โลซานน์ (Lausanne) นี่ถือเป็นอีกเมืองสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์และคนไทยด้วย ที่นี่นั้นเป็นเมืองหลวงของรัฐโว (Vaud) แถมยังเป็นเมืองหลวงของโอลิมปิคโลกอีก และที่สำคัญสุดสำหรับพวกเราคือ โลซานน์ คือเมืองที่ในหลวง รัชการที่ 9 ของเราเคยประทับและทรงเล่าเรียนในสมัยยังทรงพระเยาว์นั่นเอง
สำหรับรีวิวเมือง โลซานน์ (Lausanne) อันนี้ ก๊อตใช้เวลาเที่ยวแค่ประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าๆ แค่นั้นเอ๊งง ด้วยความที่เวลาไม่เยอะมาก หลังจากครึ่งเช้าที่เดินเตร็ดเตร่ที่เมืองเวอแว (Vevey) เสร็จแล้วก็มาต่อเที่ยวต่อที่เมืองโลซานน์ในช่วงบ่ายแก่ๆ เสร็จจากนั้นก็กลับไปนอนที่เมืองมองเทรอซ์ (Montruex) ตามเดิม มาดูกันว่าเวลา 5 ชั่วโมงแค่นี้ จะเที่ยวได้เยอะขนาดไหน 555555
แพลนทริปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้ใหญ่ ถือเป็นประเทศเล็กๆที่สามารถเที่ยวได้ง่าย ซึ่งซีรีย์ของการเที่ยวสวิสครั้งนี้ ถือเป็นทริปยุโรปครั้งแรกในชีวิตของตัวก๊อตเองเลย (กรี๊ดดด) ซึ่งตัวก๊อตเองต้องขอบคุณโอกาสนี้ที่ได้ร่วมงานกับสายการบิน SWISS และทำให้ก๊อตได้สำรวจสวิตเซอร์แลนด์ได้เต็มอิ่ม 4 วัน กับ 4 เมือง นั่นก็คือ อินเทอร์ลาเคิน (Interlaken) มองเทรอซ์ (Montruex) เวอแว (Vevey) และโลซานน์ (Lausanne) ซึ่งรีวิวก็จะมีทั้งหมด 4 เมืองที่บอกนี่แหละ และแน่นอนตามแบบฉบับ Hashcorner อ่านจบสามารถตามรอยได้เลยเด้อ ฮี่ฮี่
รีวิว อินเทอร์ลาเคิน (Interlaken)
รีวิว มองเทรอซ์ (Montruex)
รีวิว เวอแว (Vevey)
รีวิว โลซานน์ (Lausanne)
เที่ยวให้คุ้มด้วย Swiss Travel Pass
ใครจะมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ นี่บอกไว้เลยว่าควรซื้อ Swiss Travel Pass ไว้ด้วย ถ้าใครไปญี่ปุ่น อารมณ์มันจะคล้ายๆ กับ JR PASS แต่ของ Swiss Travel Pass จะแอดวานซ์กว่ามาก เพราะพาสนี้ขึ้นขนส่งสาธารณะได้ทุกอย่างในสวิตเซอร์แลนด์เลย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ เรือ และรถประจำทางต่างๆ ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว และระยะทาง นอกจากนี้ Swiss Travel Pass ยังใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อย่างพิพิธภัณฑ์ชื่อดังกว่า 500 แห่งในสวิสได้ฟรีอีก เอาเป็นว่า ทั้งหมดนี้มันรวมอยู่ในพาสหมดแล้วจ้า
⚡️สรุปความดีของ Swiss Travel Pass : ขึ้นรถไฟทั่วไป รวมถึงรถไฟชมวิวพาโนราม่าฟรี ซึ่งรวมทั้งรถไฟ Glacier Express, Golden Pass, Bernina Express และ Gotthard Panorama Express / ล่องเรือฟรีเยอะมาก นี่ล่องมาแล้วทั้งในอินเทอลาเคิน (Interlaken) และ มองเทรอซ์ (Montruex) นอกจากนี้ยังใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ได้เยอะมาก เช่น ปราสาทชิลยอง (Chillon Castle)
ถ้าถามว่าซื้อที่ไหน เจ้าประจำที่ก๊อตซื้อตั๋วทุกอย่างคือ KLOOK นั่นเอง ซึ่งในเว็บ KLOOK ก็อธิบายละเอียดมาก รวมถึงมีตัวเลือกพาสให้ซื้อหลากหลาย ทั้งแบบพาสแบบต่อเนื่อง 3, 4, 8 หรือ 15 วัน รวมถึงมีแบบ E-Ticket ด้วย นอกจากนี้ยังมี บัตร Swiss Half Fare Card และบัตร Swiss Transfer Ticket ขายครบอีก ยังไงลองเข้าไปดูที่ KLOOK ได้เลย
> เช็คราคาและซื้อ SWISS TRAVEL PASS จาก KLOOK
⚡️จากราคาด้านบน นี่อยากบอกว่า KLOOK เค้ามีส่วนลดประจำเดือนอีกนะเออ พาสราคาของเค้าว่าถูกแล้ว แต่มันจะถูกลงไปอีก ก๊อตแนะนำให้เรา เช็คส่วนลดประจำเดือนของ KLOOK ที่นี่ได้เลย คลิก
เริ่มเที่ยวเมืองโลซานน์ (Lausanne)
สำหรับการเดินทางในเมืองโลซานน์นั้นง่ายและสะดวกมาก เพราะเมืองนี้เค้ามีรถไฟฟ้าใต้ดินใช้ทั้งหมด 2 สาย และครอบคลุมเกือบทั้งเมือง ที่ดีงามสุดสำหรับคนถือ SWISS PASS คือ เราสามารถใช้บัตรเบ่งนี้ ขึ้นรถขนส่งสาธารณะได้ฟรีหมดเลยจ้า เย่
ท่าเรืออูชชี (Le Port d’Ouchy)
ที่แรกที่เราจะเที่ยวกันนั่นคือ ท่าเรืออูชชี (Le Port d’Ouchy) ตอนแรกคือหวังไม่ได้อะไรกับท่าเรือนี้เท่าไหร่ เพราะคิดว่ามันจะเป็นแค่ทางผ่านไปยังศาลาไทย (Le Pavillon Thailandais) ที่ตัวก๊อตเองตั้งใจจะไป แต่พอโผล่มาจากสถานีรถไฟใต้ดินมา เอ้อออ บรรยากาศมันดีมาก มันเหมือนเป็นท่าเรือจอดเรือยอร์ชหลายร้อยลำ
ที่นี่มีตารางหมากรุกขนาดใหญ่ที่คนรุ่นเก๋ากำลังครุ่นคิดประลองกับคู่ต่อสู้ ใกล้ๆ มีท่าเรือเล็กๆที่มีฝูงหงส์ ฝูงเป็ด และนกพิราบที่คนส่วนใหญ่มักจะยืนดูเล่นกัน พร้อมทั้งให้อาหารนกพิราบงี้ เห้ย มันดีย์จัง นี่ก็ยืนดูพักใหญ่ บอกเลยว่าเพลิน 5555
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ถัดมาจากใกล้ๆ นี่มีม้าหมุนที่คนที่นี่เค้าพาลูกมาเล่นกัน โอ้โห น่ารักจริง แถมรอบๆ ยังมีพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะที่คนเข้ามานั่งเล่น มีคนเล่นโรลเลอร์เบรด สเก็ตบอร์ด เต็มไปหมด โดยรวมๆของ ท่าเรืออูชชี (Le Port d’Ouchy) นี่ค่อนข้างดีเลย มาแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก และที่เก๋คือ ตรงนี้มีท่าเรือที่แล่นไกลมาจาก เมืองมองเทรอซ์ (Montruex) ในวันอาทิตย์ด้วย น่าล่องเรือมากกกกก
ศาลาไทย (Le Pavillon Thailandais)
เดินมาเรื่อยจาก ท่าเรืออูชชี (Le Port d’Ouchy) มายัง สวนสาธารณะเดอน็องตู (Le Denantou) ที่นี่จะเป็นที่ตั้งของศาลาไทย (Le Pavillon Thailandais) ที่ก๊อตบอกจากใจเลยว่า เหตุผลของการมาเที่ยวเมืองโลซานน์คือ อยากมาดูศาลาไทยกับตาให้หายคิดถึงประเทศไทย (ถึงแม้จะมาเที่ยวสวิสแค่ไม่กี่วันก็ตาม ฮ่าาา) ระหว่างทางที่เราเดินมา จะมีผ่าน พิพิธภัณฑ์โอลิมปิค (The Olympic Museum) ซึ่งอันนี้ก็อยากเข้ามาก เพราะโลซานน์ถือเป็นเมืองหลวงของกีฬาโอลิปิค เพราะเป็นเมืองที่ตั้งของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee: IOC) ด้วย ซึ่งนี่ก็ไม่ได้เข้า เพราะมันปิดวันจันทร์ โคตรเสียดาย ฮืออออ // เดินซักพักก็ถึงศาลไทย ซึ่งใช้เวลานิดนึง เพราะศาลานั้นตั้งอยู่เกือบสุดปลายติ่งของสวนสาธารณะเลย 555555
เมืองโลซานน์ (Lausanne) นั้นเป็นเมืองที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงใช้ชีวิตที่เมืองนี้ตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น จึงเลือกเมืองแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งศาลาไทย ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีและเป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบ 75 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิสในปีพ.ศ. 2549 อีกทั้ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงเปิดศาลาไทยที่นี่อีกด้วย
แว๊บตาแรกที่ได้เห็นศาลาไทย คือสวยมากๆ มีความรู้สึกแบบอุ่นใจและมีความเป็น Feel Likes Home สุดๆ รู้สึกคิดถึงประเทศไทย และรอบๆสวนสาธารณธคือเงียบสงบมากกกกก ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ก็มักจะแวะเวียนกันเดินเข้ามาถ่ายรูปกันเรื่อยๆ
จตุรัสปาลุด (Palud Square)
เสร็จจาก ศาลาไทย (Le Pavillon Thailandais) เดินกลับมายังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Ouchy-Olympique นั่งมายังสถานี Riponne-M. Béjart จากนั้นปักหมุด จตุรัสปาลุด (Palud Square) แล้วเดินมาเรื่อยๆตามทางถนนคนเดินได้เลย เราจะเจอกับย่านดาวน์ทาวน์ใจกลางเมืองที่มีคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านบูทีคต่างๆ รวมถึงแบรนด์เนมท่ามกลางบรรยากาศเมืองเก่าคลาสสิคของยุโรป บอกเลยว่านี่เสียเงินไปเยอะเหมือนกัน เพราะช่วงที่ก๊อตไปคือ ช่วงกลางเดือนมกราคมที่เค้ากำลัง Final Sale พอดี ลดแหลกมากกก และราคาถูกกว่าไทยด้วยเด้อ ฮี่ฮี่
สำหรับใครที่ผ่านมาเมืองโลซานน์ (Lausanne) ช่วงวันศุกร์แรกของเดือน อย่าลืมมาเดินเล่นแถวๆ จตุรัสปาลุด (Palud Square) เค้ามีตลาดนัดงานฝีมือมาเปิดกันเต็มถนนด้วยนาจา
มหาวิหารโลซานน์ (Cathedral de Lausanne)
มายังจุดหมายปลายทางสุดท้ายของเมืองโลซานน์ (Lausanne) ที่ มหาวิหารโลซานน์ (Cathedral de Lausanne) ที่เราสามารถเดินลัดเลาะมาจาก ปลัสเดอลาปาลุด (Place de la Palud) ในเวลาไม่ถึงสิบนาที เดินด้อมๆมาเรื่อยๆ เราจะเห็นยอดหลังคาของมหาวิหารได้ไกลๆ ซึ่งมหาวิหารโลซานน์ที่นี่นั้นถูกสร้างในศิลปะแบบกอธิค (Gothic) ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์เลยนะ แต่น่าเสียดายมาก ที่ก๊อตเองมาค่อนข้างเย็นมาก เลยไม่ได้มีโอกาสเดินเข้าไปดูความยิ่งใหญ่ด้านใน ซึ่งนี่ได้เห็นรูปมาคือ สวยม๊ากกกก ฮือ
ถึงแม้เราจะไม่ได้เข้าไปดูด้านใน นี่ก็ยังอยากมาอยู่ดี เพราะเราสามารถเห็นวิวเมืองโลซานน์ (Lausanne) ในมุมที่สวยมากจากตรงนี้ แถมยังเป็นจุดที่เราสามารถดูพระอาทิตย์ตกได้ด้วย
ตอนที่ก๊อตขึ้นมานั้น หลายคนก็มายืนอ้อยอิ่ง ชิลๆ ดูพระอาทิตย์ตกกัน ซึ่งยอมรับว่าสวยมาก ตัวก๊อตก็หยิบหูฟังมาฟังเพลงที่ชอบ นั่งดูพระอาทิตย์ตกตรงนี้ซักพักหนึ่ง บรรยากาศแม่งโคตรดีย์ ทำให้วันสุดท้ายที่ก๊อตได้เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ก่อนจะกลับไทยวันพรุ่งนี้นั้น ค่อนข้างสมบูรณ์มากเลยทีเดียว
พระอาทิตย์ตกดินเรียบร้อย นี่ก็เดินลัดเลาะมาแถวจตุรัส Palais de Rumine ที่เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับ Fine Art / Zoology / Archaeology ที่เราก็ไม่ได้เข้าอีกเช่นเคย (โอ้ย มันปิดวันจันทร์ พลาดทุกมิวเซียม) จากนั้นก็เดินกลับไปช้อปปิ้งตามตรอกซอกซอยแถวนี้ก่อนจะนั่งรถไฟใต้ดินต่อรถไฟกลับเมืองมองเทรอซ์ (Montruex) ซึ่งนี้ขอบอกว่า โลซานน์ นี่ช้อปปิ้งสนุกที่สุดในสามเมืองริมทะเลสาบเจนีวาแล้ว 555555
สำหรับวันสุดท้ายของการเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ สั่งลาด้วยการนั่งรถไฟพาราโนมิก Golden Pass Line เส้น Montruex-Zweisimmen ที่เราสามารถเห็นวิวสวยๆหลักล้าน แนะนำให้ตามอ่านได้ที่ รีวิวเมืองมองเทรอซ์ (Montruex) เลยครับผม ฮี่ฮี่