกสงบ, ห้องที่ 7 ‘Great hall four rooms’ ห้องที่โชกุนเอาไว้ใช้เก็บอาวุธ โดยความพิเศษของห้องนี้คือภาพวาดฝาผนังรูปต้นสนและเหยี่ยว ซึ่งเป็นภาพที่โด่งดังมากของพระราชวังแห่งนี้, ห้องที่ 8 ‘Ceremony stand Elderly room’ ห้องที่ถูกแบ่งย่อยออกเป็น 3 ห้องเล็ก รอบๆ ดูสบายตาด้วยผนังสีขาวนวล, ห้องที่ 9 ‘Far Samurai Imperial Envoy’s Room’ หนึ่งในห้องรับรองที่ใช้เอาไว้พบราชทูตจากพระราชสำนัก ภายในมีภาพวาดฝาผนังของงต้นไซเปรส และต้นเมเปิลสีน้ำเงินอันงดงาม และห้องสุดท้ายอย่าง ห้องที่ 10 ‘Far Samurai Willow Room’ ห้องที่เต็มไปด้วยภาพวาดต้นไม้เป็นหลัก ว่ากันว่าเป็นห้องสำหรับราชทูตอีกเช่นกัน
ซึ่งการจะเดินเที่ยวชมที่นี่ให้ครบ 10 ห้องนั้น ก๊อตบอกเลยว่าใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง เพราะแต่ละห้องคือยิ่งใหญ่และโอ่อ่ามาก ภาพวาดต่างๆ ที่ตกแต่งอยู่ก็สละสลวย บวกเข้ากับงานแกะสลักไม้ตามที่มีให้เห็นแทบจะทุกมุมของแต่ละห้องด้วยแล้ว มันเลยทำให้บรรยากาศภายในพระราชวัง Ninomaru Palace นั้น ยิ่งทรงคุณค่าเข้าไปอีก
ความพิเศษของการเดินเที่ยวชมในพระราชวังที่ก๊อตโคตรประทับใจคือ ทุกจังหวะการก้าวขาของเราออกไปบนพื้น มันจะมีเสียงดังคลอเคลียออกมาให้ได้ยินเบาๆ ซึ่งเค้าบอกว่ามันเป็นเหมือนเสียง ‘Uguisu-hari’ หรือเสียงร้องของนกไนจิงเกล ที่เกิดจากขั้นตอนในการก่อสร้างอาคารล้วนๆ โดยพื้นที่ใต้กระดานไม้นั้นจะมีแผ่นไม้รองเอาไว้ บวกกับมีเครื่องมือเล็กๆ ติดอยู่ ทีนี้พอคนเดินแล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้า มันจะทำให้แผ่นไม้และเครื่องมือจิ๋วนั่นเคลื่อนตัวขึ้นลง เกิดเป็นเสียงร้องราวกับเสียงนกดังขึ้นมา และที่เค้าทำแบบนี้เพราะสมัยก่อนมันไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาภายในพระราชวังอยู่แล้ว แต่หากเกิดเสียงร้องของนกดังขึ้น นั่นหมายความว่าอาจมีผู้บุกรุกเข้ามานั่นเอง ฟีลปัจจุบันเราก็คือสัญญาณกันขโมยแบบนั้นเลย คือเริ่ดมาก
หลังจากก๊อตเดินอยู่ภายในพระราชวังจนครบทุกห้องแล้ว เราก็ออกไปเดินเที่ยวต่อด้านนอก โดยก๊อตเดินไปตามแนวสวนของเค้าเรื่อยๆ ซึ่งบรรยากาศโดยรอบนั้นสบายตามาก มีต้นไม้เขียวๆ ท่ามกลางบ่อน้ำ สะพาน และก้อนหิน ครบองค์ประกอบความเป็นสวนญี่ปุ่นให้ได้เชยชมเพลินๆ โดยจุดที่เราตั้งใจมาคือบริเวณจุดชมวิวมุมสูงที่เราสามารถขึ้นมาส่องวิวของ ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ท่ามกลางแนวต้นไม้ใหญ่ได้แบบเต็มสายตาท่ามกลางวิวเมืองเกียวโตที่ก๊อตบอกเลยว่าสวยโคตร!!
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
และนี่ก็คือการมาเดินเที่ยวชม ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ของก๊อตในครั้งนี้ แน่นอนว่าที่มีมันสวยและเลอค่ามากจนก๊อตไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้าถึงได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลก ทั้งอาคาร สถาปัตยกรรม ภาพวาด งานแกะสลัก ไปจนถึงพื้นที่สวนเขียวๆ นั้น ช่างสวยแบบเกินคำว่าสวยไปมาก จนนี่อยากชวนทุกคนมาสัมผัสไปด้วยกัน เอาเป็นว่าใครมาเที่ยวเกียวโตก๊อตแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่ด้วยนา รับรองเลยว่าประทับใจแน่นอน
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡