แหลมปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) หรือ ถ้ำปี๋โถว (Bitou Cape) หนึ่งในเส้นทางเดินเทรลที่ฮิตมากที่สุด และยังสวยมากที่สุดแห่งหนึ่งในไต้หวันเลย โดยเราสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ง่ายๆ จากไทเป มาเดินชิลๆ ชมวิวเลียบหน้าผาริมทะเลตามแนวชายฝั่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะไต้หวัน ท่ามกลางวิวของทะเล ภูเขา และธรรมชาติสวยๆ โดยคำว่า Bitou (ปี๋โถว) ในภาษาจีนนั้นแปลว่าปลายจมูก ซึ่งชื่อ ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) นั้นก็มาจากลักษณะของพื้นที่ปลายแหลม ที่เมื่อเรามองจากแผนที่มุมสูง เราจะเห็นว่าบริเวณนี้เป็นปลายแหลมคล้ายกับปลายจมูกของมนุษย์ยื่นออกสู่ทะเล ซึ่งคนไต้หวันเองเค้าก็ยกยอความโดดเด่นของปลายแหลมนี้ว่ามีรูปทรงที่คล้ายกับเรือเดินสมุทร จนได้รับฉายาว่า Junjianyan หรือ ‘หินเรือรบ’ ขนาดนั้นเล้ย
เอาล่ะ ก๊อตจะพาทุกคนไปเดินเทรลกันบนสันเขาสุดอลังของ ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) ที่บอกได้เลยว่าธรรมชาติและทิวทัศน์ของเค้าที่อยู่ด้านบนนั้น สวยงามแบบอลังมาก วิวของท้องทะเล และภูเขาที่มาบรรจบกันให้ได้มายืนดูแบบพาโนราม่า เป็นอะไรที่ฮีลใจและให้ความรู้สึกสงบได้ดีเลย สำหรับใครที่กลัวว่าเส้นทางเดินเทรลด้านบนจะลำบากนั้น ทริปนี้เราเน้นเดินชิลๆ เพราะเค้าทำทางเดินอย่างดี ไม่ได้มีการไปปีนผาหรือข้ามหินแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นก๊อตว่านี่เป็นอีกหนึ่งรีวิวเส้นทางเดินเทรลที่เหมาะกับคนทุกไลฟ์สไตล์ จะวิวสวยสมที่เล่าไหม ไปดูรีวิวกัน!
การเดินทางมาที่ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao)
สำหรับการเดินทางมาที่ ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) สามารถทำได้หลายวิธีเลย ซึ่งตัวก๊อตและเพื่อนนั้นเราขับรถโร้ดทริปกันมาเอง ก็จะสะดวกสบายหน่อย อยากจะขับมาถึงตอนไหน หรือกลับตอนไหนก็ขึ้นอยู่กับเราเลย แต่ถ้าใครมาเที่ยวแล้วไม่ได้เช่ารถขับแบบก๊อต เราสามารถมาเที่ยวที่นี่จากไทเปได้สบายด้วยรถสาธารณะ ใครชอบแบบไหน ถนัดทางใด สามารถตามตัวเลือกที่ก๊อตคัดมาให้ด้านล่างนี้ได้เลย
เดินทางด้วยรถสาธารณะ: ให้นั่งรถไฟจาก Taipei Main Station มาลงที่ สถานีรถไฟ Ruifang Station โดยรอบรถไฟจะออกตั้งแต่ 05:45 น. และออกเดินทางทุกๆ 30 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที สำหรับค่าตั่วรถไฟราคาอยู่ที่ 60-95 บาท และพอเราลงมาที่สถานีรถไฟ Ruifang Station แล้ว จะต้องนั่งรถต่อเพื่อไปที่ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) ดังนั้นหากมาถึงตรงนี้แล้ว ใครที่ไม่ได้เช่ารถขับเอง สามารถเลือกเดินทางต่อได้ตามด้านล่างนี้เลย
- รถท่องเที่ยว Taiwan Tourist Shuttle (Golden Fulong) รถนำเที่ยวที่ออกเดินทางจากสถานีรถไฟ Ruifang Station ไปจนถึงสถานีรถไฟ Fulong Visitor Center ซึ่งระหว่างทาง เค้าจะจอดให้เราลงที่ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) ด้วย โดยรถท่องเที่ยวนั้น เปิดให้บริการตั้งแต่ 08:00-18:00 น. ค่าบริการต่อเที่ยว ราคาเริ่มต้นที่ NT$8 (~9 บาท) ไปจนถึง NT$15 (~17 บาท)
- ถ้าใครไม่อยากซื้อตั๋วหลายรอบ และอยากไปตามเก็บที่เที่ยวหลายๆ ที่ สามารถเลือกซื้อเป็นบัตรพาสสำหรับ 1 วันที่เราสามารถขึ้นรถได้กี่รอบก็ได้ โดยมีราคาอยู่ที่ NT$50 (~57 บาท) ซึ่งข้อดีของการซื้อบัตรพาส 1 วัน คือเราสามารถใช้บัตรไปแตะขึ้นรถบัสสาย 825, 826, 827 และ 788 เผื่อใครที่อยากไปเที่ยวในที่อื่นๆ วิธีนี้คุ้มค่าสุดๆ
- รถเมล์ พอเราลงมาจากสถานีรถไฟ Ruifang Station สามารถมาขึ้นรถเมล์สาย 791 และ 886 มาลงที่ป้ายรถเมล์ Bitou Cape แล้วเดินเข้ามาที่ ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) ได้เลย หรือจะนั่งรถบัส F805 มาลงที่ท่าเรือประมง Bitou ก็สามารถเดินขึ้นมาที่ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) ได้เช่นกัน อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนอยากเริ่มเดินเทรลจากจุดไหน ซึ่งรถบัสของเค้าก็มีวิ่งอยู่ตลอด ไม่ต้องรอนานเลย
- เช่ารถขับ อย่างที่ก๊อตบอกไปว่าทริปนี้ก๊อตขับรถเที่ยวเอง ถือเป็นวิธีที่สะดวกสบายที่สุด เราสามารถจอดรถได้ตรงท่าเรือ และเดินเทรลขึ้นไปยังปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) ได้แบบง่ายๆ เล้ย ใครที่ชอบขับรถเที่ยว ที่ทั้งสะดวกและไม่ต้องเวลารอขึ้นรถสาธาณะ แนะนำให้เช่ารถขับเที่ยวโลด โดยตอนนี้นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถขับเที่ยวเองได้แล้วในไต้หวันนะ สำหรับใครที่อยากเช่ารถขับเที่ยวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง รวมถึงต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง นี่รวมข้อมูลที่ต้องรู้ทั้งหมดในการเช่ารถขับในไต้หวันมาฝากแล้ว คลิกอ่านที่นี่ได้เล้ย
> เช็ครถและราคาเช่ารถในไต้หวันผ่าน Klook คลิก
> เช็ครถและราคาเช่ารถในไต้หวันผ่าน KKDay / Chailease / IWS
มาเริ่มเดินเทรลบนปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) กั้นน
สำหรับเส้นทางเดินเทรลในปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) นั้นมีระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร โดยทางขึ้นที่คนเค้านิยมขึ้นมากัน คือเริ่มจากบริเวณโรงเรียนประถมปี๋โถว (新北市瑞芳區鼻頭國民小學) เพราะเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์ แถมยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ส๊วยสวยด้วยวิวทะเลและภูเขาที่โอบล้อมโรงแรมเรียนเอาไว้ นั่นทำให้คนเค้านิยมเริ่มเดินขึ้นมาจากจุดนั้นกัน สำหรับใครที่ตั้งใจว่าจะมาตามเดินเทรลให้ครบระยะทาง ก๊อตแนะนำว่าเราควรเผื่อเวลาไว้ 2-3 ชั่วโมง ในการเดินขึ้นไป และเดินกลับลงมา ยิ่งใครมาเดินช่วงเย็นๆ ในวันที่ฟ้าเปิด อากาศเป็นใจ อยากให้อยู่รอดูพระอาทิตย์ตกดินอยู่ด้านบนด้วย ซึ่งปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) เป็นหนึ่งในจุดที่ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยสับเอาเรื่อง โดยเราเราจะได้ดื่มด่ำไปกับแสงสีทองระเรื่อ ท่ามกลางทิวทัศน์ของท้องทะเล และธรรมชาติริมชายฝั่งสวยๆ ตรงหน้าเลยแหละ
สำหรับตัวก๊อตที่ขับรถเที่ยวเองนั้น ก๊อตเอารถมาจอดตรงท่าเรือในหมู่บ้าน จากนั้นก็เดินขึ้นไปตามป้ายที่บอกทางไว้ โดยช่วงแรกจะเป็นการไต่ระดับความสูงที่ต้องเดินขึ้นบันไดที่มีความชันซักหน่อย แต่ไม่ต้องกังวลมากนะทุกคน เพราะเค้าทำทางเดินอย่างดีที่สองข้างทางปกคลุมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่แบบร่มรื่น หากใครเหนื่อยอยากจะนั่งพัก ระหว่างทางเค้าก็มีจุดให้เราได้นั่งพักรวมถึงจุดชมวิวเรื่อยๆ เลย
เราเดินต่อกันขึ้นไปตามเส้นทางที่เริ่มคดเคี้ยวไปตามไหล่เขามากขึ้น พอเดินขึ้นมาสูงเท่าไหร่ วิวสองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นวิวมุมสูงตามขึ้นไปด้วย เป็นภาพทิวทัศน์ที่เลอค่าสุด หญ้าเขียวๆ ที่ไม่สูงมากนักพัดลู่ไปตามลมลดหลั่นไปตามเนินเขา ตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเล โอบล้อมไปด้วยภูเขามากมายเป็นมู้ดวิวที่ดีมากๆ ซึ่งระหว่างทางเดินเมื่อเรามองย้อนกลับไปนั้น เราจะได้เห็นหมู่บ้านประมงที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งด้านล่างท่ามกลางเกลียวคลื่นสีขาวฟองฟู่ที่พัดกระทบเข้าสู่ชายฝั่ง เกิดเป็นรูปทรงเว้าโค้งราวกับผลงานศิลปะชั้นเริ่ด บอกเลยว่าบรรยากาศดีสุดๆ ไปเลย
ดื่มด่ำกับบรรยากาศเสร็จแล้ว ก๊อตก็ออกเดินกันต่อมาถึงด้านบนที่เป็นเส้นทางเดินบนสันเขา ซึ่งมองจากสายตาแล้ว เส้นทางมันดูเล็กลงกว่าที่เราเดินขึ้นมา แต่ยังคงเป็นทางเดินสะพานไม้พาดยาวไปตามสันเขาจนสุดสายตา ซึ่งตัวก๊อตเองนั้นจะหยุดถ่ายรูปอยู่ด้านบนช่วงที่ถือเป็นไฮไลท์หลักของเส้นทางเดินเทรลบนสันเขาเท่านั้น จะไม่ได้เดินไปยังสุดทางที่มีประภาคารตั้งอยู่แหละ
ด้วยความที่ช่วงเวลาที่ก๊อตไปนั้นเมฆคือครึ้มฟ้า ครึ้มฝน ฟีลขมุกขมัวสุดๆ เว่อร์มาก คือมองยังไงก็รู้เลยว่าฝนกำลังมา นี่เลยไม่อยากเสี่ยงเดินต่อ เพราะก๊อตไม่ได้พกอุปกรณ์กันฝนอะไรมาเล้ย อย่างไรก็ตาม ตรงนี้แหละที่ถือว่าเป็นไฮไลท์หลักแล้ว ได้รูปตรงจุดนี้กลับบ้านคือคอมพลีท ด้วยวิวทางเดินที่ทอดยาวไปตามสันเขานั้น ถือเป็นจุดหลักที่ถ่ายรูปสวยเอาเรื่องเลย แม้จะแอบเสียดายที่เมฆเยอะไปนิ๊ดแหละ
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
สำหรับคนที่อยากเดินต่อ เราสามารถเดินต่อไปจนถึง ค่ายทหาร ‘Wave Crashing Camp’ ได้ ซึ่งค่ายนี้เป็นอดีตฐานทัพนาวิกโยธิน ที่ไม่ได้งานมากว่า 20 ปี โดยตอนนี้เค้าตกแต่งทาสีฐานทัพใหม่ให้เป็นลายพรางโฉมใหม่เข้าได้กับคนทั่วไป ด้วยสีชมพู เขียว น้ำตาล และดำ ให้ลุคที่ดูสบายๆ นอกจากนี้ยังได้ปรับเปลี่ยนฐานทัพให้เป็นร้านกาแฟที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินขึ้นมาให้ได้มาแวะพักหาอะไรเย็นๆ ดื่ม และนั่งชมวิวทะเลก่อนลุยเดินเทรลกันต่อด้วยน้า ซึ่งก๊อตก็เลือกยืนดูวิวจากมุมสูงแทน เพราะฝนทำท่าจะตกลงมาเสียเต็มที่ นี่เลยแวะถ่ายรูปแล้วรีบเดินกลับลงมา
แต่ก๊อตจะบอกว่าหากใครที่มาในวันฟ้าเปิด อากาศแจ่มใส อยากให้ลองเดินไปจนถึงปลายทางของเส้นทาง ซึ่งจะมีไฮท์ไลท์อีกอย่างคือ ประภาคาร Bitoujiao Lighthouse หอคอยเหล็กสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่สุดปลายทางของแหลมที่ยื่นออกสู่ทะเล โดยประภาคารที่นี่สร้างขึ้นในปี 1897 และถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกสร้างขึ้นใหม่จนกลายมาเป็นหอคอยคอนกรีตเสริมเหล็ก รูปทรงวงกลมที่เห็นกันในปัจจุบัน โดยประภาคารยังคงเป็นจุดในการส่งสัญญาณสำหรับการสัญจรทางเรือในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเค้าไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวหรือคนนอกเข้ามาชมภายใน แต่เราสามารถมาเดินเล่นดูรอบๆ หรือจะปีนไต่ขึ้นมาบนผาด้านหลังของประภาคารเพื่อชมวิวมุมสูงก็ได้ ซึ่งจากจุดนี้จะมีหินมากมายที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะ ซึ่งเป็นวิวที่สวยงามเลย ใครที่เดินมาถึงตรงนี้ก็จะได้วิวมุมสูงที่ไม่เหมือนกับวิวที่เห็นตามเส้นทางเดินเทรลก่อนหน้า
แม้ว่ารอบนี้ก๊อตจะเดินมาไม่ถึงตัว ประภาคารปี๋โถว (Bitoujiao Lighthouse) แต่จากวิวที่เราได้มาสัมผัส รวมถึงรูปไฮไลท์ที่ได้ถ่ายบนสันเขานี้ก็เป็นอะไรที่ก๊อตว่าเพียงพอ และคุ้มค่าแล้วเว้ย ใครที่เน้นมาถ่ายรูป อาจจะหยุดหามุมเหมาะๆ ระหว่างทางแล้วถ่าย รับรองว่าได้รูปสวยๆ กลับบ้านเป็นล้านรูป
และนี่ก็คือการเดินเทรลบนปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao) ของก๊อตในครั้งนี้ บอกเลยว่าธรรมชาติที่นี่สวยงามมาก ด้วยความที่หญ้าที่ตามเขาของเค้ามันไม่ได้สูงมากนัก เวลามองมันเลยไม่ไปบดบังทิวทัศน์ของท้องทะเลด้านล่าง เป็นมู้ดที่มีสีเขียวจากต้นหญ้าและสีฟ้าจากท้องทะเลตัดกันเข้าไว้อย่างลงตัว อีกทั้งวิวมุมสูงจากสันเขา ที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านประมงด้านล่าง ที่อยู่ตามริมชายฝั่ง ก็เป็นอีกหนึ่งโมเม้นต์ภาพที่ก๊อตประทับใจมากเหมือนกัน มันมีกลิ่นอายของชาวเลที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ยืนมองดูแล้วสัมผัสได้ถึงความสงบมากๆ เลย ใครที่มาเที่ยวไต้หวัน ก๊อตอยากให้มาลองเดินเทรลนี้ดูกันนะ รับรองไม่ผิดหวังเว้ยย
รีวิวเที่ยวไต้หวันหมดจาก HASHCORNER!
โซนภาคเหนือ ไตหวัน
1. ไทเป (Taipei) #1
2. ไทเป (Taipei) #2
3. หยางหมิงซาน (Yangmingshan)
4. จิ่วเฟิ่น-จินกัวสือ (Jiufen-Jinguashi)
5. ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao)
6. ซินจู๋ (Hsinchu)
7. จีหลง (Keelung)
8. นิวไทเป ซิตี้ (New Taipei City)
9. เถาหยวน (Taoyuan)
โซนภาคกลาง ไต้หวัน
10. ไทจง (Taichung)
11. ซันมูนเลค / ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake)
โซนภาคใต้ ไต้หวัน
12. ไถหนาน (Tainan)
13. อาลีซาน (Alishan)
14. ชิงจิ้ง-เหอหวนซาน (Cingjing-Hehuanshan)
โซนภาคตะวันออก ไต้หวัน
15. ฮัวเหลียน (Hualien)
16. ทาโรโกะ (Taroko)
17. ไถตง (Taitung)
18. เกาสง (Kaohsiung)
19. เขิ่นติง (Kenting)
20. ไถ่ผิงซาน (Taipingshan)
21. อี้หลาน (Yilan)
สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการเที่ยวไต้หวัน
22. เช่ารถขับในไต้หวัน [อัปเดท 2023]
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡