เขาใหญ่ อีกหนึ่งตัวเลือกที่เที่ยวยอดฮิตใกล้กรุงเทพที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว อากาศที่เขาใหญ่จะเย็นสบาย บรรยากาศดีเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยล่ะ อากาศเค้าดีขนาดนี้ เลยทำให้เขาใหญ่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวกรุงเทพ ที่อยากหาที่พักผ่อนแนววธรรมชาติ ยิ่งช่วงหลังๆ เริ่มมีสถานที่ท่องเที่ยว คาเฟ่ ร้านอาหารวิวเริ่ดๆ มาเปิดใหม่กันตรึม ก็ยิ่งทำให้เขาใหญ่เค้าป๊อปขึ้นไปอี๊กกก
รอบนี้ก๊อตไปเที่ยวเขาใหญ่มาแบบจัดเต็ม 3 คืน 4 วัน ทั้งที่เที่ยวธรรมชาติ จุดเช็คอินยอดฮิต รวมถึงคาเฟ่สุดชิค ทั้งหมด 16 ที่เที่ยวกันเล้ย เรียกว่าไปเที่ยวกันมาแบบเต็มอิ่ม จัดเต็มสุด! กว่าที่เคยไปมานะเว้ย จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปเที่ยวกัน
16 ที่เที่ยว ที่พัก คาเฟ่ เขาใหญ่
ที่เที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ | 1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2. น้ำตกเหวนรก 3. ผาเดียวดาย 4. ผาตรอมใจ 5. จุดชมวิว กม 30 เขาใหญ่ 6. น้ำตกเหวสุวัต 7. อ่างเก็บน้ำสายศร 8. เส้นทางศึกษาธรรมชาติหนองผักชี + ทางโค้งหัวเขื่อนอ่างเก็บน้ำสายศร 9. เส้นทางศึกษาธรรมชาติกองแก้ว |
อำเภอสีคิ้ว | 10. กังหันลมเขายายเที่ยง |
อำเภอปากช่อง | 11. Hao Khaoyai 12. ไร่ทองสมบูรณ์คลับ 13. Like a Mountain 14. KHAAM Khaoyai 15. OLNA x PY Roasters 16. บ้านคุณหญิง รีทรีต เขาใหญ่ |
ส่วนลด OTA |
เริ่มต้นเที่ยวกันเล้ย!
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
มาเขาใหญ่ทั้งที ถ้าไม่ได้มา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถือว่ามาไม่ถึงเด้อ เพราะ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นอุทยานแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีความสำคัญในระดับโลกและภูมิภาคอาเซียน และเค้ายังครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 จังหวัด คือ สระบุรี ปราจีนบุรี นครราชสีมา และนครนายก โดยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถูกยกให้เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site) และยังเป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Park) อีกด้วย
ก๊อตต้องเล่าก่อนว่าตัวอุทยานเองที่เค้าขึ้นชื่อว่ามีความสำคัญมากนั้น เพราะเป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีนกกว่า 280 ชนิด ที่นี่เค้าเลยเลื่องชื่อเรื่องดูนก ทำให้แต่ละปีมีกลุ่มนักดูนกจากทั่วโลกเดินทางมาที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นจำนวนมาก โดยในพื้นที่ของอุทยานนั้นไม่ได้มีแค่ป่าให้เราได้ดูนะ แต่เค้ายังมีน้ำตก จุดชมวิวต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่อุทยานให้เข้าชมได้อีกด้วย ก๊อตว่าที่นี่เค้าเป็นเหมือนโรงเรียนขนาดใหญ่ที่เปิดต้อนรับเหล่านักเรียน (ก็คือนักท่องเที่ยวแบบพวกเรา) ให้เข้ามาทำกิจกรรม ท่องเที่ยว หาความรู้ และยังเป็นบ้านขนาดใหญ่ให้กับสัตว์ป่าในพื้นที่อีกด้วย ใครที่เป็นสายเที่ยวธรรมชาติ ต้องมาสักครั้งจริงๆ เพราะอุทยานแห่งชาติที่นี่เค้าสมบูรณ์มากก
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งดูนกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง จนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น “พื้นที่สำคัญเพื่อการอนุรักษ์นก” (IBA – Important Bird Area) ซึ่งกิจกรรมดูนกเป็นกิจกรรมที่โปรดปรานของเหล่านักดูนกม๊ากกกก และเราจะเจอนักดูนกจากหลายประเทศมารวมตัวกันอยู่ที่นี่โดยมิได้นัดหมาย นอกจากกิจกรรมดูนกแล้วเรายังสามารถมาตั้งแคมป์นอนดูดาว เดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติ ส่องชีวิตสัตว์ป่ายามค่ำคืนแบบใกล้ชิดสุดๆ ได้อีกด้วยนะ
น้ำตกเหวนรก
เริ่มต้นเที่ยวที่แรกของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เรามาเที่ยวกันก่อนที่ น้ำตกเหวนรก หนึ่งในน้ำตกยอดนิยมป๊อบสุดสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งก๊อตตั้งใจมาที่ น้ำตกเหวนรก มาก เพราะทุกคนล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่โคตรสวย แม้ว่าชื่อเค้าจะฟังดูชวนขนลุกก็ตาม แต่จริงๆ แล้ว น้ำตกเหวนรก มีที่มาจากเสียงของน้ำในช่วงหน้าฝนที่ดังกระหึ่มก้องไปทั่วหุบเขาลูกนี้ และยังเป็นน้ำตกที่ทั้งสูงและน้ำไหลเชี่ยวมาก เลยทำให้มีช้างป่าพลัดตกลงไปหลายเชือกเลยแหละ ซึ่งพอมีเหตุการณ์นี้บ่อยๆ เข้า ทางอุทยานเองเค้าก็เลยสร้างจุดสกัดช้าง เพื่อคอยดูแลไม่ให้มีน้องช้างพลัดหลงเข้าไปในเส้นทางที่อาจเป็นอันตรายต่อน้องนั่นเอง
การเดินทางเข้ามาที่ น้ำตกเหวนรก จากลานจอดรถเราต้องเดินเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตรถึงจะได้เห็นน้ำตก ซึ่งทางเดินช่วงแรกๆ นั้น เดินได้แบบชิลมาก ก๊อตนี่เพลินไปกับการมองนก มองต้นไม้สองข้างทางเอามากๆ แถมยังได้รูปสวยๆ ตามระหว่างทางมาอีกด้วยนะ ซึ่งจุดที่ก๊อตว่ามันถ่ายรูปสวยก็คือ ตรงสะพานนี่แหละ ฟีลคือเรายืนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ข้างหลังเป็นป่าสีเขียวฉอุ่มสวยมาก
เดินไปตามทางสักพักก็เริ่มได้ยินเสียงน้ำตกที่ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเดินลึกเข้าไป เสียงน้ำไหลกระทบโขดหินยิ่งดังเข้ามาในหูมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ก๊อตจะสตั๊นไปกับบันไดที่โคตรชัน และสูงชะมัด ยาวประมาณ 50 เมตร จากที่เดินมาชิลๆ ตะกี้ เริ่มก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังขั้นสุด ขานี่แข็งทื่อเลยเว้ย ไม่อยากจะคิดว่าถ้าก้าวผิด ชีวิตนี่จะเปลี่ยนขนาดไหน ยังไงจุดนี้ก็เดินกันดีๆ นะด้วยความเป็นห่วงจากก๊อต
เจ้าบันไดเนี่ย แม้จะสูงและชันมาก แต่ถ้าไม่มีน้องละก็ เราจะต้องเสียเวลาเดินเข้าไปที่น้ำตกเหวนรกประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งแต่ก่อนใครจะมาที่นี่เค้าเดินเท้ากันและใช้เวลานานแบบนี้จริงๆ แม้จะมีการปรับปรุง และเพิ่มบันไดขึ้นมา เพื่อลดเวลาการเดินทางแล้วก็ตาม แต่ก๊อตแนะนำว่าใครที่พาผู้สูงอายุ หรือเด็กไปเที่ยวที่นี่ด้วย จะไม่เหมาะอย่างยิ่ง เพราะทางคือสูงเว่อร์
พอเรากั้นหายใจ เดินฮึบกันลงมาถึงด้านล่างแล้วก็จะได้เจอกับ น้ำตกเหวนรก ที่โคตรสวยยเลยเว้ยย โอ้ย! ความกลัวบันไดชันๆ ขาที่แข็งทื่อหายเป็นปลิดทิ้ง ภาพในหัวก่อนมาก็จินตนาการไว้แล้วล่ะ ว่าต้องสวย แต่ของจริงตรงหน้าคือสวยเกินเบอร์ไปนู่นนน เกินคาดมาก เซอร์ไพร์สสุดๆ และก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเค้าถึงเรียกที่นี่ว่า น้ำตกเหวนรก เพราะเค้าสูงมาก ตัวน้ำตกเองจะมี 3 ชั้น สูงประมาณ 150 เมตร พอเราลงไปยืนแล้ว เหมือนเรายืนอยู่ก้นเหวเลย ส่วนเสียงน้ำตกนะหรอ อื้อหือออ ดังกึกก้องไปทั่วป่าเลยแหละ ยิ่งเวลาที่สายน้ำมันไหลลงมากระทบกับแอ่งน้ำข้างล่างคือเสียงดังม๊ากกก เป็นน้ำตกที่มีทั้งความสวยและความน่ากลัว แต่แอบทรงพลังอยู่ในตัว สมชื่อเค้าเลย น้ำตกเหวนรกเนี่ย
น้ำตกเหวนรกชื่อเค้าอาจฟังดูน่ากลัว แต่ของจริงคือสวยมากๆ ไม่รู้จะเอาคำไหนมาเปรียบความสวยของเค้าเลย คือห้ามพลาดเด็ดขาด โดยช่วงที่ก๊อตไปคือ กลางเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่มีกระแสน้ำเยอะมาก ก็เลยได้เห็นความอลังการของเค้า ถือว่าที่นี่เป็นน้ำตกที่สวยมากที่หนึ่งของไทยเลย
ผาเดียวดาย
หลังจากเดินกลับออกมาจากน้ำตกเหวนรก ก๊อตก็เริ่มรู้สึกหลงสเน่ห์ธรรมชาติที่เขาใหญ่แล้วสิ และพอไปรู้มาว่าเค้ามีสถานที่ที่บอกกันว่าเป็นหน้าผาที่สวยที่สุดบนเขาใหญ่อยู่อีกด้วยนะ เราก็เอ้า! รู้ขนาดนี้แล้วก็ต้องไปดูให้เห็นกับตาหน่อย ว่าจะสวยสมคำร่ำลือขนาดไหน ก๊อตก็เลยขับรถมุ่งหน้าตรงไปที่ ผาเดียวดาย ต่อเลย ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักจากน้ำตกเหวนรก
สำหรับเส้นทางเดิน เขาเดียวดาย จะเดินเป็นวงกลม เป็นทางเดินสั้นๆ ไป-กลับ ประมาณ 450 เมตร ซึ่งทางเดินเค้าทำค่อนข้างดีเลย เดินง่าย สะดวกดี เราใช้เวลาเดินกันประมาณครึ่งชั่วโมงก็เดินครบแล้ว (ไม่นับแวะพักถ่ายรูปนะ 5555555) ซึ่งบริเวณนี้อากาศดีมาก เย็นสบาย ถึงแม้ก๊อตจะมาตอนกลางวันก็ยังสัมผัสได้ถึงลมเย็นเบาๆ ที่ตีเข้าหน้า ถือว่าชิลมาก
เดินมาถึงครึ่งทางจะเจอเข้ากับพระเอกของเรา นั่นคือ หน้าผาเขาเดียวดาย ที่เห็นวิวแบบพาโนราม่าเลย เราสามารถเห็นวิวของภูเขาได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลย ยาวๆ ไปถึงฟากจังหวัดปราจีนบุรีเลย พี่เจ้าหน้าที่บนนี้บอกเราว่า ถ้ามาช่วงเช้าจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยมาก เลยเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นยอดนิยมของเหล่านักแคมป์ปิ้งในอุทยานนี้ล่ะ
สำหรับหน้าผานี้มีความลื่นประมาณนึงเลย ใครที่จะมาถ่ายรูปตรงนี้ก็ต้องระวังกันมากๆ เลยนะ ยิ่งถ้าใครมากับเด็กๆ ก็ต้องระวังไม่ให้น้องวิ่งเล่นบริเวณนี้เพราะมันเป็นหน้าผาที่สูงและอันตรายมากจริงๆ
ไปมาแล้วหนึ่งน้ำตก หนึ่งหน้าผา แต่แอบสงสัยเหมือนกันนะว่าทำไมชื่อของแต่ละสถานที่ที่เพิ่งไปมา ถึงฟังแล้วดูหดหู่เหลือเกิน ตั้งแต่น้ำตกเหวนรกเมื่อกี้ละ จนไปรู้ที่มาของชื่อ ผาเดียวดาย มาก็ถึงบางอ้อเลยว่าทำไมต้องเป็นชื่อนี้
เรื่องมันมีอยู่ว่าเคยมีผู้หญิงคนนึงได้ไปรักกับผู้ชายที่มีฐานะดี ร่ำรวย แถมหน้าตาดีอีกด้วย และตามสเต็ป บ้านฝ่ายชายไม่ยอมรับ ทั้งคู่ก็เลยต้องแอบคบกันเงียบๆ แล้วจู่ๆ ฝ่ายหญิงก็ตั้งท้อง ทั้งคู่เลยคิดวางแผนจะหนีไปอยู่ด้วยกันโดยนัดเจอกันที่หน้าผานี้แหละ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่ทั้งคู่มาเดทด้วยกันอยู่บ่อยๆ แต่พอถึงวันนัดฝ่ายชายก็ดันมาเทฝ่ายหญิง นางก็เลยเสียใจมาก ตัดสินใจจบชีวิตตรงนี้ ก็เลยกลายมาเป็นชื่อผาเดียวดายอย่างทุกวันนี้แหละ ฮือออ เจ็บหัวใจ
ก่อนจะมาที่นี่ก๊อตได้ไปเห็นรูปในไอจีของคนนึงมา ที่เค้าถ่ายรูปกับหน้าผาที่ยื่นออกมา ซึ่งมันเป็นจุดที่ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยโคตรๆ ก็เลยตั้งใจที่จะไปถ่ายรูปกับมุมนี้นี่แหละ ใครที่จะถ่ายรูปตรงนี้ต้องใช้ความระมัดระวังหน่อยน้า
ผาตรอมใจ
เดียวดายกันแล้วก็ไปตรอมใจต่อกันที่ ผาตรอมใจ อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยไม่แพ้กัน ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดที่สูงสุดที่สุดของภาคกลาง โดยมีความสูงอยู่ที่ 4,233 ฟุตจากระดับน้ำทะเล เราสามารถมองเห็นภูเขาลูกอื่นและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในอุทยานแห่งชาติได้จากข้างบนนี้แบบไกลๆ ไม่ว่าจะเป็น เขาอินทนี เขาฝาละมี ทุ่งกวาง อ่างเก็บน้ำสายศร ทุ่งหนองผักชี และเขาสามยอด ได้ในเฟรมเดียวกันเล้ย
เนื่องด้วยผาตรอมใจ เค้าเป็นจุดที่อยู่สูงที่สุดในภาคกลาง ทำให้อากาศบนนี้เย็นสบาย ใครที่ขี้หนาวเนี่ย อย่าลืมพกเสื้อกันหนาวขึ้นมาด้วยนะ แต่สำหรับก๊อต โอเคเลย อากาศดี๊ดี นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนกันยายนไปจนถึงเดือนตุลาคม จะเจอเจ้าผีเสื้อกลางคืนที่โผล่มาให้เห็นเยอะมากในเวลากลางวัน เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่คนนิยมมาดูเลยแหละ
นอกจากนี้ อีกหนึ่งเรื่องราวสุดน่ารักที่ทำให้ ผาตรอมใจ กลายเป็นจุดเช็คอินที่โคตรฮิตในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพราะว่าหลังจากที่มีคลิปลูกหมีควายมาบุกร้านข้าวไข่เจียวบนผาตรอมใจเมื่อช่วงปีก่อน ด้วยความน่ารักของมันก็ทำให้คนแห่มากินข้าวไข่เจียวตามรอยน้องหมีตัวนี้กันเยอะมากก เลยทำให้ที่นี่กลายมาเป็นอีกสถานที่ที่คนชอบมานั่งเล่นชิลๆ ซื้อข้าวไข่เจียวมานั่งกิน พร้อมมองวิวภูเขาสวยๆ ท่ามกลางอากาศเย็นกำลังดี ฟินเวอร์
จุดชมวิว กม.30 เขาใหญ่
อีกหนึ่งจุดชมวิวที่ก๊อตอยากจะแนะนำทุกคนคือ จุดชมวิว กม.30 เขาใหญ่ ที่ไม่ต้องเดินเข้าไปให้เมื่อยเท้า แค่จอดรถแล้วเดินมาไม่กี่ก้าว เราก็จะสามารถมองเห็นวิวภูเขาด้านทิศเหนือของอุทยานแห่งชาตินี้ ที่สลับทับซ้อนกันได้สวยงามเหมือนในภาพวาดเลย บริเวณตรงนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากจะได้เห็นวิวสวยๆ แล้ว ใกล้ๆ กันก็จะมีร้านกาแฟด้วย ใครที่ขับรถมาเหนื่อยๆ ก็สามารถจอดพัก ยืดเส้นยืดสายตรงนี้ก่อนได้
แต่ถ้ามาชมวิวตรงนี้ต้องระวังน้องลิงด้วยนะ ตรงนี้มีลิงเยอะมากๆ ซึ่งน้องเป็นลิงป่าอาจไม่ได้น่ารัก เฟรนลี่กับนักท่องเที่ยวทุกคน ก๊อตเลยจะมาย้ำว่าห้ามเผลอให้อาหารน้องลิงเด็ดขาดเลย เพราะนี่คือกฎของทางอุทยานที่ห้ามให้อาหารสัตว์ป่าทุกชนิด ถ้าใครฝ่าฝืนก็รับโทษไปตามระเบียบจ้า
น้ำตกเหวสุวัต
ยังคงวนเวียนหาที่เที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กันต่อ เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังเที่ยวไม่จุใจเลย และด้วยความที่เมื่อวานก๊อตได้ไปเที่ยวที่น้ำตกเหวนรกกันมาแล้ว แถมเค้ายังสวยเอามากๆ วันนี้เลยมูฟออนยังไม่ได้ อยากไปเที่ยวน้ำตกอีกครั้ง ซึ่งที่ที่ก๊อตมาก็คือ น้ำตกเหวสุวัต
โดยเราสามารถขับรถเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถ แล้วเดินเท้าต่อเข้ามาประมาณ 100 เมตร ก็จะเจอเข้ากับ น้ำตกเหวสุวัต ซึ่งบรรยากาศโดยรอบร่มรื่นมาก มองไปทางไหนก็เขียวชะอุ่มไปหมด และเค้ายังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติผากล้วยไม้ ไปจนถึงน้ำตกเหวสุวัต ให้ได้เดินสำรวจ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร สายรักธรรมชาติต้องชอบแน่ๆ
นอกจากนี้ น้ำตกเหวสุวัต เป็นอีกหนึ่งในน้ำตกขึ้นชื่อในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และยังเป็นน้ำตกมีชื่อเสียงระดับประเทศ โดยมีต้นน้ำมาจากห้วยลำตะคองไหลตกลงมาผ่านหน้าผาสูงประมาณ 25 เมตร มาลงในแอ่งน้ำข้างล่าง ช่วงที่ก๊อตมานั้นเป็นช่วงที่มีน้ำมากและกระแสน้ำแรง ทำให้เวลาที่น้ำตกลงมาแล้วเกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งๆ รู้สึกสดชื่นมากก ยิ่งช่วงไหนที่แดดส่องลงมากระทบละอองน้ำ เราก็สามารถมองเห็นสายรุ้งได้เลย สวยมาก
บริเวณรอบๆ น้ำตกจะเป็นป่าดงดิบ ที่มีก้อนหินก้อนใหญ่ๆ อยู่เยอะมาก ถ้าใครอยากหามุมสวยๆ ที่คนน้อยๆ อาจต้องปีนเข้าไปลึกหน่อย แต่ถ้าใครมาช่วงที่เป็นหน้าแล้ง น้ำตกเหวสุวัตก็สวยเหมือนกันนะ เพราะตรงนี้จะมีน้ำน้อยมาก สามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปหรือนั่งพักผ่อนในถ้ำข้างๆ น้ำตกได้เลย
สำหรับการเดินไปดูน้ำตกนั้นค่อนข้างง่ายมาก มีการทำทางต่างๆ ไว้ค่อนข้างดีทีเดียว แต่อาจมีช่วงที่ชันบ้างแต่ก็ถือว่ายังเดินได้ไม่ลำบากเลย แต่ก็แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าที่ทะมัดทะแมงหน่อย จะได้เดินสะดวกและไม่เป็นอันตราย
อ่างเก็บน้ำสายศร
จุดฮิตสาย Instagram ที่ชิคสุดในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นั่นก็คืออ่างเก็บน้ำสายศร ที่เรา Instagrammer ถึงขั้นขนพร็อพแบบจัดเต็ม มานั่งปิกนิก หรือตั้งแคมป์ถ่ายรูปเก๋ๆ กันเลยแหละ
นอกจากจะเป็นจุดถ่ายรูปปังๆ แล้ว อ่างเก็บน้ำสายศรยังเป็นจุดที่คนนิยมมาชมวิวพระอาทิตย์ตกกัน เพราะเค้าบอกว่าตรงนี้เป็นที่ดีที่สุดในการมาดูพระอาทิตย์ตกเลย นอกจากนี้เค้ายังเป็นจุดที่สามารถได้เห็นสัตว์ป่าได้แบบใกล้ชิลเอ็กซ์คลูซีฟสุด เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นอ่างเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับนักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ในอุทยานแล้ว ที่นี่เค้ายังเป็นแหล่งน้ำที่สัตว์ป่าแวะเวียนมาใช้กันเป็นประจำอีกด้วย
ตอนแรกอ่างเก็บน้ำนี้ชื่อว่าอ่างเก็บน้ำมอสิงโต แล้วก็มาเปลี่ยนชื่อเป็นอ่างเก็บน้ำสายศร เพื่อเป็นเกียรติให้กับ นายบุญเรือง สายศร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่คนแรก และอีกเหตุผลก็คือเค้าไม่อยากให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิดว่าในอุทยานแห่งชาตินี้มีสิงโตอาศัยอยู่ ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวกลัว และไม่กล้ามาเที่ยวกัน
สำหรับพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำนั้นกว้างและสวยมาก เป็นอีกจุดที่คนชอบเอาเก้าอี้แคมป์ปิ้งมานั่งชิลและถ่ายรูปเล่นกัน ซึ่งตรงอ่างเก็บน้ำสายศรเองก็มีมุมถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ แต่มุมเด็ดสุดฮิต คือต้นไม้ริมอ่างเก็บน้ำต้นนี้ ด้วยรูปทรงที่ค่อนข้างแปลก มีแต่ลำต้นและกิ่งไม้ที่ไม่มีใบเลยสักใบเดียว ทำให้เวลาถ่ายรูปออกมาแล้วดูโคตรคูลเลย
ข้างๆ อ่างเก็บน้ำก็จะมีพื้นที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างมาก ใครจะมานั่งเล่น ถ่ายรูปตรงนี้ก็ฟีลดีเด้อ เหมือนได้ไปเที่ยวต่างประเทศเล้ย
เส้นทางศึกษาธรรมชาติหนองผักชี + ทางโค้งหัวเขื่อนอ่างเก็บน้ำสายศร
เส้นทางศึกษาธรรมชาติสวยๆ ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีเยอะมาก แต่ที่ที่ก๊อตอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้มาคือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติหนองผักชี ที่นี่คือสวยและชิลมาก คนส่วนใหญ่อาจไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่
แต่เส้นทางศึกษาธรรมชาติหนองผักชี เป็นเส้นทางเดินเพื่อไป หอดูสัตว์หนองผักชี ซึ่งตอนที่ก๊อตไป เค้าปิดซ่อมปรับปรุงหอดูสัตว์ให้ใหม่ไฉไลกว่าเดิมอยู่ แต่ถ้าใครอยากจะมาเดินเล่นถ่ายรูปกับทุ่งหญ้าและวิวสวยๆ ก็ต้องมาที่นี่เลย
เส้นทางเดินไม่ถือว่าไกลมาก เดินไปกลับก็น่าจะประมาณ 2 กิโลเท่านั้นเอง ตลอด 2 ข้างทางจะเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวสวยมาก ทางเดินบางช่วงร่มรื่น เพราะตรงนี้ต้นไม้ใหญ่เยอะ ถ้าเดินๆ แล้วเหนื่อยก็หยุดพักได้เรื่อยๆ เลย ยิ่งวันไหนฟ้าเคลียร์ๆ แบบวันที่ก๊อตไปเนี่ย ถ่ายรูปออกมาสวยสุดๆ ทุกอย่างเหมือนถูกเซตไว้สำหรับถ่ายรูปจริงแกกก 555555
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่สัตว์ป่ายังใช้เดินทางกันเป็นปกติ ถ้าใครมาที่นี่แล้วโชคดีหน่อยก็อาจได้เห็นกวาง ช้างป่า และสัตว์อื่นๆ ในบริเวณนี้ก็ได้น้าา
เสร็จออกมาแล้ว ใกล้ๆ กับลานจอดรถตรงทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติหนองผักชี จะมีถนนเป็นทางโค้งที่ถ่ายรูปสวยมากอีกจุด คนที่ผ่านตรงนี้สามารถแวะมาถ่ายรูปตรงหัวโค้งนี้ได้เลยนะ แต่อย่าถ่ายรูปเพลินล่ะ ระวังรถกันด้วยเด้อ
เส้นทางศึกษาธรรมชาติกองแก้ว
ถ้าใครเป็นนักศึกษาธรรมชาติมือใหม่ต้องมาที่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกองแก้ว ด้วย ที่นี่อยู่ติดกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จะบอกว่าข้างในนี้ธรรมชาติสวยมากๆ เราจะได้สัมผัสป่าดงดิบของจริงที่นี่แหละ ระยะทางเส้นนี้อยู่ที่ประมาณ 1.2 กิโลเมตร ถ้าเดินครบรอบน่าจะใช้เวลาประมาณ 45 นาทีเลยล่ะ แต่ทางเดินไม่ยากนะ อาจมีชันๆ บ้าง ซึ่งทางอุทยานเค้าได้มีการทำทางเดินไว้ แต่ถ้าใครมาช่วงหน้าฝนก็เตรียมพวกอุปกรณ์กันทากมาด้วยก็ดีน้า ปลอดภัยไว้ก่อนจ้า
เส้นทางเดินนี้เค้าจะแบ่งย่อยๆ ไว้ทั้งหมด 12 จุดด้วยกัน แต่กว่าก๊อตจะมาถึงที่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกองแก้ว ก็เย็นแล้ว ถ้าเดินครบรอบคงจะต้องมืดมากแน่ๆ เลยตัดสินใจเดินไปแค่จุดที่ 11 และ 12 เท่านั้น ส่วนเส้นทางเดินก็ง่ายมาก สำหรับคนมีเวลาน้อยๆ แบบก๊อต แค่เดินข้ามสะพานไป แล้วเลี้ยวขวาก็จะเจอเลย ง๊ายมาก แค่นี้เอง
บรรยากาศของ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกองแก้ว นั้นสงบมากและธรรมชาติอุดมสมบูรณ์สุดๆ ก๊อตชอบที่ถึงแม้มันจะอยู่ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แต่ทันทีที่ได้เดินเข้าไปนั้น กลับได้ความรู้สึกที่ตรงข้ามกันเลย เพราะข้างในนี้เงียบสงบ อากาศจะชื้นๆ เย็นๆ และได้ยินเสียงธรรมชาติชัดเจนมาก ใครเป็นสายธรรมชาติก๊อตแนะนำที่นี่เลย
กังหันลมเขายายเที่ยง
ออกมาเที่ยวนอกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กันบ้าง อีกหนึ่งที่เที่ยวยอดฮิต และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเขาใหญ่ คือ กังหันลมเขายายเที่ยง ซึ่งเป็นจุดชมวิวบนเขาที่สามารถมองเห็นวิวของเขื่อนลำตะคอง และทุ่งกังหันลมได้แบบเต็มตามากกก เหมาะมากที่จะมาเดินเล่นชิลๆ หรือปั่นจักรยานก็เพลินสุดๆไปเล้ย
กังหันลมเขายายเที่ยง เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาด บนเขายายเที่ยงนี้คือสถานที่ที่มีพลังลมดีที่สุดแห่งนึงของบ้านเรา และยังเป็นที่ตั้งของกังหันลมที่ใหญ่ที่สุดในไทยเราเลยด้วยนะ ด้วยแรงลมที่พัดปลิวได้ขนาดนี้ เค้าก็เลยมาตั้งกังหันลมที่นี่ เพื่อใช้เป็นพลังงานส่งไปใช้ที่โรงไฟฟ้าลำตะคองนั่นเอง ซึ่งในแต่ละปีเจ้ากังหันพวกนี้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เยอะมาก เยอะถึงขั้นเป็นล้านๆ หน่วยเชียวน้า เจ๋งมากกกก
บรรยากาศข้างบนถือว่าดีมากเลยล่ะ อากาศเย็น ลมโชยกำลังดี สามารถเช่าจักรยาน (ชั่วโมงละ 40 บาท) หรือรถกอล์ฟมาขับวนรอบจุดพักน้ำ พร้อมกับชมวิวกังหันลมหลาย 10 ต้นบนยอดเขาและเขื่อนลำตะคองจากด้านบนได้เลยด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่พลาดไม่ได้เลย นอกจากบรรยากาศจะดีมากแล้ว ที่นี่ยังถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของเหล่า Instagrammer ที่สวยมากๆ ได้ฟีลญี่ปุ่นเบาๆ ต้องมาเก็บภาพนะ!
Hao Khaoyai
หากใครอยากแวะหาของอร่อยๆ เรามาเที่ยวกันต่อที่ Hao Khaoyai คาเฟ่สไตล์ไทย-จีนที่ดูเป็นกันเองสุดๆ บ้านไม้ 2 ชั้นอายุกว่า 50 ปี ที่ตกแต่งมีความเป็นจีนโบราณผสมกับความเป็นไทยอยู่ด้วย ทำให้บรรยากาศของคาเฟ่ที่นี่เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด ที่มีมุมถ่ายรูปน่ารักอยู่เยอะมากก ไม่ว่าจะนั่งหรือยืนมุมไหนก็ได้รูปสวยๆ แน่นอน
ส่วนตัวก๊อตชอบการตั้งชื่อร้านมากเลย Hao Khaoyai อ่านว่า ‘เฮา’ ที่แปลว่า ‘เรา’ ในภาษาไทย แต่ด้วยคอนเซปต์ร้านแบบจีนก็สามารถที่จะอ่านให้เป็นคำว่า ‘ห่าว’ ที่แปลว่า ‘ดี’ ในภาษาจีนได้เหมือนกัน น่ารักมากๆ
ร้านนี้เค้าขายทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม ซึ่งก๊อตเองสั่งมาทั้งหมด 7 เมนูด้วยกัน ขอเริ่มที่เมนูเครื่องดื่มก่อนแล้วกัน เครื่องดื่มที่สั่งมาทั้งหมดจะเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน แก้วแรกมีชื่อว่า HAO (110 บาท) กาแฟที่ทางร้านดัดแปลงมาจากเมนู Einspänner (กาแฟสูตรคลาสสิคของเวียนนา) ด้านล่างจะเป็นกาแฟผสมน้ำมะพร้าว และท็อปด้วยครีมกะทินุ่มๆ ด้านบน ซึ่งวิธีดื่มคือให้ดื่มทีเดียวแบบไม่ต้องคน เพื่อจะได้รับรสชาติจากทั้ง 2 ชั้น ส่วนตัวก๊อตว่าแก้วนี้อร่อยทีเดียว กาแฟผสมน้ำมะพร้าวหอมๆ และมีครีมกะทิที่มาทำให้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น แถมเนื้อสัมผัสยังเนียนนุ่ม ฟินมากก
มาต่อด้วย เป็งเส็ง (130 บาท) เมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปลากริมไข่เต่ารวมกับ Affogato ด้านล่างของแก้วนี้จะเป็นไอศครีมน้ำตาลโตนด และโปะด้วยวิปครีมกะทิหอมมัน ก่อนที่จะราดช็อตกาแฟรสเข้มข้นตามลงไป ด้านบนสุดนั้นจะเป็นข้าวเกรียบว่าว ที่เอามาเพิ่มอรรถรสในการกินให้อร่อยและสนุกยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชอบขนมปลากริมไข่เต่าแบบก๊อตก็ยอมรับเลยว่าเค้าไอเดียดีมาก ดื่มแล้วมีกลิ่นอายความเป็นขนมโบราณอยู่ ตอนแรกแอบคาดหวังว่าจะมีตัวปลากริมมาให้เคี้ยวเพลินๆ ด้วย แต่ดันไม่มี แงงง แต่จะบอกว่าสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบทานหวานอาจรู้สึกว่าเมนูนี้มีรสชาติหวานเกินไปได้
และแก้วสุดท้ายนั้นก็ เหมยลี่ (100 บาท) กาแฟที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฝรั่งแช่บ๊วย ด้านล่างเสิร์ฟเป็นน้ำฝรั่งและราดทับด้วยกาแฟสกัดเย็น เพิ่มมิติการการดื่มแก้วนี้ด้วยผงบ๊วยที่ติดอยู่ตรงริมขอบแก้ว ถ้าใครชอบดื่มน้ำฝรั่งอาจชอบเมนูนี้นะ เพราะเป็นเมนูที่รสชาติไม่เคยได้ลองที่ไหนมาก่อนแน่นอน รสชาติแปลกใหม่ แต่พอดื่มไปเรื่อยๆ แล้วก็รู้สึกว่าเป็นแก้วที่ใช้ได้เลยล่ะ
อย่างที่บอกว่าร้านนี้เค้าก็ขายอาหารด้วย ก่อนจะไปที่อาหารจานหลัก ขอพูดถึงเมนูทานเล่นกันก่อน ก๊อตเลยสั่งมาเป็น ขนมครกจานผสม (70 บาท) ในจานนี้จะมีขนมครก 2 แบบคือแบบธรรมดา และแบบที่ใส่หมูสับ ซึ่งก๊อตไม่เคยกินขนมครกใส่หมูสับมาก่อนเลย ก็เลยรู้สึกว่าจานนี้อร่อยดีนะ ด้วยรสชาติหวานเค็มเข้ากันทีเลยล่ะ มาต่อกันที่ของหนักกันเลยดีกว่ากับเมนู ข้าวเปียก (85 บาท) หรือที่หลายคนอาจเรียกว่าก๋วยจั๊บเวียดนามก็ได้ น้ำซุปกระดูกหมูหอมๆ ทานพร้อมกับเส้นที่ลวกมาเหนียวนุ่มพอดี อร่อยมากเลย ชอบบ หรือถ้าใครอยากกินเบาๆ ไม่เยอะมากก็แนะนำเป็น ไข่กระทะ (85 บาท) ที่เสริมมาพร้อมกุนเชียง หมูสับ หมูยอ และขนมปังปิ้งหอมๆ
ของหวานร้านนี้น่ากินเยอะมากๆ แต่ทุกคนรู้แฟนคลับรู้ว่าก๊อตชอบกินชีสเค้กเป็นที่สุด ก๊อตเลยไม่พลาดที่จะสั่ง เค้กมะปี๊ดชีสพาย (120 บาท) มาด้วย ชีสเค้กหวานมันตัดกับรสชาติเปรี้ยวๆ ของมะปี๊ดหรือที่รู้จักกันในชื่อของส้มจี๊ด เป็นอะไรที่เข้ากันสุดๆ เป็นเมนูปิดท้ายที่เริ่ดมาก
Hao Khaoyai เป็นร้านที่นอกจากจะบรรยากาศดี มุมถ่ายรูปเยอะแล้ว อาหาร ขนม เครื่องดื่ม ทุกอย่างคืออร่อยมาก ดีย์จริงงงง
ไร่ทองสมบูรณ์คลับ
กินอิ่มแล้วก็ไปเที่ยวกันต่อที่ ไร่ทองสมบูรณ์คลับ กันเลย นี่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คเก่าแก่ของเขาใหญ่ที่หลายคนอาจจะเคยมาเที่ยวตอนเด็ก โดย ไร่ทองสมบูรณ์คลับ นั้นเป็นสถานท่องเที่ยวสไตล์คาวบอย ที่มีกิจกรรมแนว Adventure สำหรับครอบครัว เช่น ขี่ม้า ขับ ATV ขับโกคาร์ท นั่งกระเช้าลอยฟ้า และอีกมากมาย รวมไปถึงมีที่พักด้วย
แต่การมาเที่ยว ไร่ทองสมบูรณ์คลับ ครั้งนี้ ก๊อตไม่ได้มาเล่นกิจกรรมผจญภัยต่างๆ ของเค้าหรอก เพราะครั้งนี้ก๊อตขอมาเที่ยวเช็คไฮไลท์จุดใหม่ของไร่ทองสมบูรณ์คลับ ก็คือ ต้นไม้รูปหัวใจ ที่ตั้งอยู่เพียงต้นเดียวกลางสนามหญ้าใจกลางเขาใหญ่ แบบน่ารักน่าเยิฟเหมาะกับมาถ่ายรูปกับแฟนสุดๆ
เดินเข้ามาไม่ไกลจากทางเข้าก็จะเจอทุ่งหญ้ากว้างมาก ซึ่งตรงกลางจะมีต้นไม้ที่ตรงพุ่มด้านบนจะเป็นรูปหัวใจตั้งอยู่ต้นเดียว จริงๆ เจ้าต้นไม้นี้มีชื่อเหงาๆ ว่า Single Tree Single Me แต่พอคนเริ่มรู้จักเยอะขึ้น ก็เลยได้ฉายาใหม่ว่าต้นไม้รูปหัวใจไปซะอย่างงั้น ฟังแล้วดูน่ารักใจฟูขึ้นมาหน่อย และความน่ารักของเจ้าต้นไม้ต้นนี้ ที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดเช็คอินและจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่หลายๆ คนต้องมาเวลาเดินทางมาเที่ยวเขาใหญ่ ซึ่งก๊อตก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน ฮ่าๆ
นอกจากต้นไม้รูปหัวใจแล้ว ไร่ทองสมบูรณ์คลับก็มีหลายมุมที่ถ่ายรูปออกมาได้สวยมากเหมือนกัน อย่างมุมที่ถ่ายมานี่คือติดวิวภูเขาด้านหลัง สวยมากก เรียกว่าเป็นอีกสถานที่ที่เหมาะกับทุกคนเลย ไม่ว่าจะมาเที่ยวกับครอบครัว เพื่อน แฟน หรือมาคนเดียวก็ฟินมากก
Like a Mountain
Like a Mountain คาเฟ่น้องใหม่อีกหนึ่งร้านในเขาใหญ่ที่คนให้ความสนใจกันแบบล้นหลาม คาเฟ่สไตล์เกาหลีที่มีความมินิมอล บรรยากาศโดยรวมของร้านนั้นชิลๆ มีทั้งโซน Indoor และ Outdoor ที่มีสนามหญ้าที่สามารถนั่งชมวิวริมน้ำได้ด้วย ได้ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ
ฟีลด้านในร้านตกแต่งได้อย่างสวย มีการออกแบบเล่นแสงเงาได้งดงามลงตัว ตัวร้านและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ คุมโทนไปทางสีขาวและไม้ ดูมินิมอลแบบน่ารักมาก
เข้ามาถึงก๊อตก็ไปสั่งเครื่องดื่มและขนมก่อนเลย ก๊อตสั่งมาทั้งหมด 5 เมนู สำหรับแก้วแรก แน่นอนว่าก๊อตสั่งเมนูซิกเนเจอร์ Like a Mountain (130 บาท) กาแฟลาเต้ที่มีความน่ารักอยู่ที่ก้อนวิปครีมกลมๆ ด้านบน รสชาติแก้วนี้ไม่ได้มีความเข้มข้นของกาแฟมาก คนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟขมๆ สามารถดื่มได้สบายๆ เลย แต่ถ้าใครชอบเครื่องดื่มสดชื่นๆ ก๊อตแนะนำ Rose Lychee (110 บาท) โซดาซ่าๆ ที่มีกลิ่นและรสชาติหอมๆ จากกุหลาบและลิ้นจี่ ดื่มแล้วเฟรซมากก และแก้วสุดท้าย Peach of Tea (110 บาท) ชาพีชที่ก๊อตรู้สึกว่าแก้วนี้รสชาติอ่อนไปหน่อย ทั้งรสชาติของชาและพีชเลย แต่ถ้าใครไม่ชอบรสชาติชาแบบขมๆ อาจชอบก็ได้นะ แงง
สำหรับขนมร้านนี้ก๊อตก็สั่งมาเป็น เค้กทีรามิสุ (130 บาท) รสชาติหวานกำลังดี ตัวครีมเนียนนุ่มทานแล้วไม่รู้สึกเลี่ยน เป็นเมนูที่อร่อยเลยล่ะ ส่วนอีกเมนูคือ ครัวซองต์อัลมอนด์ (120 บาท) ที่อบมาได้สีสวยน่าทาน ตัวแป้งด้านนอกจะกรอบๆ ส่วนตัวแป้งด้านในยังไม่นุ่มเท่าที่ควร รสชาติยังไม่โดดเด่นมากนัก แต่ก็เป็นอีกเมนูที่สามารถทานเพลินๆ ได้
โซน Outdoor ของ Like A Mountain นั้นเหมือนสร้างมาให้คนที่ชอบถ่ายรูปโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะไปนั่งหรือยืนมุมไหนก็ได้รูปสวยจนเพื่อนต้อง DM มาถามว่าอยู่ที่ไหนแน่นอน โดยเฉพาะวิวตรงสระน้ำที่เราสามารถไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น พร้อมนั่งมองวิวสวยๆ ได้เลย หรือถ้าใครอยากจะนั่งเรือถ่ายรูปเก๋ๆ ที่นี่เค้าก็มีเรือให้พายเล่นกันด้วยนะ
KHAAM Khaoyai
ใครเป็นคนรักมัทฉะ มาเที่ยวเขาใหญ่แล้วต้องมาที่ KHAAM Khaoyai ด้วย เพราะนี่คือคาเฟ่ที่จะทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ญี่ปุ่นจริงๆ ด้วยคอนเซปต์ที่ชัดเจน มีการตกแต่งร้านแบบมินิมอลกลิ่นอายญี่ปุ่น และเมนูสารพัดชาเขียวที่ถอดแบบความเป็นญี่ปุ่นมาได้แบบเต็มสิบไม่หัก
ทั้งเครื่องดื่มและขนมของที่นี่ส่วนมากจะเป็นชาเขียว ซึ่งวันนี้ก๊อตสั่งมาทั้งหมด 5 เมนูด้วยกัน เรามาเริ่มต้นกันที่ A KHAAM (150 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน แก้วนี้เป็นชาเขียวผสมกับน้ำมะขามและน้ำบ๊วย รสชาติค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับก๊อต ไม่เคยรสชาติแบบนี้มาก่อน แต่เป็นแก้วที่ให้ความรู้สึกสดชื่นเมื่อได้ดื่มเข้าไป แก้วต่อไปเป็นแก้วที่ก๊อตชอบ เพราะรู้สึกว่าเป็นรสชาติมันกลมกล่อมสุดๆ คือ Classic Blend Cold Whisk (130 บาท) ชาเขียวผสมกับนมสดเย็น รสชาติชาเขียวและนมผสมกันได้ดี เป็นรสสัมผัสเบาๆ ดีย์มาก
เครื่องดื่มแก้วสุดท้ายที่ก๊อตสั่งมาคือ Matcha Dirty (130 บาท) ชาเขียวรสชาติเข้มข้นเทลงบนนมสดหอมมัน เวลาดื่มไปพร้อมกันจะได้รสชาติเข้มๆ ของมัทฉะก่อนแล้วตามมาด้วยความหวานมันของนมสด นี่ก็เป็นอีกแก้วที่ก๊อตประทับใจมาก
มีเครื่องดื่มก็ต้องมีขนมด้วย Bamboo Matcha Melt (120 บาท) ชิฟฟอนเค้กรสชาเขียวที่ราดทับด้วยครีมมัทฉะฉ่ำๆ พร้อมโรยข้าวคั่วญี่ปุ่นหอมๆ กรุบกรอบปิดท้าย นี่คือเมนูที่ให้หลายเนื้อสัมผัสในคำเดียว เป็นขนมที่ก๊อตอยากให้ทุกคนมาลองถ้าได้มาร้านนี้ มันอร่อยจริงๆ นะเออ
ทุกเมนูเป็นชาเขียวแบบนี้ต้องเลี่ยนมากแน่ๆ ก๊อตก็เลยสั่ง Honey Yuzu Cheese Pie (110 บาท) มาทานตัดรสชาติสักหน่อย ตัวชีสพายรสชาติดี มีชั้นส้มยูสุรสชาติออกเปรี้ยวๆ อยู่ด้านบน ทำให้รู้สึกสดชื่นมาก สามารถสั่งมากินคู่กับเมนูมัทฉะได้เข้ากันสุดๆ
โดยรวมก๊อตว่าร้านนี้บรรยากาศดีมาก เหมือนยกญี่ปุ่นมาไว้ที่นี่ เรื่องรสชาติเครื่องดื่มและขนมก็อร่อยถูกปากเลยทีเดียว ใครที่ชอบความเป็นญี่ปุ่นหรือชอบดื่มชาเขียวอยู่แล้วก๊อตว่าร้านนี้เหมาะมากๆ
OLNA x PY Roasters
มีคาเฟ่สไตล์จีน เกาหลี ญี่ปุ่นไปแล้ว ก๊อตขอปิดท้ายด้วยคาเฟ่เขาใหญ่ในสไตล์อังกฤษแล้วกัน กับ OLNA x PY Roasters คาเฟ่แสนคิ้วท์ที่อยู่ท่ามกลางวิวภูเขาและไร่อ้อย ที่นี่เค้าค่อนข้างเด่นเรื่องกาแฟที่มีให้เลือกหลากหลาย แต่ถ้าใครไม่ใช่สายกาแฟ ที่นี่เค้าก็ยังมีเมนูอื่นๆ อีกเพียบบ
ก๊อตสั่งมาลองทั้งแบบที่เป็นกาแฟและไม่ใช่กาแฟ แก้วแรกของก๊อตคือ กาแฟดำน้ำผึ้งมะนาว (100 บาท) น้ำผึ้งมะนาวรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ราดด้วยช็อตกาแฟดำรสชาติเข้ม เวลาที่ดื่มเข้าไปแล้วเป็นอะไรที่สดชื่นมาก ชอบที่เค้าแบ่งสัดส่วนของกาแฟและน้ำผึ้งมะนาวมาได้ดี ใครง่วงๆ ดื่มแก้วนี้เข้าไปคือตื่นเลยจ้า และอีกแก้วที่ก๊อตสั่งมาก็คือ โกโก้มินท์ (100 บาท) โกโก้เย็นที่ราดมาบนชั้นนมรสมิ้นท์สีเขียวพาสเทล เสิร์ฟมาพร้อมเวเฟอร์ช็อคโกแลตแท่ง นี่เป็นโกโก้ที่เข้มข้นแต่ไม่ได้รู้สึกว่าขมจนดื่มยาก เพราะว่าได้รสชาติหวานหอมของมิ้นท์มาเบรกไว้ อร่อยมากก
จริงๆ ร้านนี้เค้ามีขนมด้วย แต่ช่วงที่ก๊อตไปขนมเค้าเริ่มหมดแล้ว และก๊อตก็อิ่มมากแล้วด้วย ก็เลยไม่ได้สั่งมา แต่ถ้าพูดถึงหน้าตาขนมของร้านนี้คือน่าทานเลยล่ะ ใครที่จะไปร้านนี้ก็แวะไปทานแล้วมาบอกก๊อตหน่อยน้าว่าเป็นยังไงบ้าง
สำหรับบรรยากาศร้านนี้คือ ดีเวอร์ แบบให้คะแนนไม่ถูกเลย ทางร้านเค้าตกแต่งมุมต่างๆ ไว้ให้ถ่ายรูปแบบน่ารักมาก ตั้งแต่โซน Indoor ก๊อตรู้สึกว่ามันอบอุ่นโฮมมี่มากเลยล่ะ ส่วนโซน Outdoor ก็จะได้ฟีลเหมือนมาเที่ยวอยู่ในสวนดอกไม้ยุโรป มีมุมต่างๆ ให้เราไปยืน ไปนั่งถ่ายรูปได้ไม่ซ้ำเลย แต่ที่ก๊อตชอบที่สุดคือร้านนี้ไม่วุ่นวายเลย มีความสงบและเป็นส่วนตัวมาก ยิ่งมาวันธรรมดายิ่งเงียบสงบ ฟีลกู๊ดมาก ดีย์
บ้านคุณหญิง รีทรีต เขาใหญ่ (Baan Khun Ying Retreat Khao Yai)
Baan Khun Ying Retreat Khao Yai เป็นที่พักสไตล์ Tuscany บรรยากาศข้างในเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในเมืองชนบทในประเทศอิตาลี่จริงๆ เลย ด้วยการใช้สี การออกแบบ การตกแต่ง และการจัดสวนดอกไม้สไตล์ยุโรปของเค้า
ถ้าเกิดมาพักที่นี่แล้วยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนดี แค่เดินเล่นในโรงแรมก็ฟินมากแล้ว เพราะเดินเข้ามาข้างในที่พักก็จะเจอกับต้นก้ามปูยักษ์อายุเกือบ 100 ปี ตั้งอยู่ตรงกลางสวนที่ปลูกดอกไม้นานาชนิดอยู่ทั่วทั้งสวนเลย และข้างๆ จะมีลำธารเส้นเล็กๆ อยู่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นไปอีก
แต่ถ้าใครอยากจะลงเล่นน้ำจริงๆ ที่นี่เค้าก็มีสระว่ายน้ำอยู่ด้านหลังด้วย ซึ่งก็สามารถมาว่ายน้ำ ท่ามกลางธรรมชาติได้แบบส่วนตัว
ครั้งนี้ก๊อตจองห้องพักแบบ Family Room with Garden View ภายในห้องนี้ก็กว้างมาก สามารถเข้าพักได้ถึง 4 คนเหมาะกับการมาเที่ยวทั้งครอบครัว หรือจะรวมแก๊งเพื่อนมานอนด้วยกันก็ยังได้
ภายในห้องนี้แบ่งได้ 3 ส่วนใหญ่ๆ ในส่วนแรกคือห้องนอนใหญ่ ที่แยกออกมาจากตรงส่วนกลางของห้อง ตรงห้องนี้จะมีประตูบ้านเลื่อนที่ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและสงบมากยิ่งขึ้น ส่วนต่อมาเป็นห้องน้ำที่กว้างมากๆ มีทั้งอ่างอาบน้ำและห้องอาบน้ำแบบปกติรวมอยู่ในห้องเดียวกันเลย และส่วนที่ใหญ่ที่สุดของห้องนี้ก็คือห้องนอนที่อยู่รวมกับพื้นที่ส่วนกลาง ที่สามารถมองเห็นวิวสวนและต้นก้ามปูได้ในทันทีที่ตื่นขึ้นมาเลย ชอบมากก
Baan Khun Ying Retreat Khao Yai เค้าก็มีบริการอาหารเช้าสำหรับคนที่เข้ามาพักที่นี่ด้วย ซึ่งในทุกๆ เช้าเค้าจะเสิร์ฟเป็นข้าวต้ม 1 ถ้วย และ American Breakfast 1 เซต ซึ่งในแต่ละวันก็จะเปลี่ยนวัตถุดิบไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกันเลยสักวัน แต่สิ่งเดียวที่ต้องมีในทุกเช้าคือ ครัวซองต์ ซึ่งที่นี่เค้าทำเอง อบใหม่ทุกเช้า ซึ่งถ้าใครติดใจก็สามารถซื้อครัวซองต์ของที่นี่กลับบ้านได้ด้วยน้า รสชาติอาหารนั้นอร่อยทีเดียว ปริมาณอาหารก็ให้มากำลังดี ไม่เยอะและน้อยเกินไป ถือว่าเป็นการเริ่มวันที่ดีมาก มีแรงไปเที่ยวต่อแล้วว
โดยรวมก๊อตชอบที่นี่มาก จนรู้สึกอยากมีบ้านบรรยากาศแบบนี้อยู่ที่ต่างจังหวัดสักหลัง ฮ่าๆ ด้วยการบริการที่เป็นกันเอง การเสิร์ฟอาหารแบบโฮมเมด และบรรยากาศสบายๆ ทำให้ก๊อตรู้สึกว่าที่ Baan Khun Ying Retreat Khao Yai เป็นที่พักที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านพักตากอากาศ เหมาะกับการมาพักผ่อนที่สุด
ราคาห้องพักเริ่มต้น 2,898 บาท/คืน ดูเรทและจอง บ้านคุณหญิง รีทรีต เขาใหญ่ (Baan Khun Ying Retreat Khao Yai) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
จบแล้วสำหรับทริปเขาใหญ่ นี่เป็นการมาเขาใหญ่ที่ก๊อตชอบที่สุดเลย ได้ไปเที่ยวหลากหลายสถานที่ แต่ที่ชอบที่สุดคือการได้เข้าไปเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพราะว่าข้างในมันมีที่เที่ยวอื่นๆ ที่ทำให้ทริปนี้เป็นทริปที่คุ้มค่ามากๆ ก๊อตได้เห็นว่าที่เที่ยวธรรมชาติในไทยมันสวยมาก ไม่แพ้ต่างประเทศเลย ส่วนที่เที่ยวอื่นๆ เช่น คาเฟ่ ร้านอาหาร และที่พัก ก็เป็นอะไรที่น่ารักและเหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนจริงๆ ฟินน
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡
> ส่วนลด Agoda.com (อโกด้า)
> ส่วนลด Booking.com (บุคกิ้ง)
> ส่วนลด Expedia (เอ็กซ์พีเดีย)
> ส่วนลด Klook (คลุก)
> ส่วนลด KKday ( เคเคเดย์)