เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือ เขื่อนเขื่อนรัชชประภา นี่ยืนยันว่าเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวหลายคนทั่วโลกอยากมาเยือนมาก ไถฟีด IG ท่องเที่ยวเมืองไทย คือต้องมีรูปของเขื่อนเชี่ยวหลานอยู่ในนั้นด้วยจริงๆ เพราะด้วยวิวของภูเขาสูงชันหลากหลายลูกตั้งอยู่กลางน้ำแบบสวยๆ ทำให้ที่นี่ถูกขนานอีกชื่อหนึ่งว่า ‘กุ้ยหลินเมืองไทย’ ขนาดนั้นเลยล่ะ
สำหรับการมาเที่ยวที่นี่ เราจะเช่าเหมาเรือเพื่อเที่ยวแบบเดย์ทริปก็ได้ แต่ถ้าใครที่มีเวลาหน่อย ก็อยากให้เรามานอนค้างคืนที่แพในเขื่อนเชี่ยวหลานกันเนอะ ซึ่งก๊อตบอกเลยว่าควรนอนอย่างยิ่ง สวยจริงไม่จกตา อีกทั้งยังมีหลากหลายกิจกรรมให้เราทำระหว่างวันด้วย ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือ พายเรือคายัค หรือแม้จะนอนเปื่อยไม่ทำอะไรเลยก็ตาม 55555
ที่ควรรู้ของ เขื่อนเขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน
เขื่อนเขื่อนรัชชประภา หรือที่คนทั่วไปติดปากเรียกกันว่า ‘เขื่อนเชี่ยวหลาน’ ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2524 และเสร็จในปี 2530 ภายในพื้นที่ 168 ตร.กม. หรือประมาณ 105,000 ไร่ ถือเป็นเขื่อนแห่งที่สองของภาคใต้ และใช้เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ทั้งผลิตไฟฟ้า ชลประทาน ประมง และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ก่อนที่นี่จะเป็นเขื่อนที่สวยงามจนหลายคนเรียกว่า ‘กุ้ยหลินเมืองไทย’ ที่มีเขาหินปูสูงตระหง่านบนผืนน้ำ และเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก บอกเลยว่าที่นี่ต้องแลกอะไรมาเยอะมากกับการสร้างเขื่อนแห่งนี้เหมือนกัน เนื่องจากพื้นที่นี้แต่ก่อนเคยเป็นผืนป่าดินชื้นขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ และมีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดรวมถึงสัตว์หายากและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์เยอะมาก
จากการสร้างเขื่อนเอง เลยต้องการอพยพสัตว์ป่าออกจากพื้นที่ เพราะเมื่อเค้าปิดกั้นน้ำออก และน้ำในเขื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆจนภูเขากลายเป็นเกาะและภูเขาบางลูกที่เตี้ยๆก็จะจมน้ำไป สัตว์ป่าทั้งหลายเลยต้องหนีน้ำหรือโดนติดค้างอยู่บนเกาะเล็กๆที่มีพื้นที่จำกัด สิ่งนี้ทำให้เกิดโครงการอพยพสัตว์ป่า ซึ่ง ‘สืบ นาคะเสถียร’ ได้เป็นหัวหน้าโครงการเพื่ออพยพสัตว์ป่าในพื้นที่มากกว่าหนึ่งแสนไร่ และมีงบประมาณเริ่มต้นเพียงแปดแสนบาทเท่านั้น ซึ่งสุดท้าย ทีมงานทั้งหมดได้ช่วยเหลือสัตว์ได้ไว้ทั้งหมด 1,364 ตัวเท่านั้นเอง
ดังนั้น การมาเที่ยวที่เขื่อนเชี่ยวหลาน ความรู้สึกส่วนตัวก๊อตเอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โคตรสวยแบบเต็มสิบไม่หัก แต่ด้านในลึกๆ ก็เศร้าเหมือนกันเมื่อได้เรียนรู้ประวัติของสถานที่นี้ อย่างไรก็ตาม ตัวเขื่อนก็สร้างประโยชน์ให้เราเยอะมากเหมือนกัน แต่การจะได้เขื่อนมาก็ต้องแลกกับหลายสิ่งและหลายชีวิต อดีตเราแก้ไขไม่ได้ มีแต่ปัจจุบันที่เราสามารถช่วยกันรักษาป่าไม้และสัตว์ป่า ก็ช่วยกันรักษาไว้ให้อยู่กับเราไปนานๆ เนอะ
รีวิวท่องเที่ยว เริ่มกลายเป็นดราม่าเฉย 555555
เอาเป็นว่า เราพอรู้ประวัติไว้พอสังเขปคือดีย์
ผ่านเรื่องเครียดมาแล้ว เราไปเที่ยวกันดีกว่า เย่!
ทริปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานแบบ 1 วัน
สำหรับใครที่ไม่สะดวกค้างคืนที่แพ จริงๆแล้ว เราสามารถเหมาเรือเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานได้ด้วยเหมือนกันนะ ซึ่งเราสามารถไปที่ท่าเรือเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลานแล้วติดต่อที่นั่นได้เลย แต่ถ้าใครอยากได้ความสะดวกสบายแบบจองก่อนละก็ ใน KLOOK เค้ามีให้จองด้วยเหมือนกัน โดยแพ 500 ไร่เป็นคนจัดการทัวร์ให้ สามารถคลิกลิงค์ดูได้ด้านล่างเลย
แนะนำ! ทริปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานแบบค้างคืน
Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่)
สำหรับแพที่พักที่ก๊อตได้ไปพักรอบนี้คือ Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่) ที่ถือเป็นแพที่ใฝ่ฝันอยากไปมาก เพราะตอนแรกที่ลองหารูปเขื่อนเชี่ยวหลานจาก IG คนอื่นๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ มีหลายรูปที่ถ่ายจาก Panvaree The Greenery คือโคตรสวยและปังมาก นั่นทำให้ก๊อตรีบจองหลังจากจองตั๋วบินไปสุราษฎร์ทันที ฮ่า
สำหรับราคาเค้าจะเหมาเป็นแพ็คเกจแล้วแต่เราเลือกว่าจะไป 1 คืน หรือ 2 คืน โดยทริปของก๊อตนั้น เนื่องจากมีเวลาค่อนข้างน้อย เลยเลือกแบบ 2 วัน 1 คืนเองอ่ะ (ตอนหลังคือเสียดายมาก น่าจะอยู่นานกว่านี้) โดยราคาปกติเค้าจะอยู่ที่ คืนละ 9,900 บาท (2 คน) รวมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วทั้ง ค่าเรือไป-กลับจากสันเขื่อนไปยังแพที่พัก อาหารแบบฟูลบอร์ด 3 มื้อ และกิจกรรมทั้งล่องเรือไปดูเขาสามเกลอ และชมเขื่อนเชี่ยวหลาน
ถ้าใครที่ไปเที่ยวตอนนี้ในปี 2563 ช่วงหลังของ COVID-19 เค้ามีโปรอยู่ แบบ 2 วัน 1 คืน จะตกคนละ 3,450 บาท/คน เท่านั้น คือคุ้มมาก ถ้าใครมีเวลาไปเที่ยวตอนนี้ก็รีบไปเลยเด้อ
หลายคนที่เห็นราคาตอนแรกอาจจะร้อง เพราะราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าเราได้ดูรายละเอียดดีๆแล้ว คือไม่แพงเลยเว้ย เพราะเค้ารวมทุกอย่างไว้ให้หมดเรียบร้อย ค่าเรือคายัค ค่านู้นนี่นั่นคือรวมหมดทุกสิ่ง อาหารคืออร่อยม๊าก และเค้าให้เติมได้เรื่อยๆด้วย เรียกกลายๆว่าเป็นมื้ออาหารแบบบุฟเฟต์ได้เลย สุดท้าย การบริการของเค้าถือว่าดีมากกกก
ที่ควรรู้คือ ช่วงกลางวัน ไฟฟ้าเปิดได้แต่พัดลม แต่กลางคืนใช้ได้เต็มที่ ห้องพักเป็นห้องติดแอร์ ส่วนสัญญาณโทรศัพท์ AIS ใช้ได้บ้าง True ใช้ไม่ได้ และล็อบบี้มี Wifi ให้ใช้ ไม่ได้ตัดขาดโลกขนาดนั้น แต่ถ้าใครอยาก Social Media Detox ที่นี่ก็ถือเป็นสถานที่ดีที่เราจะได้พักผ่อนเนอะ
ส่วนโปรแกรมนั้น ก่อนถึงวันที่พัก ทาง Panvaree The Greenery จะติดต่อมาเพื่อบอกชื่อไกด์รวมถึงให้เบอร์โทรไว้ โดยวันที่ เราต้องไปถึงท่าเรือเทศบาลของเขื่อนเชี่ยวหลานเพื่อเจอไกด์ตอน 11 โมง เมื่อคนครบแล้ว เค้าจะพาเราล่องเรือเข้าเขื่อนเพื่อไปยังแพที่พัก ทานข้าวกลางวัน และปล่อยให้เราพักผ่อนตามสบาย จะพายเรือคายัค ว่ายน้ำเล่น หรือจะเปื่อยๆ ชิลๆ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลย
ตามกิจกรรมในแพ็คเกจ ช่วงตอนเย็น เค้าจะพาเราไปล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกภายในเขื่อน แต่โชคร้ายไปนิดที่วันที่ก๊อตไปนั้น ฝนตกหนักมาก ทำให้ไกด์และลูกทริปตกลงกันว่า เราจะรวบทั้งหมดไปอยู่พรุ่งนี้เช้าแทน ไม่ว่าจะเป็นการดูหมอกท่ามกลางภูเขาสูงในเขื่อนเชี่ยวหลานที่ทุกคนชอบเรียกกันว่า ‘กุ้ยหลินเมืองไทย’ หรือแม้แต่ ‘เขาสามเกลอ’ ที่เสมือนเป็นจุดไฮไลท์ของทริปเขื่อนเชี่ยวหลานที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูป บอกเลยว่าโคตรดี และสวยมากกกกก และที่ดีมากๆคือ ไกด์เค้าได้เล่าเรื่องถึงประวัติความเป็นมาของเขื่อนเชี่ยวหลาน รวมถึงเกร็ดความรู้ต่างๆของที่นี่ด้วย
เสร็จจากทริปล่องเรือ ก็จัดแจงทานอาหารเช้า จากนั้นก็เก็บกระเป๋าเตรียมเช็คเอาท์ ซึ่งทาง Panvaree The Greenery ก็พาเรามาส่งยังจุดเดิมที่สันเขื่อน เป็นอันเรียบร้อย ♥️
สำหรับใครที่สนใจอยากจอง Panvaree The Greenery สามารถเข้าไปจองที่เว็บ thegreenerypanvaree.com ของเค้าได้เลย หรือ จะเข้าไปสอบถามหรือจองผ่าน Facebook Page: Panvaree The Greenery ของเค้าก็ได้ครับผม หรือถ้าใครอยากจองผ่าน OTA สามารถจองผ่านเว็บพวก Agoda, Booking หรือ Expedia ได้เช่นกันเด้อ
ราคาห้องพักเริ่มต้น 9,900 บาท/คืน ดูเรทและจอง Panvaree The Greenery สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
ดูเรทและจองผ่าน Agoda
ดูเรทและจองผ่าน Booking
ดูเรทและจองผ่าน Expedia
ดูเรทและจองผ่าน Trip
ดูเรทและจองผ่าน Hotels
แพ 500 ไร่
อีกหนึ่งแพที่พักในเขื่อนเชี่ยวหลานที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ แพ 500 ไร่ ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นที่พักที่วิวสวยที่สุดในเขื่อนเชี่ยวหลาน ทุกคนสามารถมองเห็นวิวภูเขาหินปูนที่สลับซับซ้อนกันเป็นแนวยาวสะท้อนอยู่บนผิวน้ำสีฟ้ามรกตจากทุกห้องพัก ส่วนในตอนกลางคืนก็สามารถมองเห็นดาวได้เต็มท้องฟ้า ที่นี่วิวสวยติดอันดับโลกจนได้รางวัล Hotel With The Best Location จาก Lonely Planet Recommendation เลยนะ
สำหรับการมาพักที่ แพ 500 ไร่ ก๊อตเลือกพักแบบเหมาแพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน แบบธรรมดา (แพ็คเบสิก) คือ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 11,000 ต่อคน ราคานี้จะรวมหมดเลยทั้งที่พัก อาหารทุกมื้อ เรือคายัค เรือรับส่งทั้งขาไปและขากลับจากหน้าเขื่อน แต่ไม่รวมกิจกรรมอื่นๆ อย่างพวกเดินป่า หรือการไปสถานอื่นๆในเขื่อนเชี่ยวหลาน
ด้วยความที่รอบนี้ ก๊อตไปเที่ยวกันแบบครอบครัวใหญ่มาก เลยต้องจองเป็นห้อง Family Suite Room ที่เป็นแพแยกออกมาจากโซนห้องพักส่วนใหญ่ ดังนั้น ห้องนี้มันไม่สามารถเดินไปที่ล็อบบี้หรือห้องอาหารได้ ก็เลยได้สิทธิพิเศษในการนั่งเรือรับส่งระหว่างที่พักกับล็อบบี้ด้วยซะเลย ก็ถือว่าได้นั่งเรือเพลินๆ กินลมชมวิวได้ประมาณนึงแหละ 🤣 🤣
⚡️ : กิจกรรมภายในที่พักก็มีให้เลือกหลากหลายเลย แต่จะบอกว่าที่แพ 500ไร่เนี่ย เป็นแพเดียวในเขื่อนเชี่ยวหลานที่มีสระว่ายน้ำเลยนะ ใครมาที่นี่ก็จะได้เล่นน้ำทั้งน้ำเขื่อนและน้ำสระเลยทีเดียว นอกจากนี้ทุกๆ ห้องพักจะมีเรือคายัคไว้ให้ห้องละ 2 ลำ ก็สามารถเอาไปพายชมวิวหรือถ่ายรูปเล่นตามเต็มที่เลย หรือใครที่ไปกับผู้ใหญ่แบบก๊อต ที่นี่ก็ถือว่าตอบโจทย์เลยเพราะมีบริการนวด ซึ่งมีหมดเลยนะ นวดแผนไทย นวดอโรม่า นวดสวีดิช และอีกสารพัด รวมไปถึงการนวดผ่อนคลายริมสระน้ำ นอนดูวิวไป ได้นวดผ่อนคลายไปด้วย ฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
วันแรกก๊อตไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่ เมื่อเรานั่งเรือจากหน้าเขื่อนมายังที่พัก เราจะได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเขื่อนเชี่ยวหลาน รวมถึงมีการแวะไปชมเขาสามเกลอที่ถือเป็นไฮไลท์ของเขื่อนเชี่ยวหลานนั่นเอง ส่วนตัวก๊อตรู้สึกว่าประทับใจที่มาเที่ยวครั้งก่อนของแพพันวารีมากกว่า ด้วยช่วงเวลาที่เกือบเที่ยง แดดจ้า อีกทั้งเรือที่มารับพวกเรานั้น จอดเรือค่อนข้างไกลจากเขาสามเกลอมาก ไม่ได้พยายามหามุมมุมถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวเท่าไหร่นั่นเอง
เสร็จจากการล่องเรือ เมื่อเราเดินทางมาถึงที่พักแล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นการกินข้าว นอนเปื่อย พายเรือคายัค รวมถึงว่ายน้ำเล่นหน้าแพที่พัก ใครที่อยากเอื่อยๆ จะไม่ทำอะไรเลยก็ได้ ซึ่งช่วงเวลานี้แหละคือการพักผ่อนที่แท้จริง 55555
วันที่ 2 หากใครที่ตื่นเช้าไหว ก๊อตแนะนำให้เราตื่นเช้าตรู่ เพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้นหน้าห้องพักซักหน่อย เพราะวิวตรงนี้ถือว่าสวยมาก และเป็นอีกภาพที่ค่อนข้างประทับใจเลย
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เค้าจะมีจัดเรือพาเราลองไปชมบรรยากาศของเขื่อนเชี่ยวหลานในช่วงเช้า ที่เงียบสงบ สวยและน่าประทับใจมาก และถ้าใครโชคดีล่ะก็ เราอาจจะได้เห็นสัตว์ป่าออกมาเดินเล่นตามริมน้ำอย่างช้างป่า หรือนกเงือกบินไปมา สัตว์เหล่านี้ถือเป็นสัตว์ที่หาดูได้ง่ายในเขื่อนเชี่ยวหลานเลยแหละ และเมื่อล่องเรือยามเช้าเสร็จแล้วก็ถึงเวลากลับมาทานอาหารเช้า ซึ่งที่นี่จัดไว้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งเราสามารถลุกไปตักอาหารที่ชอบ มานั่งทานได้แบบเต็มอิ่มเลย
ส่วนตัวก๊อตรู้สึกว่าในแง่ของบรรยากาศของที่พักเนี่ยก๊อตให้เต็ม 100 เลยไม่มีหัก เพราะที่นี่สวยมากจริงๆ สมกับที่ติดอันดับเลยแหละ ในตัวห้องพักและส่วนกลางก็ถือว่าดี ตกแต่งออกมาได้สวยงาม มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ แต่อาจมีในเรื่องของการให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่รู้สึกว่ายังไม่ได้รับจากที่นี่เท่าที่ควร อย่างข้อมูลเบื้องต้นหรือประวัติความเป็นมาของเขื่อนเชี่ยวหลานเองหรือแม้ที่เขาสามเกลอ คือถ้าก๊อตไม่เคยมาเที่ยวที่นี่มาก่อนหรือไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนก็จะไม่รู้อะไรเลย ได้มาเที่ยวแค่สวยงามแต่ไม่ได้รู้สึกอินกับสถานที่เท่าที่ไหร่ ซึ่งมันน่าเสียดายมาก
นอกจากนี้ แพ 500 ไร่ยังมีค่าบริการยิบย่อยนอกแพ็คเกจหลายรายการเลย เช่น ค่าอินเตอร์เน็ต Wifi หรือถ้าต้องการเล่น SUP Board ก็จะมีค่าบริการเพิ่มเติม ส่วนตัวก๊อตเลยค่อนข้างประทับใจครั้งแรกที่ก๊อตไปมากกว่าเยอะเลย ซึ่งอันนี้คือความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ของก๊อตเลยแหละ
ราคาห้องพักเริ่มต้น 11,000 บาท/คืน ดูเรทและจอง แพ 500 ไร่ สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
เปรียบเทียบแพที่พักในเขื่อนเชี่ยวหลาน
ก๊อตเชื่อว่าหลายๆ คนที่กำลังอ่านคงกำลังลังเลว่า ถ้าจะไปเขื่อนเชี่ยวหลานจะไปนอนพักที่แพไหนดี วันนี้ก๊อตเลยจะมาเปรียบเทียบที่พักระหว่าง Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่) และ แพ 500 ไร่ แต่ต้องบอกก่อนว่าอันนี้คือการเปรียบเทียบที่พักนี้ เป็นความคิดเห็นจากความรู้สึกและประสบการณ์ที่ก๊อตได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเองนะ ใครจะมีความคิดเห็นต่างจากนี้ก็ไม่ว่ากันจ้า
ก๊อตได้แบ่งเกณฑ์การเปรียบเทียบไว้ทั้งหมด 4 เกณฑ์ คือ วิวและบรรยากาศ ห้องพัก อาหาร และ การบริการ
แพ 500 ไร่ | พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่ | |
วิวและบรรยากาศโดยรวม | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️ |
ห้องพัก | ⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️ |
อาหาร | ⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ |
การบริการ | ⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ |
วิวและบรรยากาศโดยรวม
ถ้าพูดถึงเรื่องบรรยากาศโดยรวมแล้ว ก๊อตค่อนข้างประทับใจบรรยากาศของ แพ 500 ไร่ มากกว่า เพราะนอกจากเค้าจะได้รางวัล Hotel With The Best Location มาแล้ว ของจริงก็คือสวยมากจริงๆ เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ตรงไหนของที่พัก เราก็สามารถมองเห็นวิวภูเขาหินปูนด้านหน้าที่พัก ที่เรียงสลับซับซ้อนเป็นแนวยาวสวยมาก ยิ่งช่วงเช้าและเย็นที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีนี่ถือว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุดเลย
นอกจากนี้ที่ แพ 500 ไร่ ยังเป็นแพที่พักเดียวที่มีสระว่ายน้ำไว้บริการแขกที่มาพักด้วย ทำให้เราสามารถเล่นน้ำเขื่อนและสระว่ายน้ำในสระพร้อมดูวิวหลักล้านได้แค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ส่วนของ Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่) ก็ถือว่าบรรยากาศดี เห็นวิวภูเขาบ้างแต่วิวโดยรวมจะสู้ แพ 500 ไร่ ไม่ได้นั่นเอง
ห้องพัก
มาต่อกันที่ห้องพัก สำหรับก๊อตว่าทั้ง 2 ที่พักทำออกมาได้ค่อนข้างดีตามสไตล์ของตัวเอง แต่ด้วยลักษณ์ห้องพักที่จองมารูปแบบมันต่างกันเลยอาจมีสัดส่วนการจัดห้องที่ต่างกันนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าทั้ง แพ 500 ไร่ และ Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่) เองนั้นก็พักผ่อนสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบมาก แต่ในแง่ของห้องน้ำ ต้องยอมรับว่า แพ 500 ไร่ นั้นทำได้ดี และหรูหรากว่าด้วยห้องอาบน้ำกระจกกั้น แบบสวยงาม
อาหาร
ส่วนเรื่องของอาหารนั้น ทั้ง 2 แพที่พักจัดเตรียมไว้ในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ แต่มีความแตกต่างกันที่ แพ 500 ไร่ จะจัดให้แขกลุกไปเลือกและตักอาหารด้วยตัวเอง ส่วน Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่) นั้นเป็นการที่พนักงานตักอาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะเรื่อยๆ (ในส่วนนี้เปรียบเทียบค่อนข้างยากเพราะว่าก๊อตไปคนละช่วงเวลา ซึ่งแต่ละที่พักเองก็จะมีการกำหนดมาตรการป้องกัน COVID-19 ที่แตกต่างกันออกไปด้วย)
แต่อีกส่วนที่ก๊อตรู้สึกว่าเปรียบเทียบกันได้นั้นเป็นเรื่องของรสชาติ ส่วนตัวก๊อตค่อนข้างประทับใจกับของ Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่) มากกว่า เนื่องจากที่นี่เค้าทำอาหารออกมาได้รสชาติค่อนข้างกลมกล่อมและมีเมนูให้เลือกหลากหลาย พร้อมเสิร์ฟไม่อั้น บริการเต็มที่ถึงโต๊ะเราโดยที่เราไม่ต้องลุกไปไหนเลยแหละ
การบริการภาพรวม
ในส่วนสุดท้ายคือเรื่องของการบริการ ซึ่งก๊อตรวมหมดเลย ตั้งแต่ การใช้ข้อมูลของพนักงาน การเดินเรือ โปรแกรมท่องเที่ยว และ ค่าบริการอื่นๆ นอกเหนือจากแพ็คเกจ ซึ่งในด้านการบริการก๊อตประทับใจของที่ Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่) มากกว่าเนื่องจากตอนที่ไป เป็นการไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานครั้งแรกด้วย ทางเราก็ไม่ได้เตรียมตัวหรือศึกษาข้อมูลของเขื่อนไปมากเท่าไหร่ แต่ไกด์ของพันวารีนั้นได้มีการแนะนำ และเล่าที่มาที่ไปของเขื่อนเชี่ยวหลานให้นักท่องเที่ยวฟังแบบลึกและละเอียดมาก ซึ่งมันทำให้ก๊อตรู้สึกอินกับการมาเขื่อนเชี่ยวหลานมากขึ้นสุดๆ
ในส่วนของการเดินเรือและโปรแกรมเที่ยวนั้น พนักงานเรือของที่นี่เองก็ทำการบ้านมาดีมาก โดยเฉพาะเขาสามเกลอที่ถือเป็นไฮไลท์ของเขื่อนเชี่ยวหลาน ไกด์และพนักงานเดินเรือเค้าพยายามหามุมถ่ายรูปที่ดีที่สุดให้นักท่องเที่ยว กลับกันเมื่อเทียบกับ แพ 500 ไร่ มีแค่คนเดินเรือคนเดียว ไม่มีไกด์ใดๆ ไม่มีการเล่าเรื่องราว หรือประวัติความเป็นมา แถมยังไม่ค่อยพยามที่จะเอาใจลูกทัวร์ในการหามุมถ่ายรูปด้วยนั่นเอง
ที่สำคัญ ในส่วนของค่าบริการอื่นๆ Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่) แทบจะไม่มีเพิ่มเติมเลย ถ้าไม่ได้สั่งอาหารหรือเครื่องดื่มเพิ่มเติม เรียกได้ว่าซื้อแค่แพ็คเกจอย่างเดียวก็เพียงพอ ซึ่งราคาเค้ารวม Wifi ที่มีให้ใช้ฟรีที่ล็อบบี้ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากในชีวิตคนเราตอนนี้ ส่วนของ แพ 500 ไร่ นั้น เราต้องจ่ายค่า Wifi เพิ่ม ซึ่งแพงมาก ถ้าจำไม่ผิด ตกวันละ 1,500 บาท เลยทีเดียว!
สรุป
สรุปได้ว่าส่วนตัวก๊อตเทใจไปให้กับทาง Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่) มากกว่า เพราะว่าที่นี่ค่อนข้างให้ความใส่ใจในนักท่องเที่ยวที่มาพักพอสมควร มีการให้ข้อมูลต่างๆ ของสถานที่ รวมถึงการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของการบริการจากพนักงาน ซึ่งความใส่ใจที่แหละที่ทำให้ก๊อตรู้สึกว่าที่ Panvaree The Greenery (พันวารี เดอะกรีนเนอร์รี่) นั้นมีสเน่ห์มากกว่า และทำให้ก๊อตประทับใจได้มากกว่า
ก๊อตยังขอย้ำอีกครั้งว่าทั้งหมดนี้เป็นการเปรียบเทียบจากความคิดเห็นของก๊อตเอง ซึ่งถ้าใครไปเข้าพักมาแล้วมีความเห็นต่างจากก๊อตก็ไม่ว่ากันนะ 🙋🏻♂️
สุราษฎร์ธานี ไม่ได้มีแต่เขื่อนเชี่ยวหลานนะ สำหรับใครที่อยากอ่านรีวิวเที่ยวสุราษฎร์ธานีแบบเต็ม คลิกอ่านได้เลย
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡