สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ใครอยากหลีกหนีจากบรรยากาศเมืองโตเกียวอันพลุกพล่าน ให้ธรรมชาติได้ฮีลใจเราให้คลายเหนื่อย อีกที่เที่ยวในโตเกียวที่ก๊อตอยากให้ลองมาเดินปล่อยใจจอยๆ กันมากก็คือ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) กับพื้นที่สวนกว่า 365 ไร่ ที่ภายในถูกแบ่งสรรปันส่วนให้เราได้เดินทอดน่อง ชมนก ชมไม้ผ่านสวนที่ถูกจัดออกมาได้งดงามถึง 3 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น สวนญี่ปุ่น สวนอังกฤษ และสวนแบบฝรั่งเศส ที่เค้าเอาไวบ์ความต่างของแต่ละสวนมามิกซ์รวมกันให้เราได้เดินเที่ยวชมกันแบบเพลินตา เอ้า ใครมาเที่ยวโตเกียวแล้วฟูลฟีลกับการเดินเที่ยวเมืองแบบฉ่ำๆ แล้ว ลองเปลี่ยนมู้ดมาเดินเที่ยวในสวนแห่งนี้ดูได้ เพราะนอกจากบรรยากาศจะสบาย ๆ เงียบสงบแล้ว มุมต่างๆ ที่เค้าจัดเอาไว้ก็สวยเริ่ดถ่ายรูปสนุกม๊ากกก
- รีวิวเต็ม โตเกียว (Tokyo) 28 ที่เที่ยว
- รีวิวเต็ม Tokyo Disneyland แบบละเอียด
- รีวิวเต็ม Tokyo Disneysea แบบละเอียด
- รีวิวเต็ม Harry Potter – Warner Bros. Studio Tour Tokyo แบบละเอียด
- โรงแรมและที่พักแนะนำในโตเกียว (Tokyo)
- ส่วนลด Klook / ส่วนลด Agoda
รู้จักกับ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen)
สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) คือสวนสาธารณะแห่งชาติกลางเมืองในย่านชินจูกุ (Shinjuku) และยังเป็นหนึ่งในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโตเกียว (Tokyo) โดยสวนแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1909 บนพื้นที่เขตคฤหาสน์ของตระกูลขุนนางตระกูลไนโตะ (Naito) ในสมัยเอโดะ เพื่อเป็นสวนที่ใช้สำหรับพักผ่อนของราชวงศ์ จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ได้ถูกโจมตีทางอากาศและพื้นที่ส่วนใหญ่ของสวนถูกทำลายลง ต่อมาในปี ค.ศ. 1949 ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ทั้งหมดของสวนให้กลับมางดงามอีกครั้ง และได้เปิดเป็น “อุทยานหลวงชินจุกุแห่งชาติ” (National Park Shinjuku Imperial Gardens) ให้ผู้คนได้เข้ามาเดินเที่ยวชมความงามของธรรมชาติ โดยปัจจุบันนี้สวนแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น โดยเรียกกันว่า สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen)
สำหรับ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 365 ไร่ ภายในผสมผสานสวนเอาไว้ด้วยกันถึง 3 สไตล์ คือ “สวนแบบญี่ปุ่น” ที่มีภูมิทัศน์แบบสวนญี่ปุ่นดั้งเดิมโดดเด่นด้วยสระน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางสวน รอบๆ รายล้อมไปด้วยสะพาน ศาลาศาลาริมน้ำไต้หวัน ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม สวนในโซนที่สองคือ “สวนอังกฤษ” ที่จะเป็นสนามหญ้าโล่งๆ ขนาดใหญ่ ห้อมล้อมไปด้วยต้นซากุระมากมาย และสวนในโซนสุดท้าย คือ “สวนฝรั่งเศส” ที่เน้นเฉพาะต้นไม้เขียวๆ ให้ความร่มรื่น โดยเป็นโซนที่จะไม่มีดอกไม้ให้เห็นมากนัก แต่การจัดองค์ประกอบต่างๆ นั้นยังคงงดงามเช่นกัน นอกจากทั้ง 3 โซนแล้ว ภายใน สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ยังมีมุมอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งพื้นที่เขียวๆ สนามหญ้า เรือนกระจกที่เต็มไปด้วยดอกไม้เมืองร้อนและกึ่งเขตร้อนอยู่มากมาย สิ่งปลูกอื่นๆ อย่างศาลาในอีกหลายมุม รวมไปถึงยังมีศูนย์ให้บริการข้อมูล และแกลเลอรี่ศิลปะอีกด้วย
ปัจจุบัน สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนเค้านิยมมาดูดอกซากุระบานกันมาก เพราะที่นี่มีดอกซากุระอยู่นับ 10 สายพันธุ์ โดยในช่วงปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ต้นซากุระสายพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ (ซากุระสายพันธุ์ที่พบเห็นได้ทั่วไปที่สุดในประเทศญี่ปุ่น) มากกว่า 400 ต้นจะบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวนอังกฤษ กลายเป็นทุ่งสีชมพูฟรุ้งฟริ้งและเป็นจุดฮิตที่เหมาะกับการมาดูซากุระบานมากที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียวเลย แต่ถ้าใครมาเที่ยวที่ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ยาวไปจนถึงกลางเดือนธันวาคม จะเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่บรรยากาศงดงามไม่แพ้กัน เพราะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งในโซนสวนญี่ปุ่นเค้ามีต้นเมเปิ้ลปลูกอยู่มากมาย โดยช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่สวนญี่ปุ่นแต่งแต้มไปด้วยสีส้ม สีแดงให้ไวบ์ที่สดใสมากๆ ดังนั้น ใครจะมาตามรอยเที่ยวที่นี่ลองแพลนช่วงเวลามาล่วงหน้าก่อนได้ เพราะจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสวยๆ กันแบบจุใจนั่นเอง
ค่าเข้าชมสวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen)
สำหรับใครจะมาเดินชมความงดงามของสวนและธรรมชาติเขียวๆ ภายใน สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) จะต้องเสียค่าเข้าชมด้วยนา โดยจมีรายละเอียดด้านล่างนี้เลย
- ราคาค่าเข้าชมสวน:
- ผู้ใหญ่ : คนละ 500 เยน (~120 บาท)
- อายุ 65 ปีขึ้นไป : คนละ 250 เยน (~60 บาท)
- เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี : เข้าฟรี
- ราคาค่าเข้าชมสวน:
วิธีการเดินทางมาที่สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen)
รถไฟ: วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟ โดยสถานีรถไฟที่ใกล้กับ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) มากที่สุดคือ สถานีชินจูกุ เกียวเอ็น มาเอะ (Shinjuku Gyoen mae Station), สถานี Shinjuku 3 chome Station และสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ซึ่งสามารถเดินทางมาตามนี้ได้เลย
- โดยรถไฟ JR :
- สถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) : ให้ขึ้นรถไฟ JR Keio Odakyu Lines นั่งมาลงที่ สถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
- โดยรถไฟใต้ดิน (Tokyo Metro):
- สถานีชินจูกุ เกียวเอ็น มาเอะ (Shinjuku Gyoen mae Station) : ให้ขึ้นรถไฟสาย Marunouchi Subway Line นั่งมาลงที่ สถานีชินจูกุ เกียวเอ็น มาเอะ (Shinjuku Gyoen mae Station) ใช้ประตูทางออก 1 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
- สถานี Shinjuku 3 chome Station : ให้ขึ้นรถไฟสาย Toei Shinjuku Subway Line นั่งมาลงที่สถานี Shinjuku 3 chome Station ใช้ประตูทางออก C1 หรือ C5 แล้วเดินต่อปอีกประมาณ 5 นาที
บัตรเดินทางต่างๆ ในโตเกียว
- 🎫 บัตรโดยสารรถไฟใต้ดินโตเกียวแบบไม่จำกัด (1, 2 หรือ 3 วัน) [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 บัตร Welcome Suica และบัตรโดยสารรถไฟ JR สำหรับ 1 วัน [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 JR Tokyo Wide Pass : ใช้ขึ้นสายรถไฟ JR สำหรับเที่ยวเมืองยอดนิยมต่างๆ รอบโตเกียว โดยมีเมืองฮิตอย่าง คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ที่มีภูเขาไฟฟูจิ, นิกโก้ (Nikko), โยโกฮาม่า (Yokohama), คาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) / มีแบบ 3 วัน ราคาเริ่มต้นราวๆ ~3,600 บาท [ซื้อผ่าน Klook]
เริ่มเที่ยว สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) กันเล้ยย
ก๊อตบอกก่อนเลยว่า ภายใน สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) นั้นเค้ามีมุมให้เราเดินเที่ยวกันเยอะมาก โดยเค้าทำเป็นจุดตัวเลขในแผนที่เอาไว้ถึง 10 จุด ซึ่งเราสามารถดูแผนที่ได้จากทางเข้า เพื่อง่ายต่อการดูและเดินชมธรรมชาติ และแน่นอนว่าด้วยความที่สวนเค้ายิ่งใหญ่ครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยไร่ ประตูทางเข้าสู่สวนจึงสามารถเข้าได้จากหลายทิศทาง โดยก๊อตเดินเข้ามาจากประตูฝั่งชินจูกุ (Shinjuku Gate) ซึ่งช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ต้นไม้เค้าเริ่มกำลังเปลี่ยนสีพอดี แต่ยังไม่เข้าขั้นพีคๆ แบบแดงจ๋าเด้อ จะเป็นฟีลสีส้มๆ น้ำตาลๆ ชวนให้อบอุ่นหนุบหนับใจมากกว่า
โดยจุดแรกที่ก๊อตเดินเข้ามาเจอจากแผนที่ของสวน คือบริเวณหมายเลข 8 ที่เรียกว่า Mother and Child Woods ลักษณะเป็นสวนขนาดย่อมๆ ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้สูงชะรูด ที่หน้าตาเค้าคล้ายกับต้นสนมากเว่อร์ ตามพื้นดินเต็มไปด้วยต่อไม้ที่เหมือนงอกขึ้นมาจากดินรูปทรงแปลกตา แต่มีขนาดเล็กๆ เตี้ยบ้างสูงบ้างแล้วแต่ต้น โดยบริเวณนี้เป็นสวนที่เหมาะสำหรับเด็กๆ ที่จะได้มาวิ่งเล่นเพลิดเพลินไปพื้นที่สวนกว้างๆ และได้เรียนรู้กับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ซึ่งตอนที่ก๊อตไปนั้นเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีพอดี ต้นไม้รอบๆ บริเวณนี้เลยจะผลัดใบเป็นสีส้มน้ำตาลทำให้ไวบ์มันดูอบอุ่นมาก
เดินไปต่อที่บริเวณหมายเลข 5 ที่ชื่อ Japanese Traditional Garden สวนญี่ปุ่นสไตล์ชิเซ็น ไคยุ (Chisen Kaiyu Style) ที่มีสระน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง ตกแต่งด้วยต้นไม้และหินเอาไว้อย่างงดงาม รอบๆ สระมีเส้นทางเดินเลียบไปมาให้เราได้เดินชมทิวทัศน์ท่ามกลางเนินเขาจำลองที่ลดหลั่นกันออกไป อีกทั้งยังมีสะพานขนาดย่อมๆ พาดผ่านสระน้ำให้เราได้ขึ้นไปยืนมองวิวลงมาจากด้านบนอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสวนญี่ปุ่นอีกแห่งที่จัดองค์ประกอบต่างๆ เอาไว้ได้อย่างลงตัวและสวยเอาเรื่องเลย โดยความเริ่ดอีกอย่างของบริเวณนี้ นอกจากต้นไม้ที่เราไปเจอกำลังเปลี่ยนไปเป็นสีแดงแล้ว จากตรงสระน้ำยังมองออกไปเห็นฉากหลังเป็นอาคารสูงเสมือนเป็นหอนาฬิกาประจำ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) อีกด้วย ส่วนตัวก๊อตชอบบริเวณนี้มาก เพราะเค้าจัดสวนออกมาได้มีเอกลักษณ์ คือมองปุ๊บรู้ได้ทันทีเลยว่านี่คือสวนญี่ปุ่น ซึ่งจังหวะที่เราเดินผ่านพื้นหญ้าโล่งๆ ก็จะมีคนญี่ปุ่นมานั่งปิกนิกจับกลุ่มกันอยู่ใต้ต้นไม้ด้วยนา เป็นบรรยากาศที่สบายตาสุดๆ
เนื่องจากสวนเค้าโคตรกว้าง และก๊อตรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วว่า เราคงเดินไล่เก็บไม่ครบทุกมุมแน่นอน จึงขอปิดท้ายเดินเที่ยวใน สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) กันที่บริเวณหมายเลข 7 กับ Kyu – Goryo – Tei (Taiwan Pavilion) สวนที่มีโครงสร้างแบบจีนดั้งเดิมที่สร้างขึ้นจากฝีมือของคนญี่ปุ่นในไต้หวัน เมื่อปี ค.ศ. 1927 เพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับรำลึกถึงพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายฮิโรชิ (Prince Hirohito) แห่งจักรพรรดิโชวะ (Showa) โดยบริเวณนี้มีลักษณะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ตรงกลางมีศาลาตั้งอยู่เหนือผิวน้ำ ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมจนเกิดเป็นร่มเงาสะท้อนลงสู่ผิวน้ำ ให้ไวบ์ที่ยิ่งใหญ่และสวยอลังมาก เหมือนไม่ได้มาหยุดยืนมองสวนแต่กำลังยืนดูภาพวาดแบบนั้นเลยแหละ
สำหรับใครที่มีเวลาเหลือๆ แล้วอยากจะเดินเล่นชมบรรยากาศในมุมอื่นๆ ของ สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) อย่างจุดชมดอกซากุระ แกลเลอรี่ ไปจนถึงเรือนกระจกก็สามารถเดินลัดเลาะไปตามแผนที่ได้เรื่อยๆ เลยนา สวนเค้าสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้หมดเลย แต่บอกก่อนว่าอาจจะต้องเผื่อเวลามาเดินเล่นในนี้มากหน่อย เพราะพื้นที่เค้ากว้างขวางมาก คือเราเดินเที่ยวเล่นกันได้ทั้งวันเลยเชียว สรุปเลยใครที่อยากหลบมุมมานั่งพักท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ และสวนที่มีพื้นที่ให้เดินชมกันแบบละลานตา สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) คืออีกจุดหมายหนึ่งของโตเกียวที่ควรค่าแก่การเสียเงินเข้ามามาก คือแนะนำจริงๆ หากใครได้มาตามรอยจะรู้เลยว่าก๊อตไม่ได้พูดเว่อร์นะ สวนเค้าเลอค่ามากๆ
หมดอายุ: 10-10-2024
หมดอายุ: 10-10-2024
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡