ชิคาโก้ (Chicago) ถือเป็นเมืองหนึ่งในอเมริกาที่ก๊อตขอปักหมุดไว้ตรงนี้เลยว่า ‘ชีวิตนี้ต้องไปชิคาโก้ให้ได้’ เพราะเมืองนี้ถือเป็นเมืองใหญ่สำคัญของประเทศอเมริกา อีกทั้งที่นี่ยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนเมืองไหนในโลกนี้ ซึ่งก่อนที่เราจะได้ไปเที่ยวชิคาโก้จริงๆนั้น ก๊อตอยากจะเขียนรวบรวมเก็บเป็นลิสที่เที่ยวทุกอย่างของชิคาโก้เอาไว้ก่อน เมื่อวันที่ได้ไปเที่ยวมาถึงนั้น เราจะไปเก็บแต้มตามลิสนี้ตามที่ตั้งใจไว้อย่างแน่นอน! มาดูกันว่า Chicago Bucket List ของนี่มีอะไรบ้าง หากใครที่เคยไปแล้วหรือมีอะไรแนะนำอีก บอกกันมาได้เล้ย
ใครไม่รู้ก็อยากให้รู้ว่า ชิคาโก้ (Chicago) มีประชากรเกือบ 3 ล้านคน ถือเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของอเมริกา แถมยังมีชื่อเล่นให้เรียกเยอะแยะ อย่างเช่น Windy City, Chi-Town และ City of Broad Shoulders แหละ
1. เล่นม้าหมุน ขึ้นชิงช้าสวรรค์ที่ Navy Pier
Navy Pier ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของเมืองชิคาโก้ โดยท่าเรือนี้มีอายุมากกว่า 100 ปี เริ่มตั้งแต่การเป็นท่าเรือขนส่งสินค้า มาเป็นที่ฝึกของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และปัจจุบันกลายมาเป็น Entertainment Hub ที่คึกคักมากที่สุดในภูมิภาคมิดเวสเทิร์น (Midwestern) เป็นที่เรียบร้อย
Photograph: Aurimas / Flickr
โดยใน Navy Pier นั้นมีทั้งสวนสาธารณะ ร้านอาหาร ร้านค้า สวนสนุก และพิพิธภัณฑ์ ส่วนอันที่เก๋ไก๋มากที่สุดของการมาเที่ยว Navy Pier คือการมานั่งชิงช้าสวรรค์ Centenial Wheel และการมานั่ง Wave Swinger หมุนไปมา อันนี้ที่แหละที่อยากลองง แอร้ย
Photograph: Laura Gilchrist / Flickr
2. เซลฟี่กับ Cloud Gate (The Bean)
สิ่งแรกเมื่อได้มาเมืองชิคาโก้คือ เราจะไปเซลฟี่ถ่ายรูปกับ Public Arts ชื่อดังที่สุดของเมืองนั่นคือ Cloud Gate หรือชื่อเล่นของมันคือ The Bean หรือเม็ดถั่ว ที่ตั้งอยู่ใน Millennium Park กับสวนสาธาณะที่คึกคักมากที่สุดในเมืองนี้
นึกภาพตามนะแกร นอกจากมันจะสวยโดดเด่นที่ทำให้ชิคาโก้มีความยูนีคแล้ว การเดินรอบๆแล้วส่องเงาตัวเองบิดเบี้ยวไปมาตามผิวเจ้าถั่วนี้มันต้องสนุกแน่นอน เพราะแบบนี้ไง Cloud Gate (The Bean) เลยกลายเป็นที่เที่ยวฮิตที่หลายคนต้องมาให้ได้ (นี่ก็ด้วยเช่นกัน! 5555)
3. ยืนเอียงๆ ดูเมืองชิคาโก้ที่ John Hancock Center
สำหรับการดูวิวเมืองชิคาโก้จากตึกสูงนั้น เราสามารถขึ้นไปดูวิวเมืองได้อยู่สองที่ โดยหนึ่งในนั้นคือตึก John Hancock Center ที่อยู่คู่สกายไลน์ของเมืองชิคาโก้มานานเกือบ 50 ปี (นานม๊าก) โดยไฮไลท์ของ Bucket List เราคือการขึ้นไปดูวิวบน 360° Chicago ที่ตั้งอยู่บนชั้น 95 บนระดับความสูง 310 เมตร จากพื้นดินเด้อ
นอกจากการดูวิวสวยๆของชิคาโก้แล้ว ที่นี่ยังมีไฮไลท์เด็ดคือการจับกำแพงกระจกแล้วค่อยๆ Tilt ปล่อยเอนลงไปเพื่อดูวิวด้านล่าง ถึงแม้มันจะมีที่จับที่แข็งแรงก็ตามที แต่เอียงขนาดนี้ คงเสียวน่าดู อันนี้อยากลองมากกก
อีกอย่างที่เราอยากขึ้นไปดูวิวชิคาโก้ที่ตึก John Hancock Center เพราะเค้าบอกกันว่า วิวจากตึกนี้คือสวยที่สุดในชิคาโก้แล้วว
4. เป็น Museum Hopper
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าพิพิธภัณฑ์ระดับโลกในเมืองชิคาโก้นั้นมีเป็น 10 แห่ง และที่พีคคือมีครบทุกแขนงตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม การแสดง และพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อีกด้วย อันแรกที่อยากไปเลยคือ Art Institute of Chicago ที่มีงานศิลปะและของใช้สำคัญมากกว่า 300,000 ชิ้น ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน เค้าบอกกันว่า .. ถ้าเราอยากดูของทุกชิ้นในพิพิธภัณฑ์นี้ทั้งหมด เราอาจต้องใช้เวลามากกว่า 4 ปีเลยทีเดียว
Photograph: Ken Lund / Flickr
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
พิพิธภัณฑ์อีกอันที่น่าไปมากๆ คือ The Field Museum ที่แสดงคอลเลคชั่นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นสัตว์และมนุษย์ โดยอันที่อยากเห็นมากๆเลยคือ โครงกระดูกไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยย
6. ยืนในตู้กระจกที่ตึก Willis Tower
อีกหนึ่งตึกที่สำคัญของเมืองชิคาโก้คือตึก Willis Tower ที่เมื่อครั้งหนึ่งตึกนี้เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกเกือบ 20 ปี ตั้งแต่ปี 1973-1996 (ตอนนี้ตกอันดับไปอยู่อันดับที่ 14 ของโลก / 2018) ตึกสูงขนาดนี้ที่อยากแนะนำคือการไปดูวิวเมืองชิคาโก้กับ The Skydeck ที่ชั้น 103 ที่เราสามารถมองออกไปได้ไกลถึง 80 เมตร เห็นหมดทั้ง 4 รัฐของอเมริกาเลย
Photograph: Arlexitus / Flickr
ยิ่งไปกว่านั้นไฮไลท์ของเค้าที่พีคที่สุดคือ The Ledge กับตู้กระจกสี่เหลี่ยมใสปิ้งที่เมื่อเราก้าวเท้าออกไป เราจะสามารถเห็นเมืองชิคาโก้อยู่ใต้เท้าเราเลยบนระยะความสูง 412 เมตรกันเลยทีเดียว อันนี้ถือเป็นตัวเด็ดที่ทำอยากให้เราอยากไปลองยืน ณ จุดนั้นจริงๆ
Photograph: Jorge Nava / Flickr
7. เก็บแต้มงาน Public Arts (ศิลปะสาธารณะ)
นอกจากการล่าเก็บแต้มพิพิธภัณฑ์ต่างๆในชิคาโก้แล้ว สิ่งที่ชิคาโก้โดดเด่นมากที่สุดอีกอย่างคือ Public Arts หรือ งานศิลปะสาธาราณะ ที่มีอยู่ทุกซอกทุกมุมของตัวเมืองให้เราได้ชมกันนับไม่ถ้วน สิ่งนี้เองมันบ่งบอกได้ว่าชิคาโก้นั้นเป็นเมืองติสท์แบบชิคๆ
Photograph: Phil Roeder / Flickr
เหตุผลที่เมืองเค้ามี Public Arts มากขนาดนี้ คือต้องยกความดีให้กับเทศบาลเมืองเขาจริงๆ ที่สนับสนุนการสร้างงานศิลปะสาธารณะอย่างจริงจังจนเกิดเป็นเมืองอาร์ทๆที่มีเสน่ห์ ซึ่งหนึ่งในผลงาน Public Arts ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของชิคาโก้ นั่นคือ Cloud Gate (The Bean) ที่ได้อยู่ใน Bucket List ข้อที่ 2 นั่นเอง
Public Arts ที่ต้องเก็บแต้มแบบห้ามพลาด นอกจาก Cloud Gate (The Bean) แล้ว ยังมีรูปปั้น Picasso (รูปด้านบน) และนกฟลามิงโก้ของ Alexander Calder (รูปล่าง) ในย่าน The Loop และอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมาย
Photograph: Jorge Láscar / Flickr
8. บินไปชิคาโก้กับ EVA Air
เรื่องของการเดินทางก็สำคัญ ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้ยังไม่มีสายการบินไหนที่บินตรงจากกรุงเทพไปยังชิคาโก้ ดังนั้น เรื่องของการเลือกบินสายการบินโดยคำนึงถึงระยะเวลาเดินทางตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ประเทศที่ต้องต่อเครื่อง ราคาและความคุ้มค่า และสุดท้ายคือเรื่องของการบริการ ทุกอย่างที่บอกมาคือโคตรสำคัญ ดังนั้นเราต้องเลือกให้ดี ไม่งั้นทริปดีๆจะกลายเป็นฝันร้ายได้ เพราะนี่คำนวณแล้วว่า .. เวลาที่เราบินจากกรุงเทพไปชิคาโก้โดยเฉลี่ยของทุกสายการบิน ใช้เวลาเกือบ 2 วัน หรือ 48 ชั่วโมงเลยนะ ดังนั้นเลือกสายการบินดีๆ ทริปเราก็ดีไปกว่า 50% แล้ว!
※ จากที่สำรวจดูหลายๆสายการบินทั้งหมด นี่คิดว่า EVA Air น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของการบินจากกรุงเทพไปชิคาโก้ ด้วยราคาที่ไม่แรง ระยะเวลาบินและต่อเครื่องดีเลิศ และเป็นสายการบินที่ดีที่สุดในโลกอันดับที่ 5 ในปี 2018
ที่พีคคงเป็นเรื่องของเวลาบินที่สั้นสุดๆแล้ว ที่เจอมาคือใบินจากกรุงเทพ-ชิคาโก้ (บินวันพุธ) ใช้เวลาแค่ 18 ชั่วโมง 5 นาที เท่านั้น ซึ่งอันนี้คือชอบมากที่เราต้องไม่ต้องบินนานๆ ส่วนเรื่องบริการและความดีงามของสายการบินไม่ต้องสงสัย เค้าได้รางวัลการันตีจาก Skytrax ขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะว่าทำไมต้องบินกับ EVA Air ฮ่าๆ
และทั้งหมด 8 อย่างใน Chicago Bucket List นี้เนี่ยแหละที่อยากทำมากที่สุดตอนเราไปชิคาโก้ แล้วของคุณล่ะมีอะไรกันบ้าง ❤️