ย่านอูเมดะ (Umeda) อีกหนึ่งย่านดังที่น่าสนใจในเมืองโอซาก้า (Osaka) ที่ส่วนตัวก๊อตคิดว่าขาช้อปทั้งหลายมาแล้วจะได้เฉิดฉายและใช้จ่ายกันสะบัดเว่อร์ เพราะไม่ว่าเราจะปักหมุดไปเที่ยวที่ไหนในย่านนี้ ไม่ใกล้ไม่ไกลก็จะมีร้านค้า หรือห้างดังๆ คอยกวักมือเรียกให้เข้าไปละลายทรัพย์กันเป็นว่าเล่น แบบที่ว่าใครใจไม่แข็งพอมาเที่ยว ย่านอูเมดะ (Umeda) นี่ว่ามีตัวปลิวกลับกันแน่นอน และนอกจากร้านรวงทั้งหลายแล้ว ย่านอูเมดะ (Umeda) ยังเป็นแหล่งรวมช็อปเกมจากค่ายดังๆ เอาไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น Nintendo, Pokemon หรือค่ายเกมอย่าง CAPCOM ที่ใครอยากมาตามหาของเด็ดแรร์ไอเทมทั้งหลายที่หาจากที่ไหนไม่ได้ เรียนเชิญมาเที่ยวย่านนี้ได้เลย แอบเตือนก่อนว่า มาเที่ยวแล้วกำเงินในกระเป๋าของทุกคนเอาไว้ให้ดีนะ ฮ่าๆ
รู้จักกับย่านอูเมดะ (Umeda)
ย่านอูเมดะ (Umeda) ถือเป็นย่านธุรกิจที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจคันไซ อีกทั้งยังเป็นย่านช้อปปิ้งขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย โดยที่นี่มีห้างสรรพสินค้ามากถึง 6 แห่ง และยังมีแหล่งช้อปปิ้ง ร้านขายสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และสินค้าเบ็ดเตล็ด ซึ่งแต่ละร้านนั้นต่างก็เป็นร้านสาขาใหญ่ที่มากระจุกตัวรวมกันอยู่ใน ย่านอูเมดะ (Umeda) แห่งนี้ โดยเราสามารถเข้าถึงทุกอย่างได้ง่ายๆ ด้วยการเดินทางที่สุดแสนจะสะดวกสบายของขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเค้าเลย
นอกจากนี้ ย่านอูเมดะ (Umeda) ยังเป็นย่านที่มีตึกสูงหลายแห่ง ซึ่งคนเค้าก็นิยมมาเที่ยวชมวิวสกายไลน์เมืองโอซาก้ากันบนตึกเหล่านี้กันไม่ขาดสาย โดยก๊อตก็ไม่พลาดที่จะพาทุกคนไปสัมผัสขอบฟ้ากันบนชั้น 39-40 ของ ตึกอูเมดะสกาย (Umeda Sky Building) ที่เค้ามีจุดชมวิว Kuchu Teien Observatory ที่เราสามารถดูวิวเมืองโอซาก้าได้แบบ 360 องศา ที่สวยและเลอค่ามากๆ บอกเลยว่าอ่านรีวิวนี้จบแล้วอาจจะมีคนอยากมาตามรอยจนกดจองตั๋วมาตามกันก็ได้
บัตรท่องเที่ยว Osaka Amazing Pass ราคาเท่าไหร่ และซื้อที่ไหนดี?
สำหรับใครที่มาเที่ยวโอซาก้า (Osaka) แล้วอยากปักไปเที่ยวแลนด์มาร์คชื่อดังหลายๆ ที่ โดยที่เราไม่ต้องกังวัลเรื่องค่าใช้จ่ายจะบานปลายล่ะก็ ก๊อตแนะนำให้เราซื้อ Osaka Amazing Pass เอาไว้ใช้เลย เพราะบัตรพาสนี้สามารถใช้เข้าแลนด์มาร์คทั่วโอซาก้าได้มากกว่า 40 แห่ง รวมถึงยังเอาไปใช้ในกิจกรรมอื่นๆ อีกทั้งยังใช้ขึ้นรถไฟใต้ดิน (Osaka Metro) และรถเมล์ในโอซาก้าได้อย่างไม่จำกัดตามจำนวนวันที่ซื้ออีกด้วย ดังนั้น Osaka Amazing Pass จึงเหมาะกับคนที่ไม่เคยมาเที่ยวโอซาก้ามาก่อน และต้องการมาเก็บแลนด์มาร์คดังๆ ของเมืองให้ครบมากที่สุด ใครที่จะมาเที่ยวโอซาก้าแบบจริงจังควรซื้อ!
⚡️ สำหรับแลนด์มาร์คหรือกิจกรรมดังๆ ที่ใช้แล้วคุ้มเมื่อมีพาสนี้คือ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle / ค่าเข้า 600 เยน หรือ 145 บาท), ล่องเรือชมอ่าวโอซาก้า (Cruise Ship Santa Maria Day Cruise / ค่าขึ้น 1,600 เยน หรือ 385 บาท) , LEGOLAND® Discovery Center Osaka (ค่าเข้า 2,800 เยน หรือ 670 บาท), จุดชมวิวบนตึกอูเมดะสกาย (Umeda Sky Building / 1,500 เยน หรือ 365 บาท), หอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower / ค่าเข้า 900 เยน หรือ 220 บาท), ขึ้นชิงช้าสวรรค์ HEP FIVE Ferris Wheel (ค่าขึ้น 1,000 เยน หรือ 250 บาท)
Osaka Amazing Pass มีแบบไหนบ้าง ราคาเท่าไหร่ และซื้อที่ไหนดี
สำหรับราคาบัตร Osaka Amazing Pass นั้นจะมีด้วยกัน 2 แบบ และมีราคาต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับจำนวนวันที่เราเลือก โดยเค้ามีมาให้เลือกทั้งแบบ 1 และ 2 วัน ตามแต่เราสะดวก ซึ่งถ้าให้ก๊อตแนะนำคือ ให้ซื้อแบบ 2 วันไปเลย คือคุ้มมาก บัตร Osaka Amazing Pass แบบ 1 วัน : ราคา 2,800 เยน (~680 บาท) / แบบ 2 วัน : ราคา 3,600 เยน (~880 บาท)
สำหรับหลายคนที่อยากจะซื้อ Osaka Amazing Pass แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อผ่านช่องทางไหนดี ก๊อตแนะนำให้เราซื้อผ่าน OTAs อย่าง Klook หรือ KKday วิธีที่ก๊อตว่าสะดวกสบาย ซื้อง่าย และราคาดี สามารถแลกเวาเชอร์จากมือถือเป็นบัตรจริงที่จุดแลกพาสได้เลย
เริ่มต้นเที่ยว ย่านอูเมดะ (Umeda) กันเล้ยย
ห้างเฮปไฟฟ์ (HEP FIVE)
ที่แที่ยวแรกที่ก๊อตมาเลย คือ ห้างเฮปไฟฟ์ (HEP FIVE) สุดฮิปใจกลางย่านอูเมดะ (Umeda) ที่มีทั้งหมด 9 ชั้น โดยคำว่า “HEP” ย่อมาจาก “Hankyu Entertainment Park” ซึ่งภายในห้างนั้นมีร้านอาหาร ร้านของเล่น ร้านแนวเอนเตอร์เทนเมนท์ และร้านเสื้อผ้าให้เราได้มาช้อปกันตั้งแต่ชั้น B1 ไปจนถึงชั้น 6 และมีมากกว่า 100 ร้านค้าเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเดินช้อปกันจนขาลากของจริง
นอกจากนี้ ห้างเฮปไฟฟ์ (HEP FIVE) ยังมีโซนสวนสนุกในบริเวณชั้น B2 ชั้น 8 และ 9 แต่ที่ป๊อบสุดของเค้าเลยเห็นจะเป็น Joypolis สวนสนุกในร่มที่มีเกมจำลองและเกมอาร์เคดอยู่เยอะม๊ากก เวลาเดินผ่านบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของผู้คน รวมถึงเสียงเอฟเฟกต์และเสียงแอคชั่นของเกมต่างๆ ดังออกมาให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าใครอยากมาคีบตุ๊กตา เล่นเกมเบาๆ ไม่เน้นเข้าสวนสนุก ก๊อตแนะนำให้ขึ้นมาชั้น 8 ในโซน BANDAI NAMCO Cross Store ซึ่งจะเป็นโซนที่เค้ารวมเกม ตู้กดตุ๊กตา และมีของเกี่ยวกับการ์ตูนอยู่เยอะมากอีกด้วย คือนี่เดินเข้ามาในนี้แล้วเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกเลย บรรยากาศเหมือนเป็นโลกของคนรักเกม ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รายล้อมไปด้วยสารพัดเกม ซึ่งในบางมุมก็มีโต๊ะให้คนมานั่งเล่นเกมการ์ดเกมด้วยกันอีกด้วย นี่ว่าคอเกมก็คงชอบชั้นนี้กันไม่น้อยเลย
ยังไม่หมดเท่านั้น ในชั้น 9 ยังมีโซน Eggnam ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมวัยรุ่นและนักเรียนมัธยมของญี่ปุ่นขนานแท้ เพราะบรรยากาศบนนี้เหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งที่ต่างจากชั้น 8 ที่เราเพิ่งขึ้นมาเลย มันมีความคิกขุอาโนเนะด้วยตู้ถ่ายรูปมากมายที่ตั้งเรียงรายให้เราได้มาใช้บริการ โดยแต่ละตู้นั้นเหมือนพาเราย้อนวัยกลับไปในยุค 90 อีกครั้ง ด้วยความที่ตู้ถ่ายรูปของเค้ามันคล้ายๆ กับตู้ Purikura ที่เราชอบไปถ่ายกันในสมัยก่อน ซึ่งความเริ่ดของตู้แบบนี้คือเราสามารถถ่ายแล้วแต่งรูป ใส่สติ้กเกอร์ ปรับเปลี่ยนทรงผม หรือแม้แต่ขีดเขียนวาดลงไปบนเฟรมของรูปได้เลย คืออยากได้แบบไหนก็สามารถเนรมิตและเสกได้ด้วยปลายนิ้วนั่นเอง และถ้าใครที่มาแล้วแต่รู้สึกว่าหน้าผมยังไม่เป๊ะ บนนี้เค้าโซนแต่งตัว แต่งหน้าให้เราเข้าไปใช้บริการก่อนมาถ่ายรูปด้วยนา ใครอยากถ่ายรูปกับตู้สติ้กเกอร์สุดกิ๊บเก๋เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกมาลองดูกันได้
ชิงช้าสวรรค์เฮปไฟฟ์ (HEP FIVE Ferris Wheel)
เดินเล่นในห้างจนหนำใจแล้ว ให้ทุกคนมองหาลิฟต์สักตัว แล้วกดไปที่ชั้น 7 ของห้างต่อได้เลย พอประตูลิฟต์เปิดปุ๊บเราจะเห็นทางเดินไปสู่ ชิงช้าสวรรค์เฮปไฟฟ์ (HEP FIVE Ferris Wheel) ชิงช้าสวรรค์ที่ตั้งเด่นสง่าอยู่บนลานเอาท์ดอร์ของห้าง ซึ่งการได้ขึ้นมานั่งบนชิงช้าสวรรค์นี้ เค้าเป็นเหมือนอีกลิสต์หนึ่งที่เราต้องทำเมื่อมาเที่ยวเมืองโอซาก้าเลยนะ โดยค่าขึ้นชิงช้าสวรรค์อยู่ที่คนละ 1,000 เยน (~250 บาท) ถ้าใครที่ถือ Osaka Amazing Pass แบบก๊อตนั้น เราสามารถยื่นพาสแล้วเข้าได้เลย
ว่าแล้วเราก็ขึ้นไปยัง ชิงช้าสวรรค์เฮปไฟฟ์ (HEP FIVE Ferris Wheel) หน้าตาเหมือนแคปซูลสีแดงอันนี้แหละ ที่จะพาเราหมุนขึ้นไปยังจุดสูงสุดที่เราจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวเมืองโอซาก้าแบบสวยม๊ากก และหากใครมาลองขึ้นทั้งช่วงกลางวัน และกลางคืนดูแล้ว ก๊อตจะบอกเลยว่าทั้งสองเวลานั้นให้มู้ดและบรรยากาศของวิวที่แตกต่างกันอีกด้วย ใครชอบวิวเมืองคลีนๆ สบายตาก็มาขึ้นตอนกลางวัน ใครอยากมานั่งดูสันสีนของแสงไฟภายในเมืองก็มาขึ้นช่วงกลางคืนนา
แต่ส่วนตัวก๊อตจริงๆ แนะนำให้มาขึ้นชิงช้าสวรรค์กันช่วงเย็นๆ ไปจนถึงช่วงพระอาทิตย์ตก เพราะเราจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องกระทบไปตามแนวตึกให้อารมณ์ที่ดูสงบและอบอุ่นละมุน ก่อนที่แสงเหล่านั้นจะค่อยๆ ลาลับหายไปและถูกทดแทนเข้ามาด้วยแสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง โดยระยะเวลาทั้งหมดที่เราอยู่บนชิงช้าสวรรค์ที่หมุนวนอยู่หนึ่งรอบจะใช้เวลานั่งประมาณ 20 นาที ซึ่งนี่ว่าเวลากำลังดีเลยเพราะเราได้มีช่วงปล่อยใจจอยๆ ไปกับวิวเมืองโอซาก้าจากมุมสูงบนนี้ได้แบบฉ่ำใจสุดๆ
เผื่อใครที่ดูจากระยะสายตาแล้วเห็นว่า เอ้อ มันก็ไม่ได้สูงอะไรเลยนี่นา ก๊อตขอเถียงขาดใจเพราะพอขึ้นมาบนนี้จริงๆ แล้วจังหวะที่กระเช้าที่เรานั่งอยู่เค้าหมุนขึ้นไปจนถึงจุดสูงที่สุด มันหวาดเสียวและสูงม๊ากกก แต่ยังดีที่ได้วิวเมืองสวยๆ มาช่วยปลอบใจความระทึกนี้ให้ลดลงไปได้ ฮ่าๆ เอาเป็นว่าใครที่มาเที่ยวโอซาก้ากับแฟนแล้วอยากมานั่งดูวิวเมืองมุมสูงท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกจัดๆ ให้ลองมาขึ้น ชิงช้าสวรรค์เฮปไฟฟ์ (HEP FIVE Ferris Wheel) ได้เลย รับรองไม่มีผิดหวังแน่นอน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเลยเชียว
ห้างไดมารูอูเมดะ (Daimaru Umeda Store)
อีกหนึ่งห้างสรรพสินค้าในย่านอูเมดะ (Umeda) ที่ต้องมาให้ได้เลย คือ ห้างไดมารูอูเมดะ (Daimaru Umeda Store) ที่ภายในนั้นมีให้เรามาเดินกิน ช้อป เที่ยวกันถึง 15 ชั้น โดยตัวห้างเค้าเป็นตึกขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานีรถไฟ JR Osaka ดังนั้น ใครจะมาเดินเที่ยวที่นี่สามารถนั่งรถไฟมาลงแล้วเดินเชื่อมเข้าห้างได้เลย สะดวกสบายสุดๆ
ความพิเศษของ ห้างไดมารุอูเมดะ (Daimaru Umeda Store) คือ ใครที่เป็นคอเกม และแฟนๆ อนิเมะดังของญี่ปุ่น ก๊อตแนะนำให้พุ่งตัวขึ้นมาที่ชั้น 13 โดยชั้นนี้เค้ามีช็อปของ ONE PIECE Straw Store ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่ขายกันจะอิงมาจากอนิเมะทั้งหมด ซึ่งใครที่เพิ่งมาติดตามวันพีชจากซีรีส์เวอร์ชันคนเหมือนก๊อตนั้น อาจจะต้องอกหักสักหน่อย เพราะสารพัดของปุ๊กปิ๊กที่ขายอยู่ล้วนถอดแบบออกมาจากมังงะอย่างเดียวนะเออ
แต่อย่าเพิ่งเสียใจไป เพราะเค้ายังมี Capcom Store & Cafe Umeda ช็อปลูกผสมระหว่างโซนขายสินค้าจากตัวละครของ CAPCOM ทั้งสตรีทไฟเตอร์ และเกมอื่นๆ ที่ยกขบวนกันมาหมดทั้งฟิกเกอร์ แผ่นเกม และของที่ระลึก แต่ที่เห็นสะดุดตามาแต่ไกลเลยคือมุมสินค้าจาก Monster Hunter World หนึ่งในเกมที่ขายดีที่สุดของค่าย CAPCOM ตั้งแต่เคยพัฒนาเกมมา ซึ่งเค้ามีทั้งเสื้อ ของใช้ พวงกุญแจ และอื่นๆ วางขายอีกเพียบ นอกจากนี้ยังมีโซนคาเฟ่ที่พัฒนาเมนูมาจากตัวละครท่ามกลางบรรยากาศเหมือนพาเราหลุดเข้าไปสู่โลกของ CAPCOM เลย
ยังไม่หมดเท่านั้น ใครที่ชื่นชอบรถต่างๆ ชั้นนี้เค้ายังมีช็อป Tomica Shop แหล่งรวมโมเดลรถ และของเล่นสำหรับเด็กๆ ที่ข้างในนั้นเต็มไปด้วยรถจำลองเกือบทุกประเภทบนโลกใบนี้ ทั้งรถญี่ปุ่น รถยุโรป รถบรรทุกต่างๆ รวมไปถึงรถจากการ์ตูน ที่ใครชอบสะสมโมเดลรถ หรือพาเด็กๆ มาเที่ยวด้วย ก๊อตว่าเข้ามาช็อปนี้มีล้มละลาย เพราะรถแต่ละคันนั้นน่ารักมาก ทำออกมาได้สมจริงในเวอร์ชันย่อส่วนที่เห็นแล้วอยากหยิบลงตะกร้าไปจ่ายเงินให้หมด 5555555
นอกจากช็อปที่ก๊อตพาไปส่องมาทั้งหมดแล้ว บนชั้น 13 ยังเป็นที่ตั้งของ Pokémon Center Osaka และ Nintendo Osaka ซึ่งเป็นสโตร์ขายของลิขสิทธิ์แท้ของเค้า เอาเป็นว่าใครที่อยากมากิน เที่ยว ช้อป ห้างไดมารุอูเมดะ (Daimaru Umeda Store) เป็นอีกหนึ่งห้างในย่านนี้ที่ควรมา ยิ่งคอเกมทั้งหลายด้วยแล้ว ก๊อตบอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆ
โปเกม่อน เซ็นเตอร์ (Pokémon Center Osaka)
สำหรับ โปเกม่อน เซ็นเตอร์ (Pokémon Center Osaka) บนชั้น 13 ของ ห้างไดมารูอูเมดะ (Daimaru Umeda Store) ถือเป็นดั่งสวรรค์บนดินของคนรักโปเกมอนที่อยากมาตามเก็บคอลเลกชันลิขสิทธิ์ต่างๆ ของเหล่าตัวโปเกมอน ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา โมเดล ฟิกเกอร์ การ์ดเกม และของปุ๊กปิ๊ก รวมไปถึงการ์ดแรร์อีกมากมายต้องมาเยือน ก๊อตบอกเลยว่ามาที่นี่แล้วเกียมล้มละลายได้เลย เพราะตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไป เราจะอยากได้แทบทุกอย่างที่อยู่ในนั้นจนอยากยกเอา โปเกม่อน เซ็นเตอร์ (Pokémon Center Osaka) กลับไปที่ไทยด้วย 55555
โดยโปเกมอนนั้น ถือว่าเป็นเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่มีผู้ติดตามและโด่งดังที่สุดในญี่ปุ่นและทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งในญี่ปุ่นเองก็มี Pokémon Center เค้ามีหลายสาขาเลย อย่าง Pokémon Center DX Tokyo ที่ถือเป็น Pokémon Center ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น แต่ที่เรามากันนั้น คือ โปเกม่อน เซ็นเตอร์ (Pokémon Center Osaka) ที่โอซาก้านั่นเอง โดยเค้าตั้งอยู่ที่ชั้น 13 บนห้าง Daimaru Umeda Store ตรงแถวๆ อูเมดะ ก๊อตบอกเลยว่าที่นี่แม้จะใหญ่ไม่เท่าที่โตเกียว แต่ของที่มีขายนั้นก็ยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้กัน
บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยสินค้าลิขสิทธิ์แท้จากโปเกมอนอยู่เยอะม๊าก ไม่ว่าจะเป็นกล่องสุ่ม ตุ๊กตาพวงกุญแจ โมเดลตุ๊กตา และฟิกเกอร์ ที่มีทุกตัวละครให้ได้เลือกซื้อทั้งฝั่งตัวละครคนอย่างซาโตชิ, เซเรน่า หรือจะเป็นคาสึมิ ไปจนถึงฝั่งของโปเกมอนที่มีทั้งปิกาจู, เซนิกาเมะ, ลิซาโดะ หรือจะเป็นลิซาด้อน และผองเพื่อนทั้งหลายอีกเยอะมาก
ซึ่งก๊อตเองก็เดินช้อปกันจนกระเป๋าแฟบ คือของเค้ามีตั้งแต่สินค้าน่ารักปุ๊กปิ๊ก ไปจนถึงของแรร์ไอเท็มให้ได้ช้อปกัน เรียกได้ว่า โปเกม่อน เซ็นเตอร์ (Pokémon Center Osaka) เป็นเหมือนแหล่งรวมของเกี่ยวกับโปเกมอน ที่หากใครหาจากที่อื่นไม่ได้แล้วนั้น ให้ลองมาที่นี่ก่อนได้เลย ก๊อตว่าสินค้าเค้าครบม๊าก แต่แอบเตือนไว้ก่อนเลยว่าใครที่เป็นแฟนๆ ของโปเกมอน เกียมกำเงินในกระเป๋าเอาไว้ให้ดี เพราะมาที่ โปเกม่อน เซ็นเตอร์ (Pokémon Center Osaka) เราอาจจะล้มละลายก็เป็นได้ แฟนๆ โปเกมอนอย่าลืมมากันนา
นินเทนโด โอซาก้า (Nintendo Osaka)
เรายังคงอยู่บนชั้น 13 ของ ห้างไดมารูอูเมดะ (Daimaru Umeda Store) กันต่อ โดยช็อปต่อไปที่เรามากันคือ นินเทนโด โอซาก้า (Nintendo Osaka) สโตร์ที่รวบรวมเอาสินค้าจากเหล่าคาแรกเตอร์ในเกมดังๆ ของนินเทนโดมาวางขายให้ได้ช้อปกันแบบละลานตาสุด ไม่ว่าจะเป็น Mario, Legend of Zelda, Animal Crossing, Splatoon ที่เค้าขนมาให้เราละลายทรัพย์กันตั้งแต่ตุ๊กตา โมเดล ฟิกเกอร์ ไปจนถึงของน่ารักๆ สารพัดสิ่งที่ล้วนแล้วแต่เป็นลวดลายลิขสิทธิ์แท้จากนินเทนโดทั้งนั้นเลย
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
โดย นินเทนโด โอซาก้า (Nintendo Osaka) คือร้านขายสินค้าปลีกของ Nintendo ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปเมื่อ 11 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งที่นี่ถือเป็นเป็นร้านค้าอย่างเป็นทางการแห่งที่ 2 ต่อจาก “Nintendo Tokyo” ในชิบุยะที่โตเกียวเลย นอกเหนือจากการจำหน่ายเกมคอนโซล ซอฟต์แวร์ และสินค้าตัวละครจากเกมดังอย่าง Mario, Legend of Zelda, Animal Crossing, Splatoon, Pikmin, Kirby of the Stars และ Fire emblem แล้ว นินเทนโด โอซาก้า (Nintendo Osaka) เค้ายังตั้งใจให้เป็นเหมือนศูนย์กลางที่ให้แฟนๆ และลูกค้าของนินเทนโดได้เข้ามาเพลิดเพลินไปบนพื้นที่ที่พวกเค้าจะได้สัมผัสไปกับประสบการณ์เล่นเกมต่างๆ รวมอยู่ด้วย เราเลยจะเห็นว่าถายในร้านเค้ามีมุมให้สาวกนินเทนโดมาทดลองเล่นเกมประลองฝีมือกันอีกด้วย
สำหรับ นินเทนโด โอซาก้า (Nintendo Osaka) นั้นหาไม่ยากเลย ด้วยร้านที่โดดเด่นด้วยโทนสีแดง-ขาว และเปิดไฟสว่างคลีนๆ เต็มไปด้วยเหล่าตัวละครป๊อบๆ ในเกมต่างๆ ของเค้า ไม่ว่าจะเป็น Super Mario, Splatoon, Animal Crossing, The Legend of Zelda, Kirby of the Stars, Splatoon, Fire emblem และ Pikmin ที่มีสินค้าให้เราเลือกซื้อมากกว่า 2,000 รายการ
สินค้าที่เค้าวางขายนั้น มีกันตั้งแต่ตุ๊กตาหลากหลายขนาด โมเดลของตัวการ์ตูนเกม และเหล่าฟิกเกอร์น่ารักๆ หรือจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ของตกแต่งปุ๊กปิ๊กก็มีวางขาย เยอะจนเลือกกันไม่ไหวเลยแหละ ซึ่งที่ก๊อตชอบเลย คือบริเวณใจกลางของสโตร์ เค้าจะมุมแท่นสำหรับวางสินค้าตามแต่ละเกมต่างๆ โดยตรงกลางของแท่นจะมีรูปปั้นคาแรกเตอร์หลักของเรื่องนั้นๆ ยืนเก็กท่าทางเหมือนในเกมตั้งอยู่ด้วย คือแค่ได้เดินเข้ามาดูใกล้ๆ ยังไม่ทันจะได้ซื้ออะไรกันจริงจัง แค่นี้ก็ใจฟูกันมากแล้ว และยิ่งได้เดินส่องของไปเรื่อยๆ นะ ก๊อตบอกเลยว่าแฟนๆ เกมจากนินเทนโดที่ใจไม่แข็งพอ เข้ามา นินเทนโด โอซาก้า (Nintendo Osaka) มีล้มละลายแน่นอน ก๊อตเตือนแล้วนะ 555555
ตึกอูเมดะ สกาย (Umeda Sky Building)
ใครที่เคยเห็นภาพของอุโมงค์บันไดเลื่อนที่ยาวม๊ากกๆ ของโอซาก้าแล้วล่ะก็ ไม่มีที่ไหนแล้วนอกจาก ตึกอูเมดะ สกาย (Umeda Sky Building) โดยที่นี่นอกจากจะป๊อบเรื่องอุโมงค์บันไดเลื่อนที่หลายคนชอบมาถ่ายรูปลงโซเชียลแล้ว เค้ายังมีจุดชมวิว Kuchu Teien Observatory ที่เราสามารถดูวิวสกายไลน์เมืองโอซาก้าได้สวยและเลอค่ามากๆ ด้วยวิวมุมสูง 360 องศาแบบที่ไม่มีอะไรมาบดบังวิวให้กวนใจ ใครที่เป็นสายดูวิวเมืองและได้มาเยือนโอซาก้า ก๊อตบอกเลยว่าห้ามพลาด
โดย ตึกอูเมดะ สกาย (Umeda Sky Building) เป็นอาคารที่สูงที่สุดอันดับที่ 19 ในโอซาก้า และเป็นอีกหนึ่งอาคารที่โ่ด่งดังมากที่สุดของเมือง ด้วยดีไซน์อาคาร 2 หลัง สูง 40 ชั้น หรือราวๆ 173 เมตร ออกแบบโดยฮิโรชิ ฮาระ (Hiroshi Hara) ที่เคยออกแบบสนามบินซัปโปโร ชิโตเซ (Sapporo Chitose Airport) มาแล้ว โดยตึกนี้นั้นถูกสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 ก่อนจะแล้วเสร็จจริงๆ ในปี ค.ศ. 1993 ตัวอาคารทั้งสองหลังนั้นถูกเชื่อมต่อกันจุดชมวิวที่เค้าสร้างพาดเชื่อมต่อระหว่างสองตึกเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีบันไดเลื่อนพาดผ่านอีกด้วย
สำหรับจุดที่เราจะขึ้นไปดูวิวสกายไลน์เมืองโอซาก้ากันนั้น เค้าจะอยู่ที่บริเวณจุดชมวิวชั้น 39, 40 และชั้นดาดฟ้า โดยวิธีการขึ้นไปเราจะต้องผ่านอุโมงค์บันไดเลื่อน ซึ่งเป็นมุมโคตรป๊อบในไอจีที่นักท่องเที่ยวเค้าชอบมาสแน็ปภาพยืนเก๋ๆ บนบันไดเลื่อนที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นสู่ตึกสูง โดยมีฉากหลังเป็นวิวเมืองด้านล่างของโอซาก้ากันแบบพรึ่บพรั่บ ใครที่ตั้งใจจะมาถ่ายแค่บันไดเลื่อนนั้นไม่ต้องซื้อตั๋วนา เราสามารถขึ้นมาถ่ายได้เลย แต่ถ้าใครจะขึ้นไปดูวิวบนจุดชมวิวด้วยนั้น เราจะต้องเสียเงินซื้อตั๋วเพิ่มเติมเพื่อเข้าไปยังจุดชมวิวนะ
คนที่อยากมาดื่มด่ำกับวิวสกายไลน์เมืองโอซาก้าแบบพาโนราม่า 360 องศา โดยไม่มีอะไรกีดขวางนั้น ก๊อตแนะนำให้เราเข้ามายัง จุดชมวิว Kuchu Teien Observatory ด้านในต่อได้เลย โดยเค้าจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ โซนแบบอินดอร์ภายในชั้น 39 และโซนแบบเอาท์ดอร์บริเวณบนชั้น 40 โดยก๊อตจะพาทุกคนค่อยๆ เดินไล่ดูไปทีละส่วนนา เริ่มจากโซนอินดอร์ชั้น 39 ที่กิ๊บเก๋ด้วยดีไซน์ของตึกที่มีช่องกระจกสี่เหลี่ยมใสๆ ให้เราได้มายืนมองออกไปดูวิวของเมืองโอซาก้าที่รายล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำโยโดะ (Yodo River) โดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีสดใส ซึ่งเมืองโอซาก้าเองถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่วิวสวยเอาเรื่องโคตรๆ
ส่วนใครที่ขึ้นมาถึงตรงนี้แล้วคอแห้งอยากหาเครื่องดื่มจิบเบาๆ ให้ชุ่มคอ ที่ชั้นนี้เค้ามีคาเฟ่น่ารักๆ ให้บริการอยู่ด้วย โดยเราสามารถไปสั่งเครื่องดื่มแล้วเอามานั่งดื่มตรงโต๊ะและเก้าอี้ที่เค้าจัดวางไว้ในบริเวณรอบๆ ได้เลย โดยวิวตรงนี้ก็สวยหลักล้านอยู่ เพราะเราสามารถนั่งกินกาแฟเข้มๆ สักแก้วท่ามกลางวิวเมืองโอซาก้า คือดีมากบอกเลย
สำหรับจุดชมวิวโซนที่ 2 เค้าจะอยู่บนชั้น 40 ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นเอาท์ดอร์ทั้งหมด โดยด้านบนเค้าจะมีจุดชมวิวที่ชื่อ The Floating Garden Observatory ให้เราได้มาดูวิวสกายไลน์เมืองแบบเต็มสายตาของจริงกันต่อ ซึ่งวิวตรงชั้น 39 ว่าปังแล้ววิวบนนี้มันสวยจึ้งกว่ามาก ด้วยความที่บนดาดฟ้าเค้าเป็นแบบโอเพ่นแอร์ เราก็จะได้เดินส่องวิวเคล้าคลอไปกับสายลมเย็นๆ มู้ดตอนนั้นเหมือนก๊อตได้ขึ้นมาดื่มด่ำไปกับผลงานศิลปะที่ประมูลมูลค่าไม่ได้เลยจริงๆ
⚡️ใครมาเที่ยวกับครอบครัว หรือมากับแฟน ก่อนเดินขึ้นไปถึงดาดฟ้าบนชั้น 40 อย่าลืมมองหาจุดคล้องแม่กุญแจบริเวณระเบียงที่ยื่นออกไปหาวิวเมืองโอซาก้าที่เค้าจัดไว้ด้วยนา โดยเราสามารถแวะซื้อแม่กุญแจที่ขายอยู่ตรงชั้น 39 ติดไม้ติดมือขึ้นมาด้วยได้ ทีนี้ก็เอามาเขียนชื่อใส่แล้วคล้องโลด เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมบนนี้ที่โรแมนติกมากๆ เลย
ใครอยากดูวิวมุมสูงของเมืองโอซาก้าแบบ 360 องศาโดยไม่มีอะไรมาบดบัง การได้ขึ้นมาดูวิวบนตึกอูเมดะ สกาย (Umeda Sky Building) ก๊อตบอกเลยว่ามันคอมพลีทที่สุดแล้ว เพราะนอกจากวิวสวยๆ ที่เราจะได้ดื่มด่ำกันจนหนำใจ รูทท็อปด้านบนของเค้าก็บรรยากาศดี แถมยังมีมุมอุโมงค์บันไดเลื่อนที่ถ่ายรูปสวยมากอยู่ด้วย เป็นอีกหนึ่งจุดที่เที่ยวในเมืองโอซาก้าที่ก๊อตอยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสกันจริงๆ
จบแล้วกับรีวิวพาเที่ยว ย่านอูเมดะ (Umeda) ของก๊อต นี่ยกให้เค้าเป็นอีกหนึ่งย่านที่น่าสนใจและช้อปปิ้งสนุกมาก เพราะเต็มไปด้วยห้างมากมาย ซึ่งบรรยากาศจะมีความแตกต่างจากถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street) ที่เน้นเดินเที่ยวไปตามถนนช้อปปิ้งมากกว่า โดย ย่านอูเมดะ (Umeda) นั้น เค้าไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่องช้อปปิ้งเท่านั้นนา แต่พวกร้านเกม ทั้ง Pokemon Center, Nintendo Osaka หรือ CAPCOM ต่างก็มีเป็นช็อปขนาดใหญ่ให้เราได้มาเลือกซื้อกันด้วย ดังนั้น ใครที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ หรือคอเกมทั้งหลาย หากมาเที่ยวโอซาก้าก๊อตแนะนำให้มาเที่ยวย่านนี้ด้วยเด้อ
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡