5 อาร์ทคาเฟ่รอบกรุงเทพ
1. H.O.N House of Nowhere
2. HUSS OF BREAD
3. Vela at Mediums
4. Chim Chim Bangkok
5. FICS
H.O.N House of Nowhere
ประเดิมกันที่ร้านแรกเลยกับโฮมคาเฟ่ในซอยปรีดี พนมยงค์ 42 คาเฟ่ที่ได้ปรับเปลี่ยนบ้านหลังเก่ากว่า 20 ปีให้กลายมาเป็นแหล่งรวมตัวของคนที่ชื่นชอบงานศิลปะ เพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงคาเฟ่เท่านั้น แต่ยังเป็นอาร์ตแกลอรี่เล็กๆ และสตูดิโอถ่ายภาพด้วย ภายในของ H.O.N House of Nowhere นั้นตกแต่งออกมาภายใต้คอนเซ็ปต์ Mid Century ให้บรรยากาศที่นี่ดูเหมือนเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นสมัยก่อน ด้วยการตกแต่งอย่างเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์ที่หลายหลากถูกจัดวางอย่างลงตัวอย่างบอกไม่ถูก ถือเป็นร้านที่ทำให้ก๊อตสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเอง และ ความอบอุ่น เหมือนกับว่าได้มานั่งอยู่ในบ้านเพื่อนที่มีรสนิยมชิคๆ คนนึงเลยล่ะ
ร้านนี้เค้าแบ่งเป็น 3 โซนคือโซนคาเฟ่ ที่บรรยากาศโดยรวมคือดี มีที่นั่งเยอะและนั่งสบาย โซนต่อไปคือโซนสตูดิโอถ่ายรูป และโซนสุดท้ายคือโซนอาร์ทแกลอรี่ที่จะมีงานศิลปะมาจัดแสดงอยู่เรื่อยๆ เลย คาเฟ่นี้เหมาะกับการมานั่งหาแรงบันดาลใจและแลกเปลี่ยนมุมมองงานศิลปะกันมากๆ แถมยังเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่จะได้แบ่งปันไอเดีย และ พบปะกับศิลปินรุ่นใหม่ๆ ได้อีกด้วย
🏡: House of Nowhere นั้นเล่นคำมาจาก Out of Nowhere ที่แปลว่า ‘จู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมา’ คุณเคนกับคุณเน้ย เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่าก่อนที่จะมีร้านนี้ ทั้ง 2 คน หาโลเคชั่นร้านอยู่นานมาก แต่วันนึงได้ขับรถหลงเข้ามาในซอยนี้และก็พบบ้านหลังนี้โดยบังเอิญ แล้วก็รู้สึกว่าถูกใจที่นี่มาก เลยทำการแปลงโฉมบ้านหลังเก่าให้เป็นคาเฟ่แห่งใหม่ใน่ย่านนี้ซะเลย
เช้าๆ ง่วงๆ แบบนี้ก๊อตสั่งเป็น Dirty Coffee (120 บาท) ช็อตเอสเพรสโซ่เข้มข้นกับนมและครีมเย็นๆ รสชาติหวานมัน ด้านบนโรยด้วยผงโกโก้ ทำให้เป็นแก้วที่ทำออกมาได้กลมกล่อมมากทีเดียว รสชาติครีมค่อนข้างชัดผสมผสานกับกาแฟที่มีกลิ่นอ่อนๆ ของโกโก้ และ Golden Bear (120 บาท) เมนูกาแฟอีกแก้วที่มีชื่อน่ารักๆ เมนูนี้คือกาแฟเอสเพรสโซ่ผสมโซดารสน้ำผึ้งมะนาว เป็นแก้วที่แปลกใหม่สำหรับก๊อตมากทีเดียว ทันทีที่ดื่มรสชาติกาแฟเอสเพรสโซ่อ่อนๆ จะนำขึ้นมาก่อนแล้วค่อยๆ ตามมาด้วยความหวานจากน้ำผึ้งและความเปรี้ยวซ่าของโซดามะนาว สดชื่นม้ากก
ใครไม่ดื่มกาแฟก๊อตแนะนำเป็น Cream Soda (140 บาท) เครื่องดื่มสไตล์อเมริกัน ความซ่ากลิ่นหอมๆ ของไซรัปวานิลลากับโซดา เสิร์ฟพร้อมวิปครีมเนื้อเบาๆ และเชอร์รี่เชื่อมเป็นอะไรที่เข้ากันสุดๆ ยิ่งได้ทานคู่กับ ครัวซองต์มินิ (50 บาท) ตัวแป้งกรอบนอกนุ่มใน หอมเนยอ่อนๆ ก็ยิ่งอร่อยมากขึ้นไปอีก
H.O.N House of Nowhere ถือเป็นอีกร้านที่เป็นค่อนข้างอบอุ่นและมีความเป็นกันเองมากๆ เจ้าของร้านชงกาแฟเอง เสิร์ฟเอง ดูแลลูกค้าเองทั้งหมเลย บรรยากาศในร้านค่อนข้างดี เครื่องดื่มก็อร่อยด้วย ใครที่กำลังหานั่งทำงาน และอยากพูดคุยแลกเปลี่ยนกับศิลปินช่างภาพ ก็อตแนะนำให้มาที่ร้านนี้เลย
HUSS OF BREAD
HUSS OF BREAD คาเฟ่สุดชิคย่านพระโขนง ที่ตกแต่งไว้ได้อย่างเรียบง่ายในสไตล์ Modern Parisian ภายนอกร้านนี่ดูเป็นเหมือนร้านขนมปังเก๋ๆ ในยุโรป ส่วนด้านในร้านทั้งการตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ เค้าคิดมาเป็นอย่างลงตัว ของทุกชิ้นภายในร้านมีเอกลักษณ์และมีดีไซน์มาก มองผ่านๆ ร้านนี้ไม่เหมือนเป็นคาเฟ่เลย แต่เหมือนเป็นอาร์ทแกลอรี่หรือพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมๆ ซะมากกว่า
🍞 : HUSS OF BREAD นั้นแปลว่าบ้านขนมปัง ซึ่งคำว่า HUUS นั้นเล่นคำมาจากคำว่า HUS ในภาษาสวีดิชซึ่งแปลว่า ‘บ้าน’ + กับคำว่า US ที่แปลว่า ‘เรา’ ลงไปทำให้กลายเป็นบ้านขนมปังที่แสนจะอบอุ่น
มาถึง HUSS OF BREAD ทั้งที เมนูแนะนำร้านนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก ’ขนมปัง’ ซึ่งก็มีหลากหลายเมนูเลย แต่เมนูยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องสั่งคือ Sho-Nut โดนัทที่ทำมาจากแป้งโชคุปัง ด้านนอกกรอบนิดๆ ด้านในแป้งฟูนุ่ม สอดไส้ต่างๆ ต้องบอกว่าที่นี่ให้ไส้มาเยอะมาก จุใจแน่นอน วันนี้ก๊อตสั่งมาทั้งหมด 4 รสชาติ คือ Berries (85 บาท) ไส้เบอร์รี่รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีเนื้อเบอร์รี่ให้เคี้ยวเพลินๆ Lemon Curd (85 บาท) อันนี้เป็นไส้ที่ก๊อตชอบที่สุดเลย รสเลม่อนเปรี้ยวนิดหวานหน่อย ทานแล้วรู้สึกเฟรชมาก Chocolate (90 บาท) ช็อคโกแลตรสเข้มข้นที่ไม่ได้ขมจนเกินไป ยิ่งทานคู่กับแป้งโชนัทหวานๆ อร่อยมาก และไส้สุดท้ายคือ Matcha (95 บาท) ไส้ครีมรสชาเขียวเยิ้มๆ ตัวไส้มีความหอมมัทฉะแต่ด้วยรสชาติมีความครีมมี่มากเลยทำให้รสชาติของชาเขียวเลยถูกกลืนไปกับตัวขนมปัง แต่โดยรวมแล้วเป็นเมนูที่หาได้แค่ร้านนี้จริงๆ ตัวแป้งมีรสชาติและสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ หาทานร้านอื่นไม่ได้แน่นอน
เมนูขนมปังไม่หมดเพียงเท่านั้น ก๊อตสั่ง C&B Original (100 บาท) ขนมปังนุ่มๆ ที่ทำจากแป้งโชคุปังอีกเช่นเคย เป็นขนมปังชิ้นหนา ที่เนื้อนุ่มมาก และยังมีคาราเมลกรอบๆ อยู่ด้านบน ช่างเป็นเมนูที่มีหลายเนื้อสัมผัสในคำเดียวมากๆ และอีกเมนูที่ก๊อตชอบมากคือ Very Chocolate Cake (120 บาท) เค้กช็อคโกแลตเนื้อฉ่ำแน่น รสเข้มข้น ราดด้วยซอสช็อคโกแลตยิ่งทำให้เป็นเมนูที่เข้าถึงรสชาติของช็อคโกแลตไปเต็มๆ
เมนูน้ำร้านนี่ก็มีหลายเมนูเลย Caffeine Lemon (130 บาท) น้ำเมลอนเปรี้ยวจี๊ดกับกาแฟเป็นอะไรที่ดื่มกี่ทีก็สดชื่น ตาสว่างทุกที และอีกเมนูที่ไม่เคยเห็นที่ไทยมาก่อน London Fog (120 บาท) ชานมกลิ่นเออเกรย์ เป็นชาที่มีสัมผัสนุ่มๆ และมีกลิ่นหอมม้ากกก ได้ฟิลผู้ดีอังกฤษ เป็น 2 เมนูเครื่องดื่มที่ก๊อตแนะนำเลย ดื่มแล้วสดชื่นเวอร์
ใครมาถึงพระโขนงแล้วไม่แวะ HUSS OF BREAD ถือว่าพลาดมาก เพราะนอกจากขนมจะอร่อยแล้ว ร้านนี้ยังถ่ายรูปออกมาได้ชิคมาก มาคาเฟ่ครั้งเดียวได้รูปเหมือนไปอาร์ทแกลอรี่เมืองนอกเลยล่ะ
Vela at Mediums
สาวกเครื่องเขียนต้องห้ามพลาดร้านนี้ Mediums เป็นร้านเครื่องเขียนในสุขุมวิท42 ที่เปิดตลอดทั้งวันทั้งคืน ตกแต่งด้วยสีขาวทั้งร้านด้วยแนวคิดที่ว่าสีขาวเป็นเหมือนผ้าใบผืนใหม่ที่รอให้คนมาเติมเต็มเรื่องราว
ร้านนี้มีทั้งหมด 2 ชั้น โดยชั้นแรกจะเป็นพื้นที่ขายอุปกรณ์เครื่องเขียน พื้นที่จัดแสดงงานเล็กๆ และมีห้องสำหรับทำกิจกรรม ส่วนชั้นที่สองจะเป็นพื้นที่ขายอุปกรณ์ และมีคาเฟ่เล็กๆ แฝงอยู่ ที่นี่เค้าตั้งใจให้เป็นคาเฟ่ที่จะให้คนที่มานั้นได้ใช้เวลาอย่างละเมียดละไมไปกับเครื่องดื่มแต่ละแก้ว จึงเป็นที่มาของชื่อ Vela at Mediums
Vela at Mediums เป็นคาเฟ่ที่โดดเด่นมากในเรื่องของกาแฟ ที่นี่คัดเมล็ดกาแฟมาทั้งของไทยและต่างประเทศเลย ซึ่งทุกตัวเค้าก็จะตั้งชื่อเก๋ๆ ไว้ด้วย ก๊อตสั่ง Long Black (100 บาท) โดยเลือกเมล็ดชื่อ รุ่งสาง (Dawn) กาแฟเมล็ดไทยคั่วกลาง รสชาติไม่เข้มและเปรี้ยวจนเกินไป ค่อนข้างดื่มง่ายเลย นอกจากนี้ที่นี่เค้ายังมีเมนูซิกเนเจอร์ที่ตั้งชื่อตามสภาพอากาศ ก๊อตเลือก Sunny (160 บาท) แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าต้องสดชื่น สดใสแน่นอน เมนูนี้เป็นกาแฟ Cold Brew เทผสมกับโทนิครสสาวรส น้ำส้มสายชูจากสับปะรด และส้มเชื่อมน้ำตาลคาราเมลด้านบน เป็นเมนูที่มีความเปรี้ยวของผลไม้ ผสมกับความขมของกาแฟและความซ่าของโทนิค เป็นเมนูที่ทำให้รู้สึกสดชื่นได้ตามชื่อเมนูเลยจริงๆ
🎨 : เบเกอรี่ที่นี่ก็มีเหมือนกัน แต่มีแค่อย่างเดียวคือ White Basque Cheesecake (330บาท) ซึ่งถ้าใครอยากได้ฟิลเป็นศิลปินมากขึ้นก็สามารถซื้อ Painting Kit (120บาท) เพิ่มได้เลย ในเซตจะมีพู่กันและครีมสี ให้ได้วาดลวดลายลงไปบนหน้าเค้กได้ด้วยตัวเองเลย แต่เสียดายเค้กเค้ามีขนาดเดียวคือ 1 ปอนด์เลย ซึ่งเยอะไปสำหรับก๊อต เลยไม่ได้สั่งมา ใครได้ลองเมนูนี้แล้วมากระซิบบอกกันหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง
สำหรับก๊อตแล้วที่นี่เป็นอีกที่ที่น่าสนใจมาก เพราะนอกจากจะเป็นร้านขายเครื่องเขียนแล้วยังมีคาเฟ่และมุมถ่ายรูปมากมาย ถือว่าเป็น Art Community ที่ใหม่ที่จะดึงดูดทั้งคนที่ชอบงานศิลปะอยู่แล้วและคนที่กำลังเริ่มๆ จะสนใจงานศิลปะได้อีกด้วย เจ๋งอะ
Chim Chim Bangkok
คาเฟ่และร้านอาหารดีไซน์เก๋ใจกลางเมือง ด้วยสีสันที่ฉูดฉาดสะดุดตาและลวดลายที่หลากหลาย ทำให้เหมือนได้เข้ามาอยู่อาร์ทแกลอรี่ขนาดใหญ่เลยล่ะ Chim Chim Bangkok นั้นร่วมออกแบบโดย Munchausen ศิลปินคู่รักชาวปารีส โดยออกแบบให้ที่นี่เป็นพื้นที่จัดงานศิลปะของพวกเค้า ที่ใช้ชื่อว่า ‘Souvenirs’ ที่แปลว่าของที่ระลึก มันคือความทรงจำของฝรั่งเศสที่มาผสมผสานกับศิลปะและงานฝีมือของไทย
งานของเค้าพยายามที่จะหาสมดุลระหว่างความเป็นระเบียบกับความวุ่นวาย การเล่นคู่สีคู่ตรงข้ามกัน และองค์ประกอบที่ดูจะไม่เข้ากันเลย แต่ดันมาอยู่ด้วยกันแล้วก็ เอ้ะ ก็สวยดีนินา มันเหมือนกับกรุงเทพที่เป็นเมืองที่มีความวุ่นวายแต่ก็มีสเน่ห์มากในเวลาเดียวกัน ยิ่งพอก๊อตได้มารู้คอนเซ็ปต์แล้วก็รู้สึกว่าที่นี่น่าสนใจขึ้นไปอีก
Chim Chim Bangkok เป็นอีกที่หนึ่งที่ต้องการสร้างพื้นที่สำหรับให้ศิลปินทั้งในไทยและต่างประเทศได้โชว์ผลงาน โดยที่นี่แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นห้องอาหาร ที่รายล้อมไปด้วยภาพวาดของ Munchausen และเฟอร์นิเจอร์เก่าที่จับมาดัดแปลงใหม่ด้วยการใช้ผ้าจาก Jim Thomson ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนชั้นที่สองเป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงงานศิลปะหรือจัดกิจกรรมเวิร์คช้อปได้ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ก๊อตอยากให้มีเยอะๆ ในบ้านเรา เป็นสถานที่ที่ทำให้รู้สึกว่าศิลปะมันเข้าถึงง่าย และแรงบันดาลใจมันหาได้ง่ายมากๆ แค่มาร้านอาหารก็เกิดแรงบันดาลใจในการทำงานได้แล้วดีต่อใจมาก
🥗: นอกจากการตกแต่งที่โดดเด่นแล้ว เรื่องอาหารเค้าก็ไม่แพ้กันเลย อาหารที่นี่จานใหญ่ม้ากกก เน้นให้คนมาทานอาหารร่วมกัน เมนูของที่นี่มีเยอะมากตั้งแต่อาหารเช้า สลัด พิซซ่า พาสต้า ขนม และเครื่องดื่ม ซึ่งวัตถุดิบที่เลือกใช้นั้นส่วนมากมาจากผู้ผลิตในประเทศ เช่น เนื้อวัวจากฟาร์มในภาคอีสาน เนื้อปลาสดๆ จากชุมพร และเมล็ดกาแฟอย่างดีจาก Roots วันนี้ก๊อตสั่งมาทั้งหมด 4 จานด้วยกัน
เริ่มกันที่จานเบาๆ อย่าง Kale Caesar (350 บาท) สลัดผักเคลกรอบคลุกด้วยน้ำซีซาร์สลัดเบาๆ ไม่เยอะจนเลี่ยน โรยหน้าด้วยพาเมซานชีส ผักเคลกรอบ ขนมปังกรอบ และปลาแอนโชวี่ เป็นจานที่ก๊อตว่าทานได้ง่าย คนที่ไม่ชอบทานผักก็สามารถทานได้สบายๆ ถึงหน้าตาสลัดจานนี้จะดูเขียวไปหมดเลย แต่พอทานเข้าไปก็ไม่ได้รู้สึกว่าผักมีรสชาติขมหรือเหม็นเขียวเลยล่ะ ถือว่าเป็นจานเริ่มต้นที่ดีมาก มาต่อกันที่ Mushroom & Foie Gras (350 บาท) เรียกได้ว่าเป็นซุปเห็ดที่โคตรพรีเมียม เพราะที่นี่เพิ่มเนื้อทรัฟเฟิลขูด ตับห่านชิ้นพอดีคำ และเติมไซเดอร์รสชาติออกหวานนิดๆ ลงไปด้วย ทำให้ซุปเห็ดนี้มีความหอมมันตามวัตถุดิบที่ใช้ ส่วนตัวเนื้อซุปเข้มข้นกำลังดีเลยไม่เหลวหรือข้นจนเกินไป
ทานของเบาๆ กันไปแล้วก็ต้องมาจัดเต็มกันต่อที่ Jamon Ibercio & Tomatoes (270 บาท) พิซซ่าทำใหม่ๆ ตัวแป้งมีความเหนียวนิดๆ แต่ถือว่ารสชาติอร่อย สำหรับหน้าพิซซ่านั้นใช้แฮม Iberacio ที่เค้าว่ากันว่าเป็นแฮมที่อร่อยที่สุดและมีรสชาติเข้มข้นที่สุดระดับโลก นำมาสไลด์บางๆ วางลงบนมะเขือเทศฉ่ำๆ ด้วยตัวแฮมที่ออกรสเค็มแต่มีรสเปรี้ยวอมหวานของมะเขือเทศมาเบรกรสชาติให้กลมกล่อมมากขึ้น ทำให้จานนี้เป็นพิซซ่าที่มีหลากหลายความรู้สึกมากในคำเดียว และจานสุดท้ายคือ Anchovy Butter & Radicchio (340 บาท) พาสต้าเส้นเพนเน่ผัดกับครีมเนย กะหล่ำม่วงและปลาแอนโชวี่ โรยหน้าด้วยขนมปังกระเทียม และเนื้อแอนโชวี่ เป็นจานที่ก๊อตค่อนข้างชอบเลยแหละ ตัวครีมซอสไม่เยอะมาก และไม่หนักครีมจนเกินไป เวลาทานไปแล้วรู้สึกไม่เลี่ยนเท่าไหร่ ยิ่งได้ทานพร้อมกับแอนโชวี่ยิ่งอร่อย ความเค็มของเนื้อปลาช่วยทำให้จานนี้เป็นจานที่ลงตัวสุดๆ ไปเลย
สำหรับ Chim Chim Bangkok ก๊อตว่าเป็นร้านที่ทั้งอาหารและบรรยากาศในร้านดีมาก เรื่องราคาอาจสูงนิดนึงเพราะเค้าเป็นร้านในโรงแรม แต่ถ้ามากับเพื่อนหลายๆ สั่งมาแชร์กันก็คงจะเป็นมื้อที่พิเศษและมีความสุขมากเลยล่ะ เป็นร้านที่สายอาร์ทต้องมาให้ได้สักครั้ง แล้วจะรู้ว่าอาหารอร่อยๆ ในบรรยกาศร้านสุดชิคมันเป็นยังไง ฮ่าๆ
FICS
และแล้วก็มาถึงร้านสุดท้ายสำหรับทริปคาเฟ่อาร์ตๆ ครั้งนี้ ก๊อตเอาใจคนที่รักการดูหนังเป็นพิเศษเลยนะ นี่คือคาเฟ่ย่านสุขุมวิทที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน แต่กระแสตอบรับดีมาก ด้วยคอนเซ็ปต์และดีไซน์ที่ใหม่และน่าสนใจมากๆ FICS เป็น Community Space สำหรับคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์ เป็นพื้นที่ที่จะได้มาพบปะและแลกเปลี่ยนภาพยนตร์ที่ชื่นชอบกัน ใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้บอกเลยว่าต้องแวะที่นี่แน่นอน ด้วยรูปแบบร้านที่ดึงองค์ประกอบของโรงภาพยนตร์มาใช้ ตั้งแต่หน้าร้านที่มองผ่านๆ ยังแอบคิดว่าที่นี่เป็นโรงหนัง Stand Alone รึเปล่าเนี่ย
🎞 : FICS เป็นชื่อร้านที่สั้นแต่มีความหมายแฝงเยอะมากๆ F = Film , I = Inspired , CS = Coffee Shop, Concept Space และ Comminuty Space คือเป็นชื่อสั้นๆ ที่บอกได้หมดเลยว่าที่นี่คืออะไรและมีอะไรบ้าง เจ๋งมากกกก
ร้านนี้มีทั้งหมด 5 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็มีคอนเซปต์หมดเลย ชั้นที่ 1 จะมีตู้สติกเกอร์เอาไว้ให้ถ่ายรูปเล่นได้ ในส่วนของชั้น 2 นั้นจะเป็นโซน Director’s Cup ซึ่งก็คือคาเฟ่นั่นแหละ และก็ยังมี Concept Store ที่ขายของที่ระลึกสำหรับคนรักฟิล์มโดยเฉพาะ ระหว่างทางเดินไปขึ้นบันไดจะมีมุม VSH by FICS ที่จะเปิดวีดีโอภาพยนตร์เก่าวนไปเรื่อยๆ ทำให้ย้อนไปในวัยเด็ก ที่ต้องคอยเข้าร้านเช่าวีดีโอกลับมาเปิดดูที่บ้านเลย 😅
ชั้นที่ 3 เป็นโซน Poster District ที่มีโปสเตอร์ขายเยอะมาก แถมยังเป็นโปสเตอร์ออริจินอลหายาก เพราะไม่มีการพิมพ์ใหม่แล้ว ใครที่เป็นชื่นชอบหนังเรื่องไหนก็สามารถไปดูหรือให้ที่นี่หามาให้ได้เลย ส่วนชั้น 4 เป็นออฟฟิศ Houseton โปรดักชั่นเฮ้าส์ของคุณบาส เจ้าของร้าน และชั้น 5 ในอนาคตจะเปิดเป็น Outdoor Movie Theater ให้มานอนดูหนังเพลินๆ บนดาดฟ้าได้เลย
ย้อนลงมาที่โซน Director’s Cup กันหน่อย คาเฟ่ที่มีเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ชื่อดังถึง 6 เรื่อง วันนี้ก๊อตเลยลองสั่ง Clockwork Orange (140 บาท) เครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากดาร์กคอมเมดี้สุดคลาสสิก ดาร์กช็อคโกแลตเข้มข้นผสมกับนมสด และซอสส้มเข้มข้น ที่ล้อมาจากชื่อหนัง ช็อคโกแลตรสเข้มข้นแต่ยังมีความละมุนของนมผสมรวมกับกลิ่นหอมและรสชาติอมเปรี้ยวของซอสส้ม เป็นรสชาติที่อยู่ด้วยกันแล้วลงตัวมาก นี่เป็นรสชาติที่ไม่เคยได้กินที่ไหนมาก่อน มีแค่ที่นี่ที่เดียว
อีกแก้วที่สั่งคือ Amélie (135บาท) กาแฟลาเต้ที่คิดต่อยอดมาจากในภาพยนต์ฝรั่งเศสสุดฮิต กาแฟถือเป็นเครื่องดื่มที่นิยมมากในฝรั่งเศส ผสมกับนมสดที่แสดงถึงตัวนางเอกของเรื่องที่เป็นเด็ก เสิร์ฟพร้อมกับแยมราสเบอร์รี่โฮมเมดแบบเดียวกับที่ตัวนางเอกในเรื่องชอบทาน เป็นแก้วที่ก๊อตชอบมาก ยิ่งเวลาดื่มแล้วได้เนื้อสัมผัสกรุบๆของแยมราสเบอร์รี่ด้วยนี่อร่อยมาก
🥐: ตอนที่ก๊อตไปเค้ายังไม่มีเบเกอรี่มาวางขายนะ เพราะตอนนี้เค้ากำลังคิดสูตรกันอยู่ล่ะ แต่ในอนาคตเค้าจะมีขนมที่ครีเอทมาจากภาพยนตร์เรื่องไหนบ้าง ก็ต้องมารอติดตามกันต่อไปเนอะ
FICS เป็นคาเฟ่ที่มาเป็นประสบการณ์เกี่ยวกับวงการภาพยนตร์ให้ก๊อตมาก จากเมนูซิกเนอเจอร์ของเค้าก็ทำก๊อตมีรายชื่อหนังที่ต้องดูเพิ่มขึ้นมาอีกตั้งหลายเรื่อง ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ภาพยนตร์ เข้ามาที่ร้านนี้คงจะอิ่มอกอิ่มใจมากแน่ๆ
ครบหมดแล้ว 5 คาเฟ่อาร์ทๆ รอบกรุงเทพ
เป็นยังไงกันบ้างกับคาเฟ่ทั้งหมด แต่ละที่ถือว่ามีคอนเซ็ปต์และเอกลักษณ์ของตัวเองดีมากเลย การไปเที่ยวคาเฟ่ครั้งนี้ทำให้ก๊อตเห็นว่าจริงๆ แล้วศิลปะนี่มันมีหลายแขนงมากๆ ไม่ใช่แค่การวาดรูป แต่ยังมีทั้งการถ่ายภาพ ภาพยนตร์ สถาปัตยกรรมและอีกมากมายเลย ดีใจเหมือนกันนะที่ในบ้านเรามีพื้นที่ที่ให้ศิลปินและคนที่มีความชื่นชอบในเรื่องของศิลปะได้มาพบปะกันเยอะมากทีเดียว หลายๆ ร้านที่ก๊อตไปมาไม่เพียงแค่สร้างพื้นที่มาเพื่อรองรับแค่คนที่ชอบเสพงานอาร์ทเท่านั้น แต่ยังสร้างพื้นที่มาเพื่อดึงดูดคนที่ยังไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในศิลปะให้ได้เข้ามาอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งมันดีมากๆ เลยแหละ อยากให้มีแบบนี้อีกหลายๆ ร้านเลย
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡