เชียงใหม่ เป็นอีก 1 จังหวัดที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะที่เที่ยวในเชียงใหม่ ไม่ได้มีแค่ภูเขา ดอย หรือธรรมชาติ แต่เชียงใหม่ยังมีคาเฟ่ที่เปิดขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ มีวัดสวยๆ ร้านอาหารอร่อยเยอะมาก แหล่งช้อปปิ้ง เอาเป็นว่ามาเชียงใหม่ที่เดียว เที่ยวได้ครบทุกแบบ ไม่แปลกใจเลย ที่เชียงใหม่จะเป็นเป้าหมายแรกๆ ที่หลายคนเลือกที่จะไปเที่ยวพักผ่อน ซึ่งก๊อตก็เป็น 1 ในนั้นที่มาเชียงใหม่บ่อยมากๆ ครั้งนี้ก๊อตจะพาไปเที่ยว 7 อำเภอ จากทั้งหมด 25 อำเภอของเชียงใหม่ รับรองว่าจัดเต็มแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลย
43 ที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ทั้ง 7 อำเภอทั่วเชียงใหม่ ⚡️
วัดเจดีย์หลวง
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร หรือ วัดโชติการาม เป็นวัดเก่าแก่ในจังหวัดเชียงใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นอีกแลนด์มาร์คนึงที่สายบุญไม่ควรพลาด วัดนี้เป็นวัดที่คนเชียงใหม่นั้นศรัทธากันมาก และยังเป็นที่ตั้งศาลหลักเมืองของเชียงใหม่ด้วย วัดเจดีย์หลวงวรวิหารเป็นพระอารามหลวงแบบโบราณ มีการบูรณะมาหลายสมัย โดยเฉพาะพระเจดีย์ เพราะเป็นองค์พระเจดีย์ที่มีความสำคัญที่สุดองค์หนึ่งในเชียงใหม่เลยนะ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เคยใช้วิหารวัดเจดีย์หลวงเป็นที่ทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัจจา แทนการใช้ที่วิหารวัดเชียงมั่นด้วย ข้างนอกว่าสวยแล้วข้างในนี่ก็สวยงามไม่แพ้กัน เพราะข้างในตัววิหารนั้นตกแต่งด้วยภาพเขียนจากช่างฝีมือดี และประดับตุงแบบล้านนาแท้ๆ
ด้านหลังของวิหารนั้นจะเป็นเจดีย์หลวงเก่าแก่ที่ใหญ่และสวยมาก นี่ขนาดว่าเป็นองค์เจดีย์ที่ไม่สมบูรณ์นะยังสวยขนาดนี้ จินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นเจดีย์ที่สมบูรณ์แล้วจะสวยงามขนาดไหน ด้านหลังของเจดีย์หลวงจะมีพระธาตุประจำวันเกิดแบบจำลองให้มากราบสักการะอีกด้วย ใครที่มีเวลาไม่มากพอจะไปสักการะพระธาตุประจำปีเกิดของตัวเองก็มาไหว้ที่นี่ได้เลย ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันจ้า
⚡️ : ข้างหน้าประตูทางเข้าวิหาร จะมีบันไดนาคอยู่คู่นึง เค้าบอกกันว่านาคคู่นี้เป็นฝีมือของช่างเก่าแก่ และยังได้ชื่อว่าเป็นนาคที่สวยที่สุดของภาคเหนือด้วยนะ ของจริงนี่สวยและขลังมากก
วัดอุโมงค์ สวนพุทธธรรม
วัดอุโมงค์ หรือ อุโมงค์เถรจันทร์ ที่นี่สร้างขึ้นในสมัยพญามังราย ประมาณ 700 กว่าปีแล้ว ต่อมาพระเจ้ากือนาธรรมิกราช ทรงสร้างอุโมงค์ขึ้นเพื่อถวายให้พระมหาเถรจันทร์ใช้เป็นที่วิปัสสนากรรมฐาน วัดอุโมงค์ เป็นวัดที่ก๊อตแนะนำมากๆ ว่าต้องมาให้ได้เลยนะ เพราะมันแปลก ไม่เหมือนวัดที่ไหนเลย เป็นวัดที่เราต้องรอดอุโมงค์เข้าไปก่อนถึงจะเจอพระพุทธรูป เป็นวัดที่น่าตื่นตาตื่นใจ และดูลึกลับ และบรรยากาศร่มรื่นสุดๆ ก๊อตชอบมากกกก เป็นอีกวัดในเชียงใหม่ที่อยากให้ทุกคนได้มาจริงๆ
ก่อนจะเดินไปถึงพระพุทธรูปต้องเดินผ่านอุโมงค์ก่อน ซึ่งอุโมงค์นี้มีลักษณะเป็นกำแพงภายในเป็นทาง ในอุโมงค์มีทางเดิน 4 ช่องเชื่อมต่อกัน เมื่อก่อนข้างในอุโมงค์นี้เต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่เขียนด้วยสีฝุ่น ลงบนพื้นแดง ภาพที่วาดส่วนใหญ่จะเป็นรูปนกบินและดอกไม้ สันนิษฐานว่าวาดในระหว่าง พ.ศ.1900-2000 แต่ด้วยการเวลาก็ทำให้ภาพมันเลือนหาย และจางๆ ไปแล้ว แต่ก๊อตว่ามันก็สวยไปอีกแบบ ดูขลังนะเออ



พอเดินออกมาจากอุโมงค์ เราจะเห็นเจดีย์ใหญ่ที่อยู่ด้านบนอุโมงค์ ดูยิ่งใหญ่มากๆ ร่มรื่นและสงบมากๆด้วยครับ วัดนี้ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่เลย เดินทางง่ายและยังถ่ายรูปสวยด้วยนะ
วัดศรีสุพรรณ
วัดศรีสุพรรณ เป็นวัดที่มีอุโบสถเงินแห่งแรกของโลก ด้วยความที่วัดศรีสุพรรณตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชนหัตถกรรมเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่เลย ทางวัดจึงมีแนวคิดที่จะสืบสานมรดกงานศิลป์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้วยการสร้างอุโบสถเงินหลังแรกของโลก ให้เป็นสถาปัตยกรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยมีปณิธานร่วมกันเพื่อ “ฝากศิลป์แก่แผ่นดินล้านนา ถวายไว้ในบวรพระพุทธศาสนา เทิดไท้องค์ราชันย์ รัชกาล ที่ 9” เกิดเป็นพุทธศิลป์อันวิจิตรที่ดึงดูดให้ทั้งพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเยี่ยมชมความงดงามของพระอุโบสถหลังนี้


ภายนอกว่าสวยมากแล้ว ภายในอุโบสถก็สวยงาม ประณีต ไม่แพ้กัน ทั้งภายนอกและภายในพระอุโบสถตลอดทั้งหลัง ถูกประดับตกแต่งด้วยหัตถกรรมเครื่องเงินอย่างวิจิตรอลังการ และมีลวดลายอ่อนช้อย สะท้อนให้เห็นถึงความประณีตและบรรจงของผู้สร้าง ภายในประดิษฐานองค์พระประธาน “พระเจ้าเจ็ดตื้อ” พระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์สีทองที่ตัดกับสีเงินของพระอุโบสถ สวยมากจริงๆ
⚡️ : อุโบสถของวัดศรีสุพรรณ ผู้ชายสามารถเดินเข้าไปชมข้างในได้นะครับ แต่ผู้หญิงนั้นเค้าจะไม่อนุญาตให้เข้าชม ได้เพียงยืนหน้าอุโบสถและมองเข้าไปน้า งือ
วัดพระธาตุดอยคำ
วัดพระธาตุดอยคำ แต่เดิมชื่อ วัดสุวรรณบรรพต แต่ชาวบ้านจะเรียกที่นี่ว่า “วัดดอยคำ” ที่นี่เป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้านการขอพรและการบนบานมากๆ และเป็นวัดที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ อายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปีเลยนะ แต่อยู่ห่างจากตัวเมืองแค่ 15 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ข้างบนวัดพระธาตุดอยคำ จะมีจุดชมวิว ที่เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบเมืองเชียงใหม่ได้เลย วิวสวยมาก



ส่วนมากคนที่มาที่นี่จะมาขอพรจากหลวงพ่อทันใจกัน หลวงพ่อทันใจ แห่งวัดพระธาตุดอยคำ สร้างขึ้นในรัชสมัยพญากือนา กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา ปัจจุบันมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์หลายต่อหลายครั้งที่มีผู้เดินทางมาขอพร บนบาน แล้วประสบความสำเร็จ เช่น ถูกหวยรางวัลใหญ่ การงานสำเร็จ และได้เดินทางกลับมาถวายดอกมะลิเพื่อแก้บน (ความเชื่อส่วนบุคคล)
ตอนที่ก๊อตไปนั้น แอบเสียดายที่ก๊อตไม่ได้บนบานขอให้ถูกหวย เพราะจริงๆ ลึกๆ ก๊อตไม่ได้มีโชคลาภแนวนี้อยู่แล้ว เลยไม่ได้ขอ 55555 // แต่ถ้าใครอยากขอ ให้ขอแล้วลองซื้อลอตเตอรี่หน้าวัดได้เลย มาเป็นแผงให้เราเลือกเยอะมากกกก 🤣
วัดผาลาด
วัดผาลาด เป็นวัดที่ก๊อตชอบและประทับใจมากมาก แบบมากที่สุด ด้วยสถาปัตยกรรม รูปปั้น แบบวัดต่างๆ เหมือนเราหลุดเข้ามาอีกโลกนึงเลย อีกทั้งบรรยากาศของตัววัดเองก็เงียบสงบ ดูลึกลับน่าค้นหาไปหมด เป็นวัดที่สวยแปลกตาไม่เหมือนวัดพุทธอื่นๆ เลย
ด้วยความที่วัดผาลาดมีเอกลักษณ์ขนาดนี้ ที่นี่เลยเป็นอีกวัดที่ถ่ายรูปสวยมาก และเป็น Instagrammable Place ที่ดีที่สุดในบรรดาวัดทั้งหมดเลยแหละ โดยเฉพาะตรงด้านประตูสีขาวที่ดูเหมือนสถาปัตยกรรมฝรั่ง และตรงเจดีย์ที่มีมอส และต้นไม้สีเขียวขึ้นอยู่ ดูแล้วอย่างขลัง บางอารมณ์ให้ฟีลเหมือนวัดในบาหลีเบาๆ คือโคตรดีย์


วัดผาลาด ตั้งอยู่เชิงดอยสุเทพ อยู่ระหว่างทางขึ้นไปพระธาตุดอยสุเทพเลย ตัววัดตั้งอยู่บนเขา ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวเชียงใหม่ได้ด้วย สบายตา สบายใจ มาวัดนี้แล้วรู้สึกผ่อนคลายมาก ใครจะขึ้นไปพระธาตุดอยสุเทพ ก๊อตแนะนำให้แวะวัดผาลาดด้วยเลย เพราะสวยจริง
วัดผาลาด เป็นวัดป่า 1 ใน 3 วัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย วัดแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 500 ปี เคยถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าไป แต่ก็ได้รับการบูรณะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ส่วนสาเหตุที่ตั้งชื่อว่าวัดผาลาดนั้น ผู้เฒ่า ผู้แก่บางท่านเล่าว่า เดิมเรียกว่า ผะเลิด เพราะคนที่เดินตามช้างมาตามลำธารน้ำตก แล้วเกิดลื่นหกล้มกันหลายคน บ้างก็ว่าช้างก็ลื่นเหมือนกัน จึงให้ชื่อว่าวัดผะเลิด ต่อมาเรียกว่าวัดผาลาดตามชื่อน้ำตกนั่นเอง


วัดพระธาตุดอยสุเทพ
ถ้าพูดถึงเชียงใหม่ วัดนี้จะเป็นวัดแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง อาจเป็นวัดแรกเลยด้วยซ้ำ วัดพระธาตุดอยสุเทพ หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นวัดสำคัญ และถือเป็นหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่เลย



⚡️ : วัดพระธาตุดอยสุเทพตั้งชื่อตามพระธาตุที่ตั้งอยู่ด้านบนของดอยสุเทพ ซึ่งถือเป็นองค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเชียงใหม่ให้ความเคารพนับถือสืบเนื่องมายาวนาน ทั้งยังถือเป็น พระธาตุประจำตัวของผู้ที่เกิดในปีนักษัตรมะแม (ปีแพะ) อีกด้วย
สำหรับการขึ้นไปด้านบนเพื่อไปไหว้พระธาตุมี 2 ทางเลือก ตัวเลือกแรกคือเดินบันไดนาคยาวๆ ขึ้นไปด้วยตัวเอง ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วยเลย แถมตรงบันไดนาคนี้ยังถ่ายรูปสวยด้วยนะ เหนื่อยก็พักถ่ายรูปสักหน่อย ค่อยไปต่อ หรืออีกทางเลือกสำหรับคนขึ้นบันไดไม่ไหว เค้าก็มีลิฟต์ให้บริการ โดยมีค่าขึ้นลิฟต์นิดๆ หน่อยๆ สามารถขึ้นไปได้แบบสบายๆ เลย


ประตูท่าแพ
มาเชียงใหม่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก ประตูท่าแพ อีกหนึ่งจุดเช็คอินของเชียงใหม่ ประตูท่าแพเป็นประตูทางทิศตะวันออก และเป็น 1 ใน 5 ประตูเมืองชั้นในของเวียงเชียงใหม่ ปัจจุบันเที่นี่เป็นประตูเดียวที่มีบานประตู เมื่อก่อนประตูนี้ไม่ได้ชื่อท่าแพ แต่ชื่อว่า “ประตูเชียงเรือก” เพราะว่าอยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านเชียงเรือก สร้างมานานมากแล้ว สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพญามังรายเมื่อแรกตั้งเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1839
ตอนนี้ประตูท่าแพเสมือนเป็นแลนด์มาร์คเชียงใหม่ ที่เราลงโซเชียลแล้วประกาศให้โลกรู้ว่า เรามาถึงเชียงใหม่แล้ว! ไม่ว่าคนไทยหรือนักท่องเที่ยวก็จะมาที่นี่กันเพื่อถ่ายรูปข้างกำแพงอิฐสีส้มและฝูงนกพิราบ แต่ถ้าใครอยากได้รูปสวยๆ นกบินเยอะๆ พริ้วๆ ต้องซื้ออาหารนกกับคนแถวนั้น ซึ่งเค้าจะถ่ายรูปให้เราฟรี (แบบมือโปรเลยนะ อาจจะเพราะถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวตรงนี้มาแบบชำนาญแล้ว) รวมถึงเซ็ตฉากนกบินว่อนๆ สวยๆ ให้เราด้วย คือดีมาก 5555
Fernpresso at Lake
ปัจจุบันในอำเภอเมืองเชียงใหม่มีคาเฟ่มาเปิดเยอะม้ากกก แต่ที่ก๊อตจะพาไปวันนี้คือ Fernpresso at Lake คาเฟ่ในตัวเมืองที่บรรยากาศดีและวิวสวยมาก ร้านนี้อยู่ในไร่แม่เหียะ หรือ ศูนย์วิจัย สาธิตและฝึกอบรมการเกษตรแม่เหียะนี่เอง ขับเข้ามาในศูนย์วิจัยประมาณ 500 เมตรก็จะเจอคาเฟ่สีขาวตกแต่งตัวเฟิร์นและต้นไม้ต่างๆ รอบร้านเลย ร่มรื่นสุดๆ
จุดไฮไลท์ของที่นี่คือวิวทะเลสาบที่กว้างและสวยมาก บริเวณรอบๆ ทะเลสาบก็เป็นสนามหญ้ากว้างมาก สามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนหรือถ่ายรูปได้เลย มาร้านนี้แล้วไม่รู้สึกว่าอยู่ในตัวเมืองเลย เพราะบรรยากาศมันดีมาก ไม่วุ่นวาย สงบมากๆ เป็นอีกสถานที่ที่เหมาะกับการมาพักผ่อนที่สุด ซึ่งร้านที่มีพื้นที่กว้างๆ แบบนี้ในตัวเมืองเชียงใหม่มันยังไม่ค่อยมีเยอะ ร้านนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมากทีเดียว



ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่วิวสวยๆ แต่สำหรับขนมและเครื่องดื่มของที่ Fernpresso at Lake ก็รสชาติดีเลยล่ะ ครั้งนี้ก๊อตสั่งเป็นเมนูกาแฟ 2 เมนูและชีสเค้กอีกชิ้นนึง กาแฟทำออกมาได้รสชาติกำลังดีเลย ส่วนชีสเค้กก็หวานมันอร่อย ทานแล้วไม่เลี่ยนเลย จิบกาแฟไปชิมขนมไปพร้อมนั่งมองวิวทะเลสาบไปด้วย ฟินสุดๆ




อ่างแก้ว มช. (ม.เชียงใหม่)
พูดถึงมหาลัยเชียงใหม่ คงไม่มีใครไม่รู้จักอ่างแก้วมช. อ่างเก็บน้ำที่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ จริงๆ แล้วอ่างแก้วนี่เค้าสร้างขึ้นมาเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ภายในมหาลัย ตั้งแต่ปี 2504 ด้วยความที่ม.เชียงใหม่นี้มีลำห้วย 5 สายไหลผ่านจากทิศเหนือลงไปทิศใต้ แต่จะมี 2 สาย คือห้วยแก้วและห้วยกู่ขาว ที่ไหลผ่านตลอดทั้งปี คณะผู้ก่อนตั้งมหาลัยเชียงใหม่เลยขอความร่วมมือกับกรมชลประทานให้ทำเขื่อนตรงที่ลำห้วยทั้ง 2 สายไหลมารวมกันเป็น ”อ่างแก้ว” นั่นเอง
ที่อ่างแก้วบรรยากาศดีมาก สามารถมองเห็นวิวดอยสุเทพได้ด้วยนะ ถ้าใครจะมาที่อ่างแก้ว ก๊อตแนะนำให้มาช่วงเย็นๆ เพราะว่าอากาศกำลังดี ไม่ร้อนมาก จะเห็นได้ว่ามีคนมาทำกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะออกกำลังกาย นั่งชิล เดินเล่น และถ่ายรูปเล่น ก๊อตชอบบรรยากาศของมหาลัยที่นี่มาก เพราะมันกว้างและมีบริเวณให้มาพักผ่อนด้วย ก๊อตเรียนมหาลัยที่กรุงเทพบรรยากาศมันก็เมืองๆ มีแต่ตึกเต็มไปหมด ไม่ค่อยมีบริเวณให้มานั่งพักผ่อนแบบนี้ ก๊อตเลยรู้สึกเซอร์ไพรซ์กับที่อ่างแก้วมากทีเดียว


วิลล่า มหาภิรมย์ (Villa Mahabhirom)
ใครที่อยากพักโรงแรมหรือรีสอร์ทที่มีสตอรี่และมีดีไซน์แบบไทยเก๋ๆ ในตัวอำเภอเมือง ก๊อตขอแนะนำที่ วิลล่า มหาภิรมย์ (Villa Mahabhirom) ที่นี่เป็น Luxury Art Hotel ที่ผสมผสานความเป็นไทยกับความร่วมสมัยเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ที่นี่ดูมีสเน่ห์และลงตัวมาก จุดเด่นของที่นี่คือการที่เค้าได้เอาเรือนไทยเก่าหลังจริงจากภาคกลางมาประยุกต์เป็นห้องพักพร้อมตกแต่งให้ดูทันสมัย แต่ยังคงใช้เทคนิคการเข้าสลัก เข้าเดือยแบบสมัยก่อน ซึ่งเค้าทำออกมาได้ลงตัวแต่เป็นอีกที่พักหนึ่งในเชียงใหม่ที่ก็ยกให้เต็มสิบแบบไม่หักเลยแหละ



หลายๆ คนจะต้องคิดแน่เลยว่าบรรยากาศบ้านเรือนไทยจะน่ากลัวรึเปล่า ก๊อตว่ามันไม่น่ากลัวเลยเพราะการตกแต่งต่างๆ ที่ค่อนข้างทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ประติมากรรมโมเดิร์นอาร์ต และการเลือกใช้วัสดุสมัยใหม่ ถือเป็นอีกที่พักนึงที่ก๊อตประทับใจมากทีเดียว


วิลล่า มหาภิรมย์ (Villa Mahabhirom) มีห้องนอนหลายแบบมาก ก๊อตพักห้อง Villa Royale 3-bedroom Pool Villa โซนบ้านพัก 3 หลังติดต่อกัน มีสะว่ายน้ำระบบน้ำเกลือและสนามหญ้าตรงกลาง ซึ่งเป็นโซนที่มีความส่วนตัวมากที่สุดเลยก็ว่าได้



ตอนที่ก๊อตไปไม่มีคนอื่นเข้าพักโซนนี้ด้วย เลยยิ่งรู้สึกส่วนตัวเข้าไปใหญ่ บรรยากาศภายในห้องดีมากทีเดียว ทั้งในโซนห้องนอนและห้องน้ำก็ออกแบบตกแต่งออกมาได้ลงตัว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมาก ก๊อตยกให้ที่นี่เป็นที่พักที่ติดในท็อปลิสของก๊อตเลย




ในส่วนของอาหารเช้าที่ วิลล่า มหาภิรมย์ (Villa Mahabhirom) มีให้เลือกทั้งอาหารสูตรไทยและอาหารนานาชาติ แต่มาถึงเชียงใหม่ทั้งทีจะพลาดข้าวซอยได้ยังไง ก๊อตสั่งมาเป็นเซตข้าวซอยน่องไก่รสชาติดั้งเดิมฉบับชาวเหนือแต๊ๆ และเมนูอาหารเช้าแบบตะวันตกก็ทำออกมาได้อร่อยและยังให้เยอะมาก อิ่มอยู่ท้องทั้งวันเลย รสชาติอาหารที่นี่ถือว่าทำออกมาได้อร่อยถูกปากมากเลยล่ะ


⚡️ : นอกจากนี้ที่นี่เค้าก็ยังมีเซตของว่างเสิร์ฟมาแบบถาดลอยน้ำ ให้ได้มาถ่ายรูปสวยๆ ในเช็ตก็จะมีอาหารทานเล่น ขนมไทย เบเกอรี่ ผลไม้สด ทานไปด้วย เล่นน้ำไปด้วย เพลินสุดๆ


โดยรวมก๊อตชอบ วิลล่า มหาภิรมย์ (Villa Mahabhirom) มากเลย ที่นี่เป็นที่พักที่ดีมากที่นึงเลย สถานที่สวย บรรยากาศดี บริการก็ดีเยี่ยมเลยทีเดียว และด้วยคอนเซ็ปต์ที่คิดมาได้อย่างดีเยี่ยม และการตกแต่งที่ลงตัวทั้งความเป็นไทยและสากล ทำให้การเข้ามาพักที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์ที่สะสมงานศิลปะและงานสะสมของเก่าเลย รวมถึงบรรยากาศที่นี่ก็ดีมาก สงบ ร่มรื่น ต้นไม้ก็เยอะมากแต่ละต้นก็เป็นต้นไม้สวยๆ หายากทั้งนั้น นับว่าเป็นที่พักในเชียงใหม่ก๊อตอยากกลับมาพักอีกครั้งเลยล่ะ
ราคาห้องพักเริ่มต้น 6,100 บาท/คืน ดูเรทและจอง วิลล่า มหาภิรมย์ (Villa Mahabhirom) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย





ฟอเรสต้า วิลล่า (Foresta Villa)
ถัดมาจากตัวเมืองไม่ไกลก็คืออำเภอหางดง หางดงเป็นอำเภอที่เดินทางได้ง่ายและมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเที่ยวธรรมชาติ เที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือถ้าต้องการมาพักผ่อน อำเภอนี้ก็มีที่พักบรรยากาศดีหลายที่เลย ครั้งนี้ก๊อตมาพักที่ ฟอเรสต้า วิลล่า (Foresta Villa) ที่พักดีไซน์เก๋ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ที่พักที่มีพื้นที่เปิดให้เชื่อมต่อกับธรรมชาติภายนอก และยังให้ความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเอง
ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียของคุณเอก – วราพงษ์ มาเตียง อดีตผู้จัดการฝ่ายโฆษณาของนิตยสาร Compass Magazine ที่ได้คลุกคลีกับงานดีไซน์มากว่า 14 ปี และได้รวบรวมเอาสไตล์ต่างๆ ที่ชอบมาเปิดเป็นที่พักที่นี่ วัสดุและองค์ประกอบทุกอย่างนั้นคุณเอกเป็นคนเลือกเองทั้งหมด เค้าตั้งใจที่จะทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่ที่สร้างความประทับใจให้คนที่มาพัก มากกว่าการมานอนค้างและจากไป ต้องการให้แขกที่มาเข้าพักได้สัมผัสความสุขและไอเดียต่างๆ กับกลับ



ครั้งนี้ก๊อตมาพักห้อง Villa with Private Pool บ้านเดี่ยวที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว การออกแบบตกแต่งของที่นี่อบอุ่นและเป็นกันเองมาก เฟอร์นิเจอร์ของที่นี่เป็นของวินเทจผสมของใหม่ ซึ่งคุณเอกก็เป็นคนไปเลือกเองทุกชิ้น เน้นวัสดุที่มีคุณภาพมาจัดวางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้บ้านเดี่ยวหลังนี้ทำออกมาได้อย่างลงตัว การจัดโซนก็สะดวกมาก ทั้งนอกบ้านและในบ้าน ภายนอกก็ร่มรื่นใกล้ชิดธรรมชาติ ส่วนภายในตัวบ้านก็มีหลายห้องนอน บริเวณนั่งเล่นก็กว้างขวาง ตัวห้องน้ำก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เหมาะกับการมาพักผ่อนกับครอบครัวและแก๊งเพื่อนมากเลยล่ะ






ฟอเรสต้า วิลล่า (Foresta Villa) ถือเป็นที่พักที่ก๊อตแนะนำให้มาอีกที่นึงเลย ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มากขับรถมาแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว เป็นที่พักที่มีความสงบและเป็นส่วนตัวมาก จริงๆ ที่นี่ไม่ค่อยนิยมในกลุ่มคนไทยเท่าไหร่ จะมีนักท่องเที่ยวเกาหลีมาพักเป็นส่วนใหญ่ ถ้าใครที่ต้องการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติและมีความเป็นส่วนตัว ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากเลย ก๊อตแนะนำเลย
ราคาห้องพักเริ่มต้น 895 บาท/คืน ดูเรทและจอง ฟอเรสต้า วิลล่า (Foresta Villa) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย



แม่แจ่ม
แม่แจ่ม – เชียงใหม่ ถือเป็นอำเภอใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากนาขั้นบันไดที่สวยสุดระดับโลกกับ ‘ป่างบงเปียง’ ที่หลายคนมักจะไปเที่ยวกันนั่นเอง เอาจริง หลายคนอาจจะมาเที่ยวแค่ป่าบงเปียงแล้วไปเที่ยวที่อำเภออื่นต่อ ตอนแรกตัวก๊อตเองก็คิดแบบนั้น แต่นี่มาคิดใหม่อีกที เลยขอแวะไปกินก๋วยเตี๋ยว พร้อมไปจิบกาแฟในตัวอำเภอเมืองแม่แจ่มซักหน่อย นอกจากนี้ยังได้ไปพักอีกหนึ่งโฮมสเตย์ชื่อดังในแม่แจ่ม ที่ ‘โกวิทกระท่อมปลายนา’ เค้านั่นเอง บอกเลยว่าที่แม่แจ่มไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเรื่องทุ่งนา ที่ก๊อตอยากให้ใครหลายคนมาเที่ยวที่แม่แจ่มกันเน้อ
เพมาคาเฟ่ (Pema Cafe)
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เชียงใหม่น่ะคาเฟ่โคตรเยอะ แต่ในตัวอำเภอแม่แจ่มเอง กลับไม่ได้มีคาเฟ่ให้เที่ยวเยอะซักเท่าไหร่ จะมีก็หนึ่งคาเฟ่ที่ก๊อตอยากแนะนำกับร้านน่ารักๆ ที่เป็นบ้านไม้สองชั้น ที่ชื่อว่า เพมาคาเฟ่ (Pema Cafe) นั่นเอง ที่นี่นอกจากอบอุ่นแบบโฮมมี่ โดยมีคุณแม่เจ้าของร้านช่วยขายกาแฟแล้ว เพมาคาเฟ่เองยังเป็นอีกจุดที่น่ามาถ่ายรูป และก๊อตถือว่าเป็นจุด Instagramable ที่กิ๊บเก๋ของแม่แจ่มเลย


เมนูกาแฟของที่นี่ถือว่าหลากหลายมาก ที่มีเมนูเก๋ๆ ที่เล่นแร่แปรธาตุด้วยการจับคู่กาแฟกับรสชาติอื่น ออกมาเป็นเมนูอย่าง Midnight Summer (อเมริกาโน่ + ลิ้นจี่), Twilight (อเมริกาโน่ + น้ำส้ม) หรืออย่าง Mountain Sea (ลาเต้ + น้ำตาลสด) ที่คละเคล้ากันได้อย่าลงตัวในราคาเบาๆ แค่แก้วละ 60 บาทเอ๊ง สรุป ก๊อตแนะนำให้แวะมาคาเฟ่นี้ด้วยนะ เพราะนอกจากสถานที่จะสวย กาแฟอร่อยแล้ว ที่นี่ยังมีน้องแมวด้วย ทาสแมวต้องตกหลุมรักที่นี่แน่นอน ฮ่า


แจ่มอารมณ์ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณ
ไม่ไกลจากคาเฟ่ มีร้านก๋วยเตี๋ยวอันนึงที่ก๊อตบังเอิญผ่านและอยากลองกิน (เพราะตอนนั้นหิวมากกก ฮ่าๆ) ที่นั่นก็คือ แจ่มอารมณ์ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณ ที่รสชาติของก๋วยเตี๋ยวต้มยำเค้ามอย่างแจ่มและโคตรแซ่บ ซึ่งก๊อตจำได้ว่าตัวก๊อตเองกินไปหลายชามมาก แถมราคาก็ถูก (ชามละ 35 บาท พิเศษ 40 บาท) วิวร้านก็ดี คือดีไปหมดจนต้องเอามาเขียนรีวิวให้ทุกคนได้ไปกินกันเด้อ



ป่าบงเปียง
ถ้าให้พูดถึงนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดในประเทศไทย ก๊อตเชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึง ‘ป่าบงเปียง’ ที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ แน่นอน เพราะที่นี่คือที่สุดของนาขั้นบันไดที่เราสามารถมองเห็นวิวคั่นนาลดหลั่นไปตามภูเขาได้ไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมทั้งยังได้สูดอากาศดีๆ ฟังเสียงน้ำไหลตามคันนา และยังได้ใช้ชีวิตแบบเนิบๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมากอีก บอกเลยว่าดีแน่นอน!
สำหรับการเที่ยวป่าบงเปียงของก๊อตรอบนี้ ก๊อตได้เข้าพักกับ บ้านไม้ไผ่ ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่กลางทุ่งนาขั้นบันได โดยมีบ้านทั้งหมดอยู่ 3 หลัง แต่ละหลังสามารถนอนได้ 2 คน ในราคาคนละ 500 บาท/คน/คืนนั่นเอง บอกเลยว่านอนฟินๆ เงียบสงบอยู่กลางนาของจริง เพราะบ้านที่ก๊อตอยู่นั้น อยู่ไกลจากคนอื่นค่อนข้างมากเลยทีเดียวแหละ
เรื่องที่ต้องรู้ก่อนมาเที่ยวป่าบงเปียงคือ ที่นี่จะไม่ได้มีไฟฟ้าให้ใช้เนอะ บ้านพักเค้าจะใช้แผงโซล่าเซลล์ในการเก็บไฟเพื่อเปิดตอนกลางคืน ดังนั้น ก๊อตแนะนำให้เราพกเพาเวอร์แบงค์มาให้เต็ม รวมถึงชาร์จแบตทุกอย่างให้พร้อมก่อนมาถึงที่นี่ด้วยเน้อ



ส่วนกิจกรรมของการมาเที่ยวและนอนที่ ป่าบงเปียง นี่ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย แค่เรามาเปื่อยๆ เอื่อยๆ ก็ฟินแล้ว มาถึงป่าบงเปียงบ่ายๆ พักผ่อนที่บ้านพักซักแปป จากนั้นช่วงเย็นๆ ประมาณ 4-5 โมง ก็ออกมาเดินเล่นนาขั้นบันไดได้เลย ซึ่งเราสามารถเดินฟรีสไตล์ได้ทั่วทุกพื้นที่ของป่าบงเปียงเลยนะ เพราะเค้าไม่ได้กั้นเขตหรือจำกัดแค่บริเวณรอบๆที่ที่พักของเรา โดยจุดถ่ายรูปที่ก๊อตชอบมากที่สุด จะเป็นเนินหินที่มีเก้าอี้ไม้ตั้งอยู่ อันนี้คือถ่ายรูปแล้วปังมาก ยิ่งแสงสวยๆ ตอนช่วงเวลาที่ก๊อตบอกคือดีงามเต็มสิบไม่หักเลยล่ะ
ส่วนข้าวเย็นและข้าวเช้าก็ไม่ต้องห่วง ทางบ้านพักเค้ามีจัดมาให้เรียบร้อยแล้วโดยที่เราไม่ต้องออกไปหาซื้อข้างนอกเลย แต่ถ้าใครกลัวไม่อิ่มล่ะก็ จะซื้อติดไม้ติดมือมากินที่นี่บ้างก็ไม่เสียหาย
มาเที่ยวป่าบงเปียง ที่อำเภอแม่แจ่ม ชีวิตก็เรียบง่ายแบบนี้แหละ ไม่ต้องทำอะไรมาก มาซึบซับบรรยากาศ ฟังเสียงน้ำไหล สูดโอโซนพร้อมกลิ่นธรรมชาติของนาข้าว ต้นไม้ และดอกไม้ต่างๆ
โกวิทกระท่อมปลายนา
สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวทุ่งนาสวยๆ เพิ่มเติมจากป่าบงเปียงล่ะก็ ก๊อตมีแนะนำอีกที่หนึ่งคือที่ โกวิทกระท่อมปลายนา กับโฮมสเตย์ท่ามกลางทุ่งนาขั้นบันได โอบล้อมด้วยภูเขาสวยๆ ถือว่าเป็นอีกโฮมสเตย์หนึ่งที่ยืนหนึ่งเรื่องความสวยของบรรยากาศ ทั้งนาขั้นบันได ภูเขา และยังมีลำธารส่วนตัวให้เราลงไปแช่น้ำเล่นได้อีก ส่วนตัวก๊อตให้ที่นี่เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของมาพักที่แม่แจ่มที่โคตรดีเลย





โกวิทกระท่อมปลายนา ราคาเข้าพักจะอยู่ที่ 900 บาท/คน รวมอาหารเย็นขันโตกแบบจัดเต็ม (อาหารอร่อยม๊าก) + ข้าวต้มชามใหญ่ตอนเช้า ซึ่งตัวก๊อตเองได้พักบ้านที่อยู่เกือบสุดปลายนา คือเงียบและสงบมาก เตียงนอนโอเค ห้องน้ำทำออกมาดี ตอนกลางคืนเปิดหน้าต่าง พร้อมเปิดพัดลมไปด้วย ถือว่านอนสบายอยู่น้า





สำหรับมุมพีคๆ ของคนชอบถ่ายรูป ใครที่มีโดรนให้เอาโดรนมาบินด้วยนะ เพราะมุมสูงจากโดรนส่องลงจากบนฟ้าคือสุดปัง เราจะได้เห็นนาขั้นบันได้ยื่นออกมาเป็นขั้นๆ แบบปลายแหลมชัดเจนมาก แล้วคือสวยมากกก โดยรูปจากมุมสูงที่เห็นนี้คือมุมที่ทำให้ก๊อตอยากมานอนที่นี่และมาบินถ่ายด้วยตัวเองเลยล่ะ ส่วนใครที่ไม่มีโดรน ก็ลองมาเดินเล่นนาขั้นบันไดแล้วถ่ายรูปดู จะบอกว่าสวยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันเด้อ



ใครที่อยากไปแช่น้ำเย็นๆ ที่โกวิทกระท่อมปลายนาเค้ามีลำธารส่วนตัวอยู่ใกล้ๆด้วยนะ เราสามารถลงไปแช่ตัวได้ บอกเลยว่าสบ๊ายและเย็นชื่นใจ น้ำไหลมาแรงแบบพอดี เหมาะกับการนั่งแช่จริง ซึ่งพี่โกวิท เจ้าของโฮมสเตย์ก็เอ่ยปากบอกกับก๊อตว่า มันดีมากนะ ต้องลงเล่นน้ำล่ะ อย่าลืม 5555




สำหรับใครที่ห่วงเรื่องการขับรถมายังที่พักนั้น เราสามารถขับรถมาได้แบบสบายม๊าก ถนนปูพื้นคอนกรีตอย่างดี จะมีก็แต่ทางอาจจะแคบบ้าง และขัดลัดเลาะมาตามภูเขาและไร่ข้าวโพดมาไกลอยู่พอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม การมาพักที่นี่ก็ถือว่าคุ้มกับราคาและการขับรถเข้ามาอยู่ ถือว่าเป็นอีกที่พักหนึ่งที่ค่อนข้างประทับใจ พี่โกวิท ที่เป็นเจ้าของกระท่อมปลายแห่งนี้ยังมาต้อนรับและส่งเรากลับอย่างดีด้วย ถือว่าดีมากเลยทีเดียวแหละ
สำหรับใครที่สนใจอยากจองเข้าพัก โกวิทกระท่อมปลายนา สามารถหาชื่อโฮมสเตย์เค้าใน Facebook แล้วแชทตรงจองกับเค้าได้เลย หรือถ้าใครอยากจองผ่าน OTA แบบสะดวกๆ ตัดบัตรเครดิตออนไลน์ง่ายๆ สามารถจองผ่านเว็บพวก Agoda หรือ Booking.com ได้เช่นกันเด้อ
ราคาห้องพักเริ่มต้น 1,800 บาท/คืน ดูเรทและจอง โกวิทกระท่อมปลายนา (Kowit Maechaem Farmhouse) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
ดูเรทและจองผ่าน Agoda
ดูเรทและจองผ่าน Booking
ดูเรทและจองผ่าน Trip
แม่ริม
แม่ริม เชียงใหม่ ถือเป็นอีกอำเภอที่มีที่เที่ยวเยอะมากเอาเรื่อง และที่ดังสุดของแม่ริมคือสวนดอกไม้ที่มีอยู่เป็นสิบๆ สวน ที่พร้อมให้คนที่ชอบความคิวท์ๆ ถ่ายรูปกับดอกไม้ ได้ไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน นอกจากสวนดอกไม้ยอดฮิตแล้ว แม่ริมเองก็ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ อีก อย่างวัด คาเฟ่ และม่อนแจ่มนั่นเอง เอาเป็นว่า แม่ริมนั้น จะเป็นอย่างไรบ้าง เราตามไปเที่ยวกันเล้ย
I Love Flower Farm
สวนดอกไม้ยืนหนึ่งของประเทศเชียงใหม่ ยกให้ใครไม่ได้ ต้องยกให้กับ I Love Flower Farm เค้าแหละ เพราะดาราและเซเลปหลายคนเค้าแห่กันไปถ่ายสวนดอกไม้ที่นี่ จนคนปกทั่วไปเองก็ตามรอยกันไปจนล้นหลาม จนถึงขั้นต้องจองบัตรเข้าสวนล่วงหน้ากันเลย บอกเลยว่า ช่วงพีคๆ นี่คือวันละหลายพันคนนาจา
จากใจคือ ตัวก๊อตเองไม่ได้จองไปก่อน เพราะวันที่ก๊อตจะไปเที่ยวนั้น ในระบบจองบนเว็บนั้นคือเต็มหมด นี่ก็เลยตกลงกับเพื่อนว่า ขอไปลุ้นเอาหน้างานละกันโว้ย เพราะถ้าไม่ได้เข้าจริงล่ะก็ รอบๆ ของ I Love Flower Farm ยังมีสวนดอกไม้อื่นๆ อีกเยอะแยะเต็มไปหมด เอ้อออ และด้วยความโชคดีหรืออะไรไม่ทราบ ถามที่หน้างานตรงลานจอดรถคือ สรุปคือวอร์คอินเข้าได้ ทำให้นี่ถึงกับเป็นงง แต่ก็ไม่ได้ค้านอะไร เพราะเรามีโอกาสได้เข้าสวนดอกไม้ยอดฮิต ป๊อปที่สุดของประเทศเชียงใหม่แล้ว ฮ่าา
สำหรับราคาค่าเข้าสวน I Love Flower Farm นั้น จากที่ก๊อตได้จากหน้างานนั้น จะเท่ากับหน้าเว็บที่จองเลยคือ 90 บาท รวมค่าไปรับ-ส่ง จากลานจอดรถ ไปยังสวนดอกไม้เค้า อีกทั้งยังรวมเครื่องดื่ม 1 แก้ว และขนมกรุบกริบ 1 อย่าง (เครื่องดื่มนี้ ไม่ใช่พวกกาแฟที่ขายในนั้นน้า ตอนที่ก๊อตไปเป็นน้ำกระเจี้ยบเย็นๆ ชื่นใจ)


ก่อนอื่นขอชมว่า I Love Flower Farm ค่อนข้างจัดการคิว และระเบียบด้านในสวนดอกไม้ค่อนข้างดีเลยแหละ ที่นั่งเยอะ และจัดโซนได้อย่างดิบดี ด้านในมีทั้งคาเฟ่ และอาหารให้เราสั่งทาน รวมถึงถ้าใครอยากได้รูปสวยๆ และรูปโดรน เราสามารถจ้างช่างภาพจากทางสวนดอกไม้เองได้ด้วยอีก อันนี้คือดีย์!
สำหรับตัวสวนดอกไม้นั้น ดอกไม้คือสวย พื้นที่กว้าง แต่แน่นอนแหละว่าสวนดอกไม้เค้าตอนนี้คือป๊อปมาก คนที่มาเที่ยวนั้นคือเยอะโคตร เยอะแบบเต็มสวนไปหมด ทีนี้ ก็ต้องอยู่ที่ฝีมือการถ่ายรูปของแต่ละคนแล้วว่าจะหามุม หรือหลบคนอย่างไร ส่วนภาพมุมกว้างของสวนดอกไม้ที่หลายคนเห็นจากในเฟสบุ้คว่าไม่มีคนเลยนั้น หากเค้ามาเที่ยวแบบคนปกติทั่วไป รับรองว่ารีทัชเกือบหมดแน่นอน ดังนั้น แนะนำให้เราไปก่อนเลย แล้วค่อยไปรีทัชทีหลังเด้อ ฮ่าๆ
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ในอำเภอแม่ริมนั้น เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากแนะนำให้ทุกคนมาเที่ยวมาก เพราะส่วนตัวก๊อตคิดว่าที่นี่คือสวนพฤกษศาสตร์ที่ดีและสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย และดีกว่าหลายๆที่ในต่างประเทศที่ก๊อตเคยไปมาด้วยแหละ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ต่างๆ มากมายให้เราได้เรียนรู้ โดยสิ่งที่เจ๋งที่สุดของที่นี่คือ ทางเดิน Canopy Walks และกลุ่มอาคารเรือกระจกที่สวยและดีมากกก ซึ่งก๊อตเน้นเจาะที่สองอันนี้เนอะ
สำหรับ Canopy Walks ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นเส้นทางเดินธรรมชาติบนสะพานลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ระยะทางจะอยู่ที่ประมาณ 400 กว่าเมตร บนความสูง 20 เมตร ท่ามกลางป่าและธรรมชาติสวยๆ ของเชียงใหม่เค้า โดยปลายทางของเส้นทางลอยฟ้า เราจะได้เห็นวิวภูเขาไกลๆ สุดลูกลูกตา และยังเพิ่มความเสียวของนักท่องเที่ยวด้วยพื้นกระจกใสไปอีก ฮ่า
จะบอกว่า Canopy Walks ของที่แม่ริม คือทำมาโคตรดีจนก๊อตเซอร์ไพรส์เลยนะเว้ย คือแข็งแรงมั่นคง ธรรมชาติรอบข้างก็สวย เดินแล้วได้ฟีลเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยแหละ คือมีบางช่วงที่ก๊อตนึกถึงสิงคโปร์เลยยย คือดีงาม



อีกอันที่เด็ดมากของ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ คือ กลุ่มอาคารเรือนกระจก (Glasshouse Complex) ที่ปลูกพืชพรรณไม้ที่หายากและโดดเด่นไว้เยอะมาก ซึ่งเค้าจะแยกอาคารตามประเภทของพืชพรรณที่ใช้อุนหภูมิละสภาพแสงแบบเดียวกันเป็นกลุ่มๆ ให้เราได้เดินดูเยอะแยะแบบเพลินๆ เลย โดยอันที่เด็ดและอย่าพลาดเลยคือ เรือนกระจกกลุ่มต้นกระบองเพชร ที่สวยและมีให้ดูเยอะมากเลย




ส่วนตัวก๊อตว่า เรือนกระจกกลุ่มต้นกระบองเพชร ถือเป็นไฮไลท์ของโซนเรือกระจก เพราะนอกจากเราจะได้เห็นต้นกระบองเพชรมากมายหลายชนิดแล้ว ที่นี่ยังถ่ายรูปสวยไปอีก ถือว่าจุดที่มีความเป็น Instagramable Place เบาๆ รับรองว่าดีย์!



กลิ่นเกสรแม่ริม
กลิ่นเกสรแม่ริม อีกหนึ่งสวนดอกไม้ระหว่างทางไปม่อนแจ่ม ที่อยู่ดีๆ ก็ฮิตในโลกโซเชียลอยู่ช่วงนึง และตัวก๊อตเองก็ได้เห็นรูปในเฟสบุคคนอื่น พร้อมร้องอุทาน “โว้ย มันสวยจัง!” ด้วยความบ้าจี้ นี่ก็เลยได้ไปตามรอยกับเค้าด้วยแหละ
บอกก่อนว่าในรูปของ กลิ่นเกสรแม่ริม ที่ก๊อตเห็นตอนแรกนั้น คือดูดิบๆ นึกว่าเป็นสวนดอกไม้ที่ไม่ได้ทำออกมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากขนาดนั้น แต่พอได้ไปจริงหน้างาน คือแทบจะเรียกว่า เป็นที่ท่องเที่ยวแบบเต็มตัว ด้านหน้า และด้านข้างสวนคือเต็มไปด้วยร้านขายของ ทำให้ก๊อตเองรู้สึกผิดหวังหน่อย เพราะในรูปที่เห็นคือดีกว่าของจริงหลายอยู่ แต่ด้วยความที่มาแล้วก็เข้าไปถ่ายรูปหน่อย โดยค่าเข้านั้นอยู่ที่ 20 บาท (อันนี้เขียนตามที่รู้สึกน้า)


โดยรวมจริงๆ ถ่ายรูปสวยอยู่แหละ แต่เราอาจจะต้องหามุมถ่ายรูปกันซักหน่อย เอาเป็นว่าสวนดอกไม้ของที่นี่ ทั้งชนิดดอกไม้ และสีของดอกไม้นั้นจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลเน้อ ดังนั้น หากใครจะไปตามรอย ก็อาจจะได้เห็นดอกไม้ที่ไม่เหมือนกันกับก๊อต ตัวสวนดอกไม้เองก็อาจจะเปลี่ยนไปด้วย เพราะทางเจ้าของสวนเค้าปรับปรุงอยู่ตลอดเวลานั่นเอง 5555



วัดป่าดาราภิรมย์
สำหรับสายบุญ เข้าวัดล่ะก็ วัดที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวอำเภอแม่ริมเลยคือ วัดป่าดาราภิรมย์ที่มีอายุกว่า 100 ปี มีความสำคัญเป็นพระอารามหลวงแห่งที่ 7 ในจังหวัดเชียงใหม่ และยังมีความสวยงามที่คงศิลปะล้านนาโบราณของสถาปัตยกรรมไว้ได้อย่างงดงาม ถือเป็นอีกหนึ่งวัดของเชียงใหม่ที่อยากให้ทุกคนมาเลยจริงๆ


สำหรับประวัติของ วัดป่าดาราภิรมย์ นั้น เกิดจากการที่ ครั้งนึงพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้ธุดงค์มาพำนัก ณ ป่าช้าร้างติดกับสวนเจ้าสบาย พระตำหนักดาราภิรมย์ของเจ้าดารารัศมี จากนั้นชาวบ้านได้เกิดศรัทธาและมาสร้างเสนาสนะต่างๆ กุฏิ ศาลา ถวายให้พระกรรมฐานได้ใช้สอย จนต่อมาในปี พ.ศ. 2484 เจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ ทายาทของเจ้าดารารัศมี ได้ถวายที่ดินตรงสวนเจ้าสบายให้แก่วัด และตั้งชื่อใหม่ว่า ‘วัดป่าดาราภิรมย์’ นั่นเอง



Mori Natural Farm (โมริ เนเชอรัล ฟาร์ม)
สำหรับใครที่สัมผัสกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น ไม่ต้องไปไหนไกล เพราะเราสามารถมาเที่ยวได้ที่ Mori Natural Farm (โมริ เนเชอรัล ฟาร์ม) ในหุบเขาโป่งแยงที่เป็นทั้งที่พักและคาเฟ่ ตกแต่งด้วยสวนดอกไม้ต่างๆ บนเชิงเขา อีกทั้งตัวคาเฟ่และที่พักเองทำด้วยไม้ในสไตล์ญี่ปุ่น บอกเลยว่าคิวท์และบรรยากาศดีมากเลยแหละ ที่กรี๊ดสุดของ Mori Natural Farm (โมริ เนเชอรัล ฟาร์ม) คือ เจ้าของเค้าได้เลี้ยงน้องหมาพันธุ์อาคิตะ (Akita) ไว้ต้อนรับคนที่ได้มาเยี่ยมเยือนที่นี่อีกด้วย น่าร้าก
สำหรับคนที่ไม่ได้มาพักที่นี่ เรายังสามารถมาเที่ยวที่คาเฟ่เค้าได้ โดยตัวคาเฟ่เองจะตั้งอยู่ด้านในและบนสุด ซึ่งมีเรื่องนึงที่ทุกคนควรรู้ก่อนจะมาเที่ยวที่นี่คือ ทางร้านขอความร่วมมือให้ทุกคนต้องสั่งเซ็ตอาหารหรือเซ็ตเครื่องดื่มคนละ 1 เซ็ต แต่ถ้าไม่สะดวกสั่ง ต้องเสียเพิ่มอีก 50 บาท/คน สำหรับใครที่เป็นสายถ่ายรูปที่เห็นรูปสวยๆ หน้าบ้านพักต่างๆ หากเราไม่ได้พักค้างคืน เราไม่สามารถเดินเข้าโซนที่พักเพื่อถ่ายรูปได้เนอะ
บอกก่อนว่าตัวก๊อตเองไม่ได้มาเข้าพักนะ แค่แวะมาเที่ยวคาเฟ่เค้าเฉยๆ บรรยากาศและวิวคือดีแหละ เพราะตัวคาเฟ่ด้านบนนั้นอยู่บนเชิงเขาด้านบนทำเราสามารถมองวิวได้แบบพาโนราม่า ส่วนเรื่องอาหารและเครื่องดื่มนั้น อาหารโอเคอยู่ มีความทำออกมาเป็นญี่ปุ่นได้โอเคเลย ส่วนเครื่องดื่มนั้น ส่วนตัวก๊อตคิดว่าธรรมดา




โดยภาพรวมก๊อตคิดว่าราคาค่อนข้างแรงและโหดไปนิดนึง กับเซ็ตอาหารและเครื่องดื่มที่ราคาเฉลี่ย 200 บาท และสั่งแยกนู่นนี่นั่นไม่ได้ด้วย สรุปเลยอยู่ไม่ค่อยนาน กินข้าวเสร็จและออกเลย มีความผิดหวังหน่อยๆ แหละ // สำหรับใครที่จะมาเที่ยวที่นี่ ก๊อตแนะนำให้เราจองที่พักที่ Mori Natural Farm (โมริ เนเชอรัล ฟาร์ม) เพื่อนอนไปเลย


ม่อนแจ่ม
อีกที่เที่ยวนึงในอำภแแม่ริม ที่หลายคนมักจะรู้จักและคุ้นเคยกันอย่างดีคือ ม่อนแจ่ม กับพื้นที่อยู่บนสันเขาบนความสูง 1,350 เมตร ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่เท่าไหร่ ด้วยความที่มาง่ายขนาดนี้ ม่อนแจ่มที่นี่เลยกลายเป็นที่เที่ยวยอดฮิตติดชาร์ท ที่หลายคนอยากจะมาสัมผัสบรรยากาศภูเขาพร้อมลมหนาวๆ กันนั่นเอง
ม่อนแจ่ม คือชื่อดอยที่ตั้งขึ้นใหม่ แทนพื้นที่ที่ชื่อว่า ‘กิ่วเสือ’ ที่เมื่อก่อนเป็นพื้นที่รกร้าง จนมีชาวบ้านเข้ามาแผ้วถางกลายเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย จนต่อมาได้มี ‘ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย’ เข้ามาพัฒนาพื้นที่และสนับสนุนชาวบ้านให้ปลูกพืชเมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่นและทำไร่ และได้พัฒนาต่อมาจนกลายเป็นที่ท่องเที่ยวนั่นเอง
บอกก่อนว่านี่คือครั้งแรกของก๊อตในการมาเที่ยวม่อนแจ่มแหละ ความรู้สึกส่วนตัวเมื่อมาถึงที่ม่อนแจ่มคือ ที่พักเยอะม๊าก มาเป็นโดมๆ เป็นกระโจมเต็มภูเขาไปหมดเลยจริงๆ จนนี่เองก็นึกถึงคำพูดของใครหลายๆ คนที่บอกว่ากันว่า ‘ม่อนแจ่ม ตอนนี้เละ และพังมาก’ ซึ่งจากภาพตรงหน้าที่ก๊อตได้ไปเที่ยว ก็คืออาจจะจริง
อย่างไรก็ตาม เพื่อนพามาเที่ยวม่อนแจ่มทั้งที ก็ต้องลองซักตั้งแล้วแหละ ซึ่งเพื่อนก๊อตเองได้จองที่พักที่ชื่อ ม่อนทอแสง ที่เป็นโดมกลมๆ ราคาเหวี่ยงตามฤดูกาลตลอดทั้งปี ตั้งแต่ 1,090-2,500 บาท/คืน สามารถนอนได้สองคน มีโซฟ เบาะนอน และมีห้องน้ำส่วนตัวติดกับโดมเค้าแหละ
ส่วนตัวก๊อตว่าราคาแรงไปนิด โดยเฉพาะช่วงพีคๆ หน้าหนาวที่ราคากระโดดไป 2,090-2,500 บาท/คืน โดยแลกกับบรรยากาศบนดอยม่อนแจ่มแบบนี้ แต่ใดๆก็ตามคือ ที่ชอบสุดคืออากาศที่หนาว เย็นสบาย เหมาะกับการนั่งกินหมูกระทะเว่อ ซึ่งเพื่อนก๊อตเองบอกนี่ว่า เค้ามาเที่ยวม่อนแจ่มเพราะมากินหมูกระทะกันนี่แหละ เอ้อ ก็อาจจะจริงก็ได้ เพราะการหมูกระทะที่ม่อนแจ่มมันฟินกับอากาศหนาวจริงๆ ว่ะ 5555555555



โดยรวม ม่อนแจ่ม สำหรับก๊อตถือว่ากลางๆ มาก็ดี ไม่มาก็ได้ ถ้ามาคือการมานั่งกินหมูกระทะกับเพื่อน ครอบครัว หรือแฟนในอากาศหนาวๆ ถือว่าดีอยู่ ใจจริงนี่อยากให้ทางการเค้าจัดระเบียบม่อนแจ่มให้ดีกว่านี้หน่อย ตอนนี้ทุกอย่างมันดูเละๆ ไปหมด ที่พักเต็มภูเขา จนบางทีความสวยงามของภูเขามันลดหายจนไม่มีอะไรจะให้ดูแล้ว จนตอนนี้ที่เหลืออย่างเดียวที่ก๊อตชอบคืออากาศดีแค่นั้นเลย
สวนดอกเก๊กฮวย ม่อนแจ่ม
อีกหนึ่งสวนยอดฮิตประจำม่อนแจ่ม คงหนีที่นี่ไม่พ้น สวนดอกเก๊กฮวย ม่อนแจ่ม เค้านั่นเอง ซึ่งถ้าใครที่กำลังมองหาสวนเก๊กฮวยเที่ยวล่ะก็ เราต้องมาช่วงฤดูของมันเท่านั้น โดยดอกเก๊กฮวยเค้าจะบานช่วงปลายเดือนตุลาคม ถึงกลางเดือนธันวาคมของทุกปี และจะบานพีคสุดตอนเดือนพฤศจิกายนง ดังนั้น ใครที่มาเดือนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตุลาคม-ธันวาคม ระวังแห้วเด้อ
สำหรับ สวนดอกเก๊กฮวย ม่อนแจ่ม นั้น จะมีค่าเข้า 20 บาท พร้อมชิมน้ำเก๊กฮวยจากหน้าสวนเค้าได้ จากนั้นก็วิ่งเล่นถ่ายรูปได้เล้ย ในรูปของสวนเก๊กฮวยอาจจะดูใหญ่ๆ แต่ของจริงบอกก่อนว่าไม่ได้ใหญ่เวอร์วังขนาดนั้น อีกทั้งคนที่มาเที่ยวก็มาเยอะพอสมควร ทีนี้ การจะได้รูปสวยสมใจของแต่ละคนนั้น คืออยู่ที่ดวงแล้วหนึ่ง (ดวงที่จะมาตอนที่ดอกเก๊กฮวยบานสะพรั่ง) และอีกเรื่องคือการหามุมถ่ายรูป รวมถึงมุมหลบคนด้วย ฮ่าๆ เอาเป็นว่า ใครที่มาเที่ยวม่อนแจ่มแล้ว จะแวะมาเที่ยวที่นี่ด้วยก็ไม่เสียหายนะ


แม่แตง
แม่แตง เชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งอำเภอในเชียงใหม่ที่ก๊อตชอบมาก เพราะแม่แตงนั้นมีที่เที่ยวดีๆ อย่างไร่ชา น้ำตก คาเฟ่ วัด และที่พักสวยๆ ซ่อนตัวอยู่ในอำเภอนี้ค่อนข้างเยอะมาก แถมที่เที่ยวแต่ละที่นี่ถ่ายรูปสวยและเป็นฟีลแบบ Instagramable ซะด้วย นอกจากนี้ แม่แตงเองยังดังเรื่องกิจกรรมผจญภัยอย่างพวกล่องแพในแม่น้ำ อีกทั้งยังมีปางชางชื่อดังอีกด้วย บอกเลยว่าแม่แตงคือเริ่ด และอยากให้ทุกคนมาเที่ยวกัน
วัดเด่นสะหลีศรีเมือง
วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดบ้านเด่น วัดนี้เป็นอีกหนึ่งวัดที่ก๊อตชอบมากที่สุดในเชียงใหม่ ด้วยความอลังการงานสร้างของตัววัดเองที่ใหญ่โต มีความวิจิตร สละสลวยของอุโบสถ และรูปปั้นต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังมีเจดีย์สีดำขลับตัดกับยอดสีทองที่โคตรเท่ห์ ถือเป็นอีกวัดที่ทำเจดีย์ได้สุดปัง และไม่เคยเห็นเจดีย์วัดไหนเท่ห์เท่านี้มาก่อนเลย
วัดเด่นสะหลีศรีเมือง ตั้งอยู่ที่ ต.อินทขิล อ.แม่แตง เดิมทีชื่อวัดมีแค่คำว่า วัดบ้านเด่นเฉย ๆ แต่ตั้งแต่ท่านครูบาเจ้าเทือง มาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ จากที่ไม่เคยมีต้นโพธิ์เลยสักต้นเดียว ก็มีต้นโพธิ์ขึ้นมากมาย และด้วยความที่ชาวเมืองเหนือเรียกต้นโพธิ์ว่า ต้นสะหลี ซึ่งมีความหมายว่าเป็นมงคลดี ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อวัดเพื่อเป็นสิริมงคล อีกทั้งวัดตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าในสมัยโบราณที่ชื่อว่าเมืองแกน ชาวบ้านก็เลยเรียกชื่อวัดนี้เต็ม ๆ ว่า วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน



นอกจากเจดีย์สีดำขลิบที่อลังการมากๆแล้ว ที่นี่ยังมีอุโบสถเยอะมาก แบบเรียงกันเป็นแถว ไหนจะรูปปั้นสัตว์ต่างๆที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ ทุกอย่างดูเยอะ ดูอลังไปหมดทุกอย่าง แล้วแต่ละอุโบสถ รูปปั้น เจดีย์ ฯลฯ งานละเอียดทุกอย่างเลยนะ เข้าไปดูใกล้ๆคือประณีต วิจิตร มากๆ สวยงามมากจริงๆ เป็นวัดที่ถ่ายรูปได้เพลินสุดๆ เพราะถ่ายตรงไหนก็สวยของจริง
สวนสนแม่แตง
สำหรับคนที่อยากถ่ายรูปฟีลเหมือนตัวเองอยู่ท่ามกลางป่าต้นสนสูงๆ ล่ะก็ สวนสนแม่แตง นี่แหละคือคำตอบ เพราะที่นี่เต็มไปด้วนต้นสนคาริเบียที่ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ ได้มาวิจัยและทดลองปลูกต้นสนพันธุ์นี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 บนเนื้อที่กว่า 27 ไร่ตรงนี้



กว่า 40 ปีที่ผ่านมา ทำให้สวนสนแม่แตงแห่งนี้ สวยเอาเรื่อง แถมยังร่มรื่นให้คนที่ผ่านไปผ่านมา ได้แวะเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจ แถมยังถ่ายรูปสวย และกลายเป็นสถานที่ Instagramable ยอดฮิตอีกด้วยนะเออ เราสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ไม่ยาก เพราะสวนเค้าตั้งอยู่ติดถนนใหญ่เลยแหละ
ไร่ชาลุงเดช
อีกหนึ่งไร่ชายอดฮิตของประเทศเชียงใหม่ คือ ไร่ชาลุงเดช ที่ทุกคนต่างต้องการไปเที่ยว ลิ้มลองชา และถ่ายรูปเล่นกับไร่ชาของลุงเดชเค้านั่นเอง บอกก่อนว่าไร่ชาลุงเดชไม่ได้ใหญ่มาก แต่ลุงเองเค้าก็จัดพร็อพถ่ายรูปให้พร้อม ทั้งตระกร้าเก็บชา รวมถึงชุดต่างๆ สำหรับคนที่อยากคอสเพลย์เป็นคนเก็บชาคิวท์ๆด้วยแหละ ใครที่อยากมาเที่ยวแล้วถ่ายรูปสวยๆ แนะนำให้มาช่วงเช้า-สาย เนอะ เพราะเราอาจจะได้ลุ้นเจอหมอก หรือถ้าไม่เจอหมอก มันก็ยังสวยอยู่ เพราะแดดมันไม่แข็งและแรงมากนั่นเอง
สำหรับคาเฟ่ที่ ไร่ชาลุงเดช นั้น ตัวเด็ดที่ต้องลองชิมเลยคือตัวชาเค้านี่แหละ ซึ่งลุงเดชเค้าจะขายเป็นกา มีให้เลือกทั้ง ชาขาว (90 บาท) ชาเขียว (50 บาท) และชาอู่หลง (70 บาท) อีกทั้งยังมีสารพัดอาหารที่นำใบชามาเป็นส่วนประกอบ และยังมี เค้กชาเขียว และเค้กโรลชาเขียว (60-70 บาท) อีกด้วยน้า




ตัวชานี่ รับรองว่าอร่อย และถ้ายิ่งเรามาในช่วงหน้าหนาว การดื่มชาร้อนๆ ท่ามกลางบรรยากาศหนาวๆ นี่คือฟินแน่นอน ส่วนตัวเค้กนั้น สำหรับก๊อตแล้ว รสชาติถือว่ากลางๆ ชาไม่ค่อยเข้มข้น แต่ได้ความหวานของครีมมาแทน ส่วนใครที่อยากนอนที่ไร่ชา ไรชาลุงเดชเองเค้าก็มีบ้านพักแบบโฮมสเตย์คอยให้บริการด้วย ในราคา 500-800 บาท/คืน โดยห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมเด้อ
น้ำตกหมอกฟ้า
น้ำตกหมอกฟ้า เป็นน้ำตกที่ก๊อตไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่กลับเซอร์ไพรส์กับความสวยงามสุดเมื่อได้ไปเห็นของจริงแหละ ด้วยความสูงของตัวน้ำตกเองที่สูงกว่า 30 เมตร บวกกับน้ำตกที่ไหลแยกออกมาเป็นสองสายจากหน้าผาด้านบน ลงมายังแอ่งทรายด้านล่าง ฟุ้งกระจายกลายเป็นม่านหมอก ทำให้น้ำตกนี้โคตรสวยและเค้าเอาสิ่งนี้มาตั้งเป็นชื่อของน้ำตกที่นี่แหละ บอกเลยว่า นี่ขอยกให้น้ำตกหมอกฟ้าเป็นอีก Instagramable Place ที่สวยมากอีกแห่งในเชียงใหม่เลย






Stay Wild & Cafe
Stay Wild & Cafe เป็นทั้งโรงแรมและคาเฟ่ริมน้ำแก่งกึ้ด อำเภอแม่แตง ซึ่งทริปเชียงใหม่ที่มาเที่ยวแม่แตงรอบนี้ ก๊อตได้เลือกนอนที่นี่ จากตอนแรกที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอได้ไปเที่ยวและพักผ่อนแล้ว จะบอกว่าเกินคาดสุด ถือเป็นอีกที่พักหนึ่งที่ค่อนข้างประทับใจ เพราะนอกจากตัวที่พักเองจะสวยแล้ว วิวก็สวย แถมยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์อย่างการล่องแพยาง ให้คนเข้าพักได้เข้าร่วมกันแบบฟรีๆ เลย
ห้องพักที่ก๊อตจองนั้น เป็นแบบบ้านหลังเล็กที่นอนได้สองคน ที่นอนคือนอนสบาย ห้องน้ำใหญ่โตเท่าห้องนอน ที่ชอบคือ ออกมาจากตัวบ้านพัก เราสามารถมองเห็นวิวลำธารด้านหน้าได้เลย อีกทั้งหน้าบ้านยังมีโต๊ะกินข้าวยาวๆ ให้เราได้ปิ้งบาร์บีคิวกินได้อีกด้วย บรรยากาศคือดีมากกกก




สำหรับกิจกรรมล่องแพยางของที่พักนั้น เราสามารถจอยได้ฟรี โดยเค้าจะมีสองรอบต่อวันให้เราเลือกจอยร่วมกับแขกเข้าพักคนอื่นๆ กิจกรรมนี้จะใช้เวลาประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง โดยล่องแพผ่านแก่งกึ้ดลงไปนี่แหละ ถึงแม้มันอาจจะไม่เชี่ยวแรงมาก แต่มันก็สนุกเอาเรื่องอยู่ วิวตลอดลำธารก็สวย อีกทั้งยังได้เพื่อนใหม่จากกิจกรรมครั้งนี้อีกด้วย ถือว่าดี นี่ชอบ และเป็นสิ่งที่ประทับใจสุดของการมาเข้าพักที่นี่เลยก็ว่าได้
อีกหนึ่งความดีงามของ Stay Wild & Cafe คือ เราสามารถเอาของดิบมาปิ้งบาร์บีคิวกินกันเองได้ แต่ถ้าใครไม่สะดวกซื้อมาจากข้างนอก จากที่พักเองเค้าก็มีให้เราสั่งของดิบเป็นเซ็ตเพื่อปิ้งย่างกินเองได้นั่นเอง โดยที่กินนั้นแล้วแต่เราจะเลือกเลย เพราะที่นั่งกินเค้าเยอะมาก ส่วนพวกก๊อตเองก็นั่งกินกันหน้าบ้าน ริมลำธาร บรรยากาศคือโคตรดีเลยแหละ ถ้าใครกำลังมองหาที่พัก Stay Wild & Cafe เป็นอีกตัวเลือกนึงที่ก๊อตแนะนำเหมือนกันนะ



แม่ออน
แม่ออน เชียงใหม่ อำเภอเล็กๆ ที่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าแท่กำปองอยู่อำเภอนี้ อาจต้องร้อง อ๋อออออ แน่นอน จริงๆแล้วอำเภอนี้ถือว่าเป็นพื้นที่รอบนอกสุดของเมืองเชียงใหม่และยังมีแหล่งท่องเที่ยวฮิตๆ หลายที่นอกจากแม่กำปองด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นวัดพระธาตุดอยผาตั้ง น้ำพุร้อนสันกำแพง ถ้ำเมืองออน และอีกหลายที่เลย
แม่กำปอง
แม่กำปอง กลายเป็นกระแสของการมาเที่ยวที่เชียงใหม่เว่อร์ ทุกคนพูดถึงแม่กำปอง ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศของหมู่บ้านที่เหมือนที่ญี่ปุ่นบ้าง ของกินสตรีทฟู้ดที่อร่อยจนต้องมาลอง และที่ฟินไปหลายตลบคืออากาศที่เย็นสบายตลอดปีโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน พร้อมเสียงน้ำไหลให้จิตใจได้ผ่อนคลาย
เออว่ะ ทั้งหมดที่พูดมาคือดีจริงแหละ (ยกเว้นความเป็นญี่ปุ่น ที่ส่วนตัวนี่ว่าไม่เหมือนญี่ปุ่นเท่าไหร่ แม่กำปองก็คือแม่กำปองโว้ย มันดีของมันอยู่แล้ว) และนี่ก็ยอมรับจากใจจริงเหมือนกัน ว่าเราก็มาเที่ยวตามกระแสของใครหลายคนที่ชอบพูดถึงแม่กำปองเช่นเดียวกัน 55555555 // ดังนั้น นี่ขอบอกก่อนว่า แม่กำปองของเค้าดีอยู่ แต่ช่วงนี้อาจจะวุ่นวายบ้างเพราะตอนนี้เค้าเป็นกระแส นี่แนะนำให้เลี่ยงเที่ยววันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และให้เตรียมเผื่อใจซักนิดหากคนจะเยอะมากๆ ด้วยเด้อ
หมู่บ้านแม่กำปอง
ต้องเกริ่นก่อนว่า บ้านแม่กำปอง เป็นหมู่บ้านที่ชาวบ้านอยู่กันมามากกว่า 100 ปี ตั้งอยู่กลางหุบเขาสวยๆ และยังมีลำธารไหลผ่านกลางหมู่บ้านจากน้ำตกแม่กำปองนั่นเอง ด้วยบรรยากาศที่มันได้ กลุ่มผู้นำชาวบ้านจึงได้เริ่มทำบ้านแม่กำปองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในรูปแบบท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่นี่ผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการนอนพักที่โฮมสเตย์ของคนถิ่นนี่แหละ



ถนนเส้นสั้นๆ ที่ล้อมร้อบด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และสตรีทฟู้ดตั้งเรียงรายกันเป็นตับตลอดทาง ตรงนี้เสมือนเป็นจุดใจกลางหมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวหลายคนจะมาเที่ยวในแม่กำปองเลยแหละ ด้วยบรรยากาศ ของกิน ตึกรามบ้านช่องที่เป็นซิกเนเจอร์ และอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ตรงนี้เป็นเสน่ห์ของแม่กำปอง ที่ทำให้หลายคนอยากมา และต้องมายืนถ่ายรูปกัน ไม่ว่าจะเป็นกลางถนน หรือหน้าร้าน บ้านฮิมห้วย ลุงปุ๊ด & ป้าเป็ง เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเราได้มาถึงหมู่บ้านแม่กำปองเรียบร้อยแล้วนั่นเอง ฮ่า



นอกจากการเดินเที่ยวเล่น พร้อมถ่ายรูปสวยๆ ในหมู่บ้านกำปองแล้ว สิ่งที่ต้องหาทำมากอีกอย่างคือ การเดินเล่นหาของกินตามทางของหมู่บ้านนี่แหละคือเรื่องสนุกของที่นี่ เพราะว่าของกินสตรีทฟู้ดโคตรเยอะและอร่อยเอาเรื่อง ตั้งแต่ไส้อั่ว ขนมไข่ป่าม หมูปิ้ง ไส้กรอก หมาล่า แหนมย่าง โค้กวุ้น และอีกหลายอย่างเยอะแยะมาก รับรองว่าจุก โดยร้านดังที่เค้าบอกกันคือ ไส้อั่วแม่นิ่ม นั่นเอง (แต่จากที่กินมา ไส้อั่วร้านตรงข้ามเยื้องๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน 555)




นอกจากสตรีทฟู้ดแล้ว กลางหมู่บ้านแม่กำปองก็มีร้านอาหารเรียงรายเยอะด้วยเช่นกัน ใครที่หิวก็สามารถเข้าไปนั่งสั่งอาหารได้เลย ซึ่งร้านเค้าส่วนมากก็จะตั้งอยู่ริมลำธารเล็กๆ ให้เสียงน้ำไหลหน่อยๆ กินเพลินๆ ดูคนเดินไปเดินมาในหมู่บ้าน ถือว่าชิลดีเหมือนกัน หรือถ้าใครที่อยากหาซื้อของฝากร้านดังของแม่กำปอง ให้เราลองเข้าไปใน ร้านแมวดอย ดู ที่นี่มีของกระจุ๊กกระจิ๊กน่ารักให้เราเลือกได้แบบเพลินๆ
ทั้งหมดที่บอกมา คือแค่ถนนหลักใจกลางหมู่บ้านแม่กำปองเท่านั้นนะเว้ย กว่าจะเดินถ่ายรูปชมวิว และกินเสร็จ ก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน แต่แม่กำปองเค้าไม่ได้หมดแค่นี้ รอบๆเค้ายังมีที่เที่ยวหลายอย่างอีก เรามาตามไปกันต่อได้เล้ย
ระเบียงวิวคาเฟ่
ใครที่สงสัยว่ารูปหมู่บ้านแม่กำปองจากมุมสูงถ่ายจากที่ไหน ใช้โดรนหรือเปล่า นี่จะตอบให้ว่าเปล่าเลย! ทุกคนสามารถไปถ่ายภาพมุมสูงของหมู่บ้านแม่กำปองสวยๆ ที่ ระเบียงวิวคาเฟ่ ได้ ตัวร้านเค้าจะอยู่ด้านบนเขาระหว่างทางไปน้ำตกแม่กำปองหน่อยๆ จะขับรถหรือนั่งรถสองแถวมาก็ได้ หรือถ้าใครขยันเหมือนก๊อต จะเดินลัดเลาะขึ้นมาจากตัวหมู่บ้านได้เหมือนกัน ฮ่า
คอนเฟิร์มเลยว่า ระเบียงวิวคาเฟ่ คือคาเฟ่วิวหลักล้านที่เราสามารถนั่งจิบกาแฟร้อนๆ คลายหนาวได้แบบชิลๆ อันนี้แนะนำมากว่าต้องมาเที่ยวแหละ และถ้าจะให้ดี ควรมาตอนเช้าๆ สายๆ หน่อยนะ เพราะแสงช่วงเวลานี้คือช่วงที่แสงสวยสุดในการชมวิวและถ่ายรูปหมู่บ้านแม่กำปองนั่นเอง เยิฟมาก


น้ำตกแม่กำปอง
ใครที่มาระเบียงวิวคาเฟ่แล้ว เราสามารถเดินเลียบถนนอีกประมาณ 400 เมตร ไปยัง น้ำตกแม่กำปอง ต่อได้แบบชิลๆ เมื่อมาถึงแล้ว เราสามารถเห็นน้ำตกได้เลยโดยที่เราไม่ต้องเดินขึ้นอะไรอีก แต่ถ้าใครที่อยากเดินต่อ ที่น้ำตกแม่กำปองเองก็มีเส้นทางศึกาษาธรรมชาติ ให้เราเดินขึ้นไปชมน้ำตกด้านบนกว่า 7 ชั้น โดยมีแอ่งน้ำตกให้เราเล่นน้ำได้ด้วย ใครที่ได้ยินเสียงน้ำไหล จากลำธารในหมู่บ้านแม่กำปอง จะบอกว่าทางน้ำนั้นก็มาจากน้ำตกแม่กำปองที่นี่แหละ ฟีลโคตรดีย์




ตัวก๊อตเองจะอยู่แค่น้ำตกชั้นแรกอย่างเดียวแหละ เพราะตอนนั้นไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ แต่เอาจริง แค่ชั้นแรกตรงด้านหน้าทางเข้านี่ก็สวยมากแล้ว จากนั้นไม่นาน ก๊อตก็เดินกลับไปยังตัวหมู่บ้าน โดยเดินเลียบตามเส้นทางน้ำตกแม่กำปองที่ไหลลงไป ซึ่งทางนี้จะอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าน้ำตก (อีกฝั่งถนน) นั่นเอง ใครที่เดินมาแบบก๊อตคือโคตรแนะนำให้เราเดินกลับทางนี้ เพราะเราจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของธรรมชาติในแม่กำปองที่หลายคนมักจะไม่รู้กัน คือมันดีมากก




วัดแม่กำปอง
วัดแม่กำปอง หรือ วัดคันธาพฤกษา ถือเป็นวัดแห่งเดียวในแม่กำปองที่มีอายุมากกว่า 70 ปีแล้ว โดยบรรยากาศของวัดแม่กำปองนั้นร่มรื่น มีอุโบสถกลางน้ำที่ถือเป็น 1 ใน 2 อุโบสถกลางน้ำในจังหวัดเชียงใหม่ ใครที่แวะมาแม่กำปอง ก็ลองมาเดินเล่นที่วัดกันดูเด้อ อยู่ไม่ไกลจากใจกลางหมู่บ้านแม่กำปองเท่าไหร่ สามารถเดินมาได้เลย

ส่วนใครที่ขับรถมาเที่ยวแม่กำปองแบบเช้า-เย็นกลับ เราสามารถมาจอดรถที่วัดเพื่อเดินเที่ยวได้นะ แต่แนะนำให้มาเช้าหน่อย เพราะที่จอดรถมีน้อย และอย่างที่รู้ๆกัน คนมาเที่ยวแม่กำปองเยอะมาก ถ้าหาที่จอดรถที่นี่ไม่ได้ นี่ก็ไม่แน่ใจแล้วว่าจะไปจอดรถที่ไหนนาจา
Cafe in The Doi / คาเฟ่อินเดอะดอย
อีกหนึ่งคาเฟ่แถวแม่กำปองที่อยากให้เราลองแวะมาคือ Cafe in The Doi (คาเฟ่อินเดอะดอย) ที่เต็มไปด้วยฉากและพร็อพถ่ายรูปกับวิวธรรมชาติของแม่กำปอง ตั้งแต่บันไดสีขาวยอดฮิตที่หลายคาเฟ่ชอบทำตอนนี้ รวมถึงยังมีรังนกและฉากหลายแบบให้เราเลือกถ่ายรูปแบบจุใจ คือมาเที่ยวที่นี่ ได้รูปกลับบ้านแบบจุใจแน่นอนอ่ะ เอาดีๆ 555555



อุตสาชงที่บ้าน
คาเฟ่สุดท้ายที่อยากแนะนำที่สุดสำหรับคนที่มาเที่ยวแม่กำปอง คือ อุตสาชงที่บ้าน ที่นี่คือคาเฟ่บ้านไม้เล็กๆ เลยจากแม่กำปองมาหน่อยที่ ‘แม่ลาย’ ตั้งอยู่ริมธารกลางหุบเขา ให้ฟีลบรรยากาศเหมือนอยู่ญี่ปุ่นเบาๆ เพราะตัวร้านเองก็พยายามตกแต่งด้วยงานไม้น่ารักๆ นั่นเอง ส่วนตัวก๊อตชอบคาเฟ่ที่นี่มากที่สุดในบรรดาคาเฟ่ทั้งหมดในแม่กำปอง บรรยากาศเต็มสิบไม่หักที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รสชาติของเครื่องดื่มและเค้กเองก็ดีไม่เบา และนอกจากการมากินของอร่อยแล้ว ที่นี่ก็ถ่ายรูปสวยมาก เป็นอีกหนึ่ง Instagramable Cafe ที่ดีมากอีกที่นึงเลยแหละ


ตัวที่ก๊อตสั่งมารอบนี้มี Utsah Rose (150 บาท) กับกาเฟใส่นมเติมกลิ่นกุหลาบด้วยไซรัปเบาๆ ให้หอมๆ รสชาติละมุนลิ้น ตัวนี้ถือว่าดีอยู่สำหรับคนที่ชอบกินกาแฟใส่นมแหละ ส่วนเค้กที่สั่งมากินคู่กันคือ Cheese Cake (80 บาท) ชีสเค้กโฮมเมดที่เนื้อชีสเค้กนุ่มนิ่มโอเคเลย




โดยรวมของ อุตสาชงที่บ้าน ก๊อตว่าดีเกือบทุกอย่างแหละ ยกเว้นแต่เรื่องราคาโดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ราคาแรงไปนิด แต่ยังไงที่นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่ก๊อตค่อนข้างประทับใจ และอยากให้ทุกคนแวะมาแหละ เพราะส่วนตัวก๊อตยกให้เป็นอีกหนึ่งแรร์คาเฟ่ที่ดี ที่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่เนอะ
เชียงดาว
เชียงดาว เชียงใหม่ นี่พูดเลยว่าหลายคนต้องได้ยินชื่อมา นักต่อนักแล้ว โดยเฉพาะ ดอยหลวงเชียงดาว ที่ถือเป็นยอดดอยที่สูงเป็นอันดับสามของประเทศแหนะ ถ้าใครเป็นสายเทรคกิ้งพิชิตยอดเขาคือห้ามพลาดเลยแหละ แต่ว่าทริปนี้ก๊อตไม่ได้ไปปีนดอยหลวงเชียงดาวนะ เพราะก๊อตมีเป้าหมายมาแค่ไปนอนดูวิวดอยหลวงเชียงดาวฟินๆ ไปกับดาวระยิบระยับหลายล้านดวงยามค่ำคืน พร้อมตบท้ายด้วยการชมทะเลหมอกสุด Unseen ซึ่งมันดีย์เลยแหละ เอาเป็นว่า ทริปเชียงดาวรอบนี้ ก๊อตขอพักการปีนป่ายเอาไว้ก่อน 5555 (ทริปหน้าค่อยว่ากัน!) แต่เป็นการเน้นสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิดกัน พร้อมทั้งที่ที่เที่ยว ที่พักบรรยากาศดีๆ เกริ่นมาดีขนาดนี้แล้ว มาตามก๊อตไปเที่ยวเชียงดาวกันเล้ยยย
ถนนเส้น ทช.ชม. 3024 (เส้นทางไปยังวัดถ้ำเชียงดาว)
หากใครที่มีแพลนไปเที่ยววัดถ้ำเชียงดาว เราจะได้ผ่านถนนถนนเส้นทาง ทช.ชม. 3024 หรือ ถนนเส้นทางชนบทเชียงใหม่ ซึ่งถนนเส้นนี้โด่งดังเพราะหลายคนมาถ่ายรูปลงโซเชียลกัน อาจเพราะข้างทางมีต้นไม้ที่สูงชะลูดเรียงราย เต็มไปหมด โดยเส้นถนนนั้นคดเคี้ยว และยังเป็นถนนลาดยางตลอดสาย พอก๊อตได้ลงไปถ่ายรูปตามที่เขาว่ากัน ภาพที่ได้ก็คือสวยจริงๆ และตอนที่ก๊อตได้โพสภาพนี้ลงบนเพจ คนกด Like นี่เป็นหมื่นเลย คุณพระ! ถือว่าปังจริง



วัดถ้ำเชียงดาว
วัดนี้ก๊อตเชื่อว่าหลายคนที่เป็นสายธรรมชาติ สายเดินเขา ต้องคุ้นๆหรือเคยมาแล้วแน่นอน เพราะตัววัดตั้งอยู่เชิงเขาของดอยหลวงเชียงดาวเลย เป็นวัดที่สวย บรรยากาศดี และมีความเป็นธรรมชาติสูงมากๆ วัดที่ก๊อตพูดถึงคือ วัดถ้ำหลวงเชียงดาว ภูเขาที่เห็นอยู่ด้านหลังก็คือดอยหลวงเชียงดาว แล้ว ภาพที่นี่เห็นคือสวยมาก
ไฮไลท์อีกอย่างเลยที่เมื่อมาวัดถ้ำหลวงแล้วต้องห้ามพลาด คือ ถ้ำเชียงดาว เพราะเป็นถ้ำที่ใหญ่ และสวยงามมากๆ ถ้ำหนึ่งของเชียงใหม่เลย วัดถ้ำหลวงเชียงดาวถือว่าเป็นวัดที่มาคู่กับอำเภอเชียงดาวเลย ถ้ามาเชียงดาวก็ไม่ควรพลาดน้าาา
ถ้ำนี้มีหินงอกหินย้อยที่สวยงามมาก จนถึงขั้นเคยอยู่ในโปสเตอร์ของ ททท. เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวไทยด้วยนะ ถือว่าเป็น Unseen Thailand เลย


ถ้ำเชียงดาว จะมีถ้ำที่เราเดินเข้าไปชมเองได้ กับถ้ำที่ต้องมีชาว บ้านพาเข้าไป ซึ่งก๊อตเลือกถ้ำที่ให้ชาวบ้านพาเข้าไป เหมือนชาวบ้านเค้าจะคิดค่านำทางรอบละ 200 บาทนะ ถ้าจำไม่ผิด ภายในแต่ละถ้ำ จะมีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่สวยงามมากๆ บางจุดถ้าเราฉายไฟ จะมีประกายระยิบระยับด้วยนะ ข้างหน้าถ้ำจะมีบ่อน้ำสีฟ้า ที่ฟ้าเลย แล้วมีปลาว่ายอยู่ในน้ำด้วย คือสวยนะ สวยดี วัดนี้บรรยากาศดีมากนะ สดชื่นและยังร่มรื่นด้วย อ่อ! ตอนที่เราเดินเข้าไปดูในถ้ำ จะมีคนคอยตามถ่ายรูปเราด้วย ก็ให้ทุกคนพูดไปเลยว่าไม่เอา ไม่ถ่าย เพราะถ้าไม่บอก เราต้องจ่ายเงินค่ารูปด้วยนะ
น้ำตกศรีสังวาลย์
ที่เที่ยวถัดมาสร้างความสดชื่นได้เบาๆ นั่นคือ น้ำตกศรีสังวาลย์ พิกัดอยู่ในอุทยานแห่งชาติผาแดง อำเภอเชียงดาวนี่แหละ แต่พิกัดห่างจากอำเภอไปไกลอยู่ ซึ่งน้ำตกนี้เค้ามีชื่อเสียงพอสมควรเลยนะ โดยมีประวัติความเป็นมา ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2510 ที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงได้เสด็จมาเป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแถวนั้น และพระองค์ท่านได้พระราชทานนามน้ำตกแห่งนี้ว่า ‘น้ำตกศรีสังวาลย์’ นั่นเอง



น้ำตกที่นี่มี 4 ชั้นด้วยกัน ซึ่งลักษณะน้ำตกไม่ได้สูงมากขนาดนั้นนะ น้ำจะไหลลงมาเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นก็จะมีชื่อตามนี้เลย ชั้นที่ 1 คะนึงหา ชั้นที่ 2 ช่องธารา ชั้นที่ 3 งามนที และชั้นที่ 4 ศรีสังวาลย์ โดยเราสามารถเดินเลียบชมน้ำตกได้ชิลๆ เพราะเส้นทางนั้นค่อนข้างเรียบ เดินง่ายมากเลยแหละ
เอาจริงๆ น้ำตกศรีสังวาลย์ เป็นน้ำตกที่สวยอยู่นะ ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าลงเล่นน้ำตกได้มั้ย เพราะตอนที่ก๊อตไปช่วงนั้น กะจะนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำฟินๆ แต่พื้นน้ำตกคือเต็มไปด้วยโคลนหมดเลย พอจุ่มเท้าลงไปเท่านั้นแหละ โอ้โห่! ยวบ เท้าเลอะโคลนไปหมดเลยจ้า 5555 สุดท้าย ก๊อตเลยตัดสินใจขอเดินชิล ดื่มด่ำกับบรรยากาศแทนดีกว่า โดยทางเดินลงไปแต่ละชั้นก็สวยอยู่นะ และบริเวณรอบของน้ำตกห้อมล้อม ไปด้วยธรรมชาติ มีพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่ให้บรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย ถือว่าเหมาะแก่การพักผ่อนสุด



ส่วนตัวก๊อตคิดว่าเป็นน้ำตกที่สวย แต่ก็ต้องบอกว่า น้ำตกที่นี่ไม่ได้อลังการใหญ่โต ถ้าใครที่ชื่นชอบบรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติ หรืออยากมาพักผ่อนชิลๆ ก็มากันได้นะ และอีกอย่างที่นี่เสียค่าเข้าคนละ 20 บาทเน้อ ถือว่าคุ้มค่ากับวิวที่ได้เห็นแล๊วว
บ้านนาเลาใหม่
บ้านนาเลาใหม่ เป็นหมู่บ้านในดอยหลวงเชียงดาว แต่ที่พีคคือวิวสวย มีหมอก และดาวล้านดวงรอคอยให้เราไปเยือน โดยที่นี่จะตั้งอยู่บนภูเขาฝั่งดอยนาง อยู่สูงประชันหน้ากับยอดดอยหลวงเชียงดาวพอดี เรียกว่าใกล้ชิดมากๆ และมีความสูงอยู่ประมาณ 1,150 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้บนนี้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี เหมาะกับการมาพักผ่อนรับอากาศเย็นๆ ยิ่งถ้ามาในช่วงฤดูหนาวบอกเลยว่าฟินกัน ถ้วนหน้า
เมื่อก่อน ตรงนี้มีโฮมสเตย์ที่นี่มากกว่า 16 แห่ง ส่วนมากก็จะตั้งกันเป็นกระจุกเนี่ยแหละ แต่ปัจจุบันตอนนี้ถูกสั่งปิดแล้ว เนื่องจากการผู้ประกอบการโฮมเสตย์ ทำผิดเงื่อนไขและกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ทำให้ตอนนี้ถูกสั่งปิดจากอุทยานแห่งชาตินั่นเอง
เมื่อวัดระยะทางการขับรถจากเชียงใหม่แล้วกัน บ้านนาเลาใหม่ ดอยหลวงเชียงดาว ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 90 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง ช่วงระหว่างทางขึ้นเขานั้นค่อนข้างชัน และโค้งเยอะ ดังนั้นต้องระมัดระวังกันด้วยนะ พอขับมาซักแปปนึงก็ถึงชุมชนบ้านนาเลาใหม่ เราถึงช่วงประมาณเกือบหกโมงเย็น ดูพระอาทิตย์งามๆ พอดี
รูปที่เห็นในรีวิวนี้คือช่วงตอนที่ก๊อตยังไปนอนที่โฮมสเตย์ได้นะ แต่ตอนนี้เราไม่สามารถนอนค้างคืนได้แล้วแหละ แต่เท่าที่ทราบมาตอนนี้คือ เรายังสามารถขึ้นไปดูวิวด้านบนได้ ยังไงลองเช็คข้อมูลดูอีกทีน้า