จีหลง (Keelung) เมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของไต้หวัน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน จีหลง (Keelung) มีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ท่าเรือสายฝน’ (雨港) เพราะเป็นเมืองที่มีฝนตกชุกอยู่ตลอด อีกทั้งยังโด่งดังในเรื่องสถานที่เที่ยวเกี่ยวกับทะเล และยังเป็นท่าเรือใหญ่อันดับสองของไต้หวัน รองจากเมืองเกาสง (Kaohsiung) โดย 95% ของพื้นที่เมืองทั้งหมดเป็นเนินเขา รายล้อมไปด้วยทะเล ทำให้ทิวทัศน์ของเมืองแห่งนี้งดงามเหมาะกับการเป็นเมืองแห่งการมาท่องเที่ยวและพักผ่อนจริงๆ
โดยครั้งนี้เราจะไปเที่ยวเบาๆ ทั้งเดินเทรลบนหุบเขา ส่องวิวแบบพาโนราม่ามุมสูงที่มองเห็นท่าเรือและเกาะได้ไกลสุดลูกหูลูกตา รวมถึงไปเดินชิลๆ ท่ามกลางบรรยากาศสวนสบายๆ และไม่ลืมที่จะไปตามรอยถ่ายรูปมุม Instagrammable ยอดฮิตกับบ้านหลากสี ก่อนจะปิดท้ายพาไปกินเสี่ยวหลงเปารสเริ่ดกกันแบบพุงกาง บอกเลยว่าทริปเที่ยว จีหลง (Keelung) ครั้งนี้ครบรส และสนุกอย่างแน่นอน
แพลนเที่ยวจีหลง (Keelung)
จีหลง (Keelung) เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เราสามารถมาเที่ยวแบบ One Day Trip ได้นะแกร จะมาจากไทเปแล้วเก็บหมดก็ได้ หรือถ้าใครจะเลือกที่เที่ยวที่เราชอบในจีหลง (Keelung) แล้วรวบไปกับเหล่าบรรดาเมืองโคมแดง ‘จิ่วเฟิ่น (Jiufen)’ หรือแม้แต่หมู่บ้านแมวก็ได้เช่นกัน ใครที่ชอบเมืองท่าเรือที่ยังได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ แนะนำให้มาที่นี่เลย ครั้งนี้เราไปตามเก็บทั้งเดินเทรลบนหุบเขา เข้าอุทยาน รวมไปถึงตามรอยถ่ายรูปมุม Instagrammable ยอดฮิตที่ใครมาเที่ยวเมืองนี้ห้ามพลาดเลย ใครที่กำลังแพลนเที่ยวจีหลง (Keelung) อยู่ แต่ไม่รู้จะไปที่ไหนบ้าง ลองดูแพลนเที่ยว อ่านรีวิวแล้วตามรอบเที่ยวเราได้เล้ย
ที่เที่ยวในจีหลง (Keelung) | 1. หุบเขาหวังโยกู (Wangyou Valley) 2. อุทยานเกาะเหอผิง (Heping Island Park) 3. ท่าเรือประมงเจิ้งปิน (Zhengbin Fishing Port) 4. สวนสาธารณะเฉาจิ้ง (Chaojing Park) |
ร้านอาหารในจีหลง (Keelung) | 5. Yue Cheng Shanghainese Xiaolongbao |
OTA |
วิธีการเดินทางมาจีหลง (Keelung)
วิธีเดินทางมาเที่ยวจีหลง (Keelung) เราสามารถเดินทางได้หลายวิธีเลย ซึ่งนี่จะยึดการเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่ไทเป (Taipei) เป็นหลัก เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยว หรือคนไทยที่บินมาไต้หวันมักจะบินมาลงที่ไทเป จากนั้นค่อยเริ่มเที่ยวในประเทศเค้า โดยการเดินทางมาจีหลง (Keelung) ก็ไม่ยุ่งยากเลย ด้วยความที่ระบบขนส่งสาธารณะของเค้ามีการจัดการดีและมีให้เลือกขึ้นหลากหลาย ใครชอบแบบไหน ถนัดทางใด สามารถตามตัวเลือกด้านล่างนี้ได้เลย
วิธีการเดินทางจาก ไทเป (Taipei) <-> จีหลง (Keelung)
ก่อนอื่นเลย ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า วิธีการเดินทางที่ก๊อตรวมเอามาไว้ในนี้ จะมีจุดหมายปลายทางที่ใจกลางเมืองของจีหลง (Keelung) เป็นหลักก่อน แต่สถานที่เที่ยวในรีวิวที่ก๊อตจะพาทุกคนไปเที่ยวนี้ ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ห่างออกมาจากใจกลางเมืองอีก ฉะนั้นหากใครที่แพลนเที่ยวนอกเมือง ถ้าไม่ได้เช่ารถขับกันเองแบบก๊อตนั้น เราจะต้องนั่งเมล์ต่อไปอีก ซึ่งก๊อตแนะนำว่าให้เราลองหาเส้นทางเริ่มต้นจากโลเคชั่นตัวเองตั้งแต่ไทเปเลยก็ได้ ว่าเราจะมาแต่ละที่เที่ยวอย่างไรบ้าง ส่วนลิสด้านล่างนี้ ย้ำอีกครั้งว่าเป็นการเดินทางมายังใจกลางเมืองจีหลง (Keelung) นะเอ้ออ
- รถไฟธรรมดา (TRA): สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟเป็นหนึ่งในการเดินทางด้วยรถสาธารณะที่ก๊อตคิดว่าคุ้มค่าที่สุด ไม่ต้องเสี่ยงเจอปัญหารถติด ราคาตั๋วประหยัด ใครที่จะเดินทางไป จีหลง (Keelung) ให้นั่งรถไฟจากสถานีไทเป เมนสเตชั่น (Taipei Main Station / 台北車站) มาลงที่สถานีจีหลง (Keelung Station) ได้เลย โดยรถไฟจะออกจากสถานีทุกๆ 15-20 นาที ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที ราคาตั๋วอยู่ที่ NT$41 (~45 บาท)
- รถเมล์ หรือรถบัส: อีกทางเลือกที่สะดวกเลยคือรถเมล์ หรือรถบัส เราสามารถขึ้นรถบัสของ Kuokuang สาย 1813 จากสถานี Taipei Main Station ตรงประทางออก 3 ฝั่งตะวันออก (East Exit 3) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที หรือหากใครอยากประหยัดเวลาขึ้นมาอีกนิด ให้เราเลือกขึ้นรถบัสสาย 1800 จาก Taipei City Hall Bus Station แทนก็ได้ จากตรงนี้จะใ้ช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ทั้งนี้ระยะเวลาในการเดินทางจริงขึ้นอยู่กับการจราจรในช่วงเวลานั้นๆ ด้วยนะ
- ใครที่จะมาเที่ยวหุบเขาหวังโยกู (Wangyou Valley) ตามในรีวิวนี้ เมื่อลงจากรถบัสที่สถานีขนส่งเมืองจีหลง (Keelung) ให้เปลี่ยนไปขึ้นรถบัสสาย 103 นั่งมาลงที่สี่แยกถนน Beining และถนน Hehe จากนั้นลองเปิดแมพแล้วเดินเท้าต่อ ใช้ประมาณ 20-30 นาทีน้า
- แท็กซี่ : วิธีนี้เอามาฝาก เผื่อใครไม่อยากเช่าขับรถ และไม่อยากขึ้นรถสาธารณะร่วมกับคนอื่น อีกทั้งไม่ได้ซีเรียสเรื่องค่าเดินทาง การนั่งแท็กซี่จากไทเป (Taipei) เป็นอีกทางเลือกที่สบายมากๆ โดยสามารถเรียกรถได้จากทุกที่ในเมืองได้เลย การนั่งแท็กซี่มาที่จีหลง (Keelung) ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ขึ้นอยู่กับการจราจรในช่วงเวลานั้นๆ ราคาอยู่ที่ NT$750-975 (~850-1,100 บาท)
- เช่ารถขับ : ใครที่ชอบขับรถเที่ยว ที่ทั้งสะดวกและไม่ต้องเวลารอขึ้นรถสาธาณะ แนะนำให้เช่ารถขับเที่ยวโลด โดยตอนนี้นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถขับเที่ยวเองได้แล้วในไต้หวันนะ สำหรับใครที่อยากเช่ารถขับเที่ยวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง รวมถึงต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง นี่รวมข้อมูลที่ต้องรู้ทั้งหมดในการเช่ารถขับในไต้หวันมาฝากแล้ว คลิกอ่านที่นี่ได้เล้ย
> เช็ครถและราคาเช่ารถในไต้หวันผ่าน Klook คลิก
> เช็ครถและราคาเช่ารถในไต้หวันผ่าน KKDay / Chailease / IWS
เที่ยวจีหลง (Keelung) ด้วยทัวร์
ใครที่อยากเที่ยวหลายที่ แต่ขี้เกียจขี้ใจ ไม่อยากขับรถหรือนั่งรถสาธารณะใดๆ แนะนำให้ซื้อแพ็กเกจทัวร์ไปเลย ข้อดีคือเราไม่ต้องมานั่งแพลนเที่ยวเอง โดยจะมีไกด์พาเราเดินเที่ยว อีกทั้งมาคอยให้ข้อมูล หากเกิดปัญหาก็มีทางทีมทัวร์เค้าคอยดูแล โดยใครอยากมาเที่ยวกับทัวร์ สามารถจองผ่าน Klook ได้เลย เค้ามีโปรแกรมเที่ยวพร้อมไกด์ให้เราเลือกเยอะแยะเลยแหละ
- ทัวร์จีหลง (Keelung) ถ่ายรูปลงอินสตาแกรมที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ [ซื้อผ่าน Klook]
- ทัวร์อุทยานเย่หลิวและท่าเรือจีหลงจากไทเปพร้อมไกด์ [ซื้อผ่าน Klook]
ข้อมูลเที่ยวจีหลง (Keelung) ปึ๊กแล้ว เรามาเริ่มกันเลอ!
หุบเขาหวังโยกู (Wangyou Valley)
หนึ่งในหุบเขาที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองจีหลง (Keelung) ต้องมีชื่อของ หุบเขาหวังโยกู (Wangyou Valley) ด้วยอย่างแน่นอน ที่นี่คือ หุบเขาริมทะเลที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือประมงบาดูซี (Badouzi Fishing Port) โดยว่ากันว่าหุบเขาแห่งนี้นั้น เป็น ‘หุบเขาแห่งการลืมความกังวล’ ซึ่งมาจากการที่ผู้คนที่ขึ้นมาเดินเล่นบนนี้ จะรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศโดยรอบ เหมือนได้มาดื่มด่ำกับช่วงเวลาดีๆ ต้องมนต์ไปกับธรรมชาติสวยๆ จนทำให้หลงลืมความกังวลทิ้งไปนั่นเอง
หุบเขาหวังโยกู (Wangyou Valley) แต่เดิมมีชื่อว่า Da Hu Ding ก่อนจะเปลี่ยนชื่อในปี ค.ศ. 70 ของปฏิทินไต้หวันให้กลายมาเป็น ‘Wangyou Valley’ ที่แปลว่า ‘หุบเขาไร้กังวล’ ซึ่งมีการใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน โดยหุบเขานั้นมีลักษณะเป็นตัววี มีทั้งพื้นที่รายเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวๆ ให้ได้มานั่งชิลๆ รวมถึงมีเส้นทางเดินเทรลระยะทางไม่ไกลมากนักให้เราได้ออกเดินสำรวจธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งเส้นทางเดินเทรลเค้าก็เดินง่าย เป็นบันไดมีราวจับกั้นไว้อย่างดีเลย
ไฮไลท์ของการมาเดินเทรลที่นี่เลย คือการขึ้นมาดูวิวมุมสูงที่ตลอดเส้นทางนั้น ที่งดงามเสียจนอยากให้ทุกคนได้มาเห็นกับตา โดยวิวจากบนนี้เราสามารถมองเห็นเกาะเหอผิง (Heping Island) ท่าเรือประมงบาดูซี (Badouzi) ที่อยู่ด้านล่างได้เลย โดยวิวรอบๆ เราจะเป็นหุบเขาสีเขียวๆตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเลที่รายล้อมท่าเรืออยู่ตรงเนินเขาเอาไว้ กลายเป็นภาพที่สวยงามราวกับมีจิตรกรมานั่งวาดอยู่ตรงหน้า และด้วยความที่เค้าตั้งอยู่ติดกับชายทะเล หากมองจากมุมสูงแบบนี้เราจะเห็นคลื่นทะเลโถมซัดเข้าหาหุบเขา พร้อมกับบางจุดยังมีหินหน้าตาแปลกๆ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลผุดเหนือน้ำให้ได้เห็น โดยรวมถือเป็นมู้ดที่ดี ยืนมองดูแล้วรู้สึกสงบในจิตใจเหมือนได้ปล่อยวางความกังวลทิ้งไปชั่วครู่เลย
สำหรับช่วงเวลาที่แนะนำว่าควรมา คือช่วงเช้า และช่วงเย็นๆ เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย แดดไม่แรงมากนัก ทำให้เราสามารถเดินขึ้นไปด้านบนได้แบบชิลๆ ยิ่งใครมาช่วงอากาศดีๆ หน่อย นี่บอกเลยว่า เส้นทางเดินเทรลใน หุบเขาหวังโยกู (Wangyou Valley) เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่เราควรมาตามเก็บ เพราะทัศนียภาพด้านบนเค้าสวยแบบไม่มีตึกสูงมากีดขวาง เราจะได้ปล่อยใจให้สายลม แสงแดด ทะเล และธรรมชาติโอบกอดเอาไว้ ในวันที่ต้องทิ้งความกกังวลไปข้างหลังสักครู่ การได้ขึ้นมาเดินเทรลบนนี้ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่อยากให้มาลองกัน
อุทยานเกาะเหอผิง (Heping Island Park)
อุทยานเกาะเหอผิง (Heping Island Park) อุทยานริมชายฝั่งที่ฮิตที่สุดในจีหลง (Keelung) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสถานที่สำหรับดำน้ำ เส้นทางท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยหินหน้าตาแปลกๆ ที่มีรูปทรงพิเศษไม่เหมือนที่ไหน จนกลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของอุทยานที่เรียกนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนที่แห่งนี้ได้ไม่น้อยเลย
ในอดีตพื้นที่ตรงนี้ถูกเรียกว่าเกาะ Sheliao ตั้งอยู่ทางเหนือของเมือง โดยในปี 1626 กองทัพสเปนใช้เกาะนี้เพื่อเป็นสถานที่ในการพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจกับจีนและญี่ปุ่น โดยได้สร้างปราสาท โบสถ์ และป้อมปราการ Fort San Salvador เอาไว้ ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 คนบนเกาะเค้าได้เปลี่ยนชื่อเกาะมาเป็น เกาะเหอผิง (Heping Island) ซึ่งแปลว่าสันติภาพและความสงบสุข และเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับการเดินเที่ยวใน อุทยานเกาะเหอผิง (Heping Island Park) หากเดินเข้ามาจากจุดจอดรถ นี่แนะนำให้เริ่มเดินไปทีละฝั่ง ใครที่เป็นสายเดิน ให้เริ่มเดินลัดเลาะไปตามแนวชายฝั่งด้านขวา ซึ่งมันจะเป็นเส้นทางเดินไปตามถนนไม่ใหญ่มากๆ เลียบไปตามแนวชายฝั่งทะเลที่เราสามารถเดินเลียบไปได้เรื่อยๆ เลย ฝั่งนี้มันเหมาะกับคนที่ต้องการมาเดินชิลๆ ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของท้องทะเล และสายลมเย็นๆ มาก ซึ่งข้อดีของการเดินเล่นฝั่งนี้คือเราจะได้สัมผัสกับหินหน้าตาแปลกๆ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล ทำให้มีรูปทรงแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งถามว่าหน้าตาของหินมันเหมือนกับอะไรนั้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนเลย และด้วยความที่พื้นที่ตรงนี้มันอยู่ในระดับเดียวกับทะเล เวลาเราเดินเล่นไปก็จะได้เห็นคลื่นถาโถมเข้าสู่ชายฝั่งอยู่เป็นระยะ เป็นบรรยากาศที่ดีเว่อร์
หากใครที่เดินเลียบฝั่งขวาจนหนำใจแล้ว สามารถเดินย้อนกลับมาฝั่งซ้ายของ อุทยานเกาะเหอผิง (Heping Island Park) ได้เลย ซึ่งฝั่งนี้จะเป็นฟีลสวนสาธารณะ มีลานกว้าง และที่นั่งให้ได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และหากเราเดินไปตามเส้นทางเรื่อยๆ จะไปเจอกับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง (Salt Water Swimming Pool) ที่เค้ากั้นทะเลส่วนหนึ่งให้กลายเป็นสระ โดยปรับปรุงพื้นที่รอบๆ ให้เป็นหาดทรายจำลองเอาไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้มาเดินเล่น ซึ่งจุดถือเป็นจุดไฮไลท์ของที่คนเค้าชอบมาว่ายน้ำในสระท่ามกลางบรรยากาศที่ติดกับท้องทะเล รายล้อมไปด้วยธรรมชาติเขียวขจี เป็นอะไรที่ดีงามมากต่อใจมากเลย ใครที่อยากลองว่ายน้ำก็พกเอาชุดว่ายน้ำมาด้วยนะเอ้อออ ฮ่าๆ
โดยรวมแล้ว อุทยานเกาะเหอผิง (Heping Island Park) เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่เหมาะกับการมาทำกิจกรรมสบายๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นมาเดินเล่น ว่ายน้ำดื่มด่ำไปกับท้องทะเล และธรรมชาติสวยๆ ยิ่งใครที่ชอบเรื่องของหินหน้าตาแปลกๆ มีรูปทรงไม่เหมือนที่ไหน อยากให้มาที่นี่มาก เพราะหินเค้าสวยสับ ถ่ายรูปสวยสุดๆ มาเที่ยวจีหลง (Keelung) ไม่มาที่นี่ บอกเลยว่าพลาดมาก
ท่าเรือประมงเจิ้งปิน (Zhengbin Fishing Port)
หากใครที่เคยดูรีวิวที่เที่ยวในจีหลง (Keelung) นี่เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต้องเคยเห็นภาพของบ้านสีๆ สุดคัลเลอร์ฟูลที่ตั้งเรียงรายเป็นแนวอยู่ริมท่าเรือผ่านตากันมาบ้าง ซึ่งที่นี่เค้าคือ ท่าเรือประมงเจิ้งปิน (Zhengbin Fishing Port) ที่ใครมาเที่ยวจีหลง (Keelung) ต่างต้องมาเช็คอิน เพราะเค้ามีความน่ารักปุ๊กปิ๊กด้วยสีสันของบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นจุดที่คนเค้านิยมมาถ่ายรูปลงอินสตาแกรมเยอะมาก แบบที่ว่าแค่มาถ่ายรูปลงโซเชียล คนก็รู้เลยว่าเราอยู่ไต้หวันขนาดนั้นเล้ย 5555
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ท่าเรือประมงเจิ้งปิน (Zhengbin Fishing Port) เป็นท่าเรือที่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่น เมื่อปี 1934 ซึ่งในสมัยนั้นท่าเรือแห่งนี้เคยเป็นท่าเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน และยังเคยเป็นท่าเรือส่งออกหลักของเหมืองทองแดงจินกัวสือ (Jinguashi) ในช่วงยุคอาณานิคมของญี่ปุ่นอีกด้วย แม้ในปัจจุบันท่าเรือแห่งนี้จะไม่ใช่ศูนย์กลางของการเดินเรือเหมือนในอดีต แต่กลับได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว ด้วยความที่เค้ามีบ้านหลากสีจำนวน 16 หลังตั้งเรียงกันไปตามแนวท่าเรือ ทำให้คนชอบมาถ่ายรูปเล่นมุมนี้กันเยอะมาก
ใครจะมาถ่ายรูปเล่นนั้น แนะนำว่าให้มาช่วงเช้าไปก่อนเที่ยง เพราะแสงมันจะตกกระทบเข้ากับตัวบ้านพอดี ทำให้สีของบ้านมันสดใส ถ่ายรูปออกมาแล้วคิวท์ทุกมุม แต่ถ้ามาช่วงเที่ยงคล้อยไปหาบ่าย แสงมันจะไม่ได้เลย ถ่ายรูปออกมาย้อนแสงสุด ใครสายคอนเท้นต์เน้นถ่ายรูป มาถ่ายที่นี่ได้ โดยรวมแล้วเค้าไม่ได้มีอะไรให้เราเดินเที่ยว เหมือนทุกคนตั้งใจมาเพื่อถ่ายรูปกับบ้านสีๆ แล้วก็ไปต่อที่อื่นเลย แต่ถ้าใครอยากเดินเล่นสักหน่อย สามารถเดินเชื่อมไปที่บ้านสีๆ ที่เราเห็นได้ บางหลังเค้าเปิดเป็นคาเฟ่ด้วย แวะไปนั่งชิลๆ หาอะไรดื่มเย็นๆ แล้วค่อยกลับออกมาก็ได้
สวนสาธารณะเฉาจิ้ง (Chaojing Park)
ไม่ไกลกันมากจากท่าเรือประมงเจิ้งปิน (Zhengbin Fishing Port) จะมีสวนสาธารณะเฉาจิ้ง (Chaojing Park) ตั้งอยู่ ที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่แต่เดิมเคยเป็นสถานที่สำหรับเก็บขยะ ก่อนที่จะถูกปรับปรุงพื้นที่โดยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลแห่งชาติให้กลายมาเป็นสวนสาธารณะ ที่มีจุดชมวิวทะเลที่สวยงามเลอค่าแห่งหนึ่งของเมือง
สวนสาธารณะเฉาจิ้ง (Chaojing Park) ภายในสวนนั้นเค้าจะมีเส้นทางจักรยานเพื่อให้ผู้คนเค้าได้มาปั่นออกกำลังกายท่ามกลางวิวสวนและท้องทะเล รวมไปถึงยังมีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งเรียงรายตามจุดต่างๆ ให้ผู้คนได้มานั่ง ใครมาเที่ยวเมืองนิวไทเป (New Taipei City) และหลงใหลในแสงสุดท้ายของวัน อยากยืนชื่นชมพระอาทิตย์ตกสวยนั้น จากสวนสาธารณะเฉาจิ้ง (Chaojing Park) เราสามารถมองออกไปเห็นวิวพระอาทิตย์ตกได้แบบสวยสับๆ ความสวยจากกจุดนี้เรียกว่า ปังระดับตัวแม่ของเมืองเลยก็ว่าได้ ฟีลกู๊ดเหมาะชวนแฟนมาเดินสุดด
แต่บอกก่อนเลยว่า ก๊อตไม่ได้เข้าไปข้างในสวนเค้านะ เนื่องจากดูสภาพอากาศวันนี้แล้วคือไม่ไหวจริง ฝนตกฟ้าครึ้มแบบอ่อมมาก ซึ่งก๊อตแวะเพียงแค่จอดรถที่ลานจอดรถ จากนั้นก็เดินเที่ยวอยู่ใกล้ๆ ลานจอดรถเพื่อดูวิวจากจุดนี้ที่ตามหาดนั้นเต็มไปด้วยโขดหินที่มีคลื่นทะเลซัดเข้ากระทบอยู่เป็นระลอกๆ ยิ่งช่วงที่ก๊อตไปเหมือนฝนหยุดตกไปแล้ว แต่ยังทำท่าจะตกอยู่ตลอดเวลาด้วยแล้ว บรรยากาศรอบๆ เลยมีความดาร์กๆ หม่นๆ เพิ่มอรรถรสของคนเหงาขึ้นเป็นเท่าตัว วิวมุมกว้างๆ ที่จินตนาการเป็นภาพของท้องทะเลสีฟ้า ตัดกกับความเขียวของภูเขา และผืนฟ้าสดใส ถูกแทนที่ด้วยภาพหมอกหนาทึบๆ จนแทบมองออกไปไม่เห็นอะไรเลย แต่อย่างนั้นก็ยอมใจคนไต้หวันที่เค้ามายืนตกปลาท่ามกลางอากาศแบบนี้กันมาก ไอ้เราก็มองตามแล้วได้แต่นึกภาพว่าปลามันจะมากินเหยื่อไหมนะ แต่แม้อากาศไม่เป็นใจ เราก็ปลอบใจตัวเองว่า อย่างน้อยก็ได้มาเห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่นะ ส่วนตัวนี่ว่าถ้าเรามาวันฟ้าเปิดอากาศแจ่มใส พื้นที่ตรงนี้ก็คงจะสวยชวนมองไม่น้อย ภาพที่คิดไว้ในจินตนาการ ก็คงจะเป็นจริงแน่นอน
Yue Cheng Shanghainese Xiaolongbao
ใครชอบกินเสี่ยวหลงเปา มาเที่ยวจีหลง (Keelung) อยากให้มาลองร้าน Yue Cheng Shanghainese Xiaolongbao ร้านอาหารท้องถิ่นขนาดเล็กๆ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องเสี่ยวหลงเปาแบบที่ใครได้ลิ้มรสจะต้องยกนิ้วให้กับความอร่อย โดยร้านเค้าจะเป็นตึกแถวสองชั้น บรรยากาศโฮมมี่ๆ แบบร้านท้องถิ่นน่ารักๆ โดยเมนูที่เราสั่งมาลองกันก็คือ เสี่ยวหลงเปาหลากหลายไส้ ซึ่งไส้ที่ชอบสุดๆ และอยากให้ทุกคนสั่งตามก็คือ ไส้หมูผสมเนื้อปู ที่ตัวไส้เค้าปรุงรสได้อย่างกลมกล่อม พอตอนกินเข้าไปแล้วตัวน้ำซุปข้างในมันแตกออกมายิ่งเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก
ซึ่งเสี่ยวหลงเปาร้านนี้เค้าห่อมาดีมาก ตัวแป้งบางกำลังดี ไส้ข้างก็นุ่มละมุนลิ้น ซึ่งตอนกินเราจะได้รสชาติของไส้ข้างในแบบเต็มๆ คำเลย โดยทริคในการกินเสี่ยวหลงเปาให้อร่อย คือ ให้เรากินตอนที่เค้ากำลังร้อนๆ อยู่ โดยการคีบเสี่ยวหลงเปาขึ้นมาใส่ช้อนไว้ จากนั้นเอาตะเกียบจิ้มให้น้ำซุปเค้าทะลักออกมาเพื่อคลายความร้อของน้ำซุปหน่อยๆ แล้วก็ซดกินทีเดียวทั้งคำเลย ซึ่งการกินแบบนี้นั้นเป็นวิธีที่เจ้าของร้านเค้าแนะนำเองกับตัว ซึ่งพอเราลองทำตามแล้วก็ค้นพบว่ามันอร่อยขึ้นจริงๆ คือทุกอย่างมันกลมกล่อมไม่มีอะไรแย่งกันเลย แต่นั่นแหละ น้ำซุปมันยังแอบร้อนเอาเรื่องอยู่นาา 555555
บอกเลยว่าใครที่ชื่นชอบเสี่ยวหลงเปา อยากลิ้มรสต้นตำรับของไต้หวันแท้ๆ มาร้าน Yue Cheng Shanghainese Xiaolongbao รับรองไม่มีผิดหวังแน่นอน ทั้งหมดคือการเที่ยว จีหลง (Keelung) ในแบบฉบับของเรา เมืองแห่งท่าเรือที่เต็มไปด้วยสถานที่เที่ยวสุดน่ารัก เป็นอีกเมืองที่ตอบโจทย์คนทุกไลฟ์สไตล์ เพราะมีที่เที่ยวให้ได้ไปเยอะ อาหารอร่อย ผู้คนน่ารัก เป็นเมืองสงบๆ บรรยากาศสบายๆ ผู้คนไม่ได้วุ่นวาย ใครชอบเมืองฟีลธรรมชาติ ชอบความทะเล อยากให้จดเมืองนี้เค้าไปในแพลนเที่ยวไต้หวันด้วยอีกเมือง มาแล้วประทับใจแน่นอน
รีวิวเที่ยวไต้หวันหมดจาก HASHCORNER!
โซนภาคเหนือ ไตหวัน
1. ไทเป (Taipei) #1
2. ไทเป (Taipei) #2
3. หยางหมิงซาน (Yangmingshan)
4. จิ่วเฟิ่น-จินกัวสือ (Jiufen-Jinguashi)
5. ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao)
6. ซินจู๋ (Hsinchu)
7. จีหลง (Keelung)
8. นิวไทเป ซิตี้ (New Taipei City)
9. เถาหยวน (Taoyuan)
โซนภาคกลาง ไต้หวัน
10. ไทจง (Taichung)
11. ซันมูนเลค / ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake)
โซนภาคใต้ ไต้หวัน
12. ไถหนาน (Tainan)
13. อาลีซาน (Alishan)
14. ชิงจิ้ง-เหอหวนซาน (Cingjing-Hehuanshan)
โซนภาคตะวันออก ไต้หวัน
15. ฮัวเหลียน (Hualien)
16. ทาโรโกะ (Taroko)
17. ไถตง (Taitung)
18. เกาสง (Kaohsiung)
19. เขิ่นติง (Kenting)
20. ไถ่ผิงซาน (Taipingshan)
21. อี้หลาน (Yilan)
สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการเที่ยวไต้หวัน
22. เช่ารถขับในไต้หวัน [อัปเดท 2023]
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡