อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) ถือเป็นอีกหนึ่งอุทยานแห่งชาติในแคลิฟอร์เนียที่น่ามาเที่ยวมากเลย โดยเฉพาะคนที่มาเที่ยวแถวๆ ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) หรือ ซานดิเอโก (San Diego) สามารถขับรถมาเที่ยวได้ง่ายๆ พร้อมกับสัมผัสทั้งทะเลทรายกับเหล่าฝูงต้นโจชัวทรีได้แบบจุใจเลย
อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) ถือเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสองของแคลิฟอร์เนีย ครอบคลุมพื้นที่สองทะเลทรายอย่าง ทะเลทรายโมฮาวี่ (Mojave Deserts) และ ทะเลทรายโคโลราโด (Colorado Deserts) ซึ่งแตกต่างกันที่ระดับความสูงของภูมิประเทศ ส่งผลให้ทั้งสองทะเลทรายมีความแตกต่างอย่างชัดเจนในด้านของภูมิศาสตร์และสิ่งมีชีวิตเลยแหละ อย่างเช่น ตัวโจชัวทรี (Joshua Tree) ที่เป็นชื่อของอุทยานแห่งชาติที่นี่ จะขึ้นหนาแน่นเฉพาะในเขตของทะเลทรายโมฮาวี่ (Mojave Deserts) จากระดับพื้นที่สูงกว่าและอากาศเย็นกว่านั่นเอง
ทริปอเมริกาครั้งแรก #อเมริกาคนเดียว
ในที่สุดก๊อตก็ได้มาเที่ยวอเมริกากับเค้าสักที นี่คือการเที่ยวอเมริกาครั้งแรกของก๊อต และยังเป็นการเที่ยวคนเดียวอีกด้วย ตื่นเต้นสุดๆ ทริปนี้ก๊อตไปเที่ยวมาทั้งหมด 48 วัน เริ่มตั้งแต่ Chicago - San Francisco - Paciffic Coast Highway Road Trip (Monterey, Carmel-By-The-Sea, Big Sur, Morro Bay, Santa Barbara) - Los Angeles - San Diego - Joshua Tree National Park - Death Valley National Park - Yosemite National Park - Washington D.C. - New York City เป็นการเที่ยวแบบจัดเต็มมาก ก๊อตแบ่งรีวิวไว้ทั้งหมด 15 EP ด้วยกัน ใครที่กำลังแพลนว่าจะไปเที่ยวอเมริกาก็สามารถเที่ยวตามก๊อตได้เลยเด้อ
EP.0 - USA Travel 101 กำลังเขียน
EP.0 (2) – 8 เหตุผล ทำไมต้องไปเที่ยวอเมริกาซักครั้งในชีวิต
EP.1 - Chicago
EP.2 - San Francisco กำลังเขียน
EP.3 - Pacific Coast Highway : Monterey + Carmel-By-The-Sea กำลังเขียน
EP.4 - Pacific Coast Highway : Big Sur กำลังเขียน
EP.5 - Pacific Coast Highway : Morro Bay + Santa Barbara กำลังเขียน
EP.6 - Los Angeles
EP.7 - Universal Studios Hollywood
EP.8 - Disneyland Park
EP.9 - Disney California Adventure Park
EP.10 - San Diego กำลังเขียน
EP.11 - Joshua Tree National Park
EP.12 - Death Valley National Park กำลังเขียน
EP.13 - Yosemite National Park กำลังเขียน
EP.14 - Washington D.C. กำลังเขียน
EP.15 - New York City
รู้จักต้นโจชัวทรี (Joshua Tree)
สำหรับพระเอกของเราที่จะพลาดไม่ได้ ก็คือ ต้นโจชัวทรี (Joshua Tree) ที่เป็นชื่อเรียกของอุทยานเค้านี่แหละ สาเหตุที่มาของชื่อนี้ก็คือไม่มีอะไรเลย แค่พื้นที่เกือบครึ่งของอุทยานนั้นมีต้นโจชัวทรี (Joshua Tree) อยู่เต็มไปหมด เค้าก็เลยเอาชื่อน้องมาตั้งซะเลย ซึ่งต้นโจชัวทรี (Joshua Tree) เองนั้น นับเป็นพืชตระกูล ยัคค่า (Yucca) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งชื่อโดยทั่วไปของมันก็คือ ‘ต้นปาล์มยัคค่า’ เนี่ยแหละ
คำว่า ‘โจชัว (Joshua)’ ของมันก็มาจากการที่ผู้อพยพลัทธิ ‘มอร์มอน’ ในช่วงยุค 1870 เห็นลำต้นของปาล์มยัคค่า ที่ดูเหมือนแขนและมือคนที่กำลังสวดมนต์ต่อท้องฟ้า พวกเค้าเห็นแบบนี้ก็เลยเรียกต้นนี้ว่า ‘โจชัว’ นั่นเอง
สำหรับ ต้นโจชัวทรี (Joshua Tree) จะโตเต็มที่ตอนช่วงอายุ 50 ปี และมีอายุยาวนาานถึง 500 ปีเลยทีเดียว โดยแต่ละปี เจ้าโจชัวมันโตปีขึ้นปีละ 2-3 นิ้วเท่านั้น
แพลนเที่ยว Joshua Tree National Park
สำหรับการเที่ยว อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) ของก๊อตนั้นจะเที่ยวแบบวันเดียวจบ โดยตอนเช้านั้นก๊อตจะขับรถตรงมาจาก ซานดิเอโก้ (San Diego) จากนั้นก็เที่ยว Joshua Tree National Park และจบวันด้วยการขับไปนอนที่ เมืองบาร์สโตว์ (Barstow) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ระหว่างทางเพื่อพักเหนื่อยจากการขับรถ และไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติเดธวัลเลย์ (Death Valley National Park) ต่อในวันถัดไปนั่นเอง
ส่วนตัวจากประสบการณ์ที่ก๊อตไปเที่ยวมาแล้ว วันเดียวเราสามารถเก็บไฮไลท์ของ อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) ได้ครบหมด ซึ่งแต่ละที่เที่ยวที่ก๊อตไปนั้น จะเน้นจุดแลนด์มาร์คที่ต้องไป รวมถึงเส้นทางเดินเทรลดังๆ ที่เดินได้ง่ายๆ ของที่นี่ ดังนั้น ถ้าใครวางแพลนเที่ยวที่นี่อยู่ ให้เวลาเค้าวันเดียวได้เลย แต่ถ้าใครอยากปีนเขา เดินเทรลหนักๆ หรืออยากกางเต็นท์ในแคมป์กราวด์ วันเดียวคือไม่พอเน้อ
วันที่ | ที่เที่ยว อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) |
1 | ขับรถมาจากเมืองซานดิเอโก (San Diego) – Cholla Cactus Garden ขับรถไปยังเมืองบาร์สโตว์ (Barstow) เพื่อนอนค้างคืน และขับไปยัง อุทยานแห่งชาติเดธวัลเลย์ (Death Valley National Park) ในวันถัดไป |
ส่วนลด OTA | ส่วนลด Klook ส่วนลด Agoda ส่วนลด Booking ส่วนลด Expedia ส่วนลด Hotels |
Cholla Cactus Garden
ที่เที่ยวแรกของการมาเที่ยว อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) ก๊อตขอขับรถมายังจุดที่เที่ยวที่ไกลที่สุดก่อนอย่าง ‘Cholla Cactus Garden’ ที่มีต้นกระบองเพชรชอยย่า ตั้งโด่เด่เป็นสวนแบบกว้างใหญ่ ตรงจุดเชื่อมระหว่างทะเลทรายโมฮาวี (Mojave Desert) และทะเลทรายโคโลราโด (Colorado Deserts)
เจ้าต้น กระบองเพชรชอยย่า (Cholla Cactus / Cylindropuntia bigelovii) นี้ มีชื่อเล่นอีกชื่อว่า กระบองเพชรเท็ดดี้แบร์ เห็นชื่อคิวท์ขนาดนี้ แต่ความจริงมันเป็นต้นกระบองเพชรที่น่ากลัวมากที่สุดในโลกอันนึงเลยนะเว้ย เพราะมันสามารถยิงต้นมันพร้อมหนามไปยังเป้าหมายเพื่อป้องกันตัวเองได้ด้วย ซึ่งถ้าใครโดนมันยิง แล้วเข็มทิ่มบอกเลยว่าเจ็บมากกกก
สำหรับ Cholla Cactus Garden นั้น เราสามารถเดินเล่นชมน้องกระบองเพชรชอยย่าได้ชิลๆ เลย โดยทางอุทยานเค้าทำเป็นทางเดินแบบวนลูปเป็นวงกลมในระยะทาง 400 เมตร แต่บอกไว้ก่อนว่าทางเดินเค้าไม่ได้กั้นรั้วกับต้นกระบองเพชรไว้นะ ยังไงก็เดินระวังด้วยเด้อ อย่าไปเข้าใกล้น้องมาก เดี๋ยวโดนยิงแล้วจะหาว่าไม่บอก 55555
ส่วนใครที่อยากเห็นน้องกระบองเพชรชอยย่าออกดอกล่ะก็ แนะนำให้ไปช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ดอกน้องจะออกเต็มซึ่งสวยมากกก
Arch Rock
มาเที่ยวต่อกับจุดที่สองกับ Arch Rock กับหินแกรนิทรูปสะพานโค้งขนาดใหญ่ยาวกว่า 30 ฟุต ที่ถือเป็นแลนด์มาร์คอีกจุดที่มาเที่ยวได้ไม่ยาก แถมยังสวยและเลอค่าต่อการมาถ่ายรูปด้วยแหละ
สำหรับการเดินมาดู Arch Rock นั้น หากใครที่ขยันเดินและอยากสำรวจทะเลทรายและธรรมชาติล่ะก็ ให้ปักหมุดแผนที่ว่า ‘Arch Rock Nature Trail’ จากนั้นเดินต่อมายัง Arch Rock ตามป้ายในระยะทาง 1.9 กิโลเมตรได้เลย ซึ่งตรงจุดเริ่มตรงนี้จะสะดวก เพราะเค้ามีที่จอดรถพร้อม แต่ถ้าใครขี้เกียจเดิน ก๊อตแนะนำให้เราหาที่จอดรถแอบๆ ข้างถนนตรงแถวทางเข้าลานกางเต็นท์ ‘White Tank Campground’ ซึ่งตรงนี้จะอยู่ใกล้กับ Arch Rock กว่าเยอะมาก โดยระยะทางจะร่นเหลือแค่หนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น 555555
ตัวก๊อตเองก็เดินมาจาก White Tank Campground เนี่ยแหละ ซึ่งเราสามารถเดินชิลๆ ชมวิวไปตามทางได้เลย โดยระหว่างทางที่เดินไป Arch Rock นั้น เราจะได้เจอวิวของหินแกรนิตขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงแปลกประหลาดแต่ดูโคตรเท่ ซึ่งรูปทรงของหินเหล่านี้เองเกิดจากการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาที่เกาะกร่อนทั้งน้ำและลมมาอย่างยาวนานนั่นเอง เอาดีๆ นี่ลองไปถ่ายรูปมาแล้วโคตรคูลเลย
และก็มาถึงกับพระเอกของเรากับ Arch Rock ที่โค้งเว้าสวยงาม มีความยาวกว่า 10 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่บนหินขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าใครที่อยากถ่ายรูปกับน้องหินโค้งอันนี้ ก็ต้องปีนกันนิดหน่อยนะ แต่เชื่อก๊อตเลยว่าปีนเถอะ เพราะรูปออกมาคือเท่ห์อย่าบอกใคร
อย่างที่บอกไป รูปทรงของหินนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแบบไม่จบไม่สิ้นนะ เพราะมันคือปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา ที่สร้าง Arch Rock นี้ขึ้นมา และทรงมันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งบางที หินโค้งตรงนี้ก็จะพังลงกลายเป็นรูปทรงอย่างอื่นแทนนั่นเอง
Skull Rock
อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คยอดฮิตของ อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) คือ Skull Rock หรือหินรูปกะโหลก ที่เราสามารถจอดรถข้างถนน แล้วเดินเข้าไปดูได้ในระยะแค่ไม่กี่ก้าวเองงง
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
จะบอกว่า Skull Rock มันเหมือนรูปกะโหลกจริงเหมือนกันนะ ซึ่งส่วนเว้าของหินที่เป็นส่วนตาและจมูกนั้น เกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนมาอย่างยาวนานหลายปี จนเกิดกลายเป็นรูและร่องจนหน้าตาของหินคล้ายเหมือนรูปหินกะโหลกตามที่เห็นในปัจจุบัน
ตรง Skull Rock มันก็มีแค่นี้เลยจริงๆ กับหินรูปกะโหลก ถ้าถามว่าควรต้องแวะมั้ย ก๊อตตอบว่าก็มาแวะเถอะ เพราะมันเป็นทางผ่าน แลัวไม่ได้เดินออกแรงอะไรด้วย ถือว่ามาปักหมุดแลนด์มาร์คอีกจุดของอุทยานว่าฉันมาเรียบร้อยแล้วนะเทอววว พ๊อออ 5555
เส้นทางเดินเทรลอย่างเป็นทางการอันแรกของโจชัวทรี ที่เราจะเดินกันในวันนี้คือ Hidden Valley Nature Trail ในระยะทาง 1.6 กิโลเมตร แบบวนลูปเป็นวงกลม ทางเดินนี้อยู่ในระดับง๊ายง่าย สามารถเดินได้ทุกเพศ ทุกวัย และถือเป็นทางเดินเทรลที่ป๊อปมากที่สุดของอุทยานแห่งนี้ เพราะด้วยความที่มันใช้เวลาไม่เยอะ เดินง่าย และถือเป็นอีกเทรลหนึ่งที่สวยในแบบฉบับของ อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) นั่นเอง
ตรงบริเวณ Hidden Valley นั้นมีลักษณะเป็นหุบเขาเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยหินแกรนิตที่กองเป็นชั้นขนาดใหญ่เล็กแบบสวยงาม ซึ่งตัวก๊อตเองค่อนข้างทึ่งกับมันมากเหมือนกันนะ เพราะหินมันเยอะม๊าก แถมยังไม่รู้ด้วยว่าหินมันไปกองกันแบบนี้ได้ยังไงด้วย ถือว่าเจ๋งเอาเรื่อง
ระหว่างทางเดินเทรล เราก็จะได้เห็นหินพวกนี้ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกจนลายตา และด้วยความที่หินมันสูงเบอร์นี้ Hidden Valley เองก็เลยกลายเป็นอีกจุดยอดฮิตสำหรับนักปีนเขาแหละ
นอกจากนี้ Hidden Valley เองยังมีประวัติความเป็นมาของมันด้วย หากเราสังเกตตั้งแต่ทางเข้าเดินเทรล เราจะไม่รู้เลยว่าเดินเข้าไปด้านในจะเป็นหุบเขากว้างๆ และมีโอเอซิสที่มี่พื้นที่ค่อนข้างอุดสมบูรณ์กว่าบริเวณอื่น คือมีทั้งหญ้าและต้นไม้ขึ้นเยอะมาก จากตรงนี้เอง ในช่วงยุคทศวรรษที่ 1870 ตรง Hidden Valley กลายเป็นจุดซ่อนตัวน้องวัว น้องควายที่เหล่าแก๊งค์คาวบอย ‘McHaney’ ในสมัยนั้น ขโมยมาจากรัฐแอริโซนาและแคลิฟอร์เนีย และเอามาปล่อยซ่อนไว้ในนี้เพื่อ Re-branding ใหม่นั่นเอง
โดยรวมแล้ว เส้นทางเดินเทรล Hidden Valley ถือว่าดีงามและเลอค่ามาก ใครที่มาเที่ยวอุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) แล้ว ก็อย่าลืมมาเดินเทรลที่นี่กันด้วย เพราะเค้าถือเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาด แถมยังเดินง่ายแบบชิลๆ ฟีลเหมือนเดิมชมหิน ชมธรรมชาติเพลินๆ เดินแปปเดียวก็เสร็จครบลูปแล้วเด้อ 5555
Barker Dam Nature Trail (1.8 km loop)
มาต่อกับเทรลที่สอง และถือเป็นเทรลสุดท้ายกันแล้วกับ Barker Dam Nature Trail ในระยะทาง 1.8 กิโลเมตร เดินวนลูปเป็นวงกลม ซึ่งเทรลนี้เราจะได้เดินเข้าไปสัมผัสธรรมชาติของทะเลทรายโจฮาวี (Mojave Desert) ที่มีทั้งต้นไม้หลากหลายชนิด หินน้อยใหญ่ที่วางเรียงซ้อนกัน และสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 อย่างอ่างเก็บน้ำ Barker Dam ที่เป็นไฮไลท์ และเป็นชื่อของเทรลนี้นั่นเอง เทรลอันนี้อยู่ในระดับง่ายที่ใครๆ ก็สามารถเดินได้นะ เส้นทางส่วนมาเป็นทางเรียบ จะมีขึ้นเนินนิดหน่อยตรงสันอ่างเก็บน้ำเล็กๆ แค่นั้นเอง
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมตรงนี้ถึงมีอ่างเก็บน้ำอยู่ นั่นเป็นเพราะว่า คนเลี้ยงสัตว์สมัยก่อนต้องการที่จะกักเก็บน้ำอันมีค่าไว้สำหรับใช้กินอยู่ รวมถึงหล่อเลี้ยงอาชีพของเค้าอย่างการเลี้ยงสัตว์ ด้วยความที่พื้นที่ตรงนี้มีความเป็นแอ่งตามธรรมชาติอยู่แล้ว เค้าก็เลยสร้างอ่างเก็บน้ำตรงนี้ขึ้นมา จนบริเวณนี้ก็เริ่มชุ่มฉ่ำอุดมสมบูรณ์ เลยก่อเกิดให้ตรงนี้กลายเป็นจุดรวมของสัตว์ป่าต่างๆ รวมถึงแกะเขาใหญ่ทะเลทราย (Desert Bighorn Sheep) ด้วย
แต่ด้วยความที่โลกเราก็ร้อนขึ้นทุกวัน จากเมื่อก่อนที่ฝนตกลงมาปริมาณเฉลี่ย 10 นิ้ว/ปี แต่มาตอนนี้ ฝนตกน้อยลงเยอะมาก เหลือเฉลี่ยแค่ปีละ 2-5 นิ้ว/ปี เท่านั้น นั้นเลยทำให้การกักเก็บน้ำจากน้ำฝนเริ่มไม่ได้ผล ธุรกิจปศุสัตว์ก็เลยล้มหายย้ายถิ่นฐานกันไป จนเหลือแต่อ่างเก็บน้ำที่ว่างเปล่า และทางอุทยานได้ดัดแปลงกลายมาเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่อมานั่นเอง
เอาจริง ช่วงที่ก๊อตไปเที่ยวมา ในส่วนของอ่างเก็บน้ำนั้นคือแทบไม่มีน้ำซักหยด และไม่แน่ใจด้วยว่ามันแห้งแล้งแบบนี้ถาวรแล้ว หรือมันจะมีช่วงฤดูที่มีน้ำเก็บในอ่างเก็บน้ำหรือเปล่า (อันนี้ไม่รู้จริงๆ 5555) เพราะถ้านึกภาพอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำแล้ว ก๊อตว่ามันต้องสวยมากแน่นอน
แต่จากที่สังเกตได้แบบชัดเจนเลยคือ บริเวรณตรงช่วงอ่างเก็บน้ำเค้าจะไม่ค่อยแห้งแล้งมาก มีต้นไม้และหญ้าสีเขียวขึ้นเยอะ นั่นเป็นเพราะบริเวณนี้ยังมีตาน้ำอันล้ำค่าอยู่ รวมถึงมีความชื้นจากน้ำที่ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ไม่ได้ดูแห้งแล้งเหมือนพื้นที่อื่นใน อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) นั่นเอง
ก่อนจบเส้นทางเดินเทรล เค้าจะมีถ้ำเล็กๆ ที่เราสามารถเข้าไปดูผนังหินที่มีรอยขีดเขียนของคนอเมริกันสมัยก่อนที่อพยพผ่านเส้นนี้ได้ด้วยนะ เสร็จจากนี้ก็จบทั้งหมดของ อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) ของวันนี้แล้ว เย่
ถ่ายรูปกับ Joshua Tree ส่งท้าย 🌴
สุดท้ายก่อนออกจาก อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) ด้วยความที่ทำเวลาได้ดีมาก และยังพอมีเวลาเหลืออยู่ นี่ก็เลยอยากถ่ายรูปกับต้นโจชัวเป็นที่ระลึกซักหน่อย นี่จะบอกว่า เราไม่ต้องถึงขั้นเดินลุยเข้าทะเลทรายไปตามหาต้นโจชัวฟอร์มสวยๆ นะ ริมข้างถนนนี่แหละ ต้นโจชัวเค้าสวยๆ สูงๆ มีเยอะแยะมากโดยเฉพาะแถว Barker Dam Nature Trail ที่เราพึ่งเดินเสร็จกันมา ว่าแล้วก็ถ่ายรูปแชะเก็บไว้ว่าเราได้มาเยือนอุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) อย่างเป็นทางการแล้ว ถือว่าจบทริปแบบบริบูรณ์ เย่!
รีวิวเที่ยวอเมริกาครั้งแรก ยังไม่หมดเท่านี้ 🇺🇸🗽
เที่ยวอเมริกาให้เยอะขึ้นอีกจากรีวิวอเมริกาด้านล่างนี้ได้เลย
EP.0 (1) – USA Travel 101 กำลังเขียน
EP.0 (2) – 8 เหตุผล ทำไมต้องไปเที่ยวอเมริกาซักครั้งในชีวิต
EP.1 – Chicago
EP.2 – San Francisco กำลังเขียน
EP.3 - Pacific Coast Highway : Monterey + Carmel-By-The-Sea กำลังเขียน
EP.4 - Pacific Coast Highway : Big Sur กำลังเขียน
EP.5 - Pacific Coast Highway : Morro Bay + Santa Barbara กำลังเขียน
EP.6 – Los Angeles
EP.7 – Universal Studios Hollywood
EP.8 – Disneyland Park
EP.9 – Disney California Adventure Park
EP.10 – San Diego กำลังเขียน
EP.11 – Joshua Tree National Park
EP.12 – Death Valley National Park กำลังเขียน
EP.13 – Yosemite National Park กำลังเขียน
EP.14 – Washington D.C. กำลังเขียน
EP.15 – New York City
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡