ภูเขาริกิ (Mount Rigi) หนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ที่หากวันไหนฟ้าเปิดเป็นใจ เราจะได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันกว้างไกลของทะเลสาบได้มากถึง 13 ทะเลสาบ อย่างเช่นทะเลสาบลูเซิร์น (Lake Lucerne), ทะเลสาบซุก (Lake Zug) และ ทะเลสาบลัวร์เซิร์น (Lake Lauerz) รวมถึงยังมองเห็นยอดเขาอื่นๆ โดยรอบ ไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ (Alps) ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้สวยจับใจ แถมยังมีเส้นทางเดินป่า และรถไฟฟันเฟืองโบราณคอยให้บริการขึ้นลงเขาอีกด้วยอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ ภูเขาริกิ (Mount Rigi) กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมตลอดทั้งปีสำหรับทั้งชาวท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเลยก็ว่าได้
รู้จักกับ ภูเขาริกิ (Mount Rigi)
ภูเขาริกิ (Mount Rigi) ตั้งอยู่ในเมืองลูเซิร์น (Lucerne) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) มีความสูงถึง 1,798 เมตร (5,899 ฟุต) โดยภูเขาแห่งนี้มีอีกชื่อในภาษาละตินว่า ‘Egina Montium’ มาพร้อมกับความหมายอลังๆ ว่า “ราชินีแห่งขุนเขา” เพราะบน ภูเขาริกิ (Mount Rigi) ไม่ว่าจะมองไปยังทิศทางไหนต่างก็งดงามตระการตาสุดๆ แถมยังสามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบที่อยู่รายล้อมได้ถึง 13 ทะเลสาบ ทำให้ ภูเขาริกิ (Mount Rigi) เป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามและได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว และคนสวิสเอง ดังนั้นใครที่มาเยือน ลูเซิร์น (Lucerne) ห้ามพลาดที่นี่เลย
เที่ยวให้คุ้มด้วย Swiss Travel Pass
ใครจะมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าจะมาเที่ยวเมืองไหน ก๊อตแนะนำว่าควรซื้อ Swiss Travel Pass มาไว้ด้วย เพราะพาสนี้เราสามารถเอามาใช้ขึ้นขนส่งสาธารณะได้ทุกอย่างในสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ เรือ และรถประจำทางต่างๆ โดยไม่จำกัดจำนวนเที่ยว และระยะทาง นอกจากนี้ Swiss Travel Pass ยังใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อย่างพิพิธภัณฑ์ชื่อดังกว่า 500 แห่งในสวิสได้ฟรี อีกทั้งยังใช้เป็นส่วนลดในการขึ้นกระเช้า ขึ้นยอดเขาดังๆ ได้ด้วยนะ
⚡️ความดีงามของ Swiss Travel Pass คือนอกจากเราจะใช้ขึ้นรถไฟทั่วไปได้แล้ว พาสยังรวมถึงรถไฟชมวิวพาโนราม่าฟรี ซึ่งรวมทั้งรถไฟ Glacier Express, Golden Pass, Bernina Express และ Gotthard Panorama Express นอกจากนี้ยังใช้ล่องเรือฟรีได้อีกเยอะมาก
สำหรับ Swiss Travel Pass ก๊อตแนะนำให้เราซื้อผ่านเอเจนซี่อย่าง Klook และ KKday ซึ่งในหน้าเว็บจะมีรายละเอียดของพาสอธิบายเอาไว้อย่างชัดเจน รวมถึงมีตัวเลือกพาสให้ซื้อหลากหลาย ทั้งแบบพาสแบบต่อเนื่อง 3, 4, 8 หรือ 15 วัน รวมถึงมีแบบ E-Ticket ด้วย นอกจากนี้ยังมี บัตร Swiss Half Fare Card และบัตร Swiss Transfer Ticket ขายครบอีก
> เช็คราคาและซื้อ Swiss Travel Pass [ผ่าน Klook] / [ผ่าน KKday]
เริ่มเที่ยวภูเขาริกิ (Mount Rigi) ด้วยกันเร็ว
นั่งรถไฟฟันเฟืองโบราณ (Rigi Historic Wednesday)
สำหรับการจะขึ้นไปยัง ภูเขาริกิ (Mount Rigi) นั้น วิธีการที่ง่ายที่สุดที่ก๊อตแนะนำเลยคือการ นั่งรถไฟขึ้นไปด้านบน โดยเราสามารถใช้ Swiss Travel Pass มาโชว์ที่หน้าสถานี จากนั้นก็สามารถขึ้นรถไฟที่นี่ได้เลยนะ ซึ่งตอนที่ก๊อตไปมานั้น เค้ามีรถไฟให้เลือกหลายแบบ หลายสีเลย แต่ที่ก๊อตขึ้นจะเป็น รถไฟฟันเฟืองโบราณ (Rigi Historic Wednesday) โดยจะเป็นเหมือนรถไฟพิเศษที่เค้าจะเอาออกมาวิ่งเฉพาะวันพุธในช่วงเดือนตุลาคม โดยวัสดุส่วนใหญ่ของรถไฟจะเป็นไม้ ความพิเศษคือเค้าเป็นขบวนรถไฟแบบเฟืองบนภูเขาแห่งแรกของยุโรป ภายใต้ Rigi Railway ที่เราจะได้สัมผัสไปกับประสบการณ์ของทิวทัศน์แบบพาโนราม่าผ่านหน้าต่างบานใหญ่ตลอดสองข้างทางที่รถไฟวิ่งผ่าน ใครที่อยากได้ภาพของบ้านหลากหลายหลังท่ามกลางหุบเขา พร้อมทั้งวิวของทะเลสาบสวยๆ นี่ต้องมาขึ้นให้ได้
⚡️ สำหรับการขึ้นรถไฟฟันเฟืองโบราณ (Rigi Historic Wednesday) ใครที่ถือ Swiss Travel Pass ไว้ เราสามารถกระโดดขึ้นรถไฟนั่งฟรีได้เลยโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซื้อ Swiss Travel Pass [ผ่าน Klook] / [ผ่าน KKday]
สำหรับ Rigi Railway นั้น เริ่มดำเนินการในปี ค.ศ. 1871 โดยเชื่อมต่อเมืองวิทซ์เนา (Vitznau) ที่ตั้งอยู่บนทะเลสาบลูเซิร์น (Lake Lucerne) เข้ากับ ภูเขาริกิ (Mount Rigi) จากนั้นในปี ค.ศ. 1875 เค้าได้เปิดเส้นทางเพิ่มเติมจาก สถานีรถไฟของ Arth-Goldau ขึ้นมายังยอดเขาริกิ (Rigi Kulm) ซึ่งเป็นเส้นทางที่เราขึ้นรถไฟกันมานั่นเอง
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รถไฟของ Rigi Railway ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง อย่างที่เรารู้กันดีว่าสวิสเป็นประเทศที่เค้ารักและใส่ใจธรรมชาติม๊ากกกก เดิมทีรถไฟที่วิ่งกันส่วนใหญ่จะใช้พลังงานไอน้ำเป็นหลัก แต่พอเข้าสู่ช่วงศตวรรษที่ 20 รถไฟของ Rigi Railway ก็ได้เปลี่ยนจากเครื่องยนต์ไอน้ำมาเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าแทน ซึ่งนอกจากจะทำให้การเดินทางมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของบ้านเมืองเค้าอีกด้วย
การนั่ง รถไฟฟันเฟืองโบราณ (Rigi Historic Wednesday) ขึ้นมายัง ภูเขาริกิ (Mount Rigi) จะใช้เวลาประมาณ 40-45 นาที ซึ่งก๊อตบอกเลยว่าระหว่างทางไม่ต้องกลัวเบื่อ เพราะเราจะได้ตื่นตื่นตาตื่นใจไปกับวิวของหุบเขาสีเขียวๆ ที่ตั้งลดหลั่นกันออกไป บางจุดมีวัว แกะ ม้า แพะ มายืนแทะเล็มหญ้าให้ได้เก็บภาพน่ารักๆ รวมถึงยังมีวิวบ้านไม้สีเข้มๆ ที่ตั้งอยู่ตามเนินเขาให้ได้มองกันเพลินๆ ตลอดเส้นทางเลย
นอกจากนี้ในบางจุดยังมีน้ำตกขนาดย่อมๆ ที่ไหลลงมาจากหุบเขาส่งเสียงซู่ซ่าให้ได้มองอีกด้วย ส่วนตัวก๊อตชอบการนั่งมองวิวแบบนี้มาก ด้วยความที่รถไฟเค้าไม่ได้วิ่งด้วยเร็วมากนัก เราเลยมองวิวได้แบบฉ่ำใจ แถมจุดไหนมีอะไรพีคๆ ปังๆ คนขับรถไฟเค้าก็จะหันหลังมาบอกแล้วว่า ตรงนี้มีน้ำตกนะ วิวข้างหน้าสวยนะ คือเป็นการนั่งรถไฟที่ประทับใจก๊อตสุดๆ
จุดชมวิวยอดเขาริกิ (Rigi Kulm)
นั่งรถไฟกันมาพักใหญ่ เราก็มาถึง จุดชมวิวยอดเขาริกิ (Rigi Kulm) กันแล้ว โดยรถไฟจะจอดอยู่บริเวณชานชาลาบนเนินเขา ซึ่งจากจุดที่เราลงรถไฟนั้น ถือเป็นจุดแรกที่สามารถเดินมาดูวิวของหุบเขาสีเขียวๆ ที่รายล้อมไปด้วยยอดเขาแบบกว้างสุดลูกหูลูกตาเลย โดยจากจุดที่เราลงรถไฟเดินขึ้นเนินเขามาอีกไม่ไกลจะเป็นจุดพักที่เค้ามีร้านขายของฝาก และร้านอาหารตั้งอยู่ ใครที่มาช่วงเข้าสู่หน้าหนาวแบบก๊อต แล้วอยากหาที่อุ่นๆ พักวอร์มร่างกายก่อนเดินไปต่อ สามารถแวะหาเครื่องดื่มร้อนๆ ดื่มกันก่อนได้นะ
สำหรับเส้นทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว เค้าจะทำป้ายบอกไว้เลยว่า ใครที่ยังวัยละอ่อนอยู่ ให้ขึ้นทางลาดชันได้เลย ข้อดีคือมันจะถึงเร็ว แต่ทางเดินจะค่อนข้างชัน ส่วนอีกเส้นทางจะเขียนป้ายสำหรับผู้สูงวัยที่อยากเดินชิลๆ ไม่เน้นขึ้นทางลาดมาก อันนี้ใครสะดวกทางไหนก็เลือกตามที่ไหวได้เลย ซึ่งก๊อตเลือกเป็นทางวัยละอ่อน ที่ส่วนตัวคิดว่าเส้นทางเค้าไม่ได้หวาดเสียวอะไรมาก อาจจะมีบางจุดที่ชันหรือดูลื่นบ้าง แต่นี่ว่าถ้าใส่รองเท้าพื้นหนึบๆ มาหน่อย บวกกับเดินอย่างระมัดระวังก็สบายปร๋อ
เอาล่ะ เดินกันไม่นานก๊อตก็ขึ้นมาถึงจุดชมวิวของเค้าแล้ว ซึ่งมันจะเป็นลานกว้างที่มีการทำแพลทฟอร์มยื่นออกไปด้านนอกของยอดเขา โดยจากบนนี้ หากเรามาในเวลาปกติจะสามารถมองออกไปเห็นทะเลสาบทั้ง 13 แห่ง ซึ่งจะอยู่เบื้องล่างได้แบบเว่อร์วังตระการตามากยิ่งขึ้น โดยทะเลสาบที่เห็นชัดเลยคือ ทะเลสาบลูเซิร์น (Lake Lucerne) ซึ่งเป็นทะเลสาบหลักที่อยู่ใกล้กับภูเขาริกิ (Mount Rigi) มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่อีกด้วย โดยทะเลสาบทั้งหมดจะไหพาดผ่านห้อมล้อมไปตามอาคาร บ้านเรือนของผู้คน โดยมีภูเขาตั้งโอบล้อมเอาไว้อีกที แต่ความแต้มบุญของเราหมด วันที่ก๊อตไปนั้นหมอกลงจัดมาก เรียกได้ว่าเรามองเห็นวิวของทะเลสาบแบบนิดเดียว สักพักทุกอย่างก็ถูกหมอกกลืนหายไป เป็นการขึ้นมาดูวิวที่ฟ้าไม่เป็นใจมาก แต่ไม่เป็นไร ไว้ครั้งเราจะมาเก็บใหม่ 55555
เอาเป็นว่าใครจะขึ้นมาดูวิวก็อย่าลืมเช็คสภาพอากาศให้ดี หากเป็นไปได้เลือกมาวันฟ้าใส อากาศดีๆ เพราะคนพื้นที่เค้าบอกมาเลยว่า หากเรามาถูกวัน วิวบนนี้จะสวยสับอย่างกับสวรรค์บนโลกมนุษย์เลยก็ว่าได้ ซึ่งการขึ้นมายังยอดเขาริกิ (Rigi Kulm) ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ต้องทำเมื่อมาเยือนเมืองลูเซิร์นเลยก็ว่าได้ ใครเป็นสายเก็บวิวนี่ห้ามพลาดเลย
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡