โดทงโบริ (Dotonbori) ใครมาเที่ยวโอซาก้า (Osaka) ครั้งแรกแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปชูแขนสองข้างเลียนแบบป้ายกูลิโกะ (Glico Running Man Sign) บอกเลยว่าพลาดม๊ากก เพราะป้ายนี้เป็นแลนด์มาร์ชื่อดังอันดับหนึ่งของเมืองโอซาก้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตัวป้ายกูลิโกะนี้อยู่ตรง “โดทงโบริ (Dotonbori)”ในย่านนัมบะ (Namba) ที่ก๊อตจะพามาเที่ยวกันในรีวิวนี้นี่เอง ใครที่อยากเที่ยวให้ได้ฟีลโอซาก้าแบบจัดจ้าน ที่เต็มไปด้วยทุกแสง สี เสียงของเมือง ทั้งอาหาร ความบันเทิง ร้านค้าให้ช้อปปิ้ง ทั้งหมดนี้หาได้จาก โดทงโบริ (Dotonbori) เลยจ๊า มีครบหมดในที่เดียว
- รีวิวเต็ม โอซาก้า (Osaka) 5 วัน 25 ที่เที่ยว
- รีวิวเต็ม Universal Studios Japan (USJ) ละเอียด รู้เรื่องมากที่สุด
- โรงแรมและที่พักแนะนำในโอซาก้า (Osaka)
- ส่วนลด Klook / ส่วนลด Agoda
รู้จักกับโดทงโบริ (Dotonbori)
โดทงโบริ (Dotonbori) อีกหนึ่งย่านสุดฮิตของเมืองโอซาก้า (Osaka) ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ใจกลางเมืองของโอซาก้า” ที่โด่งดังมากที่สุดอีกแห่งที่คนญี่ปุ่นเองหรือนักท่องเที่ยวมากันเยอะม๊าก ถึงขนาดที่ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์มีคนมาเดินตลอดทั้งวันถึงหลักแสนคน โดย โดทงโบริ (Dotonbori) นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของแสงไฟที่ยามค่ำคืนนั้น ที่พอตกเย็นปุ๊บไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร เค้าจะเปิดไฟสู้กันจนเกิดแสงสว่างไสวฟูฟ่าแบบไม่เคยหลับใหลเลยเชียว นอกจากนี้ที่นี่ยังเลื่องลือในเรื่องของบาร์ และสตรีทฟู้ดชื่อดังของโอซาก้าอีกด้วย สิ่งที่ต้องมากินให้ได้เลยคือ พิซซ่าญี่ปุ่น เกี๊ยวซ่า และทาโกะยากิ ที่บอกเลยว่ากินที่นี่คืออร่อยเริ่ดสุดๆ
สำหรับคำว่า โดทงโบริ (Dotonbori) นั้น เค้าจะเรียกรวมเป็นย่านนี้ โดยมีทั้งคลองโดทงบุริ (Dotonbori Canal) และถนนโดทงบุริ (Dotonbori Street) ทั้งหมด โดยพื้นที่ของเค้าทอดขนานไปกับคลองครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่สะพานโดทงโบริบาชิ (Dotonboribashi Bridge) ไปจนถึงสะพานนิปปอนบาชิ (Nipponbashi Bridge) ซึ่ง โดทงโบริ (Dotonbori) นั้น เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1612 โดยยาสุ โดทง (Yasui Doton) ผู้ริเริ่มขุดคูคลองบริเวณนี้ด้วยเงินทุนส่วนตัวของตัวเอง โดยเค้าตั้งใจเพื่อให้เป็นส่วนขยายของคูน้ำอุเมซุ (Umezu River) และเพิ่มพื้นที่การค้าและการขนส่งทางน้ำ แต่เนื่องจากยาสุ โดทง (Yasui Doton) ได้เสียชีวิตในสงคราม โครงการสร้างคลองจึงตกทอดไปยังลูกพี่ลูกน้องและครอบครัวของเขา ก่อนจะมีการขุดคลองต่อจนแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1615 โดยได้ตั้งชื่อคลองนี้ว่าโดทงบุริ “Dotonbori” ตามชื่อของยาสุ โดทง (Yasui Doton) นั่นเอง
นอกจากนี้ในช่วงศตวรรษที่ 17- 18 โดทงโบริ (Dotonbori) กลายเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและการแสดงละครที่โอซาก้า (Osaka) โดยมีโรงละครเข้ามาตั้งอยู่มากมาย ก่อนจะมีร้านอาหารและโรงน้ำชาเข้ามาเปิดตาม จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 20 โดทงโบริ (Dotonbori) ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการบันเทิงและการท่องเที่ยวของเมืองไปเป็นที่เรียบร้อยและยังเป็นย่านฮิตประจำเมืองโอซาก้ามาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นใครที่อยากมาเดินชิลๆ หรือจะถ่ายรูป ช้อปปิ้ง หาอะไรกินอร่อยๆท่ามกลางคลองรายล้อมไปด้วยแสง สี มากมายของโอซาก้า ก็ต้องมาที่ โดทงโบริ (Dotonbori) นี่แหละน่าา
วิธีการเดินทางมาที่โดทงโบริ (Dotonbori)
รถไฟใต้ดิน: วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟใต้ดิน (Osaka Metro) โดยสถานีรถไฟที่ใกล้กับ โดทงโบริ (Dotonbori) มากที่สุด คือ สถานีนัมบะ (Namba Station) ซึ่งสามารถเดินทางได้ตามนี้เลย
- โดยรถไฟใต้ดิน (Osaka Metro):
- ตัวเลือก 1 สถานีนัมบะ (Namba Station) : ให้ขึ้นรถไฟสายมิโดสุจิ (Midosuji Line) มาลงที่สถานีนัมบะ (Namba Station) จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 2 นาที *เหมาะสำหรับคนที่อยากมาเดินดูป้ายกูลิโกะ
- ตัวเลือก 2 สถานีชินไซบาชิ (Shinsaibashi Station) : ให้ขึ้นรถไฟสายมิโดสุจิ (Midosuji Line) มาลงที่สถานีชินไซบาชิ (Shinsaibashi Station) *เหมาะสำหรับคนที่อยากมาเดินช้อปปิ้งที่ถนนชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ก่อน
> ซื้อพาสบัตรรถไฟใต้ดินแบบเดินทางไม่จำกัด (Osaka Metro Pass) 1 วัน หรือ 2 วัน [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
บัตรท่องเที่ยว Osaka Amazing Pass ราคาเท่าไหร่ และซื้อที่ไหนดี?
สำหรับใครที่มาเที่ยวโอซาก้า (Osaka) แล้วอยากปักไปเที่ยวแลนด์มาร์คชื่อดังหลายๆ ที่ โดยที่เราไม่ต้องกังวัลเรื่องค่าใช้จ่ายจะบานปลายล่ะก็ ก๊อตแนะนำให้เราซื้อ Osaka Amazing Pass เอาไว้ใช้เลย เพราะบัตรพาสนี้สามารถใช้เข้าแลนด์มาร์คทั่วโอซาก้าได้มากกว่า 40 แห่ง รวมถึงยังเอาไปใช้ในกิจกรรมอื่นๆ อีกทั้งยังใช้ขึ้นรถไฟใต้ดิน (Osaka Metro) และรถเมล์ในโอซาก้าได้อย่างไม่จำกัดตามจำนวนวันที่ซื้ออีกด้วย ดังนั้น Osaka Amazing Pass จึงเหมาะกับคนที่ไม่เคยมาเที่ยวโอซาก้ามาก่อน และต้องการมาเก็บแลนด์มาร์คดังๆ ของเมืองให้ครบมากที่สุด ใครที่จะมาเที่ยวโอซาก้าแบบจริงจังควรซื้อ!
⚡️ สำหรับแลนด์มาร์คหรือกิจกรรมดังๆ ที่ใช้แล้วคุ้มเมื่อมีพาสนี้คือ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle / ค่าเข้า 600 เยน หรือ 145 บาท), ล่องเรือชมอ่าวโอซาก้า (Cruise Ship Santa Maria Day Cruise / ค่าขึ้น 1,600 เยน หรือ 385 บาท) , LEGOLAND® Discovery Center Osaka (ค่าเข้า 2,800 เยน หรือ 670 บาท), จุดชมวิวบนตึกอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building / 1,500 เยน หรือ 365 บาท), หอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower / ค่าเข้า 900 เยน หรือ 220 บาท), ขึ้นชิงช้าสวรรค์ HEP FIVE Ferris Wheel (ค่าขึ้น 1,000 เยน หรือ 250 บาท)
Osaka Amazing Pass มีแบบไหนบ้าง ราคาเท่าไหร่ และซื้อที่ไหนดี
สำหรับราคาบัตร Osaka Amazing Pass นั้นจะมีด้วยกัน 2 แบบ และมีราคาต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับจำนวนวันที่เราเลือก โดยเค้ามีมาให้เลือกทั้งแบบ 1 และ 2 วัน ตามแต่เราสะดวก ซึ่งถ้าให้ก๊อตแนะนำคือ ให้ซื้อแบบ 2 วันไปเลย คือคุ้มมาก บัตร Osaka Amazing Pass แบบ 1 วัน : ราคา 2,800 เยน (~680 บาท) / แบบ 2 วัน : ราคา 3,600 เยน (~880 บาท)
สำหรับหลายคนที่อยากจะซื้อ Osaka Amazing Pass แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อผ่านช่องทางไหนดี ก๊อตแนะนำให้เราซื้อผ่าน OTAs อย่าง Klook หรือ KKday วิธีที่ก๊อตว่าสะดวกสบาย ซื้อง่าย และราคาดี สามารถแลกเวาเชอร์จากมือถือเป็นบัตรจริงที่จุดแลกพาสได้เลย
เริ่มเที่ยวในโดทงโบริ (Dotonbori) กันเล้ย
สำหรับการเที่ยวในโดทงโบริ (Dotonbori) ของก๊อต เริ่มต้นเดินบนถนนคนเดินก็คือได้ความโอซาก้าแบบจัดเต็มมาก ด้วยความที่ย่านนี้เป็นแหล่งรวมของกิน และช็ออปชื่อดังของเมืองโอซาก้า (Osaka) บรรยากาศคือฟู่ฟ่าจี๊ดจ๊าดด้วยป้ายไฟ โมเดลอาหาร มาสคอตตุ๊กตาประจำแต่ละร้านที่จัดเต็มกันตั้งแต่บนพื้นไล่ไปจนถึงบนตึก ก๊อตบอกเลยว่าพี่เค้าเล่นใหญ่กันทุกร้าน แบบที่ว่าร้านใครเด่นกว่าคนนั้นชนะเลยล่ะ 555
ใครที่อยากมาเดินหาของกิน สิ่งที่ต้องมากินเลยคือ พิซซ่าญี่ปุ่น เกี๊ยวซ่า และทาโกะยากิ ที่นี่ไปลองซื้อทาโกะจากร้าน Takoyaki Wanaka Dotonbori แล้วสั่งแบบ Specialty Osaka of Original ไส้ปลาหมึกขนาด 8 ลูก ราคา 600 เยน (~150 บาท) มาลอง ส่วนตัวก๊อตว่ารสชาติดี แต่ไส้ปลาหมึกเค้าไม่ได้ให้มาจุกๆ เบอร์นั้นนะ ใครที่อยากลองกินทาโกะแบบออริจิควรลอง จะลองร้านอื่นก็ได้เพราะตรงนี้ร้านทาโกะยากิเยอะมาก แต่ร้านที่ก๊อตกินก็ลองได้เช่นกัน 55555555
อีกอย่างที่ต้องลองคือขนมรูปเหรียญ 10 เยน ที่นี่ไปลองซื้อมาแล้วในราคา 500 เยน (~125 บาท) ขนมปังชีสยืดๆ ข้างใน รสชาตินัวๆ เค็มๆ กินเพลินอร่อยดีเลยเชียวหล่ะ นอกจากนี้ยังมีของกินขายอยู่พรึ่บพรั่บ เดินไปมองไปอยากจะกินมันเสียทุกอย่าง เพราะแต่ละร้านทำของกินขายออกมาได้น่ากินไปหมดเลย
ป้ายกูลิโกะ (Glico Running Man Sign)
มาถึงไฮไลท์ของโดทงโบริ (Dotonbori) ที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตามาถ่ายรูปกันคือบริเวณสะพานเอบิสึบาชิ (Ebisubashi Bridge) ที่ฉากหลังเป็นป้ายกูลิโกะ (Glico Running Man Sign) พร้อมทั้งโพสต์ท่ายืนยกขา ชูมือให้เหมือนกับพ่อหนุ่มบนป้าย ซึ่งป้ายโฆษณากูลิโกะที่เราเห็นกันนี้ ของจริงสูงถึง 20 เมตร กว้าง 7 เมตร อีกทั้งยังเป็นป้ายโฆษณาที่เปลี่ยนมาแล้วถึง 6 เวอร์ชั่น โดยเวอร์ชั่นแรกเค้าติดกันตั้งแต่ปี ค.ศ.1935 เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นป้ายคู่เมืองโอซาก้า (Osaka) เลยก็ว่าได้ เพราะป้ายนี้เค้าอยู่ตรงนี้มาเกือบร้อยปีแล้ว
ซึ่งบริเวณป้ายกูลิโกะ (Glico Running Man Sign) เรียกได้ว่าเป็นจุดที่คนเค้ามาถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะกันเหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่าเรามาถึงโอซาก้าแล้วจริงๆ แน่นอนว่าคนนี่มหาศาล บรรยากาศตรงนี้คือครึกครื้นสุด ทั้งคนญี่ปุ่นเอย นักท่องเที่ยวเอย เค้าก็จะมายืนถ่ายรูปโบกไม้โบกมือเก๊กท่าเลียนแบบพ่อหนุ่มกูลิโกะชุดขาวที่กำลังอยู่ในท่าวิ่งกันแทบทุกรายเล้ย
จุดถ่ายรูปใหม่กับป้ายกูลิโกะ
สำหรับคนที่อยากถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะแบบใหม่แบบสับ ตอนนี้เค้ามุมลับที่ตอนนี้น่าจะไม่ลับแล้ว เพราะฮิตเกินเบอร์ม๊ากก ก๊อตแนะนำให้เดินลงสะพานเอบิสึบาชิ (Ebisubashi Bridge) มาที่ร้าน NaNo Hana ซึ่งร้านเค้าจะตั้งอยู่เลียบคลองฝั่งตรงข้ามกับ ป้ายกูลิโกะ (Glico Running Man Sign) เดินเข้ามาภายในร้านแล้วให้เลี้ยวขวาได้เลย เราจะเห็นคนยืนต่อแถวยาวๆ รอถ่ายอยู่ ซึ่งมุมลับที่ว่าจะเป็นเซตฉากเหมือนลู่วิ่งบนป้ายกูลิโกะให้เราได้มาโพสต์ท่าถ่ายรูป ซึ่งหากเราไปยืนและจัดองศาของมุมดีๆ แล้วกดแช๊ะภาพ เราจะได้มุมที่มีเส้นลู่วิ่งจากป้ายของกูลิโกะต่อเข้ากับฉากที่ยืนอยู่เป๊ะๆ เสมือนเราได้วิ่งอยู่ในลู่วิ่งเดียวกับพ่อหนุ่มนักวิ่งเค้าเลยแหละ ใครอยากได้รูปกิ๊บเก๋ห้ามพลาดเลย มุมนี้เข้ามาถ่ายได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายซักเยน แต่อาจจะต้องรอคิวกันหน่อยเพราะค่อนข้างป๊อบเอาเรื่อง
ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street)
มาเดินช้อปปิ้งกันต่อที่ ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street) หนึ่งในถนนช้อปปิ้งที่ก๊อตเลิฟมากที่สุดในญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าเราจะมาเที่ยวโอซาก้ากันกี่ครั้งก็ต้องแวะเวียนมาที่นี่ทุกรอบ ซึ่งถนนเส้นนี้เราสามารถเดินต่อขึ้นมาจากสะพานเอบิสึบาชิ (Ebisubashi Bridge) ที่ดูป้ายกูลิโกะกันได้เลยนา
โดย ถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street) นั้น ยาวประมาณ 600 เมตร เป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของเมืองที่เปิดกันมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ภายในเต็มไปด้วยสินค้าเยอะม๊ากก ตั้งแต่ร้านขายชุดกิโมโนแบบดั้งเดิม ร้านขายเสื้อผ้าและรองเท้า ร้านอาหารและร้านฟาสต์ฟู้ด รวมไปถึงร้านขายอัญมณี เครื่องประดับ และร้านแฟชั่นอื่นๆ อีกเพียบ ที่ก๊อตบอกเลยว่าใครที่อยากมาช้อปปิ้งกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้าที่โอซาก้ากลับบ้านแล้วล่ะก็ ทุกคนต้องปักหมุดมาถนนเส้นนี้เลย
อย่างที่ก๊อตบอกไปถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านรวงเยอะมาก แต่ที่นี่ว่าเยอะสุดๆ เลยคือร้านรองเท้า Multi-brand Store โคตรคูลอย่าง Atmos และ ABC-Mart Grand Stage รวมถึงร้านรองเท้ายอดฮิต Nike, Adidas, Onitsuga Tiger, Sketcher, ASICS และแบรนด์อื่นๆ อีกเยอะมากๆ คือสายสะสมรองเท้า หรือคนที่อยากมาช้อปรองเท้ากลับไปใส่ที่ไทยอยากได้แบรนด์ไหนที่นี่มีหมดจ๊า นอกจากนี้เค้ายังมีร้านสำหรับสายแฟอย่างช็อป H&M ช็อปใหญ่ตรงป้ายกูลิโกะ หรือจะเป็นช็อป Beams, Zara, Bershka, GU (แบรนด์ลูก Uniqlo) และ Uniqlo นั่นเอง ซึ่งจากที่ก๊อตไปเดินส่องมาแล้วนั้น ราคาที่นี่ถูกกว่าที่ไทยหลายบาทอยู่ โดยเฉพาะตอนที่ก๊อตไปแล้วค่าเงินเยนถูกนั้น ยิ่งเหมือนเราได้ซื้อของลดราคาเลยล่ะ
ส่วนใครที่เป็นสายแบรนด์เนม ถนนที่อยู่ขนานกันกับถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street) นั้นจะมี ถนนมิโดซูจิ (Mido-suji Street) ที่มีแฟล็กชิพสโตร์อย่าง Louis Vuitton, Gucci, Prada, Chanel, Hermès, BVLGARI และแบรนด์อื่นๆ ที่ให้เราได้ถลุงเงินจนกระเป๋าตังค์แฟ่บกันเลยทีเดียว
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ล่องเรือแม่น้ำโดทงโบริ (Dotonbori River Cruise)
ล่องเรือแม่น้ำโดทงโบริ (Dotonbori River Cruise) ใครที่เดินช้อปปิ้ง ถ่ายรูปเล่นกันจนหนำใจแล้ว ก๊อตอยากให้ทุกคนลองเปลี่ยนบรรยากาศมาล่องเรือในแม่น้ำโดทงโบริ (Dotonbori River Cruise) ด้วย โดยเค้าจะมีเรือที่คอยให้บริการพานักท่องเที่ยวล่องชมวิวอยู่ตลอดทั้งวัน โดยช่วงที่ก๊อตไปนั้นเป็นช่วงกลางวัน เราได้นั่งเรือสีเหลืองปุ๊กปิ๊กลำใหญ่ท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างร้อนเอาเรื่อง ซึ่งระหว่างที่เรือเคลื่อนที่ไปตามคลองก็จะมีไกด์ชาวญี่ปุ่นมาเล่าถึงประวัติความเป็นมาให้ฟังเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะยากสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราหน่อยๆ ที่อาจจะไม่เข้าใจ 55555
บัตรล่องเรือแม่น้ำโดทงโบริ (Dotonbori River Cruise)
สำหรับคนที่อยากมาลองล่องเรือชมแม่น้ำโดทงโบริ เค้าเปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00-17.00 น. โดยใครที่ไม่ได้จองตั๋วลองหน้ามาก่อน สามารถมาซื้อตั๋วได้ที่หน้าเคาท์เตอร์จำหน่ายก่อนลงเรือได้ ซึ่งเคาท์เตอร์เค้าจะเปิดล่วงหน้า 1 ชั่วโมงก่อนรอบเรือเที่ยวแรกของวันนา แต่ถ้าใครมี Osaka Amazing Pass กระโดดลงเรือได้ฟรีเลย เพราะในพาสเค้ารวมกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำโดทงโบริ (Dotonbori River Cruise) มาให้แล้ว
- ราคาบัตรล่องเรือแม่น้ำโดทงโบริ (Dotonbori River Cruise) : 1,200 เยน (~290 บาท)
- ซื้อ Osaka Amazing Pass [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
สำหรับบรรยากาศในช่วงกลางวันสองฝั่งคลองจะเต็มไปด้วยตึกและอาคารที่ไม่ได้จี๊ดจ๊าดด้วยแสงไฟเหมือนช่วงเวลากลางคืน ส่วนตัวก๊อตคิดว่าไม่ได้หวือหวามาก โดยรูทของการล่องเรือนั้นคือจะล่องเรือไปทางหนึ่งก่อนแล้ววนกลับมาราวๆ 30 นาที โดยจุดที่เรือพาเราล่องไปจนสุดเส้นทางแล้วลองมองย้อนกลับมาดูวิวด้านหลังที่ล่องผ่านมาก็ถือว่าสวยอยู่นะ และแน่นอนว่าจุดป๊อบๆ อย่างป้ายกูลิโกะ (Glico Running Man Sign) เค้าก็จะจอดซักแปปให้คนที่อยู่บนเรือได้ถ่ายรูปกัน ถือว่าเป็นอีกมุมที่กิ๊บเก๋กันไปอีกแบบ และอีกความประทับใจที่ก๊อตเจอมาคือความน่ารักของชาวญี่ปุ่นในเวลาที่เรือมันล่องไปเรื่อยๆ ผู้คนตามสองข้างทางจะโบกไม้โบกมือให้เราอยู่ตลอดเลย เออ โคตรน่ารัก
ถ้าให้ก๊อตแนะนำสำหรับการล่องเรือตรงนี้ นี่แนะนำให้มาล่องเรือตอนกลางคืนแทนกลางวัน เพราะก๊อตเองเคยล่องมาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน ไวบ์ตอนกลางคืนต่างกับตอนกลางวันลิบลับ บรรยากาศที่เจิดจ้ากันด้วยแสงไฟนีออนและผู้คนที่ตบเท้ามาเดินช้อปกันเยอะม๊าก พอได้มาล่องเรือกันในช่วงกลางวันนี่ก็เลยดูแห้งสนิทไปเลย 5555555
สำหรับการล่องเรือแม่น้ำโดทงโบริ (Dotonbori River Cruise) ถ้าใครมีบัตร Osaka Amazing Pass ก๊อตก็ยังแนะนำให้เรากระโดดลงเรือได้มาได้เลย เราจะได้ใช้บัตรให้คุ้มๆ แต่ถ้าใครไม่ได้ซื้อพาสมาก๊อตว่าไม่ต้องล่องเรือก็ได้ ไม่เสียหายอะไรแกร!
สรุปการเที่ยวโดทงโบริ (Dotonbori)
และนี่ก็คือทั้งหมดของ โดทงโบริ (Dotonbori) ที่ก๊อตมาเดินเที่ยวกัน ใครที่อยากมาช้อปปิ้ง หาของกิน ถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะเช็คอินว่าเรามาถึงโอซาก้า (Osaka) แล้ว ต้องมาโดทงโบริ (Dotonbori) เลยนา ส่วนตัวเตือนไว้ก่อนเลยว่า สายช้อปเกียมเงินมาเยอะๆ เลย เพราะถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street) มีของขายเยอะม๊ากก มาแล้วล้มละลายได้แน่ๆ 55555
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡