ประจวบคีรีขันธ์ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ป๊อปมาก เพราะเป็นจังหวัดแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงเวลาต้องการหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ เป็นจังหวัดนี้มีที่เที่ยวเยอะ และหลากหลายมาก แถมยังเดินทางสะดวกใช้เวลาไม่นาน สามารถเที่ยวได้ทั้งแบบค้างคืนและแบบเช้าเย็นกลับเลยล่ะ
เวลาพูดถึงจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ก๊อตเชื่อว่าหลายคนคงเห็นภาพว่าเป็นจังหวัดที่มีแต่ทะเล วันนี้ก๊อตเลยจะพาทุกคนไปเปิดประสบการณ์เที่ยวรอบประจวบฯ แบบครบเครื่องทั้งทะเล ภูเขา ถ้ำ คาเฟ่ อ่างเก็บน้ำ และที่เที่ยวอื่นๆ อีกเพียบ บอกเลยว่าทริปนี้จัดเต็มแบบเดือดๆ
15 ที่เที่ยว ที่พัก อุทยานแห่งชาติ จาก 5 อำเภอ ทั่วประจวบคีรีขันธ์
อำเภอปราณบุรี | 1. วนอุทยาน ปราณบุรี 2. ตาล 3 ต้น ปากน้ำปราณ 3. วนอุทยานท้าวโกษา / เขากะโหลก 4. Demi beach Concept |
อำเภอสามร้อยยอด | 5. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ (บึงบัว) อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด 6. ถ้ำพระยานคร |
อำเภอกุยบุรี | 7. ถ้ำไทร 8. ล่องเรือคลองเขาแดง |
อำเภอทับสะแก | 9. อ่างเก็บน้ำคลองช่องลม 10. ป่าสนเหมืองแร่ |
อำเภอหัวหิน | 11. ชายหาดหัวหิน 12. Memory House Cafe HuaHin 13. สะพานปลาหัวหิน 14. สตรีทอาร์ทหัวหิน (ชุมชนสมอเรียง-พูลสุข) 15. Matapita x The Hen Hua Hin |
ส่วนลด OTA |
อำเภอปราณบุรี
วนอุทยานปราณบุรี
ช่วงปีหลังๆ มานี้คนเริ่มรู้จักอำเภอปราณบุรีกันมากขึ้น เพราะอยู่ห่างจากหัวหินไม่ไกลเลย สามารถขับรถมาจากหัวหินแปปเดียวก็ถึงแล้ว ด้วยความที่ก๊อตไม่เคยมาเที่ยวปราณบุรีแบบจริงจัง รอบนี้เลยตั้งใจจะมาเที่ยวที่นี่เป็นพิเศษ วนอุทยาน ปราณบุรี เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ก๊อตได้เห็นรูปแล้วก็อยากมาเที่ยวมากกก
วนอุทยาน ปราณบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่นี่มีธรรมชาติสมบูรณ์มากๆ ภายในวนอุทยานนี้มีทั้งฝั่งที่เป็นชายหาดที่สงบและเป็นส่วนตัว โดยไฮไลท์ของเค้าคือเส้นทางเดินศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน ซึ่งเป็นทางเดินที่มีระยะทางไม่ไกลมาก ประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถเดินเล่นเพลินๆ แปปเดียวก็จบแล้ว
เส้นทางเดินศึกษาระบบนิเวศนั้นร่มรื่นมากเลยแหละ ต้นไม้ขึ้นสูงลิ่วแผ่กิ่งก้านอย่างเต็มที่ ทางเดินตรงนี้เค้าก็ทำเป็นสะพานไม้ยกระดับแบบแข็งแรงและกว้างพอสมควร เดินได้ชมธรรมชาติได้แบบใกล้ชิดมาก ตลอดทางจะมีป้ายให้ความรู้ต่างๆ ไว้ด้วย คนที่สนใจเรื่องระบบนิเวศต่างๆ ต้องชอบที่นี่มากแน่
นอกจากเส้นทางเดินแล้ว ที่นี่เค้าก็กิจกรรมล่องเรือศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนและชมด้วยล่ะ เส้นทางนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และมีค่าบริการอยู่ประมาณ 500 บาท สามารถนั่งได้ 8 คนต่อรอบ แต่ก๊อตไม่ได้นั่งนะ เพราะว่าแค่เดินชมธรรมชาติไปตามทางก็ฟินจะแย่แล้ว
เดินตามทางไปเรื่อยๆ ก็จะเจอจุดไฮไลท์ของที่นี่ที่เรียกว่า ‘ทุ่งโปรงทอง’ บริเวณนี้เราจะเห็นต้นไม้สีเขียวอมเหลืองขึ้นเต็มพื้นที่ตรงนี้เลย ซึ่งเราสามารถขึ้นหอคอยไปชมวิวทุ่งโปรงทองแบบ 360 องศาได้เลยด้วย บอกเลยว่าตรงนี้คือแสงดี ถ่ายรูปสวยสุดๆ
ขอเข้าสู่ช่วงสาระมีอยู่จริง ฮ่าๆๆ ต้องบอกว่าตอนที่มาเดินเล่นตรงนี้ก็เกิดความสงสัยว่าทำไมตรงนี้ไม่มีต้นไม้สูงเลย ทุกต้นเท่ากันไปหมด จนได้มารู้ว่า ‘ป่าโปรง’ มันจะขึ้นอยู่บนพื้นที่ป่าเลนสูง ซึ่งดินตรงนี้จะมีความสมบูรณ์น้อยกว่าตรงที่เป็นป่าเลนต่ำ ลูกไม้โปรงที่ขึ้นอยู่ตรงนี้เลยจะมีเยอะมากๆ ทำให้ต้นโปรงที่โตขึ้นมันมีขนาดเท่าๆ กันไปหมด และที่ตรงนี้ใบมันเป็นสีเขียวอมเหลืองแบบนี้ก็เพราะว่า น้องได้รับธาตุอาหารน้อย น้องก็เลยไม่ได้มีสีเขียวสดเหมือนตอนแรกๆ ที่เราเดินเข้ามานั่นเอง
หลังจากที่เดินเส้นทางเดินศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนจนจบแล้ว ก๊อตอยากให้ทุกคนไปเดินเล่นที่ชายหาดริมทะเลในวนอุทยานปราณบุรีกันต่อ ตรงนี้บรรยากาศดีเลย มีลมพัดตลอด คนที่มีเวลาเยอะ ไม่ได้รีบไปไหนก็เอาเก้าอี้มานั่งชมวิวทะเลได้เลย ชิลสุดๆ
ตาล 3 ต้น ปากน้ำปราณ
พูดถึงปราณบุรีคงไม่มีใครไม่รู้จัก ตาล 3 ต้น ที่อยู่ตรงถนนเลียบหาดปากน้ำปราณแน่นอน เพราะนี่คือจุดเช็คอินอำเภอปราณบุรี เรียกได้ว่ามาปราณถ้าไม่ได้มาถ่ายรูปกับเจ้าต้นตาล 3 ต้นนี้ก็เหมือนมาไม่ถึง ไหนๆ ก็มาถึงปราณบุรีแล้วก็แวะถ่ายรูปเช็คอินสักหน่อยแล้วกัน
บริเวณนี้ค่อนข้างคึกคักเลยล่ะ ยิ่งช่วงเย็นๆ คนก็ยิ่งเยอะ บริเวณนี้ก็มีเส้นทางจักรยาน และเส้นทางเดินเลียบหาดให้ได้มาเดินเล่นชมวิว หรือจะมาออกกำลังกายไปชมวิวไปก็ดีมากเลย แต่กิจกรรมยอดฮิตที่คนชอบมาเล่นตรงนี้กันก็คือ เซิร์ฟสเกต เพราะนอกจากจะมีช่องทางที่สามารถเล่นสเก็ตได้แล้วก็ยังถ่ายรูปสวยมากอีกด้วย ต้องมาแล้วล่ะ
วนอุทยานท้าวโกษา / เขากะโหลก
วนอุทยานท้าวโกษา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า เขากะโหลก ที่มาขอชื่อนี้ก็คือถ้ามองจากทะเลมาจะเห็นภูเขานี้เป็นรูปกะโหลกสัตว์ขนาดใหญ่ยักษ์ ที่มีช่องเหมือนเป็นเบ้าตาโบ๋อยู่ตรงกลาง เค้าบอกกันว่าที่นี่เป็นภูเขาที่มีถ้ำเล็กๆ กระจายอยู่เยอะมาก เห็นว่ามีราวๆ 30 ถ้ำเชียวนะ และนอกจากนี้ก็ยังมีจุดชมวิวที่สวยมากๆ ด้วย
บริเวณรอบๆ เขากะโหลกนั้นก็จะเป็นหาดทราย ที่กว้างแบบสวยมาก ช่วงที่น้ำทะเลลดเราสามารถเดินเลาะตามแนวเขากะโหลกมาทางขวาได้ด้วยนะ ตรงนี้มาเดินเล่นถ่ายรูปแบบชิลๆ เลยล่ะ และถ้าช่วงไหนที่น้ำลดลงไปเยอะๆ บริเวณนี้จะมีทางที่เดินขึ้นไปบนเขากะโหลกได้เลยล่ะ แต่เสียดายช่วงที่ก๊อตไปน้ำขึ้นสูงมาก ก็เลยตัดใจ เก็บเอาไว้รอบหน้าแล้วกัน 5555555
อีกจุดที่ก๊อตว่าน่าสนใจที่ก๊อตบังเอิญเดินเข้าไป เรียกได้ว่าเป็น Hidden Gem เลยก็ว่าได้ นั่นคือ ‘ถ้ำโกษา’ ซึ่งเมื่อเราปีขึ้นไปด้านบน เราสามารถมองทะลุช่องหินออกมาทางทะเลคือสวยมากก แต่อยากให้รู้นิดนึง ทางเดินขึ้นนั้นค่อนข้างชัน ต้องใช้ความระมัดระวังประมาณนึงเลย แต่พอเดินขึ้นมาถึงข้างบนแล้วจะพบว่าวิวมันสวยจนหายเหนื่อย อีกทั้งยังลมเย็น ทำให้ทุกอย่างมันดีไปหมดจริงๆ
ทริปนี้ก๊อตได้ไปเจออีกที่เที่ยวลับที่สงบและไพรเวทสุดๆ ที่ซ่อนตัวอยู่หลังเขากะโหลกด้วยล่ะ เมื่อกี้ก๊อตพาไปเที่ยวหน้าหาดของเขากะโหลกมาแล้วใช่มั้ย ก๊อตจะบอกว่าถ้าขับรถต่อไปเรื่อยๆ จะไปเจอกับหาดที่อยู่หลังเขากะโหลก ซึ่งมันเป็นคนละมู้ดกับเมื่อกี้เลย ตรงนี้จะมีความสงบและเป็นส่วนตัวมากกว่า สามารถขับรถมาจอดแล้วกินลมชมวิวทะเลได้แบบฟินมากเลยล่ะ
Demi Beach Concept
ปราณบุรีเนี่ย เป็นอีกอำเภอที่มีคาเฟ่เก๋ๆ อยู่เยอะมาก อย่างคาเฟ่ที่ก๊อตอยากแนะนำเลยก็คือ Demi Beach Concept คาเฟ่ติดริมทะเลที่บรรยากาศอย่างชิค วิวสวย มุมถ่ายรูปเพียบ อีกทั้งยังมีของกินที่อร่อยทุกอย่าง และที่เก๋ก็คือ ที่นี่เค้ายังเป็นที่พักอีกด้วยนะ
ตัวร้านก็เป็นคอนเทนเนอร์ 2 ชั้นสีขาวที่ข้างในมีการใช้ฟอร์นิเจอร์ไม้มาตกแต่ง บรรยากาศร้านเลยดูเรียบง่ายและชิลมากๆ ถ้าเดินลงมาทางฝั่งทะเลก็จะมีที่นั่งหลายมุมเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะนั่งขนาดใหญ่สำหรับคนที่สมาชิกเยอะๆ เก้าอี้ชายหาดนั่งชิลๆ โต๊ะบาร์ และชิงช้า ทุกที่นั้นถ่ายรูปออกมาสวย มู้ดดีเวอร์
อากาศร้อน แดดแรงขนาดนี้ ก็ต้องหาเครื่องดื่มเย็นๆ ชื่นใจมาดับร้อนสักหน่อย เมนูที่ก๊อตสั่งมาวันนี้คือเมนูซิกเนเจร์ Pranburi (158 บาท) กาแฟเอสเปรสโซช็อตราดลงบนน้ำผึ้งผสมมะนาวรสชาติหวานอมเปรี้ยว เป็นแก้วที่สดชื่นมากเวอร์ คนชอบกินกาแฟก๊อตแนะนำเมนูนี้เลย อร่อยจริง
สำหรับคนไม่ดื่มกาแฟจะบอกว่าร้านนี้เค้าค่อนข้างโดนเด่นเรื่องโกโก้มากเลยล่ะ เค้ามีโกโก้ทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งแต่ละตัวก็มีความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ที่สำคัญโกโก้ของที่นี่เค้าอิมพอร์ทมาจากหลายประเทศเลยด้วย แก้วที่ก๊อตสั่งคือ Nigeria Ice Cacao (98 บาท) โกโก้จากไนจีเรียที่มีระดับความเข้มแบบเข้มข้นที่สุด คอโกโก้ถูกใจแน่นอน เพราะรสชาติเข้มข้นสมใจเลยล่ะ
และถ้าใครชื่นชอบมัทฉะ ก๊อตว่าร้านนี้เค้าก็ทำอร่อยเลยนะ กับเมนู Matcha Latte (98 บาท) ชาเขียวรสชาติเข้มข้นผสมกับนมสดเย็นๆ แก้วนี้มีความกลมกล่อมได้กลิ่นหอมของชาเขียวด้วย ชอบบบ มีเครื่องดื่มแล้วก็ต้องมีของหวานไว้กินด้วยกันสิ Strawberry Shortcake (158 บาท) มาด้วย สปอนจ์เค้กที่มีครีมเนื้อโคตรเบาอยู่ตรงกลาง ท็อปด้วยครีมและผลไม้สดมากมาย ตัวเค้กหวานกำลังดี เนื้อครีมเบาจริง รู้สึกเหมือนกินเมฆ อร่อย กินได้เรื่อยๆ ฟินสุดด
นอกจากเมนูเครื่องดื่มและเค้กแสนอร่อยแล้ว ที่นี่เค้าก็มีอาหารขายด้วยนะ ซึ่งเมนูอาหารของที่นี่เค้าเสิร์ฟเป็นเซตอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด ที่เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงคือ ผัดดอง ซุปมิโซะ และผักสลัดสดๆ
จานแรกที่ก๊อตสั่งมาคือ เซตข้าวแกงกะหรี่หมูตุ๋น (218 บาท) ข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ ราดแกงหรี่หมูตุ๋นและโปะด้วยไข่ดาวเยิ้มๆ ซอสแกงกะหรี่รสชาติออกเผ็ดหน่อยๆ แต่พอตักกินกับข้าวแล้วรสชาติมันพอดีมาก ตัวหมูตุ๋นยังไม่เปื่อยเต็มที่เท่าไหร่แต่ก็ถือว่ารสชาติดีเลย และจานต่อมาก็ยังคงเป็นเมนูข้าวแกงกะหรี่อยู่ แต่เป็น เซตข้าวแกงกะหรี่กุ้งทอด (228 บาท) องค์ประกอบจานเหมือนกับจานก่อนหน้าเลย แต่เปลี่ยนจากหมูตุ๋นเป็นกุ้งชุบแป้งทอด ซึ่งเค้าทอดมากรอบกำลังดี ไม่อมน้ำมัน กุ้งเนื้อเด้งตัวใหญ่ กินกับซอสแกงกะหรี่คือเริ่ดดด
และสำหรับใครที่ไม่ชอบแกงกะหรี่ ที่นี่เค้าก็ยังมีเมนูข้าวหน้าต่างๆ ให้เลือกเยอะเลย ก๊อตเลยลองสั่ง เซตข้าวหน้าไก่คาราเกะ (218 บาท) ข้าวญี่ปุ่นท็อปด้วยไก่ทอดคาราเกะกรอบๆ กับไข่ข้นผัดกับหอมใหญ่ เป็นอีกจานที่อร่อยถูกปากมาก และจะบอกว่าทุกเซตเค้าให้เยอะ อยู่ท้องสุดๆ
กินอิ่มแล้วก็เดินถ่ายรูปเล่นต่อได้ ที่หน้าหาดเค้ามีจุดถ่ายรูปที่เป็นธงๆ แบบนี้ด้วยนะ ถ่ายแล้วสวยปัง บอกเลยว่าบรรยากาศริมหาดเค้านั้นโคตรดี ที่นั่งเยอะมาก สามารถนั่งชิลๆ ถ่ายรูปเล่นแบบจอยๆ ได้เล้ย
อำเภอสามร้อยยอด
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ (บึงบัว) อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ (บึงบัว) อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวของประจวบคีรีขันธ์ที่ก๊อตชอบ และอยากให้ทุกคนได้มาเที่ยวที่นี่กัน เพราะว่าธรรมชาติเค้าสวยงามและบรรยากาศชิล เดินเล่นเพลินมากๆ
สำหรับ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ตอนล่างสุดของภาคกลาง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 2 อำเภอ คือ สามร้อยยอด และ กุยบุรี ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 4 ของไทย และยังเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่แรกอีกด้วย
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ (บึงบัว) เป็นสถานที่ที่ทำให้เราได้เข้ามาใกล้ชิดกับธรรมชาติได้สุดๆ บริเวณนี้เป็นบึงบัวที่โคตรกว้างพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ และมีการทำสะพานไม้ให้เราเดินไปได้ไกลมาก เราสามารถมองเห็นบัว พืชน้ำ และนกสายพันธุ์ต่างๆ ได้ตลอดสองข้างทางเลย ตอนที่ก๊อตไปจะเป็นช่วงที่เค้าเก็บบัวไปแล้วแต่ก็ยังพอจะเห็นอยู่บ้าง 555555555
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นบึงบัวที่มีบัวบานเต็มไปหมดเหมือนที่คิดไว้ แต่ก็รู้สึกว่าที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่ชิลและสวย เหมาะกับการมาเดินเล่น กินลมชมวิวพระอาทิตย์ตก หรือถ้าใครไม่อยากเดินที่นี่เค้าก็มีเรือให้นั่งพายเข้าไปชมความงามของบึงบัวได้อีกด้วย
ตำนานชื่อเขาสามร้อยยอดนั้นมีเยอะมาก ก๊อตจะเล่าให้ฟัง เค้าบอกกันว่าแต่เดิมตรงนี้เป็นทะเลที่หมู่เกาะอยู่เยอะ วันนึงก็มีเรื่อสำเภอจีนแล่นผ่านมาแต่ดันโชคร้ายโดนลมพายุพัดรุนแรงมาก เค้าเลยหาที่หลบภัยตามร่องน้ำด้านทิศตะวันตกของเกาะ แต่ด้วยความที่ไม่คุ้นพื้นที่ก็เลยไปชนกับหินจนเรือนั้งล่ม ทำให้มีคนตายเยอะมาก แต่มีคนที่รอดตายได้เข้ามาอยู่ในเกาะประมาณ 300 คน เมื่อก่อนเค้าเลยเรียกที่นี่ว่า ‘เขาสามร้อยรอด’ จนชาวบ้านเค้าเรียกเพี้ยนมาเป็น ‘เขาสามร้อยยอด’ แบบทุกวันนี้นี่แหละ
แต่บางคนก็บอกว่าบริเวณนี้มีต้นสามร้อยยอดขึ้นอยู่เยอะ หรือไม่ก็บอกว่าตรงนี้มีเขาเยอะถึง 300 กว่ายอด เอาเป็นว่าก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคนเลยแล้วกัน แต่ไม่ว่าจะความเชื่อไหน ที่นี่ก็โคตรสวย อยากให้ลองมาเที่ยวกัน
อ้อ ลืมบอกเลยว่าการเข้าชมอุทยานมีค่าเข้า ผู้ใหญ่ 40 บาทและเด็ก 20 บาท ซึ่งราคานี้ไม่รวมค่าเรือน้า ใครอยากนั่งเรือติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานได้เลยย
ถ้ำพระยานคร
ถ้ำพระยานคร เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ฮิตมากเช่นกัน ซึ่งใครจะมาเพื่อดูไฮไลท์สุดอลังการใน ถ้ำพระยานคร ในช่วงเวลาประมาณ 11 โมง นั้น ก๊อตแนะนำว่าให้เผื่อเวลาสำหรับการเดินเข้าไปในถ้ำด้วย ซึ่งการเดินทางเข้าไปที่ถ้ำนี้ไม่ใช้เรื่องง่ายเลย เพราะเราต้องเดินไปตามเส้นทางศึกษธรรมชาติประมาณ 430 เมตร ซึ่งเป็นเส้นทางที่ขรุขระ สูง และชันมาก จากที่ไปมา ใช้เวลาเดินไปกลับ (แวะถ่ายรูประหว่างทางนิดหน่อย) ประมาณ 3 ชั่วโมงเลยล่ะ ถ้าพร้อมลุยแล้วก็เดินทางไปพร้อมก๊อตเลย!
สำหรับการจะไปถ้ำพระยานครนั้น เราต้องเข้าไปที่วัดบางปู ซึ่งการเดินทางไปถ้ำพระยานครจะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือเดินเท้า และ การนั่งเรือหางยาวจากหาดบางปูไปที่หาดแหลมศาล ซึ่งการนั่งเรือจะประหยัดเวลาหน่อย ใช้เวลาประมาณ 10 นาที แต่ด้วยวันที่ก๊อตไปนั้น คลื่นลมมันแรงมาก ทำให้เราไม่สามารถนั่งเรือเข้าไปได้ เลยจำเป็นต้องเดินเท้าเข้าไปเอง
และแม้เส้นทางจะโหดเอาเรื่องสำหรับตัวก๊อต 55555 แต่การที่เราได้ลองเดินเข้ามาแบบนี้ มันทำให้ก๊อตได้มีเวลาดื่มด่ำไปกับธรรมชาติรอบๆ ตัวมากขึ้น ได้มีเวลาไปกับการหยุดแวะดูต้นไม้ตรงนั่น ยืนดูนกตรงนี้ อีกทั้งยังได้เห็นวิวระหว่างทางที่โคตรสวย ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินเข้ามาที่สุดแล้ว
เดินไปชมวิวไปก็เพลินดีเหมือนกันนะ แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังขั้นสุดเหมือนกัน 555555 เมื่อเราเดินจนสุดทางเขาลูกแรกแล้ว เราก็จะลงมาที่หาดแหลมศาล ซึ่งเป็นหาดกว้างๆ มีต้นมะพร้าวเยอะ ลมเย็น ร่มรื่น มีจุดบริการนัดท่องเที่ยวอยู่ด้วย ใครที่หิวหรืออยากเข้าห้องน้ำก็แวะพักก่อนจะต้องเดินทางต่อไปที่ ถ้ำพระยานคร ก็มาพักตรงนี้ได้เลย
หายเหนื่อยแล้วก็ไปกันต่อ เดินทางขึ้นเขาไปอีก 1 ลูก เขาลูกนี้โคตรชัน โคตรสูง ใครที่มากับผู้สูงอายุหรือมีปัญหาสุขภาพก็เช็คตัวเองกันก่อนเน้ออ ทางเดินนั้นจะมีความโหดขึ้นไปอีก ต้องใช้ความระวังมากๆ เดินไปประมาณครึ่งทางก็จะเจอกับที่นั่งพัก ที่สามารถดูวิวได้ด้วย พักจนพอใจก๊อตก็ตัดสินใจว่าจะเดินยาวๆ ไปจนถึงถ้ำเลย
ก่อนที่จะได้เข้าไปถึงตัวถ้ำ เราก็ต้องเดินลงเขาไปนิดหน่อย ซึ่งตรงนี้เค้าได้มีการทำทางไว้อย่างดีแล้วล่ะ ซึ่งจะบอกว่าตรงนี้เป็นอะไรที่สวยมาก เพราะว่าเป็นจุดที่มีการเกิดหินงอกหินย้อยที่สวยและเป็นธรรมชาติสุดๆ ซึ่งตรงนี้มีอะไรที่ทำให้ก๊อตรู้สึกว้าวอยู่หลายจุดมาก ไม่ว่าจะเป็น ‘น้ำตกแห้ง’ ที่เป็นประติมากรรมหินปูนที่เรียกว่าทำนบหินปูน เป็นถ้ำที่ในอดีตเคยมีน้ำไหล เวลาที่น้ำไหลก็จะทิ้งพวกตะกอนหินปูนต่างๆ ไว้ พอเวลาผ่านไปตะกอนสะสมเยอะเรื่อยๆ ก็เกิดสันเขื่อนเหลื่อมกันไปมาเป็นชั้นๆ ในปัจจุบันนี้ไม่มีน้ำไหลแล้ว เหลือแต่หินปูนที่ตกตะกอนจนมองไกลๆ แล้วเหมือนเป็นน้ำไหลลงมานี่แหละ โคตรดีย์
ยังไม่หมดนะ เดินเขามาอีกก็จะเจอกับต้นไม้ที่ขึ้นเป็นหย่อมๆ อยู่ใต้ช่องแสงของถ้ำ เหมือนเป็นโอเอซิส ที่สมบูรณ์มากๆ ขึ้นอยู่กลางถ้ำหิน ซึ่งถ้ามองไปที่ด้านบนก็จะเจอกับสะพานธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการที่หลังคาถ้ำนั้นสึกกร่อนและก็ถล่มร่งลงมา แต่มีบางส่วนที่เชื่อมถึงกันเหมือนเป็นสะพาน ซึ่งการถล่มของมันนี่แหละที่ทำให้เกิดช่องแสงจนตรงนี้มีต้นไม้สวยๆ ขึ้นอยู่
และแล้วเราก็มาถึง ถ้ำพระยานคร ซึ่งเรามาได้ทันเวลาพอดีที่จะได้เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามากระทบกับพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ มันเป็นภาพที่โคตรสวยย ที่เดินมาเหนื่อยๆ หายไปหมดเลย ใจฟูมากก
ถ้ำพรยานครถูกค้นพบโดยเจ้าพระยาผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชตั้งแต่ 200 ปีก่อนนู่นล่ะ นี่เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ยักษ์ ที่มีทั้งหมด 3 ห้อง โดย 2 ห้องนั้นมีช่องด้านบนทำให้ภายในถ้ำมีต้นไม้ขึ้น และเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2433 ในหลวงรัชกาลที่5 มีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จประพาส จึงโปรดเกล้าให้สร้างพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ขึ้นมา ซึ่งพระที่นั่งนี้ก็ได้ถูกเอามาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดประจวบฯ มาถึงทุกวันนี้
ภายใน ถ้ำพระยานคร ก็จะเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยที่สวยมากๆ เพดานถ้ำทะลุจนเป็นช่องให้แสงเข้ามา ซึ่งถ้าใครอยากมาเห็นภาพแบบนี้ ก๊อตแนะนำให้มาช่วง 10.30-11.30 เพราะเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังอยู่ตรงช่องพอดี สามารถมองเห็นเป็นลำแสงได้เลย โคตรดีย์
อำเภอกุยบุรี
ถ้ำไทร
ไปถ้ำพระยานครมาแล้ว ก๊อตอยากให้ทุกคนได้ไป ถ้ำไทร ด้วย เพราะที่นี่เค้าบอกว่ามีหินงอกหินย้อยที่อลังการงานสร้าง และเป็นถ้ำที่ธรรมชาติที่สุด ถ้ำไทร เป็นถ้ำที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดอีกเช่นเคย ซึ่งทางเดินไปถ้ำนั้นไม่ไกลเลย เดินไปแค่ 280 เมตรเท่านั้นเอง แต่ว่าทางมันชันและเดินโคตรลำบาก 5555555
คำแนะนำ : คนที่แพลนว่าจะมาเที่ยวถ้ำควรใส่รองเท้าผ้าใบ เพราะจะได้เดินได้อย่างสะดวกและไม่เป็นอันตรายด้วย และควรพกไฟฉายมาด้วย ถ้าใครไม่ได้เอามาก่อนเดินขึ้นไป เค้าก็มีจุดให้เช่าไฟฉายไว้บริการ ก๊อตแนะนำว่าให้เช่าเลย เพราะข้างในถ้ำนั้นมืดมาก และแสงจากมือถือมันไม่พอจริงๆ ปลอดภัยไว้ก่อนนน
ก่อนจะพาทุกคนเข้าไปในถ้ำ ก๊อตขอเล่าตำนานถ้ำไทรก่อนเลย เค้าบอกว่าเมื่อก่อนมีผู้ชายคนนึงชื่อตาเอิบ เป็นชาวบ้านคนแรกที่มาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านคุ้งโตนด แล้ววันนึงตาเอิบก็เข้าไปหาของกินในป่า แล้วก็เกิดได้ยินเสียงปีพาทย์ขึ้นมา แกเลยเดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยๆ จนมาเจอกับปากถ้ำ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงแล้ว ตาเอิบก็เลยเข้าไปดูว่าในถ้ำมีอะไร แล้วเค้าก็เจอกับหินงอกหินย้อยที่หน้าตาเหมือนต้นไทร ประจวบเหมาะกับที่หน้าถ้ำก็มีต้นไทรขึ้นอยู่ด้วย ชาวบ้านก็เลยเชื่อกันว่าทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นที่มาของชื่อถ้ำไทรนั่นเองง
ในปัจจุบันต้นไทรหน้าปากถ้ำนั้นตายไปแล้ว พอก๊อตมาถึงก็เลยเดินเข้าไปเลย ต้องบอกว่าถ้ำมันมืดมากจริงๆ และเป็นธรรมชาติสุด ไม่มีการทำทางใหม่ หรือติดไฟเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเลย มีแค่การทำบันไดไว้ให้เดินลงแค่นั้นเอง ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งมืด แต่เดินไปไม่ไกลก็จะเจอกับกองหินงอกหินย้อยเยอะมากๆ แต่ละอันคือโคตรยิ่งใหญ่ รู้เลยว่าที่นี่มีมานานมากๆๆ แล้ว ถ้ามองใกล้ๆ จะเห็นเลยว่ามันเป็นตะกอนทับถมมานานจนเกิดเป็นลายริ้วๆ แบบนี้
ตรงนี้เป็นช่องที่มีหินงอกหินย้อยขึ้นสองข้างทางเหมือนเป็นซุ้มประตู ถ่ายรูปสวยมากก แต่ต้องระวังมากๆ เลยนะ เพราะมันค่อนข้างลื่นและสูงมาก พอถ่ายรูปเสร็จก็เดินตามลูกศรเพื่อลงไปข้างล่าง ทันทีที่ลงไปถึงแล้วมองย้อนกลับไปขึ้นไปบนเพดานถ้ำ มันเป็นอะไรที่โคตรยิ่งใหญ่ ยิ่งช่วงที่มีแสงลอดผ่านเพดานถ้ำเข้ามาคือสวยมาก บอกตามตรงว่าไม่เคยเห็นหินงอกหินย้อยที่สวยปังเท่านี้มาก่อน
ล่องเรือคลองเขาแดง
เรายังคงเที่ยวอยู่ในโซนอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดกันอยู่ เราจะไปนั่งเรือชมวิวชิลๆ กันบ้าง โดยเราจะมุ่งตรงไปที่ วัดเขาแดง ซึ่งเป็นจุดขึ้นเรือไป ล่องเรือคลองเขาแดง นั่นเอง
คลองเขาแดง นั้นเป็นคลองที่เชื่อมต่อไปยังอ่าวไทยและเป็นคลองสำคัญของชาวบ้านในตำบลเขาแดง เพราะว่าเป็นเหมือนพื้นที่ที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงชาวบ้านแถวนี้ และยังเป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่มีธรรมชาติสมบูรณ์มาก ถึงขนาดว่าได้รับการขนานนามว่าเป็น “กุ้ยหลินแห่งประจวบคีรีขันธ์” เชียวน้าา
การล่องเรือจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเราไปดูฝั่งที่เป็นป่าชายเลน ได้เห็นวิวภูเขาต่างๆ รวมไปถึงภูเขาแดงที่เป็นที่มาของคลองสายนี้ และยังได้ไปชมวิธีชีวิตของชาวบ้าน ก่อนที่จะพาไปชมความสวยงามของปากอ่าวไทย เรือลำนึงนั่งได้ประมาณ 6-8 คน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเที่ยวละ 500 ต่อลำ
เริ่มต้นด้วยการล่องเรือไปตามแนวป่าชายเลนเรื่อยๆ ตลอดทางจะได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ได้เห็นนกนานาชนิด โดยรวมบรรยากาศชิลมาก ป่าชายเลนเขียวขจี คล้ายๆ กับที่เราไปเห็นที่วนอุทยานปราณบุรีเลย แต่ว่าเป็นคนละมุมมองกัน เรือก็ล่องไปเรื่อยๆ ผ่านภูเขาต่างๆ ตอนที่ก๊อตไปนั้นไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นเลย เลยบอกให้พี่คนขับเรือเค้าหยุดถ่ายรูปได้เรื่อยๆ ไพรเวทมาก 55555555 ระหว่างทางก็พี่คนขับเรือก็ชี้ให้ดูภูเขาที่มีรูปทรงเหมือนจรเข้กำลังไต่เขา จินตนาการล้ำลึกมาก
ชมความงามของธรรมชาติจบแล้วก็ไปดูวิถีชีวิตชาวประมงกันบ้างดีกว่า นั่งเรือย้อนกลับมาก็จะได้เห็นบ้านของชาวบ้านที่ตั้งอยู่ริมน้ำเรียงรายกันอยู่หลายหลังเลย และเรือก็ล่องไปเรื่อยๆ จนไปถึงปากอ่าวไทย ซึ่งเป็นอะไรที่โคตรสวย น้ำทะเลสีฟ้าที่กว้างมาก ได้เห็นฝูงนกอยู่กลางน้ำ ทุกอย่างมีดีย์ไปหมด ถือเป็นการล่องเรือที่เพลินมากก ชอบบ
อำเภอทับสะแก
อ่างเก็บน้ำคลองช่องลม
เราขอย้ายอำเภอมาที่ อ.ทับสะแก กันบ้าง โดยอำเภอนี้เราจะต้องขับรถไกลออกมาจากแถวอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดประมาณ 80 กว่ากิโลเมตร โดยจุดหมายปลายทางแรก เราจะมาที่ อ่างเก็บน้ำคลองช่องลม อีกหนึ่งที่เที่ยวที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักในกลุ่มนักท่องเที่ยว
อ่างเก็บน้ำคลองช่องลม หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในชื่อ ‘เขื่อนเขาล้าน’ ซึ่งเค้าเรียกตามชื่อตำบลนี้กันนั่นเอง โดยที่นี่เป็นสถานที่ที่ใช้เก็บกักน้ำเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในช่วงหน้าแล้ง เนื่องจากเป็นช่วงที่ขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค และยังช่วยลดปัญหาน้ำท่วมในช่วงหน้าฝนได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สร้างประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่มากๆ ทั้งยังเป็นสถานที่เที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยมากด้วยเด้อ บรรยากาศนี่ดีเว่อร์ รายล้อมไปด้วยภูเขาไกลสุดลูกตา ใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวาย มาสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ฉ่ำปอด ไม่ควรพลาดที่นี่น้าา
โดยบริเวณด้านบนอ่างเก็บน้ำคลองช่องลม จะเป็นถนนเส้นยาวที่เราสามารถมองเห็นวิวภูเขาสลับทับซ้อน สะท้อนเงาอยู่บนผิวน้ำได้ เป็นภาพที่สวยงามมาก จะถ่ายรูปมุมไหนก็ปังไปหมด แถมรูปที่ได้ยังให้ฟีลเหมือนอยู่เมืองนอกด้วยแหละ โดยรวมแล้วบรรยากาศตรงนี้ค่อนข้างชิลและสงบสุดๆ เพราะคนไม่พลุกพล่าน อย่างวันที่ก๊อตไปนั้นไม่มีนักท่องเที่ยวเล้ยย นานน้านจะมีชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาสักคัน มันฟีลกู๊ดมากก เราได้มาพักผ่อนจริงๆ
และถ้าใครอยากหาที่นั่งชมวิวรอบๆ ละก็ ก๊อตแนะนำให้ขับรถลงมาจากสันเขื่อนด้านบนตะกี้ เค้าจะมีลานริมน้ำที่บรรยากาศโคตรดี สามารถขับรถเข้ามาจอดชมวิวข้างอ่างเก็บน้ำได้ หรือถ้าใครเตรียมของมาปิกนิก จุดนี้นี่เหมาะมากสำหรับกางเก้าอี้ปิกนิก นั่งชิลๆ ฟังเสียงธรรมชาติ มู้ดดีมาก แฮปปี้สุดด
ป่าสนเหมืองแร่
อีกหนึ่งที่เที่ยวของทับสะแก ที่ก๊อตชอบและอยากให้ทุกคนมาคือ ป่าสนเหมืองแร่ ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ‘เหมืองแร่’ หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีชาวบ้านอยู่กันไม่มาก ป่าสนที่นี่เค้าสวยอย่างกับภาพวาดแหนะ จังหวะที่เราขับรถไปตามถนนที่ตัดผ่านป่าสน สามารถมองเห็นสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นสนขึ้นเรียงรายเป็นทิวแถว สูงลู่ลมไปมา ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถขึ้นไปเที่ยวภาคเหนือเลยล่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าที่นี่จะอยู่ประจวบฯ ประทับใจก๊อตสุดๆ
เนื่องจากป่าสนเหมืองแร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน ถนนเส้นนี้เลยมีความยาวไม่มาก ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นถนนที่ชาวบ้านเค้าใช้เดินทางสัญจรไปมา แต่ช่วงที่ก๊อตไปไม่ได้มีชาวบ้านขี่ผ่านเยอะนะ เราสามารถหาที่จอดรถเหมาะๆ แล้วเดินเล่นถ่ายรูปได้ชิลๆ เลยล่ะ บรรยากาศตอนยืนถ่ายรูปกลางถนนเนี่ย กลายเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยไปเลย เพราะสองข้างทางมีแต่ต้นสนสูงใหญ่ทั้งน้านน ทำให้อากาศบริเวณนี้เย็นสบาย ร่มรื่นมาก ส่วนรูปที่ได้ออกมาก็สวยม๊ากกกกกเช่นกันเน้ออ
ก๊อตขอยกให้ป่าสนเหมืองแร่เป็นสถานที่ Unseen ของจังหวัดประจวบฯ เลยล่ะ ปังเวอร์ ใครชอบที่เที่ยวธรรมชาติ อยากสูดอากาศดีๆ ถ่ายรูปออกมาให้ฟีลเหมือนเมืองนอก ก๊อตแนะนำที่นี่เลย เห็นในรูปว่าสวยแล้วสถานที่จริงคือสวยกว่านี้อีกเว้ยย
อำเภอหัวหิน
ชายหาดหัวหิน
แน่นอนว่า มาเที่ยวหัวหินทั้งที ลิสต์ที่เที่ยวหัวหินเราจะขาด 'ชายหาดหัวหิน' ไม่ด๊ายย! เพราะแน่นอน เรามาเที่ยวหัวหิน และหัวหินคือชื่อชายหาดและทะเลที่นี่ ดังนั้น ที่แรกที่เราจะพาไปคือไปเดินเล่นชายหาดหัวหินนั่นเอง ฮ่าๆ
สำหรับใครที่ชอบความสงบของชายหาดหัวหิน ก๊อตอยากแนะนำช่วงเช้าคือช่วงที่ดีที่สุดของการมาเดินเล่นชายหาดหัวหินเลยล่ะ สำหรับคนที่ตื่นเช้าทันก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น ฝั่งทะเลหัวหินคือฝั่งที่พระอาทิตย์ขึ้นสวยที่สุดของหัวหินแล้ว และถ้าใครอยากทำบุญล่ะก็ เราสามารถรอพระท่านมาเดินบิณฑบาตที่ชายหาดหัวหินได้เลย
ส่วนใครที่มาเที่ยวชายหาดหัวหินช่วง 8 โมงเช้า ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ดีอีกเวลาหนึ่ง เพราะน้ำทะเลจะลงจนเห็นชายหาดกว้างๆ เลย ใครที่อยากจ็อกกิ้งก็วิ่งออกกำลังกายได้ หรือใครที่เป็นสายชิล การเดินลงมาย้ำหาดทรายช่วงคลื่นสงบๆตอนเช้า ถือเป็นการรีแลกซ์แบบชิลๆให้กับชีวิตเราอย่างดี ชอบมาก
โดยที่ชายหาดหัวหินเค้าจะมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่ใครมาแล้วจะต้องมาลอง นั่นคือกิจกรรมขี่ม้าริมชายหาด ซึ่งเราสามารถมาเดินเลือกได้เลยน้า จะมีคนจูงม้ามา บ้างก็ขี่ม้าวนไปวนมาอยู่บนชายหาดนั่นแหละ ถ้าเราเจอตัวไหนที่ชอบแล้วแต่ราคายังไม่ตอบโจทย์มาก ก๊อตแนะนำว่าอย่าเพิ่งใจร้อน เดินเล่นไปก่อน เพราะตามแนวชายหาดมีม้าเยอะแยะเลย เลือกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถูกใจแล้วค่อยลองขี่ดูก็ได้น้า ราคาที่ก๊อตเจอเค้าจะคิดเป็นนาที เริ่มต้น 20 นาที ราคา 400 บาท ไปจนถึง 1 ชั่วโมง ราคา 1,000 บาท
หรือใครที่ขี่ม้าไม่เป็นจะขึ้นไปถ่ายรูปบนหลังม้าเฉยๆ ก็ได้น้า ค่าถ่ายรูปก็ประมาณ 100 บาท ซึ่งความปังคือแค่นั่งบนหลังม้าแล้วถ่ายรูปอยู่ริมทะเล พออัพลงโซเชียลปุ๊บ คนก็รู้เลยทันทีว่าเราอยู่ที่ไหน หัวหินแบบตะโกนม๊ากกก
Memory House Cafe HuaHin
Memory House Cafe HuaHin ถือเป็นคาเฟ่ในหัวหินที่เรารักมากตอนนี้ เพราะเค้าฉีกแนวคาเฟ่ในหัวหินมาเป็นรูปแบบของโรงนาและทุ่งดอกหญ้าคิวท์ๆ อิงเคียงข้างกับอ่างเก็บน้ำเขาเต่า ซึ่งก๊อตคิดว่า ที่นี่น่าจะถูกใจหลายคน เพราะเค้ามีมุมถ่ายรูปเป็นร้อยมุมพร้อมพรอพน่ารักๆ ที่ทำให้เราถ่ายรูปลงโซเชียลได้อย่างคิวท์ๆเสมือนอยู่เกาหลียังไงอย่างนั้นเล้ย
สำหรับเรื่องกาแฟและเค้กเค้าก็มีให้เลือกเยอะเหมือนกัน มาครั้งนี้ก๊อตสั่ง กาแฟพ่นไฟ (Iced Signature Coffee / 109 บาท) ที่มาพร้อมกับไข่มุกจัดเต็ม ตอนที่ก๊อตไป กำลังไดเอทอยู่แหละ ซึ่งเค้าก็มีออฟชั่นให้เราเลือกโดยไม่ต้องใส่ไซรัป รวมถึงเราสามารถเปลี่ยนไข่มุกเป็นบุกมะพร้าวได้ ซึ่งอันนี้ดีมากกก แล้วทำออกมาก็อร่อย ถูกใจด้วย
สำหรับกาแฟอีกแก้วที่ได้ลองสั่ง Iced Hazelnut Macchoato (99 บาท) แก้วนี้ก็อร่อย หอมๆเฮเซลนัทกำลังดี ซึ่งเป็นอีกแก้วที่โอเคมากเหมือนกัน สุดท้ายที่ชอบมากสุด คือ Maccademia Cheese Cake (119 บาท) โดยตัวเนื้อชีสเค้าออกเค็ม เนื้อแน่นพอดีกับครัมเบิ้ลด้านล่าง ทั้งหมดคือหวานกำลังดี ทำให้เค้กชิ้นนี้ทำเอาเราเลิฟที่สุดชนะกาแฟสองแก้วที่สั่งมาด้วยไปเลยล่ะ 5555 ดีย์!
สรุป Memory House Cafe HuaHin เป็นอีกคาเฟ่ที่ดีมากอีกคาเฟ่นึงที่อยากให้ลองมาเที่ยว กินกาแฟและเค้กกันเนอะ บรรยากาศคือดีมาก ทุ่งดอกหญ้าสวยๆตัดกับวิวของอ่างเก็บน้ำเขาเต่าที่เข้ากันอย่างลงตัว ใครที่อยากมาเที่ยวและถ่ายรูปสวยๆ ก๊อตแนะนำให้มาสี่โมงเย็นเป็นต้นไปเนอะ เพราะแสงไม่ค่อยแข็งแล้ว ถ่ายรูปคือดีงาม
สะพานปลาหัวหิน
หากตอนเย็นไม่รู้จะไปไหน อยากหาที่เดินเล่นชิลๆ ชมวิวหัวหินเพลินๆ ก๊อตอยากแนะนำให้เรามาเดินเล่น สะพานปลาหัวหิน โดยเฉพาะตอนเย็นๆ ที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เพราะทะเลหัวหินกับท้องฟ้ายามเย็นคือสวย อีกทั้งบรรยากาศรอบๆ บริเวณสะพานปลาคือดีย์ด้วย มีทั้งเรือประมงต่างๆที่มาจอดเรือเทียบท่า มีคนเดินเล่น และยังมีชาวบ้านเค้ามาตกปลากันเนืองๆ หากชอบความชิลแบบนี้ ที่นี่ถือเป็นอีกที่หนึ่งที่ก๊อตค่อนข้างชอบเลยแหละ
ส่วนใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศ สะพานปลาหัวหิน แบบตลาดนัด ตรงสะพานนี้เค้ามีตลาดตอนกลางคืนช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ด้วยนะ ได้ยินมาว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว ใครอยากลองมาก็หาเวลาว่างวีคเอ็นด์แล้วมาเดินเล่นกันได้เลย!
สตรีทอาร์ทหัวหิน (ชุมชนสมอเรียง-พูลสุข)
ส่วนก๊อตคิดว่าใครหลายคนอาจไม่รู้เลยว่าหัวหินเค้ามีสตรีทอาร์ทน่ารักที่ซ่อนตัวอยู่ในชุมชนคนท้องถิ่นของหัวหินด้วย ซึ่งเกือบทุกจุดของสตรีทอาร์ทพวกนี้ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล แต่แทบจะอยู่ใจกลางเมืองหัวหินใน ชุมชนสมอเรียง-พูลสุข หรือตรงซอยหัวหิน 57 นั่นเอง ซึ่งสตรีทอาร์ทเค้าก็ช่วยแต่งแต้มเพิ่มเติมสีสันให้กับชุมชนให้ดูน่ารักขึ้นมาก แต่คนท้องถิ่นในชุมชนยังใจดีและน่ารักมากๆ อีกด้วยแหละ
Matapita x The Hen Hua Hin
หากพูดถึงร้านชาและเค้กที่หลายคนบอกว่าอร่อยในหัวหินล่ะก็ คงหนีไม่พ้นร้าน Matapita ชื่อดังที่อยู่คู่หัวหินมาหลายปี ใครที่ชอบกินในร้านเก๋ๆ ก็ไปที่ร้านออริจินอลเค้าได้ แต่ครั้งนี้ที่ก๊อตมานั้น เราจะไปกินชากับเค้ก Matapita ที่เค้า Collab กับโรงแรม The Hen Hua Hin จนกลายเป็น Matapita x The Hen Hua Hin กับร้านชาและเค้กริมหาดหัวหินในบรรยากาศสุดชิลนั่นเอง
เค้ก Matapita เค้าจะเน้นเบสหลักเป็นชีสเค้ก แล้วฟิวชั่นเมนูเอานะเอ้อ โดยชีสเค้กเค้าก็มีหลากหลายแบบด้วย ไม่ว่าจะเป็นชีสเนื้อเบานวลๆหรือชีสเค้กเนื้อแน่น แล้วผสมแร่แปรธาตุออกมาเป็นหลายรสชาติต่างๆเยอะแยะมาก ซึ่งมาครั้งนี้ ก๊อตสั่งไปสามตัวตั้งแต่ Blueberry Lemon Cheesecake (200 บาท) ที่ชีสเค้กออกนวลๆ ท้อปปิ้งด้วยบลูเบอร์รี่สดเต็มมาก อันนี้ดีย์
ต่อมาคือ Sweet Potato Macadamia Cheese Cake (220 บาท) ที่สัมผัสได้ของ Texture ของตัวเนื้อเค้กที่หนักหน่อย แต่อร่อยมาก เป็นอีกตัวที่ประทับเหมือนกัน และเค้กตัวสุดท้ายคือ Chocolate Cheese Cake (220 บาท) ที่ชอบเหมือน เพราะตัวช็อคโกแลตไม่หวานมาก และรสชาติเข้มกำลังดี อันนี้เค้าจะมีเมล็ดเสาวรสมาให้เป็นท้อปปิ้งด้วยนะ แต่ส่วนตัวก๊อตชอบไม่ราดมากกว่า 5555
สำหรับชานั้น เป็นอีกสิ่งที่ควรสั่ง รอบนี้ก๊อตมีสั่ง Passionfruit Iced Tea (110 บาท) อันนี้ดีย์ กินแล้วสดชื่นมาก ตัวชาได้กลิ่นเสาวรสชัดเจน ส่วนอีกแก้วที่สั่งคือ Rose Lynche Iced Tea (110 บาท) กับชารสลิ้นจี่ ส่วนตัวก๊อตคิดว่ากลิ่นและรสลิ้นจี่จางไปนิด ตัวนี้ก๊อตเลยรู้สึกเฉยๆ ถ้ามีรสและกลิ่นมากกว่านี้นิด จะดีมากก
สรุป คือ Matapita x The Hen Hua Hin เป็นอีกร้านที่แนะนำแหละ เค้กเค้าอร่อยจริง และถึงแม้ราคาเค้กเค้าจะแรงนิดนึง แต่เค้กเค้าอร่อยและให้ผลไม้หรือพวกท็อปปิ้งจัดเต็มอยู่ แถมบรรยากาศร้านก็ดี ถ่ายรูปสวยแน่นอน เลิฟฟ
ก๊อตบอกแล้วว่า ประจวบคีรีขันธ์ นั้นมีที่เที่ยวเยอะมาก เค้าไม่ได้มีแค่ทะเลอย่างเดียวนะ ที่นี่ยังมีป่าไม้ และธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ที่อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสกันด้วยตัวเอง ส่วนตัวก๊อตคิดว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนจริงๆ เพราะเค้ามีที่เที่ยวหลากหลายแนว ทุกคนสามารถเลือกได้ตามสไตล์เลย ไม่ว่าจะเป็นสายคาเฟ่ สายธรรมชาติ สายเดินเขา สายเดินชิลๆ ริมทะเล เค้าก็มีมาครบ เที่ยวจบในจังหวัดเดียว เอ้า เล่ามาสะยาวขนาดนี้แล้ว ทุกคนต้องมานะ!!
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡