รีวิวเที่ยวซัปโปโร ฮอกไกโดหน้าหนาว「Hokkaido Winter Edition」 อันนี้ เป็นรีวิวพาร์ทแรกของมหากาพย์รีวิวฮอกไกโดหน้าหนาวทั้งหมด ต้องบอกก่อนว่าไปหลายเมืองมากเล้ย ดังนั้นรีวิวจะแยกเป็นหลายๆพาร์ทเพื่อคนที่เข้ามาอ่าน จะได้อ่านง่าย และไม่ยาวเกินไปสำหรับหนึ่งตอนเนาะ
แน่นอนว่าช่วงนี้กระแสฮอกไกโดมาแรงมากเลยแงะ นี่คิดว่าน่าจะพีคสุดจากหนังไทยชื่อดังของค่าย GDH “แฟนเดย์” ที่ได้มีการไปถ่ายทำหนังที่ฮอกไกโดในช่วงหน้าหนาว ทำให้คนตามรอยฮอกไกโดเยอะมว๊ากกกก แต่จริงๆแล้วผมไม่ใช่ได้แรงบันดาลใจมากจากหนังในการไปฮอกไกโดหรอกนะ แต่จริงๆผมอยากไปเทศกาลหิมะ Sapporo Snow Festival ชื่อดังที่นี่มากกว่า ทำให้เกิดการรีเสิร์ชที่เที่ยวในฮอกไกโดเกิดขึ้น แต่เจ้ากรรมคือการจองไฟล์ทของผมที่อิงเวลาคลาดเคลื่อนไปหน่อย สรุปเทศกาลหิมะดันหมดไปก่อนที่ผมจะไปถึงซัปโปโรสองวันแจ้ แม่มเอ้ย ..
ไม่เป็นไรหรอก ไว้ค่อยไปใหม่ก็ได้ งั้นเราวางแผน 11 วัน ไปรอบเกาะเลยแล้วกัน ซึ่งพื้นที่เกาะฮอกไกโดนั้นใหญ่เกือบๆเท่าภาคกลางของไทยเลย คิดว่าฮอกไกโดจะสวยแค่ไหน เริ่มต้นอ่านและตามรอยได้เล้ย! หู้วววว
รู้จักฮอกไกโด
ฮอกไกโด นั้นเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองและตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น สภาพอากาศและภูมิประเทศที่นี่จะแตกต่างจากส่วนอื่นของญี่ปุ่นค่อนข้างมากเลยทีเดียว อย่างหน้าหนาวก็จะหนาวติดลบ เมืองทั้งเมืองปกคลุมด้วยหิมะละเอียดเป็นบิงซู เค้าบอกว่าที่ฮอกไกโดเป็นสถานที่สำหรับเล่นสกีติดอันดับโลกเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นหน้าร้อน (ซึ่งก็ไม่ร้อนเท่าไหร่) ที่ฮอกไกโดก็จะปกคลุมด้วยดอกไม้หลากสีสัน ต้นไม้เขียวขจีแตกต่างจากฤดูหนาวอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนักท่องเที่ยวเค้าก็จะนิยมมาชมดอกไม้ ปีนเขา ขี่จักรยานกันนั่นเอง แหม.. น่ามาอีกรอบในหน้าร้อนจริงๆ
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือเรื่องของประวัติศาสตร์ของที่นี่ ฮอกไกโด ดั้งเดิมเป็นที่อยู่อาศัยของชาวไอนุ (Ainu) ที่มีรูปร่างหน้าตาแตกต่างจากคนญี่ปุ่นมาก อาศัยอยู่ในเกาะฮอกไกโดและรัสเซีย หลังจากนั้นคนญี่ปุ่นจริงๆจากเกาะใหญ่ฮอนชู เพิ่งจะเริ่มอพยพเข้ามาฮอกไกโดเมื่อไม่นาน ซึ่งรัฐบาล Meiji ของญี่ปุ่นนั้นเพิ่งเริ่มตั้ง Kaitakushi หรือคณะกรรมการเพื่อพัฒนาพื้นที่ฮอกไกโด เมื่อปี 1869 นับแล้ว เกือบๆ 150 ปีเท่านั้น!
วอร์มอัพด้วยวิดีโอทริปฮอกไกโดครั้งนี้ 🙂
ภาพรวมทริปฮอกไกโด 11 วัน 10 คืน
ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปโคตรอภิมหากาพย์ของปีเลยทีเดียว เพราะว่าไปเที่ยวตั้ง 11 วัน 10 คืน และมีความตั้งใจว่าจะเที่ยวรอบเกาะฮอกไกโดให้ได้ทั้งหมดเท่าที่จะทำได้เราจะเริ่มต้นทริปด้วยการบินจาก กรุงเทพ-นาริตะ ต่อเครื่องจาก นาริตะ-ชิโตเสะ (ซัปโปโร) และ เริ่มเที่ยวจากเมืองสู่เมืองทั้งหมด 7 เมือง คือ ซัปโปโร / โอตารุ / อาซาฮิกาวะ / บิเอะ / อะบาชิริ / คุชิโระ / ฮาโกดาเตะ จากนั้นจะนั่งรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นจาก ฮาโกดาเตะ เข้าสู่โตเกียวและบินกลับกรุงเทพ
รายละเอียดแพลนเที่ยวทั้งหมด ผมทำเป็นตารางไว้ให้เป็นไกด์ไลน์แล้ว หากใครต้องการดู สามารถคลิกที่นี่ หรือรูปด้านล่างแล้วโหลดตารางทริปใน Google Sheet ได้เลย สามารถ export เป็น Excel เพื่อแก้แพลนแล้วแต่ความชอบ หรือจะ export สำเร็จรูปเป็น PDF ก็ยังได้ เริ่ดมั้ยล่ะ นี่ทำเพื่อทุกคนนะเฟร้ย
รีวิว ซัปโปโร (Sapporo) คลิก
รีวิว โอตารุ (Otaru) คลิก
รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei) คลิก
รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro) คลิก
ตะลุยเมืองซัปโปโร เมืองหลวงฮอกไกโด
ซัปโปโรเป็นเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 5 ของญี่ปุ่น รองจากโตเกียว โยโกฮาม่า โอซากา และนาโกย่าตามลำดับ และแทบไม่น่าเชื่อว่าเมืองซัปโปโรนั้น พึ่งตั้งเป็นเมืองเมื่อปี ค.ศ. 1868 ไม่นานมานี้เอง ซัปโปโรเริ่มเป็นที่รู้จักแก่คนต่างชาติหลังจากที่นี่เป็นสถานที่จัดโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปี 1972 และในอนาคต ทางญี่ปุ่นแพลนว่าจะขยายเส้นชินคันเซ็นสายฮอกไกโด มาถึงซัปโปโรภายในปี 2030
จากข้อมูลเบื้องต้น คือเห็นได้ชัดเลยว่าเมืองซัปโปโร ยังเป็นเมืองที่อายุน้อยอยู่ ถ้าเทียบกับคนก็เหมือนกับวัยรุ่นที่พัฒนามาแล้วในระดับหนึ่ง และยังสามารถพัฒนาเติบโตต่อไปได้เพื่อให้พร้อมเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แบบเต็มภาคภูมิ (สาระเยอะมั้ยล่ะมึ้งงง ฮ่าๆๆ)
การเดินทางภายในซัปโปโร
การเดินทางภายในซัปโปโรนั้นไม่ลำบากเลย เพราะเมืองนี้ค่อนข้างเจริญในเรื่องของขนส่งมวลชน คือมีทั้งรถไฟใต้ดิน 3 สาย มีรถแทรม มีรถเมล์ ซึ่งเชื่อมต่อกันหมด ดังนั้นสบายจ้า ฮี่ฮี่ ทีนี้เรามีทิปในการเดินทางภายในเมืองซัปโปโรตามนี้
ทิป (1) หากเรามีความตั้งใจที่จะไปเที่ยวเมืองโอตารุ (Otaru) ด้วย แนะนำให้เราซื้อ Sapporo-Otaru Welcome Pass ราคา 1,700 เยน เราจะได้บัตรรถไฟฟ้ามาสองใบคือ บัตรรถไฟใต้ดินในเมืองซัปโปรที่ใช้ได้ไม่จำกัด 1 วัน กับบัตรรถไฟ JR ที่สามารถไปเมืองโอตารุได้ไม่จำกัดภายใน 1 วัน อ่านดีๆนะ .. เราสามารถใช้บัตรสองใบนี้แยกวันกันได้ ดังนั้นวันที่เที่ยวซัปโปโรให้ใช้บัตรรถไฟใต้ดิน ส่วนบัตรรถไฟไปโอตารุให้ใช้อีกวันที่ไปเที่ยวโอตารุเนาะหมดเขตแล้วจ้า ไม่มีขายแล้วเด้อ
ทิป (2) หากเราไม่ได้ใช้ Pass อะไร คือขึ้นแบบปกติ จ่ายตังเป็นรอบแล้วแต่การใช้ อ่านดีๆนะ .. ถ้าเราจำเป็นต้องต่อรถเมล์ ให้ซื้อตั๋วแบบ Transit คือ รถไฟ+รถเมล์ ซื้อได้จากที่ซื้อตั๋วรถไฟใต้ดิน หรือถ้าเราขึ้นรถเมล์ก่อน ซื้อได้จากคนขับรถเมล์เหมือนกัน เราจะประหยัดไปเที่ยวละ 100 กว่าเยนเล้ยย
ชมวิวบนภูเขาโมอิวะ (Mount Moiwa)
ที่แรกที่เราจะไปกันคือการไปดูวิวเมืองซัปโปโรตอนกลางคืนบนภูเขาโมอิวะที่สูง 531 เมตร จากระดับน้ำทะเล เราจะไม่เดินขึ้นไปนะแจ๊ะ เราจะขึ้นกระเช้าขึ้นไปสองต่อ การชมวิวกลางคืนของเมืองซัปโปโรที่นี่ถูกจัดอันดับเป็นที่ชมวิวกลางคืนที่สวยที่สุดติดอันดับของญี่ปุ่น เป็นรองแค่นางาซากิเท่านั้น ดังนั้น ไม่ผิดหวังแน่นอน ค่าเข้าชมของการขึ้นกระเช้าไปดูจุดชมวิวอยู่ที่ 1,700 เยน
! เค้าบอกว่า จุดชมวิวด้านบนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคู่รัก หากใครเอาแม่กุญแจที่เขียนชื่อตัวเองและแฟนของเราไปคล้องที่ราว จากนั้นสั่นระฆังบนนั้น ความรักของคนสองคนนี้จะมีความสุขและอยู่ด้วยกันตลอดไป (หูยย.. นี่เกาหลีหรือเปล่า)
ทิป:โหลดแอพ Sapporo Info แล้วโชว์หน้าแอพตอนซื้อตั๋ว ราคาขึ้นกระเช้าไปจุดชมวิวลดจาก 1,700 เยน เหลือ 1,500 เยน
จะบอกว่าจุดชมวิวข้างบนโคตรหนาว นี่ขึ้นไปอยู่บนนั้นไม่นานมากเท่าไหร่ คือมันเป็นจุดชมวิวที่เปิดโล่ง แล้วคือลมพัดแรงมาก ทนไม่ไหวจ้า .. สำหรับวิวเมืองซัปโปโรตอนกลางคืนนั้น สวยดีนา .. แต่คิดว่าสวยสู้ฮาโกดาเตะ อีกเมืองนึงไม่ได้ แฮ่
ที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด (Former Hokkaido Government Office Building)
ที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโดนั้นสร้างเมื่อปี 1888 ที่นี่แทบจะเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของซัปโปโรเลยทีเดียวแหละ ด้วยเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบอเมริกันนีโอบาร็อค เด่นด้วยก้อนอิฐแดงมากกว่า 2.5 ล้านก้อน และเป็นที่ทำการรัฐบาลฮอกไกโดมามากกว่า 80 ปี ก่อนที่จะย้ายไปตึกใหม่ ปัจจุบัน ตึกอิฐแดงแห่งนี้ถูกขึ้นเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
การเที่ยวที่นี่ จะเป็นฟีลเชิงพิพิธภัณฑ์ที่เราสามารถเข้าไปชมห้องทำงานรัฐบาลข้างใน รวมถึงศึกษาประวัติศาสตร์ของฮอกไกโดได้ด้วย ส่วนรอบๆตึกเราก็สามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้เช่นกัน สำหรับการเดินทางมา ให้มาลงสถานีซัปโปโร จากนั้นเดินออกมาทางใต้ประมาณ 5 นาที (เปิดกูเกิ้ลแมพแล้วเดินไปด้วยอ่ะ ง่ายสุดแกร)
สวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park)
สวนสาธารณะโอโดริในหน้าหนาวนั้น เป็นสถานที่ในการจัด Sapporo Snow Festival แต่.. แต่นี่มาไม่ทันช่วงเทศกาลไง โคตรเศร้า ถ้าไม่มีเทศกาลจัดอยู่ สวนโอโดริที่นี่แทบจะไม่มีอะไรเลยจ้าาาาา เพราะทุกอย่างขาวโพลนไปด้วยหิมะ ซึ่งเราอาจจะมาเดินเล่นถ่ายรูปชิลๆก็ได้ อันนี้ก็แล้วแต่คนจะมา แต่ตอนที่ผมไปนั้น สวนสาธารณะที่นี่ถือเป็นทางผ่านจาก ที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด ไปยัง Sapporo TV Tower แค่นั้นเอง งือ.. รีวิวได้สั้นจริงว่ะ ฮ่าๆๆ
หอคอยส่งสัญญาณโทรทัศน์ซัปโปโร (Sapporo TV Tower)
เมื่อเราเดินแถวใจกลางเมืองซัปโปโรแถวสวนสาธารณะโอโดริ นี่มั่นใจว่าทุกคนต้องสังเหตุเห็น หอคอยส่งสัญญาณโทรทัศน์ซัปโปโร หรือ Sapporo TV Tower อย่างแน่นอน เพราะเห็นชัดได้รอบด้านขนาดนั้น เค้าเลยติดนาฬิกาบอกเวลาไว้บนนั้นไง๊ แทบไม่ต้องยกแขนมาดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองเลย สำหรับการมา Sapporo TV Tower นั่นไม่ยากเลย แค่มาที่สถานีโอโดริ สายโทโฮ (Toho) หรือสายนันโบคุ (Nanboku) โผล่ขึ้นมาบนดินก็เห็นหอคอยล้าว
Sapporo TV Tower นั้นสร้างขึ้นเมื่อปี 1957 ความสูงหอคอยจากพื้นดินนั้นอยู่ที่ 147.2 เมตร แต่จุดหมายที่เราจะไปนั้นคือชั้นจุดชมวิว (Observation Deck) บนหอคอย ซึ่งสูงจากพื้นดินที่ 90.38 เมตร ระดับความสูงเท่ากับตึกสูง 30 ชั้น เมื่อขึ้นไปแล้วเราสามารถเห็นเมืองซัปโปโรได้โดยรอบแบบ 360 องศาเลยทีเดียว
หลังจากเราเดินมาถึงแล้ว เราจะเจอมาสคอตของ Sapporo TV Tower เต็มไปหมดเล้ย ลักษณะมันก็เหมือนเป็นหอคอยแหละ เค้าเรียกตัวนี้ว่า TV Dad (ทีวีแด๊ด) ภาษาไทยเค้าเรียกกันว่าโทรทัศน์คุณพ่อว่ะแกร คือนี่ก็ไม่รู้ว่าความหมายคือยังไง ทำไมต้องเรียกงี้ เค้าอาจจะแบบคิดว่ามาสคอตตัวนี้คือพ่อของทีวีในซัปโปโร เพราะว่าถ้าไม่มีหอคอยนี้ ทีวีก็ดูไม่ได้ไงจ๊าาาา หื้มมม ..
มาต่อ หอคอยด้านล่างจะเป็นร้านขายของที่ระลึกกับร้านขายไอติม ถ้าเราจะขึ้นไปดูวิวก็ขึ้นไปซื้อตั๋วที่ชั้นสามได้เลย สนนราคาที่ 72o เยน สำหรับผู้ใหญ่ จากนั้นจะมีพนักงานพาเราขึ้นไปยังหอคอยชั้นบนเพื่อดูวิวเมืองซัปโปโรแบบ 360 องศา ต้องบอกว่าค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว ตัวจุดชมวิวอาจจะไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับจุดชมวิวชื่อดังที่อื่น แต่เราว่าวิวที่นี่แม่งยูนิคไง ความญี่ปุ่นแบบซัปโปโรปกคลุมด้วยหิมะสีขาว หาชมที่อื่นไม่ได้ง่ายๆ ที่จะเห็นทั้งเมืองขาวโพลนแบบนี้
ทิป: (1) ตอนแรกที่มา Sapporo TV Tower ถ้าคิดจะซื้อไอติมกินที่ชั้น 1 อย่าพึ่งซื้อ เพราะเมื่อเราไปซื้อตั๋วขึ้นไปชม Observation Deck เค้าจะให้ส่วนลดไอติมมาด้วยแหละ
(2) ถ้าเราโหลดแอพ Sapporo Info ไว้ในมือถือ เราสามารถโชว์แอพแล้วได้ส่วนลดค่าขึ้นไปดูจุดชมวิว จาก 720 เยน เหลือ 570 เยน
พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum)
เราอาจจะคุ้นเคยชื่อซัปโปโรจากยี่ห้อเบียร์ Sapporo ใช่ป่ะ ถ้างั้นเรามาถึงซัปโปโรแล้ว ทำไมไม่ลิ้มลองเบียร์ Sapporo ที่มีต้นกำเนิดมาจากที่นี่กันล่ะ เห้ย.. มาซัปโปโรทั้งทีแนะนำให้มาพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Musuem) เพราะที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเบียร์แห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น และไม่ได้เป็นแค่พิพิธภัณฑ์เท่านั้น แต่เราสามารถลิ้มรสเบียร์ซัปโปโรแบบคราฟเบียร์คลาสสิกได้ที่ฮอกไกโดที่เดียวเท่านั้น!
การเข้าชมพิพิธภัณฑ์เบียร์นั้นสามารถเข้าชมได้ฟรี แต่ถ้าใครแบบอยากมีไกด์คอยแนะนำ ที่นี่ก็มีเช่นกัน แต่เสียตังค์และไกด์มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่เป็นไรน่าา .. เราเดินเองก็ได้ เพราะแต่ละจุดเค้าจะมีแผ่นภาษาอังกฤษอธิบายด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราสามารถเข้าใจได้แบบไม่ยาก
รูปแบบของการชมพิพิธภัณฑ์ก็จะเป็นแผงแต่ละจุดเรียงตามช่วงระยะเวลาตั้งแต่เริ่มตั้งโรงงานเบียร์ขึ้น จนถึงปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโฆษณาโปรโมท หรือการส่งออกเบียร์ไปขายทั่วโลก เมื่อเราดูและอ่านเรื่องราวเสร็จใช่ป่ะ เราจะรู้สึกอยากจะลิ้มลองเบียร์โดยทันที เมื่อเราลงมาชั้นล่างแล้ว เค้าจะมีโซนให้เราลองเบียร์อีกด้วย
เราสามารถซื้อ Sapporo Beer Tasting Set ได้ในราคา 600 เยน ประกอบด้วยสามรสชาติคือ Kaitakushi / Classic / Black Label
ตอนแรกเราจะต้องซื้อคูปองชิมเบียร์ก่อนจากตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ จากนั้นต้องเอาคูปองนี้มาให้สาวสวยตรงเคาท์เตอร์ สาวๆสองคนก็จะช่วยรินเบียร์ซัปโปโรให้เราชิมสามแบบ สามสไตล์
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
เบียร์ที่เค้าให้ชิมนั้นจะมีสามรสชาติเรียงจากขวาไปซ้าย คือ KAITAKUSHI BEER คือเบียร์ช่วงยุคเริ่มต้นตั้งแต่มีการทำเบียร์เกิดขึ้นในฮอกไกโดโดย Kaitakushi หรือทีมรัฐบาลที่บริหารเกาะฮอกไกโดนั่นแหละ สำหรับเบียร์รส CLASSIC นั้น เป็นเบียร์ Sapporo ที่มีขายเฉพาะในฮอกไกโดเท่านั้น ที่อื่นไม่มีนาจา และสุดท้ายเบียร์ BLACK LABEL คือเบียร์ Sapporo ยอดฮิตที่ขายทั่วไป นั่นแหละเนาะ
จากสกิลการชิมของผม ทั้งสามอันแทบจะไม่แตกต่างเท่าไหร่เลย แต่เบียร์เค้าจะออกเปรี้ยวๆอะ โอยย ไม่รู้แหะ 55555555
สนามแข่งขันสกีจัมพ์โอคุระยามะ + พิพิธภัณฑ์กีฬาฤดูหนาวซัปโปโร (Okurayama Jump Stadium + Sapporo Winter Museum)
บอกก่อนคือ Okurayama Jump Stadium กับ Sapporo Winter Museum นั้นอยู่ที่เดียวกัน แต่จุดมุ่งหมายของเราจริงๆคือการขึ้นไปนั่งกระเช้าลานสกีเพื่อไปดูวิวด้านบนภูเขาโอกุระนั่นเอง ราคาขึ้นนั่งกระเช้าสกีอยู่ที่ 500 เยน ส่วนพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นตัวแถม ต้องเสียค่าเข้าชมเช่นกัน คือ 600 เยน แต่วันที่ผมไปนั้นโชคดีเพราะอยู่ช่วงพิเศษไรซักอย่าง คือนี่เข้าฟรีว่ะแกร 555
การมาที่นี่อาจจะลำบากนิดนึง ถ้าเป็นคนไม่ออกกำลังกายก็อาจจะเหนื่อยหอบนิดหน่อย คือเราต้องมาลงสถานี Maruyama Koen แล้วออกประตู 2 เพื่อมายัง Bus Terminal จากนั้นเราต้องขึ้นรถ JR Bus สาย 12 มาลงป้าย Okurayama Kyogijo Iriguchi (สังเกตชื่อป้ายรถเมล์ๆตอนเราอยู่บนรถ) จากนั้นต้องเดินขึ้นเขาประมาณ 15 นาทีจ้าาา .. แต่มันไม่ได้ชันนะ สบายๆ ฮ่า
สนามแข่งขันสกีจัมพ์โอคุระยามะ (Okurayama Jump Stadium)
หลังจากถึง Okurayama Jump Stadium แล้ว ให้เดินขึ้นมาข้างบน ซื้อตั๋ว แล้วต่อคิวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดเล้ย ตอนขึ้นแรกๆ แม่มจะเสียวหน่อย แต่เราจะหันหน้าเข้าภูเขาไง .. ให้ลองเอี้ยวตัวหันหลังกลับไปมองวิวดิ โคตรเสียว แต่วิวดีมากกก เราจะเห็นเมืองซัปโปโรทั้งเมืองปกคลุมด้วยหิมะขาวๆประจันหน้า สวยมว๊ากกก!
ทิป:โหลดแอพ Sapporo Info ในมือถือ แค่โชว์หน้าแอพที่บอกว่ามีส่วนลดค่านั่งกระเช้า ลดไปเลยจาก 500 เยน เหลือ 450 เยน
Okurayama Jump Stadium นั้นเคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันการกระโดดสกี ในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1972 มาก่อน คือมันจะเป็นทางลาดที่โคตรชันมาก แล้วกระโดดจากยอดลงมานั้นแหละ ขนาดความสูงเท่ากับ 90 เมตร หรือเท่ากับความสูง 30 ชั้นเลยนะเว้ย โคตรสูงอ่ะ
เมื่อเราขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว บนนั้นจะเป็นจุดชมวิว โดยวิวเมืองซัปโปโรที่นี่โคตรจะแตกต่างจาก Sapporo TV Tower มาก ภาพข้างหน้าจะเป็นพาโนรามิกแบบหินภูเขาขนาบข้างและเป็นเมืองซัปโปโรอยู่ตรงกลาง ถือว่าคุ้มมากกับราคาขึ้นแค่ 500 เยน หรือ 150 กว่าบาทในการขึ้นมาดูวิวตรงนี้ แนะนำเลย
พิพิธภัณฑ์กีฬาฤดูหนาวซัปโปโร (Sapporo Winter Museum)
เมื่อเราลงมาจากจุดชมวิวด้านบนแล้ว ถ้าเราสนใจเกี่ยวกับกีฬาฤดูหนาวอย่างพวกสกี หรืออื่นๆอีก เราสามารถเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์ได้ด้วยแหละ สนนราคา 600 เยน แต่เราบอกไปแล้วว่าเราเข้าฟรี ฮ่าๆ ..
ด้านในก็จะมีแสดงเรื่องราวและอุปกรณ์เกี่ยวกับกีฬาฤดูหนาว อีกทั้งยังรวบรวมโมเมนต์ตอนที่ซัปโปโรได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปี 1972 แต่ทีเด็ดของที่นี่คือการเล่นเกม Simulator ต่างหาก แหม.. ญี่ปุ่นเป็นเจ้าพ่อเรื่องเกมอยู่แล้ว สนุกแน่นอน ที่นี่เค้าจำลองการเล่นกีฬา Ski Jump ที่เราต้องใส่รองเท้าสกีและลองกระโดดลงมาจากยอดเขา ดูโคตรสนุกเลย (ดูเค้าเล่นนะ นี่ไม่ได้เล่นว่ะ ตอนนั้นรีบมาก ฮือ) นอกจาก Ski Jump แล้ว ที่นี่ก็ยังมีเกมส์อย่างอื่นให้เล่นอีกมากมาย
ใครสนใจก็เข้ามาเล่นได้.. ไม่ผิดหวัง แต่ถ้าไม่มีเวลา จะผ่านไปก็ได้ (อ้าวว..)
ซูซูกิโนะ (Susukino) + ซุปแกงกะหรี่ชื่อดัง Soup Curry and Dining Sauge+
เค้าบอกกันว่าซูซูกิโนะ (Susukino) คือย่านที่เต็มไปด้วยแสงสี หากใครอยากมาเป็นผีเสื้อราตรีในซัปโปโร ที่นี่คือคำตอบเลยแจ้ ซูซูกิโนะคือย่านกลางคืนที่ใหญ่สุดในฮอกไกโดที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ ไนท์คลับ คาราโอเกะ มากกว่า 4,000 ร้าน (เยอะสึส) เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นย่านที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นย่านธุรกิจที่ให้บริการทางเพศ (Red-light district) แต่ปัจจุบันการค้าประเวณีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในญี่ปุ่นแล้วนะเฟร้ย ยังไงก็ตาม เค้าบอกกันว่าการขายบริการทางเพศแถวนี้ก็ยังมีอยู่ ซึ่งเราเดินๆ เราก็ไม่เห็นนะ ฮ่าๆ อาจจะไม่ใช่คนพื้นที่ไง เลยไม่สังเกต
(1) เค้าบอกว่าซูซูกิโนะ เป็นย่าน Red-light district ขนาดใหญ่ เป็นรองแค่ที่คาบูกิโจ ในโตเกียว
(2) สัญลักษณ์เด่นของซูซูกิโนะคือ ป้ายไฟ LED รูป The King of Blenders สัญลักษณ์ของบริษัท Nikka ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในญี่ปุ่น
พูดถึงเรื่องช็อปปิ้งในซัปโปโร
ที่อยากแนะนำก็คือย่านแถวสถานีรถไฟ JR Sapporo และอีกที่นึง ซูซูกิโนะเนี่ยแหละ เพราะที่นี่มีร้านเสื้อผ้าให้ช็อปอย่างพวก Fast Fashion เช่น Uniqlo, GU และ ZARA / ไฮแฟชั่น เช่น Gucci, LV และ Prada / ร้านรองเท้า ABC Mart หรืออย่าง Onitsuka ที่คนไทยฮิต และร้านค้าปลีกอย่างพวก Donki หรือ Matsumoto Kiyoushi ก็มีเช่นกัน .. แต่เอาจริง ถ้าอยากช็อปจริงจังคือไปแถว JR Sapporo ดีกว่า เพราะที่นั่นมีเยอะกว่า BIC Camera ก็มี อย่างห้าง Sapporo Stella Place มีพวกช็อปเสื้อผ้าเยอะกว่าซูซูกิโนะมากก
ซุปแกงกะหรี่ชื่อดัง Soup Curry and Dining Sauge+
บอกเลยว่าร้านนี้คือต้องมาลองซุปแกงกะหรี่ให้ได้ ร้าน Soup Curry & Dining Suage+ นั้นถูกจัดเป็นร้านอาหารอันดับ 1 จาก 8,000 กว่าร้านในซัปโปโรใน Tripadvisor เลยนะโฟร้ย ทุกรีวิวเค้าบอกว่ามันอร่อยมาก ยอดเยี่ยม ไปซัปโปโรคือต้องลอง และสุดท้ายคือต้องต่อคิวยาวเกือบชั่วโมง.. แล้วนี่คือเตรียมใจไว้แล้วว่ากูได้ยืนขาแข็งต่อคิวแน่ๆ แต่พอไปถึงหน้าร้าน โอ้โห่เหะ .. ไม่มีคิวเลยจ้า ตอนแรกคิดว่านี่มาผิดร้านหรือเปล่า มองป้ายร้านอีกที .. เออร้านนี้แหละ
! ร้าน Soup Curry & Dining Suage+ อยู่ชั้นสองนะแกร .. นี่เดินเข้าไป เดินเข้าร้านชั้นหนึ่งเลย แม่งหน้าแตกสิ
ขั้นตอนการสั่งก็คือสั่งชนิดเนื้อในแกงกะหรี่ก่อน > จากนั้นเลือกชนิดซุป > ความเผ็ด > ขนาดข้าว และท็อปปิ้ง ที่ผมสั่งก็คือ Crispy SHIRETOKO Chicken & Vegetables (เนื้อไก่) และ Charcoal-Grilled Lamb (เนื้อแกะ) เสิร์ฟพร้อมข้าวสไตล์ฮอกไกโดโปะหน้าชีส เหนียวนุ่มโคตรอร่อย แล้วนี่เพิ่มท็อปปิ้งข้าวด้วยการโปะชีส
รวมโดยซุปแกงกะหรี่โคตรอร่อย ประทับใจมากๆ เอาจริงๆคือผมพึ่งรู้จักซุปแกงกะหรี่ก็ตอนมาเที่ยวครั้งนี้แหละ ก่อนหน้านี้คือจะรู้จักแต่แกงกะหรี่อย่างเดียว ถือเป็นของใหม่ที่น่าประทับใจเลยทีเดียว บอกเลยว่า .. เดินฝ่าหิมะมาหนาวๆ เจอซุปร้อนๆเข้าไป นี่ฟินหิมะละลายไปเลยค่ะ
! ราคาซุปแกงกะหรี่นั้นตกอยู่ชามละ 1,150 เยน แถมข้าวให้ 1 จาน ถ้าโปะชีส เพิ่มเงิน 90 เยนแจ้
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลกหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡
> ส่วนลด Agoda.com (อโกด้า)> ส่วนลด Booking.com (บุคกิ้ง)> ส่วนลด Expedia (เอ็กซ์พีเดีย)> ส่วนลด Klook (คลุก)> ส่วนลด KKday ( เคเคเดย์)
ที่พักในซัปโปโร ฮอกไกโด
Vessel Inn Sapporo Nakajima Park
จุดเด่น:อาหารเช้าบุฟเฟต์เริ่ดมาก อาหารเช้าบุฟเฟต์ที่นี่ถูกจัดว่าดีที่สุดอันดับที่ 13 ของประเทศญี่ปุ่น โดย Tripadvisor
เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
ดูผ่าน Expedia.co.th // ดูผ่าน Booking.com // ดูผ่าน agoda.com //
ดูผ่าน Hotels.com // ดูผ่าน Trip.com
Vessel Inn Sapporo Nakajima Park ชื่อบอกอยู่แล้วว่าอยู่ตรงสวนสาธารณะ Nakajima ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Nakajima Koen แค่ 100 เมตร และห่างจาก Susukino ประมาณ 700 เมตร ซึ่งเราสามารถเดินไปเที่ยว Susukino ได้ง่ายๆเลย อีกทั้งยังใกล้รถแทรมสถานี Yamahanakujo เพียงแค่ 450 เมตรอีกด้วย เรียกได้ว่านอนตรงนี้ สะดวกทุกการเดินทางในซัปโปโรทุกรูปแบบเลยทีเดียวแหละ
ห้องพักที่ผมพักเป็นแบบ Small Double Room แบบ Smoking พื้นที่ห้องนั้นมีขนาดเล็กประมาณ 16 ตารางเมตร เล็กตามสไตล์โรงแรมญี่ปุ่น มีของใช้ให้ครบเลย ไม่ต้องห่วง ที่เด็ดสุดของที่นี่คือบุฟเฟต์อาหารเช้าที่เริ่ดและดีที่สุดของโรงแรมที่ได้ไปพักมาทั้งหมดของทริปฮอกไกโด ที่ดีงามมากคือข้าวที่เราสามารถหยิบตักอะไรก็ได้ตามใจลงบนชามข้าวของเราได้เอง ไม่ว่าจะเป็นแซลมอน ทูน่า ปลาหมึก กุ้งสด จะบอกว่าอร่อยเด็ด ประทับใจ แล้วรักมาก นอกจากนี้ ยังมีอย่างอื่นให้เลือกกินอีก ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่นอย่างซุปแกงกะหรี่ สลัดผัก ซุปข้าวโพด และอาหารตะวันตกพวกขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอกให้เลือกแบบจัดเต็ม โคตรดี ฮ่าา
UNIZO Inn Sapporo
จุดเด่น: อยู่ใจกลางเมืองใจกลางซัปโปโร ระหว่างสถานี Sapporo และ Odori ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง
ดูผ่าน Expedia.co.th // ดูผ่าน Booking.com // ดูผ่าน agoda.com //
ดูผ่าน Hotels.com // ดูผ่าน Trip.com
UNIZO Inn Sapporo อยู่ระหว่างสถานี Sapporo และสถานี Odori ดังนั้นถ้าเรามาจากสถานี Sapporo คือเราสามารถเดินทางเดินใต้ดินมาเรื่อยๆ แล้วออกประตูที่ 5 แล้วเดินมาอีก 50 เมตรก็ถึงแล้ว
ตึกและล็อบบี้การตกแต่งที่นี่จะขาวๆ คลีนๆ ส่วนห้องพักก็ไม่แย่นะ คืออุปกรณ์อื่นๆในห้องคือดีหมด ยกเว้นแต่เตียงดับเบิ้ลนั้นเล็กไปหน่อยสำหรับนอนสองคน และห้องก็ไม่ได้ใหญ่ จะกางกระเป๋าเดินทางบนพื้นก็แทบจะไม่มีที่ให้กางแล้วแจ้ ฮ่าๆ
ส่วนเรื่องอาหารบุฟเฟต์ตอนเช้านั้น เราจะต้องขึ้นมายังชั้นสอง เหมือนเค้าเอาร้านอาหารที่เปิดบริการปกติอยู่แล้ว มาแปลงเป็นที่ทานอาหารเช้าบุฟเฟต์ตอนเช้าสำหรับลูกค้าโรงแรม การตกแต่งมันดูฟีลน่าร๊าก การวางจัดเรียงอาหารดูน่ารักน่ากินดี ส่วนอาหารที่มีให้เลือกตักนั้นคือมีตัวเลือกให้เยอะอยู่ แต่ที่เด่นคือขนมปังที่มันดูดีกว่าโรงแรมอื่น ฟีลเหมือนแฮมเบอร์เกอร์ รสชาติก็ค่อนข้างโอเคเล้ย
ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่าง Vessel Inn Sapporo Nakajima Park กับ UNIZO Inn Sapporo .. ผมให้อันแรกชนะขาดลอยเลย ฮ่า (จากประสบการณ์และความชอบส่วนตัว)
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
9 comments
สอบถามหน่อยค่ะ ตอนนั้นนั่งเครื่องจาก NRT-CTS เท่าไรคะ
ประมาณ 1,500 บาท ไม่รวมโหลดครับ
เดินทางไปช่วงวันที่เท่าไหร่คะ
ใช้กล้องรุ่นอารายถ่ายครับ ภาพสวยมากคับ
สนน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ค่ะ เลขกลมๆ
50,000-60,000 จ้า
ไม่ทราบว่าใช้กล้องและเลนส์ตัวไหนในการถ่ายภาพค่ะ สวยมากค่ะ
ทริปซัปโปโร ใช้ Sony a5100 เลนส์ Sigma 19 2.8 + Sony 50 1.8 ครับผม 🙂
เขียนได้ดีมากเลยครับ มีรายละเอียดครบถ้วน แถมมี trick ให้ทุกที่ อยู่ญี่ปุ่นมา3 ปี ยังเที่ยวไม่ครบเท่ากับคุณเที่ยวเลย