ก๊อตเชื่อว่าชื่อของ ชินจูกุ (Shinjuku) ต้องติดอันดับท็อปเบอร์ต้นๆ ในใจหลายคนเมื่อนึกถึงโตเกียวอย่างแน่นอน เพราะย่านนี้เค้าเลื่องลือในเรื่องของแหล่งรวมความบันเทิง ธุรกิจ และแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่รอบๆ สถานีรถไฟชินจูกุ (Shinjuku Station) หนึ่งในสถานีรถไฟที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการรับรองจาก Guinness World Records ว่าเป็นสถานีที่มีผู้โดยสารมากที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันนี้ สถานีรถไฟแห่งนี้รองรับผู้โดยสารมากกว่า 2 ล้านคนต่อวันกันเลยทีเดียว แน่นอนว่าทั่วทั้งย่าน ชินจูกุ (Shinjuku) มันเลยจะคราคร่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวอยู่เยอะม๊ากก รีวิวนี้ก๊อตเลยจะพาทุกคนตามรอยไปเที่ยวย่านอันเลื่องชื่อไปด้วยกัน ซึ่งเราจะไปกันตั้งแต่ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden) เดินชมธรรมชาติเขียวๆ ให้สำราญใจ จากนั้นเราจะไปใช้เงินกันแบบสะบัดที่ ชินจูกุ (Shinjuku) ก่อนจะไปท่องราตรีกันยาวๆ ที่ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) ย่านโคมแดงที่ขึ้นชื่อในเรื่องของแหล่งกิน ดื่มเที่ยว ไล่ยาวกันไปจนถึง ตรอกโอโมอิเดะโยโกโจ (Omoide Yokocho) ที่ให้ไวบ์จี๊ดจ๊าดไม่ต่างกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ก๊อตแค่เกริ่นเรียกน้ำย่อยเท่านั้น เพราะรีวิวจริงๆ เราไปกันหลายจุดมาก แต่ละที่คือควรมาตามรอยสุดๆ ซึ่งจะมีที่ไหนบ้างอยากให้ทุกคนอ่านรีวิวนี้จนจบเลยนา
- รีวิวเต็ม โตเกียว (Tokyo) 28 ที่เที่ยว
- รีวิวเต็ม Tokyo Disneyland แบบละเอียด
- รีวิวเต็ม Tokyo Disneysea แบบละเอียด
- รีวิวเต็ม Harry Potter – Warner Bros. Studio Tour Tokyo แบบละเอียด
- โรงแรมและที่พักแนะนำในโตเกียว (Tokyo)
- ส่วนลด Klook / ส่วนลด Agoda
รู้จักกับ ชินจูกุ (Shinjuku)
ชินจูกุ (Shinjuku) เป็น 1 ใน 23 เขตพิเศษของโตเกียว (Tokyo) ประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟชินจูกุ (Shinjuku Station) ที่พลุกพล่านที่สุดในโลก และอาคารศาลาว่าการโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบริหารของรัฐบาลโตเกียวอีกด้วยโดยในปี ค.ศ. 2018 ที่ผ่านมา มีข้อมูลระบุเอาไว้ว่า ชินจูกุ (Shinjuku) มีผู้คนอาศัยอยู่ประมาณ 346,235 คน และยังได้ชื่อว่าเป็นเป็นศูนย์กลางธุรกิจ การค้า และแหล่งรวมความบันเทิง อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่มากมาย ส่งผลให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนไม่ขาดสาย แน่นอนว่าย่านนี้ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่คนไทยนิยมมาเที่ยวด้วยเช่นกัน
สำหรับเรื่องราวความเป็นมาของ ชินจูกุ (Shinjuku) ต้องย้อนกลับไปในช่วงยุคสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868) โดย ชินจูกุ (Shinjuku) นั้นทำหน้าที่เป็นเพียงสถานีเล็กๆ ที่ผู้คนภายในเมืองใช้เป็นจุดพักระหว่างเดินทาง ไปยังเมืองเอโดะ (เมืองโตเกียวในปัจจุบัน) กับยามานาชิ (Yamanashi) และนากาโน่ (Nagano) เท่านั้น ก่อนจะได้รับการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโต เมื่อปี ค.ศ. 1923 แต่ด้วยความที่พื้นที่ทั่วไปของ ชินจูกุ (Shinjuku) มีความเสถียรภาพทำให้สิ่งปลูกสร้าง อาคารต่างๆ ส่วนใหญ่รอดพ้นจากความเสียหายไปได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีการสร้างตึกสูงระฟ้าขึ้นมาบริเวณพื้นที่ของ ชินจูกุ (Shinjuku) ซึ่งถือว่าเป็นเพียงไม่กี่พื้นที่ในโตเกียว (Tokyo) ที่มีตึกสูงอยู่มากมาย
อย่างไรก็ตามในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองช่วงปี ค.ศ. 1945 ได้มีการโจมตีทางอากาศและอาคารเกือบ 90% ใน ชินจูกุ (Shinjuku) ถูกทำลายลงไป โชคยังดีที่พวกโครงสร้างเส้นทางและรถไฟต่างๆ ภายในพื้นที่ยังคงอยู่ ทำให้ทางการเค้าพัฒนาและฟื้นฟู ชินจูกุ (Shinjuku) ให้กลับมารุ่งโรจน์และอยู่คู่กับโตเกียว (Tokyo) ได้อีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว และทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่มาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันอย่างที่เราเห็นกันนั่นเอง นั่นเลยทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่หนึ่งที่วัยรุ่นและนักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเที่ยวกันเยอะมาก เรียกได้ว่าใครตั้งใจจะมากิน เที่ยว ช้อป ที่ ชินจูกุ (Shinjuku) มีครบจบในที่เดียวเลยแหละ
วิธีการเดินทางมาที่ย่านชินจูกุ (Shinjuku)
รถไฟใต้ดิน: วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟใต้ดินโดยสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้กับ ย่านชินจูกุ (Shinjuku) มากที่สุดคือ สถานีชินจูกุ ( Shinjuku Station) ซึ่งสามารถเดินทางมาตามนี้ได้เลย
- โดยรถไฟใต้ดิน (Tokyo Metro):
- สถานีชินจูกุ ( Shinjuku Station : ให้ขึ้นรถไฟสายฟูกุโตชิน (Fukutoshin Line) และสายมารุโนชิ (Marunouchi Line) นั่งมาลงที่ สถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) แล้วปักหมุดเดินต่อไปยังจุดหมายต่างๆ ได้เลย
บัตรเดินทางต่างๆ ในโตเกียว
- 🎫 บัตรโดยสารรถไฟใต้ดินโตเกียวแบบไม่จำกัด (1, 2 หรือ 3 วัน) [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 บัตร Welcome Suica และบัตรโดยสารรถไฟ JR สำหรับ 1 วัน [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 JR Tokyo Wide Pass : ใช้ขึ้นสายรถไฟ JR สำหรับเที่ยวเมืองยอดนิยมต่างๆ รอบโตเกียว โดยมีเมืองฮิตอย่าง คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ที่มีภูเขาไฟฟูจิ, นิกโก้ (Nikko), โยโกฮาม่า (Yokohama), คาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) / มีแบบ 3 วัน ราคาเริ่มต้นราวๆ ~3,600 บาท [ซื้อผ่าน Klook]
เริ่มเที่ยวย่านชินจูกุ (Shinjuku) กันเล้ยย
สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden)
ที่เที่ยวแรกในโตเกียวก๊อตอยากชวนทุกคนมาพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ กันที่ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) สวนสาธารณะแห่งชาติกลางเมืองในย่านชินจูกุ (Shinjuku) และยังเป็นหนึ่งในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโตเกียว (Tokyo) โดยสวนแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1909 บนพื้นที่เขตคฤหาสน์ของตระกูลขุนนางตระกูลไนโตะ (Naito) ในสมัยเอโดะ เพื่อเป็นสวนที่ใช้สำหรับพักผ่อนของราชวงศ์ จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ถูกโจมตีทางอากาศและพื้นที่ส่วนใหญ่ของสวนถูกทำลายลง ต่อมาในปี ค.ศ. 1949 ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ทั้งหมดของสวนให้กลับมางดงามอีกครั้ง และได้เปิดเป็น “อุทยานหลวงชินจุกุแห่งชาติ” (National Park Shinjuku Imperial Gardens) เพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาสัมผัสกับธรรมชาติ โดยปัจจุบันนี้สวนแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น และเรียกกันว่า สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) นั่นเอง
ความยิ่งใหญ่ของ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) คือภายพื้นที่ของสวนกว่า 365 ไร่ ถูกแบ่งออกเป็นสวนถึง 3 สไตล์ คือ สวนแบบญี่ปุ่น, สวนอังกฤษ และสวนฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีมุมให้เราเดินเที่ยวกันเยอะมาก โดยเค้าทำเป็นจุดตัวเลขในแผนที่เอาไว้ถึง 10 จุด ซึ่งเราสามารถดูแผนที่ได้จากทางเข้าของสวนที่แน่นอนว่ามีให้เลือกเข้ากันได้หลายประตูเลย โดยก๊อตเดินเข้ามาจากประตูฝั่งชินจูกุ (Shinjuku Gate) ซึ่งช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ต้นไม้เค้าเริ่มกำลังเปลี่ยนสีพอดี แต่ยังไม่เข้าขั้นพีคๆ แบบแดงจ๋านา มู้ดจะเป็นฟีลสีส้มๆ น้ำตาลๆ ชวนให้อบอุ่นหัวใจมาก
สำหรับจุดแรกที่เราเดินเข้ามาเจอ คือบริเวณหมายเลข 8 ที่เรียกว่า Mother and Child Woods ลักษณะของเค้าจะเป็นสวนขนาดย่อมๆ ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้สูงชะรูด ที่หากมองผิวเผินนั้นหน้าตาคล้ายกับต้นสนมาก โดยตามพื้นดินเต็มไปด้วยตอไม้รูปทรงแปลกตาที่เหมือนงอกขึ้นมาจากดิน บางอันมีขนาดเล็กๆ เตี้ยบ้างสูงบ้างแล้วแต่ตอ ส่วนตัวก๊อตว่าบริเวณนี้เป็นโซนสวนที่เหมาะสำหรับเด็กๆ ม๊าก เพราะเค้ามีพื้นที่กว้างๆ ให้เด็กๆ ได้มาวิ่งปล่อยพลัง และได้เรียนรู้กับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
มาต่อที่บริเวณหมายเลข 5 ที่ชื่อ Japanese Traditional Garden สวนญี่ปุ่นสไตล์ชิเซ็น ไคยุ (Chisen Kaiyu Style) ที่มีสระน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง รายล้อมไปด้วยต้นไม้และหินที่ประดับประดาเอาไว้ได้อย่างสวยงาม โดนพื้นที่รอบๆ ของสระน้ำมีเส้นทางเดินเลียบไปมาท่ามกลางเนินเขาจำลองที่ลดหลั่นกันออกไป นอกจากนี้ยังมีสะพานขนาดย่อมๆ พาดผ่านอยู่บนสระน้ำให้เราได้เดินขึ้นไปยืนมองวิวลงมาจากด้านบนอีกด้วย ความเริ่ดคือ จากตรงสระน้ำมันมองออกไปเห็นฉากหลังเป็นอาคารสูงเสมือนเป็นหอนาฬิกาประจำ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ได้ด้วยนะ ถือเป็นอีกวิวที่สวยสับมาก ยกให้เป็นสวนญี่ปุ่นอีกแห่งที่จัดองค์ประกอบต่างๆ เอาไว้ได้อย่างลงตัวและสวยเอาเรื่องเลย ส่วนตัวก๊อตชอบบริเวณนี้มาก เห็นแล้วรู้เลยว่านี่คือสวนญี่ปุ่น แถมบรรยากาศยังดีงามมากๆ
ด้วยความที่พื้นที่ของสวนเค้ากว้างขวางมาก แน่นอนว่าก๊อตไม่ได้เดินเที่ยวจนครบ นี่จึงขอปิดท้ายด้วยบริเวณหมายเลข 7 กับ Kyu – Goryo – Tei (Taiwan Pavilion) สวนที่มีโครงสร้างแบบจีนดั้งเดิมที่สร้างขึ้นจากฝีมือของคนญี่ปุ่นในไต้หวัน เมื่อปี ค.ศ. 1927 เพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับรำลึกถึงพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายฮิโรชิ (Prince Hirohito) แห่งจักรพรรดิโชวะ (Showa) โดยบริเวณของสวนมีลักษณะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ตรงกลางมีศาลาตั้งอยู่เหนือผิวน้ำ ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมไปทั่วบริเวณ บรรยากาศสวยงามราวกับภาพวาดเลยแหละ เป็นอีกหนึ่งจุดที่อยากให้เดินมาชมของจริงกันมาก
สำหรับคนที่มีเวลาเหลือ แล้วอยากชื่นชมกับความงดงามของ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ไม่ว่าจะเป็นจุดชมดอกซากุระ แกลเลอรี่ ไปจนถึงเรือนกระจกก็สามารถเดินลัดเลาะไปตามแผนที่ได้เรื่อยๆ เลยนา โดยทุกจุดของเค้ามันเดินเชื่อมหากันได้ แต่เราอาจจะต้องเผื่อเวลามาเดินเที่ยวกันนานหน่อย เพราะสวนกว้างม๊ากก แต่โดยรวมแล้วใครที่อยากหลบมุมมานั่งพักท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ ก๊อตแนะนำ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) เลย ทุกอย่างมันคุ้มค่าตั๋วเข้ามาที่สุด
ช้อปปิ้งในย่านชินจูกุ (Shinjuku)
อีกหนึ่งกิจกรรมห้ามพลาดใน ชินจูกุ (Shinjuku) ที่ต้องมาทำเลยคือการช้อปปิ้งละลายทรัพย์กันจ๊า เพราะอย่างที่ก๊อตได้บอกไปในตอนต้นว่า ย่านแห่งนี้เป็นย่านศูนย์รวมความันเทิงและเอนเตอร์เทนเอาไว้ แต่ภายในเค้ายังมีแหล่งช้อปปิ้งให้เราได้มาละลายทรัพย์ล้มละลายกันอีกเพียบ ซึ่งร้านรวงทั้งหลายนั้นก็จะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟชินจูกุ (Shinjuku Station) มากนัก ดังนั้น ใครที่เดินทางมาด้วยรถไฟแล้วมาลงที่สถานีนี้ สามารถเดินขึ้นมาช้อปต่อได้เลยนา
สำหรับร้านค้าที่อยู่ภายใน ชินจูกุ (Shinjuku) ก็จะมีตั้งแต่ร้านสตรีทแบรนด์ แฟชั่นกิ๊บเก๋ แบรนด์หรู ไปจนถึงห้างสรรพสินค้า ซึ่งล้วนแล้วแต่ขายของตอบโจทย์สายแฟ สายช้อปได้เป็นอย่างดี ทั้ง ABC Mart ร้านขายรองเท้าที่รวมหลากหลายแบรนด์เอาไว้ในที่เดียว ใครที่อยากได้ New Balance, Nike, Adidas หรือ Vans รวมไปถึงรองเท้ารุ่นอื่นๆ ในราคาสบายกระเป๋าลองเดินเข้าร้านเค้าได้เลย นอกจากนี้ยังมีช็อปของ Zara ที่มีคอลเลกชันเสื้อผ้าทั้งชายและหญิงขายอยู่เยอะมาก หรือใครเป็นสาวก Uniqlo ที่ ชินจูกุ (Shinjuku) ก็มีช็อปของเค้าให้เราได้มาละลายทรัพย์อยู่ด้วย
แต่ที่พลาดไม่ได้เลย คือการมาส่องสินค้าในตึก BEAMS JAPAN ห้างสรรพสินค้าสูง 5 ชั้น ที่ภายในนั้นมีคอลเลกชันสินค้าแบรนด์ BEAMS, Ray BEAMS, BEAMS PLUS, Demi-Luxe BEAMS, BEAMS T และ BEAMS BOY ที่ขายกันตั้งแต่สินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า ของสะสม รวมไปถึงงานแฮนด์เมดต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เน้นเป็นงานเกี่ยวกับญี่ปุ่นล้วนๆ แต่ที่พิเศษเลย ที่นี่ยังมีสินค้าของ BEAMS Lights ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เค้าเพิ่งเปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 2007 ที่ผ่านมา โดยขายสินค้าเกี่ยวกับเสื้อผ้าของผู้หญิงและผู้ชายภายใต้แนวคิดชีวิตคือการเดินทาง ผ่านดีไซน์ชุดที่แสนจะเรียบง่ายที่เราทุกคนสามารถมาช้อปไปใส่ได้
นอกจากสินค้ามากมายที่ขายกันอยู่ภายใต้ตึก BEAMS JAPAN ยังมีโซนค่าเฟ่ ร้านอาหาร และแกลเลอรี่เล็กๆ อยู่ด้วย ใครที่ช้อปจนหมดแรงแล้วอยากเติมพลังก่อนไปเดินเที่ยวต่อ สามารถมาแวะหาอะไรกินกันก่อนได้ ก๊อตยกให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งห้างใน ชินจูกุ (Shinjuku) ที่ต้องมาเลย ยิ่งใครเป็นสาวก BEAMS ด้วยแล้ว บอกเลยว่าพลาดไม่ได้
หลังจากเดินส่องสารพัดสิ่งใน BEAMS JAPAN เสร็จเรียบร้อย ก๊อตก็ว๊าปไปหาอะไรกินแบบจริงจังกันต่อ ซึ่งเรายังคงอยู่ใน ชินจูกุ (Shinjuku) อยู่นา โดยร้านที่ก๊อตมาคือ Sobahouse Konjiki Hototogisu ร้านราเมงแห่งที่สามในโลกที่ได้รับดาวมิชลิน โดยทางร้านได้รับรางวัลในปี ค.ศ. 2019 รองจากร้าน Tsuta และ Nakiryu ซึ่งเมนูขึ้นชื่อของที่นี่คือ โชยุโซบะ เมนูอันเป็นเอกลักษณ์ของทางร้านที่มีให้เลือกใส่เนื้อสัตว์ได้ทั้งหมู วัว และปลา นอกจากนี้ยังมีเมนูซึเคเม็ง หรือบะหมี่จุ่ม ที่เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงไข่ หมูชาชูสไลซ์ และเครื่องเคียงอื่นๆ อีกมากมาย ใครที่อยากลองกินโซบะแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องมาลองร้านนี้เลยเชียว
ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai)
ถ้าถามถึงสถานที่เที่ยวในยามกลางคืนของเหล่าผีเสื้อราตรีทั้งหลายในโตเกียวจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ หากไม่ใช่ที่ ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) ใครอยากมาหาบาร์ไว้ดื่มยามค่ำคืนที่นี่คือตอบโจทย์มาก โดย ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) ตั้งอยู่ในย่านคาบูกิโจ (Kabukicho) ของ ชินจูกุ (Shinjuku) เปิดขึ้นมาในช่วงปี ค.ศ. 1945 ซึ่งเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในตรอกมีทั้งหมด 6 ซอยที่รวมเข้าไว้ด้วยกัน โดยในช่วงเวลานั้นตรอกแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านการเป็นตลาดมืดและย่านโคมแดงที่มีการค้าประเวณี รวมถึงเป็นย่านกินดื่มที่คึกคักสุดๆ ของเมือง จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงปี ค.ศ. 1950 ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) เริ่มได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว นักเขียน และศิลปินที่เค้าพากันแห่แหนมายังย่านแห่งนี้ จนในที่สุด ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) ก็โด่งดังขึ้นมา และได้ชื่อว่าเป็นย่านเที่ยวกลางคืนสุดป๊อบของเมืองโตเกียว (Tokyo) ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยเสน่ห์อีกอย่างของย่านคือ บรรยากาศและอาคารทั้งหมดของเค้าที่ยังตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของยุค 1950 หรือเมื่อ 70 กว่าปีก่อนนั่นเอง
มาถึง ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) ทั้งทีไม่หาร้านนั่งชิล นี่เหมือนเรามาไม่ถึงมาก สำหรับร้านแรกที่ก๊อตมา คือ ARAKU ร้านที่เปิดอยู่บนชั้นสองของอาคารที่อยู่ภายในตรอก ซึ่งการจะไปยังร้านนั้น เราจะต้องเดินลัดเลาะขึ้นบันไดมาจนถึงชั้นสองที่เป็นที่ตั้งของร้านกันก่อนนา โดยบรรยากาศของร้านเค้ามันมีความโคซี่ สบายๆ ภายในร้านมีกระดาษโน้ต และเงินสกุลต่างๆ ถูกแปะติดไปตามผนัง และเพดานเยอะมาก แบบติดกันจนแทบมองไม่เห็นสีของผนังจริงๆ เลย ซึ่งพอเราเดินเข้าไปส่องกันใกล้ๆ จะเห็นว่ามันมีข้อความเขียนเอาไว้บนกระดาษและเงินเหล่านั้นด้วย ก๊อตเองมีพกแบงก์ 20 บาทบ้านเราไปพอดี เลยเอามาเขียนข้อความลงไปแล้วนำไปแปะผนัง ฟีลเหมือนเราได้มาเช็คอินแล้วนา
ในส่วนของเครื่องดื่ม ก๊อตบอกเลยว่า ใครเป็นสายซอฟต์ ไปจนถึงสายแข็งที่นี่เค้ามีเครื่องดื่มเหมาะกับทุกคนเลย ซึ่งก๊อตเองก็จิ้มสั่งเครื่องดื่มมาเป็น “มัทฉะผสมแอล” ที่เสิร์ฟมาเหมือนมัทฉะนมทั่วไป แต่รสสัมผัสที่ดื่มเข้าปากคำแรกนั้น หวานหอมมัทฉะสุดๆ รสชาติเดียวกับมัทฉะนมเลย ดิ่มได้เพลินๆ แต่บอกก่อนว่าดื่มไปสัก 3 แก้ว มีมึนหัวเดินเซกันแน่นอน
สรุปแล้วก๊อตยกให้ร้าน ARAKU เป็นอีกร้านที่ควรมา เค้าเป็นอีกหนึ่งบาร์ที่มีความเป็นบาร์ Hidden Gem เล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกแห่งนี้ได้อย่างแนบเนียน อีกทั้งบรรยากาศร้านดีมีกิมมิคน่ารักๆ อย่างพวกแปะโน้ต ติดเงินตามผนังร้านที่มองแล้วเพลินตาถ่ายรูปเก๋ไปอีกแบบ ส่วนเครื่องดื่มแต่ละอย่างของเค้าก็มีความครีเอทสุดๆ เสิร์ฟออกมาได้แบบประทับใจเว่อร์ และหลังจากเราเช็คบิลเรียบร้อยแล้ว ก๊อตก็เดินกลับออกมาบริเวณตรอกด้านนอก พลางเดินชมแสง สี เสียงของ ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) ได้ฟีลแบบชิลๆ อีกด้วย
โดยรวมแล้ว ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวในโตเกียว (Tokyo) ที่ใครชื่นชอบบรรยากาศการเที่ยวในยามค่ำคืน หรือกำลังมองหาที่นั่งชิลๆ ท่ามกลางเมืองใหญ่ที่ให้ฟีลเหมือนเราได้ย้อนยุคกลับไปเที่ยวบาร์ในสมัยก่อน คลาคล่ำไปด้วยแสง สี และป้ายไฟนีออนอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ก๊อตคิดว่าสายคอนเท้นต์มาแล้วจะต้องชอบ เพราะไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหนก็ถ่ายรูปออกมาได้สวยสับมาก ใครแพลนเที่ยวโตเกียวอย่าลืมมาที่นี่ด้วยนา
ชินจุกุ ซันโชเมะ (Shinjuku San-chome)
ไม่ไกลจาก ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) มากนัก จะมีอีกหนึ่งย่านที่แม้จะไม่ได้โด่งดังเท่า แต่บรรยากาศก็คึกคักไม่แพ้กัน นั่นคือ ชินจูกุ ซันโจเมะ (Shinjuku-Sanchome) ที่ภายในย่านแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารนานาชาติ รวมไปถึงร้านอาหารญี่ปุ่นแบบโลเคิล ร้านคาราโอเกะ และบาร์ดนตรีที่ว่าดีมากที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว (Toyko) เลยแหละ
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ชินจุกุ ซันโชเมะ (Shinjuku San-chome) ก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับ ตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) ซึ่งก็คือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยถนนเส้นนี้จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าตรอกโกลเด้นไก (Golden Gai) ซึ่งบรรยากาศภายในย่านแห่งนี้ก็จัดจ้านเต็มไปด้วยแสง สี เสียงไม่แพ้กัน โดยบริเวณบนถนนสายหลักของ ชินจุกุ ซันโชเมะ (Shinjuku San-chome) เต็มไปด้วยบาร์แบบดั้งเดิมที่มีกลิ่นอายของความโลคอลญี่ปุ่นตั้งเรียงรายกันเข้าไปเป็นตับ อีกทั้งบรรยากาศก็ดูครึกครื้นเพราะมีนักท่องราตรีชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมาย โดยร้านรวงส่วนใหญ่ที่อยู่ตามสองข้างทางของ ชินจุกุ ซันโชเมะ (Shinjuku San-chome) เค้าจะเน้นขายเครื่องดื่มเป็นร้านแบบอิซากายะ (Izakaya) ไปจนถึงอาหารญี่ปุ่นหลากหลายประเภทให้เราได้มาเลือกเดินกิน อันนี้เลือกเข้าร้านตามชอบได้เลยนา
โดยส่วนตัวก๊อตไปลองกินมาร้านนึง แต่บอกก่อนว่าเราจำชื่อร้านไม่ได้ รสชาติอาหารและราคาของเค้าจัดว่าดีเลยแหละ ซึ่งบรรยากาศร้านจะเป็นไวบ์บาร์เก่าแก่ ตกแต่งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ตอนเราไปคนในร้านไม่เยอะมาก เลยไม่ได้รู้สึกแออัดใดๆ ซึ่งก๊อตได้ลองสั่งเครื่องดื่มเป็น Sour Cocktail มาดื่มกัน มันจะเป็นเครื่องดื่มผลไม้ผสมแอล ที่ดื่มแล้วรสชาติเหมือนกินผลไม้ผสมโซดา มีความเปรี้ยวหวานซ่าๆ ดื่มง่ายมาก แต่นั่นละ ดื่มเยอะมีน็อกแน่นอน 555555
เกร็ดความรู้เล็กน้อยจากไกด์นำเที่ยวที่ก๊อตได้ฟังมา เค้าเล่าว่าจริงๆ แล้วคนญี่ปุ่นในวัยทำงาน หรือวัยผู้ใหญ่ เค้าจะชอบดื่มเบียร์กันมาก ส่วนเหล่าวัยรุ่นจะชอบสั่ง Sour Cocktail อย่างที่ก๊อตสั่งเมื่อครู่ โดยเค้าจะสั่งมากินคู่กับยากิโทริ ไก่ย่างเสียบไม้แบบญี่ปุ่นเป็นของกับแกล้ม ซึ่งจะมีทั้งแบบย่างโรยเกลือ ไปจนถึงย่างราดซอสรสเด็ดของทางร้าน นอกจากนี้ยังนิยมกินคู่กับไก่ทอดราดซอสนัมบังกันอีกด้วย
กินเสร็จแล้วเป็นอันจบการเดินเที่ยวใน ชินจุกุ ซันโชเมะ (Shinjuku San-chome) โดยรวมก๊อตว่าเค้าเป็นอีกหนึ่งย่านที่ใหญ่เอาเรื่อง มีถนนหลายซอยให้ได้เดินสำรวจท่ามกลาง แสง สี เสียง กันแบบจัดเต็มไม่แพ้ย่านกลางคืนอื่นๆ เลย นอกจากเดินเที่ยว กินแล้ว ใครที่อยากหากิจกรรมผ่อนคลาย หรืออยากดูการแสดงท้องถิ่นของญี่ปุ่น ชินจุกุ ซันโชเมะ (Shinjuku San-chome) ยังมี Shinjuku Suehirotei โรงละครเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมากว่า 100 ปี โดยที่นี่นับว่าเป็นโรงละครเก่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในเมืองแม้จะผ่านช่วงสงครามมาแล้วก็ตาม ซึ่งรอบการแสดงจะมีอยู่ด้วยกัน 2 รอบ คือ รอบกลางวัน 12:00 – 16:30 น. และรอบกลางคืนเวลา 17:00 – 21:00 น. ใครมีเวลาเหลือๆ ลองซื้อตั๋วเข้าไปชมได้นา
Cross Shinjuku Vision
หนึ่งในแลนด์มาร์คใหม่ของโตเกียวที่ต้องมาเลยดูเลยคือ Cross Shinjuku Vision หรือชื่อเล่นที่หลายคนเรียกกันก็คือ “แมวสามสีที่ชินจูกุ” กับภาพสามมิติของเจ้าเหมียวสามสีหน้าตาน่ารักน่าชังที่โผล่อยู่บนจอ LED 3D ในท่าทางที่กำลังเดินส่องสำรวจและเล่นกับผู้คนที่เดินผ่านไปบริเวณชินจูกุ (Shinjuku) ซึ่งทุกแอคชั่นของน้องนั้น หากเรายืนดูจอในมุมที่ถูกองศา มันจะเหมือนว่าเจ้าเหมียวเค้ากำลังจะหลุดออกมาจากจอ LED กันเลยทีเดียว ถือเป็นอีกมุมป๊อบที่ต้องมาแช๊พภาพนั่นเอง
สำหรับเจ้าเหมียวตัวสีดำ ส้ม ขาว หรือที่ผู้คนในย่านนี้เรียกกันว่า “แมวสามสี” นั้น เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2021 โดย Cross Shinjuku Vision ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็คือจอบิลบอร์ดโฆษณาเลยทุกคน แต่ด้วยความที่เค้ามีความสามมิติสมจริง เวลามายืนดูแล้วให้ฟีลเหมือนเจ้าเหมียวจะออกมานอกจอได้จริงๆ ทีนี้คนก็ถ่ายคลิป และรูปไปโพสต์ลงโซเชียลจนกลายเป็นไวรัลและทำให้ผู้คนรวมไปถึงนักท่องเที่ยวมาตามรอยนั่นเอง
ตรอกโอโมอิเดะโยโกโจ (Omoide Yokocho)
ที่เที่ยวสุดท้ายก๊อตพาทุกคนไปนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปสู่อดีตของเมืองโตเกียว (Tokyo) ในช่วงเกือบ 80 ปีที่ผ่านมา กันที่ ตรอกโอโมอิเดะโยโกโจ (Omoide Yokocho) ที่อยู่ใกล้กับประตูทางออกทิศตะวันตกของสถานีรถไฟชินจูกุ (Shinjuku Station) เป็นอีกหนึ่งย่านบาร์เก่าแก่และคึกคักไม่แพ้ตรอกอื่นๆ โดยเค้าตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร มีต้นกำเนิดมาจากตลาดกลางแจ้งที่ก่อตัวขึ้นภายใต้เศษซากปรักหักพังของโตเกียว (Tokyo) ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งปัจจุบันนี้แม้จะเปลี่ยนมาเป็นตรอกท่องเที่ยว แต่ผู้คน ร้านค้าที่อยู่ภายในตรอกแห่งนี้ยังคงรักษาบรรยากาศและกลิ่นอายของโตเกียวในยุคก่อนเอาไว้เป็นอย่างดี ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนญี่ปุ่นแท้ๆ และนักท่องเที่ยวนิยมมาสังสรรค์ ดื่มด่ำกับบรรยากาศในยามค่ำคืนนั่นเอง
ย้อนกลับไปในช่วงปี ค.ศ. 1946 ซึ่งเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พื้นที่รอบๆ ทางทิศตะวันตกของสถานีรถไฟชินจูกุ (Shinjuku Station) ปกคลุมไปด้วยเศษซากของอาคาร บ้านเรือน เศษหินมากมายจากการถูกทำลายลงในช่วงสงครามที่ผ่านมา ซึ่งบริเวณด้านหน้าของ สถานีรถไฟชินจูกุ (Shinjuku Station) จากเดิมที่เคยมีแผงขายของริมถนน ทั้งขายเสื้อผ้า รองเท้า สบู่ และข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันอื่นๆ รวมไปถึงร้านอาหารที่มีหลังคาคลุมในขณะนั้น ได้ถูกเผาทำลายลง ต่อมาได้มีการผุดตลาดมืด “Lucky Street” ซึ่งเป็นตลาดเปิดแผงขายของริมถนนแบบร้านใครร้านมันได้เติบโตขึ้น จนกลายมาเป็น ตรอกโอโมอิเดะโยโกโจ (Omoide Yokocho) ในช่วงขณะนั้น ซึ่งที่นี่ไม่เพียงแค่เปิดแผงขายของจิปาถะและร้านอาหารเท่านั้น แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นตรอกที่ทำหน้าที่เป็นสถานีสำหรับกระจายผู้คนและสินค้า ส่งผลให้มีพ่อค้า แม่ค้า เริ่มต้นเข้ามาทำธุรกิจภายในตรอกแห่งนี้กันมากมาย
ต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1947 ตรอกโอโมอิเดะโยโกโจ (Omoide Yokocho) มีการปราบปรามสินค้าควบคุมอย่างเข้มงวด ส่งผลกระทบต่อแป้งที่ใช้ทำบะหมี่ราเมง และแป้งสำหรับทำแพนเค้ก ส่งผลให้การทำธุรกิจในตรอกแห่งนี้กลายเป็นเรื่องที่ดูยากลำบากมากยิ่งขึ้น ร้านอาหารมากมายเริ่มมีการปรับตัว แต่โชคยังดีที่ทางการเค้ามีสินค้าที่ไม่ได้รับการควบคุมอย่าง เครื่องในวัว และเครื่องในหมู หลงเหลือให้ได้หยิบมาปรุงเป็นอาหารขายกัน นั่นทำให้หลังจากนั้นเป็นต้นมา พ่อค้า แม่ค้าในตรอกแห่งนี้จึงเปลี่ยนมาขายเครื่องในย่าง ซึ่งมันก็ได้รับความนิยมและผลตอบรับที่ดี โดยปัจจุบันนี้เรายังคงเห็นร้านค้ามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เปิดเป็นร้านโมสึยากิยะ (Motsuyakiya) ร้านขายเครื่องในย่าง และร้านยากิโทริยะ (Yakitoriya) ร้านขายไก่ย่างเสียบไม้ขายกันอยู่แบบละลานตาเว่อร์
ใครที่อยากลิ้มรสเมนูปิ้งย่างญี่ปุ่นแท้ๆ ลองเดินเลือกร้านที่ชอบแล้วเข้าไปสั่งมากินได้นา ร้านส่วนใหญ่ฟีลดีมาก เป็นแบบนั่งอยู่ในบาร์เล็กๆ ที่มีเจ้าของร้านมายืนปิ้งสารพัดเมนู พร้อมทั้งเสิร์ฟเครื่องดื่ม และยืนพูดคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง บรรยากาศมันสบายๆ ที่สุด ส่วนใครที่เป็นสายคอนเท้นต์ตรอกนี้ก็ไม่น้อยหน้าใครนา เพราะบรรยากาศตอนกลางคืนของเค้ามันมีแสงสีจากโคมแดง และป้ายต่างๆ เปิดสู้กันแบบจี้ดจ้าดมาก บอกเลยว่าไปยืนโพสต์ท่ามุมไหนก็ได้รูปสวยสับสุดๆ
สรุปการมาเที่ยวย่านชินจูกุ (Shinjuku)
และนี่ก็คือแพลนเที่ยวทั้งหมดของก๊อตใน ย่านชินจูกุ (Shinjuku) ที่เราไปมากัน บอกเลยว่านี่เป็นอีกหนึ่งย่านที่ช้อปปิ้งสนุก และเที่ยวราตรีเริ่ดมาก ใครที่ตั้งเป้ามาเพื่อช้อป นี่ว่ามาย่านนี้กระเป๋าแฟบกลับบ้านกันแน่นอน เพราะเค้ามีสินค้าขายกันตั้งแต่มัลติแบรนด์ ไปจนถึงแบรนด์ดังๆ ระดับไฮเอนด์ให้เราได้เดินช้อปกันจนขาลาก ยิ่งใครที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนท่ามกลางแสง สี เสียง และกลิ่นอายความเก่าแก่ด้วยแล้ว ชินจูกุ (Shinjuku) เป็นอีกย่านที่ครบเครื่องมาก เพราะเต็มไปด้วยตรอกต่างๆ อยู่มากมาย ที่นอกจากเราจะได้มานั่งดื่มชิลๆ แล้ว ยังได้มาสัมผัสกับวัฒนธรรมและบรรยากาศที่เหมือนว่าแต่ละตรอก แต่ละซอยที่เราย่างเท้าเข้าไปนั้น ได้พาเราย้อนเวลากลับไปสู่ญี่ปุ่นเมื่อเกือบ 80 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้เลยทำให้ ชินจูกุ (Shinjuku) เค้าเป็นย่านที่มีเสน่ห์เหมาะกับการเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในการมาเที่ยว เมื่อมาเยือนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡