มีใครรู้บ้างว่าปราสาทที่เก่าแก๊ เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นชื่อว่าอะไร แล้วตั้งอยู่ในเมืองไหน? ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก เฉลยเลยละกันครับ ปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นคือปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ตั้งอยู่ที่เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) เองจ๊า และถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วไม่เข้าใจมากๆ ว่าก๊อตมันจะถามทำไม คือเรื่องมันมีอยู่ว่ารีวิวนี้ก๊อตจะพาทุกคนไปเที่ยวกันที่ เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) เมืองประวัติศาสตร์ขนาดเล็กที่ขึ้นชื่อเรื่องปราสาทนั่นเอ๊ง
รู้จักกับเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto)
เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในจังหวัดนากาโน่ ซึ่งเมืองเค้าตั้งอยู่ในหุบเขาทางใต้เทือกเขาที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเทือกเขาแอลป์เหนือ ทำให้อากาศภายในเมืองนั้นเย็นสบายตลอดทั้งปี จนเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองน่าอยู่ในญี่ปุ่น โดยเดิมทีเมืองนี้เป็นพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองการค้าที่มั่งคั่ง มีการค้าขายกันอย่างรุ่งเรืองภายในเมือง ส่งผลให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองมัตสึโมโตะต่างก็รู้สึกภาคภูมิใจในมรดกของเมืองของตนเอง อีกทั้งยังช่วยกันรักษาประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองเอาไว้ และที่โด่งดังจนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองของเค้าเลย คือ ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ปราสาทที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดในญี่ปุ่นกว่า 400 ปี และยังเป็นหนึ่งใน 5 ปราสาทที่ได้รับเลือกให้เป็น ‘สมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น’ อีกด้วย
นอกจากนี้ เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมะโตะ (Matsumoto City Museum of Art) พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงนิทรรศการถาวรของคุณป้าลายจุด ‘Yayoi Kusama’ ศิลปินหญิงที่โด่งดังของญี่ปุ่นเอาไว้ด้วยนะ โดยคุณป้าเค้าเกิดที่เมืองนี้อีกด้วยแกร ซึ่งผลพลอยได้จากการเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของคุณป้ายาโยอิ ทำให้ผู้คนเค้าแห่แหนมาดูนิทรรศการของคุณป้าจากทั่วทุกมุมโลก ส่งผลให้เศรษฐกิจในด้านอื่นๆ ของเมืองมันก็พลอยเจริญเติบโตไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดนตรี และอาหารที่เลื่องลือกันในระดับนานาชาติ แบบที่ว่าถ้าเราเดินอยู่ข้างทางแล้วสุ่มเข้าร้านอาหารหรือคาเฟ่สักร้านเราจะได้กินอาหารที่ดี และได้ดื่มกาแฟที่รสชาติเริ่ดคุณภาพคับแก้ว
มากไปกว่านั้นเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้กลายมาเป็นแหล่งคราฟต์เบียร์ยอดนิยมจากนักดื่มจำนวนไม่น้อย ซึ่งปัจจุบันในเมืองของเค้าตอนนี้มีโรงกลั่นเบียร์อยู่ 2 แห่ง ได้แก่ โรงเบียร์มัตสึโมโตะ (Matsumoto Brewery) และโรงเบียร์บัคคา (Bacca Brewery) ซึ่งทั้งสองโรงอยู่ห่างจากสถานีมัตสึโมโตะในระยะที่เราสามารถเดินถึงได้อีกด้วย และความดีงามของเมืองนี้ยังไม่หมด เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่คนเค้านิยมมาดูดอกซากุระบานกันเยอะมาก โดยต้นซากุระในเมืองจะออกดอกบานสะพรั่งเปลี่ยนบรรยากาศของทั้งเมืองให้กลายเป็นสีชมพูในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งจุดที่ป๊อบมากในการมาดูวิวดอกซากุระบานคือบริเวณปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) บอกเลยว่าใครมาช่วงเวลาดังกล่าวคือคุ้มค่ามาก ทุกคนจะได้ดูดอกซากุระกันแบบฉ่ำๆ เลย
เรียกได้ว่าเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) นั้นเป็นอีกเมืองที่ใครชอบเที่ยวชิลๆ เน้นส่องธรรมชาติ ชมความงามของปราสาทควรมาอย่างยิ่ง เอาล่ะ ทำความรู้จักกับเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) จนข้อมูลแน่นๆ แล้ว ถึงเวลาไปโร้ดทริปเที่ยวจริงกันแล้วจ๊า จะดีงามขนาดไหนตามก๊อตไปเที่ยวเร้วว
แพลนโร้ดทริปเที่ยวญี่ปุ่น
จังหวัดนากาโน่ (Nagano) – ชิซุโอะกะ (Shizuoka)
บอกกันก่อนว่า ทริปนี้เราเที่ยวกันแบบโร้ดทริป เช่ารถขับเที่ยวกันเอง โดยเราเริ่มต้นเช่ารถจากคารุอิซาวะ (Karuizawa) ขี้นไปนากาโน่ (Nagano) ขับไหลลงมายังเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ชิซึโอะกะ (Shizuoka) และคาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsular) ที่มีไฮไลท์เด็ดอย่างการมาดูดอกซากุระสายพันธุ์คาวาสึ (Kawazu) ที่บานเร็วที่สุดในญี่ปุ่นกันตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีด้วย
⚡️ เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เรียกว่าเป็นเมืองผ่านระหว่างเส้นทางโร้ดทริปเที่ยวของก๊อตในครั้งนี้ก็ว่าได้ ซึ่งแพลนเดินทางของก๊อตในรีวิวนี้จะเป็นการเดินทางต่อจากเมืองนากาโน่ (Nagano) ที่เราได้ไปเจอน้องลิงแช่ออนเซ็นอุ่นๆ ที่สวนลิงหิมะ Snow Monkey Park (Jigokudani Yaen Koen) จากนั้นเรามาต่อกันที่เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ในช่วงค่ำ ซึ่งความโชคดีของทริปนี้คือก๊อตมาเที่ยวในช่วงจังหวะที่เค้ามีงานเทศกาลไฟประดับที่ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Winter Illumination Fest) อยู่พอดี ซึ่งงานนี้เค้าจะมีขึ้นเฉพาะในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น ซึ่งเราจะได้เห็นบรรยากาศของเทศกาลไฟสุดวิบวับบนปราสาทมัตสึโมโตะที่สวยเอาเรื่องมากๆ
จากนั้นในวันต่อมา ด้วยความที่ก๊อตมีธุระด่วนส่วนตัวนิดหน่อยในช่วงครึ่งวันเช้า จากตอนแรกที่แพลนเต็มเอี้ยด โดยตัดฟาร์วาซาบิไดโอะ (Daio Wasabi Farm) และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมะโตะ (Matsumoto City Museum of Art) เหลือเวลาเที่ยวเพียงแค่ ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) และ ภูเขาโคโบยามะ (Koboyama) เท่านั้น ดังนั้นใครที่กำลังทำแพลนเที่ยว อาจจะเที่ยวทั้งหมดที่ก๊อตบอกมาเลยก็ได้ถ้าเรามีเวลาเหลือเน้อ และส่วนใครที่อยากตามรอยเที่ยวตามที่ก๊อตไปมา สามารถตามแพลนเที่ยวโรดทริปด้านล่างได้เลย ก๊อตทำตารางมาให้แล้ว จะตามแพลนนี้ทั้งหมดก็ได้หรือจะปรับเปลี่ยนตามความชอบก็ไม่ว่ากัน ฮ่าา
วัน | แพลนเที่ยว | เมืองที่นอน |
1 | เมืองคารุอิซาวะ (Karuizawa) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองนากาโน่ (Nagano) |
2 | เมืองนากาโน่ (Nagano) อ่านรีวิวเต็ม คลิก เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) | เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ที่พัก: Guest House Matsumoto Hanare |
3 | เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) – ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) – ภูเขาโคโบยามะ (Koboyama) – พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมะโตะ (Matsumoto City Museum of Art) *ถ้ามีเวลา – ฟาร์วาซาบิไดโอะ (Daio Wasabi Farm) *ถ้ามีเวลา | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) |
4 | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) |
5 | เมืองชิซุโอะกะ (Shizuoka) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | อิสุตะวันตก (West Izu) |
6 | เมืองอิสุตะวันตก (West Izu) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองชิโมดะ (Shimoda) |
7 | เมืองคาวาสึ (Kawazu) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองอิโตะ (Ito) |
8 | เมืองอิโตะ (Ito) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | เมืองอาตามิ (Atami) |
9 | เมืองอาตามิ (Atami) อ่านรีวิวเต็ม คลิก | – |
ส่วนลด OTA | ส่วนลด Klook ส่วนลด Agoda ส่วนลด Booking ส่วนลด Expedia ส่วนลด Hotels |
วิธีมาเที่ยวมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ด้วยรถสาธารณะ
สำหรับคนที่ไม่ได้ขับรถเที่ยวเองแบบก๊อต วิธีเดินทางมาเที่ยวที่มัตสึโมโตะ (Matsumoto) เราสามารถเดินทางได้หลายวิธีเลย ซึ่งก๊อตจะยึดการเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่โตเกียว (Tokyo) เป็นหลัก เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยว หรือคนไทยที่บินมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นที่มาเที่ยวโซนนี้ มักจะบินมาลงที่โตเกียว (Tokyo) จากนั้นค่อยเริ่มออกเที่ยวตามเมืองต่างๆ สำหรับการเดินทางมาที่มัตสึโมโตะ (Matsumoto) นั้น ก็สะดวกมากๆ เพราะเค้ามีขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม โดยก๊อตได้รวมเอาวิธีการเดินทางทั้งหมดมาไว้ให้ตามด้านล่างนี้ ใครชอบแบบไหน ถนัดทางใด จิ้มตามนี้ได้เล้ยย
วิธีการเดินทางจากโตเกียว (Tokyo) <-> มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
- รถไฟ (⭐️⭐️ แนะนำ): การเดินทางด้วยรถไฟเป็นวิธีที่ก๊อตแนะนำมากที่สุดสำหรับไปเที่ยวมัตสึโมโตะ (Matsumoto) แล้ว เนื่องจากใช้เวลาเดินทางไม่นาน เพราะมัตสึโมโตะ (Matsumoto) มีรถไฟด่วนพิเศษ JR สาย Azusa ที่สามารถนั่งตรงมาได้เลยจากโตเกียว ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 2.50 ชั่วโมงเท่านั้น สำหรับราคาตั๋วเที่ยวเดียวแบบไม่มีพาสจะอยู่ที่ 6,620 เยน (~1,620 บาท) ใครมีพาสสามารถใช้ Japan Rail Pass [ซื้อผ่าน Klook] และ JR East Nagano Niigata Area Pass [ซื้อผ่าน Klook] ได้
- รถบัส: สำหรับคนสายประหยัดและสายอยากนั่งยาวๆ ต่อเดียวถึง การเดินทางด้วยรถบัสเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีมากสำหรับไปเที่ยวมัตสึโมโตะ (Matsumoto) แต่อยากให้รู้ไว้นิดนึงว่า รถบัสขาออกน่ะตรงเวลาเป๊ะ แต่เวลาถึงจุดหมายปลายทางอาจจะเลทกว่าตารางเวลาที่เค้าแจ้งไว้จากสาเหตุจราจรที่ไม่แน่นอนเนอะ โดยใครที่ไม่รู้จะจองรถบัสจากที่ไหน ก๊อตแนะนำให้เข้าไปเช็คที่จากเว็บ Willer Express ได้เลย เค้าจะมีรถบัสให้บริการหลายเที่ยวต่อวันมาก ราคาเริ่มต้นต่อเที่ยวอยู่ที่ 3,100 เยน (~760 บาท) โดยรอบเช้าสุดที่ก๊อตไปดูมามีตั้งแต่ 6.05 น. สามารถมาขึ้นได้ที่สถานีรถบัสชินจูกุ (Shinjuku Expressway Bus Terminal) และไปลงที่ท่ารถบัสมัตสึโมโต้ (Matsumoto Bus Terminal) ได้เลย
- เช่ารถขับ (⭐️⭐️แนะนำ): ใครที่เน้นสะดวก ไม่อยากเสียเวลารอขึ้นรถสาธาณะ วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางเลยคือการเช่ารถขับที่เราสามารถเช่ารถจากเมืองไหนในญี่ปุ่นก็ได้แล้วแต่เราจะสะดวก โดยข้อดีของการเช่ารถคือเราสามารถขับเที่ยวไปไหนก็ได้ตามใจชอบ ไม่ต้องมาเสียเวลารถสาธารณะ และไม่ต้องเดินเยอะอีกด้วย แต่ทั้งนี้ การเช่ารถก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายของทริปเราที่จะสูงขึ้นมากแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่ารถต่อวันเอย (เฉลี่ย 2,000 บาท/วัน) ค่าน้ำมัน และค่าทางด่วนที่แพงม๊ากกก แต่ถ้าใครชอบเที่ยวแบบโร้ดทริปแต่จ่ายได้ บอกเลยว่าเช่ารถเที่ยวนั้นคือสนุกที่สุดแล้ววว
งานเทศกาลไฟประดับที่ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Winter Illumination Fest)
ความโชคดีในการมาเที่ยวญี่ปุ่นของก๊อตในครั้งนี้คือเรามาในช่วงที่เมืองเค้าจัดงานเทศกาลไฟประดับที่ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Winter Illumination Fest) กันอยู่พอดี ซึ่งวันนั้นเราขับรถออกจากเมืองนากาโน่ (Nagano) มาถึงเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) นั้นเป็นช่วงค่ำพอดี นี่เลยมายืนรอดู งานเทศกาลไฟประดับที่ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Winter Illumination Fest) สักหน่อย โดยงานเค้าจะฉายภาพด้วย Projection Mapping ใน 3 ธีมอย่าง โลก, น้ำ และท้องฟ้าแห่งดวงดาว ไปยังตัวปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ในยามค่ำคืนด้านนอก พวกแสงสีต่างๆ จะถูกสาดส่องเข้าไปกระทบกับตัวอาคารของปราสาท และขยับเขยื้อนไปเรื่อยๆ ตามทำนองเพลงที่เปิดประกอบ โดยความน่าตื่นเต้นของการมาดูเทศกาลไฟที่ก๊อตชอบมากเลย คือภาพของปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ที่เปล่งประกายสว่างไสวไปด้วยไฟประดับหลากสีที่ชวนให้รู้สึกว่าตัวปราสาทเค้าสวยมาก และยังดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าปกติ 3,000% เล้ย
นี่ยิ่งชอบมากขึ้นไปอีก คือตอนได้เห็นภาพของ ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) สุดวิบวับสะท้อนเงาลงบนผืนน้ำที่อยู่รอบๆ และยังมีน้องหงษ์มาลอยน้ำตุ๊บป่องอยู่ด้านหน้า เวลาถ่ายภาพออกมาจะเหมือนมีปราสาทสองหลังอยู่ในเฟรมเดียวกัน มันชวนให้เราได้เห็นความงดงามในอีกมุมหนึ่งของปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ที่แปลกตาออกไปมากจากในช่วงเวลากลางวันแบบที่สุดเลยล่ะ
ต้องบอกก่อนว่า งานเทศกาลไฟประดับที่ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Winter Illumination Fest) เค้าจะจัดงานเฉพาะช่วงฤดูหนาวตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมไปจนถึง 28 กุมภาพันธ์ เท่านั้น โดยโชว์แสง สี เสียงแบบจัดเต็มของเค้าจะเริ่มกันตั้งแต่เวลา 18:00-21:00 น. ของทุกวัน และภาพที่เค้าฉายไปบนปราสาทจะแสดงวนไปเรื่อยๆ ทุกๆ 15 นาทีเด้อ ความพิเศษอีกอย่างของเทศกาลนี้นอกจากแสงไฟใน 3 ธีมข้างต้นแล้ว ช่วงใกล้วันคริสต์มาส วันขึ้นปีใหม่ และวันวาเลนไทน์ ลวดลายของไฟเค้าก็จะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเทศกาลอีกด้วย ใครที่มาเที่ยวมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ในช่วงหน้าหนาวคือห้ามพลาดเลย
สรุปแล้ว ถือเป็นอีกงานที่หาดูกันไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ คือในแต่ละเมืองของญี่ปุ่นเค้าจะมีปราสาทสำคัญๆ ตั้งอยู่ ซึ่ง ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ถือเป็นหนึ่งในปราสาทที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเค้าเลย ดังนั้นใครที่มีโอกาสมาเที่ยวช่วงเวลานี้แล้วผ่านมาเมืองนี้ก๊อตแนะนำให้มาดู แถมงานนี้เข้าฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ด้วยจ๊า
ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
หลังจากไปดูงานเทศกาลไฟประดับที่ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Winter Illumination Fest) ในตอนค่ำมาแล้ว มาถึงคราวที่เราจะต้องเข้าไปสำรวจ ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ในเวลาปกติช่วงกลางวันกันบ้าง ซึ่งก๊อตกลับมาเที่ยวที่ปราสาทอีกครั้งในวันถัดมานะเอ้อ เพราะงานไฟที่เราไปดูนั้น คือเรายืนดูตัวปราสาทด้านนอกเท่านั้นเอง ยังไม่ได้ไปสำรวจด้านในเล้ย
ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เดิมทีปราสาทแห่งนี้ชื่อว่าปราสาทฟุกาชิ (Fukashi Castle) ก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) และใช้เรียกต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปีค.ศ.1592 ด้วยโครงสร้างของอาคารที่เคลือบด้วยแล็กเกอร์สีดำซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของปราสาทแห่งนี้ จนผู้คนเค้าเรียกกันอีกชื่อว่า ‘ปราสาทอีกา’ เนื่องจากตั้งตามผนังด้านนอกของตัวปราสาทที่มีสีดำ และหลังคาทรงโค้งราวกับนกสยายปีกด้านข้างของปราสาทที่แผ่ออกไปทำให้คนเค้าติดปากเรียกกันว่าปราสาทอีกานั่นเอง
และถ้าใครสังเกตดีๆ จะเห็นว่าปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นอยู่บนที่ราบต่างจากปราสาทอื่นๆ ในญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่เค้านิยมสร้างกันบนเนินเขาหรือกลางแม่น้ำ โดยปราสาทหลังนี้ถือว่าเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นหนึ่งใน 5 ปราสาทที่ได้รับเลือกให้เป็น ‘สมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น’ อีกด้วย ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ ในอดีตด้วยความที่ปราสาทหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาในยุคสงคราม ทำให้มีการเปลี่ยนถ่ายอำนาจในการดูแลและเป็นเจ้าของปราสาทสลับกันไปเรื่อยๆ โดยในช่วงปีค.ศ.1872 ซึ่งเป็นช่วงยุคการปฏิรูปเมจิ (เหตุการณ์ทางการเมืองที่ฟื้นฟูการปกครองของจักรพรรดิ) ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ถูกนำออกประมูลขาย แต่โชคยังดีที่อิจิกาวะ เรียวโซ ได้ร่วมมือกับชาวเมืองมัตสึโมโตะได้รวบรวมเงินจากผู้คนมาขอซื้อปราสาทกลับคืนมา ทำให้ปราสาทยังคงอยู่คู่กับเมืองมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งทางเมืองเองก็ได้มีการทำนุบำรุงตัวปราสาทอยู่อย่างสม่ำเสมอ และกลายเป็นสมบัติชาติญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย
บรรยากาศด้านนอกรอบๆ ของตัวปราสาทนั้นสวยตั้งแต่แรกเห็น อาคารปราสาทที่ตั้งเด่นสง่าล้อมรอบด้วยคูคลองที่มีน้องหงษ์มาหย่อนก้นอยู่ในน้ำและเหล่าปลาที่ว่ายไปมาราวกับว่ากำลังทักทายนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ซึ่งบรรยากาศรอบนอกของปราสาทเค้าจะเป็นกึ่งสวนสาธารณะมีความร่มรื่นสบายตา ทำให้มีคนญี่ปุ่นเค้ามานั่งพักผ่อนชมวิวปราสาทบริเวณม้านั่งตามมุมต่างๆ ที่บรรยากาศนั้นโคตรชิล
สำหรับการเข้าไปสำรวจภายใน ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) จะมีค่าเข้าอยู่ที่ 700 เยน (~170 บาท) สำหรับผู้ใหญ่ และ 300 เยน (~73 บาท) สำหรับน้องๆ เด็กนักเรียน โดยส่วนตัวก๊อตคิดว่าบรรยากาศด้านในของปราสาทเค้าเหมือนปราสาทญี่ปุ่นทั่วไปที่เราเคยไปเที่ยวมาในเมืองอื่นๆ
ความว้าวคือจากสายตาที่มองอยู่ข้างนอกนี่ว่าตัวเองนับได้ว่าปราสาทเค้ามีทั้งหมด 5 ชั้น แต่พอเราเข้ามาข้างในกลับพบว่าปราสาทเค้ามีทั้งหมด 6 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นเค้ามีข้าวของจากยุคอดีตมาจัดแสดงเอาไว้ ทั้งวัตถุโบราณ อาวุธทั้งปืน ดาบที่เค้าใช้ในสมัยนั้น รวมถึงมีชุดซามูไรแบบเต็มตัวที่เค้าตั้งโชว์เอาไว้ แต่น่าเสียดายไปนิดที่เราดูแล้วอาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะคำบรรยายและข้อมูลต่างๆ มันมีแต่ภาษาญี่ปุ่นแง่ะ 555555555
การเดินเที่ยวในปราสาทเค้าก็คือเดินวนเป็นลูปขึ้นไปเรื่อยๆ ยังชั้นสูงสุดที่เป็นจุดชมวิวด้านบน ซึ่งก๊อตบอกก่อนว่าบันไดในแต่ละชั้นนั้นค่อนข้างชันและแคบเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ใครที่มากับผู้สูงวัยหรือคนที่ขาไม่ค่อยดี ปีนบันไดไม่ค่อยไหวคือไม่ค่อยแนะนำให้ปีนเท่าไหร่ แต่ถ้าใครใจพร้อมสู้ก็จัดเล้ย มาแล้วก็เที่ยวให้สุ้ดด ฮ่า
สำหรับไฮไลท์ของปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) คือ การขึ้นไปด้านชั้น 6 ของปราสาทเพื่อขึ้นไปส่องวิวเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขามากมายจากช่องมองรอบๆ ทั้ง 4 ทิศ โดยช่องที่เราส่องดูวิวกันนี้ เดิมทีเค้าใช้เพื่อเป็นจุดในการให้พลธนูมายืนเล็งเป้า และยิงธนูใส่ข้าศึกของเมืองจากจุดนี้ โดยความดีงามของการขึ้นมาดูวิวบนนี้ คือเราจะได้เห็นวิวทั้งเมืองของเค้าเลย ที่มีแนวทิวเขาโอบล้อมเอาไว้ และด้วยความที่เมืองเค้ามันไม่ได้มีตึกสูงมาบดบังทิวทัศน์ ดังนั้นการที่ขึ้นมาบนอาคารสูง 6 ชั้นมันก็เพียงพอต่อการดูวิวสกายไลน์เมืองของเค้าแล้ว เลอค่ามากบอกเลย
หมดอายุ: 10-10-2024
หมดอายุ: 10-10-2024
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ภูเขาโคโบยามะ (Koboyama)
ออกมาจากปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) หากรู้สึกว่าตัวเองติดใจ และชอบใจในชมวิวมุมสูงของเมืองมัตสึโมโตะ นี่แนะนำให้ทุกคนมาเที่ยวกันต่อที่ ภูเขาโคโบยามะ (Koboyama) ภูเขาที่ตั้งอยู่ขอบๆ เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ที่เหมาะกับการมานั่งปิกนิก และชมความงามจากดอกซากุระมาก ยิ่งใครมาเที่ยวช่วงฤดูดอกซากุระบานสะพรั่งด้วยแล้ว ทั่วทั้งเนินเขาจะกลายเป็นสีชมพูสดใสด้วยดอกซากุระกว่า 9 สายพันธุ์ ตัดกับความเขียวขจีของป่าเอาไว้ได้อย่างดงามเลย แต่อย่างว่า ด้วยความที่ก๊อตมาเที่ยวหน้าหนาวต้นปี ต้นไม้และใบหญ้าบนเขาแห่งนี้ก็คือพร้อมใจกันผลัดใบเหลือแต่กิ่งก้านพร้อมหญ้าน้ำตาลเหลืองนั่นเอง 55555
ภูเขาโคโบยามะ (Koboyama) ตั้งอยู่ในระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 650 เมตร โดยการจะเดินขึ้นไปดูวิวบนเขาก็ไม่ยากเล้ย เพราะเส้นทางเดินของเขาเป็นทางเรียบๆ ที่ไม่ได้ลาดชัน ไล่ยาวขึ้นไปจนถึงจุดชมวิว และในบางช่วงก็จะมีทางเดินเป็นขั้นบันไดให้ได้เดินเรียกเหงื่อกันเบาๆ ซึ่งแม้ว่าก๊อตจะไม่ได้มาในช่วงฤดูดอกซากุระบาน บรรยากาศรอบข้างหลงเหลือเพียงต้นซากุระไร้ใบ แต่นี่ก็ว่ามู้ดมันสวยกันออกไปคนละแบบ ซึ่งวิวเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) จากบนนี้ดีย์งามมาก เราจะได้เห็นสกายไลน์เมืองที่กว้างแบบสุดลูกหูลูกตา มองเห็นบ้านเรือน อาคารต่างๆ ภายในเมืองตั้งอยู่ตรงกลางและรายล้อมไปด้วยภูเขาที่ไล่เรียงลดหลั่นกันออกไป เป็นอีกจุดชมวิวเมืองที่ก๊อตว่าถ้าขึ้นมาดูช่วงเย็นๆ แล้วอยู่จนพระอาทิตย์ตกจะตกสวยอลังกว่านี้แน่นอน ใครอยากดูวิวเมืองแนะนำให้ขึ้นมาบนนี้เลยเด้อ เดินง่ายใช้เวลาขึ้นมาไม่ถึง 10 นาที แลกกับวิวที่ได้มันก็คุ้มค่าอยู่นา
ที่พักในเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto)
Guest House Matsumoto Hanare
Guest House Matsumoto Hanare คือที่พักที่ก๊อตนอนกันในเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) โดยที่นี่เป็นที่พักกึ่งโฮมสเตย์หลังเล็กๆ ที่เจ้าของบ้านเค้าเป็นคุณลุงท่านหนึ่งเอาบ้านตัวเองมาแบ่งทำเป็นเกสต์เฮ้าส์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาพัก โดยตัวบ้านเค้าตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านของคนญี่ปุ่นจริงๆ ฟีลเหมือนเรามานอนค้างคืนบ้านญาติ นอนพักบ้านเพื่อนมู้ดนั้นเลยแหละ
ใครที่ขับรถเที่ยวเองแบบก๊อตไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถเลยนะ เพราะด้านหน้าของ Guest House Matsumoto Hanare เค้ามีที่จอดรถด้วย หรือถ้าที่จอดรถด้านหน้าเกสต์เฮ้าส์ของลุงเค้าเต็มแล้ว ลุงยังมีที่จอดรถสำรองใกล้ๆ อีกด้วย ซึ่งมันเหมาะกับคนขับรถมาเที่ยวกันเองแบบพวกก๊อตมากภายในบ้านเค้าจะแบ่งห้องแยกออกเป็น 3-4 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจะเป็นห้องรูปแบบเสื่อทาทามิ เสื่อญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เค้าเอามาปูเรียงไปตามพื้นตะโกนบอกเราเลยว่ามาถึงญี่ปุ่นของจริงแล้วจ๊า ซึ่งที่นอนเค้าก็เหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่น (คล้ายบ้านโนบิตะ) ที่เราเอาเบาะมาปูราบไปกับพื้น โดยสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักอย่างอื่นก็จะมีโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆ ให้เราได้สอดขาอุ่นๆ มี Wi-fi ให้ใช้งานฟรี จะมีแค่ตัวห้องน้ำที่เป็นห้องรวมใช้กับแขกคนอื่น แต่จากที่ก๊อตไปพักมา ด้วยความที่จำนวนห้องและแขกที่ไม่ได้เยอะ เราเลยแทบจะไม่ได้จ๊ะเอ๊กับแขกห้องอื่นๆ เลย 555555
นอกจากนี้ที่พักเค้ายังมีพื้นที่ส่วนกลางด้วย ไม่ว่าจะเป็นห้องครัว ห้องนั่งเล่น รวมถึงมีห้องซักรีดเผื่อใครอยากซักผ้าก็มีด้วยนะ ซึ่งช่วงที่ก๊อตไปพักก็ไม่ได้มีคนมาใช้พื้นที่ส่วนกลางตรงนี้เยอะสักเท่าไหร่ ดังนั้นบรรยากาศที่พักเค้าก็เลยยังคงเงียบสงบดี เหมาะสำหรับคนที่เที่ยวมาทั้งวันแล้วอยากหาที่พักผ่อนจริงๆ ก๊อตแนะนำให้มานอนที่ดู เพราะนอกจากราคาไม่แรงมากแล้ว Guest House Matsumoto Hanare ยังอยู่ใกล้กับแลนด์มาร์คดังๆ ของเมืองเพียบเลย ทั้งปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ที่เราไปกันมาก็ตั้งอยู่ห่างออกไปเพียง 770 เมตรเท่านั้น เผื่อใครไม่ได้ขับรถมาเที่ยวแบบก๊อตก็ยังสามารถเดินจากที่พักไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้แบบชิลๆ ซึ่งที่พักนี้ ก๊อตจองมาได้ในราคาคืนละ 2,500 บาท/คืน สำหรับพัก 3 คน ราคานี้ถือว่าดีเริ่ดอยู่นา
สรุปการเที่ยวมัตสึโมโตะ (Matsumoto)
และนี่คือรีวิวเที่ยวเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ในแบบฉบับของก๊อต แต่เอาจริงเมืองเค้ามีที่เที่ยวเยอะกว่าที่ก๊อตไปมาอีกนะ แต่ด้วยตอนนั้นก๊อตมีติดธุระด่วนช่วงเช้านิดหน่อย ส่งผลให้ก๊อตไม่ได้ไปเที่ยวตามสถานที่อื่นๆ ที่แพลนกันมา ทั้งฟาร์มวาซาบิไดโอะ (Daio Wasabi Farm) และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมะโตะ (Matsumoto City Museum of Art) ที่นี่แอบเสียดายมาก เพราะถ้าใครติดตามคุณป้าลายจุดอย่าง ‘Yayoi Kusama’ ศิลปินหญิงที่โด่งดังของญี่ปุ่นกันอยู่ จะบอกว่าคุณป้าเค้าเกิดที่เมืองนี้ และที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เราไม่ได้ไปนั้นมีนิทรรศการถาวรของคุณป้าจัดแสดงเอาไว้อีกด้วย
สรุปโดยรวมเลยเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ส่วนตัวก๊อตว่าเค้าเป็นเมืองผ่านที่ใครเดินทางจากนากาโน่ (Nagano) เพื่อไปยังเมืองชิซึโอะกะ (Shizuoka) จะต้องผ่านเมืองนี้อย่างแน่นอน ซึ่งการจะอยู่ที่นี่สักวันเพื่อแวะเที่ยวก่อนเดินทางต่อก็เป็นอะไรที่ก๊อตแนะนำเลยนะ เมืองเค้าเงียบสงบมู้ดดีเลยแหละ แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัดนี่ได้แต่บอกตัวเองว่าเดี๋ยวจะต้องกลับมาใหม่ให้ได้
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡