หากพูดถึง หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) คนไทยหลายคนน่าจะรู้จักหรือคุ้นชื่อแน่ๆ เพราะช่วงไม่กี่ปีมานี้ คนไทยไปเที่ยวที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เยอะมากกกกก เยอะแบบเยอะจริงๆ และด้วยความที่ก๊อตได้ไปเที่ยวโอซาก้าทั้งที และตัวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ เราสามารถนั่งรถไฟไปเที่ยวได้อย่างไม่ลำบาก นี่ก็เลยถือโอกาสแวะเที่ยวด้วยเลย และที่เป๊ะเหมาะเจาะมากคือ ช่วงที่ก๊อตไปญี่ปุ่นดันมี เทศกาลงานไฟฤดูหนาวของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Winter Light-up) ที่ปีหนึ่งจะมีเปิดไฟอยู่ 6 วัน นี่ก็เลยรีบวางแพลนและจองด่วนๆ จนเที่ยวเสร็จกลับมาและกลายมาเป็นรีวิวนี้ที่ได้อ่าน เอาเป็นว่า หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) จะสวยสมคำร่ำรือขนาดไหน เรามาเที่ยวกันเลย!
ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ถือเป็นหนึ่งสถานที่ในญี่ปุ่นที่ UNESCO ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ในเรื่องของภูมิปัญญาการสร้างบ้านในแบบเฉพาะคนภูมิภาคนี้ที่นี่ เรียกว่า ‘Gasshō-zukuri (合掌造り)’ โดยเฉพาะหลังคาที่เค้าบอกว่า สามารถป้องกันหิมะและกักความอุ่นได้อย่างดี แถมมีพายุ บ้านและหลังคาก็ไม่สะเทือนอ่ะเออออ ทีนี้บ้านแบบโมเดิร์นในญี่ปุ่นไม่มีอะไรแบบนี้แล้ว เค้าจึงต้องอนุรักษ์บ้านในสไตล์นี้ให้ลูกหลานได้เห็นและชื่นชมกันนั่นเอง
เที่ยวหิมะด้วยรองเท้า GEOX NEBULA 4X4
ทริปญี่ปุ่นทริปนี้ มีเมืองอย่าง คานาซาวะ-ชิราคาวาโกะ-ทาคายามะ (Kanazawa-Shirakawago-Takayama) ที่เราต้องลุยหิมะด้วย ซึ่งก๊อตขอแนะนำให้หารองเท้าดีๆสำหรับใช้สวมใส่ในหิมะโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกันน้ำ พื้นรองเท้าต้องเกาะพื้นได้ดีทั้งการเดินบนหิมะและน้ำแข็งบนพื้น รวมถึงการระบายอากาศและการสวมใส่สบาย เพราะถ้าเราเลือกรองเท้าไม่ดีแล้วล่ะก็ ทริปจะพังมากกกกก น้ำซึมเข้ารองเท้า ลื่นไถลน้ำแข็ง เหม็นอับไปอีก เอ้อออ
ทริปนี้ เราเลยเลือกใส่รองเท้าบูทจากแบรนด์ GEOX รุ่น NEBULA 4X4 ABX MAN ความพิเศษของรองเท้าคู่นี้คือมีนวัตกรรมที่ทำให้รองเท้าหายใจได้ คือช่วยการระบายอากาศและความชื้นออกจากรองเท้า และสามารถกันน้ำเข้าได้แบบ 360 องศาแบบ 100% ตั้งแต่พื้นจนถึงข้อเท้า และรักษาอุณหภูมิภายในรองเท้าให้เหมาะสมด้วยเทคโนโลยี Amphibiox™ ที่มีเฉพาะ GEOX เท่านั้น คือดีมากก
หากใครยังไม่รู้จัก GEOX ละก็ นี่จะบอกว่าแบรนด์เค้าเป็นแบรนด์สัญชาติอิตาลีที่มีชื่อเสียงด้านรองเท้ามานานมาก จนตอนนี้ GEOX เค้ามีขายอยู่ทั่วโลกกว่า 110 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งตัวรองเท้าบูท GEOX NEBULA 4X4 ABX MAN สีน้ำตาลที่ก๊อตได้ใส่จริงในทริปนี้นั้น ค่อนข้างประทับใจมากทีเดียว น้ำหนักเบา ไม่รู้สึกหนักเท้าเหมือนรองเท้าลุยหิมะแบรนด์อื่น และที่สำคัญคือ กันน้ำดีเลิศมาก คือนี่รู้ได้เลยจากการที่ไปย่ำหิมะหนาๆในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ คือไม่มีน้ำเข้ามาเลย


ตอนหิมะละลายก็ยังกันน้ำได้ดี แถมเท้าเรายังรู้สึกอุ่นเพราะเค้ามีเทคโลยีกักเก็บความอุ่นด้านในอีกด้วย อีกทั้งรองเท้าเค้ายังระบายอากาศได้ดีอีกด้วยนะ เพราะนี่รู้สึกได้จากการที่เท้าเราไม่ได้ชื้น และไม่เหม็นอับตอนถอดออกมาเมื่อถึงห้อง ซึ่งรวมๆ คือชอบมากกก แถมบูทสีน้ำตาลยังถ่ายรูปแล้วดูสวยด้วย ต้องยอมกับรองเท้าเค้าจริงๆ คือดีย์!
หากใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GEOX NEBULA 4X4 ABX MAN สามารถดูได้ที่เว็บ GEOX เค้าเลย คลิก > http://bit.ly/GeoxNebulaTH และเราสามารถหาซื้อรองเท้า GEOX ได้ง่ายๆตามห้างสรรพสินค้าชื่อดัง รวมถึง GEOX X-STORE [CONCEPT STORES] ที่ Gaysorn Village, CentralWorld และ Terminal 21 Pattaya ด้วย ของที่ช็อปเค้าเยอะมากจริงๆ
ทริปญี่ปุ่น: โอซาก้า-เกียวโต-นารา-คานาซาวะ-ชิราคาวาโกะ-ทาคายามะ (Osaka-Kyoto-Nara-Kanazawa-Shirakawago-Takayama)
เห้ยยย ทริปนี้เป็นทริปญี่ปุ่นทริปที่ 4 ในชีวิตแหละ ซึ่งสามทริปหลังสุดท้ายคือไปทุกปีติดต่อกันเล้ย แล้วที่น่าแปลกใจคือ ก๊อตไปเที่ยวญี่ปุ่นทุกปีในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งนี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ฮ่าๆ สำหรับทริปญี่ปุ่นปี 2019 นั้น คืออยากกลับมาเที่ยวคันไซมาก โดยเฉพาะ โอซาก้า-เกียวโต-นารา (Osaka-Kyoto-Nara) เพราะครั้งแรกที่ได้ไปคือ 4-5 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ยังไม่ทำบล็อกเลยแกร๊ ไปครั้งนี้ก็เลยอยากไปเที่ยวอีกรอบ และมาทำรีวิวให้คนอ่านได้ตามรอยกันสนุกๆ
ส่วนอีกกลุ่มเมืองโฮคุริคุ (Hokuriku) อย่าง คานาซาวะ-ชิราคาวาโกะ-ทาคายามะ (Kanazawa-Shirakawago-Takayama) นี่ อยากไปเพราะหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago) นี่แหละ เห็นคนไทยฮิตกันไปเหลือเกิน นี่ก็เลยอยากไปบ้าง แถมไปทั้งที ก็เลยไปช่วงงานเปิดไฟที่หมู่บ้านพอดี โดยทั้งปี หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago) เค้าเปิดไฟแค่ 4-5 วันต่อปีในฤดูหนาวเท่านั้น เอ้อออออ เก๋มั้ยล่ะ เอาเป็นว่า .. ทริปนี้จะสวยและสนุกขนาดไหน ตามรอยกันมาเล้ยย
1. รีวิว โอซาก้า (Osaka) // กำลังเขียน
2. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
3. รีวิว เกียวโต (Kyoto) // กำลังเขียน
4. รีวิว นารา (Nara) // กำลังเขียน
5. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
6. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
7. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
JR Pass: Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass
สำหรับทริปนี้ ไม่ใช้พาสรถไฟนี่ไม่ได้เลยนาจา ซึ่งถ้าใครตามรอยรูทนี้ โอซาก้า-เกียวโต-นารา-คานาซาวะ-ชิราคาวาโกะ-ทาคายามะ (Osaka-Kyoto-Nara-Kanazawa-Shirakawago-Takayama) คงไม่มีพาสรถไฟอันไหนที่จะเหมาะเจาะได้เท่ากับ JR Pass: Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ที่เราสามารถใช้ได้เลยตั้งแต่ออกสนามบินมา ซึ่งจากแพลนทริปนี้ เราจะตรงดิ่งจากสนามบินคันไซไปเที่ยวเกียวโตก่อน จากนั้นค่อยลัดเลาะไปเรื่อยๆ โดยแวะเมืองคานาซาวะ-ชิราคาวาโกะ-ทาคายามะ แล้วย้อนกลับมายังโอซาก้าในวันสุดท้ายของพาสที่ยังใช้ได้อยู่นั่นเอง
เรื่องราคานั้น พาส JR Pass: Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass นี้ราคาจะอยู่ที่ 14,000 เยน (ราวๆ 4,200 บาท) ใช้ได้ 5 วันติดต่อกัน ซึ่งเราควรซื้อล่วงหน้าประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนเดินทาง เพื่อที่ใบ Exchange Order จะได้ส่งมาถึงมือเราที่ไทยก่อน จากนั้นนำไปนี้แลกเป็นตั๋วพาสฉบับจริงได้ที่ JR Ticket Office นั่นเอง
สำหรับแหล่งซื้อพาสนั้น ถ้านี่แนะนำ ก็คงเป็น KLOOK อีกตามเคย เพราะซื้อง่าย จ่ายสะดวก ทุกอย่างทำได้หมดผ่านแอพของ KLOOK เอง ใครสนใจอยากดูรายละเอียด รวมถึงราคาปัจจุบันของพาสนี้ผ่าน คลิกซื้อ / ดูราคา > JR Pass: Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ได้ที่นี่เล้ย // ปล. อย่าลืมดูส่วนลด KLOOK ด้วย ลดจุกๆ แต่ละเดือนเลยจ้า คลิกดูส่วนลด KLOOK
เทศกาลงานไฟฤดูหนาวชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Winter Light-up)
เทศกาลงานไฟฤดูหนาวชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Winter Light-up) นั้นจะมีอยู่ 6 วัน ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งวันที่เค้าจะจัดนั้นก็ต้องมาลุ้นกันว่าเค้าจะงานกันวันที่เท่าไหร่บ้าง โดยปี 2019 นั้น หลักๆจะมีวันอาทิตย์ซะเยอะ และวันจันทร์นั่นเอง ทีนี้.. ใครจะไปปีหน้าต้องรอฟังประกาศจากเว็บการท่องเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะนะก๊ะ
สิ่งที่ลุ้นของการไปดูงานไฟชิราคาวาโกะนั้น คือการกดบัตรเข้างาน (อย่างกับงานกดบัตรคอนเสิร์ต 55555) ซึ่งนี่บอกก่อนว่าเค้าจะไม่ให้เข้า-ออกฟรีๆ อยากไปก็ไปเหมือนวันทั่วๆไป อย่างนี้ไม่ได้นะแจ๊ะเพื่อน เพื่อนต้องกดซื้อบัตรจอดรถ (ถ้าขับรถมา) ซื้อทัวร์ หรือแม้แต่จองรถบัสกันยาวๆ และที่ยากสุดคือบัตรขึ้นไปดูวิวหมู่บ้านชิราคาวาโกะด้านบน ที่หมดรวดเดียวแบบเร็วๆ
เป็นเวรกรรมของตัวเองมาก ก๊อตจองไม่ทันจ้า 5555555555 // อดขึ้นโว้ย // ซึ่งนี่ขอบอกก่อนว่า ที่นี่ไม่ได้มีแต่คนไทยที่ไปเที่ยว นี่คือจุดหมายมุ่งหมายของคนทั้งโลกที่ต้องการอยากไปโดยเฉพาะคนจีนและเกาหลี ดังนั้น เมื่อเราได้ยินข่าวว่า เทศกาลงานไฟฤดูหนาวชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Winter Light-up) นั้น เปิดให้จองตั้งแต่เมื่อไหร่ แนะนำให้รีบตัดสินใจจองเลย ถ้าเราจะไปแน่ๆงี้
กำหนดการเทศกาลงานไฟมันจะมาจาก เว็บการท่องเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Tourist Association Shirakawa-go) > https://shirakawa-go.gr.jp/en/ ช่วงประมาณ ต้นเดือนสิงหาคม
ล่าสุดงานไฟ Shirakawa-go Light Up Event ปี 2020 ประกาศวันแล้ว คือมีวันที่ 13, 19, 26 ในเดือนมกราคม และวันที่ 2, 9, 16 ในเดือนกุมภาพันธ์ เข้าไปกรอกฟอร์มขอรับการแจ้งข่าวก่อนใครได้ในเว็บ Official ของเค้าได้เลย > https://shirakawa-go.gr.jp/en/events/lighup-2020/
เราจะจองแบบนอนค้างคืนที่หมู่บ้านก็ได้ จองทัวร์ จองรถบัส หรือจองแค่ที่จอดรถ + บัตร Observation Deck ที่ขึ้นไปดูวิว อันนี้ต้องวางแพลนกันเองว่าแต่ละคนจะไปเที่ยวชมแบบไหน และเนื่องจากก๊อตจองช้าโคตรๆ คือก๊อตจองตอนเดือนมกราคมก่อนหน้าจะไปเที่ยวเดือนกว่าๆ ซึ่งชาวบ้านเค้าจองกันตั้งแต่สิงหาคมปีที่ผ่านมา 5555555555555 // มันก็เลยเหลือแต่บัตรจอดรถอย่างเดียว จนตรอกเหลือตัวเลือกสุดท้ายที่สามารถไปดูเทศกาลงานไฟฤดูหนาวชิราคาวาโกะ ได้ก็คือ ต้องเช่ารถและขับรถไปเองเด้อ
โดยแพลนก๊อตนั้นคือ เราจะมาตั้งหลักกันที่เมืองทาคายาม่า (Takayama) แต่เช้า จากนั้นรีบฝากกระเป๋ากับโรงแรม แล้วรีบเดินไปเอารถเช่าที่จองไว้ ซึ่งตรงข้ามสถานีรถไฟทาคายาม่า (JR Takayama Station) นั่น จะมีร้านรถเช่า TOYOTA Car Rental อยู่ ซึ่งสะดวก และดีมาก อันนี้แนะนำเลย จากนั้นเราก็ขับรถไปเที่ยวหมู่ชิราคาวาโกะ กลับมาเมืองทาคายาม่าตอนกลางคืนและนอนที่เมืองนี้ และวันถัดไปเราก็เที่ยวเมืองทาคายาม่าชิลๆก่อนกลับโอซาก้านั่นเอง ยังไงลองดูภาพตารางแพลนด้านบนประกอบไปด้วยนะ
เอาล่ะ ไปเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะกันน!
หลังจากขับรถถึง หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ในวันเทศกาลงานไฟนั้นจะมีเจ้าหน้าโบกมือต้อนรับตั้งแต่หน้าทางเข้า แล้วโบกให้เราไปจอดรถด้านบนเขาใกล้ ซึ่งก่อนที่เราจะเข้าลานจอดรถได้นั้น เราต้องแสดงบัตรจอดรถที่เป็น QR Code แสดงแก่พี่เจ้าหน้าที่ก่อน จากนั้นจอดรถเสร็จ เค้าจะมีรถบัสบริการจากที่จอดรถไฟยังหมู่บ้านชิราคาวาโกะฟรี โดยก่อนที่เราจะได้ขึ้นรถบัสนั้น เค้าก็ขอตรวจบัตรอีกรอบนึงและแจกแผนที่ให้ด้วย เอ้อออ นี่บอกเลยว่าเค้าค่อนข้างตรวจเข้มมาก ซึ่งแลกมากับความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งดีมากๆเลยตรงนี้ จากนั้นประมาณ 5 นาทีที่รถบัสถึงหน้าหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) นี่ถึงกับร้องกรี๊ดกับความคนเยอะ (คนไทยก็เยอะ) และนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของการเที่ยวหมู่บ้านมรดกโลกชื่อดัง ที่คนไทยไปเยอะมากกก ฮ่า
ในรีวิวจะบางช่วงที่โพสภาพทั้งตอนกลางวันและกลางคืนพร้อมกันเลย อย่างงเด้อ เพราะอย่างที่บอก ทริปเที่ยว หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) อันนี้ คือไปตั้งแต่บ่ายๆ เดินวนหนึ่งรอบแล้วตอนกลางคืนนี่เดินซ้ำอีกรอบเหมือนเดิมเพื่อดูเทศกาลงานไฟนาจา แฮ่
สำหรับการเที่ยว หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ของก๊อตจะเน้นเดินเที่ยวชมหมู่บ้านด้านนอก และไม่ได้เดินเข้าตัวบ้านที่เป็นพิพิธภัณฑ์เลย ซึ่งแพลนนั้นจะเดินวนด้านขวาเป็นวงกลมและกลับมายังจุดเดิม จากนั้นก็เดินอีกรอบวนๆ ในตอนกลางคืนเพื่อชมไฟที่เค้าเปิดในหมู่บ้านเนอะ และอย่างที่บอกไป ทริปนี้จะไม่ได้ขึ้นไป Observation Deck เพื่อดูวิว หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ด้านบน เพราะซื้อตั๋วไม่ทัน ดังนั้น นี่ก็เลยเดินอยู่แต่ด้านล่างเน้อ // ส่วนตัวนี่ร้องไห้มาก และโคตรเสียดายยยยยยยยยยยย ที่ไม่ได้ขึ้นไปดูวิวด้านบน งื้อ
ด้วยความที่เรามาเที่ยวในงานเทศกาลไฟประจำปีแบบนี้ นี่เห็นตากล้องมืออาชีพคนญี่ปุ่นมางานนี้เยอะม๊ากก และตากล้องเค้าจะรวมกลุ่มกันตั้งขาตั้งกล้องเพื่อถ่ายรูปตามจุดพีคต่างๆ ซึ่งนี่จะมาร์คจุดในแผนที่ให้ ว่าส่วนไหนถ่ายรูปแล้วสวยบ้าง รวมถึงรูทการเดินเป็นวงกลม แนะนำให้ดูตามรูปแผนที่ด้านล่างนี้เลย

โซนด้านขวาสุดของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ
หลังจากเดินข้ามสะพานแขวน แล้วเดินตรงมานิดหน่อย เราจะมาถึงสี่แยกใหญ่ของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ นี่เลยขอเดินเลี้ยวขวาก่อน เพราะทางนี้ไกลพอสมควรแบบไป-กลับ (มันไม่ใช่เป็นเส้นถนนที่สามารถเดินเป็นวงกลมได้งี้) ซึ่งเราก็จะเดินร้านรวงต่างๆ ศาลเจ้าชิราคาวะ ฮะจิมัน (Shirakawa Hachiman Shrine) และจุดถ่ายรูปที่คนส่วนญี่ปุ่นส่วนมากชอบมาถ่ายรูปกันคือ บ้านน้อยสามหลัง ()
ศาลเจ้าชิราคาวะ ฮะจิมัน (Shirakawa Hachiman Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งเดียวในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ที่มีหอผลิตสาเกขาวขุ่นที่เรียกว่า ‘โดบุโรคุ (Doburoku)’ โดยหมักจากข้าวที่ปลูกในหมู่บ้านนี่แหละ รวมยังมีเทศกาลของสาเกชนิดนี้ที่จัดขึ้นทุกปีช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมอีกด้วย ใครอยากลองสาเกที่ชิราคาวาโกะ ต้องลองตัวนี้นาจา ถือเป็นของขึ้นชื่อเลย




บ้านน้อยสามหลัง (The Three Little Houses) นี่จะอยู่สุดทางขวาของหมู่บ้านชิราคาวาโกะเลย เป็นอีกหนึ่งจุดฮิตที่ก๊อตเห็นช่างภาพมาตั้งกล้องถ่ายรูปกัน ฮ่า
โซนตรงกลางของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ
โซนนี้คนจะเยอะมากกก เพราะร้านขายขนม ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกเยอะ อีกทั้งยังมี วัดเมียวเซ็นจิ (Myozenji Temple) และบ้านแบบกัซโซ (Gassho) ที่สำคัญอีกหลังของหมู่บ้านนั่นคือ บ้านคันดะเกะ (Kanda-ke House) นั่นเอง ตรงนี้น่ะ เสมือนศูนย์กลางของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้ เพราะมีลานกว้างด้วย คนก็เลยเยอะ ทั้งจับกลุ่มเล่นหิมะรวมทั้งยืนกินขนมกัน ที่เก๋และโคตรสวยคือ ตรงนี้มีน้ำแข็งแกะสลักและต้นไม้ที่โดนน้ำแข็งเขมือบไปแล้วเพราะความหนาว บอกเลยว่าของจริงสวยมากกกกกก
วัดเมียวเซ็นจิ (Myozenji Temple) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1748 ออกแบบและสร้างขึ้นโดยชาวบ้าน แน่นอนว่าหลังคาของวัดก็เป็นสไตล์กัซโซ (Gassho) เช่นกัน จุดถ่ายรูปยอดฮิตของช่างภาพไม่ใช่หน้าวัดนะ เค้าจะเข้าไปในซอยด้านข้างๆ เพื่อถ่ายด้านข้างกัน ฮ่าๆ
บ้านคันดะเกะ (Kanda-ke House) บ้านอายุเก่าแก่มากกว่า 160 ปี ที่ใช้เป็นโรงบ่มเหล้าในสมัยปลายยุคเอโดะ บ้านหลังนี้เค้าบอกว่าเป็นบ้านตัวอย่างสไตล์หลังกัซโช (Gassho) ที่แข็งแกร่งมากถึงขนาดที่ว่า พายุไต้ฝุ่นไม่สามารถทำให้บ้านหลังนี้สั่นสะเทือนได้อ่ะ (ไม่รู้จริงมั้ย 555) บ้านหลังนี้แนะนำให้ถ่ายรูปมุมสูง แล้วเราจะเห็นเป็นบ้านสามหลังติดกันสวยๆ
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
โซนซ้ายของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ
โซนนี้จะอยู่ทางซ้ายสุดของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ที่ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่ จะมีก็แต่บ้านที่สำคัญนั่นคือ บ้านวาดะเกะ (Wada-ke House) แค่นั้นเอ๊ง
บ้านทานาคายะ (Tanakaya House) บ้านนี้คนถ่ายรูปเยอะเพราะนาข้าวด้านหน้าบ้านนั้นน้ำขัง แล้วมันสะท้อนกับตัวบ้านพอดี ถ่ายรูปออกมาเลยเก๋ไม่เหมือนหลังไหน 555555


บ้านวาดะเกะ (Wada-ke House) บ้านหลังเดียวที่ได้ถูกเลือกให้เป็นทรัพย์สินสำคัญทางวัฒนธรรมของชิราคาวาโกะ และเป็นบ้านที่มีหลังแบบกัซโช (Gassho) ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านแล้ว
ใครดู บ้านวาดะเกะ (Wada-ke House) แล้วลองมาสนใจฝั่งตรงข้ามบ้าง จริงๆตรงนี้มันเป็นนาข้าว แต่พอเป็นหน้าหนาวนี่ หิมะคลุมหนาจะเป็นลานหิมะโล่งๆเลย ตรงนี้คนมาปั้นตุ๊กตาหิมะเยอะมากกก และน่ารักมากด้วย


พอจบตรง บ้านวาดะเกะ (Wada-ke House) ก็มืดพอดี และแล้วก็เดินวนซ้ำรอบสองทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเป็นแบบตอนกลางคืนที่เปิดไฟ คนเยอะมาก แต่ก็สวยอยู่ ส่วนตัวแล้วชอบช่วงแสงกำลังจะมืด อันนั้นอ่ะดีย์ 55555
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วประมาณ 29 เมืองแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
1. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
2. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
3. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
4. รีวิว นารา (Nara)
5. รีวิว โกเบ (Kobe)
6. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
7. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน .
8. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน .
9. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน .
——————————————
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
10. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
11. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
12. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
——————————————
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
13. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
14. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
15. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
16. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
17. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
18. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
——————————————
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
19. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
——————————————
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
20. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
21. รีวิว โอตารุ (Otaru)
22. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
23. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
24. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
——————————————
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
25. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
26. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
27. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
——————————————
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
28. แนะนำโรงแรมในโตเกียว (Tokyo)
29. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking, Hotels.com และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook ปี 2022
※ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลกหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡
> ส่วนลด Agoda.com (อโกด้า) > ส่วนลด Booking.com (บุคกิ้ง) > ส่วนลด Expedia (เอ็กซ์พีเดีย) > ส่วนลด Hotels.com (โฮเทลส์) > ส่วนลด Klook (คลุก) > ส่วนลด LAZADA (ลาซาด้า) > ส่วนลด Shopee (ช้อปปี้)
ติดตาม Hashcorner ผ่าน Facebook Page
หรือเข้ากรุ๊ป เที่ยวต่างประเทศ คลิกด้านล่างได้เลย 💙
สำหรับใครที่อยากติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของก๊อตผ่าน Facebook Page ล่ะก็ สามารถเข้าไปกดติดตาม Hashcorner Facebook Page ได้เลย หรือถ้าอยากจอยกรุ๊ปสำหรับคนชอบเที่ยวต่างประเทศล่ะก็ แนะนำเข้ากรุ๊ป "เที่ยวต่างประเทศ Hashcorner" ได้ด้วย ในกรุ๊ปนั้นจะมีคนที่ชอบเที่ยวต่างประเทศเหมือนๆ กัน เข้ามาแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับการเที่ยวของแต่ละคนนั้นเองเนอะ
4 comments
รบกวนสอบถามค่ะ ถ้า light up จัดวันที่ 13 ม.ค. แต่เราไป 14 ม.ค. เค้ากำหนดไหมคะว่าต้องออกจากหมู่บ้านกี่โมง แล้วต้องจองที่จอดรถไหมคะ
จะไปงาน Shirakawago Light Up วันที่ 26 มกราคม 2020 นี้ แต่ดันเกิดซื้อตั๋วเกินมา เป็นบัตรจอดรถ 4,000¥ และตั๋วObservation peak 1,000¥ 2 ใบ มันเป็นไปได้มั๊ยคะ ที่จะขายต่อ เพราะในappมันช่วยขายต่อให้ได้ แต่ต้องโอนเข้าบัญชีที่ญี่ปุ่น ซึ่งเราไม่มี มีคำแนะนำมั๊ยคะ
ขายยังไงคะขอเบอร์ ไลน์ติดต่อได้ไหมคะ
หรือรบกวน add line id : ggloyyii ก็ได้ค่ะ