ปูซาน (Busan) หรือพูซัน มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่ามหานครปูซาน เมืองนี้ถือว่าเป็นเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ และยังเป็นเมืองที่ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศรองจากโซลเท่านั้น โดยเมืองนี้เค้าจะตั้งอยู่บริเวณหุบเขาแคบระหว่างแม่น้ำ นักดง และ แม่น้ำซูย็อง ทำให้ภายในเมืองเต็มไปด้วยชายหาดสวยๆ มากมายซึ่งล้วนแต่มีชื่อเสียงระดับประเทศกันเลย แถมยังเลื่องลือกันว่าเมืองนี้โอปป้าหล่อม๊ากกก ใครที่ดู Train to Busan ละอยากจะตามรอยกงยู โอปป้า ต้องห้ามพลาด
นี่ยกให้เป็นอีกเมืองในเกาหลีที่มาแล้วแฮปปี้ ครบรสที่เที่ยวทั้งในเมือง ธรรมชาติ และท้องทะเล แถมได้ภาพสวยๆ กลับบ้านเพียบเลย อยากให้ทุกคนได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ กันที่ปูซานมาก แบบดีย์
รู้จักเมืองปูซาน (Busan)
ปูซาน (Busan) เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากโซล ถือว่าเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ และยังติดอันดับที่ 5 ท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลกอีกด้วย ทำให้ที่นี่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชายหาด ท่าเรือ และน้ำพุร้อนมากมาย ซึ่งคนเกาหลีเค้าชอบมาเที่ยวทะเลเมืองนี้มาก จนทำให้ปูซาน (Busan) กลายเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงฤดูร้อนของเกาหลีใต้เลยเชียว
นอกจากนี้ ปูซาน (Busan) ยังมีห้างสรรพสินค้าที่ชื่อ Shinsegae Centum City ซึ่งได้รับการจดทะเบียนใน Guinness World Records ว่าเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นห้างที่รวบรวมความบันเทิงเอาไว้ครบครันตั้งแต่ลานสเก็ตน้ำแข็ง โรงภาพยนตร์ สนามกอล์ฟ และสปา รวมถึงมีร้านค้าแบรนด์ดังอีกหลายร้อยแบรนด์
และใครที่เป็นคอหนังเกาหลี คือมาถูกเมืองมาก เพราะหนังเรื่องแรกของเกาหลีใต้เปิดตัวที่ปูซาน (Busan) ด้วยนะ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนทำให้ปูซาน (Busan) กลายเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมหนังของเกาหลีใต้ไปเลย ซึ่งในแต่ละปีเค้าจะมีเทศกาลสำคัญที่เกี่ยวกับหนังคือ ‘เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน’ (Busan International Film Festival) ถือเป็นเทศกาลระดับนานาชาติ ที่ถูกจัดขึ้นในทุกๆ ปี และเป็นเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแรกในประเทศเกาหลีใต้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอีกด้วย
เรียกได้ว่าปูซานเป็นเมืองที่แม้จะเป็นน้องเล็กรองจากกรุงโซล แต่ถือว่าเป็นเมืองชายฝั่งที่มีคนแวะเวียนมาเที่ยวเป็นจำนวนมากไม่แพ้เมืองอื่นเลย จัดว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองฮิตในเกาหลีใต้ ที่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ต้องได้มาสักครั้ง แถมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองก็มีมากมายให้เราได้มาศึกษาเที่ยวชม เอาเป็นว่ามาตามก๊อตไปเที่ยวปูซานแบบจัดเต็ม 3 วัน 2 คืน ทริปนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง ไปดูกันเลยย
แพลนเที่ยวปูซาน (Busan) 3 วัน 2 คืน
แพลนเที่ยวปูซาน (Busan) ของก๊อตในรอบนี้ ถือว่าเก็บไฮไลท์ได้เกือบครบในเวลา 3 วัน 2 คืน ด้วยความที่เมืองปูซานเค้าเป็นเมืองท่าใหญ่ แพลนเที่ยวของเราก็ไม่พลาดไปเที่ยวชายหาดสุดโด่งดังอย่าง ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) ที่คนเกาหลีเค้านิยมมานั่งกินลมชมวิวทะเล และที่เที่ยวใหม่ล่าสุดที่สุดป๊อปอย่าง Sky Capsule สุดปุ๊กปิ๊กที่แฮอึนแด บลูไลน์ ปาร์ค (Haeundae Blueline Park) ที่เราจะได้นั่งเอื่อยๆ ชมวิวเมืองปูซานกัน และสุดท้ายที่พลาดไม่ได้กับวัฒนธรรมของปูซานที่หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village) หมู่บ้านบนเนินเขาที่สร้างลดหลั่นกันเป็นขั้นบันได ด้วยสีสันคัลเลอร์ฟูลสุดๆ จนได้ฉายาว่า “มาชูปิกชูแห่งปูซาน” (Machu Picchu of Busan) กันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีวัดดัง รวมถึงสกายวอล์คท่ามกลางวิวทะเลปูซานที่สวยงามราวกับภาพวาดให้เราได้เชยชมความสวยงามอีกด้วย ใครที่อยากตามรอยเที่ยวปูซาน จะลอกแพลนนี้เลยก็ได้น้า หรือถ้าชอบไม่ชอบอันไหน จะสลับปรับเปลี่ยน ก็สามารถทำได้ตามใจชอบเล้ย
วัน | สถานที่เที่ยวปูซาน (Busan) |
วันที่ 1 | 1. ชายหาดซงโด (Songdo Beach) + ทางเดินลอยฟ้าซงโด (Songdo Cloud Trails) 2. หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village) 3. ชายหาดทาแดโพ (Dadaepo Beach) |
วันที่ 2 | 4. วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) 5. แฮอุนแด บลูไลน์ปาร์ค (Haeundae Blueline Park / Sky Capsule + Seaside Train) 6. ทางเดินลอยฟ้า ชองซาโพ (Cheongsapo Daritdol Observatory) 7. ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) 8. The Bay 101 |
วันที่ 3 | 9. หมู่บ้านวัฒนธรรมฮินยออุล (Huinnyeoul Culture Village) 10. ชายหาดควางอันลี (Gwangalli Beach) |
ที่พัก / โรงแรม | URBANSTAY SEOMYEON |
ส่วนลด OTA | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
แนะนำที่พักและโรงแรมในปูซาน (Busan)
คนที่กำลังหาที่พักใน ปูซาน (Busan) อยู่ล่ะก็ ก๊อตจะแนะนำย่านที่พักให้ โดยก๊อตขอแบ่งแยกออกเป็นย่านที่แนะนำตามนี้เลย ซึ่งแต่ละย่านเค้าก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกัน ดังนั้น อาจจะลองดูว่าเราชอบแบบไหน จะอยู่กลางเมืองที่เดินทางสะดวก หรือจะอยู่ใกล้ชายหาดดังของปูซาน ก็เลือกได้ตามใจชอบ เลือกย่านได้แล้ว ก็ลองดูๆ โรงแรมที่ก๊อตแนะนำก็ได้ครับ อันนี้คัดมาให้แล้วว
🏨 ดูที่พักแนะนำในปูซาน จาก Agoda / Traveloka / Trip.com / Booking.com / TripAdvisor
#1 ย่านซอมยอน (Seomyeon)
สำหรับคนที่อยากอยู่ใจกลางดาวน์ทาวน์ของปูซาน ที่ล้อมรอบด้วยห้าง ร้านค้า และร้านอาหาร รวมถึงเดินทางสะดวกด้วยรถไฟใต้ดินเพราะเป็นจุดตัดของสายรถไฟสองสาย สามารถเดินทางไปสถานีรถไฟ KTX ปูซานได้ หรือแม้แต่ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟเลย แนะนำให้มาพักที่ย่านซอมยอน (Seomyeon) ที่ดีด้วยทำเลและราคาโรงแรมที่ไม่ได้แรงมากนัก (ตัวก๊อตเองก็นอนแถวนี้เช่นกัน ฮ่าๆ)
ที่พักและโรงแรมแนะนำ
- โรงแรมตัวท็อป-ลักชู-บูทีค (4,500 ++ บาท/คืน): Lotte Hotel Busan
- โรงแรมดี ราคาเอื้อมสบาย (2,500-4,500 บาท/คืน): Arban Hotel
- โรงแรมและโฮสเทลราคาถูก ดีและคุ้มค่า (ต่ำกว่า 2,500 บาท/คืน): URBANSTAY Seomyeon / Sangsang Stay Busan
#2 ย่านชายหาดควางอันลี (Gwangalli Beach)
ย่านชายหาดควางอันลี (Gwangalli Beach) ถือเป็นอีกย่านที่น่ามานอน โดยเฉพาะสายถ่ายรูปที่มักจะเห็นคนชอบโพสรูปนอนในโรงแรมกับวิวชายหาดควางอันลี (Gwangalli Beach) ที่มีสะพานคู่ใจสะพานควางอัน (Gwangandaegyo Bridge) เป็นแบล็คกราวด์ด้วยนั้น ใครที่ชอบถ่ายรูป ก็มานอนที่นี่ได้เลย หาดว่าสวยแล้ว ตรงถนนเลียบหาดก็มีร้านอาหารและคาเฟ่เยอะด้วยเหมือนกันนะ
ที่พักและโรงแรมแนะนำ (* ทุกโรงแรมควรนอนห้องแบบ Ocean View เพื่อความปัง)
- โรงแรมดี ราคาเอื้อมสบาย (3,000-5,000 บาท/คืน): Kent Hotel Gwangalli by Kensington
- โรงแรมและโฮสเทลราคาถูก ดีและคุ้มค่า (ต่ำกว่า 3,000 บาท/คืน): H Avenue Gwanganri Beach / SoTA Collection The Terrace
#3 ย่านชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach)
สำหรับคนที่อยากได้ฟีลมาเที่ยวพักผ่อนอยู่ริมทะเลชื่อดังของปูซาน แนะนำให้มาพักแถวชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) เพราะตรงนี้เป็นทะเลยอดฮิต และหลายเชนโรงแรมตัวท็อปมักจะมาตั้งอยู่แถวนี้ เนื่องจากคนเกาหลีเค้าชอบหลับมาพักร้อนพักใจกันตรงหาดนี้นั่นเอง นอกจากนี้ ย่านนี้ยังอยู่ใกล้กับ แฮอุนแด บลูไลน์ปาร์ค (Haeundae Blueline Park) รถไฟสกายแคปซูลน่ารักสุดปุกปิกอีกด้วย
ที่พักและโรงแรมแนะนำ
- โรงแรมตัวท็อป-ลักชู-บูทีค (5,000 ++ บาท/คืน): Signiel Busan / Park Hyatt Busan / Paradise Hotel Busan
- โรงแรมดี ราคาเอื้อมสบาย (2,500-5,000 บาท/คืน): Baymond Hotel / Hotel Intro
- โรงแรมและโฮสเทลราคาถูก ดีและคุ้มค่า (ต่ำกว่า 2,500 บาท/คืน): Hotel Hyggelig / The Van Hotel
🎫 เช็คลิสของจำเป็น + ตั๋วและกิจกรรมที่น่าสนใจในปูซาน 👀
เช็คลิสสุดท้ายก่อนไปเที่ยวปูซานแบบจัดเต็ม ก๊อตขอมารวมลิงค์ของจำเป็น รวมถึงตั๋วและกิจกรรมต่างๆ ไว้ตรงนี้ที่เดียว จะได้ง่ายๆ หาซื้อออนไลน์ได้จากตรงนี้เลย ยังไงลองดูโลด
🚅 บัตรเดินทาง / ตั๋วรถไฟไปปูซาน
- ตั๋วรถไฟความเร็วสูง KTX Train รายเที่ยว [จองผ่านที่ Trip.com]
- พาสรถไฟความเร็วสูง KORAIL Pass [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
🎟 ตั๋วเข้าสถานที่เที่ยวต่างๆ ที่น่าสนใจในปูซาน
- Visit Busan Pass บัตรคอมโบที่เที่ยว 24/48 ชั่วโมง [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- Sea Life Busan Aquarium (อควาเรียมสัตว์น้ำ) [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- Busan Air Cruise (เคเบิ้ลคาร์) [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKday]
- Busan Lotte World (สวนสนุกล็อตเต้ใหม่ล่าสุดของเกาหลี) [ซื้อผ่าน Klook]
- Busan X the Sky (จุดชมวิวเมืองปูซานบนตึก L City Landmark Tower แถวแฮอุนแด) [ซื้อผ่าน KKday]
DAY 0: เดินทางไปปูซาน (Busan)
ตามแพลนเที่ยวเกาหลีของก๊อตนั้น ก๊อตบินจากไทยมาโซล (Seoul) แล้วจะมุ่งหน้าลงใต้เพื่อไปเที่ยวปูซาน (Busan) ก่อนเป็นเมืองแรกเลย ซึ่งวิธีการมาโซลนั้นก็เยอะมาก มีตั้งแต่นั่งเครื่องบิน รถบัสทางไกล และรถไฟทั้งแบบธรรมดาและความเร็วสูง หรือ KTX ซึ่งแต่ละวิธีจะเป็นยังไง เรามาดูกัน
จากโซล (Seoul) ไปปูซาน (Busan) นั่งเครื่องบิน หรือรถไฟดีกว่ากัน?
ใครที่สงสัยว่า จากโซล (Seoul) ไปปูซาน (Busan) เราจะนั่งเครื่องบิน หรือไปรถไฟความเร็วสูงดีกว่ากัน อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบแต่ละคนว่าชอบเดินทางแบบไหน แต่ที่เราต้องรู้ก่อนเลยก็คือ ไฟลท์บินจากโซลไปปูซานนั้น เราต้องไปขึ้นเครื่องบินที่ที่สนามบินกิมโพ (Gimpo Int’l Airport) ไม่ใช่สนามบินอินชอน (Incheon Int’l Airport) ที่เป็นสนามบินที่เรามักจะลงที่นี่เวลาบินจากประเทศไทยไปนะ
ดังนั้น ถ้าเราบินมาจากไทยแล้วจะต่อเครื่องไปปูซานเลย ตัวก๊อตเองคิดว่า ลำบากนิดสำหรับก๊อต เพราะว่า มันต้องเปลี่ยนสนามบิน แถมการจะบินซักครั้ง คือเสียเวลาเช็คอินขึ้นเครื่อง นู่นนี่นั่น ซึ่งนี่ยังไม่รวมการเดินทางเปลี่ยนสนามบินด้วย สุดท้ายก๊อตก็เลยเลือกนั่งรถไฟนี่แหละ เพราะมันง่ายสุดแล้ว แถมรถไฟเค้ายังนั่งสบาย ตรงต่อเวลาเป๊ะๆ และใช้เวลานั่ง 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงปูซานแล้ว ดังนั้น ใครที่จะมาเที่ยวปูซานแล้วมาจากโซลเหมือนก๊อต สามารถขึ้นรถไฟตามแบบก๊อตได้เล้ย
> จองตั๋วรถไฟความเร็วสูง KTX ไปหรือกลับปูซาน คลิกที่นี่
ส่วนใครที่อยู่โซล (Seoul) อยู่แล้ว และกำลังแพลนจะไปปูซาน อันนี้แล้วแต่ความสะดวก แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน อาจจะลองเปรียบเทียบราคาระหว่างนั่งเครื่องบิน หรือรถไฟก็ได้ จากนั้นเทียบเวลา แล้วก็เลือกเล้ย
🚅✨ ต้องซื้อ Korea Rail Pass (KR Pass) มั้ย?
ถ้าใครที่มีแพลนไปเที่ยวแค่โซลและปูซาน และคิดว่าน่าจะนั่งรถไฟแค่ไป-กลับ (นั่งรถไฟ 2 ขา) ระหว่างสองเมืองนี้เท่านั้น เราอาจจะไม่จำเป็นต้องซื้อ Korea Rail Pass (KR Pass) เพื่อขึ้น KTX ก็ได้ เพราะราคาพาสกับราคาตั๋วรถไฟปกตินั้น แทบจะเท่ากันเลยแหละ แต่ถ้าใครคิดว่าจะมีแพลนไปเที่ยวที่อื่น และต้องนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองอื่นด้วย การซื้อ Korea Rail Pass (KR Pass) ก็ช่วยประหยัดได้เยอะอยู่ ยังไงเราต้องลองเทียบราคาดูว่ามันคุ้มมั้ย ซึ่งเราสามารถเช็คราคาค่าตั๋วรถไฟได้ที่เว็บทางการของ KoRail เลย > LetsKorail.com
คนที่ตัดสินใจจะซื้อ Korea Rail Pass (KR Pass) ก๊อตแนะนำให้เราซื้อจาก KLOOK ได้เลย ราคาถูกกว่าเว็บอื่น แถมยังมีโปรโมชั่นรายเดือนตลอดเวลาให้เราได้ใช้ ถือว่าดีงาม
> ซื้อ Korea Rail Pass (KR Pass) คลิกที่นี่
เริ่มต้นเที่ยวปูซาน (Busan) กันได้เลยย
DAY 1: ชายหาดซงโด (Songdo Beach) + ทางเดินลอยฟ้าซงโด Songdo Cloud Trails
เริ่มต้นที่เที่ยวของปูซาน (Busan) เรามาเริ่มเที่ยวกันที่ ชายหาดซงโด (Songdo Beach) ชายหาดที่มีความยาวกว่า 800 เมตร จัดว่าเป็นชายหาดสาธารณะแห่งแรกของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งในอดีตที่นี่เคยถูกเรียกว่า เนเปิลส์แห่งตะวันออก (Naples of the East) ด้วยความที่นี่เค้ามีประวัติมาอย่างยาวนาน ก๊อตขอเล่าย้อนกลับไปในช่วงที่เกาหลีมีสถานะเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วงปี 1910 จนถึงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ลากยาวนานกว่า 35 ปีกันซักหน่อย
โดยในช่วงที่เกาหลีเค้าเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นเนี่ย ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเกาหลีเค้าต้องการพื้นที่สำหรับใช้พักผ่อนหย่อนใจกันมากขึ้น เค้าเลยจัดตั้งบริษัท ซงโดยูวอน จำกัด ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่จัดหาพื้นที่ให้คนญี่ปุ่นในสมัยนั้นได้มาพักผ่อนในเมืองปูซาน (Busan) ซึ่งเค้าก็จัดสรรหาพื้นที่ตรงนั้นที ตรงนู้นทีไปเรื่อยๆ จนในปี 1913 ทางบริษัทก็ได้เลือกพัฒนาพื้นที่บริเวณชายหาดซงโด (Songdo Beach) เนรมิตให้เป็นชายหาดที่สวยงาม มีน้ำทะเลใสแจ๋ว หาดทรายขาวๆ และเปิดให้บริการสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบันเราเลยจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ ชายหาดเต็มไปด้วยโรงแรม และร้านอาหารมากมาย ซึ่งช่วงที่ก๊อตไปเนี่ย ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว หรือคนเกาหลีมากนัก นี่ว่ามันเหมาะมานั่งชมวิว ฟังเสียงคลื่นทะเลมากก บรรยากาศสงบท่ามกลางเมืองใหญ่


ติดกันกับชายหาด เราจะเห็นสะพานทางเชื่อมให้ได้เดินขึ้นไปยังเส้นทางคลาวด์ซงโด หรือเรียกอีกอย่างว่า ซงโด สกายวอล์ค (Songdo Cloud Trails) ทางเดินลอยฟ้าที่มีความยาวประมาณ 365 เมตร รูปทรงคล้ายกับมังกรรูปร่างโค้งมน ซึ่งเราสามารถเดินเล่นชมวิวบนนั้นได้แบบเพลินๆ เลยแหละ
สำหรับวิวบนสะพานนั้น นอกจากตึกรามบ้านช่องแถวชายหาดซงโด (Songdo Beach) แล้ว เรายังสามารถมองเห็นท้องทะเลสีฟ้าครามไกลสุดลูกหูลูกตา ทั้งยังมองเห็นวิว หมู่บ้านวัฒนธรรม (Yeongdo Huinnyeoul / 영도흰여울마을) อยู่ไกลๆ ลิบๆ ฝั่งตรงข้าม ซึ่งถ้าใครที่ชอบความตื่นเต้น ก๊อตอยากให้ลองมาเดินเล่น เพราะนอกจากจะวิวสวยแล้ว ตัวทางเดินสะพานลอยฟ้าสามารถมองทะลุลงมาด้านล่างเห็นทะเลได้ด้วย บอกเลยว่ามีขาสั่นอยู่น้า
ยังไม่หมด ที่นี่เค้ายังมีกิจกรรมให้เราได้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงกันบนกระเช้าลอยฟ้าอีกด้วยนะ แต่รอบนี้ก๊อตไม่ได้ขึ้นเน้อ เราแค่ยืนดูวิวทะเลสวยๆ ประภาคารคูลๆ ท่ามกลางลมทะเลที่พัดเข้าหน้า เป็นความชิลที่มาพร้อมความสุขสุดๆ แนะนำให้มาเลยนะ ที่นี่สามารถมาเดินเล่นชิลๆฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเลยนะ
หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village)
มาเที่ยวปูซานแล้วไม่มา หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village) นี่ถือว่ามาไม่ถึงนะ เพราะที่หมู่บ้านนี้เค้าคิ้วท์มากกก ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ป๊อบมากในปูซานเลย โดยหมู่บ้านเค้าสร้างอยู่บนเนินเขา ตั้งลดหลั่นกันลงมาเป็นขั้นบันได ความน่ารักมันอยู่ที่สีสันของบ้านแต่ละหลังที่มีความพาสเทล คัลเลอร์ฟูลสุดๆ จนกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญของหมู่บ้านแห่งนี้ และได้รับฉายาว่า “มาชูปิกชูแห่งปูซาน” (Machu Picchu of Busan) เลยล่ะ
หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village) สร้างขึ้นในช่วงปี 1920 และ 1930 โดยฝ่ายบริหารของเมืองปูซาน ซึ่งขณะนั้นได้ตัดสินใจย้ายประชากรชาวเกาหลีที่ยากจนไปยังพื้นที่ที่ห่างไกลจากท่าเรือ แต่ก็ใกล้พอที่จะจัดหาแรงงานได้ จนมาอาศัยอยู่หมู่บ้านแห่งนี้ และภายหลังสงครามเกาหลี เค้าได้มีการฟื้นฟูพื้นที่แห่งนี้มาโดยตลอด ช่วงเวลานั้นมีชาวบ้านย้ายเข้าไปอยู่ราวๆ 800 ครอบครัว ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างมีส่วนช่วยให้หมู่บ้านเติบโต และเจริญยิ่งขึ้นเหมือนในปัจจุบันนี้
ที่นี่เลยถูกยกให้เป็นสถานที่ที่เก็บรักษา และดำรงไว้ซึ่งประวัติความเป็นมา ของเมืองปูซาน (Busan) และเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ของประเทศเกาหลีใต้อีกด้วยนะ และในปี ค.ศ. 2015 ศิลปินท้องถิ่นและชาวบ้านในหมู่บ้าน เค้าได้ออกมาร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะ จิตรกรรมฝาผนัง และผลงานประติมากรรมต่างๆ อีกทั้งยังได้ทำโครงการศิลปะหมู่บ้าน (Village Art Project) โดยมีแนวคิดพื้นฐาน 3 ประการ คือ ‘ชาวบ้านอาศัยอยู่ในเมืองที่ดี, นักท่องเที่ยวที่เป็นมิตรมาเยือน และเป็นหมู่บ้านที่ยั่งยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง’ นั่นยิ่งทำให้หมู่บ้านนี้ฮิตขึ้นมาในหมู่นักท่องเที่ยว แบบที่ว่าปีๆ นึงมีคนมาเที่ยวเป็นล้านคนเลย
นอกจากความน่ารักของบ้านเรือนแล้ว ภายในหมู่บ้านเค้ายังมี มุมน่ารักๆ ให้ถ่ายรูปเพียบ อย่างจุดแลนด์มาร์คที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปคือ ‘เจ้าชายน้อย (Little Prince)’ ที่นั่งหันหน้าดูวิวของปูซานอยู่ ถ่ายรูปแล้วโคตรน่ารัก นอกจากนี้เค้ายังมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก, ร้านอาร์ตๆ, ร้านขายของที่ระลึก, คาเฟ่ และร้านอาหารอีกเพียบ ใครที่อยากมาสัมผัสความเป็นเกาหลี ประวัติศาสตร์เมืองปูซานแบบออริจินี่แนะนำว่าต้องมาเลยนะ ที่นี่มาเที่ยวฟรี แต่ด้วยความที่เค้าเป็นหมู่บ้าน มีคนอาศัยอยู่จริง ไปเที่ยวแล้วก็อย่าลืมรักษาความสงบกันด้วยเน้ออ





ชายหาดทาแดโพ (Dadaepo Beach)
ชายหาดทาแดโพ (Dadaepo Beach) ถือเป็นหนึ่งชายหาดที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก แต่คนเกาเค้าชอบมาเที่ยวกันมาก ซึ่งก๊อตอยากบอกทุกคนว่านี่คือชายหาดที่ก๊อตชอบมากที่สุดของปูซานเลยแหละ เพราะนอกจากชายหาดทะเลเค้ายังสวยแล้ว ที่หาดทาแดโพยังเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถมานั่งดูพระอาทิตย์ตกสวยๆ ได้ด้วยนะ
แต่ก่อนที่เราจะลงไปยัง ชายหาดทาแดโพ (Dadaepo Beach) ก๊อตขอไปเดินเล่นบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติของเค้ากันก่อน โดยเราสามารถสังเกตได้จากสะพานไม้ยาวกว่า 300 เมตร ที่พาดผ่านพื้นที่ลุ่มน้ำที่เราสามารถเดินเล่น รวมถึงส่องน้องปูตั้งแต่ตัวเล็กจิ๋ว ไปถึงตัวใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือได้แบบใกล้ชิด นอกจากนี้ เค้ายังมีหอดูดาวภูเขาอามิซาน ที่เราสามารถเดินขึ้นไปส่องดวงดาวระยิบระยับตอนกลางคืนได้อี๊ก บอกเลยว่ากิจกรรมตรงชายหาดนี้คือเยอะไม่ไหว ดีงามสุดจนต้องบอกทุกคนว่า มาเที่ยวเร้ววว




เดินเล่นชิลๆ บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติเสร็จแล้ว เราจะข้ามไปเดินเล่นต่อกับชายหาดสวยๆ ของทาแดโพนั้น จะเป็นในลักษะคลื่นลอนสวยๆ ที่เกิดจากการเจอกันของแม่น้ำนักดง (Nakdonggang River) และทะเลใต้ ทำให้เกิดหาดทรายขาวๆ สวยๆ ทอดยาวประมาณ 850 เมตรอย่างที่เห็น บอกเลยว่าสวยมากก ถือเป็นชายหาดที่แปลกตามากเลยแหละ
ความสวยยังไม่สุด เพราะบริเวณชายหาดทาแดโพ (Dadaepo Beach) ยังมีสนามดอกหญ้าให้เราได้ถ่ายรูปคิวท์ๆ เหมือนอยู่ในความฝันอีกด้วย บอกเลยว่าบรรยากาศอย่างดี ความลมปลิว ดอกหญ้าพริ้วไหวไปตามสายลม พร้อมกับพระอาทิตย์ตกสวยๆ ตรงหน้า คือสวยจริงแบบไม่จกตา



แม้ว่าชาย หาดชายหาดทาแดโพ (Dadaepo Beach) จะอยู่ออกมาจากที่เที่ยวอื่นๆ ในปูซาน แต่ขึ้นชื่อว่าเกาหลี ที่นี่เดินทางมาเที่ยวได้ง่ายมาก โดยเราสามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่ Dadaepo Beach Station (อยู่สถานีสุดท้ายของรถไฟใต้ดินสาย 1) จากนั้นเดินออกมาที่ทางออก 4 แล้วก็เดินเรียบๆ ต่อไปจนถึงชายหาดได้เลย ใครที่อยากมาเที่ยวทะเลที่ได้มากกว่าการมาทะเล แนะนำให้มา แต่ถ้าจะให้ดีสุด ให้เรามาช่วงเย็นๆ เพื่อมาดูพระอาทิตย์ตกที่มันสุดแสนจะละมุนและหนุบหนับในใจ เพราะมันสวยมากจริงๆ แหละแกร ห้ามพลาดของจริง
DAY 2 : วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple)
วันที่สองของการเที่ยวปูซาน (Busan) เราจะไปเก็บที่เที่ยวฝั่งตะวันออกของเมืองกันบ้าง โดยเริ่มต้นแบบสายบุญกันที่วัดพุทธสุดเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในปูซาน วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) ซึ่งความพิเศษของวัดนี้ คือ เป็นหนึ่งในไม่กี่วัดในเกาหลีที่ตั้งอยู่เลียบชายฝั่งริมทะเล ซึ่งปกติแล้ววัดในเกาหลีส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่บนหุบเขาหรือไม่ก็ในป่า ทำให้ทิวทัศน์ของที่นี่งดงามแตกต่างจากวัดเกาหลีอื่นๆ และด้วยความที่วัดเค้าหันหน้าออกสู่ทะเลฝั่งตะวันออก ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมากๆ อีกที่นึงของปูซานอีกด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนี้เลยทำให้ วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของคนเกาหลี และนักท่องเที่ยวที่ชอบมาสักการะและมาเที่ยวเป็นอย่างมากเลยแหละ
สำหรับ วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1376 โดยพระนาองซูโดซา (Monk Naong, 나옹수도사) ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นเป็นผู้ก่อตั้งมาตั้งแต่ต้น ซึ่งกว่าจะมาเป็นชื่อวัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) อย่างที่เราเรียกกันในปัจจุบัน แต่เดิมวัดนี้ถูกเปลี่ยนชื่อไปหลายครั้ง ซึ่งเค้ามีเรื่องเล่าว่าในขณะนั้นเกิดเหตุการณ์ภัยแล้ง ผู้คนอดอยาก ทำให้เกิดความไม่พอใจกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนมาวันนึงเทพแห่งท้องทะเลปรากฏในนิมิตรของพระนาองซูโดซา ว่าหากพวกเขาสร้างวัดที่ขอบของภูเขาพงแรซาน (Bongrae Mountain, 봉래산) และอธิษฐานที่นั่น เหตุภัยแล้ง และความอดอยากของผู้คนก็จะหายไป
จากนั้นพระนาองซูโดซา ก็ได้สร้างวัดนี้ขึ้นมา และใช้ชื่อว่า วัดพงแรซา (Bongraesa Temple, 봉래사) ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโพมุน (Bomunsa Temple, 보문사) และถูกเผาทำลายบางส่วนในระหว่างการรุกรานของประเทศญี่ปุ่น จนภายหลังที่นี่ก็ถูกบูรณะมาเรื่อยๆ ซึ่งมีการฟื้นฟูให้คงตามแบบเดิมไว้มากที่สุด
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
จนกระทั่งพระชุงอัมซูโดซา (Monk Jungam, 중암수도사) ได้ภาวนาอธิษฐานกว่า 100 วัน ขอให้วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ทางพระธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งได้นิมิตรเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ในชุดคลุมสีขาว ที่ด้านหลังขององค์พระมีมังกรที่แผ่ลำแสงห้าสี นี่เลยเป็นที่มาของการเปลี่ยนชื่อวัดอีกครั้ง โดยใช้ชื่อว่า วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง


บรรยากาศภายในวัดถือว่าร่มรื่น วิวสวย โดยจะมีสะพานทอดยาว ซึ่งเป็นเส้นทางพาเราเข้าสู่ภายในวัด ที่ด้านในจะมีวิหารและศาลาตั้งเรียงรายไปตามแนวลดหลั่นกันไปตามความสูงของภูเขาและโขดหินด้านล่าง โดยบริเวณด้านหน้าของวิหารหลักนั้น มีเจดีย์หินสูง 3 ชั้น และสิงโต 4 ตัว เป็นสัญลักษณ์ของความโกรธ ความเศร้า ความสนุก และความสุข นอกจากนี้ยังมีองค์เจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์องค์สีทอง ศาลเจ้า ให้เราได้เข้าไปกราบไว้ด้วย
ในวันปีใหม่ วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) นั้นเป็นที่ยิมของคนเกาหลีในการมาดูพระอาทิตย์แรกในวันปีใหม่ด้วยนะ เพราะคนที่นี่เค้ามีความเชื่อกันว่าจะทำให้โชคดี และมีพลังในการกิจกรรมอื่นๆ ตลอดทั้งปีนั่นเอง และถ้าใครที่มาเที่ยวปูซานในช่วงเมษายน อย่าลืมมาดูดอกซากุระที่บานสะพรั่งในวัดนี้ด้วยน้า เค้าบอกกันว่าสวยมากกกก
ใครที่อยากมาเที่ยวที่ วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) ก๊อตแนะนำให้มาช่วงเช้าตรู่ ไม่ก็ช่วงเย็นๆ ไปเลย เพราะช่วงสายถึงบ่ายนั้นคนเยอะมากกก แถมแสงแดดยังแข็งถ่ายรูปไม่ค่อยสวยอีก ดังนั้น มาช่วงเช้าก็เย็น เราจะได้รูปแสงสวยๆ เหมาะกับการถ่ายรูปเล่น และดื่มด่ำบรรยากาศของวัดริมทะเล บอกเลยว่าดีย์!


สำหรับการเดินทางมาวัดนี้ อาจจะไกลจากตัวเมืองซักหน่อย แต่ยังไงก๊อตก็แนะนำให้มานะ ถือเป็นวัดที่สวยด้วยความที่ตั้งอยู่ริมทะเล มีความเก่าแก่ แถมบรรยากาศดี แถมวัดนี้เค้ายังให้เข้าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วยเน้อ
แฮอุนแด บลูไลน์ปาร์ค / รถไฟเลียบทะเล + สกายแคปซูล (Haeundae Blueline Park / Seaside Train + Sky Capsule) + ทางเดินลอยฟ้า ชองซาโพ (Cheongsapo Daritdol Observatory)
หนึ่งในที่เที่ยวใหม่สุดคูลและฮิตมากที่สุดของปูซาน ที่ก๊อตแนะนำว่าต้องมาให้ได้ คือ การมาขึ้นรถไฟ Sky Capsule สุดคิ้วท์สีสันคัลเลอร์ฟูลสุดปุ๊กปิ๊ก ที่เพิ่งเปิดให้บริการที่แฮอึนแด บลูไลน์ปาร์ค (Haeundae Blueline Park) จากสถานี Mipo – Choengsapo ในเมืองปูซาน ซึ่งแต่เดิมพื้นที่ตรงนี้เคยถูกทิ้งร้างไปแล้วนะ แต่ทางเมืองปูซานเค้าได้เข้ามาปรับปรุงและพัฒนาเปิดให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวมาตั้งแต่ตุลาคม ปี 2020 นี้เอง
โดยที่มาที่ไปของเจ้ารถไฟสุดปุ๊กปิ๊กนี่มาจากการที่เมืองเค้าพยายามนำส่วนเมืองที่ถูกทิ้งร้างกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ยังคงอนุรักษ์ และรักษาธรรมชาติเอาไว้ รวมถึงยังลดการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่นี้ ทำให้ที่นี่ได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่สำหรับท่องเที่ยวด้วยการทำทางเดินเทรลเลียบชายทะเล ให้คนได้เดินเที่ยวแวะตามจุดต่างๆ ยาวเกือบ 5 กิโลเมตร หรือถ้าใครที่ขี้เกียจจะเดิน เค้าก็มีตัวเลือกอย่างการนั่งรถไฟ ไม่ว่าจะเป็น รถไฟเลียบทะเล (Seaside Train) และ สกายแคปซูล (Sky Capsule) ที่ตอนนี้กลายเป็นที่เที่ยวป๊อปมากที่สุดของปูซานนั่นเอง
ราคาตั๋วขึ้น Haeundae Blueline Park ทั้งแบบ รถไฟเลียบทะเล (Seaside Train) และ สกายแคปซูล (Sky Capsule)
ราคาค่าตัวของการขึ้น Haeundae Blueline Park ตัว จะแบ่งขายออกเป็นสองอันคือ รถไฟเลียบทะเล (Seaside Train) และ สกายแคปซูล (Sky Capsule) นั่นเอง สำหรับใครที่จะไปเที่ยว เมื่อก่อนเราต้องจองคิวล่วงหน้านะ แต่เดี๋ยวนี้เราสามารถ Walkin เข้าไปได้เลย แต่ไม่แนะนำให้ไปเสาร์-อาทิตย์นะ เพราะคนเยอะมาก แถมรถไฟยังให้ขึ้นแบบบ้านใคร บ้านมัน ไม่ไปนั่งรวมกับใคร ตรงนี้เลยอาจจะทำให้เสียเวลาต่อคิวรอขึ้นรถนิดหน่อย ก๊อตแนะนำให้ไปวันธรรมดาแทนเน้อ
ราคาตั๋ว รถไฟเลียบทะเล (Seaside Train)
จำนวนครั้ง | ราคา |
1 ครั้ง | 7,000 วอน (~185 บาท) |
2 ครั้ง | 10,000 วอน (~265 บาท) |
ขึ้นได้ไม่จำกัด | 13,000 วอน (~350 บาท) |
ราคาตั๋ว สกายแคปซูล (Sky Capsule)
สำหรับราคา สกายแคปซูล (Sky Capsule) นั้น ถือว่าแรงเอาเรื่องอยู่ เนื่องจากแต่ละแคปซูล เค้าขายเป็นแบบไพรเวทไปเลย ไม่ได้มีการนั่งรวมกับใคร ดังนั้น คนที่มา 1-2 คน ราคาก็จะแพงหน่อยเน้อ
จำนวนคน | ราคาตั๋วเที่ยวเดียว | ราคาตั๋วไป-กลับ |
1-2 คน | 30,000 วอน (~800 บาท) | 55,000 วอน (~1,500 บาท) |
3 คน | 39,000 วอน(~1,030 บาท) | 69,000 วอน (~1,890 บาท) |
4 คน | 44,000 วอน (~1,200 บาท) | 77,000 วอน (~2,100 บาท) |
รูทแพลนเที่ยว Haeundae Blueline Park
สำหรับแพลนเที่ยว Haeundae Blueline Park ของก๊อตคือ เราจะเริ่มต้นนั่งรถไฟเลียบทะเล (Seaside Train) ก่อนที่ สถานีซงจอง (Songjeong Station) ของแฮอุนแด บลูไลน์ปาร์ค (Haeundae Blueline Park) > ไปยัง สถานีทาริทโดสกายวอร์ค (Daritdol Skywalk Station) เพื่อแวะเที่ยว ทางเดินลอยฟ้าชองซาโพ (Cheongsapo Daritdol Observatory) > จากนั้นเดินต่อไปยัง สถานีชองซาโพ (Choengsapo Station) เพื่อขึ้นสกายแคปซูล (Sky Capsule) นั่งยาวไปจนถึง สถานีมิโป (Mipo Station)
เหตุผลที่ก๊อตเริ่มต้นที่ สถานีซงจอง (Songjeong Station) ก่อน เพราะว่าก๊อตมาจาก วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) ที่อยู่ไกลออกไปจากสุดสายของ แฮอุแด สกายปาร์ค (Haeundae Skypark) นั่นเอง ดังนั้น ใครที่ไม่ได้ไปวัด แต่เริ่มต้นมาจากใจกลางเมืองปูซานล่ะก็ อาจจะเริ่มจาก สถานีมิโป (Mipo Station) ก็ได้ แต่ถ้าใครไปเที่ยววัดก่อนเหมือนก๊อตล่ะก็ จะตามรอยเที่ยวเหมือนก๊อตเลยก็ได้ ซึ่งการเดินทางมาจากวัดมายังสถานีรถไฟ ก๊อตแนะนำว่านั่งแท็กซี่จากหน้าวัดเลย คือสะดวกสุด และที่ต้องย้ำกับพี่แท็กซี่คือ ให้เค้ามาส่งที่ สถานีซงจอง (Songjeong Station) ที่เป็น แฮอุแด สกายปาร์ค (Haeundae Skypark) นะ ไม่ใช่ สถานีซงจอง (Songjeong Station) ที่เป็นสถานีรถไฟใหญ่ๆ หรือรถไฟใต้ดินนะ
รถไฟเลียบทะเล (Seaside Train)
เรามาเริ่มต้นเที่ยวโดยการขึ้น รถไฟเลียบทะเล (Seaside Train) ที่วิ่งยาวตั้งแต่ต้นจนจบ 4.8 กิโลเมตร ตั้งแต่สถานีมิโป (Mipo Station) ยาวไปจนถึง สถานีซงจอง (Songjeong Station) โดยตัวรถเค้าจะเป็นรถไฟขนาดเล็กที่วิ่งเรื่อยๆด้วยความเร็ว 15 กม./ชม. ที่ผู้โดยสารจะนั่งหันหน้าออกออกไปยังชายทะเลผ่านหน้าต่างพาราโนมิกขนาดใหญ่เพื่อชมวิวทะเลสวยๆ ของปูซาน
บอกเลยว่าการนั่งรถไฟเลียบทะเล เราจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของสองข้างทางที่มีตั้งแต่ความเป็นเมือง ไปจนถึงธรรมชาติที่รายล้อมอยู่ตามชายทะเล ความเกาหลีเกาใจของเค้าแค่ได้มานั่งมองวิวก็ตื่นตาตื่นใจแล้ว นอกจากนี้เราสามารถมองเห็นวิวเมืองปูซานได้แบบพาโนรามาเลย เพราะกระจกของรถไฟเค้ากว้าง บานเบอเร่อ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เหมาะสำหรับวันเที่ยวเบาๆ เน้นเพลินไปกับการดูวิว ใครที่รักในการนั่งดูบ้านเมืองของเค้า อันนี้ดีย์ ขึ้นแล้วตกหลุมรักจนอยากจะวนกลับไปขึ้นหลายๆ รอบ
ทางเดินลอยฟ้า ชองซาโพ (Cheongsapo Daritdol Observatory)
พอเราลงจาก รถไฟเลียบทะเล (Seaside Train) ด้านหน้า เราจะเจอกับทางเดินลอยฟ้าชองซาโพ (Cheongsapo Daritdol Observatory) หนึ่งในที่เที่ยวฮิตที่ผู้คนนิยมมาเดินเล่น กินลมชมวิวเมื่อมาเที่ยว แฮอึนแด บลูไลน์ ปาร์ค (Haeundae Blueline Park) กัน โดยทางเดินลอยฟ้า บางส่วนเค้าทำเป็นพื้นกระจกใส ซึ่งเราสามารถมองทะลุลงไปเห็นท้องทะเลด้านล่างได้ ก๊อตบอกเลยว่าใครที่กลัวความสูงล่ะก็ เดินไปต้องมีขาสั่นกันบ้างแหละ
สำหรับ ทางเดินลอยฟ้าชองซาโพ (Cheongsapo Daritdol Observatory) มีความยาวประมาณ 72 เมตร และสูง 20 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เปรียบเหมือนมังกรสีน้ำเงินทำหน้าที่คอยปกป้องหมู่บ้านนั่นเอง สำหรับวิวบนทางเดินลอยฟ้าก็ต้องร้องว้าว เพราะเราจะได้เห็นชายฝั่งทะเลของปูซานที่เต็มไปด้วยโขดหินเรียงราย ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าสดๆ และวิวเมืองปูซานที่เต็มไปด้วยตึกเรียงรายไปแนวยาว บอกเลยว่าชิลเอาเรื่อง และวิวเค้าก็สวยมากเช่นกันเด้อ




สกายแคปซูล (Sky Capsule)
หลังจากเดินเล่นบนทางเดินลอยฟ้าชองซาโพ (Cheongsapo Daritdol Observatory) เสร็จแล้ว ก๊อตก็เดินต่อมาอีกนิดจนถึงสถานีชองซาโพ (Choengsapo Station) เพื่อมาขึ้น สกายแคปซูล (Sky Capsule) รถไฟแคปซูลลอยฟ้าสีสันสดใส ที่วิ่งช้าๆ เอื่อยๆ ที่ความเร็ว 5 กม./ชม. ในระยะทาง 2 กิโลเมตร ไปจบที่สถานีมิโป (Mipo Station) โดยเราจะได้เห็นวิวธรรมชาติและทะเลสวยๆ ในมุมสูงของปูซาน อีกทั้งยังได้เห็นแลนด์มาร์คดังอย่างสะพานควางอัน (Gwangan Bridge) ที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของประเทศเกาหลีใต้เค้าอีกด้วย
ส่วนตัวก๊อตไปเที่ยวกับแม่ ซึ่งการขึ้น สกายแคปซูล (Sky Capsule) จะเป็นแบบมากี่คน ก็ขึ้นเท่านั้น ไม่ไปขึ้นรวมกับคนอื่น ซึ่งก๊อตเองรอบนี้ไปเที่ยวกับแม่ก็เหมากันทั้งตู้มีอยู่ 2 คน แต่เอาจริง ด้วยขนาดของสกายแคปซูล (Sky Capsule) ที่ค่อนข้างจิ๋ว นี่ว่าถ้าเราไปเกินกว่า 4 คนบอกเลยว่าขึ้นไปแล้วแน่น แนะนำให้แยกกันนั่งไป
ส่วนตัวก๊อตชอบนะ น้องเค้าวิ่งช้าๆ แบบไม่รีบร้อนที่ความเร็ว 5 กิโลเมตร/ชั่วโมงอ่ะ รวมเวลาไป-กลับใช้เวลาประมาณ 30 นาที บรรยากาศด้านข้างนั้นดี ฟีลเราได้นั่งกินลมชมวิว เหมือนหลุดออกไปอีกโลกนึงของปูซานเลย ก็อย่างที่เรารู้กัน ปูซานเป็นเมืองใหญ่ แสงสีเสียงนี่ไม่แพ้ใคร แต่พอเราได้มาลองนั่งเจ้ารถไฟแคปซูลดูแล้ว มันเหมือนเราได้หลบไปอีกมิตินึงเลย ฟีลนั่งเข้าป่า สองข้างทางมีแต่ต้นไม้ ภูเขา และท้องทะเล อันนี้ดีมากกกก
นั่งจนอิ่มเอมใจ สุดท้ายเราก็จะโผล่มาที่สถานีมิโป (Mipo Station) จากตรงนี้ เราสามารถเดินไปเที่ยว ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) ต่อได้เล้ย ถือว่าสะดวกสบาย
ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach)
มาต่อกันที่ ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) หนึ่งในชายหาดชื่อดังในปูซาน และยังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเกาหลีเลยก็ว่าได้ สำหรับชายหาดแฮอุนแดมีความยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ฮิตที่เมืองปูซานเค้าชอบจัดกิจกรรมและงานเทศกาลต่างๆ ตลอดทั้งปี รวมถึงชายหาดที่นี่เองยังป๊อปมากสำหรับคนเกาที่ชอบมานั่งชิล กินลมชมทะเลกันแบบอุ่นหนาฝาคั่งกัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมิถุนายน ไปจนถึงเดือนสิงหาคม เล้ย
ถ้าใครมาเกาหลีในช่วงฤดูหนาว บริเวณ ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) ก็จะถูกเนรมิตให้กลายเป็นสถานที่สำหรับจัดงาน Haeundae Light Festival (해운대빛축제) ที่ทุกคนจะได้เพลิดเพลินไปกับแสงสี และแสงไฟ LED ที่ถูกตกแต่งไปทั่วบริเวณ รวมทั้งยังมีกิจกรรมแสดงดนตรี มายากล และการแข่งขันอื่นๆ อีกมากมาย



ที่มาที่ไปของชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) นี้ ได้มาจากนามปากกา “Hae-un” ของนักปราชญ์ ชอย ชี วอน (Choi Chi-won) ที่ได้เดินทางไปทั่วทุกหนแห่ง จนมาวันนึงมาเจอเข้ากับชายหาดแห่งนี้ แล้วประทับใจในความงดงามของชายหาด เลยสลักตัวอักษร “แฮอึนแด” ไว้บนกำแพงหิน ผู้คนเค้าเลยเรียกเป็นชื่อชายหาดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เรียกได้ว่า ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) เค้าเป็นชายหาดที่ฮิตมากๆ ซึ่งคนเกาหลีมาเที่ยวเยอะมากโดยเฉพาะวันหยุด ส่วนบริเวณชายหาดเค้าเต็มไปด้วยฝูงนกนางนวลสีขาวที่บินว่อนไปมาอยู่แทบจะทุกมุมอย่างวันที่ก๊อตไป ส่วนใหญ่เห็นเค้ามาเป็นคู่รัก จูงมือกันเดินเล่นไปมา บ้างก็นั่งชิลๆ ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของทะเล และบางมุมยังมีคนมาตั้งแคมป์ด้วยนะ ถือเป็นภาพใหม่สำหรับเราคนไทย ที่ไม่ค่อยเห็นคนมาตั้งแคมป์กันริมทะเล 55555
สำหรับชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) ส่วนตัวก๊อตแนะนำให้มาสักครั้งนะ บรรยากาศทะเลรายล้อมไปด้วยตึกสูงของเมืองปูซานก็ให้ฟีลสวยในแบบของปูซานเค้าหล่ะ ใครมาถึงเกาหลีแล้วก็อยากให้มาสัมผัสของจริงด้วยตาตัวเองสักครั้ง
The Bay 101
The Bay 101 อีกหนึ่งแลนด์มาร์คในปูซานที่ต้องมา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดแฮอุนแดมากนัก เราสามารถมาเที่ยวต่อได้ที่นี่เลย สำหรับ The Bay 101 จัดว่าเป็น Community Mall ที่รวมกิจกรรมทางน้ำเอาไว้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Speed Boat, Jet Ski, Banana Boat, เรือใบ, ล่องเรือสำราญ และ Yatch Club หรือล่องเรือยอร์ช ไปจนถึงร้านอาหาร และร้านกาแฟ ลานเบียร์ เรียกได้ว่ามาที่เดียวจบ เราเลยจะเห็นคนเกาหลีเค้าออกมานั่งแฮงค์เอาท์ นั่งชิล ถ่ายรูปเล่นท่ามกลางบรรยากาศของทะเลที่รายล้อมไปตึกสูงของปูซานกันเยอะเลยโดยเฉพาะช่วงตอนค่ำ
ใครจะมาที่นี่ก๊อตแนะนำว่าให้มาช่วงค่ำเนี่ยแหละ เพราะมันเหมาะกับการมานั่งกินเบียร์กรุบกริบ แถมเรายังจะได้เพลินไปกับแสงไฟจากตึกที่อยู่รอบๆ บอกเลยว่าสวยงามละลานตาไปหมด นอกจากนี้เรายังได้ดูวิวสวยๆ ของสะพานควางอันแด-กโย (Busan Gwangandaegyo Bridge) ไกลลิบๆ ที่ตอนกลางวันว่าสวยแล้ว ตัดภาพมาตอนกลางคืนเนี่ยทั้งสวยทั้งโรแมนติกไปด้วยแสงสีของไฟ LED หลายพันดวง




ที่พลาดไม่ได้สำหรับสายถ่ายรูป ที่นี่เค้ามุมลับ (ที่ไม่ลับสำหรับคนเกา) ของ The Bay 101 กับมุมดงตึกปูซานที่เปิดไฟระยิบระยับ สะท้อนลงบนพื้น ให้ความรู้สึกเหมือนกระจกเงา สะท้อนความงดงามของแสงสีที่รูปที่ถ่ายออกมาแล้วปังมาก โดยเคล็ดลับที่ก๊อตเห็นจากคนเกาหลี คือเค้าจะแบกถังน้ำมากันเองเว้ย แบบแบกมาเป็นลิตรๆ แล้วเอาน้ำมาเทลงบนพื้นที่เป็นลานกว้างๆ โดยมุมนี้จะเป็นลานเหมือนท่าเรือที่แอบอยู่ด้านข้างลานจอดรถของ The Bay 101 ซึงก๊อตมั่นใจว่าเดินหาไม่ยากเลยเพราะเค้าเป็นลานโล่งๆ กว้างๆ แถมมีคนถ่ายรูปกันอยู่เพียบ
เอาล่ะๆ ใครที่ตามรอยก๊อตแล้วอยากได้รูปแบบนี้ ก็ลองเอาน้ำหลายลิตรมาเทลงพื้นเสร็จแล้ว ให้ตั้งกล้องให้ชิดกับพื้นมากที่สุด จากนั้นกดถ่าย เราจะได้รูปเก๋ๆ ฉากหลังเป็นตึกมากมาย แสงไฟหลายพันดวงสะท้อนลงบนพื้น เป็นรูปที่ฟีลดีมากเลย หรือถ้าใครที่ไม่สะดวกจะพกน้ำมา จะลองต่อแถวเข้าคิวคนอื่นเค้าถ่ายรูปก็ได้นะ เพราะก๊อตก็ถ่ายจากคนอื่นเหมือนกัน 555555
DAY 3 : หมู่บ้านวัฒนธรรมฮินยออุล (Huinnyeoul Culture Village)
เริ่มเที่ยวปูซานวันที่ 3 ด้วยการไปที่ หมู่บ้านวัฒนธรรมฮูอินนยออุล (Huinnyeoul Culture Village) ที่ถือว่าฮิตและป๊อปสุดในปูซาน ณ ตอนนี้ เพราะที่นี่คือหมู่บ้านที่สร้างบนเนินผาสูงริมชายฝั่ง ที่สามารถมองลงมาเห็นวิวทะเลและเมืองปูซานได้สวยสุดๆ ซึ่งหมู่บ้านที่นี่เค้าก็ได้ชุบชีวิตใหม่ด้วยการพัฒนาพื้นที่ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยมีทั้งร้านคาเฟ่ชิคๆ และร้านอาหารอร่อยๆ เยอะม๊าก รวมถึงมีเส้นทางเดินเลียบชายฝั่งทะเลที่ทอดยาวออกไป ให้เราได้เดินเล่นสนุกๆ และถ่ายรูปสวยๆ กันได้หลายสิบ หลายร้อยรูปเลย
เห็นแบบนี้แล้ว หมู่บ้านวัฒนธรรมฮินยออุล (Huinnyeoul Culture Village) เค้ามีชื่อเล่นว่าเป็น ‘ซานโตรินีแห่งเกาหลี’ ด้วย ด้วยความที่ธีมสีของหมู่บ้านเค้า ส่วนมากจะเป็นโทนสีขาว-น้ำเงิน คุมโทนแบบซานโตรินีนั่นเอ๊ง
สำหรับรูทการเดินใน หมู่บ้านวัฒนธรรมฮินยออุล (Huinnyeoul Culture Village) นั้น ก๊อตแนะนำให้เรานั่งรถเมล์มาลงที่สามแยกที่นี่ก่อน (คลิกดูหมุด Google Map) จากสามแยกตรงนี้จะมีทางเดินลงไปยังหมู่บ้าน โดยเราจะเดินเลี้ยวขวาไปตามทางเดินบนเขาก่อน จากนั้นเราก็เดินไปจนสุดทางจนเจอสะพานเรนโบว์สีสันสดใส ที่จะพาเราเดินลงไปยังด้านล่าง จากนั้นเราสามารถเดินเลี้ยวซ้ายลอดถ้ำเพื่อไปยังทะเลและโขดหินอีกฝั่งนึงได้ จากนั้นก็เดินกลับทางเดิมเพื่อเดินเลียบชายทะเลย้อนกลับไปจนสุดทางตรงทางเข้าที่ Jeoryeong Coastal Entrance (คลิกดูหมุด Google Map) เป็นอันจบปิ๊งง
บรรยากาศภายในหมู่บ้านนั้น ฟีลก็จะชิลๆ เดินเล่นชมวิว รวมถึงเดินเข้า-ออกตามร้านรวงต่างๆ อีกทั้งตามผนังในหมู่บ้านจะมีจิตรกรรมฝาผนัง รูปวาดอยู่เต็มไปหมด นอกจากนี้ เค้ามีร้านอาหาร คาเฟ่น่ารักๆ ให้ได้นั่ง ฟีลนั่งกินลมชมวิวเมืองปูซานที่ผ่อนคลายไปอีกแบบ สำหรับใครที่ชอบงานศิลปะ อยากมาเที่ยวเกาหลีฟีลไม่วุ่นวาย ที่นี่ก็ควรจะเข้าในลิสต์ได้เลย มาแล้วดีย์ เชื่อก๊อต





ชายหาดควางอันลี (Gwangalli Beach)
มาเที่ยวกับอีกหนึ่งชายหาดที่ดีที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองปูซาน รองจาก ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach) ก็คือ ชายหาดควางอันลี (Gwangalli Beach) นั่นเอง โดยที่นี่เค้าเป็นชายหาดรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวโค้งรับไปตามอ่าวยาวจนถึงจากสะพานควางอัน (Gwangandaegyo Bridge) ขึ้นชื่อว่าเป็นชายหาดที่เม็ดทรายเนียนละเอียด ด้วยความที่ชายหาดแห่งนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากหน่วยงานในท้องถิ่น ทำให้น้ำทะเลของที่ใสสะอาด นอกจากนี้บริเวณถนนเลียบชายหาดยังเต็มไปด้วยโรงแรม ร้านอาหาร และร้านกาแฟดีๆ ทำให้ที่นี่ป๊อปมากไม่แพ้กัน ถือว่าเป็นอีกที่เที่ยวฮิตที่คนเกา หรือแต่คนต่างชาติมักจะมาจองโรงแรมนอนกันที่นี่ เพราะด้วยวิวของโรงแรมเกือบทุกแห่งที่นี่มันหันออกไปยังทะเล คนก็เลยชอบมานอนและถ่ายรูปกันที่เยอะม๊ากก
แน่นอนว่าคนที่มาเที่ยวเดินเล่น เล่นน้ำที่นี่ ก็จะเป็นหนุ่มสาวฟีลแฟนคนเกาหลี ไปจนถึงกลุ่มครอบครัวที่เค้าชวนกันมานั่งปิกนิกพักผ่อน บ้างก็ลงเล่นน้ำ บ้างก็นั่งมองวิวของ สะพานควางอัน (Gwangandaegyo Bridge) ที่ไม่ว่าจะมาดูช่วงเวลาไหนก็สวยงาม ให้มู้ดกันไปคนละแบบ ยิ่งช่วงกลางคืนนะ ตัวสะพานเค้าประประดาไปด้วยไฟ LED หลากสี นับพันดวง เหมาะชวนแฟนมานั่งสวีทมากกก



สำหรับก๊อตแล้วชายหาดควางอันลี (Gwangalli Beach) เป็นอีกหนึ่งชายหาดในปูซานที่สวยเอาเรื่อง มันมีเสน่ห์ในความเป็นชายหาดที่ถูกรายล้อมไปด้วยตึกสูงของเมือง แต่ยังให้ความรู้สึกสงบ ไม่ได้ดูพลุกพล่านจนใจเจ็บ เหมาะสำหรับหนีมาพักผ่อนหย่อนใจ นั่งมองวิวทะเลเอื่อยๆ เดินทอดน่องดูคนเขารักกัน 5555 และอีกสิ่งที่ก๊อตประทับใจเลยคือความสะอาดของชายหาด ที่ถูกดูแลรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมีของกินขายเพียบ ใครมาปูซานก็แวะมาได้ นี่แนะนำเลย
สรุป การเที่ยวปูซาน (Busan)
เป็นอันจบทริปเที่ยวในปูซาน ถือเป็นการกลับไปเที่ยวเกาหลีใต้ในรอบ 3 ปีเลยก็ว่าได้ ปูซานสำหรับก๊อตเรียกว่าเป็นเมืองใหญ่ที่มีเสน่ห์และที่เที่ยวหลากหลาย มีความคึกครื้นในแบบฉบับของปูซาน ที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียงให้เราได้หลงเข้าไปเพลิดเพลิน แต่ก็ยังมีที่เที่ยวที่เงียบสงบ ท่ามกลางธรรมชาติ และท้องทะเล ให้เราได้มาเปลี่ยนบรรยากาศพักผ่อน จนบางทีนี่ก็คิดว่ามันอยู่ในเมืองเดียวกันหรือเปล่า 5555 อย่างไรก็แล้วแต่ เกาหลีก็ยังเป็นประเทศที่ก๊อตกลับไปเที่ยวกี่ครั้งก็มีความสุขทุกครั้ง ใครแพลนมาเที่ยวเกาหลีนี่รีบมาเลย อยากจะบอกว่าโอปป้าปูซานหล่อจิ้งงงงงงงงงงงงงง
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡