ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ใครที่เคยเห็นภาพของทางข้ามม้าลายขนาดใหญ่ตรง 5 แยกที่รายล้อมไปด้วยอาคารและตึกท่ามกลางแสง สี เสียงสุดคึกคัก พร้อมกับผู้คนจำนวนมหาศาลล้านแปดเดินข้ามไปมาบนทางม้าลาย ก๊อตจะบอกว่าที่นี่คือ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ที่เรากำลังจะไปเที่ยวกันนั่นเอง หากถามว่าทำไมเราต้องมาเช็คอินที่นี่กันซักครั้ง ก๊อตบอกเลยว่านอกจากเค้าจะเป็นเหมือนแลนด์มาร์คประจำโตเกียว (Tokyo) แล้ว ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ยังโด่งดังและมักจะโผล่อยู่ในหน้าจอหนังระดับโลกแบบนับนิ้วกันไม่หวาดไม่ไหวจนเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งไอคอนิกของโตเกียวและญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว จากภาพของผู้คนที่เดินสวนกันอยู่บนทางข้ามม้าลาย ซึ่งมีข้อมูลบักทึกไว้ว่าในช่วงเวลาเร่งด่วนนั้น ห้าแยกชิบูย่านี้มีคนข้ามถนนกันถึง 3,000 คนต่อครั้งกันเลยทีเดียว ทีนี้คนเค้าก็แห่มาโพสต์ท่าแช๊ะภาพบรรยากาศลงโซเชียลกันสะบัด จนทำให้แยกแห่งนี้กลายเป็นจุดป๊อบที่ทุกคนต้องมาเยือนอย่างต่อเนื่องแทบทุกยุคทุกสมัย ซึ่งรีวิวนี้ก๊อตไม่ได้แค่จะพาทุกคนมาเดินถ่ายรูปเล่นเท่านั้นนะ แต่ก๊อตจะยังเอาพิกัดถ่ายรูป ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) แบบมุมสูงมาฝากกันอีก 3 พิกัดด้วย แต่ละที่ก็จะให้วิวที่สวยต่างกันออกไป ส่วนจะมีที่ไหนบ้างนั้น เลื่อนอ่านรีวิวนี้ให้จบโลดด
- รีวิวเต็ม โตเกียว (Tokyo) 28 ที่เที่ยว
- รีวิวเต็ม Tokyo Disneyland แบบละเอียด
- รีวิวเต็ม Tokyo Disneysea แบบละเอียด
- รีวิวเต็ม Harry Potter – Warner Bros. Studio Tour Tokyo แบบละเอียด
- โรงแรมและที่พักแนะนำในโตเกียว (Tokyo)
- ส่วนลด Klook / ส่วนลด Agoda
รู้จักกับ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)
ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อทางข้ามม้าลายชิบูย่า ตั้งอยู่บริเวณทางออกของสถานีชิบูย่า (Shibuya Station) โดยที่นี่เรียกได้ว่าเป็นทางม้าลายใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของโตเกียว (Tokyo) ซึ่งว่ากันว่าเป็นทางข้ามม้าลายที่มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ โดยบรรยากาศของ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) นั้น ยังครึกครื้นม๊าก ยิ่งใครมาเดินช่วงกลางคืน เราจะได้ดื่มด่ำไปกับแสง สี เสียงจากจอ LED มากมายที่ติดอยู่ตามมุมตึก รวมถึงแสงไฟหลากสีที่เปิดออกมาจากเหล่าอาคารและตึกที่อยู่รายล้อมส่งผลให้ทั่วทั้งแยกระยิบระยับเป็นดั่งราตรีที่ไม่มีวันสิ้นสุดเลยแหละ ทั้งหมดนี้มันเลยทำให้ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) โด่งดังขึ้นมาเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าทางม้าลายแห่งนี้ได้ไปโผล่อยู่ในภาพยนต์ดังหลายเรื่องของโลก ไม่ว่าจะเป็น Fast and the Furious หรือ Resident Evil รวมถึงถูกนำไปเขียนลงนิตยสาร และบล็อกต่างๆ นับไม่ถ้วนกันเลยทีเดียว
สำหรับ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) นั้น มีขึ้นตั้งแต่ราวๆ ปี ค.ศ. 1932 เมื่อรถไฟสายโตคิวโทโยโกะ (Tokyu Toyoko) ในสถานีรถไฟชิบูย่า (Shibuya Station) เปิดทำการ ทำให้ช่วงเวลานั้น ชิบูย่า กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจของโตเกียว อีกทั้งยังเป็นจุดแวะพักสำคัญระหว่างโตเกียว (Tokyo) กับโยโกฮาม่า (Yokohama) อีกด้วย โดยข้อมูลสถิติการเดิรข้ามถนนของ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ในช่วงปี ค.ศ. 2016 นั้นมีจำนวนผู้คนเดินผ่านทางข้ามม้าลายที่แยกแห่งนี้สูงถึง 3,000 คนต่อสัญญาณไฟเขียวหนึ่งครั้งที่เปิดให้คนเดินผ่าน (ทุกๆ 2 นาที) เลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรก็ตามแม้จะมีผู้คนเดินพลุกพล่านมากแค่ไหน แต่บริเวณ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) กลับไม่เคยมีการจราจรติดขัดเลย แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนก็ตาม
ปัจจุบันนี้ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับคนหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มักจะมานัดพบและมารวมตัวกันในแยกแห่งนี้ก่อนจะเริ่มออกเดินเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ และแน่นอนว่าทุกคนนั้นต่างมาเพื่อถ่ายรูปชิคๆ ท่ามกลางทางม้าลายที่มีผู้คนกำลังเดินผ่านไปมานั่นเอง และสำหรับใครที่ได้ภาพบนพื้นแบบสะใจแล้ว แต่ยังอยากเก็บไวบ์โดยรวมแบบมุมสูงๆ ของ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) และยังไม่รู้ว่าจะไปถ่ายจุดไหนดี รีวิวนี้ก๊อตมี 3 พิกัดถ่ายรูปมุมสูงมาฝากกันด้วย ดังนั้น ต้องการจนจบรีวิวเด้อ
วิธีการเดินทางมาที่ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)
รถไฟ: วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟ โดยสถานีรถไฟที่ใกล้กับ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) มากที่สุดคือ สถานีรถไฟชิบูย่า (Shibuya Station) ซึ่งสามารถเดินทางมาตามนี้ได้เลย
- โดยรถไฟเจอาร์ :
- สถานีรถไฟชิบูย่า (Shibuya Station) : ให้ขึ้นรถไฟ JR สายยามาโนเตะ (Yamanote Line), สายไซเคียว (Saikyo Line) หรือสายโชนันชินจูกุ (Shonan-Shinjuku Line) นั่งมาลงที่สถานีรถไฟชิบูย่า (Shibuya Station) ได้เลย
- โดยรถไฟใต้ดิน (Tokyo Metro):
- สถานีรถไฟชิบูย่า (Shibuya Station): ให้ขึ้นรถไฟใต้ดินสายกินซ่า (Ginza Line), สายฮันโซมง Hanzomon Line นั่งมาลงที่ สถานีรถไฟชิบูย่า (Shibuya Station) ได้เลย
บัตรเดินทางต่างๆ ในโตเกียว
- 🎫 บัตรโดยสารรถไฟใต้ดินโตเกียวแบบไม่จำกัด (1, 2 หรือ 3 วัน) [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 บัตร Welcome Suica และบัตรโดยสารรถไฟ JR สำหรับ 1 วัน [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 JR Tokyo Wide Pass : ใช้ขึ้นสายรถไฟ JR สำหรับเที่ยวเมืองยอดนิยมต่างๆ รอบโตเกียว โดยมีเมืองฮิตอย่าง คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ที่มีภูเขาไฟฟูจิ, นิกโก้ (Nikko), โยโกฮาม่า (Yokohama), คาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) / มีแบบ 3 วัน ราคาเริ่มต้นราวๆ ~3,600 บาท [ซื้อผ่าน Klook]
เริ่มเที่ยว ทางข้ามม้าลายแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) กันเล้ยย
สำหรับ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) แน่นอนว่ามีความคึกคักม๊ากกโดย บริเวณ ห้าแยกของเค้าจะเป็นลักษณะทางข้ามม้าลายขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยตึกสูง ซึ่งจากทางม้าลายนั้นมันสามารถเดินข้ามไปสู่ถนน 5 เส้นที่แยกตัดไปออกไปตามซอกซอยในย่านชิบูย่าได้ โดยไฮไลท์ของที่นี่เลยคือ ทางม้าลายที่อยู่ใจกลางแยก ซึ่งในทุกๆ 2 นาที จะมีสัญญาณไฟเขียวเปิดขึ้นเพื่อให้ผู้คนเดินข้ามผ่านไปมา และแน่นอนว่ามีนักท่องเที่ยวหลายคนนั้นมาเดินสับๆ ถ่ายรูปกันแบบแตกแตน โดยช่วงเวลาพีคๆ มีคนเดินข้ามทางม้าลายนี้กว่า 3,000 คนต่อหนึ่งไฟเขียว ถึงขนาดที่ว่ามีการตั้งชื่อให้ปรากฏการณ์การข้ามถนนแยกนี้ว่า “Scramble” (วุ่นวายยุ่งเหยิง) เพราะพอสัญญาณไฟเขียวแสดงขึ้นปุ๊บ ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะแห่แหนลงมาบนทางข้ามม้าลายเพื่อเดินข้ามกันให้ขวัก
โดยตึกและอาคารที่อยู่รอบ ๆ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) มีตั้งแต่ตึกสำนักงาน ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า และสถานบันเทิงเยอะแยะมาก เรียกว่าเดินถ่ายสนุกและช็อปต่อกันได้เพลินๆ เล้ย ยิ่งถ้าใครมาที่นี่ในช่วงเวลากลางคืน ตึกเหล่านี้เค้าจะเปิดแสงไฟพร้อมกับจอแอลอีดีที่แสดงโฆษณากันแบบพรึ่บพรั่บ ทำให้ทั่วทั้ง ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ส่องสว่างเจิดจ้าสุดๆ
และอีกหนึ่งแลนด์มาร์คบน ห้าแยกที่หลายคนต่างต้องมาเยี่ยมเยียนก็คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko Statue) รูปปั้นสุนัขอันโด่งดังที่สร้างขึ้นมาจากเรื่องราวสุดประทับใจระหว่างศาสตราจารย์เอซาบูโร อูเอโนะ และเจ้าฮาจิ สุนัขคู่ใจ ที่ในทุกๆ เช้ามันจะวิ่งตามมาส่งเจ้าของถึงสถานีชิบูย่าเพื่อไปทำงานที่มหาลัยเป็นประจำทุกวัน จนกระทั่งศาสตราจารย์ได้เสียชีวิตลง แต่เจ้าฮาจิยังคงมานั่งคอยเจ้านายของมันอยู่เป็นประจำเกือบ 10 ปี ก่อนจะตายลงในที่สุด ซึ่งคนญี่ปุ่นเองมักใช้รูปปั้นนี้เป็นเหมือนจุดนัดพบที่ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ก่อนจะไปเที่ยวในสถานที่ใกล้เคียง แน่นอนว่าก๊อตก็ไม่พลาดที่จะมาเซลฟี่กับรูปปั้นเจ้าหมาด้วย
หากใครเดินเล่นรอบ ๆ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) จนหนำใจรวมถึงได้ถ่ายรูปขณะเดินข้ามทางม้าลายแบบกิ๊บเก๋ พร้อมมีรูปสวยๆ ไปโพสต์ลงโซเชียลแล้ว ยังอยากจะช้อปปิ้งต่อสักแมท จาก ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) เราสามารถเดินไปสู่ ชิบูย่าเซ็นเตอร์ไก (Shibuya Center-gai) ถนนช้อปปิ้งที่มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว หรือจะไปเดินอัปเดตแฟชั่นที่ SHIBUYA109 ห้างสรรพสินค้าที่เป็นศูนย์รวมแฟชั่นทุกไลฟ์สไตล์ของย่านนี้เอาไว้ในที่เดียว ซึ่งก๊อตบอกเลยว่าสายช้อปที่มาเที่ยวที่นี่ต้องถูกใจแน่นอน
ร้านสตาร์บัคส์ ตรงร้านสึทาน่า สาขาแยกชิบูย่า (Starbucks Coffee Shibuya Tsutaya)
หากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาดูวิวมุมสูงของ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) แต่ไม่รู้ว่าจะต้องขึ้นไปดูที่ไหน ที่แรกที่ก๊อตแนะนำเลยคือ ร้านสตาร์บัคส์ ตรงร้านสึทาน่า สาขาแยกชิบูย่า (Starbucks Coffee Shibuya Tsutaya) หนึ่งในจุดดูวิวสุดป๊อบที่เห็นเด่นชัดตั้งแต่เราเดินข้ามถนนใจกลาง ห้าแยก ซึ่งร้านเค้าจะตั้งอยู่บนชั้นสองของร้าน Tsutaya โดยเราสามารถซื้อกาแฟจากบริเวณชั้น 1 แล้วถือขึ้นไปหาที่นั่งดื่มบนชั้น 2 ได้เลย โดยเค้าจะมีโต๊ะบาร์ยาวๆ ให้ลูกค้าได้มาเลือกนั่งดูวิวห้าแยกชิบูย่าด้านล่างได้แบบเต็มสายตาเลย
แต่ก๊อตบอกก่อนเลยว่าใครจะมาที่ ร้านสตาร์บัคส์ ตรงร้านสึทาน่า สาขาแยกชิบูย่า (Starbucks Coffee Shibuya Tsutaya) อาจจะต้องเตรียมใจมาก่อน เพราะที่นั่งบนนี้เค้าเต็มไวม๊าก เราอาจจะต้องถือกาแฟเดินส่องนั่นนี่ไปพลางๆ พอมีจังหวะคนลุก เก้าอี้ว่างปุ๊บให้รีบพุ่งตัวไปนั่งติดขอบกระจกได้เลย เราจะได้ดื่มด่ำไปกับวิวของ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) จากชั้นสองลงมา ไวบ์ของผู้คนที่เดินข้ามถนนไปมาในช่วงสัญญาณไฟเขียวก็จะต่างกันจากตอนที่เรายืนถ่ายรูปเล่นกันอยู่ด้านล่างนา เป็นอีกมุมฮิตที่ต้องมาเลย
ตึกชิบูย่า ฮิคาริเอะ (Shibuya Hikarie)
สำหรับคนที่ดูวิว ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ที่ร้านสตาร์บัคส์แล้วยังไม่หนำใจพอ ใจมันอยากจะดูวิวจากมุมสูงมากกว่านี้ ก๊อตแนะนำให้ทุกคนมาต่อกันที่ตึก ชิบูย่า ฮิคาริเอะ (Shibuya Hikarie) ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) กันได้เลย โดยที่นี่เป็นตึกสูง 34 ชั้น ที่เป็นทั้งห้างสรรพสินค้า ShinQs ที่มีร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ชั้น B3 ไปจนถึงชั้น 5 นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่ พื้นที่สำหรับจัดแสดงนิทรรศการศิลปะ โรงละคร รวมไปถึงชั้นสำนักงานอีกด้วย
แต่ที่ก๊อตจะพาทุกคนมาดูวิว ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) นั้น ให้ทุกคนกดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 11 ได้เลย โดยชั้นนี้เค้าเป็นพื้นที่โล่งพร้อมกับกระจกใสตั้งแต่พื้นจรดเพดานที่เราสามารถมายืนแล้วส่องดูวิวของ ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) กันได้แบบฟรีๆ นั่นเอง
นอกจากจะได้มาดูวิวสวยๆ แล้ว ในตอนที่ก๊อตไปนั้นบนชั้นนี้ยังมีนิทรรศการเล็กๆ เกี่ยวกับการพัฒนาย่านชิบูย่าจัดแสดงอยู่ด้วย ที่ก๊อตชอบก็คือการได้มาเดินส่องโมเดลจำลองย่านนี้ ที่ฝั่งหนึ่งเป็นโมเดลจำลองย่านนี้แบบภาพกว้างๆ และอีกฝั่งจะเป็นโมเดลจำลองย่านชิบูย่าที่ต่อจากเลโก้ ความน่ารักมันอยู่ที่เค้าจำลองตั้งแต่ตึกรางบ้านช่องบนพื้นดินไล่ลึกลงไปถึงรถไฟใต้ดิน ซึ่งชิ้นงานได้ยกเอาสถานีรถไฟใต้ดินเซตขึ้นมาให้ได้เห็นกันแบบสมจริง โดยมีเหล่าฟิกเกอร์เลโก้ตัวจิ๋วมากมายอยู่ในท่าทางและกิจกรรมที่ต่างกันออกไป ให้บรรยากาศเหมือนเราอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินจริงๆ เลย ถือว่าเป็นการขึ้นมาดูวิวแล้วได้ดูโมเดลน่ารักๆ ไปในตัวด้วย ถือว่าดีงามเลยแหละ
ชิบูย่า สกาย (Shibuya Sky)
ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) สำหรับใครอยากหาจุดชมวิวสกายไลน์เมืองโตเกียวสวยๆ ล่ะก็ หนึ่งในจุดชมวิวที่ก๊อตอยากลากแขนจูงมือทุกคนมาเลย คือ ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) ที่ถือเป็นจุดชมวิวใหม่ของโตเกียว อีกทั้งยังโคตรฮิตระดับที่ว่าถ้าไม่จองตั๋วมาล่วงหน้านี่มีเปอร์เซ็นต์จะไม่ได้ขึ้นสูงม๊ากก เพราะตั๋วเค้าเต็มเร็วสุดๆ ซึ่งด้านบนจุดชมวิวนั้นยังมีกิจกรรมมากมายให้เราได้มาทำ ทั้งนั่งชิล ชมผลงานนิทรรศการ ฟังเพลงผ่อนคลายบนรูฟท็อป รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัยเลยเชียว
สำหรับ ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) ตั้งอยู่บนอาคาร Shibuya Scramble หนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดในย่านชิบูย่าในระดับความสูง 47 ชั้น โดยสูงจากระดับพื้นดิน 230 เมตร โดยจุดชมวิวนั้นเพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา โดยจุดชมวิวถูกแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ Sky Gallery (ชั้น 45 จุดชมวิวอินดอร์) และ Sky Stage (ชั้น 46 จุดชมวิวบนดาดฟ้า) โดยวิวจากด้านบนของ ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) หากเรามาในวันฟ้าเปิดจะได้เห็นเมืองโตเกียวและแลนด์มาร์คสำคัญกันแบบพรึ่บพรั่บ ไม่ว่าจะเป็น โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) และ โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) รวมถึงยังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) ได้อีกด้วย
สำหรับราคาบัตร ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) จะอยู่ที่ประมาณ 2,200 เยน (~540 บาท) โดยเราสามารถจองผ่าน Klook หรือ KKday และเลือกสล็อตเวลาที่เราต้องการได้เลย ถือว่าสะดวกสบายที่สุดแล้ว > ซื้อบัตร ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
การมาเที่ยว ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) ตรงหน้าตึก Shibuya Scramble จะมีทางขึ้นไปยังชั้น 14 ที่เป็นทางเข้าจุดชมวิวโดยเฉพาะเลย โดยเมื่อถึงสล็อตเวลาที่เราจองมาล่วงหน้าแล้ว เราโชว์ตั๋วให้พนักงานดูได้เลย เค้าจะพาเราเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน ซึ่งใช้เวลาขึ้นลิฟต์ไม่นานก็มาถึงชั้น 45 แล้ว เมื่อเดินออกจากลิฟต์มันจะต้องเดินผ่านอุโมงค์เหมือนเป็นประตูพาเราไปสู่จุดชมวิวกันก่อน จากนั้นใครที่พกของติดตัวมาด้วย พนักงานจะแนะนำให้เรานำข้าวของฝากไว้ในล็อกเกอร์ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ลุยโลดด
จุดชมวิวแรกของเราจะอยู่ที่บริเวณชั้น 45 ซึ่งเป็นโซน Sky Gallery ลักษณะเป็นจุดชมวิวแบบอินดอร์ ซึ่งจะเป็นชั้นสี่เหลี่ยมกว้างๆ รายล้อมไปด้วยผนังกระจกใส ภายในเป็นทางเดินวนรอบๆ ตัวอาคารให้เราสามารถมองวิวเมืองโตเกียว (Tokyo) ได้รอบทิศทาง ซึ่งวิวบนนี้เค้าสวยม๊ากก อย่างภาพบรรยากาศมุมสูงของ 5 แยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ที่ห้อมล้อมไปด้วยตึกและอาคารมากมายในช่วงมืดไปแล้วนั้น ตามตรอกซอกซอยของเค้ามันเปล่งประกายระยิบระยับจากแสงไฟหลากสีสัน ยิ่งในบริเวณทางข้ามม้าลายที่เป็นแลนด์มาร์คนะ จัดว่าเป็นมุมที่แสงสีพร่างพราวสุดๆ และด้วยความที่เราอยู่ชมวิวอยู่บนชั้นที่สูงมากๆ มันเลยทำให้มองเห็นผู้คนที่เดินกันให้ขวักอยู่ข้างล่างไม่ต่างอะไรกับมดตัวจิ๋วๆ ที่กำลังเดินสวนกันไปมาเลย นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นสถานที่เที่ยวฮิต และแลนด์มาร์คอื่นๆ อีกด้วยนา ไม่ว่าจะเป็น มิยาชิตะ ปาร์ค (Miyashita Park) แหล่งคอมมูนิตี้ที่ครบครัน หรือจะเป็น โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ที่ตั้งสง่าท่ามกลางเมืองโตเกียว (Tokyo) ล้อมรอบไปด้วยดงตึก และถนนที่มีรถราวิ่งสวนกันไปมา ถือเป็นการดูวิวที่คอมพลีทม๊ากก
นอกจากการดูวิวเมืองโตเกียวสวยๆ แล้ว ชั้นนี้เค้ายังมีนิทรรศการหมุนเวียนจัดแสดงอยู่ด้วยนะ อย่างก๊อตมาเที่ยวที่นี่แล้ว 2 รอบ ก๊อตก็เจอนิทรรศการใหม่ทั้งสองรอบเลย ซึ่งงานแรกจะเป็นฟีลเหมือนพาเราหลุดเข้าไปสู่โลกของพฤกษศาสตร์ที่เค้ายกเอาความสดชื่นของต้นไม้ และดอกไม้นานาพันธุ์มาจัดแสดงเอาไว้ให้เราได้เดินชม ความดีงามมันอยู่ที่ตามแต่ละมุมตึก จะมีการจัดพร๊อพของต้นไม้นานาพันธ์และดอกไม้สวยๆ ให้ได้แวะถ่ายกันเป็นจุดๆ อีกด้วย ส่วนนิทรรศการอีกงานบรรยากาศแตกต่างกันลิบลับ งานนี้เค้าทำเป็นทางเดินให้เราเดินวนรอบชั้น ซึ่งตามมุมและพื้นรวมไปถึงตามเพดานจะมีลูกบอลสีเงินมากมายวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ฟีลเหมือนอวกาศหน่อยๆ ที่ถ่ายรูปออกมาสวยไม่แพ้กันเลย
สำหรับใครที่เดินวนดูจนครบทั้ง 4 มุมตึกแล้ว ชั้นนี้เองยังมีบาร์ขายเครื่องดื่มให้เราได้สั่งเครื่องดื่มมานั่งดื่มชิลๆ พร้อมกับชมวิวเมืองโตเกียวด้านล่างได้ด้วยนะ แต่ถ้าใครอยากดูวิวบนดาดฟ้าแบบเอาท์ดอร์ ให้เราเดินขึ้นไปต่อที่ชั้น 46 ซึ่งจะเป็นโซน Sky Stage พื้นที่กลางแจ้งบนดาดฟ้าที่เราสามารถมาเพลิดเพลินกับทิวทัศน์เส้นขอบฟ้าของเมืองได้โดยไม่มีอะไรมากั้น
โดยชั้น 46 จะมีทั้งรูฟท็อปที่ในแต่ละวันจะมี DJ มาเปิดเพลงเล่นดนตรีให้ได้ฟังกันแบบสดๆ หรือจะเป็นมุม Rooftop Theatre ซึ่งจะมีการฉายหนังบนจอภาพขนาดใหญ่บนดาดฟ้าให้เราได้รับชมกันในบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร และที่เป็นไฮไลท์เลยคือมุมถ่ายรูปสามเหลี่ยมมุมตึกที่ยื่นหน้าออกไปหาเมืองด้านล่าง ซึ่งเป็นจุดที่ให้ผู้คนนิยมมาโพสต์ภาพถ่ายรูปกับวิวสกายไลน์เมืองกันแตกแตนสุดๆ อีกมุมป๊อบที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยเพราะคนเค้าชอบมาถ่ายวิดีโอลง IG Reels กันเยอะม๊าก คือ มุมบันไดเลื่อนจากดาดฟ้าลงไปยังชั้น 45 ซึ่งจะเป็นบันไดเลื่อนข้างตึกที่ขณะลงไปนั้น สามารถมองออกไปเห็นวิวเมืองด้านล่างที่เหมือนโอบล้อมรอบตัวเราไว้เลย ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองรอบที่ก๊อตมาเที่ยวที่ ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) นั้น อากาศไม่เป็นใจจากฝนที่ตกหนักทั้งสองรอบ ซึ่งเมื่อไหร่ที่สภาพอากาศไม่ดี ทั้งหมดของชั้น 46 เค้าก็จะปิดไม่ให้คนขึ้นไป และไม่มีการรีฟันด์ค่าเข้าด้วยนะเออ เพราะมันเป็นสิ่งที่เค้าเองก็ควบคุมไม่ได้นั่นเอง แง้
แต่ด้วยรวมแล้วก๊อตยังคงแนะนำว่าให้ขึ้นมาดูวิวบน ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) ด้วยความที่เค้าตั้งอยู่บนยอดตึกที่สูงที่สุดในย่านชิบูย่า นั่นหมายความว่าเราจะได้ส่องวิวสกายไลน์ของเมืองโตเกียวที่สูงกว่าใครเพื่อนในย่านนี้ นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการและกิจกรรมอื่นๆ ให้ได้มาทำกันเยอะมาก ยิ่งใครที่เป็นสายเก็บวิวเมืองแบบมุมสูง หากมาเที่ยวโตเกียวต้องจด ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) เข้าไปในแพลนเที่ยวด้วย มันคุ้มค่ากับการขึ้นมามากเลยล่ะ!
และนี่ก็คือการมาเดินเที่ยวใน ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ของก๊อต บอกเลยว่าใครมาเที่ยวโตเกียวไม่ว่าจะแพลนไปเที่ยวที่ไหน ยังไงก็ต้องปักหมุดมาที่นี่ด้วย เพราะเค้าเป็นเหมือนแลนด์มาร์คประจำโตเกียวเป็นที่เรียบร้อย การันตีได้จากชื่อเสียงอันเลื่องลือ โดยสำหรับก๊อตแล้ว ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) เป็นแยกทางข้ามม้าลายที่คนเยอะม๊ากกกก ด้วยความที่เราอยู่เที่ยวกันยาวๆ ไปจนถึงช่วงค่ำ อีกทั้งได้ขึ้นไปดูวิวบน ตึกชิบูย่า สกาย (Shibuya Sky) มันเลยทำให้ก๊อตได้เห็นผู้คนข้ามถนนไปมาตั้งแต่ฟีลพลุกพล่านเบา ๆ ไล่ไปถึงช่วงพีคๆ ของเวลาเร่งด่วนที่พอมองลงมาจากมุมสูงด้วยแล้ว คนนี่เดินกันยุบยับเหมือนมดตัวเล็กๆ เลยแหละ นี่เลยแนะนำให้คนที่จะมา ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) ขึ้นมาดูวิวมุมสูงกันด้วย เราจะได้ดื่มด่ำกับวิวไอคอนิคนี้กันแบบคอมพลีทนั่นเอง
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡