หลังจากเที่ยวย่างกุ้งและทะเลสาบอินเลเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ถึงเวลาสำหรับการมาเยือนพุกาม ซึ่งช่วงที่ผมไปคือเดือนกลางเดือนกันยายน 2559 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวที่พม่าระดับ 6.8 ริกเตอร์ ในวันที่ 24 สิงหาคม 2559 จุดศูนย์กลางที่เมือง Chauk ห่างจากพุกามประมาณ 24 กิโลเมตรแค่นั้นเอง โคตรใกล้ไง จากแผ่นดินไหวนี่แหละ ทำให้เจดีย์ในพุกามถล่มและเสียหายมากกว่า 200 แห่ง ทำให้การไปเที่ยวในตอนนั้นคือ หลายเจดีย์และหลายสถานที่สำคัญที่เป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวพุกามถูกปิดเพื่อซ่อมแซม .. แล้วยังไงต่อล่ะ?
ก็คงยังต้องมาเที่ยวแหละ ก่อนที่จะมาก็ต้องหาข้อมูลอย่างหนักว่ายังเปิดให้เที่ยวอยู่หรือเปล่า สรุปก็คือนักท่องเที่ยวยังสามารถมาเที่ยวได้ แต่อย่างที่บอกว่าหลายสถานที่ไฮไลท์ก็ถูกปิดเช่นกัน และระหว่างทางจากอินเลมาพุกาม ผมโดนน้องที่เดินทางมาด้วยกันเททริปนี้แจ้ เพราะน้องมีเหตุจำเป็นต้องกลับไทยด่วน ดังนั้น การเที่ยวพุกามและมัณฑะเลย์ต่อนั้นกลายเป็นทริป #พม่าคนเดียว ไปโดยปริยาย แต่ไม่เป็น.. เราสู้อยู่แล้ว ฮ่า 😀
เที่ยวพม่า 9 วัน 8 คืน ไปไหนบ้าง
ดูภาพแผนที่ด้านล่างได้เลย จะได้เห็นภาพรวมว่าผมไปไหนมาบ้าง เริ่มต้นบินจากกรุงเทพมาลงย่างกุ้ง และเที่ยวย่างกุ้งซัก 2 วัน 1 คืน ไหว้พระทำบุญ (อ่านรีวิวย่างกุ้ง) จากนั้นไปต่อกันที่ทะเลสาบอินเล ทะเลสาบที่ใหญ่อันดับสองของพม่าที่มีชาวอินคาที่พายเรือด้วยขาข้างเดียว ไม่เหมือนใครแล้วในโลกนี้ เที่ยวที่นี่ 2 วัน 1 คืนเช่นกัน (อ่านรีวิวทะเลสาบอินเล) มาต่อที่พุกาม เมืองมหาสมุทรเจดีย์ ที่มีเจดีย์และวัดกว่า 2,229 องค์ที่ยังเหลือรอดอยู่ ซึ่งก็คือรีวิวนี้แหละครับ ใช้เวลาเที่ยว 2 วัน 1 คืน จบด้วยมัณฑะเลย์แบบชิลๆ 3 วัน 2 คืนก่อนกลับบ้าน
ตอนนี้มีรีวิวพม่าออกมาแล้ว 3 ตอน ตามนี้เลยคือ
1. ย่างกุ้ง สายบุญ : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์
2. ทะเลสาบอินเล : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์
3. พุกาม #พม่าคนเดียว : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์ (ที่อ่านอยู่ตอนนี้)
รู้จักพุกามกันหน่อย
แต่ก่อนนั้นพุกามเคยเป็นเมืองหลวงทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของอาณาจักรพุกาม เกือบ 250 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1044 ถึง 1287 เลยทีเดียว จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์คาดว่าพุกามน่าจะมีเจดีย์และวัดมากกว่า 10,000 องค์ในพื้นที่ขนาด 104 ตารางกิโลเมตรของพุกาม นั่นก็แสดงได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อก่อนเมืองพุกามนั่นเจริญรุ่งเรืองทางด้านศาสนาพุทธถึงขีดสุด
น่าเสียดายที่เขตเมืองพุกามนั้น ตั้งอยู่ในเขตแผ่นดินไหวและเจอภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวขนาดแรงหลายครั้งเลย ทำให้วัดและเจดีย์ในปัจจุบันเหลือแค่ประมาณ 2,229 องค์เท่านั้น ซึ่งทางพม่าเองก็พยายามบูรณะอย่างเต็มที่เพื่อให้ที่นี่ถูกขึ้นเป็นมรดกโลกจากทาง UNESCO และเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะสามารถนำรายได้เข้าประเทศได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเลย รู้ประวัติกันเบื้องต้นแล้ว เที่ยวกันเลยดีกว่า!
วิธีมาพุกาม
วิธีที่สะดวกและถูกที่สุดในการมาพุกามก็น่าจะเป็นรถบัสเนี่ยแหละครับ ซึ่งรถบัสเค้าสภาพคือดีไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้ เรามาสามารมาพุกามโดยรถบัสทั้งจากย่างกุ้งเอง ทะเลสาบอินเล หรือแม้แต่มัณฑะเลย์เลยแหละครับ วิธีการจองรถบัส สามารถให้โรงแรมที่เราพักจองรถบัสจะสะดวกที่สุด ยังไงก็ตามลองดูเวลารถออกคร่าวๆจาก Go-Myanmar.com ก่อนก็ได้ เราจะได้แพลนเวลาเผื่อไว้ได้ครับผม 🙂
เริ่มลุยพุกามเลย!
เรื่องสยดสยองหลังจากลงรถบัสที่สถานีขนส่ง Bagan Shwe Pyi Highway Bus Terminal ตอนตี 4 คือ โดนพม่าตรงนั้นรุมทึ้งจ้าาาาา รุมแบบน่ากลัวมากและมากยิ่งกว่าเพราะนี่มาคนเดียว เค้าจะรุมแล้วถามเลยว่าจะไปในตัวเมืองใช่มั้ย มีตัวเลือกมาให้สามอย่างคือ รถยนต์ รถม้า และจักรยานตามลำดับราคา.. (แต่เราจำราคาไม่ได้ง่ะ) เชี้ยย มันเหมือนในหนังที่แบบมีคนมาเสนอช้อยส์ให้เลือกแล้วชี้ไปที่อันนั้นต่ออันนี้พร้อมบอกราคา ท่ามกลางความมืดแล้วรถพวกนั้นเหมือนมีไฟสปอตไลท์ฉายแสงอยู่ เพราะอยู่ใต้ไฟข้างถนน
ด้วยความที่สถานีขนส่งอยู่ไกลจากโรงแรมผมที่จองไว้ใน Nyaung-U ประมาณ 6 กิโลเมตร ตอนนี้เวลาตี 4 และเรามาคนเดียว ก็เลยเลือกจักรยานแม่งละกัน เพราะว่าถูกสุดแต่ก็ดูยาจกมากด้วย ฮ่าๆ คือมันจะเหมือนซาเล้งขนาดย่อมที่เคลื่อนที่ด้วยการปั่นจักรยานและพ่วงที่นั่งข้างๆที่สามารถนั่งได้คนเดียว เป็นไงเป็นกันดิ.. ไปก็ไป
หลังจากปั่นไปซักพัก คนขี่จักรยานก็ถามว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นมั้ย โดยที่เค้าคิดราคาเพิ่มขึ้นมาเกือบเท่านึง เพราะเค้าต้องปั่นแบกเราระยะทางสองเท่าจากที่ตกลงกันตั้งแต่แรก ยื้อต่อราคากันอยู่ สุดท้ายก็ลดนิดเดียว ไปก็ไปฟ่ะ สรุปคือเราต้องไปนั่งกินแฟแถวตลาดจนถึงตีห้าครึ่ง จากนั้นเค้าจะปั่นพาเราไปเจดีย์นึง ที่ยังเปิดให้คนขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นใกล้กับ Nyaung-U ไม่มากนัก
ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เจดีย์ติดกับเจดีย์ Bulethi
เนื่องจากตอนที่ผมไปคือช่วงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงแถวพุกาม ดังนั้น เจดีย์หรือวัดที่สำคัญหลายจุดถูกปิด ทางคนปั่นจักรยานเลยพามาที่เจดีย์นี้ (GPS: 21.173940, 94.882710) อยู่ซึ่งใกล้กับเจดีย์ Bulethi ที่ปิดซ่อมแซมเหมือนกัน
ไฮไลท์ของการมาเที่ยวพุกามคือมาดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน และจะพีคสุดช่วงพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีบอลลูนลอยขึ้นมา
นี่ก็นั่งตั้งแต่ตีห้าครึ่ง สภาพโดยรอบคือโคตรมืด มองไรไม่เห็นเลย ตอนปีนขึ้นไปบนเจดีย์ คือต้องปีนอย่างระมัดระวังมากเพราะโคตรชัน มือนึงเกาะอีกมือนึงถือไฟฉายที่เปิดจากไอโฟน ขึ้นไปถึงเกือบยอดก็เจอกลุ่มคนจีนสามคนที่มาก่อนหน้านั่น หลังจากนั้นก็มีคนทยอยมาเรื่อยๆ
ภาพพุกามพระอาทิตย์ขึ้นคือสวยมาก สวยมากจริงๆ ยกเว้นแต่ผิดคาดจากที่คิดไว้ในหัวนิดนึงที่จะมีบอลลูนลอยอยู่ด้วย เพราะนี่มาผิดเดือนไง๊ (พึ่งมารู้ทีหลัง) แต่ไม่เป็นไร .. เพราะภาพตรงหน้าเราก็ยังสวยอยู่ดี พอพระอาทิตย์ขึ้นจนเราสามารถมองเห็นโดยรอบแล้ว นี่คือภาพพุกามที่ได้เห็นแบบเต็มตา คือเจดีย์โคตรเยอะจริงจัง และอันที่อยู่ใกล้สุดคือที่มีโครงบนยอดเจดีย์คือ เจดีย์ Bulethi นั่นเอง
หลังจากเสร็จการดูพระอาทิตย์ขึ้น ผมก็ให้คนขี่จักรยานพาวนกลับไปที่โรงแรมที่ผมจองไว้ ถือเป็นการเสร็จดีลที่ตกลงไว้กับคนปั่นจักรยาน
ขี่มอไซค์ไฟฟ้าเที่ยวพุกามเอง
หลังจากผมเช็คอินที่โรงแรม Zfreeti Hotel (มีรีวิวโรงแรมด้านล่าง) ที่ผมพักเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ออกมาฝั่งตรงข้ามโรงแรม จะมีมอไซค์ไฟฟ้าให้เช่าอยู่ซึ่งผมจำราคาไม่ได้ ฮ่าๆ ที่พุกามเค้าจะไม่ให้ใช้มอไซค์ที่ใช้น้ำมันขับนะ เค้าให้ใช้มอไซค์ไฟฟ้าแทนเพื่อเป็นการลดมลพิษ อีกอย่างเรื่องการขับขี่ถือว่าโอเค เทียบได้กับมอไซค์ปกติเลย วันนึงใช้ได้สบายไฟไม่หมด สำหรับใครที่มาเป็นกรุ๊บหรือไม่สะดวกขี่มอไซค์ ผมแนะนำเหมารถแล้วให้เค้าขับพาไปเลยครับ สะดวกสุด ที่ผมเลือกมอไซค์เพราะผมมาเที่ยวคนเดียว ถูก และง่ายกว่าสำหรับการขี่มอไซค์ครับผม
เอาล่ะ เราลองมาดูกันว่าผมไปที่ไหนบ้าง บอกเลยว่าจริงๆคือผมเที่ยวเต็มๆแค่หนึ่งวันเท่านั้น ส่วนวันที่สองผมแค่ไปเก็บตกอีกรอบที่เดิมเฉยๆ เพื่อรอรถไปยังมัณฑะเลย์ (ภาพด้านล่างสามารถคลิกเพื่อเปิดเป็นรูปใหญ่ได้นะครับ)
> สีชมพู คือ ตอนเช้ามืดหลังจากลงรถบัสแล้วไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
> สีเหลือง คือ ขี่มอไซค์เที่ยวเอง โดยไปจบที่การดูพระอาทิตย์ตกดินที่เจดีย์ Pyathetgyi
เจดีย์เคมินก่อ (Khaymingha Pagoda) และฝั่งตรงข้ามที่ไม่รู้ชื่อ
เจดีย์เคมินก่อจะเป็นกลุ่มเจดีย์หลายองค์ที่ตั้งเรียงอยู่เป็นแถวเลยเมื่อมองจากฝั่งทางเข้าที่เชื่อมกับถนน เจดีย์ที่นี่เป็นที่แรกหลังจากขับมอไซค์ผ่านไง ตื่นเต้น.. เลยลองดุ่มๆเข้าไปดู ซึ่งจากการหาประวัติแล้ว ที่นี่หาไม่เจอแหะ แต่เราก็สามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ และเดินไปอีกนิดฝั่งตรงข้างก็จะมีเจดีย์ปราสาทขนาดใหญ่ สามารถเข้าไปถ่ายรูปได้เช่นกัน 🙂
วัดอนันดา (Ananda Temple)
วัดอนันดาเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงและมีคนมากราบไหว้มากที่สุดในพุกามเลยล่ะ สร้างโดยพระเจ้าจันสิตตา ในปี พ.ศ. 1648 โดนชื่อ “อนันดา” แปลว่า ปัญญาที่ไม่มีที่สิ้นสุด (อนันตปัญญา) ที่น่ารู้คือแผนผังของวัดนำมาจากพระภิกษุชาวอินเดียที่นำมาจากถ้ำมูละ แต่กรมพรยาดำรงราชานุภาพของเรานั้น มองต่างว่านำแผนมาจากวัดพระเมรุ นครปฐม โดยเปลี่ยนจากพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาทมาเป็นพระพุทธรูปยืน
เจดีย์สัพพัญญู (Thatbyinnyu Pagoda)
เจดีย์สัพพัญญูถือเป็นเจดีย์ที่สูงสุดที่สุดในพุกาม มีความสูงถึง 60 เมตร สร้างในศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าอลองสิทธู ตอนที่ผมไปสามารถเดินแค่รอบเจดีย์และมองเข้าไปได้แค่นั้น ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ง่ะ งือ
ระหว่างเดินรอบเจดีย์สัพพัญญูอยู่นั้น ก็เจอเด็กพม่าสองคนตามแจจะขายโปสการ์ด นี่ไม่ได้ซื้อไง เพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร แต่น้องเค้าเข้ามาแบบน่ารักน้าาาาา ก็เลยขอน้องเค้าถ่ายรูปซักแชะเก็บไว้ ฮ่า
วัดพาธาดา (Pa Tha Da Temple)
วัดนี้แทบจะไม่มีประวัติอะไรเลยจริงๆ จากการที่ขับมอไซค์ผ่านแล้วเห็น ก็เลยแวะเข้าไปดูซักแปป ซึ่งวัดและเจดีย์จะมีประมาณสามองค์ สามารถเดินเข้าไปกราบไหว้พระข้างในได้ 🙂
วิหารธรรมยันจี (Dham Ma Yang Yi)
วิหารธรรมยันจีเป็นอีกวิหารหนึ่งที่มีความยิ่งใหญ่และแข็งแรง จากการใช้อิฐในการก่อสร้างมากกว่า 6 ล้านก้อน พร้อมเรื่องดราม่าที่เล่าขานกันมา
วิหารธรรมยันจีสร้างโดยพระเจ้านระตู สร้างขึ้นเพื่อไถ่บาปจากการที่ตนเองฆ่าบิดาพระเจ้าอลองสิธู และพี่ชาย พระองค์จึงอยากจะทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด อิฐแต่ละก้อนต้องวางชิดสมานกันแม้แต่เข็มก็ไม่สามารถผ่านลอดไปได้ เพราะพระองค์เชื่อว่า.. ถ้ามีรูแม้แต่นิดเดียว วิญญาณของพระองค์จะตกนรกอเวจี ดังนั้น ถ้าช่างคนไหนเรียงอิฐกว้างเกินจนเข็มลดได้ ช่างคนนั้นจะถูกตัดมือโดยพระองค์เอง
สุดท้ายวิหารแห่งนี้สร้างไม่เสร็จหลังจากพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์โดยกษัตริย์อินเดีย เช่นเดียวกับที่ท่านทำกับพ่อของตนเอง โดยกษัตริย์อินเดียนั้นแก้แค้นให้พระราชธิดาซึ่งถูกฆ่าโดยพระเจ้านระตูเช่นเดียวกัน
เค้ายังเล่ากันอีกว่า (อันนี้มาจากเว็บเมืองนอก) คือวิหารที่นี่ยังมีเรื่องปริศนาลึกลับโดยคนที่อาศัยอยู่ที่นี่บอกว่ามีวิญญาณอาศัยเร่รอนอยู่ที่วิหารนี้อีกด้วย
วิหารสุลามณี (Sulamani Temple)
จากภัยแผ่นดินไหวเมื่อปีที่แล้ว วิหารสุลามณีได้รับความเสียหายหนักมาก (มาก มาก มาก) ทำให้ที่นี่ถูกปิดซ่อมแซมกันยกใหญ่ไปเลย
จากตอนแรกที่มีเจดีย์ยอดทรงศิขระ แต่ตอนนี้พังลงมาไม่มีแล้ว
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
เรานักท่องเที่ยวตอนนี้ได้แต่เข้าไปชมแค่จากประตูทางเข้า และเห็นด้านข้างจากการขับมอไซค์ผ่าน น่าเสียดายสุดๆ เพราะที่วิหารสุลามณีนี้ จริงๆแล้วสถาปัตยกรรมคล้ายกับวิหารธรรมยันจี แต่มีสภาพดีกว่า และน่าประทับใจกว่าอีกด้วย
วิหารสุลามณีสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ค. 1183 นับถึงตอนนี้ก็ 800 กว่าปีแล้ว นอกจากด้านนอกของวิหารที่สวยงามแล้ว ด้านในยังมีภาพวาดจิตกรรมเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าด้วยล่ะ เสียดายยยย ..
เจดีย์พญาทัตจี (Pyathetgyi Pagoda)
ปิดท้ายทริปพุกามด้วยเจดีย์พญาทัตจีที่เราสามารถขับมอไซค์มาดูพระอาทิตย์ตกแบบ 360 องศาได้อย่างสวยงามจากคำแนะนำของคนพม่าเองเลย อีกทางเลือกหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชอบไปคือ พระเจดีย์ชเวซานดอว์ (Shwesandaw Pagoda) แต่เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เลยมามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่แทน ดังนั้น หากถ้าแพลนไปเที่ยว ลองดูเป็นตัวเลือกสำหรับสองที่นี่เนาะ
เจดีย์พญาทัตจีไม่ได้มาได้เฉพาะตอนพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น เรายังสามารถเที่ยวเจดีย์นี้ฟ้าสว่างได้เช่นกัน วิวรอบทิศทาง 360 องศาก็สวยและสามารถมองได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลย
ที่พักในพุกาม
การเที่ยวพุกามในครั้งนี้ผมพักที่โรงแรม Zfreeti Hotel แถวย่านยองอู ไม่ไกลจากย่านพุกามเก่าเท่าไหร่ อีกทั้งยังมีร้านอาหารใกล้เคียงเยอะแยะ และมีที่จอดรถบัสใกล้ๆ สามารถต่อไปเมืองมัณฑะเลย์ได้เลย โรงแรมค่อนข้างใหญ่ การตกแต่งภายนอกดูดีเลยทีเดียว ห้องพักและบุฟเฟต์อาหารเช้านั้นก็โอเคครับ คุ้มราคากับที่ผมจ่ายไปตอนนั้นในราคาคืนละ 1,330 บาท ดีเลยแหละ
ถ้าใครสนใจ หรือขี้เกียจหาโรงแรมที่พัก ก็พักที่นี่ได้คร้าบ มีลิงค์จองทั้ง Agoda, Booking.com และ Expedia ไว้ข้างล่างแล้ว 😀
ดูเรทราคาที่พักและจองโรงแรม Zfreeti Hotel ผ่าน Agoda.com คลิก
ดูเรทราคาที่พักและจองโรงแรม Zfreeti Hotel ผ่าน Booking.com คลิก
ดูเรทราคาที่พักและจองโรงแรม Zfreeti Hotel ผ่าน Expedia คลิก
จองโรงแรมกับ OTA เจ้าไหนดี?
Expedia มีส่วนลดให้สูงสุด 20% นะ
สำหรับการจองโรงแรมนั้น แนะนำให้จองกับ Expedia เพราะถ้าเราเป็นเมมเบอร์กับเค้าจะได้ส่วนลดเพิ่ม อีกทั้งให้ใส่โค้ดลดท็อปอัพของบัตรเครดิตเพิ่มตอนหน้าจ่ายตัง ราคาที่ถูกกว่า OTA เจ้าอื่นแล้ว จะยิ่งถูกมากขึ้นอีก ยังไงลองเทียบราคาดูอีกที ระหว่าง Expedia / agoda / Booking.com เจ้าไหนถูกสุด ก็เอาอันนั้นเลย อันนี้นำมาบอกเพื่อเป็นตัวเลือก เพราะส่วนตัวผมใช้ Expedia แหละ
คลิกที่ปุ่มสีส้มด้านล่างเพื่อดูโค้ดส่วนลดแต่ละบัตรเครดิตได้เลย บอกเลยว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายไปเยอะมาก
สมมุตเราจ่ายค่าโรงแรมทั้งทริป 15,000 บาท แล้วใช้โปรบัตร KTC Mastercard ลด 15% เราจะประหยัดไป 2,250 บาท ถือว่าลดเยอะมาก เอาเงินไปทำอย่างอื่นได้เยอะแยะเลย ส่วนบัตรเครดิตเจ้าอื่นๆ จะลดอยู่ที่ 10% ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ดี
โค้ดส่วนลดโรงแรมทั่วโลก สูงสุด 20% เมื่อจองผ่าน Expedia.co.th
JCB ลด 20% (เฉพาะโรงแรมในญี่ปุ่น)
KTC ลด 10%
Citibank ลด 10%
UOB ลด 10%
KBANK ลด 10%
SCB ลด 10%
KRUNGSRI ลด 10%
Thanachart ลด 10%
ลูกค้า True ลด 10%
ยังไงก็ลองดูเด้อ เพราะบางคนเป็นเจ้าประจำของ OTA แต่ละที่ อันนี้ก็แนะนำเป็นอีกทางเลือกนึง ถูกใจ OTA เจ้าไหน จองเจ้านั้นเลย
1 comment
นำเสนอได้ดีครับ ชอบ