ถ้าพูดถึงการไปเที่ยวเมืองเหนือ ส่วนมากก็จะไปเที่ยวเมืองเชียงใหม่หรือไปแม่ฮ่องสอนกัน ครั้งนี้เราข้ามเมืองเชียงใหม่ยอดฮิต มาเที่ยว นครลำปางและเมืองน่าน กันหน่อยแล้วกัน นี่มั่นใจมากว่าหลายคนยังไม่เคยไปสองจังหวัดนี้ เพราะผมก็ยังไม่เคยไปเลยจนกระทั่งทริปนี้นี่แหละ ที่มีโอกาสได้ไปเพราะคำเชื้อเชิญจากพี่ๆ เฌอร่า (SHERA) เอ้า .. แหม ชวนกันมาขนาดนี้แล้ว เราจะไม่ไปได้แงะ ผมเลยตอบรับทันทีแบบไม่ต้องคิด ถ้างั้นเรามาดูกันว่าผมจะไปที่ไหนบ้าง บางที่เป็นสถานที่ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยอยู่แล้ว เพราะเค้าดังมานาน แต่บางที่ก็เป็นสถานที่เที่ยวใหม่แบบอันซีนที่หลายคนไม่รู้ งั้นตามมาเลยแจ้ 😌
เริ่มต้นนครลำปาง เมืองรถม้า
นครลำปาง นั้นเป็นเมืองที่หลายคนไม่รู้ว่ามีรูปไก่อยู่ในตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัด (ไม่ใช่ม้านะแจ๊ะ) ชามไก่ลำปางที่ดังก็มาจากไก่ สัญลักษณ์ประจำจังหวัดนี่แหละ และอีกเรื่องที่หลายคนอาจจะไม่รู้คือ ลำปางเป็นเมืองที่มีวัดศิลปะแบบพม่ามากที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นหากใครต้องมนต์สเน่ห์วัดพม่า เราไม่ต้องไปไกล มาลำปางได้เล้ย ทริปนี้เราก็จะได้เที่ยวหนึ่งวัดศิลปะพม่าชื่อดังอีกด้วยแหละ เริ่ม!
วัดพระธาตุดอยพระฌาน
วัดพระธาตุดอยพระฌาณ นั้นถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ของ ชุมชนบ้านป่าตัน จังหวัดลำปาง จากตอนแรกที่เริ่มมีแค่ดอยพระธาตุบนยอดดอย แถมยังเป็นเขตป่าเสื่อมโทรมที่คนมาตัดต้นไม้ทำลายป่าจนกลายเป็นเขาหัวโล้น ตอนนี้ที่นี่ถูกสร้างและบูรณะใหม่กลายเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม วิวสวย เป็นที่ท่องเที่ยวอันซีนที่น้อยคนจะรู้จัก บอกเลยว่าดีงาม ควรค่าแก่การมา 🙂
เมื่อรถเรามาถึง วัดพระธาตุดอยพระฌาณ ก็จะเจอกับบ้านทรงไทยสีเหลืองตัดกับหลังคาสีน้ำตาลเด่นสดใสอยู่ข้างหน้า ตรงนี้จะมีร้านค้าและร้านกาแฟให้เราเติมพลังก่อนเดินลุยขึ้นดอย เราสามารถจอดรถตรงนี้ได้ถ้าใครอยากเดินขึ้น แต่ถ้าขี้เกียจเดินขึ้น เราสามารถขับรถขึ้นดอยแทนการเดินได้ 5555
ใจจริงน่ะ อยากให้ลองเดินดู เพราะทางเดินขึ้นดอยสวยนะเว้ย ค่อนข้างร่มรื่น เพราะต้นไม้เต็มไปหมด จุดสตาร์ทขึ้นก็จะมีรูปปั้นรอต้อนรับอยู่ ออกจะแนวฮินดูหน่อยๆ จากนั้นเดินไปแล้วก็จะเจอทางเดินพญานาคสีขาว เดินขึ้นต่อไปเรื่อยๆ แปปๆ ก็ถึงประตูยอดดอย วัดพระธาตุดอยพระฌาณ แล้ววว
ตรงที่ผมนั่งนั่นแหละ คือทางที่เราขึ้นมาจากด้านล่าง พอมองจากด้านบนแล้วเหมือนไม่มีบันไดเลย เห็นแต่วิวรอบๆ เห็นแล้วหายเหนื่อย 55555
เมื่อเราเดินเข้าไป อย่างแรกที่จะเห็นคือ วิหารพระพุทธเจ้าองค์ปฐม โดยมีสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณ ประดิษฐานอยู่ เราสามารถเข้าไปกราบได้นะครับ ที่อยากบอกคือ วิหารของที่นี่ น้อยครั้งที่จะเห็นวัดตกแต่งโทนสีน้ำตาลเข้ม + สีส้ม และสีทอง สวยงามจริงๆ
ส่วนสุดท้ายที่อยู่หลังวิหาร คือเจดีย์พระธาตุดอยพระฌาน และทางเดินไปยังที่จอดรถบนยอดดอยที่มีศาลาปฏิบัติธรรมขนาบข้างอยู่ อีกทั้งยังมีร้านกาแฟที่เราสามารถนั่งดูวิวได้อีกด้วย บรรยากาศดีและชิลมากกกก 🙂
จากนั้น พี่เฌอร่า (SHERA) ก็ให้เราทายว่า เรามาที่นี่กันทำไมนะ ? เอ … เค้าก็คงมาพาสถานที่สวยงาม และยังไม่เป็นที่รู้จักไง๊ พี่เค้าก็บอกว่านั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว (อ้าว ..)
เฌอร่า (SHERA) ภูมิใจนำเสนอกับหลังคาศาลาด้านหน้าเจดีย์พระธาตุ และบ้านสีเหลืองตรงทางเข้าด้านล่างนั้น .. ใช้หลังคาของเฌอร่า ซีดาร์ เชค (SHERA ZEDAR SHAKE) ที่ทำดีไซน์เสมือนหลังคาไม้จริง แต่คุณสมบัติดีกว่าไม้นั่นเอง .. โอ้โหว เหมือนจริงว่ะ
จากนั้น พี่เฌอร่าก็ขออุบไว้ก่อน ว่ามันดีกว่าไม้จริงยังไง เดี๋ยวตอนหลังมาอธิบาย 55555
.. เราก็ .. โอเค๊ ได้เลย 😂
นั่งรถม้ารอบเมือง
ไหนๆได้เข้าเมืองลำปางทั้งที เราก็ต้องมานั่งรถม้ากันซักหน่อย รถม้าที่เราขึ้นนั้นอยู่ตรงแถวถนนดวงรัตน์ ซึ่งถนนตรงนี้ก็จะมีรถม้ายืนรอเราหลายคันเลยแหละ เค้าจะแบ่งเส้นทางหลัก 2 ทาง คือ เส้นรอบเมืองเล็ก (150 บาท) กับเส้นรอบเมืองใหญ่ (200 บาท) ทีนี้ก็แล้วแต่เราเลยว่าเราต้องการขึ้นรถม้าชมเมืองแบบไหน ส่วนจำนวนคนนั้น สามารถขึ้นได้ตั้งแต่ 1-3 คน ก็หารกันไปเลย แล้วไม่ต้องไปต่อราคาเค้านะเฟร้ย ราคานี้คือราคามาตรฐานที่กำหนดโดย สมาคมรถม้าลำปาง เรียบร้อยแล้ว
ถ้าใครว่างๆ ก็มาขี่รถม้าได้น้า ถือเป็นการใช้เวลาว่างชมเมืองแบบชิลๆ รอบเมืองเล็กก็จะเร็วหน่อย ส่วนรอบเมืองใหญ่ ระยะทางก็จะยาวกว่า ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แค่นั้น หลังจากชมเมืองเสร็จ ก็ขอเค้าถ่ายรูปกับม้า หรือรถม้าได้ด้วย พี่เค้าโคตรใจดี 😀
วัดศรีชุม
ต่อกันอีกกับ วัดศรีชุม ลำปาง วัดสถาปัตยกรรมพม่าที่สวยและใหญ่ที่สุดจากทั้งหมด 31 แห่งในประเทศไทย สร้างโดยคหบดีชาวพม่าตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่อน โดยช่างฝีมือที่ใช้ในการสร้างวัดนี้อิมพอร์ทมาจาก มัณฑะเลย์ โดยตรงเลยนะ ถ้าใครไปเที่ยวมัณฑะเลย์อย่างผม กลิ่นอายวัดศรีชุมที่นี่คือมีความเป็นพม่าฉบับมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง โอ้โหว ดีกรีขนาดนี้จะไม่มาได้ไง
น่าเสียดายที่หลายสิ่งหลายอย่างเสียหายจากเหตุการณ์ไฟไหม้วัดในปี 2534 เหลือแต่ซุ้มประตูทางขึ้นของวิหารหลังใหญ่ที่รอดพ้นจากไฟไหม้เท่านั้น หลังจากนั้นเค้าก็บูรณะวัดใหม่ แต่ความสวยงามสู้แบบออริจินอลไม่ได้ เพราะหาช่างฝีมือพม่าที่มีฝีมือวิจิตรศิลป์สวยงามเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว เสียดายสุดๆ
ซุ้มประตูทางเข้าสีทองของ วัดศรีชุม คือสิ่งเดียวยังหลงเหลืออยู่ในสภาะที่สมบูรณ์จากการไฟไหม้วัดเมื่อ 25 ปีที่แล้ว
ในวิหารจะมี พระประธานของวัดศรีชุม เป็นพระพุทธรูปแบบพม่าปางมารวิชัย ประดิษฐานอยู่
ฝั่งตรงข้ามมีโบสถ์อยู่อีกหลังนึง สถาปัตยกรรมเป็นแบบพม่าเหมือนกัน
สังเกตง่ายๆเลย วัดพม่าจะเป็นแบบหลังคาหลายๆชั้นซ้อนกันลดหลั่นลงมา แตกต่างจากวัดไทยอย่างชัดเจน
อีกอย่างคือ นกพิราบในวัดโคตรเยอะเลย ในรูปนี่แค่นิดหน่อย แต่ที่จริงคือเป็นฝูงร้อยๆตัวเลยแจ้ เค้ามีอาหารนกขายด้วยนะ เผื่อใครอยากทำทานให้อาหารนก
เมืองน่าน สโลวไลฟ์แบบน่านๆ
หลังจากเสร็จที่นครลำปางกันแล้ว เรามาต่อกันที่เมืองน่านกันบ้าง เมืองเล็กๆสโลวไลฟ์ที่มีสเน่ห์แบบน่านๆ ครั้งนี้พี่เฌอร่าจะพาเยี่ยม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน ไหว้พระที่ วัดภูมินทร์ และเสร็จสิ้นภารกิจด้วยการไปชิมกาแฟ ซื้อของฝากจากร้านภูฟ้า ร้านในโครงการส่งเสริมอาชีพของ สมเด็จพระเทพฯ เริ่มเลย 😉
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน
ก่อนที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่านนั้น ที่นี่เคยเป็นทั้งที่ประทับของพระเจ้าน่านสมัยก่อนโน้น หลังจากนั้นก็ถูกยกให้รัฐบาลกลายมาเป็นอาคารศาลากลางจังหวัดน่าน จนล่าสุดกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่านในปัจจุบัน ทั้งหมดสามสมัยของอาคารหลังนี้ นับรวมอายุได้เกือบ 120 ปี แล้วววว !
ถ้าใครว่างลองค้นหารูป พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน ในกูเกิ้ล เราอาจจะเห็นอาคารหลังนี้เป็นสีขาวนวลที่มีหลังขาเป็นสีเขียว ปัจจุบันนี้กรมศิลปากรได้บูรณะใหม่โดยการดูจากจดหมายเหตุว่า ออริจินอลดั้งเดิมของอาคารนี้เป็นอย่างไร กรมศิลป์เค้าก็ต้องการฟื้นร่างอาคารเดิมหลังนั้นกลับมาอีกครั้ง โดยเปลี่ยนสีตัวตึกรวมถึงทำหลังคาใหม่ให้ดูเหมือนเดิม
ฮั่นแน่~ พี่เฌอร่า พูดเรื่องหลังคา เราเลยพูดกลับทันทีว่า ‘หลังคาอันใหม่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านอันนี้ ใช้ของเฌอร่า (SHERA) ใช่มั้ย?’ ซึ่งพี่เฌอร่าก็บอกว่า ถูกต้องแล้วจ่ะ น้องงง ที่นี่ใช้หลังคาเฌอร่า ซีดาร์ เชค (SHERA ZEDAR SHAKE) ที่มีหน้าตาเสมือนไม้จริง เหมือนกับที่ วัดพระธาตุดอยพระฌาน ลำปางนั่นแล
ในวันที่ผมไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน หลายส่วนถูกปิดไม่ให้เข้าชมแหละ เราได้แต่เดินอยู่ชั้นหนึ่ง เปิดแต่ห้องที่มี ‘งาช้างดำ’ เก็บรักษาไว้ ซึ่งงาช้างดำเนี่ย ถือเป็นวัตถุโบราณหายาก และวัตถุมงคลคู่บ้านคู่เมืองน่านอีกด้วย
หลังจากเดินดูข้างในได้แปปนึง พี่ที่มาทริปนี้ด้วยกันกระซิบว่า ที่นี่มีอุโมงค์ต้นลีลาวดี ครั้งเมื่อเรามาที่นี่ต้องถ่ายรูปเก็บไปด้วย ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง เราถึงคิดในใจว่าขนาดนั้นเลยหรอฟ่ะ .. พอได้ไปเห็นเท่านั้น บอกเลย มาถ่ายเถิด เพราะมันสวยจริงๆ 55555
เห็นต้นไม้เป็นแถวเรียงยาวในรูปไหม นั่นแหละ อุโมงค์ต้นลีลาวดี ว่าแต่บรรยากาศสนามหญ้าแบบนี้ คลับคล้ายเหมือนสนามหลวงที่กรุงเทพแบบย่อมๆเลย ฮ่าๆ
วัดภูมินทร์
ถัดมาจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน หน่อยๆ เราจะเจอกับวัดภูมินทร์อยู่ ซึ่งเป็นวัดทรงจัตุรมุข คือเป็นพระอุโบสถและพระวิหารสร้างไขว้กันเป็นกากบาท มีอยู่ที่เดียวในประเทศไทยเท่านั้น อีกทั้งวัดนี้ยังมีพญานาคสองตัวทอดยาวทั้งด้านหน้าและด้านหลังทางเข้าอีกด้วย สวยงามขนาดนี้ วัดที่นี่มีอายุประมาณ 400 ปีแล้ววว
เค้าบอกว่าใครที่ได้ลอดซุ้มพญานาคที่วัดภูมินทร์นั้นจะโชคดี และได้กลับมาเที่ยวเมืองน่านอีกด้วยนะ รีบมุดซุ้มเลยจ้าาาาาา
ตรงใจกลางพระอุโบสถของวัดภูมินทร์นั้น มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สี่องค์ประดิษฐาน และหันหน้าออกทางประตูทั้งสี่ทิศ และที่ห้ามพลาดเลยคือ ภาพกระซิบรัก ปู่ม่านย่าม่าน ที่เล่าเรื่องมนต์รักเมืองน่าน (เสียใจ ไม่ได้ถ่ายมา)
เดินออกจากวัดภูมินทร์ เดินมาฝั่งตรงข้าม ตรงนี้จะมีร้านคาเฟ่อเมซอนอยู่ แต่ที่น่าสนใจคือตึกสีขาวข้างอเมซอที่มีป้ายเขียนว่า NAN SPACE Art & Souvenior Shop (น่านสเปซ) อ่านดู น่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก แต่ผ่านไปผ่านมาสองวัน ก็ไม่เปิดทั้งสองวันเลย ใครเป็นคนจังหวัดน่าน ช่วยบอกผมที ว่าที่นี่เค้าปิดแล้วหรือยังไงเอ่ย?
ที่แน่ๆคือชอบตึกและองค์ประกอบนี้มาก มันดูคลาสสิกสุดๆ
ภูฟ้า
สุดท้ายแล้วสำหรับที่ท่องเที่ยวในรีวิวทริปลำปาง-น่านครั้งนี้ เราจะมาปิดทริปกันที่ ร้านภูฟ้า ร้านในโครงการส่งเสริมอาชีพของสมเด็จพระเทพฯ ที่ท่านจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชาวบ้านในพื้นที่ชนบทห่างไกล ซึ่งร้านภูฟ้านี้ก็จะมีในส่วนคาเฟ่ ที่ขายกาแฟ เครื่องดื่ม ขนมต่างๆ รวมทั้งสินค้าจากชาวบ้านอย่าง ผ้าฝ้ายมือย้อมสีธรรมชาติ ‘ปกากะญอ’ หรือผ้ากะหรี่ยงจำหน่ายที่นี่ด้วย
เห็นหลังคารูปทรงสวยงามแบบนี้ ขอเดาก่อนเลยว่าเป็นหลังคาจาก เฌอร่า ซีดาร์ เชค (SHERA ZEDAR SHAKE) แน่นวล แต่พี่เฌอร่าบอกว่าอันนี้พิเศษกว่าที่อื่นคือ ร้านภูฟ้า ใช้หลังคาแบบซีดาร์เชคทั้งสามขนาดคละกัน เพื่อให้ปลายของแผ่นนั้นลดหลั่นไม่เท่ากันเพื่อให้อารมณ์ของความเป็นไม้มากที่สุด เก๋มากกก
.. ทีนี้ หลายคนอาจจะสงสัยเหมือนผม ว่าไอ้เจ้าซีดาร์เชค มันดีกว่าหลังคาไม้ยังไง พี่เฌอร่าเค้าบอกเดี๋ยวมาเฉลยตอนหลังนาจาาา ..
เดินไปรอบๆร้านภูฟ้า ก็มีอารมณ์ความสนุกสนานแต่งเติมอยู่ 🙂
เข้ามาในร้านก็จะเจอกับคาเฟ่ โดยราคานั้นเริ่มต้นแค่ 40 บาทเอง
เค้าบอกว่าควรลอง นมสดเย็นสีม่วง เมนูเด็ดของร้านภูฟ้า
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้คือ ร้านภูฟ้า ก่อตั้งมาเพื่อสร้างรายได้ให้ชาวบ้านชนบทที่อยู่ห่างไกล ที่นี่ก็เลยมีสินค้าของชาวบ้านขายอยู่ คือ ผ้าฝ้ายมือย้อมสีธรรมชาติ ‘ปกากะญอ’ หรือผ้ากะหรี่ยง เห็นกับตาของจริงแล้วสวยมากๆ น่าซื้อไปฝากผู้ใหญ่
นั่งเอื่อยจนได้ที่ ก็ถึงเวลาจบทริปสนุกเมืองลำปางกับน่านแล้วววว งื้อออ
สุดท้าย เรามาเฉลยว่า ..
หลังคาจาก เฌอร่า ซีดาร์ เชค (SHERA ZEDAR SHAKE)
นั้นดีกว่าหลังคาไม้ปกติอย่างไร?
หลังคาเฌอร่า ซีดาร์ เชค (SHERA ZEDAR SHAKE) นั้น ถูกคิดค้นและสร้างมาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อทดแทนการใช้ไม้มุงหลังคา ดังนั้นความรู้สึกที่ได้มองไอ้เจ้าซีดาร์ เชค ของเฌอร่า รวมถึงสีและรูปลักษณ์ภายนอกนั้นจะดูเหมือนไม้ธรรมชาติจริงๆเลย .. แล้วมันดีกว่าไม้จริงยังไงล่ะ?
หลังคาไม้ เมื่อเราใช้ไปนานๆซักสองปี สีของไม้จะเริ่มจาง รวมทั้งตัวเนื้อไม้เองอาจจะแอ่น บิด หรือรั่วได้ นั่นหมายความว่า ค่าใช้จ่ายของการดูแลรักษาหลังคาที่ทำด้วยไม้นั้นสูงมว๊ากกก อาจจะต้องเปลี่ยนหลังคาไม้ใหม่เลยทีเดียวถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา
จากปัญหาตรงนี้ เฌอร่า (SHERA) เค้าก็เลยคิดโซลูชั่นเพื่อมาแก้ปัญหา เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ ซีดาร์ เชค (ZEDAR SHAKE) ขึ้นมา ที่แน่ๆเลยคือ หน้าตาเหมือนไม้ ราคาถูกกว่า และคุณสมบัติหลักๆของตัวนี้คือการลดค่าใช้จ่ายของการบำรุงรักษา รวมถึงไม่ต้องใช้แผ่นรองใต้หลังคาอีกด้วย ประหยัดไปได้เยอะเลยยยยย
จากทริปครั้งนี้ก็ทำให้ผมรู้จักเฌอร่าเพิ่มขึ้น รวมถึงอยากจะซื้อซีดาร์ เชค มามุงหลังคาใหม่ที่บ้านผมเลยทีเดียว เอ๊า.. ก็มันดีน้อวววว 😂
สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมของ เฌอร่า (SHERA) สามารถดูรายละเอียดจากเว็บเค้าได้เลย : http://www.sherasolution.com/