ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) ใครที่อยากเที่ยวดื่มด่ำไปกับต้นไม้ สายน้ำ และแสงแดดกันแบบฉ่ำใจให้ยกมือขึ้น แล้วหยุดอ่านรีวิวนี้ให้จบเพราะก๊อตจะพาทุกคนไปเที่ยวชมความงามของ ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) ชายฝั่งที่เลื่องลือกันในเรื่องของเส้นทางเดินเทรลและธรรมชาติที่อลังเว่อร์ ซึ่งรีวิวนี้ก๊อตจัดเต็มพาทุกคนไปชมความงามกันตั้งแต่ น้ำตกทาจิมะ (Tajima Falls) น้ำตกขนาดย่อมๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ริมโขดหินท่ามกลางต้นไม้สุดร่มรื่น หรือจะเป็นแหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki) แหลมขนาดใหญ่ที่เป็นแนวหินยื่นออกสู่มหาสมุทร โดดเด่นด้วยธรณีวิทยาที่แปลกตาแต่ทว่างดงามไม่แพ้ใคร และปิดท้ายกันด้วยมุมฮิตอย่าง สะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge) ชื่อดัง ที่เป็นฉากในเอ็มวีวงเกิร์ลกรุ๊ปสุดป็อปของญี่ปุ่น จนผู้คนแห่แหนมาเที่ยวชมไม่ขาดสาย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแค่น้ำจิ้มเรียกน้ำย่อยเท่านั้นนา ในรีวิวนี้เรายังไปกันอีกหลายจุดเลย แต่ขอก๊อตโม้ก่อนว่าทุกที่นั้นสวยจึ้งมากแกร คือต้องอ่านรีวิวนี้จนจบ ห้ามเลื่อนผ่านเด็ดขาด!
รู้จักกับชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast)
ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) แนวชายฝั่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อิซึโคเก็น (Izu Kogen Area) อยู่ห่างจากใจกลางเมืองเมืองอิโตะ (Ito) ไปทางใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร โดยเค้าเป็นพื้นที่ทอดยาวเลียบชายฝั่งระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร ที่ขึ้นชื่อเรื่องเส้นทางเดินเทรลและเส้นทางศึกษาธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นแนวชายฝั่งที่เงียบสงบ เต็มไปด้วยทิวทัศน์ของหน้าผาและแนวหินที่งดงาม
ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟโอมูโระ (Mount Omuro) เมื่อประมาณ 4,000 ปีก่อน โดยลาวาที่ปะทุออกมาจากปากปล่องของภูเขาไฟนั้นได้ไหลลงมาที่อ่าวซางามิ (Sagami Bay) เกิดเป็นชายฝั่งที่เรียกว่า ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) มาจนถึงปัจจุบัน โดยตลอดเส้นทางของชายฝั่งนั้นเต็มไปด้วยเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และสถานที่เที่ยวหลายแห่งที่ก๊อตจะค่อยๆ พาทุกคนเที่ยวกันไปแต่ละจุด ได้แก่ น้ำตกทาจิมะ (Tajima Falls) / โอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) / สะพานแขวนฮาชิดาเตะ (Hashidate Suspension Bridge) / แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki): ประภาคารคาโดวากิ (Kadowaki Lighthouse) และ สะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge) ถ้าพร้อมแล้วเลื่อนอ่านรีวิวเต็มโลด
ที่เที่ยวในชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast)
วิธีการเดินทางมาที่ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast)
รถไฟ: วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟ โดยป้ายรถไฟที่ใกล้กับ ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) มากที่สุดคือ สถานี Jogasaki Kaigan ซึ่งสามารถเดินทางมาตามนี้ได้เลย
- โดยรถไฟ:
- สถานี Jogasaki Kaigan: หากใครมาจากโตเกียวให้ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งมาลงที่สถานีอตามิ (Atami Station) แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Jogasaki Kaigan จากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ 25 นาที
- 🎫 ดูและจองตั๋วรถไฟในญี่ปุ่นทุกเส้นทาง ผ่าน Klook
เริ่มเที่ยว ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast)
น้ำตกทาจิมะ (Tajima Falls)
สำหรับ น้ำตกทาจิมะ (Tajima Falls) หากใครกลัวหลงทางให้ลองปักหมุดมาที่ลานจอดรถฟรี Hashidate Tourist Parking Lot แล้วค่อยเดินเข้าไปยังน้ำตกกันต่อ โดยระหว่างทางเดินก็ไม่น่าเบื่อเพราะตลอดทางมีลำธารใสแจ๋วพร้อมกับเสียงของน้ำไหล ท่ามกลางต้นไม้เขียวๆ ซึ่งพอเดินแล้วชิลมาก เดินแป๊บๆ ก็มาถึงตรงปลายทางซึ่งเป็นทางแยกซ้ายขวาให้เราได้เลือกเดิน ซึ่งก๊อตจะเลือกเดินมาทางซ้ายก่อน
ต้องบอกก่อนว่าตรง น้ำตกทาจิมะ (Tajima Falls) นั้น เค้าจะมีแพลตฟอร์มขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งหลักๆ ของจุดชมวิวนี้คือการที่เราสามารถมองเห็นวิวแนวชั้นหินสีเทาเข้มบริเวณโอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นเอง ส่วน น้ำตกทาจิมะ (Tajima Falls) นั้น จะอยู่บริเวณข้างๆ ของจุดชมวิว โดยน้องเป็นน้ำตกขนาดเล็กที่ไหลมาจากลำธารที่เราเดินเลียบมาซักครู่ แล้วไหลลงสู่มหาสมุทรเบื้องล่าง ซึ่งวิวของน้ำตกจริงๆ ที่เราจะเห็นนั้น เราต้องเดินไปตรงข้ามเพื่อมองกลับมาแทนนั่นเอง 555555
วิวโดยรวมของ น้ำตกทาจิมะ (Tajima Falls) นั้น ค่อนข้างร่มรื่นเย็นสบาย แม้ว่าตัวน้ำตกเค้าจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการมีสายน้ำไหลกันฟู่ฟ่า แต่ก็ยังเป็นน้ำตกที่อยู่ท่ามกลางวิวสวยๆ จนไม่เสียดายเวลาที่เราเดินเข้ามาสำรวจกันเลย ยังไงนี่ก็แนะนำให้มาดูกันนา มันเป็นอีกจุดหนึ่งที่มาเที่ยวชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) แล้วต้องเดินเข้ามาเด้อ
โอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo)
ใครที่ถ่ายรูปกับน้ำตกจนหนำใจแล้ว อยากจะเห็นบริเวณ โอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) แบบใกล้ๆ กันสักแมท ให้เดินย้อนจากน้ำตกทาจิมะ (Tajima Falls) กลับมายังทางแยกเดิมแล้วไปอีกทางหนึ่ง หากต้องการลงไปสัมผัสยังชั้นแนวหิน โอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) แบบใกล้ชิดเราจะต้องเดินลงไปยังแนวชายฝั่งด้านล่าง โดยต้องมีการปีนป่ายและออกกำลังกันเล็กน้อย เนื่องจากเราต้องค่อยๆ เดินไต่ลงไปตามแนวโขดหินเพื่อลงไปด้านล่างนั่นเอง ซึ่งทางลงนั้นจะอยู่ก่อนถึง สะพานแขวนฮาชิดาเตะ (Hashidate Suspension Bridge) นะ
โอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) เค้าเกิดจากปรากฏการณ์เสาหินเหลี่ยม (Columnar Joint) หนึ่งในรูปแบบของโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่เกิดการปะทุของภูเขาไฟโอมูโระ (Mt. Omuro) เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่แล้ว ซึ่งลาวาได้ปะทุออกมาก่อนจะค่อยๆ เย็นตัวลงจนกลายเสาหินที่สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 3 คนต่อหนึ่งเสาเลย ซึ่งที่ โอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) มีลักษณะเป็นแนวเสาหินที่ก่อตัวกันจนเป็นเหมือนสระน้ำตามธรรมชาติ สวยเก๋แปลกตาตรงที่เค้าเป็นแนวโขดหินสีดำหน้าตาเป็นบล็อกๆ เหมือนกล่องใส่ของที่ถูกนำมาวางทับถมกันจนสูงขึ้นมาจากระดับน้ำนั่นเอง
โดยวิวของ โอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) ที่ก๊อตกำลังยืนมองดูอยู่นั้น ภาพเบื้องหน้าคือ วิวของแนวชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) ที่เรียงรายกันเป็นแนวยาวด้วยชั้นหินสีเทาเข้มตัดกลับต้นไม้สีเขียวๆ โอบล้อมเอาไว้ด้วยผืนน้ำสีฟ้าครามท่ามกลางกระแสคลื่นน้อยใหญ่พัดกระทบเข้าสู่ชายฝั่งอยู่ตลอดเวลา ไกลๆ มีน้ำตกทาจิมะ (Tajima Falls) ที่น้ำไหลลงทะเลด้านล่าง โดยในบางจุดจะมีคนญี่ปุ่นมายืนตกปลาให้เราได้เห็นกัน ใครชื่นชอบบรรยากาศสบายๆ วิวสวยๆ ส่วนตัวก๊อตว่า โอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) เป็นอีกหนึ่งจุดที่ฮีลใจและช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้มากเลยทีเดียว
สะพานแขวนฮาชิดาเตะ (Hashidate Suspension Bridge)
ไม่ไกลจาก โอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) จะมี สะพานแขวนฮาชิดาเตะ (Hashidate Suspension Bridge) ตั้งอยู่ โดยที่นี่เค้าเป็นสะพานแขวนที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 มีความยาว 60 เมตร สูง 18 เมตร และยังสามารถรองรับน้ำหนักคนบนสะพานได้มากถึง 20 คนในคราวเดียว เมื่อเราอยู่เดินมาอยู่กลางสะพาน เราสามารถมองเห็นวิวของโขดหินและชายฝั่งทะเลโจกาซากิ (Jogasaki Coast) บริเวณรอบๆ ได้สวยเอาเรื่องอยู่ ยิ่งถ้าเรามาเที่ยววันที่อากาศแจ่มใส ฟ้าเปิดหน่อยๆ เราสามารถมองเห็นได้ไกลถึงเกาะอิซึโอชิมะ (Izu Oshima Island) เกาะโทชิมะ (Toshima Island) และเกาะนิอิจิมะ (Nii-jima Island) อีกทั้งยังมองออกไปเห็นวิวของโอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) ที่เราเพิ่งจะลงไปมาเมื่อครู่ได้ด้วย
โดยส่วนตัวใครที่เที่ยวบริเวณ โอโยโดะ-โคโยโดะ (Oyodo-Koyodo) เสร็จแล้ว ก๊อตเชียร์ให้เดินมาที่ สะพานแขวนฮาชิดาเตะ (Hashidate Suspension Bridge) กันนะ ด้วยความที่คนไม่ค่อยเยอะ บรรยากาศรอบๆ เลยจะเงียบสงบ เราได้หยุดฟังเสียงธรรมชาติและดูวิวกันเพลินเลยเชียว แถมบริเวณรอบๆ สะพานแขวนฮาชิดาเตะ (Hashidate Suspension Bridge) ยังมีหน้าผาสูงชันหลายแห่ง ทำให้ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่คนเค้านิยมมาปีนเขากัน สายปีนเขาห้ามพลาดเลย
แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki)
แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki) อีกหนึ่งแหลมที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอิซุ (Izu Peninsula) และยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฟูจิ ฮาโกเนะ อิซุ (Fuji Hakone Izu National Park) และอุทยานธรณีคาบสมุทรอิซุ (Izu Peninsula Geo Park) นอกจากนี้ พื้นที่ทั้งหมดของ แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki) ยังอยู่ภายใต้อุทยานธรณีโลกขององค์การยูเนสโกที่คาบสมุทรอิซุ (Izu Peninsula UNESCO Global Geopark) และได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโกอีกด้วย โดยบริเวณ แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki) มีลักษณะเป็นแหลมหินขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไปสู่มหาสมุทร มีเอกลักษณ์ในเรื่องของธรณีวิทยาที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟโอมูโรยามะ (Omuroyama Volcano) โดยลาวาได้ไหลปะทุออกมาก่อนจะเย็นลงและหดตัวทับถมกันมาเรื่อยๆ จนเกิดเป็นแนวหินรูปร่างคล้ายเสาเรียงรายกันอยู่ริมชายฝั่ง
นอกจากทิวทัศน์ของแนวชายฝั่งเลียบไปตามทะเลแล้ว บริเวณของ แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki) ยังมี ประภาคารคาโดวากิ (Kadowaki Lighthouse) ประภาคารสีขาวตั้งสง่าสูงกว่า 25 เมตร ที่เราสามารถเข้าไปส่องวิวกันได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งประภาคารนั้นเป็นจุดชมวิวที่เราสามารถขึ้นมาดูทิวทัศน์โดยรอบของ แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki) ไม่ว่าจะเป็นวิวสวยๆ เหนือทะเลซากามินาดะ (Sagaminada Sea) และยอดเขาโอมุโระ (Mount Omuro) ยิ่งวันไหนที่ท้องฟ้าเป็นใจแล้วล่ะก็ เรายังส่องวิวออกไปได้ไกลถึง เกาะอิซุชิจิโตะ (Izu Shichitou Islands) เกาะเซเว่น (Seven Islands) และภูเขาอามากิ (Mount Amagi) แบบไม่มีสิ่งกีดขวางกันเลยทีเดียว ใครอยากเก็บภาพวิวมุมสูงแบบฉ่ำๆ ก๊อตบอกเลยว่าต้องขึ้นมาดูวิวบนประภาคารด้วยเด้อ
โดยรวมของ แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki) จากที่ก๊อตไปสัมผัสมานั้น นี่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้าถึงโด่งดังในเรื่องของธรณีวิทยา เพราะแนวหินตามชายฝั่งที่เราเจอมา ของจริงคือสวยม๊ากกกก ภาพของแนวหินที่ยื่นออกสู่มหาสมุทรโอบล้อมไปด้วยน้ำสีฟ้าครามและต้นไม้เขียวๆ ช่างเป็นไวบ์ที่เข้ากั้นเข้ากันไปหมด เป็นอีกหนึ่งจุดเที่ยวที่ใครชื่นชอบการดูวิวเลียบชายฝั่ง หรือหลงใหลในเรื่องธรณีวิทยาของเหล่าแนวหินสวยๆ นั้น ห้ามพลาดที่นี่เลยแหละ
สะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge)
สำหรับไฮไลท์หลักของ แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki) ที่ต้องมากันเลย คือ สะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge) สะพานแขวนที่เราสามารถมายืนดูวิวได้สวยงามมากที่สุดอีกแห่งใน แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowaki) โดยตัวสะพานมีความยาว 48 เมตร และสูงจากพื้นถึง 23 เมตร พาดเชื่อมแนวโขดหินสองฝั่งของ แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowak) เข้าไว้ด้วยกัน ความดีงามของแนวโขดหินรอบๆ สะพานแขวน คือบริเวณฝั่งที่หันหน้าเข้าสู่ตัวแหลม มีลักษณะเป็นแนวหินที่ตรงกลางเป็นเวิ้งแหว่งลึกเข้าไปสู่ตัวแหลม บนพื้นด้านล่างเต็มไปด้วยก้อนหินสีดำหลายขนาดทับถมกันอยู่จนดูเหมือนเป็นหาดหินเล็กๆ ห้อมล้อมเอาไว้ด้วยแนวโขดหินอีกที ซึ่งมันดูแปลกตาและสวยเอาเรื่องมากๆ
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
โดยบนสะพานที่ก๊อตกำลังยืนอยู่นั้น จะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นมายืนถ่ายรูปเล่นแตกแตนมาก ซึ่ง สะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge) เค้าเป็นที่รู้จักและป๊อบมากขึ้น หลังจากไปโผล่อยู่ในฉากของเอ็มวีวง 乃木坂46 เกิร์ลกรุ๊ปดังของญี่ปุ่นอย่าง ที่มีฉากมาถ่ายทำกันอยู่บนสะพานแขวนแห่งนี้ ทีนี้พอเอ็มวีเค้าปล่อยออกมา สะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge) ก็ถูกพูดถึงและมีคนมาตามรอยก่อนจะดังเป็นพลุแตกตามๆ กันไป ซึ่งใครอยากตามไปดูเอ็มวีของสาวๆ ให้เสิร์จในยูทูบว่า 乃木坂46『錆びたコンパス』ได้เลยจ๊า
สำหรับบรรยากาศโดยรอบ สะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge) หากเรายืนหันหน้าออกสู่มหาสมุทร เราจะเห็นผืนน้ำขนาดใหญ่ที่มีเกาะน้อยใหญ่โผล่พ้นเหนือผิวน้ำขึ้นมาให้ได้มองกันเพลินๆ แต่หากมองย้อนกลับเข้ามาหา แหลมคาโดวากิ (Cape Kadowak) ภาพสีฟ้าครามของผืนน้ำถูกแทนที่ด้วยผืนป่าสีเขียวๆ ขนาดใหญ่ปกคลุมช่องโหว่ระหว่างแนวหิน ในเวลาที่คลื่นซัดเข้ามาถึงด้านในมันจะเป็นภาพของฟองคลื่นสีใสตัดกับโทนหินสีเข้มๆ ด้านล่าง ซึ่งให้มู้ดที่ต่างกันออกไปจากอีกฝั่ง แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนวิวที่ได้จากบน สะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge) สำหรับก๊อตนั้นก็งดงามประทับใจกันอยู่ดี
ทิ้งท้ายสำหรับใครที่ตั้งใจมาตามรอยแล้วอยากได้ภาพแบบในเอ็มวีของ 乃木坂46 แบบเป๊ะๆ จาก สะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge) ให้ลองเดินย้อนกลับขึ้นไปด้านบนเรื่อยๆ มันจะมีอีกจุดที่เราสามารถยืนมองดูวิวไกลๆ จากตัวสะพานได้ ภาพที่ก๊อตเห็นคือ แนวต้นไม้ที่เป็นฉากหน้า มี สะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge) พาดเชื่อมระหว่างโขดหินอยู่กึ่งกลาง และมีฉากหลังเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ซึ่งส่วนตัวก๊อตว่ามุมนี้ก็สวยเอาเรื่องอยู่นา เหมือนกำลังยืนดูภาพศิลปะจากธรรมชาติเลยแหละ
สรุปเที่ยว ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast)
และนี่ก็คือ ทั้งหมดที่ก๊อตไปเที่ยวมาบริเวณ ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) ใครที่ชื่นชอบการเที่ยวแนวธรรมชาติ และหลงใหลในเรื่องธรณีวิทยาของสารพัดหินหน้าตาแปลกๆ ที่สวยและมีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตัวเอง การมาเที่ยว ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) ตอบโจทย์มาก เพราะแต่ละสถานที่ที่ก๊อตไปมานั้น ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ความต้นไม้เขียวๆ รายล้อมแนวหินสีเข้มๆ ตัดกับผืนน้ำอันกว้างใหญ่มันเป็นวิวที่อลังมาก นี่อยากชวนให้ทุกคนได้มาเห็นด้วยตาของตัวเอง บอกเลยว่าย่างเท้าไปมุมไหนก็มีแต่คำว่าสวยตะโกนก้องไปหมด
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡