สุราษฎร์ธานี เป็นอีกจังหวัดในภาคใต้ที่ค่อนข้างได้ยินชื่อบ่อยๆ ถ้าพูดถึงที่นี่หลายคนคงนึกถึงเกาะสมุยขึ้นมาก่อนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆแน่นอนเลย เมื่อก่อนก๊อตเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน (แต่ก็ยังไม่เคยไปสมุยนะ ฮ่าๆๆ) จนได้มาเที่ยวและศึกษาสุราษฎร์มากขึ้นถึงได้รู้ว่าที่นี่เค้ามีอะไรน่าสนใจอีกเยอะแยะเลย โดยในรีวิวนี้ก๊อตจะแบ่งโซนเที่ยวเป็น 3 โซน คือ โซน อำเภอคีรีรัฐนิคม, โซนอุทยานแห่งชาติเขาสก อำเภอพนม และ โซนเขื่อนเชี่ยวหลาน อำเภอบ้านตาขุน จะได้ตามไปเที่ยวกันง่ายๆ และได้เห็นเสน่ห์ของแต่ละอำเภอไปเต็มๆ
สุราษฎร์ธานี อยู่ในฝั่งตะวันออกของภาคใต้ เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ แถมยังใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศไทยเราด้วย โอโห้! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ให้ไปตั้งหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นทะเล เกาะ เขื่อน ป่าไม้ และอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง ถือเป็นอีกจังหวัดที่ค่อนข้างครบ และน่าประทับใจมากๆ อย่างตัวก๊อตเองก็เคยไปสุราษฎร์มาแล้วครั้งนึง (ตอนที่เขียนรีวิวเขื่อนเชี่ยวหลาน) และชอบมากจนต้องกลับไปเที่ยวซ้ำครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 และก็ยังรู้สึกว่าอยากกลับไปเที่ยวสุราษฎร์และเก็บอีกให้หมดเลยแหละ
11 ที่เที่ยว – ที่พัก 3 โซนในสุราษฎร์ธานี
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
มาเริ่มที่แรกกันที่ ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ใน อำเภอคีรีรัฐนิคม ตอนแรกก่อนจะไปที่นี่ก๊อตเห็นรูปที่คนอื่นๆ ไปแล้วรู้สึกอยากไปเที่ยวและถ่ายรูปมาก เพราะในรูปน้ำมันใสและสีม๊ากกกก จนก๊อตรีบปักหมุดเลยว่า ถ้าได้ไปเที่ยวสุราษฎร์นี่ ต้องไปเที่ยวที่นี่เพื่อถ่ายรูปด้วยแบบจริงจังมากเว้ย!
สรุปสุดท้ายเราก็ได้ไปตามใจอยาก พอไปถึงก็มีความเซอร์ไพรส์แหละ เพราะตอนแรกที่ก๊อตคิดในหัวนั้น นึกว่าจะเป็นสถานที่ธรรมชาติสร้างแบบดิบๆ แต่พอไปถึงข้างหน้าเนี่ย บรรยากาศคือเหมือนสวนน้ำมาก 5555555555
เริ่มแรกเค้าก็จะให้ฝากสัมภาระไว้ด้านหน้าหมดเลย รวมทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่มก็ห้ามเอาเข้าเพื่อง่ายต่อการรักษาความสะอาดด้านใน ซึ่งพี่ๆเจ้าหน้าที่ตรงทางเข้าจะค่อนข้างเข้มงวดประมาณนึงเลย ฝากของเสร็จแล้วเดินเข้าประมาณ 200 เมตรก็จะเจอบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นมากเลยแหละ
ชาวบ้านเค้าเชื่อกันว่าที่นี่เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นบ่อน้ำที่ผุดขึ้นมาที่เชิงเขาในป่าหรือที่เรียกว่า ‘ตาน้ำ’ คือมันจะเป็นบริเวณที่มีน้ำไหลออกจากใต้ดินตลอดเวลา และเกิดขึ้นเมื่อมีแรงดันน้ำมากพอที่จะทำให้เกิดการไหลตามธรรมชาติของน้ำใต้ดินขึ้นมายังพื้นดิน ชาวบ้านที่นี่เค้าเลยพยายามช่วยกันดูแลและพัฒนาให้ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยขนาดนี้ไงล่ะ
แต่จริงๆ คือก๊อตก็แอบผิดหวังนิดหน่อย เพราะตอนแรกนึกว่ามันจะดิบๆ ธรรมชาติมากกว่านี้ แต่ตอนที่เห็นเราก็รู้สึกมันเหมือนสวนน้ำซะมากกว่า เพราะมันถูกปรับแต่งกลายเป็นสถานที่ที่มนุษย์สร้างไปซะเยอะเลย รู้สึกเสียดายนิดหน่อย ฮือๆ คือว่าถ้ากะไปเที่ยวชิลๆ หากเราไม่ซีเรียสหรือไม่ได้คิดอยู่แล้วว่ามันจะดิบ ถือว่าเป็นอีกที่เที่ยวที่ดีเลย เพราะน้ำใสจริงๆ ตอนลงไปเล่นน้ำก็เย็นสดชื่นมากเลยแหละ
เอ้อ ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดเค้าไม่ได้มีดีแค่บ่อน้ำใสเท่านั้นนะ เค้ายังมีเรือให้เช่าพายไปดูธรรมชาติกันได้แบบจุใจมาก ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ก๊อตมากเลย เพราะเราไม่ได้คาดหวังว่าจะมีสิ่งนี้อ่ะ 5555555 😅
พายเรือเข้าไปข้างในตามเส้นทางก็คือรู้สึกว่าอันนี้น่ะธรรมชาติที่แท้จริง มันต้องเป็นแบบนี้แหละ! ต้นไม้สีเขียวชอุ่ม อากาศกำลังดีและร่มรื่นมากๆ เส้นทางพายเรือก็ไม่ได้ไกลอะไร ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็ครบรอบแล้วล่ะ
⚡️ : สำหรับใครที่วางแผนจะมาที่นี่ แนะนำให้มาพายเรือก่อนเลย พอใช้แรงเยอะเหงื่อเริ่มออกแล้วก็ค่อยไปแช่น้ำเย็นๆ ที่บ่อน้ำใส บอกได้คำเดียวว่าสดชื่นนนนนน ส่วนช่วงเวลาที่ควรมานั้นแนะนำว่าเป็นช่วงเช้าจะดีกว่า เพราะน้ำจะใสที่สุดในช่วงเช้าเพราะว่าคนน้อย อีกทั้งยังไม่ค่อยมีแดดอีก ดังนั้น เราก็จะได้เล่นน้ำใสกิ๊งแบบไพร์เวทสุดๆไปเล๊ยยย
อุทยานธรรมเขานาในหลวง
ไปกันต่อสำหรับสถานที่ต่อไปในอำเภอพนม ใครมาสุราษฎร์แล้วไม่มา อุทยานธรรมเขานาในหลวง คือพลาดมากจ้า ที่นี่เป็นสำนักสงฆ์ที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ถูกสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาและเงินบริจาคของชาวบ้าน ภายใต้การนำของเจ้าอาวาส (พระสมพงศ์ วชิรปญโญ) โดยเค้าเริ่มต้นจากการสร้างทางเข้าเป็นซุ้มประตูโบราณแบบ 9 ยอดก่อน แล้วจากนั้นจึงช่วยกันสมทบทุนก่อสร้างเจดีย์องค์อื่นๆ ตามมา ถือว่าเป็นอีกที่ที่ค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์และสร้างได้สวยมากจริงๆ ใครมาสุราษฎร์อย่าลืมมาที่อุทยานธรรมเขานาในหลวงกันนะ สวยและคุ้มค่าที่จะมามากเว่ยทุกคน
จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่สุด ถ้ากดชื่ออุทยานธรรมเขานาในหลวงใน IG จะต้องเห็นภาพซุ้มประตูทางเข้าอย่างแน่นอน ซุ้มประตูนี้มีชื่อว่า ‘ซุ้มประตูพุทธาวดี’ เป็นซุ้มประตูโบราณ 9 ยอด ทีแรกก๊อตเห็นรูปใน IG ว่าสวยแล้ว ของจริงคือสวยกว่าในรูปมาก แล้วคือเหมือนเค้าคิดมาแล้วว่าต้องสร้างซุ้มประตูไว้ตรงนี้ เพราะเวลาถ่ายรูปออกมามันดูพอดิบพอดีมาก โดยเฉพาะช่วงเช้ามืดที่พระอาทิตย์ขึ้น แสงอาทิตย์จะสาดลอดผ่านซุ้มประตูแบบพอดี และถ้าเราโชคดี บางวันจะมีหมอกขึ้นฟุ้งๆ ตรงนี้ด้วยบอกได้คำเดียว สวยและโคตรฟิน เลย เสียดายที่ก๊อตไปตอนเย็นเลยไม่ได้เก็บภาพบรรยากาศแบบนั้นมาฝากทุกคนแหละ
⚡️ : ที่นี่ไม่ได้มีจุดไฮไลท์แค่ซุ้มประตูนะ เพราะว่าถ้าเดินเข้ามาต่อจะมีเจดีย์ลอยฟ้าทั้งหมด 5 องค์ คือ เจดีย์ร้อยยอดพระธาตุพันองค์, เจดีย์พระพุทธศิลาวดี, เจดีย์พุทธราชาวดี, เจดีย์พุทธนครกลางหาว และ เจดีย์พุทธพันองค์ (กำลังสร้างองค์ที่ 6 และ สร้างเจ้าแม่กวนอิมบนยอดเขาด้านหน้าเพิ่มด้วย) ที่นี่เค้าตั้งใจว่าจะทำเจดีย์ลอยฟ้าทั้งหมด 9 ยอด เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งในอนาคตจะเป็นเจดีย์แบบไหนบ้างก็ต้องรอติดตามกันต่อไปเนอะ
ด้วยเวลาที่มีจำกัดและเป็นทริปที่ก๊อตไปกับผู้ใหญ่หลายคน แถมเจดีย์ร้อยยอดพระธาตุพันองค์ก็ดันปรับปรุงอยู่ ก๊อตก็เลยขึ้นไปได้แค่ เจดีย์พระพุทธศิลาวดี และ เจดีย์พุทธราชาวดี เท่านั้น เริ่มที่เจดีย์พระพุทธศิลาวดีกันก่อนเลย เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ และความพิเศษก็คือเจดีย์องค์นี้ก่อสร้างด้วยศิลาแลง ที่ส่งตรงมาจากเมืองกำแพงเพชร แถมยังเป็นเจดีย์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาหินปูนสูงจากพื้นดินเกือบ 300 เมตรเลยแหละ ด้านหน้าก็จะมีบ่อบัวเล็กๆด้วย ยิ่งเสริมให้บรรยากาศของเจดีย์ดูสงบร่มรื่นมากขึ้นไปอีก ส่วนวิวตรงนี้ก็บอกเลยว่าสวยมากเช่นกัน
จาก เจดีย์พระพุทธศิลาวดี เราสามารถเดินต่อไปที่เจดีย์พุทธราชาวดีได้เลย เพราะเป็นเจดีย์ที่อยู่ใกล้ๆ กัน (การเดินขึ้นมาข้างบนไม่ยากเลย เพราะเค้าทำบันไดให้เป็นอย่างดี แต่ก็ต้องระวังกันด้วยนะเพราะขั้นบันไดบางช่วงมันก็ค่อนข้างชันเลยแหละ) เจดีย์องค์นี้เป็นเจดีย์แบบพม่าองค์สีขาวล้วน ประดับตกแต่งด้วยทองและมีการประดับฉัตรพม่าไว้บนยอดเจดีย์ด้วย เจดีย์องค์นี้ถือเป็นเจดีย์ที่ค่อนข้างมีความสำคัญต่อชาวบ้านที่นี่เพราะว่าเป็นเจดีย์ที่สร้างเพื่อน้อมถวายอุทิศเป็นราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ชาวบ้านก็เลยพร้อมใจกันสร้างเจดีย์ 9 ยอดถวายให้เสร็จก่อนถวายพระเพลิง เรื่องความสง่างามต้องยกให้ที่นี่เลย ส่วนเรื่องวิวก็แทบไม่ต่างจากเจดีย์องค์ก่อนหน้าเท่าไหร่นัก โดยรวมก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้มาเห็นความสวยงามของอุทยานธรรมนาในหลวง เพราะเค้าสร้างมาได้สวยงามมากจริงๆ รวมถึงบรรยากาศและวิวก็ดีมากๆ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ก๊อตชอบที่สุดเลย
เสียดายมากที่รอบนี้ก๊อตปีนขึ้นไปยังบนยอดเจดีย์ได้แค่สององค์ จริงๆ ยังมีอีกสององค์ที่ปีนขึ้นได้ และคุ้มค่าแก่การขึ้นไปถ่ายรูปสุด นี่เลยสัญญากับตัวเองไว้เลยว่า จะกลับมาแก้ตัวที่ อุทยานธรรมเขานาในหลวง อีกรอบ จะขึ้นเจดียให้ครบ แถมจะมาเช้าตรู่เพื่อถ่ายรูปคู่ซุ้มประตูช่วงพระอาทิตย์ขึ้นแบบปังๆแน่นอนเว้ยยย
อุทยานแห่งชาติเขาสก – เส้นทางศึกษาธรรมชาติ – น้ำตกบางหัวแรด
หลายคนคงไม่เชื่อว่าสุราษฎร์ธานีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ป่าไม้ค่อนข้างสมบูรณ์มาก และมีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งเลยแหละ แต่วันนี้ก๊อตจะมารีวิวอุทยานแห่งชาติเขาสกให้ได้อ่านกัน ต้องเกริ่นก่อนว่า อุทยานแห่งชาติเขาสกเนี่ย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงต่ำสลับซับซ้อนกัน มีบริเวณที่เป็นที่ราบอยู่น้อย บริเวณตรงนี้เป็นผืนป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุดและยังเป็นผืนป่าที่มีความสำคัญขอภาคใต้อีกด้วย
อ่านไปแค่นี้ก็รู้สึกว่ายิ่งใหญ่แล้วละสิ ยังจ้า ยังยิ่งใหญ่ไม่พอ อุทยานแห่งชาติเขาสกนั้นอุดมสมบูรณ์มากทั้งสัตว์ป่าและพรรณพืช สมบูรณ์ขนาดที่ว่าเป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ต่างๆ รวมไปถึงสัตว์ป่าสงวนอีก 4 ชนิด คือ เลียงผา เก้งหม้อ สมเสร็จ และแมวลายหินอ่อน แต่ความสมบูรณ์ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะที่นี่มีพืชพรรณหายากเยอะแยะเลย โดยอันที่พีคเป็นไฮไลท์สุดของอุทยานแห่งชาติเขาสกก็คือ ‘ดอกบัวผุด’ นั่นเอง
‘ดอกบัวผุด’ ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดใหญ่ประเทศไทย มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 50 – 100 ซม.เลยนะจ๊ะ และไม่ใช่ว่าเดินๆ อยู่แล้วจะเจอน้องได้เลย เพราะน้องใช้เวลาถึง 9 เดือนกว่าจะออกดอกหนึ่งดอก และบานแค่ 4 – 5 วันเท่านั้น ใครที่ต้องการจะมาตามล่าหาน้องบัวผุด ทางอุทยานจะเปิดให้เข้าชมช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนเมษายนของทุกปี ถ้าใครไปเห็นมาแล้วก็มาเล่าให้ก๊อตฟังได้น้า
ถ้าหากว่าใครไม่ได้มาช่วงที่บัวผุดจะบานก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะว่าที่อุทยานแห่งชาติเขาสกนั้นยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้เดินกัน ถึง 3 เส้นทาง ได้แก่ น้ำตกบางหัวแรด – น้ำตกโตนกลอย, น้ำตกสิบเอ็ดชั้น และ น้ำตกสิบเอ็ดชั้นเป็นวงกลม แต่ก๊อตเลือกไปเส้นทางแรก เพราะเส้นทางนี้เริ่มเดินจากที่ทำการของอุทยานได้เลย แต่ขอเม้าให้ฟังว่าก่อนที่ก็อตจะเข้าอุทยานมาได้แวะทานข้าวที่ร้านข้างหน้าอุทยาน (ร้านอาหารชื่อว่า ‘ลาบร้อยเอ็ด’ อร่อยม๊ากกกกกก ไปกินกันได้ รับรองว่าเด็ด) แล้วมีสาวอเมริกันมาถามทางไปอุทยานก็เลยชวนมาพร้อมกันเลย ตอนเดินไปเส้นทางศึกษาธรรมชาติก็เลยไม่เหงา เพราะมีเพื่อนร่วมเดิน พร้อสปีคอิงลิชไปด้วยกัน 555555
ช่วงต้นของเส้นทางเดินจะเป็นทางเดินป่าไผ่ที่ต้นใหญ่และสูงมากกก เรียงรายอยู่ตลอดทางเลย เดินจากหน้าอุทยานมาประมาณ 3 กิโลก็จะเจอน้ำตกบางหัวแรด เป็นน้ำตกที่ไม่สูงมาก มีโขดหินให้แวะนั่งเล่นพักผ่อนได้ ช่วงที่ก๊อตไปน้ำมันไม่ค่อยเต็มก็เลยไม่ได้เห็นน้ำตกชัดขนาดนั้น แต่ก็ถือว่าเป็นสถานที่ที่ได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของป่าและเป็นที่ที่บรรยากาศดีที่นึงเลย แถมเดินทางมาจุดนี้ก็ไม่ยากด้วย เพราะตลอดทางเดินนั้นเป็นพื้นเลียบ ไม่มีการทางลาดชันแต่อย่างใดเลยแหละ
ทุกคนยังจำสาวต่างชาติที่มาพร้อมก๊อตได้ใช่ไหม พอมาถึงจุดนี้นางนั่งพักและหยิบอาหารที่ซื้อจากร้านลาบร้อยเอ็ดขึ้นมากิน เราก็รอนางกินข้าวพร้อมชมวิวไปด้วย รอไปรอมา ฝนตกจ้าาา แล้วตกหนักมากจนเจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าให้รีบกลับไปที่อุทยานเถอะ เพราะถ้าเดินต่อไปทางข้างหน้าจะค่อนข้างลื่นและอันตรายมาก เลยทำให้ก๊อตได้แวะแค่น้ำตกบางหัวแรดนี่แหละ 5555 😅
⚡️ : น้ำตกบางหัวแรด จัดว่าเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และกว้างมาก มี 2 ชั้น สำหรับชั้นแรกจะไหลจากคลองบางแลนมาที่คลองศก ส่วนชั้นท่ี 2 อยู่บริเวณคลองศก บริเวณโดยรอบจะเต็มไปด้วยหินที่เรียงรายตามธรรมชาติ ช่วงเดือนมิถุนายน – มกราคม จะเป็นช่วงน้ำหลาก ก็สามารถล่องแก่งจากน้ำตกบางหัวแรดลงมาที่คลองศกได้ด้วย ใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ใครจะมาช่วงนี้ก็อย่าลืมเตรียมชุดมาเล่นน้ำกันด้วยล่ะ
คิงคอง เขาสก
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง คิงคอง เขาสก คืออีกสถานที่หนึ่งที่ใครที่มาเขาสกก็จะต้องมาแวะกัน ที่นี่เป็นลานกว้างๆ ที่ประดับตกแต่งโซนต่างๆ ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ มีการเอาไม้ไผ่มาทำเป็นทางเดินให้ไปถ่ายรูปในจุดต่างๆ ข้างหน้าก็จะมีสวนดอกไม้เล็กๆ ให้มาเก็บภาพกัน แต่ไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือ เจ้าคิงคองและไดโนเสาร์ยักษ์ที่ทำมาจากฟางทั้งตัว! รายละเอียดนี่ถือว่าทำออกมาได้สวยและยิ่งใหญ่ม๊ากกกกก
คิงคอง เขาสก ไม่ใช่แค่เพียงสถานที่ที่ให้คนมาถ่ายรูปกันนะ ที่นี่ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่ไว้ด้วย ใครที่ถ่ายรูปมาเหนื่อยๆ ก็สามารถแวะไปนั่งพักผ่อนพร้อมหาอะไรเย็นๆ ทานที่นี่ได้เลย แต่สำหรับใครที่รู้สึกว่าแค่มาถ่ายรูปเฉยๆ มันน่าเบื่อไป ที่นี่เค้าก็มีกิจกรรมไว้รองรับนักท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ล่องเพ, นั่งรถรางและ ขับรถ ATV ไปชมรอบสวน
โดยรวมก๊อตรู้สึกว่าเป็นอีกสถานที่ที่บรรยากาศค่อนข้างดีเลย เหมาะกับการแวะพักจากการขับรถมาไกลๆ ลงรถมายืดเส้นยืดสาย เดินชมสวนและแวะถ่ายรูปนิดหน่อยก็เป็นอะไรที่ไม่แย่เลย ถ้าใครมีเวลาก็แวะไปถ่ายรูปเล่นเก็บบรรยากาศเพลินๆ แต่ถ้าใครที่มีเวลาค่อนข้างจำกัดหรือไม่ใช่สายถ่ายรูปก็ข้ามที่นี่ไปก่อนก็ได้
เขาสก บูตีค แคมป์ (Khaosok Boutique Camps)
สำหรับใครที่กำลังหาที่พักที่แสนสงบและรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ เขาสก บูตีค แคมป์ (Khaosok Boutique Camps) เป็นอีกทางเลือกที่ดีมากเลย สำหรับเขาสก บูตีค แคมป์เป็นที่พักสไตล์บูตีคที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้เห็นวิวและบรรยากาศที่เรียกได้ว่าควรค่าแก่การมาพักผ่อนสุดๆ
ที่พักที่นี่เค้ามีคอนเซ็ปต์ว่า “แตกต่างอย่างลงตัวกับธรรมชาติ” โดยนำเสนอความแตกต่างผ่านทางรูปแบบของรีสอร์ทที่ทำให้ได้สัมผัสประสบการณ์นานแบบ Glamping เน้นทำให้แขกที่เข้ามาพักได้รับความสะดวกสบายในขณะที่เข้ามาพักที่นี่ ในขณะที่ที่พักนั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ชนบท อยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวของผืนป่า คือถ้ามาที่นี่ก็จะได้สัมผัสทั้งความหรูหรา สะดวกสบายแบบเมือง ผสมผสานไปกับความเป็นธรรมชาติแบบชานเมือง
⚡️ : ไฮไลท์ของที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ห้องพักเท่านั้น เพราะเขาสก บูตีค แคมป์ ตั้งอยู่ในจุดที่หมอกลงในตอนเช้าของทุกวัน และเป็นจุดที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกไปยังภูเขาได้ด้วย นอกจากที่พักแล้วที่นี่ก็ยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และ สระว่ายน้ำด้วย
เขาสก บูตีค แคมป์นั้นมีห้องพักทั้งหมด 3 แบบ คือ Romantic Signature View เป็นห้องพักติดแอร์ทั่วไป แต่มีจุดเด่นตรงที่สามารถเห็นวิวภูเขาได้ 270 องศา, Exotic Top View ห้องพักแบบเต้นท์ติดแอร์ เปิดไปด้านนอกห้องจะเห็นวิวภูเขาสลับซับซ้อนกัน และสุดท้ายห้องแบบ Sunset View เป็นห้องพักแบบเต้นท์ติดแอร์เช่นกัน แต่ต่างกันที่ห้องนี้จะสามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกที่หน้าระเบียงห้องได้เลย ส่วนตัวก๊อตพักห้องแบบ Exotic Top View รู้สึกว่าที่นี่เป็นอีกตัวเลือกที่พักแถวเขาสกที่โอเคเลยนะ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ บรรยากาศก็ดี ได้นอนท่ามกลางธรรมชาติ แถมตื่นมาก็เห็นวิวภูเขาสวยๆ ได้ทันทีเลยด้วย
ดูเรทและจองผ่าน Agoda ดูเรทและจองผ่าน Expedia ดูเรทและจองผ่าน Trip ดูเรทและจองผ่าน Hotelsราคาห้องพักเริ่มต้น 2,000 บาท/คืน ดูเรทและจอง เขาสก บูตีค แคมป์ (Khaosok Boutique Camps) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
เอาเวอร์จังเกิ้ลแคมป์ – อีโครีสอร์ท (Our Jungle Camp – Eco Resort)
ใครที่จะมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสก ก๊อตแนะนำให้ลองมาหาที่พักหน้าทางเข้าอุทยานสักคืน เพราะแถวนี้เป็นเหมือนแหล่งรวมที่พักที่คนต่างชาตินิยมมาพักก่อนเข้าไปเที่ยวยังอุทยานแห่งชาตินั่นเอง ด้วยความป็อปของฝรั่ง ทำให้ที่พักแถวนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างดีและมีเอกลักษณ์มาก เพราะทำต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ ส่วนที่พักที่ก๊อตจัดให้เป็นที่พักที่หนึ่งในใจในโซนนี้คือ เอาเวอร์จังเกิ้ลแคมป์ – อีโครีสอร์ท (Our Jungle Camp – Eco Resort)
เอาเวอร์จังเกิ้ลแคมป์ – อีโครีสอร์ท (Our Jungle Camp – Eco Resort) เป็นรีสอร์ทที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากๆ อย่างตัวห้องพัก ล็อบบี้ ห้องอาหาร และบาร์ ที่ใช้ไม้ไผ่และวัสดุทดแทนธรรมชาติในการก่อสร้าง เพื่อให้ผู้เข้าพักได้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของรีสอร์ท นอกจากนี้อาหารของที่นี่มีความพิเศษที่เชฟนั้นมีการผสมผสานระหว่างอาหารไทยโบราณและสมัยใหม่เข้าด้วยกัน ทำให้รสชาติที่ออกมาค่อนข้างถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเลยทีเดียว ความพิเศษของอาหารยังไม่หมดแค่นั้น เพราะที่นี่เค้ามีฟาร์มผัก ผลไม้เป็นของตัวเองและอาหารทุกจานของรีสอร์ทนั้นใช้วัตถุดิบที่ส่งตรงจากฟาร์มเลย มั่นใจได้เลยว่าวัตถุดิบที่เลือกมานั้นสะอาด และปลอดภัย ไม่มียาฆ่าแมลงแน่นอน
บ้านพักที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่จะเป็นแบบบ้านต้นไม้ ซึ่งก๊อตก็เลือกพักแบบบ้านต้นไม้หนึ่งชั้น เป็นบ้านพักที่ดีไซน์ออกมาได้ดีมีความเป็นไทย โดยใช้เทคนิคการจักรสานเข้ามาผสมผสานกับความโมเดิร์นแบบตะวันตก รู้สึกได้เลยว่าคนออกแบบคิดออกมาอย่างดีแล้ว ในตัวห้องพักนั้นไม่มีแอร์ แต่กลับไม่ได้รู้สึกร้อนเลย มีช่องให้ลมผ่านเข้ามาตลอด ส่วนในตอนกลางคืนอากาศก็จะกำลังเย็นสบาย แถมไม่มียุงหรือแมลงมากวนใจเลยด้วย
⚡️ : เนื่องจากที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์มาก ยังคงเป็นป่าที่มีสัตว์อาศัยอยู่จริงๆ ทางที่ เอาเวอร์ จังเกิ้ล แคมป์ – อีโค รีสอร์ท (Our Jungle Camp – Eco Resort) เลยบอกว่าสิ่งเดียวที่ควรระวังคือ ‘ลิง’ เพราะน้องชอบแอบเข้ามาในห้องพักบ่อยๆ มาขโมยอาหาร และชอบหยิบสัมภาระของแขกติดมือกลับไป 🤣 ใครจะมาพักที่นี่ก็อย่าลืมปิดหน้าต่างด้วยเด้อออ
เอาเวอร์ จังเกิ้ล แคมป์ – อีโค รีสอร์ท (Our Jungle Camp – Eco Resort) ไม่ได้มีดีแค่ในตัวที่พักนะ ที่นี่เค้ามีกิจกรรมให้ทำเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทริปครึ่งวันหรือเต็มวันไปเดินสำรวจป่าที่อุทยานแห่งชาติเขาสก, ทำอาหารจากไม้ไผ่ในป่าบริเวณรีสอร์ท, จัดทริปพาไปเขื่อนเชี่ยวหลาน, ไปทำกิจกรรมร่วมกับช้าง, โยคะ, กางเต้นท์กลางป่า, เดินป่าตอนกลางคืน, และอื่นๆ อีกเยอะมาก แต่ถ้าให้ก๊อตแนะนำ หากเราจะทำกิจกรรมนู่นนี่นั่น ให้เราลองหาเอาเองจากข้างนอก จะถูกกว่าเยอะพอควรเลยแหละ แฮ่ๆ
สุดท้าย ที่ชอบมากสุดๆคือ ทุกครั้งที่เข้าพักที่นี่เท่ากับว่าเรากำลังได้สนับสนุนค่ายธรรมชาติสำหรับเด็กๆ ที่อยู่ในพื้นที่เขาสก เราสามารถเข้าไปร่วมกิจกรรมกับน้องๆ ได้ด้วยนะ ซึ่งกิจกรรมนี้เค้าก็ทำมาเพื่อให้เด็กๆ ในชุมชนได้เรียนรู้และเห็นคุณค่าของธรรมชาติจริงๆ ก๊อตถือว่าเป็นที่พักที่ดีมากที่หนึ่งเลย ตอนแรกก๊อตแค่เห็นรูปที่คนถ่ายกันใน IG แล้วก็อยากมาแค่นั้นเลย แต่พอได้มาเองจริงแล้วรู้สึกว่าที่นี่ไม่ได้เป็นแค่ที่พัก แต่เหมือนเป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นพื้นที่ที่จะคอยพัฒนาคนในชุมชนให้มีจิตสำนึกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย เก๋กู้ดจริงๆ
ดูเรทและจองผ่าน Agoda ดูเรทและจองผ่าน Booking ดูเรทและจองผ่าน Expedia ดูเรทและจองผ่าน Trip ดูเรทและจองผ่าน Hotelsราคาห้องพักเริ่มต้น 650 บาท/คืน ดูเรทและจอง เอาเวอร์ จังเกิ้ล แคมป์ – อีโค รีสอร์ท (Our Jungle Camp – Eco Resort) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
สะพานแขวนเขาเทพพิทักษ์ (สะพานแขวนเขาพัง)
ย้ายโซนมากันที่โซนเขื่อนเชี่ยวหลาน อ.บ้านตาขุน กันบ้างดีกว่า จริงๆ แล้วในโซนนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายที่เลย แต่มีที่หนึ่งที่เป็นที่ถ่ายรูปยอดนิยมเลยก็คือ สะพานแขวนเขาเทพพิทักษ์ (สะพานแขวนเขาพัง) สะพานแขวนขึงสลิงขนาดใหญ่ และมีความยาวถึง 120 เมตร เป็นจุดที่สามารถไปชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ แต่จุดเด่นของที่นี่คือวิวด้านหลังที่ถ่ายรูปออกมาแล้วจะเห็นเขาเทพพิทักษ์ที่มีลักษณะเป็นรูปหัวใจ คู่กันกับวิวคลองพะแสงที่มีน้ำไหลมาจากเขื่อนเชี่ยวหลาน (เสียดาย ช่วงที่ก๊อตไปนั้น ดูแห้งไปนิด เพราะเค้าไม่ได้ปล่อยน้ำจากเขื่อนมาเยอะนั่นเอง 😅 )
แต่เดิมสะพานแขวนสร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ชาวบ้านในการขนย้ายผลผลิตทางการเกษตร แต่ในปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมา ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่แถวนั้นเกิดไอเดีย เปิดให้นักท่องเที่ยวไปชมสวนผลไม้ (และชิมผลไม้ได้ไม่อั้นด้วยนะ)
ยิ่งถ้ามาช่วงหน้าที่ทุเรียนกำลังออกผล บอกเลยว่าถูกใจ ทุเรียน Lover แน่นอน เพราะทุเรียนที่นี่ถือว่าเป็นมรดกแห่งบ้านตาขุนเลยนะ เป็นทุเรียนบ้านที่มีอายุกว่า 100 ปี เนื้อทุเรียนสีทองสวย รสชาติหวาน มัน ใครอยากลองชิมทุเรียนที่นี่ ก็ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด โดยช่วงเวลาที่ผลไม้จะออกนั้น คือช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคมของทุกปี รับรองเลยว่าใครมาที่นี่นอกจากได้รูปวิวสวยแล้ว ยังจะได้ดื่มด่ำกับวิถีชีวิตของชาวบ้านบริเวณนี้ได้อย่างแน่นอนเลย
เชี่ยวหลาน แคมป์ แอนด์ รีสอร์ท (Cheiwlan Camp & Resort)
สำหรับใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานแบบค้างคืนที่แพ และอยากมาเที่ยวแบบชิลๆล่ะก็ การมาหาที่นอนหน้าเขื่อนก็เป็นไอเดียที่ดีเหมือนกัน ถ้าใครคิดไม่ออกว่าจะไปพักที่ไหนดี ก๊อตแนะนำให้มาพักที่ เชี่ยวหลาน แคมป์ แอนด์ รีสอร์ท (Cheiwlan Camp & Resort) ที่พักริมคลองพะแสงในสไตล์ Camping ซึ่งเป็นอีกที่พักที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากอีกที่หนึ่งเลย เพราะนอกจากจะติดคลองสวยๆ แล้ว ที่พักเองยังมีวิวภูเขาหินปูนที่สวยมากอีกด้วย
ตัวก๊อตเองเลือกพักห้องแบบแสตนดาร์ด โดยขนาดตัวห้องค่อนข้างเล็ก แต่ภายในค่อนข้างห้องสะอาดและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ นอกจากนี้ที่ เชี่ยวหลาน แคมป์ แอนด์ รีสอร์ท (Cheiwlan Camp & Resort) เองก็มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะเลย ไม่ว่าจะเป็น เล่นน้ำบริเวณคลองพะแสง, ล่องแพ, ขับรถ ATV, ย่างบาบีคิว แถมยังมีลานกางเต้นท์ ชิงช้า และเปลไว้ให้มานอนเล่นกันได้ด้วย
ลงใต้มาสุราษฎร์ทั้งทีจะไม่กินอาหารใต้เลยก็ไม่ได้ ใครที่คิดไม่ออกว่าจะกินร้านอาหารไหนดี ก๊อตแนะนำว่ากินร้านในรีสอร์ทเค้านี่แหละ เพราะอร่อยและให้เยอะมากในราคาที่ย่อมเยา ใบเหลียงผัดไข่ของที่นี่ทำได้อร่อยเลยแหละ ใบเหลียงนุ่มกำลังพอดีผัดกับไข่โดยที่ไม่ผัดจนแห้งเกิน พวกของทอดก็ทอดออกมาได้ดีไม่อมน้ำมันเลย และเมนูแนะนำของที่นี่ก็คือยำผักกูด ผักกูดกรอบหวานมาก ส่วนตัวน้ำยำก็ทำออกมาได้ถูกปาก เรียกได้ว่าเป็นที่พักที่ทำอาหารได้อร่อยมากๆ ที่นึงเลย แค่คิดย้อนกลับไปก็น้ำลายไหลแล้ว
สำหรับก๊อตแล้ว ที่พักที่นี่ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามาก นอกจากห้องพักจะโอเคแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะเลย แถมอาหารก็ถูกปากถูกใจสุดๆ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าก๊อตพักห้องแบบ Standard Room ซึ่งราคาที่พักรวมอาหารเช้า 2 คนก็อยู่ที่ประมาณ 1,500 – 1,900 บาทเท่านั้นเอง ใครที่จะไปนอนที่เขื่อนก็อยากให้เผื่อเวลามาพักที่นี่สักคืนนึงก่อน เพราะจะได้เก็บประสบการณ์ไปทั้งการนอนในเขื่อนและนอกเขื่อนได้ในทริปเดียวกันเลยไงล่ะ
ดูเรทและจองผ่าน Agoda ดูเรทและจองผ่าน Booking ดูเรทและจองผ่าน Tripราคาห้องพักเริ่มต้น 1,300 บาท/คืน ดูเรทและจอง เชี่ยวหลาน แคมป์ แอนด์ รีสอร์ท (Cheiwlan Camp & Resort) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
เขื่อนเชียวหลาน / เขื่อนเขื่อนรัชชประภา
มาถึงไฮไลท์ของอำเภอนี้กันแล้ว เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือ เขื่อนเขื่อนรัชชประภา นี่ยืนยันว่าเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวหลายคนทั่วโลกอยากมาเยือนมาก ไถฟีด IG ท่องเที่ยวเมืองไทย คือต้องมีรูปของเขื่อนเชี่ยวหลานอยู่ในนั้นด้วยจริงๆ เพราะด้วยวิวของภูเขาสูงชันหลากหลายลูกตั้งอยู่กลางน้ำแบบสวยๆ ทำให้ที่นี่ถูกขนานอีกชื่อหนึ่งว่า ‘กุ้ยหลินเมืองไทย’ ขนาดนั้นเลยล่ะ
สำหรับการมาเที่ยวที่นี่ เราจะเช่าเหมาเรือเพื่อเที่ยวแบบเดย์ทริปก็ได้ แต่ถ้าใครที่มีเวลาหน่อย ก็อยากให้เรามานอนค้างคืนที่แพในเขื่อนเชี่ยวหลานกันเนอะ ซึ่งก๊อตบอกเลยว่าควรนอนอย่างยิ่ง สวยจริงไม่จกตา อีกทั้งยังมีหลากหลายกิจกรรมให้เราทำระหว่างวันด้วย ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือ พายเรือคายัค หรือแม้จะนอนเปื่อยไม่ทำอะไรเลยก็ตาม 55555
⚡️ : แต่ก่อนที่นี่จะเป็นเขื่อนที่สวยงามจนหลายคนเรียกว่า ‘กุ้ยหลินเมืองไทย’ ที่มีเขาหินปูสูงตระหง่านบนผืนน้ำ และเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก บอกเลยว่าที่นี่ต้องแลกอะไรมาเยอะมากกับการสร้างเขื่อนแห่งนี้เหมือนกัน เนื่องจากพื้นที่นี้แต่ก่อนเคยเป็นผืนป่าดินชื้นขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ และมีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดรวมถึงสัตว์หายากและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์เยอะมาก
พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่ (Panvaree The Greenery)
สำหรับราคาเค้าจะเหมาเป็นแพ็คเกจแล้วแต่เราเลือกว่าจะไป 1 คืน หรือ 2 คืน โดยทริปของก๊อตนั้น เนื่องจากมีเวลาค่อนข้างน้อย เลยเลือกแบบ 2 วัน 1 คืนเองอ่ะ (ตอนหลังคือเสียดายมาก น่าจะอยู่นานกว่านี้) โดยราคาปกติเค้าจะอยู่ที่ คืนละ 9,900 บาท (2 คน) รวมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วทั้ง ค่าเรือไป-กลับจากสันเขื่อนไปยังแพที่พัก อาหารแบบฟูลบอร์ด 3 มื้อ และกิจกรรมทั้งในบริเวณที่พัก และกิจกรรมล่องเรือไปดูเขาสามเกลอ และชมเขื่อนเชี่ยวหลาน
หลายคนที่เห็นราคาตอนแรกอาจจะร้อง เพราะราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าเราได้ดูรายละเอียดดีๆแล้ว คือไม่แพงเลยเว้ย เพราะเค้ารวมทุกอย่างไว้ให้หมดเรียบร้อย ค่าเรือคายัค ค่านู้นนี่นั่นคือรวมหมดทุกสิ่ง อาหารคืออร่อยม๊าก และเค้าให้เติมได้เรื่อยๆด้วย เรียกกลายๆว่าเป็นมื้ออาหารแบบบุฟเฟต์ได้เลย สุดท้าย การบริการของเค้าถือว่าดีมากกกก
ตามกิจกรรมในแพ็คเกจ ช่วงตอนเย็น เค้าจะพาเราไปล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกภายในเขื่อน แต่โชคร้ายไปนิดที่วันที่ก๊อตไปนั้น ฝนตกหนักมาก ทำให้ไกด์และลูกทริปตกลงกันว่า เราจะรวบทั้งหมดไปอยู่พรุ่งนี้เช้าแทน ไม่ว่าจะเป็นการดูหมอกท่ามกลางภูเขาสูงในเขื่อนเชี่ยวหลานที่ทุกคนชอบเรียกกันว่า ‘กุ้ยหลินเมืองไทย’ หรือแม้แต่ ‘เขาสามเกลอ’ ที่เสมือนเป็นจุดไฮไลท์ของทริปเขื่อนเชี่ยวหลานที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูป บอกเลยว่าโคตรดี และสวยมากกกกก และที่ดีมากๆคือ ไกด์เค้าได้เล่าเรื่องถึงประวัติความเป็นมาของเขื่อนเชี่ยวหลาน รวมถึงเกร็ดความรู้ต่างๆของที่นี่ด้วย
เสร็จจากทริปล่องเรือ ก็จัดแจงทานอาหารเช้า จากนั้นก็เก็บกระเป๋าเตรียมเช็คเอาท์ ซึ่งทาง Panvaree The Greenery ก็พาเรามาส่งยังจุดเดิมที่สันเขื่อน เป็นอันเรียบร้อย ♥️
ดูเรทและจองผ่าน Agoda ดูเรทและจองผ่าน Booking ดูเรทและจองผ่าน Expedia ดูเรทและจองผ่าน Trip ดูเรทและจองผ่าน Hotelsราคาห้องพักเริ่มต้น 9,9o0 บาท/คืน ดูเรทและจอง Panvaree The Greenery สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
แพ 500 ไร่
อีกหนึ่งแพที่พักในเขื่อนเชี่ยวหลานที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ แพ 500 ไร่ ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นที่พักที่วิวสวยที่สุดในเขื่อนเชี่ยวหลาน ทุกคนสามารถมองเห็นวิวภูเขาหินปูนที่สลับซับซ้อนกันเป็นแนวยาวสะท้อนอยู่บนผิวน้ำสีฟ้ามรกตจากทุกห้องพัก ส่วนในตอนกลางคืนก็สามารถมองเห็นดาวได้เต็มท้องฟ้า (ที่นี่วิวสวยติดอันดับโลกจนได้รางวัล Hotel With The Best Location จาก Lonely Planet Recommendation เลยนะ)
สำหรับการมาพักที่นี่ ก๊อตเลือกพักแบบเหมาแพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน แบบธรรมดา คือ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 11,000 ต่อคน ราคานี้จะรวมหมดเลยทั้งที่พัก อาหารทุกมื้อ เรือคายัค เรือรับส่งทั้งขาไปและขากลับจากหน้าเขื่อน แต่ไม่รวมกิจกรรมอื่นๆ อย่างพวกเดินป่า หรือการไปสถานอื่นๆในเขื่อนเชี่ยวหลาน
ด้วยความที่รอบนี้ ก๊อตไปเที่ยวกันแบบครอบครัวใหญ่มาก เลยต้องจองเป็นห้อง Family Suite Room ที่เป็นแพแยกออกมาจากโซนห้องพักส่วนใหญ่ ดังนั้น ห้องนี้มันไม่สามารถเดินไปที่ล็อบบี้หรือห้องอาหารได้ ก็เลยได้สิทธิพิเศษในการนั่งเรือรับส่งระหว่างที่พักกับล็อบบี้ด้วยซะเลย ก็ถือว่าได้นั่งเรือเพลินๆ กินลมชมวิวได้ประมาณนึงแหละ 🤣 🤣
⚡️ : กิจกรรมภายในที่พักก็มีให้เลือกหลากหลายเลย แต่จะบอกว่าที่แพ 500ไร่เนี่ย เป็นแพเดียวในเขื่อนเชี่ยวหลานที่มีสระว่ายน้ำเลยนะ ใครมาที่นี่ก็จะได้เล่นน้ำทั้งน้ำเขื่อนและน้ำสระเลยทีเดียว นอกจากนี้ทุกๆ ห้องพักจะมีเรือคายัคไว้ให้ห้องละ 2 ลำ ก็สามารถเอาไปพายชมวิวหรือถ่ายรูปเล่นตามเต็มที่เลย หรือใครที่ไปกับผู้ใหญ่แบบก๊อต ที่นี่ก็ถือว่าตอบโจทย์เลยเพราะมีบริการนวด ซึ่งมีหมดเลยนะ นวดแผนไทย นวดอโรม่า นวดสวีดิช และอีกสารพัด รวมไปถึงการนวดผ่อนคลายริมสระน้ำ นอนดูวิวไป ได้นวดผ่อนคลายไปด้วย ฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
วันแรกก๊อตไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่ เมื่อเรานั่งเรือจากหน้าเขื่อนมายังที่พัก เราจะได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเขื่อนเชี่ยวหลาน รวมถึงมีการแวะไปชมเขาสามเกลอที่ถือเป็นไฮไลท์ของเขื่อนเชี่ยวหลานนั่นเอง ส่วนตัวก๊อตรู้สึกว่าประทับใจที่มาเที่ยวครั้งก่อนของแพพันวารีมากกว่า ด้วยช่วงเวลาที่เกือบเที่ยง แดดจ้า อีกทั้งเรือที่มารับพวกเรานั้น จอดเรือค่อนข้างไกลจากเขาสามเกลอมาก ไม่ได้พยายามหามุมมุมถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวเท่าไหร่นั่นเอง
เสร็จจากการล่องเรือ เมื่อเราเดินทางมาถึงที่พักแล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นการกินข้าว นอนเปื่อย พายเรือคายัค รวมถึงว่ายน้ำเล่นหน้าแพที่พัก ใครที่อยากเอื่อยๆ จะไม่ทำอะไรเลยก็ได้ ซึ่งช่วงเวลานี้แหละคือการพักผ่อนที่แท้จริง 55555
วันที่ 2 หากใครที่ตื่นเช้าไหว ก๊อตแนะนำให้เราตื่นเช้าตรู่ เพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้นหน้าห้องพักซักหน่อย เพราะวิวตรงนี้ถือว่าสวยมาก และเป็นอีกภาพที่ค่อนข้างประทับใจเลย
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เค้าจะมีจัดเรือพาเราลองไปชมบรรยากาศของเขื่อนเชี่ยวหลานในช่วงเช้า ที่เงียบสงบ สวยและน่าประทับใจมาก และถ้าใครโชคดีล่ะก็ เราอาจจะได้เห็นสัตว์ป่าออกมาเดินเล่นตามริมน้ำอย่างช้างป่า หรือนกเงือกบินไปมา สัตว์เหล่านี้ถือเป็นสัตว์ที่หาดูได้ง่ายในเขื่อนเชี่ยวหลานเลยแหละ และเมื่อล่องเรือยามเช้าเสร็จแล้วก็ถึงเวลากลับมาทานอาหารเช้า ซึ่งที่นี่จัดไว้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งเราสามารถลุกไปตักอาหารที่ชอบ มานั่งทานได้แบบเต็มอิ่มเลย
ส่วนตัวก๊อตรู้สึกว่าในแง่ของบรรยากาศของที่พักเนี่ยก๊อตให้เต็ม 100 เลยไม่มีหัก เพราะที่นี่สวยมากจริงๆ สมกับที่ติดอันดับเลยแหละ ในตัวห้องพักและส่วนกลางก็ถือว่าดี ตกแต่งออกมาได้สวยงาม มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ แต่อาจมีในเรื่องของการให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่รู้สึกว่ายังไม่ได้รับจากที่นี่เท่าที่ควร อย่างข้อมูลเบื้องต้นหรือประวัติความเป็นมาของเขื่อนเชี่ยวหลานเองหรือแม้ที่เขาสามเกลอ คือถ้าก๊อตไม่เคยมาเที่ยวที่นี่มาก่อนหรือไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนก็จะไม่รู้อะไรเลย ได้มาเที่ยวแค่สวยงามแต่ไม่ได้รู้สึกอินกับสถานที่เท่าที่ไหร่ ซึ่งมันน่าเสียดายมาก
นอกจากนี้ แพ 500 ไร่ยังมีค่าบริการยิบย่อยนอกแพ็คเกจหลายรายการเลย เช่น ค่าอินเตอร์เน็ต Wifi หรือถ้าต้องการเล่น SUP Board ก็จะมีค่าบริการเพิ่มเติม ส่วนตัวก๊อตเลยค่อนข้างประทับใจครั้งแรกที่ก๊อตไปมากกว่าเยอะเลย ซึ่งอันนี้คือความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ของก๊อตเลยแหละ
ดูเรทและจองผ่าน Agoda ดูเรทและจองผ่าน Booking ดูเรทและจองผ่าน Expedia ดูเรทและจองผ่าน Trip ดูเรทและจองผ่าน Hotelsราคาห้องพักเริ่มต้น 11,000 บาท/คืน ดูเรทและจอง แพ 500 ไร่ สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
ทั้งหมดนี่ก็คือ 10 ที่เที่ยว – ที่พัก จาก 3 โซนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นยังไงกันบ้าง คาดไม่ถึงกันเลยละสิว่าจังหวัดนี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายขนาดนี้ ใครที่คิดว่าจะไปสุราษฎร์แต่ยังไม่รู้จะไปไหนดี ก็สามารถไปตามที่ก๊อตแนะนำได้เลยนะ รับรองเลยว่าจะต้องประทับใจมากๆ เพราะก๊อตเองก็มาที่นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้ว และก็คิดว่าต้องมีครั้งต่อๆ ไปอีกแน่นอน 😆
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡