มีใครรู้จักอำเภอสวนผึ้ง ที่ราชบุรีมั้ง? คือก็ได้ยินชื่อมานานมาก แต่ก็ยังไม่ได้ไปซักกะที สมมุตมีเวลาว่างไปเที่ยวต่างจังหวัดที่มันใกล้กรุงเทพ แล้วมีเวลาแค่สองวัน หลายคนก็จะนึกถึงนี่เลย พัทยา หัวหิน เกาะล้าน ชะอำ หรือทะเลทั้งหลายแหล่ะใกล้ๆ หรือบางคนอาจจะไปนู้นเลย กาญจนบุรีเงี๊ยะ
โถววว .. ลืมสวนผึ้งไปได้ไง ที่นี่ไม่ได้ห่างจากกรุงเทพมากมายขนาดนั้นนะเว้ย แค่ขับรถสองชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้วววว .. ที่นี้มาดูกัน ว่าสองวันที่สวนผึ้งของผม ทำอะไรบ้าง อ้อ แล้วนี่ไปหน้าฝนด้วยไง จะยังไง น่าตื่นเต้นขนาดไหน มาดูกันเล้ยยยย!
อ้อ แล้วทริปนี้ด้วยความที่ผมเป็นคอกาแฟ (คือเอาจริง กินกาแฟทุกวัน) และขับรถไปเที่ยวใกล้ จึงขอพก Nescafe Dolce Gusto ไปด้วย มันคือไร ไว้เดี๋ยวบอก
รู้จักสวนผึ้ง
สวนผึ้งนั้นอยู่ในจังหวัดราชบุรี ตอนแรกสวนผึ้งก็เป็นส่วนหนึ่งของอำเภอจอมบึงนี่แหละ แต่ตอนหลังก็ได้ยกระดับมาตรฐานกลายมาเป็นอำเภอ ชื่อของสวนผึ้งนี่ก็มีที่มาของมันนะจ๊ะ เพราะที่นี่มีต้นผึ้งเป็นจำนวนมาก แถมต้นผึ้งนี้มันชอบมีผึ้งมารุม นั่นแหละ ทำไมมันถึงชื่อต้นผึ้ง แล้วที่นี่มันมีต้นผึ้งเยอะ ก็นั่นอีกแหละ มันเลยชื่อสวนผึ้ง มันก็เป็นประการละฉะนี้นั่นเองงงง หายสงสัยเนาะ ฮ่า
สวนผึ้งห่างจากกรุงเทพ แค่ 160 กิโลเมตร ขับรถแค่ 2-3 ชั่วโมงเอ๊งง
สำรวจถ้ำเขาบิน
ก่อนที่จะถึงสวนผึ้ง นี่ก็ลองมาแวะถ้ำเขาบินก่อน ซึ่งหากใครชอบดูความงดงามของธรณีวิทยา ผมว่าที่นี่คือดีงามมาก ด้วยขนาดของมันที่มีพื้นที่เกือบ 5 ไร่ และถือเป็นถ้ำเป็น หมายถึงยังมีการเจริญเติบโตของหินงอกหินย้อยอยู่
ไกด์เขาเล่ามาว่าที่นี่เมื่อก่อนน้ำท่วมมิด อยู่สำเภาเรือจีนก็แล่นมาชนจนหัวเขาด้านหนึ่งบิ่นไป แล้วเสียงมันก็เพี้ยนมาเป็นถ้ำเขาบิน เป็นชื่อเรียกในปัจจุบัน
คือก่อนเข้าที่นี่ก็ต้องเสียค่าบัตร 20 บาทเป็นค่าบำรุง จากนั้นก็มีไกด์ท้องถิ่นเข้ามาถามขอเป็นคนพาเดินเข้าไป ซึ่งจะให้เงินเท่าไหร่แล้วแต่น้ำใจ ซึ่งพี่เค้าก็พาเดินไปเล่าเรื่องไปแบบใจเย็นมาก ถึงแม้ว่าข้างในจะร้อนมากก็ตาม แต่ก็ได้ความรู้เกี่ยวกับธรณีวิทยาค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกัน ก็ถือเป็นอีกที่ ถ้าคนอินเรื่องถ้ำ ก็ควรมาเลย
ถ้ำเขาบินแห่งนี้ถือเป็นถ้ำที่แรกที่ตกแต่งด้วยแสงสีต่างๆ สร้างความสวยงามไม่เหมือนที่ไหน (จีจี)
จากที่บอกว่าอากาศค่อนข้างร้อน คือร้อนจริงๆ ออกมาตัวเปียก ผมแฉะเลยย งื้อ
ฟีลธรรมชาติกับ ลา ทอสคาน่า รีสอร์ท (La Toscana Resort)
ลุยถ้ำ กันมาแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าที่พักของเราในสวนผึ้งกันก่อนเนอะ ซึ่งที่นี่ก็สวยงามตามคำร่ำลือที่คู่รักหลายคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันที่นี่อย่างเยอะ คือเห็นตลอดสองวันที่มาเลย เอาจริง ฟีลการตกแต่งที่นี่ก็จะเป็นแนวฟีลเหมือนอยู่อิตาลี แต่นี่ก็ไม่เคยไปอิตาลีนะ เอางี้ .. เออ นั่นแหละ เอาเป็นว่าเข้าใจ
> ดูราคาและจอง ลา ทอสคาน่า รีสอร์ท ผ่าน Agoda
> ดูที่พักแถวสวนผึ้งผ่าน Agoda
ห้องพักที่ ลา ทอสคาน่า รีสอร์ท จะเป็นบ้านหลังๆ ซึ่งก็อาจจะแยกห้องพักเป็นชั้นบนชั้นล่าง แล้วแต่แบบ ส่วนของผมนั้นผักแบบ Party Suite บ้านหลัง Ceramica 3 ชั้นสอง พอเข้าไปแล้วถึงกับตกใจ เพราะมีเตียงใหญ่หนึ่ง และสองเตียงเล็กเล้ยย ซึ่งตอนจองมันสูงสุดได้สองคน นั่นแปลว่าอีกสองเตียงนั่นเป็นเตียงเสริมนั่นเอง
ห้องน้ำที่นี่ก็ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับขนาดห้อง รวมถึงอ่างอาบน้ำ .. แบบเซ็กซี่มากกก คือถ้ามากับแฟน บอกเลย ฟินแน่นอน!
พักจิบกาแฟซักนิดกับ Nescafe Dolce Gusto
ด้วยความที่ตัวเอง เอาจริง .. คือติดกาแฟมาก คือกินทุกวัน (คืออันนี้ไม่ได้โม้) มาเที่ยวแบบนี้บางทีก็ลำบากที่จะหาร้านกาแฟถูกคอใช่ป่ะล่ะ คือนี่ก็เอาไอ้เจ้าเครื่องชงกาแฟแคปซูลอัตโนมัติ Mini Me ของ Nescafe Dolce Gusto ติดรถมาด้วยไง ด้วยความที่มันไม่ได้หนัก ไม่ใหญ่ แพ็คลงกล่องที่ซื้อมาตั้งแต่แรกแล้วติดรถไปด้วย ก็สบายดิ แต่ต้องเอาตัวแคปซูลกาแฟไปด้วยนะ ไม่งั้นจะทำเจ้ากาแฟยังไงละคร้าบเนี่ย ฮ่า
นี่เลย ผมก็มาตั้งบนโต๊ะในห้องพักที่ ลา ทอสคาน่า ทำกาแฟก็ง่ายๆ เติมน้ำ ใส่แคปซูลกาแฟ ดันคันโยกว่าจะเอาเครื่องดื่มแบบร้อนหรือเครื่องดื่มแบบเย็น จากนั้นเครื่องก็จะปล่อยกาแฟลงบนแก้วที่รองรับไว้ ซึ่งผมใส่แคปซูลกาแฟนมสไตล์ฝรั่งเศษ CAFE AU LAIT (กาแฟโอเลต์) ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเลย
โครตหอม และนุ่มลิ้นมากกกก โอยย.. ทีนี้ล่ะ
หลังจากจิบ CAFE AU LAIT ไปแล้ว คราวนี้ขอเป็นกาแฟดำเลยละกันคือตัว Espresso Intenso และ Grande Intenso ซึ่งส่วนตัว ความเข้มข้นและรสชาติของกาแฟไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะเป็นกาแฟแท้คั่วบดทั้งคู่ต่างกันที่เมล็ดกาแฟ
ตัว Grande Intenso จะเป็น 100% อาราบิก้า แต่ตัว Espresso Intenso เป็นเมล็ดกาแฟผสมอาราบิก้ากับโรบัสต้า
ซึ่งถ้าใครชอบเมล็ดกาแฟตัวไหน ก็เลือกได้ตามใจชอบเล้ย หลังจากกาแฟเติมเข้าร่างกายไป ทีนี้ล่ะ มีแรงเที่ยวต่อล๊าววว..
คิวท์ๆที่โคโรฟิลด์ (Coro Field)
แหม หลังจากลุยเข้าถ้ำ พักชิมกาแฟที่รีสอร์ทไปแล้ว ขอเข้าคอนเซ็ปความคิวท์ซักแปปที่โคโรฟิลด์ ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไลฟสไตล์เกษตรคิวท์ๆนั่นเอง หู้ว..
ซึ่งถ้าใครมาถึงนี่ ต้องเจอกับตัวมาสคอตขาวๆชื่อ “โคโรโระคุง” ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามันคือ “ดิน” ว่ะแก
ที่นี่มันก็มีหลายส่วนด้วยกัน เริ่มแรกมานี่ ก็กินก่อนเลยในส่วนของคาเฟ่ด้วย เมล่อน ครีมชีส สมูทตี้ : Melon Cream Cheese Smoothie (95 บาท) และ … เอ่อ จำชื่อไม่ได้ว่ะ ฮ่าๆ เอาเป็นว่าขอตั้งชื่อเองว่า ไอศครีมเมล่อน และโรตีกรอบ (185 บาท) ตัวไอติมอร่อยยยยยย งื้อ .. อ้อ แล้วในส่วนนี้เค้าเหมือนมีมาร์เก็ตขายของอย่างผลไม้พวกเมล่อน หรือพวกผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆด้วย
เดินออกมาจากคาเฟ่ ก็จะมีแปลงผักเล็กๆโซน Coro Garden ที่สามารถเดินถ่ายรูปคิวท์ๆได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งก็จะมีตัวดินโคโรโระ ตั้งอยู่ประปรายหลากหลายท่าให้ถ่ายรูปด้วย
และด้านในสุด เป็นโซนร้านค้าของที่ระลึก Coro Me รวมถึงโซนกิจกรรมที่ใครอยากสนุก ทั้งรับต้นไม้ไปดูแล และตกแต่งต้นไม้ด้วยตัวเอง ก็ทำได้เหมือนกันแบบน่ารักคิวท์ๆนั่นเอง
จริงๆที่นี่ยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผักปลอดสารพิษและการเก็บเกี่ยวมะเขือเทศอีก ซึ่งแต่ละกิจกรรมก็จะมีค่าใช้จ่ายแยกย่อยออกไป แต่ด้วยเรานี่ก็เย็นแล้ว รีบกลับเข้าที่พักดีกว่าเพราะ พรุ่งนี้เช้าเราแพลนไว้ว่าจะเหมารถ 4×4 ซึ่งจองจากที่รีสอร์ทเลย เพื่อขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ เขากระโจมที่สุดของสถานที่เที่ยวในสวนผึ้งเลย! เขาบอกว่าอย่างนั้น แต่นี่ส่วนตัวคิดว่ามันก็พีคสุดแล้วในสวนผึ้งจริงๆ
เริ่มเช้าวันใหม่ที่เขากระโจม
การมาสวนผึ้งในครั้งนี้ ผมนี่ตั้งคอยการไปเขากระโจมมาก คิดว่าคงจะเป็นไฮไลท์ในการไปสวนผึ่งเลยกับการไปดูทะเลหมอกบนยอดเขา ซึ่งการขึ้นไปบนเขากระโจมนั้น จะใช้รถธรรมดาในการขึ้นไปไม่ได้นะ ต้องใช้รถ 4×4 ขับขึ้นไป เพราะขอบอกก่อน ว่าทางขึ้นโหดมาก เป็นถนนลูกรัง โคลนเป็นร่องลึก แถมมีลุยน้ำสูงระดับเกินครึ่งคันรถงี้ ซึ่งใครเป็นขาลุยและมีความชำนาญในการขับ สามารถขับขึ้นไปเองได้เลย แต่ถ้าใครไม่มี นี่แนะนำเลยว่า หารถเช่าให้เค้าขับขึ้นไปเถอะ จริงๆ ราคาก็จะเหวี่ยงอยู่ประมาณ 1,500-1,700 บาทครับผม
จากการที่หาและเห็นรูปจากในเน็ตมา อื้มหืมมม มึงห้ามพลาดละ ทะเลหมอกบนยอดเขาที่สูงที่สุดบนเทือกเขาตระนาวศรี ซึ่งสามารถมองเห็นทั้งฝั่งไทยและพม่า เพราะพม่าอยู่ห่างจากจุดนี้แค่ 1.9 กิโลเมตรเท่านั้น
เริ่มต้นวันที่สองโดยการตื่นตี 4 และออกเดินทางจากโรงแรมตอนตี 5 เพื่อขึ้นไปบนเขาประมาณหนึ่งชั่วโมง ตอนขาขึ้นนี่ตื่นเต้นเร้าใจมากด้วยทางที่สมบุกสมบัน และหมอกพร้อมพายุฝนยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ภาวนาว่า เห้ย ฟ้าได้โปรดเปิดเถิด หนูอยากเห็นทะเลหมอก .. พอไปถึงยอดเท่านั้นแหละ .. ไม่มีใครขึ้นมาเลย เราเป็นกลุ่มแรก และกลุ่มเดียว ..
พายุหมอกและฝนถาโถมไม่หยุด จากภาพในหัวที่จะเห็นทะเลหมอกสวยๆ นี่เลย มองไม่เห็นอะไรเลยจ้าา .. ซึ่งพี่คนขับรถก็ยังใจดี ยื่นเสื้อกันฝนมาให้แบบคิวท์ๆ
พลาดแล้ว นี่มันหน้าฝนโว้ย .. เค้าแนะนำให้มากันช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงกันยา-ตุลานั่นแหละดีที่สุด
เอ้าาา .. เออ ไม่เป็นไร ถึงยอดเขากระโจมทั้งที ฝนตกพายุหมอกแรงขนาดนี้ นี่ว่ายังไงก็ต้องได้รูปไปเขียนบล็อค ความสตรองการถ่ายรูปต้องมา คิดไปอีกแบบ ใครจะมีรูปเขากระโจมฟีลนี้ ไม่มีหรอกก คิดว่านี่จะยอมแพ้หรอออออออ 555555555
แวะบ้านหอมเทียนก่อนกลับ
ที่สุดท้ายจริงๆก่อนกลับกรุงเทพแล้ว นั่นคือบ้านหอมเทียน ตอนแรกดูจากในเนต นึกว่าที่นี่จะเล็กนะ แต่ไม่ใช่เลย คือใหญ่มาก ที่นี่ใช่ว่าจะขายเทียนอย่างเดียว แต่มีหลายอย่างให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านของที่ระลึก (ที่ไม่ใช่เทียน) ร้านขนมซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน หรือร้านกาแฟ ที่สามารถมานั่งชิลได้เช่นกัน
ค่าเข้าชมของที่นี่คือ 50 บาท สามานำไปแลกเทียนหนึ่งชิ้นกลับบ้านเป็นของที่ระลึกได้ครับผม
ผมว่าที่นี่เป็นอีกที่นึงที่แวะก่อนกลับกรุงเทพคือดี เพราะด้วยความที่มีของขายค่อนข้างเยอะ ทั้งขนมและของที่ระลึก จึงสามารถแวะเข้ามาเดิน กินกาแฟ และซื้อของฝากกลับบ้านแบบชิลๆนั่นเอง แถมมุมถ่ายรูปก็เยอะด้วยนะ ฮ่าๆ ยังไงก็ไม่เสียเวลาแน่นอน!
สรุปสวนผึ้งสองวัน
ผมว่าสวนผึ้ง ราชบุรีเป็นอีกตัวเลือกนึงที่ดีเลยหากอยากมาเที่ยวต่างจังหวัดแบบไม่ไกลกรุงเทพมาก เพราะธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ และที่เที่ยวค่อนข้างเยอะไม่แพ้ที่อื่นเลย เบื่อทะเลก็มาเถ้ออออ .. มาป่าไม้บ้าง ภูเขาบ้าง ก็สดชื่นดี และหากใครโชคดี ขึ้นเขากระโจมไปดูทะเลหมอกสวยๆ ก็คุ้มแล้วสำหรับทริป ซึ่งผม คงต้องย้อนกลับมาสวนผึ้งอีกครั้งแน่ๆ ฮือ
หรือหากใครเคยมาสวนผึ้งแล้ว คิดว่าผมพลาดที่ไหนไปบ้าง คอมเมนท์บอกได้เลย ผมจะกลับมาแน่นอน ฮี่ฮี่
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด สวนผึ้ง สองวันหนึ่งคืน
ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 4 คน ค่าใช้จ่ายคร่าวๆคือ
– ค่าที่พัก ลา ทอสคาน่า 2 ห้อง คืนละ 8,400 บาท
– ค่าเข้าถ้ำเขาบินคนละ 20 บาท
– ค่าไกด์ถ้ำเขาบิน 200 บาท
– ค่ากิน Coro Field 280 บาท
– ค่าเหมารถ 4×4 ขึ้นเขากระโจม 1,600 บาท
– ค่าเข้าบ้ามหอมเทียนคนละ 50 บาท
– ค่ากินจิปาฐะ แบบไม่อั้น 4,600 บาท
ตกคนละ 3,850 บาท
และหากใครสนใจเครื่องชงกาแฟแคปซูลอัตโนมัติ ของ Nescafe Dolce Gusto ก็สามารถคลิกซื้อได้ที่เว็บนี้ เลยครับ
สุดท้ายหากใครอยากหาที่พัก ลองดูได้ในเว็บไซต์ Agoda ครับ
> ดูราคาและจอง ลา ทอสคาน่า รีสอร์ท ผ่าน Agoda
> ดูที่พักแถวสวนผึ้งผ่าน Agoda
[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column][edgtf_separator type=”normal” position=”center”][edgtf_separator type=”normal” position=”center”][edgtf_post_split_slider number_of_posts=”6″ slide_proportion=”two_half” category_id=”0″ author_id=”0″ sort=”comments” thumb_image_size=”original” title_tag=”h6″ display_category=”yes” display_date=”no” display_author=”no” display_comments=”no” display_navigation=”no”][/vc_column][/vc_row]
ติดตาม Hashcorner ผ่าน Facebook Page
หรือเข้ากรุ๊ป เที่ยวต่างประเทศ คลิกด้านล่างได้เลย 💙
สำหรับใครที่อยากติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของก๊อตผ่าน Facebook Page ล่ะก็ สามารถเข้าไปกดติดตาม Hashcorner Facebook Page ได้เลย หรือถ้าอยากจอยกรุ๊ปสำหรับคนชอบเที่ยวต่างประเทศล่ะก็ แนะนำเข้ากรุ๊ป "เที่ยวต่างประเทศ Hashcorner" ได้ด้วย ในกรุ๊ปนั้นจะมีคนที่ชอบเที่ยวต่างประเทศเหมือนๆ กัน เข้ามาแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับการเที่ยวของแต่ละคนนั้นเองเนอะ
1 comment
Adorable guy.*-*