มาเก๊า (Macao) นี่เป็นเมืองอันมีเสน่ห์ที่ผสมคลุกเคล้า กลิ่นอายของวัฒนธรรมจีนและโปรตุเกสที่เข้ากันได้อย่างดิบดี สิ่งนี้แหละที่ทำให้มาเก๊าไม่เหมือนใครที่ไหน หลังจากที่ปีที่ผ่านมาที่ได้ไปเที่ยวมาเก๊ามารอบหนึ่งแล้ว ด้วยความติดใจมาเก๊าและอยากมาเที่ยวอีก ปีนี้เลยขอมาเที่ยวมาเก๊าอีกรอบเพื่อเก็บที่เที่ยวให้ครหมดทั้งเมือง เพราะรอบที่แล้วว่าเก็บเยอะแล้ว แต่ยังไม่หมดจ๊าาา 555555
มาเก๊ารอบนี้นี่เลยมาตามเก็บที่เที่ยวที่เหลือ อีกทั้งยังตามล่าเก็บจุดถ่ายรูปคูลๆในมาเก๊า ที่เมื่อลงอินสตาแกรมของเราเมื่อไหร่ ไลค์ต้องทะลักแน่นอน สุดท้าย สิ่งที่พิเศษของการมาเที่ยวมาเก๊ารอบนี้นั้นเป็นช่วงที่เค้าเริ่มจัดงาน Art Macao พอดี ก๊อตเลยจัดเวลาไปชมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองบ้าน จะเก๋ เริ่ด ชิคขนาดไหน เอาเป็นว่ามาเริ่มต้นเที่ยวมาเก๊าปีนี้กันได้เล้ย!
เดินทางในมาเก๊าง่ายๆ ด้วยบัตร Macau Pass
การเที่ยวและการเดินทางของเราในมาเก๊าจะง่ายมากยิ่งขึ้นเมื่อเรามีบัตร Macau Pass ที่เราสามารถซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven และร้าน K-Circle นะแจ๊ะ บัตรนี้เราสามารถใช้จ่ายได้เกือบทุกอย่างในมาเก๊าเลย ไม่ว่าจะเป็นค่ารถ การซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ หรือแม้จ่ายค่าข้าวตามร้านอาหาร ซึ่งนี่แนะนำให้ซื้อมากก โดยเฉพาะเวลาเราขึ้นรถเมล์ เราแค่แตะจ่ายเงินง่ายๆโดยที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องเหรียญที่ต้องจ่ายพอดีของค่าโดยสาร เพราะถ้าเราไม่มีเศษเหรียญหยอดงี้ นี่บอกก่อนว่าลุงคนขับเค้าไม่ทอนเงินเนอะ และที่พีคและดีสุดคือ การขึ้นรถเมล์ด้วยบัตร Macau Pass นั้น เราจะจ่ายค่ารถครึ่งราคาเท่านั้น! คือต้องซื้อแล้วป่ะ
※ ราคาบัตร Macau Pass (มาเก๊าพาส) อยู่ที่ $130 ใช้ได้จริง $100 ส่วนอีก $30คือค่ามัดจำ ($25) และค่าธรรมเนียมการออกบัตร ($5) และการเติมเงินขั้นต่ำแต่ละครั้งอยู่ที่ $50 เด้อ // ใครที่อยากได้ค่ามัดจำคืน คือต้องไปคืนบัตรที่สำนักงาน Macau Pass Office ซึ่งเค้าบอกกันว่ามันอยู่แถว Senado Square แต่นี่พยายามดินตามหาแล้วไม่เจอเหมือนเดิม 555555
สรุปประโยชน์ Macau Pass
- ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาเหรียญมาหยอดให้พอดีกับค่ารถ เพราะถ้าหยอดเกิน เค้าไม่มีเงินทอนให้นาจา 5555555
- ค่ารถเมล์ปกติจะอยู่ที่ $6 ตลอดสาย แต่เมื่อเราใช้ Macau Pass มันจะหักไปแค่ $3เอ๊งแกร๊ ลดไป 50% เลยนะเว้ย
- Macau Pass สามารถใช้จ่ายเงินได้ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านชานมทั้งหลายแหล่ และร้านอาหารหลายๆร้านอีกด้วย โคตรดีย์
เริ่มเที่ยวมาเก๊ากันเลย!
โบสถ์พระแม่เพนญ่า (Chapel of Our Lady of Penha)
เรามาเริ่มต้นเที่ยวมาเก๊าที่แรกด้วยการมาชมวิวมุมสูงของมาเก๊านั่นเอง ซึ่งนี่อยากจะแนะนำ หากใครที่อยากดูวิวเมืองมาเก๊าแบบรอบด้าน ทั้งตัวฝั่งคาบสมุทรมาเก๊าเอง และฝั่งไทปา (Taipa) เราสามารถขึ้นมาที่ โบสถ์พระแม่เพนญ่า (Chapel of Our Lady of Penha) เพื่อชมวิวมาเก๊าได้แบบฟรีๆ ยิ่งถ้าเรามาตอนกลางคืน หรือมาตอนที่มาเก๊ามีงานพลุประจำปีล่ะก็ หน้าโบสถ์แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ดีและสวยที่สุดในมาเก๊าเลยทีเดียวแหละ
นอกจากวิวมาเก๊าที่สวยจากมุมนี้แล้ว ตัว โบสถ์พระแม่เพนญ่า (Chapel of Our Lady of Penha) ยังสวยงาม และมีเสน่ห์อีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1622 นับจนถึงตอนนี้ มีอายุเกือบ 400 ปีแล้ว เราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมด้านในของตัวโบสถ์ได้ด้วย ซึ่งตอนที่ก๊อตได้ไปเที่ยวนั้น ได้แต่ยืนตรงประตูทางเข้า เนื่องจากตอนนั้นเค้ามีพิธีทางศาสนากันอยู่ แต่นี่บอกเลยว่าขนาดยืนดูไกลๆจากฝั่งประตูโบสถ์ ภายในโคตรสวยและดูสมบูรณ์มาก จนนี่ไม่อยากจะเชื่อว่าโบสถ์เค้ามีอายุเกือบ 400 ปีจริงๆ
บ้านแมนดาริน (Mandarin’s House)
เดินลงมาจาก โบสถ์พระแม่เพนญ่า (Chapel of Our Lady of Penha) เราสามารถเที่ยว บ้านแมนดาริน (Mandarin’s House) ต่อได้เลย เพราะมันอยู่ห่างกันไม่ไกลมาก เราสามารถเข้าชมบ้านแมนดาริน (Mandarin’s House) ได้ฟรี และที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะมากไม่ว่าจะเป็นด้านนอกอาคาร หรือในตัวบ้านนั่นเอง ส่วนมุมที่เก๋และฮิตที่สุดจนแทบจะกลายเป็นมุม Siganture ของที่นี่ นั่นคือ ประตูวงกลมทางเข้า โอยย อันนี้ไม่ถ่ายไม่ได้เลยนะ บอกเลยว่าเก๋ไก๋สุดในย่านนี้แล้ว
บ้านแมนดาริน (Mandarin’s House) ที่เรายืนอยู่นี้ ถือเป็นบ้านแบบคอมเพล็กซ์ที่ใหญ่ที่สุดในมาเก๊าในพื้นที่ขนาด 4,000 ตร.ม. กับห้องภายในอาคารมากกว่า 60 ห้อง อีกทั้งสไตล์ตัวตึกยังมีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมผสมระหว่างสไตล์จีนและสไตล์ตะวันตกที่ถูกออกแบบมาอย่างงดงามลงตัว
เอาจริง ก่อนที่ก๊อตจะมาเที่ยว เห็นรูปในหลายๆรีวิว ส่วนมากจะเที่ยวกันแต่ด้านนอกตึกที่ถ่ายรูปกันตรงประตูทางเข้ากลมๆ ซึ่งเราอยากจะแนะนำว่า ถ้าเราได้มาเที่ยวที่นี่แล้ว อยากให้เราเดินเยี่ยมชมภายในบ้านด้วย เพราะเค้ารีโนเวทบ้านใหม่จากตึกที่ถูกทอดทิ้งจนตอนนี้สวยโอ่อ่าจนน่าเข้ามาเดินชม รวมถึงถ่ายรูปเล่นได้อีกนะเออ นี่โคตรชอบเลย ฮ่า
โรงละครดอมเปโดร (Dom Pedro V Theatre)
เดินเที่ยวกันต่อกับ โรงละครดอมเปโดร (Dom Pedro V Theatre) ที่นับเป็นโรงละครสไตล์ตะวันตกแห่งแรกของจีน ซึ่งโรงละครแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกส ตั้งแต่ปี 1860 ในสไตล์นีโอคลาสสิค (Neo-classicism) โดยตั้งชื่อตามกษัตริย์เปโดรที่ 5 แห่งโปรตุเกสนั่นเอง ปัจจุบัน โรงละครดอมเปโดร (Dom Pedro V Theatre) ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เรียบร้อยแล้ว แถมตอนนี้ เค้ายังมีการแสดงเกือบทุกวัน แต่ช่วงที่ไม่ได้มีการแสดง เค้ายังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เดินเข้าไปเยี่ยมชมอีกด้วย
ด้านนอกของ โรงละครดอมเปโดร (Dom Pedro V Theatre) ว่าสวยแล้ว ด้านในสวยยิ่งกว่า เราจะได้เห็นห้องต่างๆ รวมถึงห้องบอลลูนสไตล์ตะวันตกของจริงขนานแท้อีกด้วย ดังนั้นอย่าพลาดที่จะเดินเข้ามานะแกร๊ เราสามารถเข้าชมได้ฟรีๆ
หลังจากเดินเล่นที่ โรงละครดอมเปโดร (Dom Pedro V Theatre) เรียบร้อยแล้ว นี่ยังได้ไปแวะ โบสถ์เซนต์ออกัสติน (St. Augustine’s Church) ฝั่งตรงข้ามอีกด้วย ซึ่งนี่ต้องบอกก่อนว่า บริเวณรอบๆของโรงละคร โบสถ์ และห้องสมุดที่อยู่ด้านหลัง ถนน Largo de Santo Agostinho สายนี้ตามคำอธิบายของ UNESCO นั้น เค้าบอกว่าที่นี่ถือเป็นพลาซ่าใจกลางเมืองของมาเก๊าในสมัยก่อนเลยนะแจ๊ะ คือสวยมากกกก
อาคารไอเอเอ็ม / IAM Building (Leal Senado)
สำหรับใครที่กะมาเที่ยว จัตุรัสเซนาโด (Seneda Square) นี่แนะนำให้เราเข้ามาเที่ยวใน อาคารไอเอเอ็ม / IAM Building (Leal Senado) ตรงข้ามกันก่อน ซึ่งที่นี่เป็นตึกที่ทำการวุฒิสภาและเทศบาลของมาเก๊าแห่งแรก และยังคงใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้ และที่น่าสนใจคือ ตึกนี้เป็นหลายสิ่งให้มาเก๊ามากในหลายศตวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่ทำการสภา พิพิธภัณฑ์ ไปรษณีย์ อนามัย ศาล รวมถึงเป็นคุก ก็เคยเป็นมาแล้ว ดังนั้นที่นี่จึงมีประวัติศาสตร์และอยู่คู่มาเก๊ามานานนั่นเอง
สำหรับด้านในของ อาคารไอเอเอ็ม / IAM Building (Leal Senado) จะมีพิพิธภัณฑ์หมุนเวียนทางห้องด้านขวา อีกทั้ง เมื่อเราเดินตรงเข้าไปยังอาคาร เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมโปรตุเกสสวยๆ จนหลายคนที่มาเที่ยวจะชอบมาถ่ายรูปเล่นกันนั่นเอง นอกจากนี้ หากเราเดินตรงเข้าไปยังด้านหลังของตัวอาคาร เค้ายังมีสวนสวยๆ เสมือนเราอยู่ยุโรปอีกด้วย คือไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าจะมีสวนอะไรแบบนี้แอบหลืบอยู่หลังตึก เอ้อออ เซอร์ไพรส์จริง 555555
ถนนโปรตุเกส (Calcada do Amparo / Portuguese Street)
เดินผ่านแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมืองมาเก๊าอย่าง จัตุรัสเซนาโด (Seneda Square) ก่อนที่เราจะไป ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) แลนด์มาร์คสุดฮิตนั้น นี่อยากแนะนำให้เรามาเดินชมความน่ารักคิวท์ๆ ของตรอกซอกซอยรอบๆซากประตูโบสถ์กันก่อน ซึ่งถนนที่อยากแนะนำมีอยู่สองที่ คือ ถนนโปรตุเกส (Portuguese Street) และ ถนนแห่งความรัก (Love Lane) เด้อ
สำหรับวิธีการมาเที่ยว ถนนโปรตุเกส (Portuguese Street) นั้น วิธีง่ายๆแบบไม่หลง ให้เราปักหมุดใน Google Map ชื่อว่า ‘Calcada do Amparo’ โลด เพราะถ้าเราพิมพ์ว่า ‘Portuguese Street’ เราจะไม่เจอชื่อนั้นแผนที่นั่นเอง ซึ่งถ้าเราเดินมาจาก จัตุรัสเซนาโด (Seneda Square) ตรงจุดทางแยกที่ทางขวาจะขึ้นไปยังซากโบสถ์ เราจะเดินมาทางซ้ายแทนอีกนิดหน่อย แปปนึงเราจะก็จะเจอซอกซอยเล็กๆ ชื่อว่า ถนนโปรตุเกส (Portuguese Street) ซึ่งเราสามารถสังเกตถนนนี้ได้ง่ายๆจากกระเบื้องสีฟ้าที่ประดับประดาอยู่บนผนัง และมีรูปไก่พร้อมทั้งเขียนว่า ‘Portuguese Street’ นั่นแหละใช่เลย
ความคิวท์ของซอยนี้ก็มีอยู่หลายอย่าง ตั้งแต่ผนังสีฟ้าลายโปรตุกีสเก๋ๆ ซอยที่เต็มไปด้วยร่มห้อยอยู่กลางอากาศงี้ หรือแม้แต่บ้านเรือนสีสันน่ารักให้เราได้ไปยืนเต๊ะท่าถ่ายรูป เอ้อ ซอยนี้มันก็มีหลากหลายมุมให้เราเลือกถ่ายรูป ซึ่งถ้าใครอยากมีรูปคิวท์ๆ ในบรรยากาศน่ารักๆของมาเก๊า นี่ก็แนะนำให้มาเดินเล่นกัน
ถนนแห่งความรัก (Love Lane)
อีกถนนหนึ่งสำหรับสายถ่ายรูปที่อยากได้รูปซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) แบบแปลกใหม่ไม่จำเจ แนะนำให้เดินมายัง ถนนแห่งความรัก (Love Lane) ที่อยู่ด้านข้างของซากประตูโบสถ์ได้เลย มุมนี้มีทั้งมุมฮิตที่เห็นเสี้ยวของซากประตูโบสถ์ผ่านช่องตึกแบบกิ๊บเก๋ รวมถึงบรรยากาศรอบๆของซอยถนนนี้ที่มีความน่ารักแบบคิวท์ๆ ทั้งตึกผนังสีชมพูตัดกับหน้าสีเขียว และต้นไม้น่ารักๆ ที่วางเรียงกันอย่างสวยงาม เอ้ออออ นี่บอกเลยว่า จุดนี้คือมุมฮิตอีกมุมหนึ่งของการถ่ายรูป Instagram ในมาเก๊าเลยเด้อ
ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s)
นี่เดินทะลุจาก ถนนแห่งความรัก (Love Lane) วนขึ้นมายัง ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) แลนด์มาร์คที่โด่งดังที่สุดของมาเก๊า นี่จะบอกว่า ถ้าใครได้มาเที่ยวมาเก๊าครั้งแรกนี่ ห้ามพลาดที่นี่อย่างแรง เพราะถ้าเรามาเที่ยวมาเก๊าโดยที่ไม่ได้มาเยือนซากประตูแห่งนี้ ถือว่าไม่ได้มาเที่ยวมาเก๊า ไม่เชื่อลองดูฝูงคนที่อยู่ตรงนี้ คนเยอะม๊ากกกกก แทบจะเป็นสถานที่เที่ยวในมาเก๊าที่คนเยอะที่สุดแล้ววว ใครที่อยากถ่ายรูปแบบไร้ผู้คนที่นี่ แนะนำให้มาช่วงเช้าตรู่ไปเลยจ้า ส่วนรูปก๊อตแบบไม่มีคนที่เห็นในนี้ สารภาพว่ารีทัชคนออก 5555555
※ โบสถ์เซนต์ปอล (St. Paul’s Church) ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1602 เสร็จในปี 1637 และกลายเป็นโบสถ์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกในสมัยนั้นเลยนะ แต่โชคร้ายที่ปี 1835 พายุไต้ฝุ่นได้โถมเข้าใส่มาเก๊าอย่างรุนแรง ตัวโบสถ์ไฟไหม้จนเหลือสภาพเป็นซากประตูโบสถ์อย่างในภาพจนถึงปัจจุบันนี่แหละ
การมาเที่ยว ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) ครั้งนี้ เราเดินมายังด้านหลังของซากประตูและได้เดินลงไปดูฐานด้านล่างรวมถึงชั้นใต้ดินของตัวโบสถ์อีกด้วย ซึ่งชั้นด้านล่างของโบสถ์ตอนนี้ถูกจัดเป็น ห้องพิพิธภัณฑ์ศาสนศิลป์และห้องใต้ดิน (The Museum of Sacred Art and Crypt) ที่แสดงวัตถุมีค่าทางศาสนาและประวัติศาสตร์จากหลากหลายโบสถ์ในมาเก๊า รวมถึงภาพวาดสีน้ำมันอัคระเทวฑูตมิคาเอล (St. Archangel Michael) ชิ้นสุดท้ายจากช่วงศตวรรษที่ 17 ที่หลงเหลือจากเหตุการณ์ไฟไหม้ของ โบสถ์เซนต์ปอล (St. Paul’s) ที่นี่อีกด้วย ถ้าใครมีเวลา แนะนำให้เดินวนลงมาดูเนอะ ใช้เวลาแปปเดียว 15 นาทีเท่านั้น
Estr. da Vitoria Street (Royal Hotel)
สำหรับใครที่อยากได้มุมถ่ายรูปโคตรเท่ห์และแปลกใหม่ของมาเก๊า แนะนำให้มาต่อยังถนน Estr. da Vitoria Street หรือถ้าให้ง่าย ให้เราปักหมุดแผนที่เป็นชื่อโรงแรม Royal Hotel แทน เมื่อเรามาอยู่หน้าโรงแรม Royal Hotel แล้ว จากจุดนี้ เราสามารถมองเห็นตึก Grand Lisboa Hotel ที่ตอนนี้ถือเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของมาเก๊า ตั้งตระง่านผ่านซอยถนนอย่างเท่ห์ประหนึ่งหนัง Sci-fi จนตอนนี้มุมนี้กลายเป็นมุมฮิตใน Instagram ของคนที่มาเยือนมาเก๊าเลยทีเดียว
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม (Kun Iam Statue)
เริ่มต้นตอนสายๆของวันที่สองในมาเก๊า ด้วยการไปเยือนรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสำริด ก่อนที่จะเดินต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์ศิลปะมาเก๊า (Macao Museum of Art) ซึ่งนี่จะบอกว่า รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม (Kun Iam Statue) ที่นี่ค่อนข้างน่าสนใจมาก เนื่องจากรูปปั้นองค์นี้ถูกออกแบบและสร้างโดยคนโปรตุเกส โดยได้รับการสนับสนุนจาก UNESCO เพื่อแสดงความเป็นมิตรของสองประเทศทั้งจีนและโปรตุเกสนั่นเอง
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ดีไซน์ของเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เลยได้รับการผสมผสานสไตล์ตะวันตกค่อนข้างเยอะ ท่าทางมีความอ่อนช้อย ซึ่งนี่อ่านมาว่า เค้าได้พยายามผสมผสานระหว่างพระแม่มารีกับเจ้าแม่กวนอิมเข้าด้วยกัน จนกลายมาเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลกนะเอ้อ ส่วนตัวคิดว่า ถ้าใครมีเวลาว่างหรือได้ผ่านมาแถวนี้พอดี การแวะมาที่นี่ก็ไม่ได้เสียเวลามากเท่าไหร่ ด้านในเค้าจะเหมือนเป็นมิวเซียมเล็กๆเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิม และสามารถทะลุประตูออกไปทางด้านหลัง เราจะเป็นวิวมาเก๊าฝั่งไทปาอีกด้วย
Art Macao
สำหรับใครที่ได้ไปเที่ยวมาเก๊าตั้งแต่ช่วง เดือนมิถุนายน – ตุลาคม ปี 2019 ล่ะก็ นี่เป็นช่วงที่ดีที่สุดของการตระเวนเพื่อดูงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมาเก๊าเลยล่ะ เพราะช่วงนี้เค้ามีงาน Art Macao ที่แสดงงานศิลปะทุกแขนงและหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น Visual Arts, Performing Arts, Communication Design, Installation Arts, Photography และอื่นๆ อีกมากมายเด้อ
ใครอยากหาแรงบันดาลใจผ่านงานศิลป์ บอกเลยว่าอย่าพลาด แนะนำให้เช็คปฎิทินงานแล้วดูได้เลยว่า ช่วงที่เราไปเที่ยวมาเก๊านั้น เค้ามีจัดงานอะไรบ้าง เช็คได้เลยที่เว็บ www.artmacao.mo/2019/en/
สำหรับช่วงที่ก๊อตไปเที่ยวมาเก๊านั้น เป็นช่วงต้นๆของการจัดงานพอดี งานแสดงเลยยังมีไม่มากนัก แต่นี่ก็ไม่พลาดที่จะไปดูแน่นอน โดยสถานที่ที่ได้เก็บมามีทั้ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะมาเก๊า (Macao Museum of Art) มาเก๊าฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ (Macau Fisherman’s Wharf) และ Galaxy Macau ซึ่งจะมีงานอะไรบ้าง ต้องอ่านดู
ส่วนใครที่ไม่ได้มาเที่ยวมาเก๊าช่วงงาน Art Macao International Art Exhibition หรือ ไม่ได้มี Passion เกี่ยวกับงานศิลปะมากนัก สามสถานที่ที่บอกไป ไม่ได้มีแต่การแสดงงานศิลปะอย่างเดียว ยังมีหลากหลายสิ่งให้เราเที่ยวและมีกิจกรรมให้ทำอีกเยอะเด้อ ดังนั้น จะชอบหรือไม่ชอบศิลปะ ก็มาเที่ยวได้หมด ไม่ต้องกลัวจ้า 555555
พิพิธภัณฑ์ศิลปะมาเก๊า (Macao Museum of Art)
เดินจากรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมไม่ไกล นี่จะมาต่อกับ พิพิธภัณฑ์ศิลปะมาเก๊า (Macao Museum of Art) ที่ถือเป็นอาร์ทมิวเซียมแห่งเดียวในมาเก๊านะเออ ใครที่เป็นสายอาร์ทและต้องการหาแรงบันดาลใจนี่ต้องอย่าพลาดเชียว ที่นี่มีทั้งหมด 5 ชั้น โดยจะจัดนิทรรศกาลหมุนเวียนกันไปตามปฎิทินของเค้า อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้คือ ช่วงที่ก๊อตมาเที่ยวนั้น เป็นช่วงเทศกาลงาน Art Macao International Art Exhibition พอดี นี่เลยได้มีโอกาสดูอยู่ 2 งาน ที่ส่วนตัวค่อนข้างชอบมากเลยทีเดียว นั่นคือ Italian Renaissance Drawings from the British Museum และ Strolling and Feeling: Watercolour Paintings of Lai Ieng
Italian Renaissance Drawings from the British Museum คือนิทรรศการที่รวบรวมผลงานภาพวาด 52 ชิ้น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1470 ถึง 1580 จากสุดยอดศิลปินอิตาลี 42 ท่าน ไม่ว่าจะเป็น Mantegna, Leonardo da Vinci, Michelangelo, Titian, Raphael, Rosso Fiorentino และท่านอื่นๆ บอกเลยว่างานแบบนี้หาดูได้ยากมากกก เพราะนี่คือภาพออริจินอลของจริงจากศิลปินชื่อดัง คือถ้าหมดงานแสดงนี้ไป เราอาจต้องบินไปดูถึงยุโรปเลยนะเว้ย เสียดายที่งานนี้จัดสั้นไปหน่อย โดยจัดแค่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2019 เท่านั้น
ส่วนงานที่ก๊อตชอบม๊าก ของการมาเยือน พิพิธภัณฑ์ศิลปะมาเก๊า (Maca0 Museum of Art) คืองาน Strolling and Feeling: Watercolour Paintings of Lai Ieng ที่เป็นงานแสดงภาพวาดสีน้ำผ่านวิถีชีวิต บ้านเมือง และผู้คนของมาเก๊าเอง ที่ชอบและรู้สึกอินมาก เพราะเราเที่ยวมาเก๊าจนเกือบครบทุกที่แล้ว พอได้มาเห็นภาพมุมต่างๆของมาเก๊าผ่านภาพวาดสีน้ำ นี่เลยโคตรชอบ และทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาที่ก๊อตได้ไปเที่ยวสถานที่นั้นมานั่นเอง ส่วนตัวเลยรู้สึกชอบงานนี้เป็นพิเศษ น่าเสียดายมากที่งานนี้หมดแล้วตอนรีวิวมาเก๊าออกอ่ะ คนที่อยากดูเลยอาจพลาดไม่ได้ไปดูนั่นแหละ ฮือ
อีกงานที่น่าสนใจคือ Beauty in the New Era – Masterpieces from the Collection of the National Art Museum of China กับงานแสดงผลงาน Fine Art ของศิลปินจีนยุคใหม่ชื่อดังในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ซึ่งชิ้นงานเหล่านี้ เค้าขนมาจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติจีน (National Art Museum of China – NAMOC) ที่ปักกิ่ง ในโอกาสเฉลิมฉลองที่มาเก๊าได้ถูกส่งคืนแก่จีนครบ 20 ปีแล้วนั่นเอง นี่จะบอกว่าผลงานสวยๆ เพียบ และเราสามารถเข้าชมฟรีได้จากที่นี่ ไม่ต้องไปถึงปักกิ่งนะจ๊ะ เริ่ดสุด งานแสดงนี้จะจัดจนถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2019 เท่านั้น ใครที่สนใจต้องรีบไปชมงานกันแล้วแหละ
นี่จะบอกว่า พิพิธภัณฑ์ศิลปะมาเก๊า (Maca0 Museum of Art) เค้าหมุนเวียนกันจัดงานอยู่เรื่อยๆ และแต่ละงานนั้นน่าสนใจมากเลยทีเดียว ที่ดีย์คือ ทุกงานเข้าชมฟรี ถ้าใครที่ชอบเสพย์งานอะไรแบบนี้ แนะนำให้ไป แต่ก่อนที่จะไป แนะนำให้เช็คปฎิทินการจัดงานที่เว็บของพิพิธภัณฑ์อีกทีเน้อ > www.mam.gov.mo/e/index
มาเก๊าฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ (Macau Fisherman’s Wharf)
จาก พิพิธภัณฑ์ศิลปะมาเก๊า (Macao Museum of Art) ไม่ไกลอีกเหมือนกัน เราสามารถเดินข้ามถนนเพื่อมาเที่ยว มาเก๊าฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ (Macau Fisherman’s Wharf) กันต่อได้เล้ย ซึ่งที่นี่ถ้าอ่านแต่ชื่อ อาจจะดูแปลกๆไปหรือเปล่ากับการมาเที่ยวท่าเรือ ซึ่งนี่จะบอกว่า มันไม่ใช่ท่าเรือนะก๊ะ แต่มันเหมือนเป็นคอมมูนิตี้มอลล์แบบเปิดโล่งที่มีทั้งที่ถ่ายรูปเก๋ๆ ที่ยกเอาโคลอสเซียมจากกรุงโรมมาไว้ที่นี่ (เว่อร์วังมาก) อีกทั้งยังมีร้านค้าให้เราช้อปปิ้ง รวมถึงร้านอาหารให้เรากินอีกเยอะแยะเลย แนะนำให้มา .. โดยเฉพาะการเดินเล่นถ่ายรูปนี่ปังมาก บอกเลย
ด้านหน้ามาเก๊าฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ (Macau Fisherman’s Wharf) ยกเอาสนามกีฬาโคลอสเซียม (Colosseum) มาตั้งวางไว้เลย นี่ขอยกให้เป็นอีกหนึ่ง Instagramable Spot ของมาเก๊า ที่เหมือนไม่ได้อยู่มาเก๊านะเออ สวยและอลังการมากกก คนถ่ายรูปตรึม!
สำหรับงาน Art Macao ที่ มาเก๊าฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ (Macau Fisherman’s Wharf) ก็มีลูกเล่นสนุกๆ ของงาน ‘Love Road’ ที่เราให้เราตามล่าหาฉากรูปหัวใจหลายสิบที่ ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเล่นกันด้วย จะบอกว่าแม่ก๊อตโคตรชอบ เจอแล้วเป็นอันต้องถ่ายรูป 55555555
เสร็จจาก มาเก๊าฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ (Macau Fisherman’s Wharf) ใครที่จะเดินทางไปยังที่อื่นต่อ โดยเฉพาะคาสิโนต่างๆทั่วมาเก๊า นี่แนะนำให้ข้ามถนนมายัง Sands Macao ตรงข้าม ที่นี่จะมีรถ Free Shuttle Bus บริการส่งผู้โดยสารไปยังที่ต่างๆอีกด้วย ซึ่งที่ต่อไปที่เราจะไปนั่นคือ Galaxy Macau เด้อ
Galaxy Macau
ที่สุดท้ายในมาเก๊าที่เราจะมาเยือนคือ Galaxy Macau ที่เป็นทั้งคาสิโน โรงแรม (มีหลายโรงแรมมาก) และห้างที่มีร้านให้เราเดินช้อปปิ้งแบบจุกๆ ด้วยความโกลวของสีทองของหมู่ตึก Galaxy Macau ทำให้ที่นี่ดูหรูหราเว่อร์วังอลังการมาก ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศความอลังการของคาสิโนบ้านเค้า การมาเดินเล่นที่ Galaxy Macau นี่สนุกไม่เบาเหมือนกัน แถมที่นี่ยังมีรถ Shuttle Bus บริการฟรีไปยังหลากหลายสถานที่ทั่วมุมเมืองมาเก๊าอีกนะเออ สะดวกสุดๆ
สำหรับงาน Art Macao ก็ไม่พลาดที่จะมีงานนิทรรศการที่ Galaxy Macau ด้วยเช่นกัน โดยงานนั้นมีชื่อว่า GRACE KELLY: From Hollywood to Monaco – Artists’ Tributes เป็นนิทรรศการที่โชว์เรื่องราวชีวิตของ Grace Kelly (เกรซ เคลลี่) เจ้าหญิงในชีวิตจริงไม่อิงนิยาย ที่เริ่มต้นด้วยการเป็นดาราฮอลลีวูดชื่อดัง จนกระทั่งไปพบรักและแต่งงานกับเจ้าชายแห่งโมนาโค เจ้าชายเรนิเยร์ที่ 3 จนกลายเป็นเจ้าหญิง Grace Kelly ต่อมา โดยในงานนี้เราจะได้รู้เรื่องเรื่องราวชีวิตของเธออย่างลึกซึ้ง รวมถึงได้เห็นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เจ้าหญิง Grace Kelly ได้ใช้จริงอีกด้วย
งาน GRACE KELLY: From Hollywood to Monaco – Artists’ Tributes จัดตั้งแต่วันนี้ ถึง 28 สิงหาคม 2019 ใครที่สนใจและชื่นชอบเจ้าหญิง Grace Kelly นี่แนะนำให้ไปเราไปชมงานได้เลย แถมยังเข้าชมฟรีอีกด้วย
จบแล้ว! ทั้งหมดนี้แหละ คือการเที่ยวมาเก๊าแบบ 2 วัน 1 ง่ายๆ
ใครที่มีเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ แล้วอยากหาที่เที่ยวชิลๆ สบายๆ
นี่แนะนำมาเก๊า (Macao) อย่างแรงงง
ใครที่ว่ามาเก๊ารอบนี้ ที่เที่ยวเยอะแล้ว บอกเลยว่ายังไม่หมด เก็บแต้มมาเก๊ากันต่อกับรีวิว มาเก๊า (Macao) รอบที่แล้ว คลิกอ่านได้ที่นี่เลย > http://bit.ly/2MBTf3H
ที่พักในมาเก๊า
โรงแรมซินทรา (Sintra Hotel)
โรงแรมซินทรา (Sintra Hotel) สำหรับตัวนี่เองถือเป็นโรงแรมราคาคุ้มค่าที่ทำเลโคตรเยี่ยมมม! เพราะแทบจะอยู่ศูนย์กลางของมาเก๊าที่เราสามารถไปเที่ยวที่อื่นได้อย่างง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็น จัตุรัสเซนาโด (Seneda Square) ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) หรือแม้แต่ที่อื่นๆ ด้วยการเดิน รถเมล์ หรือแม้แต่ Free Shuttle Bus ของคาสิโนต่างๆ ที่พร้อมใจกันมาจอดแถวๆ Hotel Sintra ตรงป้าย Grand Emperor Hotel นั่นเอง สำหรับตัวห้องพักนั้น จะดูเป็นสไตล์เก่าหน่อยๆ ห้องกว้างกำลังดี สิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งโดยรวมคิดว่าโอเคและคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปเด้อ
ราคาห้องพักเริ่มต้น 2,800 บาท/คืน ดูเรทและจอง โรงแรมซินทรา (Sintra Hotel) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
ดูผ่าน Expedia.co.th // ดูผ่าน Booking.com // ดูผ่าน agoda.com //
ดูผ่าน Hotels.com // ดูผ่าน Trip.com
โรงแรมริโอ มาเก๊า (Rio Hotel Macau)
โรงแรมริโอ มาเก๊า (Rio Hotel Macau) คือโรงแรมที่ได้ไปพักมาครั้งนี้แหละ โดยจุดเด่นของโรงแรมนี้คือ ห้องใหญ่โคตรรรร ทั้งๆที่ก๊อตจองห้องแบบธรรมดา ห้องนอนใหญ่เว่อร์วัง เตียงนอนก็ใหญ่และนอนสบายจริง ส่วนห้องน้ำก็ใหญ่ไม่แพ้กัน โดยเค้าแบ่งเป็นส่วนยืนอาบน้ำ มีอ่างอาบน้ำ และโซนอ่างล้างหน้าตรงกลาง ที่ชอบคือตรงริมหน้าต่างยังมีที่นั่งเล่นเล็กๆ เลียบหน้าต่างที่ก๊อตจะชอบไปนั่งเล่นดูวิวเพลิน
นอกจากเรื่องตัวห้องที่ดีเริศแล้ว เรื่อง Internet Wi-Fi นั้น เร็วใช้ได้ และที่เก๋ไก๋ของ โรงแรมริโอ มาเก๊า (Rio Hotel Macau) คือมีสระว่ายน้ำชั้นบนสุดท่ามกลางวิวมาเก๊าสวยๆ ที่ดีย์คือมีฟิตเนสด้วย แต่น่าเสียดายคือมีแต่เครื่องคาร์ดิโอ 2 ตัวเท่านั้น คือน้อยมากก ถ้ามีเครื่องเล่นเวท หรือ Free-Weight Zone ซักหน่อย คือเพอร์เฟ็ค
ส่วนเรื่องทำเล ต้องพูดตามตรงว่าไม่ได้ดีเริ่ด อยู่จุดศูนย์กลางมาเก๊าเหมือน โรงแรมซินทรา (Sintra Hotel) ล้อมรอบโรงแรมอาจจะไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ยังดีที่มี 7-Eleven ให้พอรอดตายได้ และยังมีร้านอาหารโลคอลนิดๆ หน่อยๆ โดยรวมคือค่อนข้างดีแหละ มี Free Shuttle Bus จากท่าเรือเฟอร์รี่ ฮ่องกง-มาเก๊า ด้วย
ราคาห้องพักเริ่มต้น 2,600 บาท/คืน ดูเรทและจอง โรงแรมริโอ มาเก๊า (Rio Hotel Macau) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
ดูผ่าน Expedia.co.th // ดูผ่าน Booking.com // ดูผ่าน agoda.com //
ดูผ่าน Hotels.com // ดูผ่าน Trip.com
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลกหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡