Centara Mirage Lagoon Maldives หากใครกำลังมองหาทะเลสวยๆ ที่ได้มาพักผ่อนท่ามกลางวิวของน้ำทะเลสีฟ้าใส รายล้อมไปด้วยท้องฟ้า ท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ พร้อมได้นอนมองวิวพระอาทิตย์ตกดินไปกับเส้นขอบฟ้าสุดเว่อร์วัง มัลดีฟส์ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ใครชื่นชอบทะเลต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะสวรรค์ที่เต็มไปด้วยหมู่เกาะปะการังที่สวยสับจนต้องมาสัมผัสด้วยตากันจริงๆ โดยรีวิวนี้ก๊อตจะพาทุกคนตีตั๋วบินไปลง มัลดีฟส์ แล้วนั่งเรือไปพักผ่อน ปล่อยใจจอยๆ กันที่ Centara Mirage Lagoon Maldives โรงแรมของคนไทยที่เปิดใหม่ล่าสุดในเครือเซ็นทารา โดยรีวิวนี้ก๊อตเลยจะพาทุกคนไปนอนกันแบบจุใจที่ซอกแซกในทุกมุมของโรงแรมกันถึง 4 วัน 3 คืนเลยทีเดียว เกาะสวรรค์อย่างมัลดีฟส์ที่นี่จะเป็นยังไง เรามาดูกันเล้ย
สารบัญ Centara Mirage Lagoon Maldives
- รู้จัก Centara Mirage Lagoon Maldives
- แพ็คเกจการเข้าพัก Centara Mirage Lagoon Maldives
- เดินทางจากสนามบิน > Centara Mirage Lagoon Maldives
- เริ่มสำรวจ Centara Mirage Lagoon Maldives และสิ่งอำนวยความสะดวกกันเลย
- Lazy River and Water Playground
- สปาเซ็นวารี (SPA Cenvaree)
- สโมสรเด็ก (Kids Club)
- ชายหาด + พายเรือคายัค
- ห้องพัก Centara Mirage Lagoon Maldives
- ห้องพัก Mirage Overwater Villa with Jacuzzi + Mirage Overwater Pool Villa
- Mirage Overwater Pool Villa
- ห้องพัก Villa Mirage Beachfront Room
- The Sail House
- ห้องอาหารอิตาเลียนแอคควา (Acqua)
- ห้องอาหารไทยสวนบัว (Suan Bua)
- Maldivian Beach Dinner
- กิจกรรม Sunset Dolphin Cruise
- โปรโมชั่น Centara Mirage Lagoon Maldives ห้ามพลาดตอนนี้
- สรุปการเข้าพักที่ Centara Mirage Lagoon Maldives
รู้จัก Centara Mirage Lagoon Maldives
โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) ตั้งอยู่ที่มาเล่ อะทอลล์เหนือ (North Male Atoll) หนึ่งในอะทอลล์ หรือแนวเกาะปะการังของมัลดีฟส์ (Maldive) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง สำหรับเหล่านักดำน้ำและนักท่องเที่ยวที่มักมาเยือนเพื่อพักผ่อน และทำกิจกรรมทางน้ำ โดย โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) เป็นโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราแห่งใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งเปิดให้บริการกันครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 สดๆ ร้อนๆ ที่ผ่านมา โดยโรงแรมเค้ามาในธีมดินแดนใต้น้ำสุดมหัศจรรย์ (Underwater World) ที่เราจะได้ดื่มด่ำไปกับโลกใต้ท้องทะเลที่เค้าสอดแทรกเข้าไปตามจุดต่างๆ ของโรงแรม ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้อยู่ในโลกใต้ท้องทะเลกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) ยังออกแบบมาเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนของครอบครัวโดยเฉพาะ ยิ่งบ้านไหนที่มีเด็กๆ มาด้วย ที่นี่เรียกได้ว่าตอบโจทย์สุดๆ ด้วยห้องพักถึง 145 ห้อง ตั้งแต่ห้องพักแบบ Beach Front ติดชายหาดที่เปิดประตูออกไปแล้ว สามารถลงชายหาดไปเล่นน้ำทะเลได้เลย หรือจะเป็นห้องพักแบบวิลล่ากลางน้ำ มาพร้อมที่กั้นตกระเบียงเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ยังไม่หมดเท่านั้น ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สวนน้ำกลางแจ้ง สระน้ำวนเลซี่ริเวอร์ สปา เซ็นวารี สปาสำหรับเด็ก และคิดส์คลับ ซึ่งที่เริ่ดเลยคือเค้ามีพนักงานคนไทยอยู่ทุกจุดของโรงแรม ใครมาเที่ยวแล้วกังวลเรื่องภาษาบอกเลยว่าที่นี่เหมือนเข้าพักอยู่บ้านเรา มาแล้วสื่อสารง่ายให้ความรู้สึกอบอุ่นม๊ากก
สำหรับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เค้าจะเป็นเกาะแฝดที่แบ่งโรงแรมออกเป็น 2 ฝั่ง ซึ่งตอนนี้ที่เสร็จแล้วจะเป็น โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) ที่ก๊อตเข้าพัก ส่วนอีกฝั่งจะเป็นเซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Grand Lagoon Maldives) โดยความต่างของทั้งสองโรงแรมนั้น ฝั่งแกรนด์จะเป็นโรงแรมแบบห้าดาว ลักชูแบบไฮเอนด์จัดไปเลย แต่ฝั่ง โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) จะเป็นโรงแรมสี่ดาวโดยเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มครอบครัว โดยมีโซนสงบๆ สำหรับคนที่อยากมาพักผ่อนรวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถทำได้ทั้งครอบครัว ส่วนคนที่อยากเข้าพักฝั่งแกรนด์นั้น ต้องอดใจรออีกนิด เพราะเค้ามีแพลนเปิดในเดือนเมษายน ปี 2568 นี้ดังนั้น รีวิวนี้เราจะไปส่อง โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) กันก่อน ซึ่งก๊อตจะพาส่องกับแบบทุกซอกทุกมุมไม่มีกั๊ก เอาว่าอ่านจบแล้วจะต้องอยากมีคนมาตามรอยกันแน่นอน
แพ็คเกจการเข้าพัก Centara Mirage Lagoon Maldives
สำหรับการมาเที่ยวมัลดีฟส์ แน่นอนว่าส่วนใหญ่ เราจะมาเที่ยวและใช้ชีวิตอยู่แต่ในโรงแรมเกือบ 100% ดังนั้น การจองโรงแรมที่นี่เลยจะมีแพ็คเกจให้เราเลือกได้หลากหลายตามใจชอบ คือ การจองห้องพักพร้อมแพลนอาหาร รวมถึงทรานส์เฟอร์จากสนามบินไปยังตัวที่พัก ซึ่งจะแบ่งเป็นคร่าวๆ ประมาณนี้
- Bed and Breakfast: เฉพาะอาหารเช้าที่ The Sailhouse
- Half Board+: รวมอาหารเช้าที่ The Sailhouse และอาหารเย็นที่สามารถเลือกได้ระหว่างบุฟเฟต์ที่ The Sailhouse หรือ เมนู 3 คอร์ส ที่ห้องอาหารไทย Suan Bua หรืออาหารอิตาเลียนที่ Acqua โดยแต่ละมื้อเย็นจะมีเครื่องดื่มให้เลือก 2 รายการต่อคน ทั้งที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์
- Full Board+: รวมอาหารเช้า กลางวัน และเย็น โดยสามารถเลือกทานแบบบุฟเฟต์ได้ที่ The Sailhouse หรืออาหารเซ็ต Suan Bua หรือ Acqua แต่ละมื้อจะมีเครื่องดื่มให้เลือก 2 รายการต่อคน ทั้งที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์
- All Inclusive หรือ AI: รวมอาหารทุกมื้อที่ร้านอาหารต่างๆ ในรีสอร์ท ทั้งแบบบุฟเฟต์ได้ที่ The Sailhouse หรืออาหารเซ็ตที่ Suan Bua หรือ Acqua พร้อมทั้งมินิบาร์ในห้องที่เติมทุกวัน มี Afternoon Tea, Sundowner Canapés และไอศกรีมไม่อั้นที่ Scoops นอกจากนี้ยังเครื่องดื่มได้เกือบทุกรายการ ทั้ง ไวน์ เบียร์ และค็อกเทล และอื่นๆ
- The Atollia Destination Half Board+ / Full Board+ / All Inclusive หรือ AI: รายละเอียดแต่ละรายการเหมือนกับด้านบน แต่เราสามารถข้ามไปใช้บริการที่ Centara Grand Lagoon Maldives ได้ด้วย ตามแต่ละแพ็คเกจที่ซื้อ
⚡️🚤 สำหรับ Return Speedboat Transfers เรือรับ-ส่งจากสนามบินไปยังโรงแรม ก๊อตแนะนำให้เราซื้อแพ็คเกจที่รวมไปเลย เพราะหากเราซื้อแยกนั้น ราคา Return Speedboat Transfers จะอยู่ที่ราวๆ ~9,100 บาท/คน เลยทีเดียว ซึ่งการซื้อรวมกับแพ็คตามโปรโมชั่นถือว่าถูกกว่ามากๆ
⚡️ แนะนำแพ็คเกจ All inclusive (AI)
สำหรับคนที่มาเที่ยวมัลดีฟส์และพักที่ Centara Mirage Lagoon Maldives ก๊อตอยากให้เลือกจองแบบ All-Inclusive ไปเลย เพราะการมาเที่ยวที่นี่ เราจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในโรงแรมเกือบ 100% หากคนที่มาเที่ยวแล้วอยากมาเที่ยวแบบสบายใจ ไม่ต้องมาควักเงินหลายต่อ มาแล้วได้ดื่มดริ้งค์ให้เต็มที่ All inclusive ซึ่งรีวิวนี้ก๊อตจะเรียกสั้นๆ ว่า AI คือคำตอบ โดยเค้าจะเป็นแพ็คเกจแบบฟูลบอร์ดที่รวมอาหาร 3 มื้อต่อวัน มินิบาร์ในห้องพักที่เจ้าหน้าที่จะมาเติมให้วันละรอบ รวมไปถึง Afternoon Tea, Sundowner Canapés และดื่มเครื่องดื่มแบบปกติ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบไม่อั้นได้ทุกร้าน
โดยเมื่อเราเข้าพักแล้ว คนที่ซื้อแพ็คแบบ AI สามารถดูในใบเมนูได้เลย เค้าจะมี Price List ราคาของแพ็ค AI ที่เป็นเลข 0 นั่นหมายความว่าเราจะสามารถสั่งเครื่องดื่มนั้นมากินเท่าไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเลย แต่ถ้ามีตัวเลขอื่นโผล่ขึ้นมา แสดงว่าเมนูนั้นไม่ได้เข้าร่วมรายการ เราจะต้องจ่ายเงินส่วนต่างตรงนี้นะ ซึ่งก๊อตบอกเลยว่าควรซื้อ AI มาก เพราะเครื่องดื่มที่ดื่มได้นั้น มีเยอะม๊ากก ยิ่งใครเป็นสายดริ้งค์นะ ก๊อตจะบอกว่าสารพัดแอลกอฮอล์ และไวน์ คือมีให้เลือกดื่มเพียบ

เดินทางจากสนามบิน > Centara Mirage Lagoon Maldives
สำหรับการเดินทางไปยัง โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) นั้น ไม่ยุ่งยากเลย แพ็คเกจของโรงแรมจะพ่วงการนั่งเรือสปี๊ดโบ๊ทรับ-ส่งฟรีจากสนามบินมายังตัวที่พักแบบเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เมื่อเรานั่งเครื่องบินมาจากไทย แล้วมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติเวลานา (Velana International Airport) เรียบร้อยแล้ว พอเดินออกมาด้านนอกของสนามบินให้เรามองหาพนักงานของโรงแรม เค้าจะมายืนชูป้ายชื่อของโรงแรมรอเราอยู่นั่นเอง
จากนั้นให้เดินตามเค้าออกมายังเคาท์เตอร์ของโรงแรมเพื่อพนักงานของโรงแรมดำเนินการพาขึ้นเรือต่อไป ซึ่งการเดินทางด้วยสปี๊ดโบ๊ทจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็มาถึงที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) แล้ว
เริ่มสำรวจ Centara Mirage Lagoon Maldives และสิ่งอำนวยความสะดวกกันเลย
หากใครที่กำลังแพลนมาเที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives) แล้วอยากรู้สึกอุ่นใจเหมือนเข้าพักอยู่บ้านเรา โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่ก๊อตยกให้ว่าตอบโจทย์มากที่สุดแล้ว เพราะไม่ว่าเราจะเดินไปโซนไหนของโรงแรม ทุกจุดของเค้าจะมีพนักงานคนไทยประจำอยู่ ทำให้เราสามารถสอบถาม หรือสื่อสารได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องภาษากันเลย คือเข้าพักที่นี่อุ่นใจหายห่วงเรื่องภาษาไปได้เลย นอกจากนี้ ที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) ยังมีห้องพักสวยๆ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมแอดเวนเจอร์ทางน้ำให้เราได้เล่นแบบแตกแตนมาก คือยิ่งอยู่นานยิ่งรู้สึกคุ้มค่ากับที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมานอนพักอยู่บนเกาะกันเลยทีเดียว
จุดแรกเมื่อเรามาถึงเลยก็คือล็อบบี้ (Lobby) หลังจากที่เราเดินขึ้นมาจากท่าเรือ โดยบรรยากาศของล็อบบี้ (Lobby) ก๊อตบอกเลยว่า เข้ากับธีมดินแดนใต้น้ำสุดมหัศจรรย์ (Underwater World) ของทางโรงแรมแบบสุดๆ อย่างจุดที่เรามาเช็คอินนั้น จะเป็นอาคารหลังคายกสูง ด้านในเปิดโล่งตกแต่งไปด้วยโทนสีขาว ตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีไม้ ขาว และฟ้าคราม แต่ที่สะดุดตาก๊อตเลยก็คือ ของตกแต่งที่ห้อยลงมาจากเพดาน ซึ่งจะเป็นเหล่าสารพัดปลา ทั้งโลมา ฉลาม กระเบน อยู่ในท่วงทางเหมือนกำลังว่ายไปตามกระแสน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังอยู่ใต้ท้องทะเลกันจริงๆ ตั้งแต่เข้ามาเช็คอินกันเลยล่ะ
Lazy River and Water Playground
ไฮไลท์แรกเลยสำหรับ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) คือ Lazy River and Water Playground พื้นที่สวนน้ำและสระว่ายน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดรายล้อมไปด้วยต้นปาล์มและเก้าอี้อาบแดด โดยพื้นที่ตรงนี้จะอยู่ติดกับห้องอาหารอิตาลีและห้องอาหารนานาชาติ ความเริ่ดของสวนน้ำที่นี่คือเค้าออกแบบมาเพื่อให้ความบันเทิงกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นโซนสไลเดอร์น้ำ และพื้นที่เล่นน้ำสำหรับเด็กที่มีปลาหมึกสีชมพูบิ้กเบิ้มตั้งตระหง่านอยู่ หรือจะเป็น Lazy River ที่เราจะได้มาล่องแก่งไปกับสระน้ำวนท่ามกลางบรรยากาศสุดชิว และยังไม่หมดเท่านั้น สำหรับผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นอย่างชาวเราที่อยากจะมาว่ายน้ำท่ามกลางวิวทะเล เค้าก็มีสระว่ายน้ำหลักให้ได้มาแหวกว่ายกันอีกด้วยนะ พอเมื่อยๆ ก็แวะเข้ามาหาเครื่องดื่มที่บาร์กลางสวนน้ำได้อีกด้วย
สปาเซ็นวารี (SPA Cenvaree)
หากใครที่อยากผ่อนคลาย ที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) เค้าก็มี สปาเซ็นวารี (SPA Cenvaree) กับสปาซิกเนเจอร์ของเซ็นทาราอย่าง สปาเซ็นวารี (SPA Cenvaree) ซึ่งเป็นบริการสปาและทรีตเมนต์ที่ดีที่สุดภายใต้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราทั้งหมดเลยโดยคพว่า ‘วารี’ เป็นภาษาสันสกฤตที่แปลว่าน้ำ สะท้อนให้เห็นถึงความนุ่มนวล ความเข้มแข็ง และการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆ เกิดขึ้นจากการบำบัดรักษาแบบองค์รวม ประมาณว่าใครที่มาทำสปาที่นี่จะเหมือนได้บำบัดและฟื้นฟูร่างกายไปในตัวนั่นเอง





ซึ่ง สปาเซ็นวารี (SPA Cenvaree) ให้บริการสปาตามแบบฉบับวัฒนธรรมไทยแท้ดั้งเดิมชั้นนำระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง มีสปาให้เราเลือกทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมการฟื้นฟูตามศาสตร์อายุรเวท บริการนวดอโรมาเธอราพีผ่อนคลายจุดต่างๆ ของร่างกาย และบริการสครับขัดผิวที่จะช่วยให้ผิวของเราดูเปล่งปลั่งตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกกันเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีการบำบัดแบบไทยไปจนถึงการฟื้นฟูสมัยใหม่ ที่ก๊อตบอกเลยว่าเมนูสปาของเค้าละลานตามาก ใครเข้าพักแล้วอยากดื่มด่ำกับสปาแบบซิกเนเจอร์ของเซ็นทารา สามารถแวะมาที่สปาได้เลย โดยเค้าจะมีพนักงานคนไทยคอยให้บริการอยู่ด้วย รับรองว่าแรงนวดถึงใจ ร่างกายได้ผ่อนคลายขั้นสุดอย่างแน่นอน




สโมสรเด็ก (Kids Club)
และด้วยความที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) ออกแบบมาเพื่อครอบครัว เค้าเลยจะมีโซนสำหรับเด็กอยู่เยอะมาก นอกจากสระน้ำแล้ว ยังมี สโมสรเด็ก (Kids Club) ซึ่งเป็นพื้นที่เล่นสำหรับน้องๆ หนูๆ ซึ่งภายในจะมีของเล่นและกิจกรรมเสริมพัฒนาการอยู่มากมาย มากไปกว่านั้น เค้ายังมีสปาสำหรับเด็กๆ อย่าง Candy Spa สปาธีมลูกกวาดที่ออกแบบพิเศษมาเพื่อเด็กอายุไม่เกิน 10 ปี โดยให้บริการบำรุงผิวหน้า การทำเล็บมือและเล็บเท้า รวมถึงการทำทรีทเมนต์เด็กๆ สามารถกินได้อีกด้วย



ชายหาด + พายเรือคายัค
นอกจากสวนน้ำ และสปาแล้ว ที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส ที่ครบครันด้วยเครื่องออกกำลังกาย ตอบโจทย์สายรักสุขภาพ หรือจะเป็นพื้นที่ชายหาดส่วนตัวที่ตั้งรอบๆ เกาะนั้น ซึ่งอยู่ติดกับทะเลหมดเลย โดยเราสามารถมาเดินเล่น นั่งพักผ่อนชมวิวของท้องทะเลได้แบบฉ่ำใจ รวมไปถึงยังมีเลานจ์ส่วนกลางให้ได้มานั่งพักผ่อน พบปะเม้าท์มอยกันได้อีกด้วย เรียกได้ว่ามาติดเกาะเข้าพักที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) ที่เดียว เราก็ฟลูฟีลการเที่ยว มัลดีฟส์ สุดๆ แล้ว





กิจกรรมพายคายัค และกิจกรรมทางน้ำ
อีกหนึ่งกิจกรรมทางเลือกที่น่ามาเล่นเลยคือกิจกรรมทางน้ำ ซึ่งเค้าจะมีจุดให้เล่นอยู่บริเวณชายหาดติดกับห้องพักเลียบชายหาด โดยมีกิจกรรมให้เราเลือกเล่นทั้ง เซิร์ฟบอร์ด แพดเดิ้ลบอร์ด เวคบอร์ด และการพายคายัค ซึ่งหากเราต้องการมาเล่นนั้น สามารถมาขอยืมอุปกรณ์กับเจ้าหน้าที่ได้เลย ในกรณีเล่นอุปกรณที่เป็นแบบปกติ แต่หากเราอยากเป็นคนเก๋ เล่นแล้วต้องได้ภาพสวยๆ อยากพายคายัคใส หรือเล่น แพดเดิ้ลบอร์ดสีแฟนซีขึ้นมาหน่อย ตรงนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้ามา ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เราจะเล่น โดยทุกคนสามารถถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่หน้างานได้เลย โดยบริเวณพายเรือเรือคายัค เราสามารถพายได้ที่บริเวณชายหาดของโรงแรมได้เลย เค้าจะมีโซนสำหรับเล่นกิจกรรมไว้ให้ ไม่ต้องไปสุงสิงกับแขกของโรงแรมคนอื่นๆ อันนี้ดีย์งามมาก ใครที่อยากได้ภาพสวยๆ หรืออยากทำกิจกรรมสนุกๆ ออกไปทางแอดเวนเจอร์ก็มาลองเล่นกันได้





ห้องพัก Centara Mirage Lagoon Maldives
มาถึงห้องพักของ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) อย่างที่ก๊อตบอกไปในเกริ่นตอนต้นว่าเค้ามีด้วยกันทั้งหมด 145 ห้อง ซึ่งจะแบ่งยิบย่อยออกเป็นหลายประเภท ซึ่งก๊อตขอแบ่งห้องพักออกเป็น 2 โซนหลักๆ คือ ห้องพักแบบ Villa Mirage Beachfront Room ซึ่งจะเป็นห้องพักในอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่หน้าชายหาด ภายในมีขนาดเริ่มต้น 49 ตารางเมตร ทำให้เราสามารถเปิดประตูด้านหลังออกไปสู่ชายหาดแล้วลงเล่นน้ำทะเลได้เลย





ส่วนอีกแบบจะเป็น Mirage Overwater Villa with Jacuzzi ซึ่งจะมีทั้งที่เป็นวิลล่าปกติไม่มีสระน้ำในตัว และพูลวิลล่าที่มาพร้อมสระน้ำส่วนตัว โดยห้องพักแบบนี้จะมีพื้นที่กว้างเริ่มต้น 54 ตารางเมตร และตั้งอยู่กลางทะเลกันนั่นเอง ซึ่งไม่ว่าเราจะเข้าพักห้องแบบไหน ในทุกๆ ห้องพักของ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) นั้น รับประกันได้เลยว่า ห้องพักทุกห้องได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน อีกทั้งยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไม่แพ้กันเลยล่ะ
ห้องพัก Overwater Villa with Jacuzzi + Mirage Overwater Pool Villa
สำหรับห้องพักที่ก๊อตพักนั้น จะเป็นห้องพักแบบ Mirage Overwater Villa with Jacuzzi ที่ใครเคยเสิร์จรีวิวมัลดีฟส์ แล้วเห็นห้องพักหน้าตาคล้ายบ้านตั้งเรียงรายอยู่กลางทะเล โดยมีสะพานไม้คดเคี้ยวทอดยาวให้เดินลงไปผ่านตามาบ้าง นั่นแหละๆ มันคือห้องพักที่ก๊อตนอนเลย โดย Mirage Overwater Villa with Jacuzzi จะเป็นบ้านวิลล่ากลางน้ำพร้อมอ่างจากุชชี่แบบเอาท์ดอร์ บอกเลยว่าตัววิลล่านั้น ขนาดพื้นที่ด้านในกว้างขวางด้วยห้องนอนหลักที่สามารถเปิดประตูกระจกบานใหญ่ออกไปเห็นวิวของท้องทะเลได้แบบพาโนราม่า มาพร้อมเตียงคิงส์ไซซ์ขนาดใหญ่ และชุดหมอน ผ้าห่มนุ่มๆ ให้เราได้ทิ้งตัวลงนอนและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ท่ามกลางเครื่องปรับอากาศที่พอก๊อตเปิดปุ๊บ ไม่กี่นาทีทั้งห้องก็เย็นฉ่ำสะใจสุดๆ
นอกจากนี้ภายในห้องยังมีมุมโซฟาและโต๊ะให้ได้มานั่งพัก อีกทั้งยังมี Wi-fi ฟรี และสมาร์ตทีวีจอใหญ่ให้ได้นั่งดูท่ามกลางวิวทะเลแบบชิวๆ อีกด้วย ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะเค้ายังมีมินิบาร์ที่ครบครันทั้งไวน์ เบียร์ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ไปจนถึงขนมและเยลลี่ ที่ทางโรงแรมจะเข้ามาเติมให้เราใหม่ทุกวันตลอดระยะเวลาที่เข้าพักกันอีกด้วย ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อย่างตู้เซฟ รองเท้าแตะ และอื่นๆ ก็มีให้ครบเลย เรียกได้ว่าสะดวกสบายมาก




ในส่วนของห้องน้ำจะทำแยกเป็นห้องขนาดใหญ่ ที่ภายในแบ่งกั้นห้องอาบน้ำ และชักโครกออกจากกันอย่างชัดเจน แต่ที่ก๊อตชอบเลยคือเค้ามีมุมอ่างล้างหน้าขนาดใหญ่ ที่ให้กระจกส่องหน้า ส่องตัว และส่องด้านข้างกันมาแบบอลัง สำหรับอุปกรณ์ในห้องน้ำอย่างไดร์เป่าผม ผ้าขนหนู ยาสระผม ครีมอาบน้ำ ไปจนถึงเจลสำหรับลงอ่างจากุซซี่ก็มีให้หมด แบบที่ว่ามาเที่ยวแต่ตัวกับเสื้อผ้าก็ไม่รู้สึกขาดอะไรกันเลย




แต่ก่อนที่ก๊อตจะพาไปส่องบรรยากาศตรงระเบียงด้านนอก หลายคนที่เข้าพักห้อง Mirage Overwater Villa with Jacuzzi แบบก๊อต จะเห็นว่าพอเราเข้าห้องมาแล้ว เค้าจะมีประตูเชื่อมอยู่สองบาน ซึ่งตอนแรกก๊อตคิดว่ามันเป็นประตูปิดตาย เลยไม่ได้เปิดดู แต่เพิ่งมารู้จากพี่ที่ไปด้วยกันว่าประตูฝั่งหนึ่ง มันเป็นห้องนอนลับสำหรับเด็กๆ ที่เค้าทำแยกเอาไว้ด้านในโดยมีเตียงนอนขนาด 3 ฟุต 2 ชั้น และมีมุมวางของและแขวนเสื้อผ้าให้อีกด้วย แน่นอนว่าใครที่มาเที่ยวกันเป็นครอบครัวแบบสี่คน หรือจะมาเป็นกลุ่มแก๊งค์เพื่อน บอกเลยว่าสบาย เพราะเด็กๆ สามารถมานอนในห้องนอนเล็กนี้ได้แบบสบายๆ ด้านในมีแอร์ที่เปิดทีเย็นจัดไปถึงขั้วหัวใจ 555555
เอาล่ะมาถึงโซนไฮไลท์ของห้องพักแบบ Overwater Villa with Jacuzzi กันแล้ว นั่นก็คือ มุมระเบียงด้านนอกนั่นเอง โดยตรงนี้จะเป็นระเบียงไม้กว้างๆ ที่มีเก้าอี้ยาว 2 ตัวตั้งอยู่ ข้างๆ กันจะมีอ่างจากุซซี่กลางแจ้งให้ได้มาเปิดน้ำแช่ตัวชมวิวทะเลได้แบบโคตรฟิน อีกทั้งยังมีมุมตาข่ายถักที่ยื่นออกไปหาทะเลให้เราได้มานอนหรือนั่งเล่นได้อีกด้วย แต่ถ้าใครอยากลงเล่นน้ำ สามารถเดินลงบันไดไม้จากระเบียงลงสู่ทะเลได้เลยนะ อย่างก๊อตเองก็มีลงไปว่ายน้ำมา ตรงนี้จะไม่ลึกมาก แต่คลื่นก็ซัดเราเอาเรื่องเลยล่ะ






และนี่ก็คือทั้งหมดของห้องพักแบบ Mirage Overwater Villa with Jacuzzi นา ใครที่มากันแบบครอบครัว แล้วอยากนอนกลางทะเล ดื่มด่ำกับเสียงคลื่นและธรรมชาติสวยๆ ที่อยู่รายล้อม ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยราวกับอยู่ในสวรรค์บนดิน ก๊อตแนะนำให้พักแบบนี้ได้เลย มันให้ความรู้สึกเหมือนเรามาถึงมัลดีฟส์แล้วจริงๆ คือถ่ายรูปแล้วเอาไปอัพลงโซเชียล ไม่ต้องเช็กอิน คนยังรู้เลยว่าเราอยู่ที่ไหน


Mirage Overwater Pool Villa
ด้วยความที่ทริปนี้ ก๊อตมาในนามบล็อกเกอร์ เราเลยมีโอกาสได้มาสำรวจห้องอื่นๆ เพิ่มเติม กับวิลล่าที่ใครอยากได้สระว่ายน้ำส่วนตัวแบบชิคๆ ต้องเข้าพักห้องแบบ Mirage Overwater Pool Villa แล้วล่ะ โดยเค้าจะมีห้องสองฝั่งที่เราสามารถเลือกมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้น หรือห้องที่มองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ อันนี้ถ้าใครจะมาเข้าพัก ให้เลือกตามที่ชอบได้เลย
สำหรับห้องพักแบบ Mirage Overwater Pool Villa แม้จะมีหน้าตาห้องพักภายนอกเหมือนกับ Mirage Overwater Villa with Jacuzzi ที่ก๊อตนอน แต่ด้านในนั้นกว้างถึง 79 ตารางเมตรกันเลยทีเดียว ภายในแบ่งโซนห้องน้ำกับโซนห้องนอนแยกเป็นสัดส่วน เหมือนกับห้องพักของก๊อต ต่างกันที่เตียงของห้องพัก Mirage Overwater Pool Villa จะมีทั้งที่เป็นห้องเตียงคิงส์ไซซ์ และเตียงเดี่ยวแบบทวินให้ได้เลือก ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อย่างมินิบาร์ ตู้เย็น ทีวี รวมไปถึงตู้เซฟ ภายในห้องเค้ามีมาให้ครบครันเหมือนกัน ในส่วนของห้องนอนเล็กก็จัดมาใกล้เคียงกับห้องพักของก๊อต ข้างในมีเตียงเดี่ยวสองชั้น มาพร้อมมุมวางของให้ได้ใช้งาน ส่วนโซนห้องน้ำจะโอ่อ่ากว่าห้องก๊อตมาก และยังคงแยกโซนแห้งกับโซนเปียกออกจากกัน รวมถึงมีผ้าขนหนู อุปกรณ์สำหรับอาบน้ำเตรียมไว้ให้เรียบร้อย



แต่ที่เริ่ดเลยจะเป็นโซนระเบียงด้านนอก ที่ถือเป็นไฮไลท์ของห้องพักแบบพูลวิลล่าของที่นี่เลย เพราะนอกจากตัวระเบียงที่กว้างขวางแล้ว เค้ายังมีมุมโซฟาแบบวงกลมให้เรามานั่งล้อมวงพักผ่อน ท่ามกลางทิวทัศน์ของท้องทะเล และท้องฟ้าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีอ่างจากกุซซี่กลางแจ้งให้ได้แช่ตัวกันแบบฟินๆ และที่ฟลูฟีลสุดคือสระว่ายน้ำส่วนตัวที่ทำยื่นออกไปหาทะเล ใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวแบบขั้นสุด อยากจะว่ายน้ำอยู่ในห้องพักของตัวเอง ห้องไทป์นี้คือตอบโจทย์มาก แถมข้างๆ กันยังมีมุมตาข่ายให้ได้นั่งเล่นดื่มด่ำกับธรรมชาติและท้องทะเลสวยๆ อีกด้วย
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ







สำหรับใครที่อยากจะลงเล่นน้ำ ห้องพักพูลวิลล่าทุกหลังเค้าก็มีบันไดไม้ลงน้ำทะเลด้วยนา ถือเป็นห้องที่ฟังก์ชั่นครบแบบสะดวกสบายสุดเลยล่ะ จะแช่อ่างจากุซซี่ ว่ายน้ำในสระริมทะเลชิคๆ หรือลงเล่นน้ำในทะเล เราสามารถทำได้หมดเลย ใครอยากพักฟีลส่วนตั๊วส่วนตัว จิ้มมานอนห้อง Mirage Overwater Pool Villa กันโลดด
ห้องพัก Villa Mirage Beachfront Room
มาถึงอีกไทป์ห้องพักที่ก๊อตได้มาสำรวจคือห้อง Villa Mirage Beachfront Room ใครที่อยากเข้าพักแบบเปิดประตูระเบียงออกไปแล้วเจอชายหาด และวิ่งลงทะเลได้เลย ก๊อตแนะนำให้มาพักห้องประเภทนี้ โดยเค้าจะเป็นห้องพักในอาคารที่ตั้งเรียงรายกันเป็นตับอยู่ตามแนวชายหาด มีขนาดที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกห้องไซซ์ไหน ซึ่งชื่อของแต่ละห้องก็จะต่างกันออกไปด้วย โดยห้องที่ก๊อตเข้ามาส่องนั้นจะเป็นห้องแบบ Villa Mirage Beachfront Room กว้างประมาณ 49 ตารางเมตร อยู่ชั้นแรกติดชายหาดเลย





ภายในห้องพัก เปิดเข้าไปจะเจอกับโซนห้องน้ำก่อน ซึ่งห้องที่ก๊อตมาดู ด้านในสามารถเปิดบานเลื่อนในห้องน้ำออกแล้วมองเห็นห้องด้านนอกได้ด้วยนะ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในห้องน้ำก็มีเหมือนกับห้องพักของก๊อตเลย ทุกอย่างหน้าตาไม่ได้ต่างกันมาก อย่างห้องน้ำก็แยกโซนแห้งและโซนเปียกออกเป็นห้องใครห้องมัน โดยมีมุมล้างหน้ามาพร้อมกระจกบานใหญ่ให้ได้ส่องเหมือนกัน
ถัดมาด้านในจะเป็นโซนห้องนอน ที่จะมีให้เราเลือกทั้งแบบควีนไซซ์ และเตียงเดี่ยว มาพร้อมชุดเครื่องนอนสีขาวๆ ตัดกับลายผนังของห้องที่ดูเหมือนเรากำลังนอนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ตรงบริเวณมุมห้องมีชุดโซฟา และโต๊ะขนาดเล็กๆ ตั้งเอาไว้ให้ได้มานั่งพักผ่อน ส่วนทีวี มินิบาร์ ตู้เสื้อผ้า ตู้เซฟ ในห้อง Villa Mirage Beachfront Room ก็มีให้ได้ใช้งานเหมือนกัน
แต่ที่โดดเด่นของห้องพักไทป์นี้เลยเห็นจะเป็นชานระเบียงด้านนอกที่ยื่นออกไปสู่ชายหาด โดยเค้ามีอ่างอาบน้ำกลางแจ้ง และชุดโต๊ะเก้าอี้ริมหาดตั้งไว้ด้านนอกให้ได้มานอนแช่ตัว หรือใครที่วิ่งลงไปเล่นน้ำทะเลแล้วอยากอาบน้ำ ล้างตัวก่อนเข้าห้องก็สามารถใช้งานอ่างด้านนอกนี่ได้เลย ถือเป็นอีกหนึ่งห้องที่ทำออกมาได้ครบครัน เหมาะกับคนที่อยากอยู่ริมชายหาด ตื่นมาเจอหาดทรายขาวๆ ท่ามกลางเกลียวคลื่นของท้องทะเลที่ตัดกับเส้นขอบฟ้ามาก แถมห้องพักโซนนี้ยังอยู่ใกล้กับสารพัดส่วนกลางต่างๆ ไม่ต้องเดินไปกลับมากเท่ากับห้องพักกลางทะเลเหมือนของก๊อตอีกด้วย ใครชอบแบบไหนก็ตัดสินใจตามสะดวกได้เลยนา
The Sail House
มาเริ่มต้นทัวร์กันต่อกับห้องอาหารของ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) โดยเราจะเริ่มกันที่ห้องอาหารนานาชาติ The Sail House แบบโอเพ่นแอร์ที่เป็นโดมสีขาวยกสูงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดกับบริเวณสวนน้ำ ทำให้สามารถมองออกไปเห็นวิวของคนว่ายน้ำ ท่ามกลางชายหาดและท้องทะเลที่อยู่รายล้อมได้
อาหารเช้า Centara Mirage Lagoon Maldives
เกริ่นห้องอาหารกันมาขนาดนี้ มาถึงอีกหนึ่งอย่างสำคัญสำหรับการเข้าพักในแต่ละโรงแรม ซึ่งมันจะเป็นอะไรไปไม่ได้ หากไม่ใช่ไลน์อาหารเช้า โดยที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) เค้าจะเสิร์ฟอาหารเช้ากันแบบบุฟเฟ่ต์ ที่ The Sail House นั่นเอง ซึ่งเราสามารถมากินมื้อเช้าได้ตั้งแต่ 7 โมงไปจนถึง 10 โมงกันเลยทีเดียว โดยใครที่จะมากินข้าวใน The Sail House ไม่ว่าจะมื้อไหน เราไม่ต้องเสียเงินเพิ่มนะ เพราะทุกอย่างรวมอยู่ในแพ็คเกจเข้าพักของเราอยู่แล้ว



สำหรับโซนที่นั่งกินกับมุมตักอาหารจะอยู่แยกกัน โดยเราจะต้องเดินไปตักอาหารในอาคารที่อยู่ติดกัน ข้างในจะเป็นบาร์ยาวให้เราได้เดินวนดูอาหาร ที่มีตั้งแต่อาหารไทยอย่างส้มตำ และอื่นๆ ที่จะสลับกันไป อีกทั้งยังมีอาหารอินเดียอย่างพวกแป้งนาน กินกับแกงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแกงกุรุหม่าสุดเข้มข้น หรือจะเป็นดาลที่หน้าตาเหมือนซุปแต่อุดมไปด้วยเครื่องเทศแบบจัดเต็ม แต่ถ้าใครมาให้ถึงที่ อยากลองอาหารของคนมัลดีฟส์ เค้าก็มีเสิร์ฟด้วย ทั้งสารพัดแกงรสเผ็ด ข้าวอบมาพร้อมไก่สับ ซุปต่างๆ คือเลือกกินเพลินเลยล่ะ แต่ถ้าอยากจะกินอาหารฝรั่งอย่างไข่ดาว ไข่เจียว ไส้กรอก ชีส แซลม่อนรมควัน ที่นี่ก็มีเหมือนกัน ยิ่งพวกเมนูไข่ มีเชฟมาทำให้สดใหม่ตรงหน้าเลย




ส่วนเมนูอื่นๆ ก็มีให้ได้เลือกกินเยอะมาก ตั้งแต่เมนูต้ม ผัด แกง ทอด คือละลานตาแบบที่ว่าเลือกตั้งกันไม่ถูกเลย เค้ายังมีบาร์เครื่องดื่ม และขนมหวานที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องให้ได้เลือกตักกันอีกเยอะมาก ใครที่เป็นสายชอบกินขนมหวาน เข้าพักที่นี่ ก๊อตบอกเลยว่าถูกใจสิ่งนี้สุดๆ


เราสามารถตักอาหารทุกอย่างที่อยากกินใส่จาน แล้วเดินมานั่งกินที่ The Sail House ได้เลย บรรยากาศนี่ร่มรื่นเย็นสบายมาเว่อร์ ด้วยความที่ห้องอาหารเค้าตั้งอยู่ใกล้กับชายหาด แถมยังเปิดโล่ง มันเลยทำให้มีลมพัดโกรกอยู่แทบจะตลอดเวลา ใครชอบกินอาหารเช้าก๊อตอยากให้ตื่นมากินมาก หรือถ้ามากินข้าวเช้าไม่ทัน จะมานั่งกินข้าวเที่ยง หรือข้าวเย็นที่นี่ก็ได้ เค้ามีไลน์อาหารนานาชาติให้ได้สั่งเพียบ ยิ่งใครที่จองห้องพักพ่วงแพ็คเกจ All Inclusive ที่รวมเครื่องดื่มต่างๆ มาด้วยนั้น ตอนเรามากินข้าวสามารถสั่งเครื่องดื่มเย็นหรือร้อนอย่างชา กาแฟ ช็อกโกแลตเย็นได้เลยนะ เลือกจากในเมนูได้เลย โดยหลังรายการจะมีช่อง AI ถ้าช่องนั้น เมนูไหนเป็นเลข 0 แสดงว่าเราสามารถสั่งมาดื่มกี่แก้วก็ได้ โดยแพ็คเกจนี้ค่อนข้างคุ้มเกินคุ้มมาก



ดินเนอร์ใน The Sail House
อย่างที่ก๊อตบอกไปว่าที่ The Sail House เราสามารถมาฝากท้องมื้อเช้า มื้อเที่ยง หรือมื้อเย็นได้เลย ซึ่งมีวันหนึ่งที่ก๊อตได้มาลองดินเนอร์ที่ห้องอาหารแห่งนี้ โดยไลน์อาหารจะต่างออกไปจากตอนเช้ามาก มีพวกเนื้อสัตว์เข้ามามากขึ้น อย่างเนื้อสเต็ก ไก่ย่าง และอื่นๆ จะถูกทำมาเสิร์ฟกันแบบฉ่ำๆ ส่วนเมนูของหวานก็ไม่น้อยหน้าช่วงกลางวัน เพราะจัดเต็มตั้งแต่เค้ก คุ้กกี้ มัฟฟิน และสารพัดของหวานที่ใครเป็นสายขนมจะต้องเลิฟอย่างแน่นอน สำหรับคนที่นึกไม่ออกมาว่าจะกินมื้อเย็นกับอะไรดี ลองแวะมากินที่ The Sail House เพราะมีเมนูแทบทุกแขนงให้เราได้เลือกกินแบบไม่เบื่อกันเลยล่ะ








ห้องอาหารอิตาเลียนแอคควา (Acqua)
นอกจากห้องอาหารนานาชาติแล้ว ที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) ยังมีห้องอาหารอื่นๆ อยู่อีกด้วยนะ อย่าง ห้องอาหารอิตาเลียนแอคควา (Acqua) และห้องอาหารไทยสวนบัว (Suanbua) ซึ่งเราสามารถมาฝากท้องมื้อไหนก็ได้ โดยก็อตจะเริ่มกันที่ ห้องอาหารอิตาเลียนแอคควา (Acqua) ที่เสิร์ฟอาหารสไตล์อิตาลีแบบดั้งเดิม ท่ามกลางบรรยากาศเปิดโล่งที่ดูร่วมสมัย ห้องอาหารมาในโทนสีครีมตัดแดง โดยบริเวณตรงกลางของห้องอาหารมีมุมวางสารพัดขวดไวน์ตั้งอยู่ ส่วนบริเวณด้านในสุดจะเป็นบาร์ยาวที่มีเชฟ และบาริสต้า ยืนอบพิซซ่า และชงเครื่องดื่มให้ได้เห็นกันอย่างใกล้ชิดอีกด้วย



โดยที่นั่งของ ห้องอาหารอิตาเลียนแอคควา (Acqua) นั้น จะมีจำนวนน้อยกว่าห้องอาหารนานาชาติ หากเรามาในช่วงที่แขกเยอะ ห้องอาหารอาจจะเต็มได้ ก๊อตแนะนำให้จองกับทางโรงแรมไปก่อนเลยว่าเราจะเข้ามากินวันไหน ช่วงเวลาอะไร จะได้ไม่พลาดเข้ามาใช้บริการกัน ซึ่งอาหารที่เสิร์ฟนั้น จะเป็นเหล่าพิซซ่าโฮมเมดที่มีตั้งแต่พิซซ่ามาการิต้า พิซซ่าหน้าชีส และพิซซ่าหน้าซีฟู้ด รวมถึงยังมีเมนูเส้นทั้งพาสต้า สปาร์เกตตี้ซอสมะเขือเทศ และสปาร์เก็ตตี้คาโบนาร่าที่เสิร์ฟกันมาแบบร้อนๆ เส้นเหนียวนุ่มรสชาติสุดจะกลมกล่อมกันเลยทีเดียว




ยังไม่หมดเท่านั้น ที่นี่ยังมีอีกหลายเมนูให้ได้เลือกสั่ง อย่างบรูสเก็ตต้า (Bruschetta) ขนมปังท็อปด้วยกระเทียมและมะเขือเทศ หรือจะเป็น ฟริตโต มิสโต ดิ ฟรุตตี ดิ มาเร (Fritto Misto Di Frutti Di Mare) เมนูรวมของทอดที่มีทั้งผักและของทะเลอยู่ด้วยกัน ก็มีให้ได้จิ้มมาลิ้มรสกันด้วยนะ ส่วนเครื่องดื่มก็มีไปตั้งแต่น้ำเปล่า น้ำอัดลม ค็อกเทลไปจนถึงไวน์กันเลยทีเดียว สามารถเลือกกินให้เข้ากับอาหารได้เลย ซึ่งก๊อตบอกเลยว่า ไลน์อาหารและเครื่องดื่มเค้าแน่นมาก ใครชอบอาหารอิตาเลียน หรือเลิฟพิซซ่าอยากให้มาลอง เพราะพิซซ่าเค้าอร่อยม๊ากกกก


ห้องอาหารไทยสวนบัว (Suan Bua)
ไปต่อกันที่ ห้องอาหารไทยสวนบัว (Suan Bua) หากใครที่มาหลายวันแล้วกลัวว่าตัวเองจะคิดถึงอาหารไทยนั้น ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากเราเข้าพักที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) เพราะเค้ามีห้องอาหารไทย ที่มีพี่เชฟคนไทยอยู่ด้วย โดยเราจะได้สัมผัสกับห้องอาหารไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของเซ็นทาราที่มีกลิ่นอายของความร่วมสมัย ความเริ่ดคือ ห้องอาหารแห่งนี้มีเชฟฝีมือฉมังจากไทยมารังสรรค์เมนูให้เราได้กิน ซึ่งอาหารที่เสิร์ฟจะมีตั้งแต่เมนูอะลาคาร์ท ไปจนถึงการกินแบบโอมากาเสะสไตล์ไทยกันเลยทีเดียว
โดยห้องอาหารของเค้าจะตั้งแยกออกไปโดยจะอยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะ บรรยากาศของห้องอาหารจะมีทั้งโซนอินดอร์ในอาคาร ที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนไม้ มีทั้งโต๊ะแบบยาวสำหรับคนที่มาเที่ยวกันเป็นครอบครัวใหญ่ และโต๊ะขนาดเล็กๆ สำหรับคนมากันไม่เยอะ ส่วนโซนที่นั่งเอาท์ดอร์จะอยู่ด้านนอก ติดกับบาร์ โดยจะเป็นเหมือนศาลาเปิดโล่งที่สามารถมองออกไปเห็นชายหาดและทะเลได้นั่นเอง ใครชอบเสพทะเลอยากกินข้าวในบรรยากาศโรแมนติกๆ ก๊อตแนะนำนั่งข้างนอกได้
สำหรับเมนูที่ก๊อตสั่งกันมา มีหลากหลายเมนูเลย เริ่มตั้งแต่ลาบไก่ที่บอกเลยว่าตักเข้าปากคำแรกร้องว้าวมาก เพราะรสชาติจัดจ้าน มาครบทั้งเผ็ด เปรี้ยว เค็ม นัวเหมือนนั่งกินอยู่บ้านเรามาก มาถึงยำรวมมิตร จานนี้ความเผ็ดอยู่ในระดับกลางๆ แต่รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดีมาก คือกินคำไหนก็หอมมะนาวแท้ๆ มาก ยิ่งได้กินคู่กับปีกไก่ทอดที่กรอบนอกนุ่มในเสิร์ฟมาแบบควันลอยฟรุ้ง แกรเอ้ย เป็นมื้อที่ฟินที่สุดแล้ว ส่วนเมนูอื่นๆ อย่างพวกข้าวผัดสับปะรด ต้มยำน้ำใสอันนี้ก็รสชาติถึงใจ เหมือนนั่งกินอยู่ที่ไทย แต่ตัวอยู่มัลดีฟส์แบบนั้นเลย ใครที่กลัวว่าจะคิดถึงอาหารไทย ให้ตรงดิ่งมานั่ง ห้องอาหารไทย (Suan Bua) แล้วทุกความคิดถึงบ้านเกิดของเราจะหายไป เพราะอาหารไทยเค้าทำถึงใจมาก ก๊อตคอนเฟิร์ม




Maldivian Beach Dinner
สำหรับใครที่อยากเปิดประสบการณ์เป็นคนมัลดีฟส์แท้ๆ ทางโรงแรมเค้ามี Maldivian Beach Dinner สไตล์มัลดีฟส์ให้เราจองมากินได้ด้วยนะ แต่บอกก่อนว่าก๊อตมากันเป็นกรุ๊ปใหญ่และมาในนามสื่อบล็อกเกอร์ ทางทีมเซ็นทาราเค้าเลยจัดดินเนอร์ให้แบบพิเศษที่ไม่ได้มีรายละเอียดแจ้งหน้าเว็บ แต่หากใครที่มากันเป็นกรุ๊ปใหญ่หลายๆ คนแบบก๊อต สามารถแจ้งกับทางโรงแรมได้เลยว่าเราอยากดินเนอร์แบบนี้ เค้าจะจัดโต๊ะตัวยาวตั้งอยู่บนชายหาดเลียบทะเลให้ ซึ่งราคานั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนคนเลย โดยบรรยากาศของดินเนอร์มันจะเหมือนกับการมานั่งกินข้าวใต้แสงเทียน ท่ามกลางแสงจันทร์ริมหาดแบบโรแมนติกขั้นสุด
โดยการดินเนอร์สไตล์นี้ ต้องบอกก่อนว่า อาหารจานหลักจะเป็นบาร์บีคิวที่เราจะต้องไปย่างบนเตาไฟอยู่กับพื้นทรายตามสไตล์ของคนมัลดีฟส์แท้ๆ ซึ่งเนื้อสัตว์ที่เค้าให้มาจะเป็นเนื้อวัว เนื้อแกะ และของทะเลอย่างกุ้ง ปลาหมึก และปลาท้องถิ่นของเค้า กินคู่กับน้ำจิ้มรสจัดจ้านฟีลน้ำจิ้มซีฟู้ดบ้านเรา ซึ่งใครมากินดินเนอร์แบบนี้ ก๊อตแนะนำว่าให้แต่งตัวชิวๆ มาได้เลย เพราะมันจะต้องมีฉากที่เราต้องนั่งย่างบาร์บีคิวอยู่บนหาดทราย ถ้ามาสวยเลยอาจจะทรหดนิดนึง 55555




ส่วนอาหารอื่นๆ ที่กินกับบาร์บีคิวนั้น ทางพนักงานเค้าจะยกมาเสิร์ฟให้เราเองที่โต๊ะ โดยจะมีเป็นลิสต์รายการมาให้ ซึ่งจะเป็นฟีลกึ่งแกล้ม อย่างผัดบวบงู สลัดผัก เผือกและมันทอด น้ำพริก โดยรสชาติจะออกไปในโทนเดียวเลย คือกลมกลม และกินง่าย ยิ่งกินกับของย่างที่เราย่างมาด้วย คือเข้ากันและลงตัวสุดๆ เอาจริง ตอนแรกก๊อตแอบกลัวเรื่องรสชาติว่าตัวเองจะชอบไหม สรุปเลยอาหารเค้าอร่อยและถูกปากกว่าที่คิดไว้มาก ถือเป็นอีกมื้อที่ได้มาเปิดประสบการณ์อะไรใหม่ๆ สำหรับก๊อตสุดๆ



ซึ่งความสนุกของ Maldivian Beach Dinner แบบนี้ มันคือบรรยากาศที่โคตรจะโรแมนติก กับการได้นั่งกินข้าวใต้แสงจันทร์ ท่ามกลางสายลมเย็นๆ และเสียงคลื่นที่ดังอยู่รายล้อม ถือเป็นอะไรที่เกินคาดไปเหมือนกัน อยากให้ทุกคนได้มาลองดินเนอร์แบบนี้กันจริงๆ
กิจกรรม Sunset Dolphin Cruise
หากใครที่เข้าพักใน โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) แล้วอยากไปล่องเรือส่องโลมา สามารถมาสอบถามกับพนักงานได้เลยนะ เพราะที่นี่เค้ามีกิจกรรม Sunset Dolphin Cruise หรือการล่องเรือหาโลมา ให้บริการโดยบริษัท Best Drive ให้ได้ใช้บริการกันด้วย โดยจะเป็นการนั่งเรือสองชั้นล่องออกไปบนทะเล ที่อยู่ห่างจากโรงแรมออกไปประมาณ 45 นาที ซึ่งบอกก่อนว่า กิจกรรมนี้แล้วแต่ดวงใครดวงมันนะ ด้วยความเราจะออกไปตามหาน้องโลมาในธรรมชาติจริงๆ เลยอาจจะต้องลุ้นกันหน่อยว่าเราจะได้เจอน้องโลมามั้ยนั่นเอง ยิ่งถ้าใครชิลๆ อยากได้ฟีลล่องเรือมาหารัก ออกไปดื่มด่ำกับท้องทะเลสีครามท่ามกลางสายลม และแสงแดดชิวๆ กิจกรรมนี้คือทางเลือกที่ใช่เลยล่ะ
เนื่องจากบริการนี้เป็นของบริษัทนอก ดังนั้น ตารางเดินเรือและราคาจะต่างกันออกไปในแต่ละเดือน โดยในตอนที่ก๊อตไปนั้น เรือเค้าจะออกจากโรงแรมช่วง 5 โมงเย็น ซึ่งเรือจะมารับและออกตรงเวลามาก ทุกคนอย่าลืมเผื่อเวลาเดินมาที่ล็อบบี้กันด้วย ซึ่งจุดขึ้นเรือนั้น จะอยู่ที่ท่าเรือเดียวกับที่เรามาลงวันแรก เมื่อทุกคนขึ้นมาบนเรือแล้ว เจ้าหน้าที่เค้าจะมาอธิบายกฎระเบียบต่างๆ พร้อมทั้งบอกว่าใครอยากดื่มน้ำ หรืออยากได้อะไรให้บอกทีมงานเค้าได้เลย เพราะทางเรือเค้ามีเตรียมไว้ให้แล้ว ซึ่งข้อห้ามของการนั่งเรือในครั้งนี้ไม่มีอะไรมาก ช่วง 10 นาทีแรกที่เรือออกจากท่า เจ้าหน้าที่เค้าขอความร่วมมือให้เรานั่งประจำที่ของใครของมันอย่าได้ลุกเดินไปไหน เพราะคลื่นมันค่อนข้างสูง ตัวเรือมันโยกเยกไปมา เพราะถ้าหากเรานั่งไม่ดี อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้นั่นเอง
เอาล่ะ เมื่อพร้อมแล้ว เรือก็จะพาเราล่องออกไปเรื่อยๆ พอล่องกันมาได้สักพัก จากที่คลื่นแรงๆ ก็จะก็เริ่มสงบลง วิวที่เคยมองเห็นเกาะอื่นๆ จะถูกแทนที่ด้วยท้องทะเลแบบไกลสุดขอบฟ้า โดยเวลานี้เราสามารถเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของเรือ ซึ่งจะเป็นดาดฟ้าโล่งๆ เพื่อมานั่งชมวิวของท้องทะเลได้เลยนะ บรรยากาศตอนนั้น เงียบสงบมาก สายลมเย็นๆ ปะทะเข้าสู่ผิวกาย รอบตัวมีเพียงเสียงคลื่นและน้ำทะเลรายล้อม เหมือนเราเป็นมนุษย์ตัวจิ๋วๆ ที่ถูกโอบกอดด้วยท้องทะเล และผืนฟ้าเลย เป็นมู้ดที่ดีย์มาก รู้สึกสงบและได้อยู่กับตัวเองสุดๆ ซึ่งเรือจะพาเราล่องไปเรื่อยๆ ไม่เร็วมากนัก แต่อย่างวันที่ก๊อตไปนั้น แต้มบุญเราหมด ไม่ได้เจอน้องโลมา แต่นี่ว่าไม่เป็นไรเลย เพราะแค่ได้มานั่งล่องเรือชมวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ มันเหมือนได้มาพักผ่อนและฮีลใจเราได้เช่นกัน โดยทริปนี้เราใช้เวลาไปและกลับประมาณ 2 ชั่วโมง ถือเป็นอันจบการล่องเรือตามหาโลมา ที่แม้จะไม่ได้เจอหน้าเซฮายกัน แต่ก๊อตกลับไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยสักนิดเดียว





โปรโมชั่น Centara Mirage Lagoon Maldives ห้ามพลาดตอนนี้
สำหรับใครอยากเข้าพักที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) ช่วงนี้ทางโรงแรมเค้ามีโปรโมชั่นสุดพิเศษมาให้ สำหรับการจองห้องพักขั้นต่ำ 3 คืน (กำหนดผู้ใหญ่ 2 ท่าน และเด็กอายุ 11 ปีหรือต่ำกว่า 2 คน) ถือเป็นโปรเปิดตัวเลยก็ว่าได้ เริ่มจากมีเรือสปีดโบ๊ทรับ-ส่งจากสนามบิน ข้ามเกาะมายังโรงแรมฟรี สำหรับเด็กๆ อายุ 11 ปี หรือต่ำกว่า สามารถเข้าพักและทานอาหารในโรงแรมได้ฟรีเช่นเดียวกัน และใครที่เป็นสมาชิก CentaraThe1 ตอนจองโรงแรม เราจะได้รับส่วนลดเพิ่ม 15% พร้อมรับคะแนนสะสม X3 กันเลยทีเดียว โดยโปรโมชั่นนี้ เราจะต้องจองห้องพักตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2025 และมีช่วงเวลาการเข้าพักตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2025
สรุปการเข้าพักที่ Centara Mirage Lagoon Maldives
และนี่ก็คือรีวิวทั้งหมดจากประสบการณ์ที่ก๊อตได้เข้าพักที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) นั่นเอง โดยส่วนตัวก๊อตประทับใจมาก เป็นการมาเที่ยวมัลดีฟส์ครั้งแรกที่ดีเอาเรื่อง ด้วยบรรยากาศของโรงแรมที่เงียบสงบ ให้ความรู้สึกว่าเราได้มาผ่อนคลายจริงๆ แถมการที่เราอยู่แต่บนเกาะนั้น ก๊อตไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายเลย เพราะในโรงแรม มีกิจกรรมให้เราได้ทำเยอะมาก จะสายชิว สายแอดเวนเจอร์คือมาครบหมด อีกทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างสระน้ำ สปา ห้องอาหาร โซนสำหรับเด็ก และบาร์ก็มีให้บริการครบครัน ถือเป็นการมาเที่ยวมัลดีฟส์ที่มาถึงมัลดีฟส์จริงๆ ก๊อตได้มานอนบ้านกลางน้ำ พร้อมทั้งได้เดินเล่นบนสะพานไม้ เป็นอีกประสบการณ์ที่ก๊อตจะไม่ลืมเลย เอาเป็นว่าใครที่อยากมาเที่ยวมัลดีฟส์ในไวบ์สงบๆ แถมได้ภาพสวยๆ กลับบ้านอีกเพียบ การเข้าพักที่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives) คือที่สุด ก๊อตบอกเลย