เกาะมิยาจิม่า (Miyajima) หรือ เกาะอิทสึคุชิมะ (Itsukushima) ใครที่เป็นขาเที่ยวญี่ปุ่น ทุกคนต้องรู้จัก หรือถ้าใครไม่คุ้นเคย หากได้เห็นรูปปกรีวิวนี้ก็ต้องอ๋อเหมือนกัน เพราะภาพที่เห็นของ เสาประตูโอโทริอิ (O-Torii Gate) นี่ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ชื่อดังที่ใช้เป็นภาพโปรโมทการท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาตลอด อันนี้บอกเลยว่าโคตรดี และสวยจริง (แต่ต้องมาถูกเวลาด้วย) จะเด็ดดวงขนาดไหน จกตาหรือเปล่า เรามาเที่ยวกันดีกว่า เย่ๆ!
พาสรถไฟที่ใช้เที่ยวเกาะมิยาจิม่า (Miyajima) ได้
มีพาสรถไฟหลายตัวมากที่สามารถใช้นั่งรถไฟมาเที่ยวฮิโรชิม่า รวมถึงใช้เรือเฟอร์รี่ของ JR เพื่อข้ามไปยังเกาะมิยาจิม่าได้นะ หลายคนอาจจะงวยงงว่าใช้อันไหน อันนี้ก็ต้องดูแพลนเที่ยวญี่ปุ่นแต่ละคนแล้วว่าไปไหนบ้าง ดังนั้น ก๊อตเลยลิสพาสรถไฟต่างๆมาให้ว่าพาสไหนเหมาะหรือเข้าพอดีกับแพลนตัวเอง อาจจะลองดูว่าเราลงสนามบินไหนเป็นต้นทางก่อนก็ได้ แล้วส่องดูแพลนต่างๆ ของตัวเองว่าจะไปเมืองไหนบ้าง เมื่อเรามั่นใจแล้วก็ซื้อพาสรถไฟเพื่อความประหยัดและสะดวกสบายในการเดินทางด้วยรถไฟได้เลย! สามารถเทียบราคาทั้ง Klook และ KKday ได้เลยนะ ราคาจะขึ้นลงตามเรทค่าเงินเยน <-> บาท นะครับโผมม
- 🎫 Kansai Hiroshima Area Pass : (ก๊อตใช้พาสนี้ในรีวิวนี้) เฉพาะสายรถไฟ JR ครอบคลุมการเที่ยวเมืองเด่นๆ อย่าง โอซาก้า เกียวโต นารา โกเบ วากายาม่า ฮิเมจิ โอคายาม่า และ ฮิโรชิม่า/ สามารถนั่ง Sanyo Shinkansen ไปกลับ โอซาก้า-โกเบ-โอคายาม่า-ฮิโรชิม่า ได้ / ใช้นั่ง Kansai-Airport Express Haruka จากสนามบินคันไซ (KIX) ได้ / นั่งเรือ JR Ferry ไปเกาะมิยาจิม่าได้ / มีแบบ 5 วัน ราคาราวๆ ~3,800 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 Sanyo-San’in Area Pass : เฉพาะสายรถไฟ JR สำหรับเที่ยวเมืองเด่นๆ อย่าง โอซาก้า เกียวโต นารา โกเบ วากายาม่า ฮิเมจิ โอคายาม่า ฮิโรชิม่า ยามากุจิ และ ฟุกุโอกะ / สามารถนั่ง Sanyo Shinkansen ไปกลับ โอซาก้า-โกเบ-โอคายาม่า-ฮิโรชิม่า-ยามากุจิ-ฮากาตะ (ฟุกุโอกะ) ได้ / ใช้นั่ง Kansai-Airport Express Haruka จากสนามบินคันไซ (KIX) ได้ / นั่งเรือ JR Ferry ไปเกาะมิยาจิม่าได้ / มีแบบ 7, 14, 21 วัน ราคาเริ่มต้นราวๆ ~5,150 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 Hiroshima Yamaguchi Area Pass : เฉพาะสายรถไฟ JR สำหรับเที่ยวเมืองเด่นๆ อย่าง ฮิโรชิม่า ยามากุชจิ และ ฟุกุโอกะ / สามารถนั่ง Sanyo Shinkansen ไปกลับ ฮิโรชิม่า-ยามากุจิ-ฮากาตะ (ฟุกุโอกะ) ได้ / นั่งเรือ JR Ferry ไปเกาะมิยาจิม่าได้ / มีแบบ 5 วัน ราคาเริ่มต้นราวๆ ~3,360 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 Sanyo-San’in-Northern Kyushu Area Pass : เฉพาะสายรถไฟ JR สำหรับเที่ยวเมืองเด่นๆ อย่าง โอซาก้า เกียวโต นารา โกเบ วากายาม่า ฮิเมจิ โอคายาม่า ฮิโรชิม่า ยามากุจิ ฟุกุโอกะ คุมาโมโต้ และนางาซากิ / สามารถนั่ง Sanyo-Kyushu Shinkansen ไปกลับ โอซาก้า-โกเบ-โอคายาม่า-ฮิโรชิม่า-ยามากุจิ-ฮากาตะ(ฟุกุโอกะ)-คุมาโมโต้ ได้ / ใช้นั่ง Kansai-Airport Express Haruka จากสนามบินคันไซ (KIX) ได้ / นั่งเรือ JR Ferry ไปเกาะมิยาจิม่าได้ / มีแบบ 7 วัน ราคาเริ่มต้นราวๆ ~5,950 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 Japan Rail Pass – All Area (JR Pass) : สามารถใช้ขึ้นรถไฟ JR ได้ทั่วประเทศ รวมถึงรถไฟหัวกระสุน Shinkansen เกือบทุกสาย ทั่วประเทศญี่ปุ่น มีแบบ 7 วัน ราคาราวๆ ~7,540 บาท [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
แพลนเที่ยวญี่ปุ่น โอซาก้า-โกเบ-ฮิเมจิ-โอคายาม่า-ฮิโรชิม่า
แนะนำ พาสรถไฟ JR Kansai Hiroshima Area Pass
ญี่ปุ่นรอบนี้ เป็นการมาเที่ยวแถบคันไซ (รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) ซึ่งก๊อตเองได้มาเที่ยวกับแม่สองคนและตั้งใจมาเก็บคันไซฝั่งซ้ายยาวไปถึงภูมิภาคชูโกกุ โดยเฉพาะ ฮิโรชิม่า (Hiroshima) เพื่อไปเก็บแลนด์มาร์คเสาโทริอิขึ้นชื่อ จากนั้นก็กลับมาทางโอซาก้าเรื่อยๆ โดยผ่านทั้งโอคายาม่า (Okayama), ฮิเมจิ (Himeji) และ โกเบ (Kobe) นั่นเอง ซึ่งพาสที่เหมาะสุดกับแพลนนี้ของก๊อตนั้นคือ JR Kansai Hiroshima Area Pass แบบ 5 วัน ในราคา 13,700 เยนนี่แหละ คุ้มสุดแล้วเว้ย
จริงๆ พาสนี้มันไปที่อื่นได้อีกเยอะนะ เพราะมันครอบคลุมทั้งภูมิภาคคันไซ แต่อันนี้เป็นความตั้งใจของก๊อตเองที่จะเก็บฮิโรชิม่าด้วย เลยเลือกเที่ยวเก็บเมืองทางฝั่งนี้ที่บอกไปนั่นเอง โดยวิธีการซื้อก็เหมือนเดิมคือ ซื้อพาสเว็บ KLOOK และไปแลกเป็นพาสจริงที่สนามบินคันไซ จากนั้นก็ใช้ได้เลย โดยการไปทุกเมืองที่ก๊อตบอกไปนั้นใช้รถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นทั้งทริป ดังนั้น คุ้มแน่นอน
วันที่ | ตัวอย่างการใช้พาส JR Kansai Hiroshima Area Pass |
1 | - เดินทางจากโอซาก้า > ฮิโรชิม่า - เที่ยวเกาะมิยาจิม่า (ฮิโรชิม่า) |
2 | - เที่ยวฮิโรชิม่า |
3 | - เดินทางจากฮิโรชิม่า > โอคายาม่า - เที่ยวโอคายาม่า |
4 | - เดินทางจากโอคายาม่า > ฮิเมจิ - เที่ยวฮิเมจิ (ฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟ) - เดินทางจากฮิเมจิ > โกเบ |
5 | - เที่ยวโกเบ |
ราคาปกติหากไม่ใช้พาส: 25,290 เยน* (คิดโดยการใช้รถไฟชินคันเซ็นระหว่างเมืองทั้งหมด) ราคาพาส JR Kansai Hiroshima Area Pass: 13,700 เยน |
ซื้อพาส JR Kansai Hiroshima Area Pass จาก KLOOK ข้างล่างนี้เลย
ส่วนลด KLOOK ประจำเดือน คลิกที่นี่
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นโอซาก้า-โกเบ-ฮิเมจิ-โอคายาม่า-ฮิโรชิม่า
1. โอซาก้า (Osaka)
2. โกเบ (Kobe)
3. ฮิเมจิ (Himeji)
4. โอคายาม่า (Okayama)
5. เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
6. ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
แพลนเที่ยวฮิโรชิม่า (Hiroshima)
สำหรับแพลนเที่ยว เมืองฮิโรชิม่า (Hiroshima) นั้น หลักๆของก๊อตจะมีเที่ยวในตัวเมืองหนึ่งวัน และมาเที่ยว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima) อีกหนึ่งวัน ก็ถือว่าเก็บไฮไลท์ของฮิโรชิม่าแล้วเนอะ ได้เรียนรู้ทั้งประวัติศาสตร์ของฮิโรชิม่าในช่วงสงครามโลก รวมถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์ ‘มิยาจิม่า’ ที่คนญี่ปุ่นนับถือ และมีแลนด์มาร์คชื่อดังอย่าง เสาประตูโอโทริอิ (O-Torii Gate) ที่หลายคนอยากมาดูของจริง
ส่วนตัวก๊อตคิดว่า ฮิโรชิม่า (Hiroshima) ถือเป็นอีกเมืองที่โคตรดีและกลมกล่อม ใครที่อินสงครามโลกคือต้องมาอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเราไปเที่ยว เราจะได้รับรู้ถึงความโหดร้ายและความกดดันของช่วงนั้นได้อย่างเต็มแรงมาก รวมถึงเกาะมิยาจิม่า ที่เราจะเน้นสนุกสนาน ถ่ายรูปเยอะ เพราะเราจะได้เจอน้องกวาง ปีนเขาเล็กน้อย ได้แล้วถ่ายรูปรัวๆ กับแลนด์มาร์คชื่อดังของญี่ปุ่นนั่นเอง เอาล่ะ มาดูแพลนเที่ยวกัน!
วันที่ | สถานที่ท่องเที่ยว |
1 | เกาะมิยาจิมะ (Miyajima) / เกาะอิทสึคุชิมะ (Itsukushima) – ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) – วัดไดโชอิน (Daishoin Temple) – สวนโมมิจิดานิ (Momijidani Park) – ภูเขามิเซน (Mount Misen) – เซ็นโจคาคุ (Senjokaku) / เจดีย์ห้าชั้น (Five-storied Pagoda) – ดูพระอาทิตย์ตก ประตูโอโทริอิ (O-Torii Gate) |
2 | ตัวเมืองฮิโรชิม่า (Hiroshima) – อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Atomic Bomb Dome) – สวนสันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Park) – พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานสันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Museum) – ปราสาทฮิโรชิม่า (Hiroshima Castle) – สวนชุกเคเอ็น (Shukkeien Garden)อ่านรีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima) |
ส่วนลด OTA | ส่วนลด Klook / ส่วนลด Agoda / ส่วนลด Booking / ส่วนลด Expedia |
แนะนำที่พักและโรงแรมบนเกาะมิยาจิมะ (Miyajima)
ใครที่มีแพลนไป เกาะมิยาจิมะ (Miyajima) ล่ะก็ เราสามารถนอนในตัวเมืองฮิโรชิม่าได้ แล้วไปเกาะมิยาจิมะ แบบวันเดย์ทริปได้เลย โดยเวลาเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที ต่อหนึ่งขาเท่านั้นเอ๊ง แต่ถ้าใครอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศไปนอนฟีลญี่ปุ่นจ๋าๆ จะไปนอนเกาะมิยาจิม่าก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน — สำหรับหน้านี้ ก๊อตจะแนะนำเฉพาะที่พักบนเกาะมิยาจิม่าอย่างเดียวน้า
🏨 ดูที่พักแนะนำในฮิโรชิม่า จาก Agoda / Expedia / Booking.com
#1 เกาะมิยาจิมะ (Miyajima)
สำหรับคนที่อยากใช้เวลาซึมซับบรรยากาศของเกาะมิยาจิมะ (Miyajima) มากกว่าปกติ โดยที่ไม่ต้องไปอยู่รวมกับฝูงนักท่องเที่ยวที่มาแบบวันเดย์ทริป นี่แนะนำให้มานอนบนเกาะโดยเฉพาะที่พักแบบเรียวกังที่มีตัวเลือกดีๆ ให้เราเลือกมาพักมากอยู่ ทีนี้ ถ้าเราจะนอนบนเกาะมิยาจิม่า ก๊อตแนะนำให้จองที่พักที่รวมอาหารค่ำไปด้วย หรือถ้าใครไม่ได้จองแบบรวมอาหารค่ำ อันนี้ต้องเช็คหน่อยว่าโรงแรมเค้ามีร้านอาหารด้วยหรือเปล่า เพราะนี่ต้องบอกก่อนว่าร้านค้าและร้านอาหารปกติบนเกาะ ช่วงหกโมงเย็นเค้าก็ปิดร้านกันเกือบหมดแล้วนะ ฮ่าๆ และสุดท้ายแน่นอน โรงแรมและเรียงกังบนเกาะนั้น ราคาที่พักถือว่าราคาสูงแบบยังได้อยู่ คือไม่แรงเว่อร์วัง ยังไงลองดูลิสนี้ไว้สำหรับการตัดสินใจได้ 55555
ที่พักและโรงแรมแนะนำ
- เรียวกังตัวท็อป-ลักชู-บูทีค (11,000 ++ บาท/คืน): Itsukushima Iroha (⭐️ มีออนเซน ) / Iwaso Ryokan (มีออนเซ็น) / Jukeiso (มีออนเซ็นส่วนตัว)
- โรงแรมดี ราคาเอื้อมได้ (6,000-10,000 บาท/คืน): Miyajima Grand Hotel Arimoto / Hotel Miyajima Villa
- โรงแรมดีและคุ้มค่า (ต่ำกว่า 5,000 บาท/คืน): Auberge Mizuhaso / Oyado Tsukiusagi
วันแรก: เกาะมิยาจิมะ (Miyajima) / เกาะอิทสึคุชิมะ (Itsukushima)
วันแรกของการเที่ยวฮิโรชิม่า (Hiroshima) ก๊อตขอไปเที่ยวที่ เกาะอิทสึคุชิมะ (Itsukushima) หรือที่ใครหลายคนรู้จักและคุ้นกันในชื่อ เกาะมิยาจิมะ (Miyajima) กันก่อน ซึ่งถ้าใครที่ไม่รู้ชื่อ แต่ถ้าได้เห็นรูปว่าที่นี่มีอะไร ทุกคนต้องอ๋อและเคยผ่านตาแน่นอน เพราะเกาะมิยาจิมะ (Miyajima) คือที่ตั้งของ เสาประตูโอโทริอิ (O-Torii Gate) สีส้มที่ตั้งอยู่กลางน้ำที่ดังไปทั่วโลก โอยยย มาเที่ยวฮิโรชิม่าทั้งที ก็ต้องมาเที่ยวที่นี่ด้วยนะเออ ห้ามพลาดเด็ดขาด
🛥 วิธีข้ามเรือไปยังเกาะมิยาจิมะ (Miyajima)
เนื่องจากก๊อตพักโรงแรมติดกับสถานีฮิโรชิม่า (Hiroshima Station) เลยง่ายมาก เพราะเราสามารถนั่งรถไฟ JR โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อไปลงที่ สถานีมิยาจิมะกุจิ (Miyajimaguchi Station) ที่เป็นที่ตั้งของท่าเรือได้เลย ซึ่งท่าเรือเค้าก็จะมีสองเจ้าให้เราเลือกขึ้น คือฝั่งซ้ายกับฝั่งขวาที่เป็นของ JR ซึ่งเราสามารถสังเกตป้ายด้านหน้าได้ ป้ายเค้าโคตรใหญ่ เห็นได้ชัดเจนเว่อร์
⚡️ ณ จุดนี้ ใครที่ถือ JR PASS อยู่ล่ะก็ เราสามารถกระโดดขึ้นเรือของ JR เพื่อข้ามไปเกาะมิยาจิมะ (Miyajima) ได้ฟรี! ตัวก๊อตเองถือพาส JR Kansai Hiroshima Area Pass อยู่ ก็เลยขึ้นเรือของ JR นั่นแหละ ส่วนใครที่ไม่มีพาส แนะนำลองดูราคาหน้าท่าเรือโลด ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอันไหนถูกกว่ากัน
จุดหมายแรกบนเกาะมิยาจิมะ (Miyajima) ไม่ใช่ที่ไหน แต่เป็น ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) กับ เสาประตูโอโทริอิ (O-Torii Gate) ในจุดเดียวกัน ซึ่งเราสามารถเดินได้แบบชิลๆเลย ระหว่างทางก็มีร้านค้าขายขนม ขายของน่ารัก รวมถึงมีกวางน่ารักที่เราสามารถเล่นกับน้องได้ด้วย น้องคือคิวท์มาก ดูเรียบร้อยและสงบเสงี่ยมกว่าน้องที่นารามากเลยล่ะ 555555
ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine)
มาถึง ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) คือรู้เลยว่าเป็นแลนด์มาร์คเบอร์หนึ่งของเกาะ เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมากองกันตรงนี้เพื่อชมทั้งศาลเจ้าและเสาประตูโทริอินั่นเอง ตอนที่ก๊อตมาตอนสายๆนั้น น้ำลดแบบขั้นสุด ทำให้เราสามารถลงไปเดินบนชายหาดเพื่อเข้าไปดูเสาประตูได้ใกล้ๆเลย ถ้าได้ไปเที่ยว แล้วน้ำลดเหมือนก๊อตละก็ ถ้าจะลงไปเดินเล่นด้านล่าง นี่แนะนำให้ลงไปเดินก่อนค่อยเข้าวัดเนอะ เพราะในวัดเราจะต้องเสียเงินเข้า จะปีนออกมาก็ลำบาก
เสาประตูโอโทริอิ (O-Torii Gate) เป็นส่วนหนึ่งของ ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) ถือเป็นมรกดกสำคัญทางวัฒนธรรมของชาติญี่ปุ่นเลยแหละ โดยตัวเสาหลักนั้นทำมาจากไม้ของต้นการบูร ส่วนเสาด้านข้างใช้ไม้สน ตัวเสามีน้ำหนักประมาณ 60 ตัน ด้วยน้ำหนักมากขนาดนี้ เลยทำให้เสาสามารถตั้งอยู่กลางทะเลได้โดยไม่ต้องตอกเสาเข็มเลย ซึ่งเสาต้นนี้ก็มีอายุมากกว่า 100 ปีแล้วด้วย โอ้โหหหห
ตอนนั้นคือโอเคนะเว้ย คือเราได้เห็นเสานี้กับตาตัวเองแล้ว ถือว่าสวยงามตามบรรยากาศและพื้นที่ แต่นี่จะบอกว่า มันโคตรสวยตอนเย็นและตอนพระอาทิตย์ตกดินที่น้ำขึ้นเยอะจนดูเหมือนเสานั้นลอยน้ำ ซึ่งเดี๋ยวก๊อตจะกลับมาตรงนี้อีกทีตอนเย็นนะเออ
สำหรับ ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) ที่ตั้งอยู่เคียงคู่กันนั้น ถือเป็นอีกศาลเจ้าล้ำค่าของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ซึ่งศาลเจ้าแห่งถูกสร้างขึ้นมามากกว่า 1,400 ปี และเป็นศาลเจ้าแบบชินโต เพื่อบูชาเทพหญิงสามองค์ที่เป็นลูกสาวของเทพแห่งทะเลและพายุ ‘ซุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะ (Susanoo-no-Mikoto)’ อีกทั้งยังสร้างมาเพื่อบูชาตัวเกาะที่คนท้องถิ่นนับถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และนับเป็นเทพอีกด้วย
ด้วยความที่ ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) ถูกนับให้เป็นศาลเจ้าแบบชินโตบริสุทธิ์ เค้าเลยจะไม่ให้มีการการเกิด การตาย และการเผาศพขึ้นบนเกาะหรือพื้นที่ใกล้เคียงนี้เลย ดังนั้น คนที่กำลังตั้งท้องอยู่ หรือคนแก่ที่อายุมากแล้ว เค้าจะไม่ให้อยู่บนเกาะนี้เลยทีเดียว (ค่อนข้างโหดเอาเรื่องอยู่) นอกจากเรื่องความบริสุทธิ์นี้แล้ว ลักษณะการออกแบบศาลเจ้าที่สร้างยื่นออกมาตรงเวิ้งอ่าว เค้าตั้งใจให้เป็นลักษณะเหมือนแพลอยน้ำเมื่อน้ำขึ้น เหตุผลเพราะ เนื่องจากเค้านับว่าเกาะถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ปถุชนคนธรรมดาจะแตะต้องหรือแม้แต่เหยียบไม่ได้เลย ในสมัยก่อน ศาลเจ้าตรงนี้เลยได้ทำหน้าเสมือนท่าเรือที่คนขึ้น-ลงระหว่างเกาะแทนและ เสาประตูโอโทริอิ (O-Torii Gate) ก็เปรียบเสมือนประตูทางเข้า เพื่อให้คนที่ล่องเรือสัญจรผ่านเข้า-ออกตัวเกาะนั่นเอง
หากเราเข้ามาเดินชมภายในศาลเจ้า เค้าจะมีค่าบำรุง 1,000 เยนเนอะ เราสามารถเข้าไปไหว้เคารพเทพธิดาสามองค์ได้ และสามารถทะลุอีกฝั่งเพื่อเที่ยวต่อส่วนอื่นๆ ภายในเกาะมิยาจิมะ (Miyajima) ได้เลย
วัดไดโชอิน (Daisho-in Temple)
วัดไดโชอิน (Daisho-in Temple) ถือเป็นอีกวัดที่สำคัญมากที่สุดบนเกาะมิยาจิม่า (Miyajima) เลย เพราะวัดนี้ถูกก่อตั้งในปี ค.ศ.806 โดยพระท่าน ‘โคโบ-ไดชิ คูไค (Kobo Daishi Kukai) ที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้ก่อตั้งพุทธนิกายชินกอน (Shingon) ในญี่ปุ่น และได้ใช้วัดนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมตอนท่านมาฝึกบำเพ็ญตนที่นี่ รวมถึงภูเขามิเซน (Mount Misen) ที่เราจะขึ้นไปหลังจากการเที่ยวที่นี่อีกด้วย
ภายในตัว วัดไดโชอิน (Daisho-in Temple) มีหลายอาคารที่ให้เราเข้าไปเยี่ยมชมได้ ซึ่งตัววัดเค้าก็ร่มรื่นมาก และถ้าใครที่มาฤดูใบไม้แดงคือมาถูกช่วงเวลาสุดๆ นอกจากนี้ เค้ายังมีความน่ารักอีกอย่างคือ บันไดด้านข้างทางขึ้นหลักของตัววัด จะมีทางเดินที่รายล้อมด้วยรูปปั้นจิโซ (Jizo) หรือพระพุทธรูปหินหลายร้อยอันตั้งอยู่ทั้งสองฟากฝั่งของทางเดิน ช่วงที่ก๊อตไปคือ รูปปั้นมีหมวกใส่ทุกอันด้วย อันนี้น่ารักจริง
เดินอยู่พักใหญ่ ก๊อตก็ออกไปขึ้นเคเบิ้ลเพื่อไปยังภูเขามิเซน (Mount Misen) ต่อ แต่ถ้าใครอยากเดินขึ้นไป เราสามารถเดินขึ้นจากวัดไดโชอิน (Daisho-in Temple) ได้เลย ซึ่งเค้าจะมีทางเดินขึ้นไป ใช้เวลาประมาณ 1.30-2 ชั่วโมงเด้อ
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
สวนโมมิจิดานิ (Momijidani Park)
ตัวก๊อตเอง หลังจากออกมาจากวัดไดโชอิน (Daisho-in Temple) นี่ก็เดินกลับมาทาง สวนโมมิจิดานิ (Momijidani Park) ไปยัง เคเบิ้ลคาร์มิยาจิม่า (Miyajima Ropeway) เพื่อขึ้นต่อไปยังภูเขามิเซน (Mount Misen) ได้ เห็นแบบนี้ อาจจะคิดว่าสวนนี้ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าใครที่มาช่วงฤดูใบไม้แดง (กลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายน) จะบอกว่าสวนโมมิจิดานิ (Momijidani Park) นี่คือสถานที่ดูใบไม้แดงที่สวยที่สุดของเกาะ เพราะต้นไม้แทบจะทุกต้นในสวนนี้กลายเป็นสีส้ม-แดงเกือบหมดเลย
ถึงแม้นี่จะไม่ได้มาเที่ยวฤดูใบไม้แดง แต่การได้เดินเอื่อยๆ เปื่อยๆ ผ่านสวนที่มีทั้งต้นไม้ ดอกไม้ สะพานแดงญี่ปุ่น แถมยังมีกวางบ้างประปราย มันก็ชิลนะเออ! ยังไงนี่ก็อยากให้แวะ เพราะถ้าใครเป็นสายเดินแบบก๊อต และจะขึ้นไปยังภูเขามิเซน (Mount Misen) ล่ะก็ ยังไงก็ต้องผ่านสวนแห่งนี้อยู่ดี 5555
ภูเขามิเซน (Mount Misen)
ภูเขามิเซน (Mount Misen) นับเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเกาะมิยาจิมะ (Miyajima) และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ 535 เมตร ใครที่เป็นสายชอบปีนเขาหรือเดินเทรล หากเราขยันและอยากเดิน เราสามารถปีนเขามิเซนเพื่อไปยังจุดยอดเขาได้แหละ แต่ถ้าใครขี้เกียจและเป็นสายสบาย เราสามารถขึ้นไปบนยอดซัมมิทได้เช่นกันโดยการขึ้นกระเช้าและเดินต่ออีกนิดหน่อยแค่นั้นเอง
คนพื้นเมืองเค้านับถือ ภูเขามิเซน (Mount Misen) เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถูกบุกเบิกโดยพระท่าน ‘โคโบ-ไดชิ คูไค (Kobo Daishi Kukai) ที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้ก่อตั้งพุทธนิกายชินกอน (Shingon) ในญี่ปุ่น ได้มาปฏิบัติธรรมและสร้างวัดขึ้นบนเขาแห่งนี้หลายจุดเลย ดังนั้น ผู้คนที่นอกจากจะมาดูวิวรอบเกาะสวยๆด้านบนแล้ว หลายคนก็มาตามรอยเที่ยววัดกันด้วย
🚠 มิยาจิม่า เคเบิ้ลคาร์ (Miyajima Ropeway)
การขึ้น ภูเขามิเซน (Mount Misen) อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าเราจะเดินขึ้นหรือจะนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นก็ได้ หากใครเป็นสายขี้เกียจหรือมาเที่ยวกับผู้ใหญ่ แนะนำให้เลือกใช้บริการเคเบิ้ล เพราะสบายกว่ามาก โดยราคาของการขึ้นเคเบิ้ลไปยังด้านบนนั้น แบบไป-กลับจะอยู่ที่ 1,840 เยน ส่วนขาเดียว ราคาจะอยู่ที่ 1,010 เยน เปิดให้บริการ 9.00-17.00 น. เด้อ
เมื่อเรามาถึงปลายสถานีเคเบิ้ลคาร์ อย่าพึ่งคิดว่าถึงเรียบร้อยแล้ว เพราะจะต้องเทรลต่อไปอีกประมาณ 20 นาที ซึ่งทางเดินเค้าก็ค่อนข้างดีและเดินง่ายมาก สามารถเดินชิลๆเพื่อขึ้นไปด้านบนได้ ระหว่างทางขึ้นไป จะมีจุดนึงที่เราสามารถนั่งพักเหนื่อยตรงแถวบริเวณ หอไรคาโด (Reikado) ได้ ซึ่งหอนี้เค้าถือเป็นที่สถานที่จุดเปลวไฟศักดิ์ที่เค้าเล่ากันว่า ไฟนี้จุดโดยโคโบ-ไดชิ ตั้งแต่ 1,200 ปีที่แล้ว ซึ่งไฟนี้ก็ไม่เคยดับเลย เพราะถือเป็นการจุดเพื่อบูชาภูเขามิเซนที่นี่ ที่เจ็งคือ ไฟจากหอไรคาโด (Reikado) ก็ได้นำไปจุดต่อที่ สวนสันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Park) ในเมืองฮิโรชิมาอีกด้วย
หายเหนื่อยแล้วก็เดินต่อโลด ต่อจากหอไรคาโด (Reikado) เดินขึ้นต่อไปอีกซักประมาณ 10 นาที เราก็จะถึงจุดซัมมิทของ ภูเขามิเซน (Mount Misen) เรียบร้อย ซึ่งด้านบนเค้าก็แปลกนิดหน่อย ที่มันเป็นลานหินหมดเลยแหละ ตรงนี้เค้าจะมีจุดชมวิวอยู่ ซึ่งเราสามารถเดินขึ้นไปเพื่อนดูวิวได้แบบ 360 องศาเล้ย โดยวิวนั้นก็สวยอยู่ ได้เห็นเกาะเล็กเกาะใหญ่ในทะเลเสะโตะ แต่ถ้าฟ้าใสหน่อย เราสามารถเห็นเมืองฮิโรชิม่าได้เลย
เซ็นโจคาคุ (Senjokaku) / เจดีย์ห้าชั้น (Five-storied Pagoda)
นั่งกระเช้าลงมาจากเขามิเซน และเดินมานิดหน่อยเลยทำให้รู้ว่า จริงๆแล้ว เค้ามีรถ Shuttle Bus รับ-ส่งจากบริเวณ ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) ด้วยแหละ ไอ้เราพอเห็นป้ายก็รีบขึ้นรถเค้าเลย เพราะเริ่มเหนื่อยแล้ว 5555 // ใครที่ขี้เกียจเดินจากศาลเจ้าไปจุดขึ้นเคเบิ้ลคาร์ เราสามารถไปขึ้นรถบัสได้ตรงจุดนี้เลย > goo.gl/maps/VLN4vVN8Vij17nst6
ด้วยความที่เหลือเวลาเดินเล่นอีกนิดหน่อย นี่เลยขอแวะเข้าไปเดินซักหน่อย ซึ่งที่นี่ก็คือ เซ็นโจคาคุ (Senjokaku) และ เจดีย์ห้าชั้น (Five-storied Pagoda) ที่ตั้งอยู่ในจุดเดียวกัน ตอนแรกสองที่นี้ไม่ได้อยู่ในแพลน แต่ด้วยความที่เจดีย์เค้าตั้งเด่นมาแต่ไกลตั้งแต่เดินในหมู่บ้าน นี่เลยขอแวะเข้าไปดูซักหน่อย ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง คือโคตรสวยเลยแหละ
เซ็นโจคาคุ (Senjokaku) หรืออีกชื่อคือ ศาลเจ้าโฮโคะคุ (Hokoku Shrine) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1587 โดย ‘โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi)’ ไดเมียวคนสำคัญของญี่ปุ่น (และยังเป็นคนสร้างปราสาทโอซาก้าด้วย) ซึ่งตอนแรกที่เค้าสร้างที่นี่เพราะจะทำเป็นวัด แต่แล้วก็สร้างไม่เสร็จ เพราะเสียชีวิตก่อน ทำให้อาคารหลังนี้ ไม่มีผนังและประตูปิดที่เรียบร้อย กลายเป็นอาคารเปิดโล่งอย่างที่เห็นนี่แหละ
อีกอันที่สวยมากคือ เจดีย์ห้าชั้น (Five-storied Pagoda) ที่อยู่ติดกันเลย เจดีย์องค์นี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1407 ก่อนที่จะมีอาคารเซ็นโจคาคุ (Senjokaku) อีก โดยสถาปัตยกรรมจะมีความผสมผสานระหว่างจีนและญี่ปุ่น เนื่องจากยุคที่สร้างเจดีย์นั้นอยู่ในช่วงของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและค้าขายในสมัยราชวงศ์หมิงของจีน ผลออกมาคือโดดเด่นมากบนเกาะ และถูกรักษาสวยงามเหมือนใหม่จนถึงปัจจุบันนี้เลย
ดูพระอาทิตย์ตก ประตูโอโทริอิ (O-Torii Gate)
สุดท้ายก่อนออก เกาะมิยาจิม่า (Miyajima) นี่ไม่อยากให้พลาดช่วงที่ดีที่สุดและสวยงามที่สุดของที่นี่ นั่นคือตอนเย็นแก่ๆ จนถึงช่วงพระอาทิตย์ ที่ขอบอกว่าโคตรสวย ด้วยความที่พระอาทิตย์ตกนั้น จะอยู่ทางด้านหลังของ ประตูโอโทริอิ (O-Torii Gate) พอดิบพอดี และช่วงเย็นเป็นช่วงที่น้ำขึ้นมาเรื่อยๆ จนท่วมเสาเหมือนลอยน้ำอยู่ ทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้าคือสวยมาก
นี่แนะนำให้เดินเล่นตามใจชอบเลย เราจะไปตรงส่วนด้านข้างหรือยังไงก็ได้ ส่วนก๊อตนั้น ไปนั่งชิลๆอยู่ตรงหาดทรายเล็กฝั่งซ้ายของ ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) คือดีมากกกก จากนั้นพอพระอาทิตย์กำลังจะจมดินค่อยมาด้านขวาของศาลเจ้าอีกรอบ
เอาจริง หลายๆคนที่กลับก่อนคงเสียดายแย่ งั้นก๊อตขอแนะนำให้เราอยู่ที่นี่ต่อจนพระอาทิตย์ตก และกลับข้ามฝั่งด้วยเรือรอบสุดท้ายไปเลย (จำเวลาไม่ได้ แต่ลองเช็คเองอีกที) ถือเป็นการจบทริปเกาะมิยาจิม่าที่ประทับใจสุดๆ ♥️
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡