วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) ใครมาเที่ยวสิงคโปร์แล้วอยากเสริมสิริมงคลฟีลเริ่มต้นทริปกันแบบฤกษ์งานยามดี ก๊อตแนะนำว่าให้มาไหว้ขอพรกันที่ วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) กันก่อนเลย ซึ่งที่นี่เป็นวัดพุทธจีนที่สำคัญมากที่สุดของสิงคโปร์ เพราะเค้ามีอาคารอนุสรณ์ที่สร้างอุทิศให้กับพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า โดยคนที่นี่เค้าเชื่อกันว่าถ้ามากราบไหว้ขอพรแล้วจะทำให้โชคดีและเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตนั่นเอง นอกจากมาไหว้ขอพรแล้ว รีวิวนี้ก๊อตยังมาชี้พิกัดลับถ่ายรูปมุมสูงที่สามารถมองเห็นวิวทั้งหมดของวัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) เอาไว้ตอนท้ายอีกด้วยนา ดังนั้นใครอยากรู้ว่ามุมลับนี้อยู่ที่ไหน ต้องอ่านรีวิวนี้ให้จบเด้อ
รู้จักวัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple)
วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) เปิดอย่างเป็นทางการในปีค.ศ.2007 โดยการออกแบบที่มีพื้นฐานมาจากสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถังของจีน ในส่วนของการออกแบบตัวอาคารหลักของวัดได้แรงบันดาลใจจากพุทธมณฑล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในศาสนาพุทธและสื่อความหมายถึงจักรวาล โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งคือ พระทันตธาตุ หรือ ฟันของพระพุทธเจ้า วัดแห่งนี้เลยได้ชื่อว่า วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) นั่นเอง
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ประดิษฐานอยู่นั้น ถูกค้นพบอยู่ที่ประเทศพม่าในปีค.ศ.1980 โดยมีเรื่องเล่าว่าพระทันตธาตุชิ้นนี้ถูกไปยังศรีลังกาโดยสาวกของพระพุทธเจ้าที่อยู่ในพิธีเผาศพของพระองค์ แต่ไม่มีเรื่องราวหลังจากนั้นถึงที่มาที่ไปที่แน่ชัดว่าพระทันตธาตุมาอยู่ที่ประเทศพม่าได้อย่างไร โดยคนที่ค้นพบระบุไว้เพียงว่าเจออยู่ในซากปรักหักพังของยอดเจดีย์ที่พังทลายลงเท่านั้น โดยปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในวัดดังของสิงคโปร์ที่มีผู้คนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก
วิธีการเดินทางมาที่วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple)
รถไฟไต้ดิน MRT: วิธีที่สะดวกที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟ ซึ่งสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้กับวัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple)มากที่สุด คือสถานี MRT Chinatown (ทางออก A) : เดินออกมาจากทางออกแล้วเลี้ยวขวาไปยังถนน South Bridge จากนั้นให้เดินไปเรื่อยๆ ก็จะมาถึงวัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) แล้ว
- ซื้อบัตรเติมเงิน NETS FlashPay Card สำหรับเดินทางในสิงคโปร์: สำหรับคนที่ไม่อยากยุ่งยากต่อแถวซื้อตั๋วแต่ละรอบ แนะนำให้ใช้บัตรเติมเงิน สะดวกกว่ามาก ตัวบัตรจะคล้ายๆ บัตรแรบบิทขึ้น BTS บ้านเรา [ดูราคาและซื้อผ่าน Klook]
เริ่มเที่ยววัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) กันเล้ย
วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) สำหรับอาคารหลังใหญ่ของวัดที่งดงามด้วยความปราณีตบรรจงในการก่อสร้างนั้น บริเวณโถงชั้น 1 จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ เริ่มจากส่วนแรกที่เข้ามาแล้วจะเจอก่อนเลย คือ ห้องโถงร้อยมังกร (Hundred Dragons Hall) ห้องโถงกว้างที่ตกแต่งตามสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถังของจีน ภายในเป็นโถงเพดานสูงถึง 8 เมตร ซึ่งจะมีพระศรีอริยเมตไตรยองค์ใหญ่สูงกว่า 4.5 เมตรประดิษฐานเอาไว้
นอกจากนี้ยังมีโถงด้านหลังอย่าง ห้องโถงพุทธิปัญญาสากล (Universal Wisdom Hall) ที่ภายในมีองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (Bodhisattva Cintamanicakra Avalokitesvara) แกะสลักด้วยมือในท่านั่งบนบัลลังก์ดอกบัวประดิษฐานอยู่ โดยผนังด้านหลังที่เราเห็นกันนั้นเป็นงานปักมือสื่อถึงปรัญญาปารมิตาหฤทัยสูตร (The Heart Sutra) และภาพของดอกบัวที่กำลังพริ้วไหวไปตามสายลม โดยรอบข้างของห้องโถงนี้มีพระโพธิสัตว์พิทักษ์ปีนักษัตรจำนวน 8 พระองค์ล้อมรอบเอาไว้ อีกทั้งยังมีองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ขนาดเล็กตั้งเอาให้สักการะอีกด้วย
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
นอกจากชั้นหนึ่งที่เป็นชั้นหลักแล้ว วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) เค้ายังมีอีกหลากหลายชั้นให้เราได้เดินชมอีกด้วย อย่างชั้น 2 ซึ่งจะมีห้องโถงที่ชื่อว่าอรัญยา (Aranya Hall) ห้องโถงขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับเป็นสถานที่ในการสอนพระพุทธศาสนาและนั่งวิปัสสนากรรมฐาน โดยเค้าจะเปิดสอนให้กับผู้คนที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา หรือบุคคลทั่วไปที่มาเที่ยววัดแล้วอยากเข้าร่วม นอกจากนี้บริเวณชั้น 2 ยังเป็นที่จัดแสดงเครื่องประดับ และรูปแกะสลักทางพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นผลงานส่วนหนึ่งในคอลเลกชันของทางวัดโชว์ให้ได้ดูกันด้วยนะ และหากใครเดินเข้าไปจนถึงด้านในสุดของห้องโถง จะเจอกับห้องอรัญญาสูตร ที่ภายในเค้าเก็บมหาปรัชญาปารมิตาเอาไว้กว่า 600 บทเลย เรียกได้ว่าชั้นนี้เป็นชั้นที่มีเอาไว้สำหรับให้ผู้คนได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนานั่นเอง
ในส่วนของชั้น 3 จะเป็นโซนพิพิธภัณฑ์พระพุทธเจ้าแห่งโลก (Buddhas of the World Museum) ที่ภายในจะจัดแสดงวัตถุทางพระพุทธศาสนา วัตถุโบราณหายาก รวมไปถึงของมีค่าที่จัดแสดงเอาไว้ในตู้จัดแสดงพิเศษเพื่อป้องกันความปลอดภัย ซึ่งด้านในสุดนั้นจะมีพระสมันตภัทรโพธิสัตว์แกะสลักอย่างงดงามประดิษฐานอยู่บนแท่นบูชาให้ได้เข้ามาไหว้อีกด้วย
ปิดท้ายกันที่ชั้น 4 ซึ่งจะเป็นชั้นที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดในวัด เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุในสถูปเจดีย์ใหญ่ มีน้ำหนัก 3,500 กิโลกรัม และทำจากทองคำแท้หนัก 320 กิโลกรัม ซึ่งในส่วนของหอพระธาตุจะทางวัดเค้าอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แต่เราก็สามารถเข้าชมพระเขี้ยวแก้วได้ในจุดที่ทางวัดเค้าอนุญาตเด้อ โดยสถูปเจดีย์ใหญ่ก๊อตเห็นนั้นจะมีภาพวาดวงกลมไวโรจนะ (Vairocana Mandala) ประดับเอาไว้อยู่ด้านบน และมีการแกะสลักมังกรจำนวน 36 ตัวเอาไว้ด้านล่าง บรรยากาศรอบๆ ชั้นเลอค่าไปด้วยพื้นกระเบื้องสีทองคำ และโคมไฟดอกไม้ที่ห้อยระย้าดบนเสริมให้ห้องนี้มันดูสวยงามและก็มีความขลังอยู่ในตัวได้เป็นอย่างดีเลย บอกเลยว่าเดินเที่ยวกันมาครบทั้งสี่ชั้นแล้ว นี่สัมผัสได้ถึงความขลังแบบที่ว่าใครเป็นสายมูอยากเติมแต้มบุญก๊อตแนะนำว่าควรมาสักครั้ง
มุมลับดูวิววัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) มุมสูง
สำหรับใครที่อยากได้รูปวัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) มุมกว้างและมุมสูงในคราวเดียวกัน ก๊อตมีมุมลับๆ ที่อยากชี้เป้าทุกคนม๊าก นั่นคือให้ทุกคนเดินไปที่ตึกข้างๆ ของวัด สังเกตอาคารที่เหมือนกับคอนโดนะ เค้าจะอยู่หัวมุมถนนตรงข้ามวัดเลย โดยอาคารเค้าจะชื่อว่า 5 Banda Street ซึ่งต้องมองดีๆ หน่อยเด้อ เพราะชื่อเค้าติดอยู่ตัวจิ๋วๆ ซึ่งหน้าตาตึกก็เหมือนเป็นตึกที่พักอาศัยของคนที่นั่นเค้าเลยแหละ พอเจอตึกแล้วให้เดินไปด้านข้างของตึกมันจะมีบันไดทางเดินขึ้นไปด้านบน ให้ทุกคนเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้น 10 หรือใครไหวมากกว่านี้จะเดินขึ้นสูงกว่านี้ก็ได้
ตัวก๊อตเองนั้น ขอเดินขึ้นและหยุดที่ชั้น 10 พอ 55555 โดยตรงบริเวณบันไดนั้นจะมีมุมที่เราสามารถออกมายืนรับลมชมวิวเมือง และมองเห็นวัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) จากมุมสูงได้แบบพาโนราม่า อีกทั้งยังเก็บภาพอาคารของวัดได้ทั้งหลังรวมไปถึงตึกรามบ้านช่องรอบข้างได้อีกด้วย บอกเลยว่าถ่ายรูปกันมันส์มือสุด ฮ่าๆ
จบไปแล้วกับการพาไปเติมแต้มบุญที่วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) กันมา หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับสายมู สายบุญ สายเที่ยวที่กำลังแพลนไปเที่ยวสิงคโปร์อยู่นะครับ ส่วนใครที่ไปตามรอยพิกัดถ่ายรูปมุมลับตามก๊อตมาแล้ว ก็สามารถเอารูปมาอวดกันได้เด้อ สุดท้ายนี้ขอให้เที่ยวสิงคโปร์ให้สนุกนะครับ
อ่านรีวิวสิงคโปร์อื่นๆ เพิ่มเติม
แน่นอนว่าสิงคโปร์นั้น ไม่ได้มีแค่ที่เที่ยวนี้ที่เดียว ใครที่กำลังแพลนเที่ยวสิงคโปร์แล้วอยากรู้ว่าที่สิงคโปร์มาที่เที่ยวอะไรบ้าง ก๊อตแนะนำให้อ่านต่อกับรีวิวเต็มสิงคโปร์ของก๊อตได้เลย รับรองว่าอ่านรีวิวเดียวแล้วจบ เพราะก๊อตรวบรวมมาแล้วกับที่เที่ยวทั้งหมด 30 กว่าที่เที่ยว และยังมีรีวิวที่เที่ยวแบบละเอียดในแต่ละสถานที่ด้วย ยังไงลองคลิกลิงค์ด้านต่อจากด้านล่างได้เล้ย