ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) หนึ่งในทะเลสาบอันเลื่องชื่อที่โดดเด่นด้วยน้ำสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ โอบล้อมด้วยวิวเทือกเขาแอลป์และหมู่บ้านสไตล์สวิสสุดคลาสสิก ที่ใครมาเที่ยวอินเทอร์ลาเคิน (Interlaken) ก๊อตแนะนำเลยว่าต้องมาเยือนและสัมผัสด้วยตากันสักครั้ง เพราะนอกจากเราจะได้ดื่มด่ำกับวิวสวยๆ ไปกับการล่องเรือบนทะเลสาบแล้ว ตลอดเส้นทางยังมีกิจกรรม และสถานที่ต่างๆ ให้แวะลงไปเที่ยวชมและเก็บภาพกันอีกเพียบ ซึ่งก๊อตจะพาทุกคนไปนั่งเรือเจ็ทโบ๊ท (Jetboat) สีแดงสุดจี๊ด พร้อมไปตามรอยสหายผู้กองในหมู่บ้านกลางทะเลสาบอย่างอิเซิลท์วัลด์ (Iseltwald) และปิดท้ายด้วยการขึ้นเขาไปสำรวจน้ำตกกีสบาค (Giessbach Waterfall) สุดอลังการ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกและน่าประทับใจ แบบที่ว่าอ่านจบแล้ว สามารถจดแพลนเที่ยวแล้วมาตามรอยได้เลย
รู้จักทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz)
ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) หนึ่งในทะเลสาบที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ (Alps) มีความยาวประมาณ 14 กิโลเมตร และกว้างกว้าง 2.8 กิโลเมตร ส่วนจุดที่ลึกที่สุดนั้นลึกถึง 260 เมตร เลื่องลือในเรื่องของน้ำสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่ใสสะอาดราวกับคริสตัล ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามและมีเสน่ห์มากที่สุดแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) นอกจากนี้ ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) ยังเป็นแหล่งรวมกิจกรรมทางน้ำ รวมถึงมีจุดเดินป่า และเดินชมวิวเลียบทะเลสาบอยู่อีกมากมาย ซึ่งจุดนี้เอง ทำให้ ทะเลสาบแห่งนี้สามารถดึงดูดคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอยู่ได้ตลอดทั้งปีเลย
ที่เที่ยวในทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz)
การเดินทางขึ้นไปยัง ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz)
สำหรับการเดินทางบนทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) นั้น ถือเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมาก โดยเราสามารถล่องเรือเที่ยวชมทะเลสาบได้เลย โดยวิธีการเดินทางหลักๆ จะเริ่มต้นจากเมืองอินเทอร์ลาเคิน (Interlaken) ซึ่งทุกคนสามารถยึดตามนี้ได้เลย
- เรือ: นั่งเรือในทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) จากท่าเรืออินเทอร์ลาเคิน โอสท์ (Interlaken Ost) > เบรียนซ์ (Brienz) ระหว่างทางเราสามารถแวะเที่ยวสถานที่ต่างๆ ได้เลย โดยเรือเค้าจะจอดเทียบท่าให้ได้ลง ซึ่งรอบเรือจะขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกาล ดังนั้น ต้องเช็คก่อนเดินทางไปล่วงหน้าด้วย
เที่ยวให้คุ้มด้วย Swiss Travel Pass
ใครจะมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าจะมาเที่ยวเมืองไหน ก๊อตแนะนำว่าควรซื้อ Swiss Travel Pass มาไว้ด้วย เพราะพาสนี้เราสามารถเอามาใช้ขึ้นขนส่งสาธารณะได้ทุกอย่างในสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ เรือ และรถประจำทางต่างๆ โดยไม่จำกัดจำนวนเที่ยว และระยะทาง นอกจากนี้ Swiss Travel Pass ยังใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อย่างพิพิธภัณฑ์ชื่อดังกว่า 500 แห่งในสวิสได้ฟรี อีกทั้งยังใช้เป็นส่วนลดในการขึ้นกระเช้า ขึ้นยอดเขาดังๆ ได้ด้วยนะ
⚡️ความดีงามของ Swiss Travel Pass คือนอกจากเราจะใช้ขึ้นรถไฟทั่วไปได้แล้ว พาสยังรวมถึงรถไฟชมวิวพาโนราม่าฟรี ซึ่งรวมทั้งรถไฟ Glacier Express, Golden Pass, Bernina Express และ Gotthard Panorama Express นอกจากนี้ยังใช้ล่องเรือฟรีได้อีกเยอะมาก
สำหรับ Swiss Travel Pass ก๊อตแนะนำให้เราซื้อผ่านเอเจนซี่อย่าง Klook และ KKday ซึ่งในหน้าเว็บจะมีรายละเอียดของพาสอธิบายเอาไว้อย่างชัดเจน รวมถึงมีตัวเลือกพาสให้ซื้อหลากหลาย ทั้งแบบพาสแบบต่อเนื่อง 3, 4, 8 หรือ 15 วัน รวมถึงมีแบบ E-Ticket ด้วย นอกจากนี้ยังมี บัตร Swiss Half Fare Card และบัตร Swiss Transfer Ticket ขายครบอีก
> เช็คราคาและซื้อ Swiss Travel Pass [ผ่าน Klook] / [ผ่าน KKday]
เริ่มเที่ยวทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) ได้เล้ยย
ล่องเรือในทะเลสาบเบรียนซ์
เริ่มต้นการเที่ยว ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) ด้วยการพาทุกคนไปล่องเรือเรือบนทะเลสาบด้วยกัน โดยเราจะไปขึ้นเรือกันที่ท่าเรืออินเทอร์ลาเคินตะวันออก (Interlaken Ost) ซึ่งปลายทางของเรือจะไปจบที่ท่าเรือเบรียนซ์ แต่ทริปนี้ของก๊อตเราล่องไปถึงแค่ น้ำตกกีสบาค (Giessbach Waterfall) แล้วก็นั่งกลับมาที่อินเทอร์ลาเคินเหมือนเดิม ส่วนใครที่มีเวลาเหลือๆ อยากปล่อยใจจอยๆ ล่องเรือดื่มด่ำกับวิวแบบจัดเต็มก็สามารถนั่งไปจนถึงปลายทางแล้วนั่งกลับมาได้ โดยการล่องเรืออย่างเดียวโดยไม่แวะลงเที่ยวระหว่างทาง จะใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 1.20 ชั่วโมง เท่านั้น
ส่วนตัวก๊อตมีแวะเที่ยวระหว่างทางด้วย โดยจุดที่แวะก๊อตเขียนแยกแต่ละที่เที่ยวตามด้านล่าง ซึ่งใช้เวลากันไปเกือบหนึ่งวันเลยทีเดียว สำหรับรอบเรือนั้น ในแต่ละฤดูกาลจะต่างกันออกไป อย่างช่วงที่ก๊อตไป เที่ยวแรกของวันจะเริ่มต้นช่วง 9 โมงเช้า ยังไงใครจะมาตามรอยอย่าลืมเช็ครอบเวลาเดินเรือกันด้วยนะ เพื่อที่เราจะได้วางแพลนเที่ยวได้ถูก
พอเรือเริ่มออกจากท่าเรืออินเทอร์ลาเคินตะวันออก (Interlaken Ost) เท่านั้น เราจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสวยๆ พร้อมกับอากาศเย็นสบายแบบทันที โดยมีสายลมพัดเอื่อยๆ มากระทบหน้าให้รู้สึกสดชื่นตลอดทาง ระหว่างที่เรือล่องไปด้วยความชิลๆ บนผิวน้ำมีเหล่าน้องเป็ดว่ายน้ำผุดๆ โผล่ๆ ให้ได้เห็นกันแบบเพลินตา ท่ามกลางทิวทัศน์ตามสองข้างทางที่เต็มไปด้วยหมู่บ้านไม้น่ารักๆ สลับกับภูเขาเขียวๆ ท่ามกลางผาหินสูงที่ตั้งตะหง่านเรียงรายกันไป ถือเป็นวิวที่มองได้ไม่มีเบื่อเลย นี่ว้าวกับวิวที่เรือแล่นผ่านมาก มันมีอะไรให้มองได้ตลอดเส้นทางเลย
อิเซิลท์วัลด์ (Iseltwald)
หลังจากนั่งเรือล่องทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) กันมาพักใหญ่ ก่อนที่เรือจะเข้าเทียบท่าตรงหมู่บ้าน เราจะได้เห็นภาพของ ปราสาทซีเบิร์ก (Seeburg Castle) หลังใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางแนวต้นไม้ ห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบ และโรงแรม Strandhotel ที่อยู่ติดกับท่าเรือ โดยทั้งสองสถานที่นี้ ต่างมองเห็นมาได้ตั้งแต่ไกลๆ เหมือนเป็นการต้อนรับว่าเรากำลังจะถึงหมู่บ้าน อิเซิลท์วัลด์ (Iseltwald) กันแล้ว โดยหมู่บ้านเล็กๆ ที่นี่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) ใครอยากสัมผัสบรรยากาศสุดโรแมนติก โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงามราวกับหลุดออกมาจากหนังสือนิทาน ด้วยบ้านชาเลต์ไม้สีสันสดใส ห้อมล้อมเอาไปด้วยทะเลสาบสีเขียวมรกต และเทือกเขาที่สูงตระหง่าน อีกทั้งยังได้มาตามรอยซีรีส์เกาหลีชื่อดัง Crash Landing on You ต้องไม่พลาด อิเซิลท์วัลด์ (Iseltwald) หมู่บ้านเล็กๆ ที่จะมอบบรรยากาศสุดอบอุ่นให้กับทุกคน
เมื่อเราได้ก้าวเท้าลงมาจากเรือ สิ่งแรกที่เจอคือบรรยากาศริมทะเลสาบสุดชิล ที่มีร้านค้าเล็กๆ พร้อมผู้คนที่มานั่งจิบเครื่องดื่ม ใกล้กันมีลานกว้างที่มีสวนดอกไม้เล็กๆ และเก้าอี้ตัวยาวให้ได้นั่งพักผ่อน โดยบรรยากาศของท่าเรือนั้นคึกคักกว่าที่ก๊อตคิดไว้มาก เสมือนหมู่บ้านแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทุกคนที่ได้มาเยือนทะเลสาบแห่งนี้เลย
ไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนต้องแวะเลยก็คือ ท่าเรือสหายผู้กอง (Crash Landing on You Pier) ท่าเรือไม้เล็กๆ ที่ยื่นออกไปบนทะเลสาบที่ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือที่เราลงเมื่อกี้ ซึ่งจุดนี้เองที่ไปโผล่อยู่ในฉากดังของซีรีส์เกาหลี Crash Landing on You ที่รีจองฮยอก พระเอกของเรื่องกำลังเล่นเปียโนอยู่ ที่นี่เลยกลายเป็นจุดเช็คอินที่แฟนซีรีส์ต้องมาตามรอยเก็บภาพให้ได้สักครั้ง แต่แอบกระซิบก่อนว่าตอนนี้ ถ้าเราจะเข้าไปถ่ายรูปบนท่าเรือ เค้าจะเก็บค่าเข้าคนละ 5 ฟรังก์ (~200 บาท) แล้วนะ ซึ่งเราสามารถจ่ายเงินที่ตู้ตรงทางเข้าได้เลย ขอบอกว่าคิวยาวเหยียด
แต่ถ้าใครคิดหนักที่รู้สึกว่าการจ่ายเงินสองร้อยกว่าบาทมันไม่คุ้มเหมือนก๊อต นี่แนะนำให้เดินเลียบทะเลสาบไปทางซ้ายนิดหน่อย จะมีมุมท่าจอดเรือของหมู่บ้านที่มีแท่นปูนยื่นออกไปในทะเลสาบให้เราได้เดินขึ้นไปยืนถ่ายรูปได้ โดยวิวจากมุมนี้ส่วนตัวก๊อตคิดว่าสวยไม่แพ้กัน ถึงแม้จะไม่ใช่สะพานไม้เหมือนในซีรีส์ แต่ก๊อตเองก็ไม่ได้ติดอะไรมากเท่าไหร่ ด้วยภาพของเราที่รายล้อมไปด้วยทะเลสาบเบรียนซ์ ตัดกับแนวสันเขาฮาร์ดเดอร์กราต (Hardergrat) และท้องฟ้าสีครามเป็นฉากหลัง ถือเป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปออกมาแล้วก๊อตชอบมากเลย
หลังจากได้รูปสวยๆ กันไปแล้ว ก๊อตเองเริ่มเดินสำรวจหมู่บ้านต่อ โดยการเดินเที่ยวของก๊อตนั้นเรียบง่ายมาก เราแค่เดินไปตามถนนสายหลักที่เลียบไปตามทะเลสาบของหมู่บ้านจนที่ช่วงกลางๆ ของถนน ‘Schorren’ ซึ่งถนนเส้นนี้ หากเราเดินต่อไปเรื่อยๆ เราสามารถเดินไปถึงน้ำตกกีสบาค (Giessbach Waterfall) ที่ก๊อตกำลังจะไปหลังจากหมู่บ้านแห่งนี้ได้เลย แต่แอบบอกก่อนว่าก๊อตจะไม่เดินไปนะ แต่เราจะนั่งเรือไปแทนตามสไตล์คนขี้เกียจที่มี Swiss Travel Pass ในมืออยู่แล้วนั่นเอง 55555
ระหว่างที่เราเดินในหมู่บ้านนั้น ก๊อตเห็นอะไรตามข้างที่มันสวย ก็กดชัตเตอร์รัวๆ ไม่มีหยุด โดยบรรยากาศในหมู่บ้านนั้นเงียบสงบ บ้านไม้ชาเล่ต์สีน้ำตาลน่ารักๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์ ถูกปลูกกระจายกันไป ระหว่างทางมีสนามเด็กเล่นและสวนดอกไม้สวยๆ รวมถึงยังมีน้องม้าแคระที่กำลังยืนแทะหญ้าแบบไม่สนใจใคร ขนาดที่ว่าเราเข้าไปเก็บภาพน้องใกล้ๆ เค้ายังยืนให้ถ่ายรูปแบบสบายๆ เลยล่ะ
เดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ เราเริ่มเห็นผู้คนออกมาเดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย หรือจูงน้องหมามาเดินเล่น ที่ให้บรรยากาศดูอบอุ่นและเป็นกันเองมาก ก๊อตเลยแวะพักขาซักหน่อยที่ ‘Restaurant Seegarten’ บาร์เล็กๆ ริมทะเลสาบที่ขายทั้งเครื่องดื่ม เบียร์สวิส และขนมท้องถิ่นกับแกล้ม โดยเราสามารถสั่งที่เคาท์เตอร์แล้วเลือกที่นั่งตามใจชอบได้เลย ความน่ารักของร้านนี้คือวิวที่สวยๆ ที่เราสามารถมองเห็นหมู่บ้านรอบๆ ทะเลสาบ และปราสาทซีเบิร์ก (Seeburg Castle) ตัวปราสาทเล็กๆ ที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1907 ด้วยตัวอาคารอันเลอค่ามีสถาปัตยกรรมที่ดูคล้ายปราสาทเล็กๆ โดดเด่นด้วยดีไซน์คลาสสิกและบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่ามกลางขุนเขาที่ตั้งขนาบเรียงรายกันไปจนสุดสายตา ถือเป็นอีกร้านแนะนำที่อยากให้ได้มานั่งชิลกันในหมู่บ้าน ที่นอกจากเราจะได้มานั่งพักให้หายเมื่อยแล้ว เรายังได้ภาพสวยๆ อีกเพียบเลย
หลังจากพักจนชื่นใจ ก๊อตเดินเลียบทะเลสาบไปตามเส้นทางเดินริมน้ำต่อไปเรื่อยๆ บนถนน ‘Schorren’ ที่เหมือนเราได้มาอยู่อีกฝั่งที่เราสามารถมองเห็นท่าเรือเล็กที่มีเรือจอดเรียงรายเต็มอ่าว ปราสาทซีเบิร์ก และแนวเทือกเขาด้านหลังได้แบบเว่อร์วัง บรรยากาศตรงนี้สวยจนก๊อตต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปแบบรัวๆ เพราะบรรยากาศตรงหน้ามันเหมือนภาพวาดในหนังสือ สวยจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงเลย
ดื่มด่ำกับวิวสุดอลังการจนพอใจ ได้ภาพจนเมมกล้องแทบเต็มแล้ว ก๊อตก็ค่อยๆ เดินกลับไปตามเส้นทางเดิม เพื่อไปยังท่าเรือ และรอขึ้นเรือล่องทะเลสาบต่อไปยังน้ำตกกีสบาค (Giessbach Waterfall) ในทะเลสาบเบรียนซ์ และนี่ก็คือทั้งหมดของการเดินเล่นใน อิเซิลท์วัลด์ (Iseltwald) ของก๊อต ที่กินเวลาไปร่วมๆ 2 ชั่วโมง โดยตลอดเวลาที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ก๊อตสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากบ้านไม้ชาเล่ต์สุดคลาสสิก และความฟินระดับล้านกับวิวทะเลสาบเบรียนซ์ ท่ามกลางความเงียบสงบที่ช่วยฮีลใจได้ดีมากๆ ใครมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์แล้วอยากหามุมสงบๆ นั่งชมวิวสวยๆ ก๊อตแนะนำให้มาที่นี่ได้เลย เพราะ อิเซิลท์วัลด์ (Iseltwald) จะทำให้ทุกคนตกหลุมรักได้แบบไม่รู้ตัวแน่นอน
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
น้ำตกกีสบาค (Giessbach Waterfall)
นั่งเรือไปกันต่อที่ น้ำตกกีสบาค (Giessbach Waterfall) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอิเซิลท์วัลด์ (Iseltwald) โดยระหว่างทางนั้นเราจะได้ดื่มด่ำไปกับวิวตลอดสองข้างทางของทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) แบบฟลูฟีลสุด ด้วยบรรยากาศอันอบอุ่นของบ้านไม้สีน้ำตาลที่ตั้งเรียงรายไปตามแนวทะเลสาบ ท่ามกลางขุนเขาสูงตระหง่าน บางจุดมีปราสาทหลังโตให้ได้ชมความงดงามอีกด้วย ซึ่งใช้เวลานั่งไม่นานเราก็มาถึง น้ำตกกีสบาค (Giessbach Waterfall) กันแล้ว
สำหรับน้ำตกแห่งนี้ เค้าตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของ ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) โดยมีต้นกำเนิดมาจากแอ่งน้ำในหุบเขาสูง ฟาวฮอร์น (Faulhorn) น้ำตกแห่งนี้ไหลลงมาผ่านแนวชั้นหินถึง 14 ชั้น รวมระยะทางกว่า 400 เมตร ซึ่งในช่วงศตวรรษที่ 19 ได้มีการสร้างเส้นทางเดินเท้าขึ้นสู่ตัวน้ำตก รวมถึงทางเดินลอดใต้น้ำตก ทำให้เริ่มมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาชื่นชมความงามของ น้ำตกกีสบาค (Giessbach Falls) แบบไม่ขาดสายเลย
ซึ่งสิ่งที่ทำให้ น้ำตกกีสบาค (Giessbach Falls) โดดเด่นเลยก็คือ ทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่บนเขาสูง ท่ามกลางวิวพาโนราม่าของทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) และเทือกเขาสูงชันเบื้องหน้า นอกจากนี้บริเวณเชิงเขาด้านล่างยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมเก่าแก่อย่าง Grand Hotel Giessbach ที่สร้างขึ้นในยุคทองของการท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์อยู่อีกด้วย ทำให้ที่นี่กลายเป็นทั้งสถานที่พักผ่อนและจุดเริ่มต้นของการเดินสำรวจน้ำตกอีกด้วย
ก่อนจะเริ่มต้นการเดินสำรวจน้ำตก ก๊อตขอเกริ่นเส้นทางคร่าวๆ ให้ทุกคนได้เห็นภาพกันก่อน โดยการมายังน้ำตกนั้น ก๊อตเลือกนั่งเรือล่องทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) แล้วลงที่ท่าเรือ Giessbach See ก่อนจะเปลี่ยนมาขึ้นรถราง Giessbachbahn ซึ่งเป็นรถรางเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยมีปลายทางคือโรงแรม Grand Hotel Giessbach ที่ตั้งอยู่สูงกว่าทะเลสาบเบรียนซ์ประมาณ 100 เมตร ซึ่งระหว่างทาง เราจะได้เห็นวิวของป่าสนหนาทึบ พร้อมทั้งเส้นทางเดินเท้าที่คดเคี้ยวไปตามเชิงเขา รวมถึง น้ำตกกีสบาค (Giessbach Falls) ที่ไหลลงมาตัดผ่านป่า ก่อนจะลงสู่ทะเลสาบเบรียนซ์อีกด้วย
เมื่อก๊อตนั่งรถรางขึ้นมาถึงโรงแรม Grand Hotel Giessbach แล้ว จากตรงนี้เราสามารถมองเห็นภาพมุมกว้างของ น้ำตกกีสบาค (Giessbach Falls) ที่ไหลลงมาจากเขาสูงผ่านชั้นหินลงสู่ทะเลสาบเบรียนซ์ได้อย่างตระการตา ซึ่งก๊อตเลือกเดินเล่นบริเวณรอบๆ โรงแรมกันก่อน โดยที่นี่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1873-1874 บรรยากาศชวนให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตของสวิตเซอร์แลนด์ ผู้คนมากหน้าหลายตาพากันนั่งจับเข่าพูดคุยและจิบเครื่องดื่ม ท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิก ถือเป็นอีกจุดที่เหมาะแก่การมานั่งปล่อยใจผ่อนคลายเป็นที่สุด อย่างก๊อตก็เลือกที่นั่งเพื่อชมวิวกันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เราจะเดินตัดไปทางลานจอดรถของโรงแรม เพื่อเข้าสู่เส้นทางสำรวจน้ำตกกันต่อ
โดยก๊อตเริ่มต้นเดินเข้าสู่เส้นทางสำรวจน้ำตก Circular Trail ซึ่งเป็นเส้นทางสีเขียวที่มีระยะทางประมาณ 2.8 กิโลเมตร เส้นทางนี้เริ่มจากโรงแรมและวนรอบน้ำตกกลับมาที่จุดเริ่มต้น ระหว่างทางเดินขึ้นเขามาเรื่อยๆ สองข้างทางจะเต็มไปด้วยต้นสนและต้นไม้นานาพันธุ์ ปกคลุมไปด้วยมอสและตะไคร่ที่ชุ่มชื้น ส่วนตามพื้นจะมีตอไม้และโขดหินกระจายอยู่ ท่ามกลางเสียงซู่ซ่าของน้ำตกที่เริ่มแว่วเข้ามาใกล้ๆ
ซึ่งเส้นทางจะเป็นทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะเข้าไปในป่า โดยมีทั้งทางลาด และเส้นทางซิกแซ็กเหมือนเดินลงบันได ใครมาเดินไม่ต้องกลัวหลงทางเลย เพราะตลอดเส้นทางเค้ามีป้ายบอกทางให้เราได้เดินตามอยู่ตลอด อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยวเดินสวนอยู่ประปราย ความน่ารักที่ก๊อตเจอในป่าคือบางจุดมีต้นโคลเวอร์ขึ้นอยู่เยอะมาก นี่ก็พยายามส่องหาใบที่มีสี่แฉกให้วุ่น แต่สุดท้ายเราก็ไม่เจอเลยสักกะใบ หมดแล้วการตามหาความโชคดี
เดินมาไม่นาน ก๊อตก็ถึงจุดไฮไลท์ที่เราสามารถเดินลอดผ่านหลังม่านน้ำตกได้ จุดนี้จะมีสะพานเหล็กที่สร้างให้เราได้เดินลอดผ่านหลังน้ำตก โดยระหว่างที่เดินผ่าน เราจะรู้สึกถึงละอองน้ำที่กระเซ็นมาตามแรงลมพัดเข้าหาเนื้อตัวจนเสื้อผ้าเปียกกันได้ แต่บอกเลยว่ามันเป็นความสดชื่นที่ช่วยเติมพลังระหว่างการเดินเที่ยวน้ำตกได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งจากตรงนี้เอง เราสามารถมองออกไปเห็นวิวของน้ำตกที่ไหลลงมาตามชั้นหิน พร้อมกับวิวทะเลสาบเบรียนซ์และโรงแรม Grand Hotel Giessbach ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา ถือเป็นภาพที่สวยอลังการเกินบรรยายมาก
หลังจากเดินผ่านหลังม่านน้ำตกแล้ว เส้นทางจะพาเราลงมายังแอ่งน้ำตกด้านล่าง ที่นี่เราจะเห็นแนวหินและแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ก๊อตแนะนำให้หยุดถ่ายภาพใกล้ๆ ก่อน แล้วค่อยเลือกเดินผ่าน แต่เตือนก่อนว่าพื้นที่บริเวณนี้จะลื่นเล็กน้อย เพราะเต็มไปด้วยละอองน้ำและตะไคร่ ดังนั้น ทุกคนที่มาตามรอยกันระวังเรื่องการเดินและเลือกจุดยืนให้มั่นคงด้วยน้า แต่ถามว่าถ่ายภาพตรงนี้สวยไหม คำตอบคือสวยโคตรๆ
เดินต่อมาอีกไม่ไกล เราจะเจอกับสะพานที่สร้างพาดผ่านกลางน้ำตกและโขดหินเลย บอกเลยว่านี่คือจุดชมวิวที่สวยสองต่อ เพราะเมื่อเราหันหน้าเข้าหาน้ำตก จะเห็นภาพของสายน้ำสีขาวที่ไหลลงมาตามชั้นหินตัดกับสีเขียวเข้มของป่าสน ถือเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่และงดงามมาก และเมื่อเราหันหลังกลับมา จะเจอกับวิวของโรงแรมและทะเลสาบเบรียนซ์จากมุมสูงที่สวยเหมือนงานจิตรกรรมชิ้นเอก ฟีลเหมือนเราถูกธรรมชาติโอบกอดไว้รอบตัวเลยจริงๆ
พอก๊อตถ่ายรูปมุมนี้เสร็จแล้ว เราก็รีบเดินกลับลงไปยังโรงแรมตามเส้นทาง และกลับลงไปยังท่าเรือด้านล่างเพื่อขึ้นเรือต่อไป โดยก๊อตเลือกเดินลงเขาแทนการนั่งรถราง เพราะนอกจากทางเดินจะเป็นเดินลาดลงที่ไม่เหนื่อยแล้ว ระหว่างทางยังได้ดื่มด่ำกับเส้นทางธรรมชาติที่มีมุมสวยๆ ของต้นไม้ ใบหญ้า และยังสามารถมองเห็นรถรางที่วิ่งผ่านบนหัวไปได้อีกด้วย โดยก๊อตเดินลงเขามาสักพักก็ถึงท่าเรือด้านล่างแล้ว และนี่ก็เป็นการมาสำรวจ น้ำตกกีสบาค (Giessbach Falls) ของก๊อต ที่ใครชอบเที่ยวแบบผจญภัยท่ามกลางธรรมชาติ ต้องปักหมุดมาเช็คอินที่นี่ให้ได้เลย มันมีแต่ความใจฟูอยู่เต็มไปหมด
นั่งเรือเจ็ทโบ๊ท (Jetboat)
หากใครที่รู้สึกว่าการล่องเรือใน ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) ยังไม่หนำใจมากพอ แล้วอยากปิดท้ายด้วยกิจกรรมมันส์ๆ ให้การเที่ยวมันฟลูฟีลมากยิ่งขึ้นนั้น ก๊อตแนะนำให้มาลอง นั่งเรือเจ็ทโบ๊ท (Jetboat) ซึ่งเค้าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เราจะได้ล่องเรือความเร็วสูงไปบน ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) พร้อมกับดื่มด่ำวิวของภูเขา หน้าผาสูง น้ำตก และเมืองที่อยู่รายล้อมนั่นเอง
สำหรับ เรือเจ็ทโบ๊ท (Jetboat) ที่เรานั่งกันนั้น สามารถมาขึ้นได้ที่ ท่าเรือของเจ็ทโบ๊ท (Jetboat) เลย ในเมืองอินเทอร์ลาเคิน โดยเรือที่เราจะได้นั่งกันนั้น เป็นเรือขนาดเล็กสีแดง ที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 85 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งก่อนที่เราจะไปมันส์บนเรือนั้น เราจะต้องใส่ชุดสูทกันน้ำและเสื้อกันฝนกันก่อน เนื่องจากระหว่างที่เรานั่งเรืออยู่ด้วยความเร็วและแรงเหวี่ยงมหาศาลนั้น น้ำในทะเลสาบจะสาดกระจุยกระจายสุดมาก ซึ่งก๊อตบอกเลยว่าทุกคนจะเปียกแน่นอน ดังนั้น ชุดที่เค้าให้ใส่นี่แหละที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าเราเปียกนั่นเอง
เมื่อเรือพุ่งทะยานออกมายังทะเลสาบได้สักพัก กัปตันของเราก็ชวนเราเม้าท์มอยเรื่องสนุกๆ และคอยเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสลับกับยิงคำถามเกี่ยวกับทะเลสาบเบรียนซ์ให้เราทายเล่นกันเพลินๆ ทำให้เราได้รู้จักที่นี่มากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะจุดสำคัญๆ อย่างพวกหน้าผาที่มีรูปหัวใจ น้ำตกขนาดใหญ่ ไปจนถึงหมู่บ้านที่ตั้งเรียงรายอยู่ข้างทาง โดยความสนุกของการนั่งเรือ คือ ในบางจุดกัปตันจะพาเราหมุนเรือแบบ 360 องศา ซึ่งจะมีการบอกล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนบนเรือได้เตรียมตัว เตรียมหน้าแช๊ะภาพกับกล้อง GoPro ที่อยู่หน้าเรือนั่นเอง บอกเลยว่าจังหวะเรือหมุนติ้วๆ เป็นอะไรที่ระทึกเร้าใจมาก เพราะน้ำในทะเลสาบมันจะกระเด็นสาดใส่หน้าเราเต็มๆ ยิ่งก๊อตนั่งอยู่หน้าสุดด้วยนะ ถ้าไม่มีชุดกันน้ำ นี่เปียกตั้งแต่ผมยันเท้าแน่นอน 5555555
โดยการ นั่งเรือเจ็ทโบ๊ท (Jetboat) ใช้เวลาประมาณ 40 นาที กัปตันจะพาเรากลับเข้าฝั่ง ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่บนเรือมันสนุกมาก จังหวะที่เค้าพาวิ่งไปช้าๆ เราก็จะได้มองวิวสองฝั่งแบบเพลินตาสุดๆ แต่จังหวะที่เรือขับเร็วๆ มันก็สนุกสุดเหวี่ยงมาก ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์นั่งเรือที่ก๊อตชอบมาก ใครที่รู้สึกอยากเพิ่มสีสันให้กับชีวิต แนะนำมาลองเล่นได้เลย ถือเป็นการปิดจบที่ครบรสมากสำหรับก๊อต
สรุปการมาเที่ยวบนทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz)
ทั้งหมดนี้คือการเที่ยวบน ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) ของก๊อต ที่บอกเลยว่า ตั้งแต่เรือแล่นออกจากท่าเรือจนวนกลับมาส่ง มันเต็มไปด้วยความประทับใจ กับวิวสองข้างทางบนทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็สวยจนกล้องยังเก็บความงามเอาไว้ไม่หมด อีกทั้งสถานที่เที่ยวระหว่างทางที่เราแวะลงไปสำรวจนั้น เค้ามีอะไรให้ทำเพียบ อย่างการได้ไปตามรอยสหายผู้กอง และนั่งพักจิบเครื่องดื่มใน อิเซิลท์วัลด์ (Iseltwald) รวมถึงได้ไปสำรวจเส้นทางธรรมชาติและน้ำตกกีสบาค (Giessbach Waterfall) และการได้นั่งเรือเจ็ทโบ๊ทถือเป็นอะไรที่เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ของก๊อตมาก ถือเป็นอีกรูทเที่ยวหนึ่งที่ใครมีเวลาว่างๆ สักวัน แล้วอยากเที่ยวชมธรรมชาติแบบจัดเต็ม สามารถยึดแพลนเที่ยวนี้แล้วตามรอยได้เลย มันเอนจอยกับทุกโมเม้นต์รอบตัวมาก
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡