ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางความบันเทิงของอเมริกา โดยเฉพาะทางด้านภาพยนตร์ เมืองนี้ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) และเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศเลยด้วย และยังเป็นเมืองที่คนไทยให้ความสนใจเยอะมาก เพราะเป็นเมืองที่มีสวนสนุกสุดยิ่งใหญ่จากทั้ง 2 ค่ายอย่าง Disney และ Universal Studio และอีกสิ่งที่หลายคนอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง คือป้าย Hollywood ที่ตั้งอยู่บนภูเขาลี (Mount Lee) นั่นเอง ดังนั้น บอกเลยว่าการมาเที่ยวลอสแอนเจลิสนั้นสนุก ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวเมืองอันใหญ่โตแล้ว เราจะได้เล่นสวนสนุกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ห้ามพลาดสำหรับการมาเที่ยวอเมริกาเลยแหละ พร้อมแล้วเรามาเที่ยวกัน!
ทริปอเมริกาครั้งแรก #อเมริกาคนเดียว
ในที่สุดก๊อตก็ได้มาเที่ยวอเมริกากับเค้าสักที นี่คือการเที่ยวอเมริกาครั้งแรกของก๊อต และยังเป็นการเที่ยวคนเดียวอีกด้วย ตื่นเต้นสุดๆ ทริปนี้ก๊อตไปเที่ยวมาทั้งหมด 48 วัน เริ่มตั้งแต่ Chicago - San Francisco - Paciffic Coast Highway Road Trip (Monterey, Carmel-By-The-Sea, Big Sur, Morro Bay, Santa Barbara) - Los Angeles - San Diego - Joshua Tree National Park - Death Valley National Park - Yosemite National Park - Washington D.C. - New York City เป็นการเที่ยวแบบจัดเต็มมาก ก๊อตแบ่งรีวิวไว้ทั้งหมด 15 EP ด้วยกัน ใครที่กำลังแพลนว่าจะไปเที่ยวอเมริกาก็สามารถเที่ยวตามก๊อตได้เลยเด้อ
EP.0 - USA Travel 101 กำลังเขียน
EP.0 (2) – 8 เหตุผล ทำไมต้องไปเที่ยวอเมริกาซักครั้งในชีวิต
EP.1 - Chicago
EP.2 - San Francisco กำลังเขียน
EP.3 - Pacific Coast Highway : Monterey + Carmel-By-The-Sea กำลังเขียน
EP.4 - Pacific Coast Highway : Big Sur กำลังเขียน
EP.5 - Pacific Coast Highway : Morro Bay + Santa Barbara กำลังเขียน
EP.6 - Los Angeles
EP.7 - Universal Studios Hollywood
EP.8 - Disneyland Park
EP.9 - Disney California Adventure Park
EP.10 - San Diego กำลังเขียน
EP.11 - Joshua Tree National Park
EP.12 - Death Valley National Park กำลังเขียน
EP.13 - Yosemite National Park กำลังเขียน
EP.14 - Washington D.C. กำลังเขียน
EP.15 - New York City
แพลนเที่ยวลอสแอนเจลิส (Los Angeles)
วัน | ที่เที่ยวลอสแอนเจลิส (Los Angeles) |
1 | 1. Hollywood Walk of Fame 2. Grand Central Market 3. Angels Flight Railway 4. Walt Disney Concert Hall 5. The Broad 6. The Last Bookstore 7. Griffith Observatory |
2 | 8. Beverly Hills 9. Santa Monica Pier 10. LACMA : Urban Light |
3 | 11.Universal Studio Hollywood (USH) |
4 | ขับรถจาก L.A. ไป Anaheim 12. The oldest McDonald’s |
5 | 13. Disneyland Park |
6 | 14. Disney California Adventure Park |
ส่วนลด OTA | ส่วนลด Klook ส่วนลด Agoda ส่วนลด Booking ส่วนลด Expedia ส่วนลด Hotels |
ที่พักแนะนำในลอสแอนเจลิส (Los Angeles)
คนที่กำลังหาที่พักใน ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) อยู่ล่ะก็ ก๊อตจะแนะนำย่านที่พักให้ รวมถึงที่พักและโรงแรมที่เค้ากันว่าโอเคมาให้ลองดูเป็นตัวเลือกกันเนอะ โดยก๊อตขอแบ่งแยกออกเป็นย่านตามนี้เลย
#1 ย่านฮอลลีวู้ด (Hollywood )
ย่านฮอลลีวู้ด (Hollywood) ถือเป็นย่านที่เหมาะกับคนมาเที่ยว L.A. ครั้งแรกสุด เพราะมีที่เที่ยวอย่าง Hollywood Walk of Fame ที่หลายคนมักจะปักหมุดมาเที่ยวกันอยู่แล้ว แถมใกล้ๆ กันยังมีไทยทาวน์ (Thai Town) หรือย่านคนไทยที่เต็มไปด้วยร้านอาหารไทยแบบจัดเต็ม ที่เปิดตั้งแต่เช้าตรู่จนดึกดื่น มีหมูกระทะให้กิน และขนมนมเนยจากไทยแบบจุก และที่ปังสุดคือ ตรงนี้มีรถไฟใต้ดินเมโทร ที่เราสามารถนั่งไปยังดาวน์ทาวน์ และนั่งไป Universal Studios Hollywood ได้อีกด้วยเด้อ
ที่พักและโรงแรมแนะนำ
– โรงแรมตัวท็อป ลักชู-บูทีค (10,000 ++ บาท/คืน): The Prospect Hollywood / The Hollywood Roosevelt / Magic Castle Hotel
– โรงแรมดี ราคาแรงนิดหน่อย (5,000-10,000 บาท/คืน): Hollywood Celebrity Hotel / Kimpton Everly Hotel
– โรงแรมและโฮสเทลราคาไม่แรง ดีและคุ้มค่า (ต่ำกว่า 5,000 บาท/คืน): Banana Bungalow Hollywood Hotel & Hostel / Samesun Hollywood
#2 ย่านเบเวอร์ลีฮิลส์ (Beverly Hills)
สำหรับคนสายลักชูขั้นสุด และต้องการช้อปปิ้งแบรนด์เนมแบบครบจบในย่านเดียว ก็คือต้องไปพักที่ ย่านเบเวอร์ลีฮิลส์ (Beverly Hills) ที่ถือเป็นย่านไฮโซที่มีคนรวยและเซเลปอยู่เยอะมากที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา รับรองมาพักแถวนี้ไม่มีผิดหวัง และแน่นอนว่า ที่พักย่านนี้ก็คือแพ๊งเด้อ ใครมาสายลักชูก็จัดเล้ย
ที่พักและโรงแรมแนะนำ
– โรงแรมตัวท็อป ลักชู-บูทีค (30,000 ++ บาท/คืน): The Peninsula Beverly Hills / Waldorf Astoria Beverly Hills / The Beverly Hills Hotel
– โรงแรมดี ราคารองลงมา (10,000-25,000 บาท/คืน): L’Ermitage Beverly Hills
#3 ดาวน์ทาวน์ (Downtown)
ใครที่ชอบอยู่ในเมืองจ๋า เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะของ L.A. หรือแม้แต่เดินไปเที่ยวในเมืองตามสถานที่ต่างๆ ได้สะดวก ก็คงต้องเลือกพักในย่านดาวน์ทาวน์แล้วแหละ ถ้าใครตัดสินใจแล้วว่าพักย่านนี้ เราอาจจะต้องระวังตัวซักหน่อย โดยเฉพาะช่วงตอนกลางคืนที่อาจจะเปลี่ยวๆ แถมยังมีโฮมเลสอยู่เยอะ ซึ่งเค้าบอกกันว่าพื้นที่ในดาวน์ทาวน์ที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดคือแถวๆ Skid Low ส่วนพื้นที่ที่ค่อนข้างปลอดภัยและโอเคในดาวน์ทาวน์ คือ The Arts District, Bunker Hill, the Financial District, Little Tokyo, Chinatown และ South Park
ที่พักและโรงแรมแนะนำ
– โรงแรมตัวท็อป ลักชู-บูทีค (20,000 ++ บาท/คืน): The Ritz-Carlton / Conrad Los Angeles (พึ่งเปิดปี 2022)
– โรงแรมดีมาก ราคาเอื้อมได้ (6,000-10,000 บาท/คืน): The Metric / The Hoxton / citizenM Los Angeles Downtown Hotel
– โรงแรมและโฮสเทลราคาไม่แรง ดีและคุ้มค่า (ต่ำกว่า 5,000 บาท/คืน): Freehand Los Angeles
✈️ ซิมการ์ดใช้ต่างประเทศ แนะนำใช้ AIS Sim2Fly เลย!
อันนี้ไม่ได้สปอน แต่แนะนำเพราะใช้เองมาตลอดเลยแหละ สำหรับซิมการ์ด AIS Sim2Fly ที่ก๊อตรู้สึกว่าดีที่สุดในสามโลกแล้ว ใช้เน็ตต่างประเทศคือสะดวก แค่เราซื้อซิมเค้า ใส่ลงเครื่องแล้วลงทะเบียนตัวตนผ่านแอพ My AIS เท่านี้ก็สามารถใช้เน็ตได้แล้วที่ต่างประเทศ โดยมันจะเริ่มนับวันที่ใช้ หลังจากเปิดใช้ที่ต่างประเทศนะ ซึ่งเค้าก็มีแพ็คให้เลือกอยู่ 2 แบบง่ายๆ คือ แพ็คเอเชีย+ออสเตรเลีย และแพ็คใช้ได้ทั่วโลก (รวมยุโรปและอเมริกา) นั่นเอง
> ชี้เป้า AIS Sim2Fly สำหรับเที่ยวเอเชียและออสเตรเลีย 6GB 10 วัน ราคา 359 บาท + Coins Cashback 10% จากราคา 399 บาท คลิกซื้อผ่าน Shopee
> ชี้เป้า AIS Sim2Fly สำหรับเที่ยวทุกประเทศทั่วโลก 6GB 10 วัน ราคา 879 บาท + Coins Cashback 10% จากราคา 899 บาท คลิกซื้อผ่าน Shopee
ตั๋วต่างๆ ที่ต้องมีของ ลอสแอนเจลิส (Los Angeles)
สำหรับใครที่จะเก็บสวนสนุก ก็ต้องซื้อบัตรเค้าแหละ ทั้ง Universal Studios Hollywood (USH) และ บัตรสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ที่มันเลือกได้ว่าจะควบ ไม่ควบตัว Disneyland Park กับ Disney California Adventure Park ภายในวันเดียว หรือเล่นแยกพาร์คแบบสองวันงี้ ยังไงลองส่องราคาจากข้างล่างนี้และเข้าไปดูกันได้เลย
⚡️ ส่วนบัตร GO Los Angeles นี่ก็ดี เสมือนเป็นพาสเหมาๆ ที่เข้าสถานที่ท่องเที่ยวได้หลายอย่างภายในลอสแอนเจลิส ไม่ว่าจะเป็นมิวเซียม อควาเรียม และถ้าเราซื้อพาสแบบ 3 วัน ตัว GO Los Angeles ยังรวมบัตรเข้า Universal Studios Hollywood (USH) ด้วยนะเออ อันนี้แนะนำให้วางแผนก่อนว่าเราจะไปเที่ยวไหน จากนั้นลองเปรียบเทียบราคาดูว่า ซื้อพาสหรือซื้อบัตรแยกมันจะถูกกว่ากันเนอะ
มารู้จัก ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) กันก่อน
เวลาพูดถึงอเมริกา เมืองฮิตๆ ที่คนไทยรู้จักรองลงมาจากนิวยอร์ค (New York) ก็น่าจะเป็น ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) หรือ แอลเอ (L.A.) ที่หลายคนชอบเรียกกันนั่นแหละ โดยความหมายของชื่อเมืองนี้ในภาษาสเปน แปลว่า ‘เมืองแห่งนางฟ้า (City of Angels)’ มีตำแหน่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอเมริกาโดยเป็นรองแค่นิวยอร์คเท่านั้น และแน่นอนว่านี่คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐแคลิฟอร์เนียด้วย
ก๊อตว่าหลายคนต้องรู้จัก LA จากการที่เมืองนี้ฟู่ฟ่าด้วยเซเลปและดาราฮอลลีวู้ด เพราะที่นี่ถือเป็นเมืองผลิตรายการทีวี ภาพยนต์ ค่ายเพลง และทุกอย่างที่เกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ทั้งหมด อีกทั้ง LA ยังเป็นเมืองต้นกำเนิดและเป็นต้นแบบของสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ (Disneyland Park) และ Universal Studios ที่ตอนนี้ขยายสาขาเว่อร์วังไปแล้วทั่วโลกด้วย ก๊อตเลยขอบอกว่าเมืองนี้ไม่ธรรมดา ที่สำคัญสุดคือ LA มี Thai Town กับย่านคนไทยที่กระจุกรวมอยู่ด้วยกันด้วยน้า ดังนั้น ร้านอาหารไทยเยอะม๊าก 5555
ก็นั่นแหละ สรุปความเป็น LA มันคือเมืองแห่งแสงสี เมืองแห่งชายทะเลติดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก มีไวบ์ของต้นปาล์มเรียงรายสวยๆ และเมืองแห่งความร่ำรวยของผู้คน และเซเลบริตี้ต่างๆ นานานั่นเอง เริ่ดปะล๊าาา!
การเดินทางภายในลอสแอนเจลิส (Los Angeles)
บอกก่อนเลยว่า LA เป็นเมืองที่เดินทางด้วยรถสาธารณะยากมาก ด้วยข้อจำกัดของระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่ค่อยครอบคลุมเท่าไหร่ ดังนั้น การเดินทางไปไหนมาไหนใน LA วิธีที่ดีที่สุดคือเดินทางด้วยรถยนต์ สำหรับนักท่องเที่ยวแบบเรา แน่นอนว่าก็ต้องเช่ารถแหละ แต่ถ้าใครไม่สะดวกขับรถ ทางพึ่งสุดท้ายคือการใช้บริการ Shared Ride พวกแอพ Uber และ Lyft แทน ซึ่งค่าเดินทางปูดกว่าเช่ารถแน่นอน แง
DAY 1 : Downtown Day
Hollywood Walk of Fame
สถานที่แรกใน ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) ที่ก๊อตได้มาคือสถานที่ยอดฮิตของเมืองที่นี่สาวกภาพยนตร์พลาดไม่ได้ Hollywood Walk of Fame ที่ตั้งอยู่บนถนน Hollywood Boulevard ที่นี่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี 1958 โดยใช้เวลาสร้างประมาณ 2 ปี กว่าจะสร้างเสร็จและเปิดอย่างเป็นทางการ โดยจุดเริ่มต้นของย่านนี้มาจากศิลปินชาวแคลิฟอร์เนียที่ชื่อ Oliver Weissmuller ถูกจ้างให้มาช่วยทำให้ย่านนี้น่าสนใจและทำให้มันกลายมาเป็นที่เที่ยวที่ใครๆ ต้องมา ตอนแรกเค้าก็คิดว่าจะประดับรูปดาวต่างๆ ไว้บนเพดานห้องอาหารของโรงแรมฮอลลีวูด แต่ด้วยช่วงนั้นการท่องเที่ยวของเมืองนี้มันดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เค้าก็เลยคิดต่อยอดไอเดียให้เอารูปดาวต่างๆ มาอยู่ในที่สาธารณะเลยแล้วกัน คนจะได้เห็นเยอะขึ้น จนสุดท้ายมันมาจบที่การสร้าง Hollywood Walk of Fame ไว้บนพื้นที่แหละ
Hollywood Walk of Fame เป็นจะเป็นรูปดาวสีชมพูที่ประดับอยู่ตามพื้น ซึ่งบนรูปดาวนั้นจะมีชื่อพร้อมลายเซ็นของบุคคลสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิง เช่น นักแสดง นักร้อง ผู้กำกับ โดยจะมีสัญลักษณ์เล็กๆ ไว้บอกด้วยว่าคนนี้ได้ทำผลงานประเภทไหนมา อย่างที่ก๊อตถ่ายมาเป็นชื่อของ Donald Trump ที่มีรูปทีวีอยู่ เพราะว่าเค้าเคยเป็นเจ้าของการประกวดอย่าง Miss Universe และรายการ The Apprentice ที่ฉายในช่อง NBC ที่ประสบความสำเร็จมากในวงการอุตสาหกรรมบันเทิง
ก๊อตจะบอกว่าป้ายดาว Donald Trump ถือเป็นป้ายชื่อยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่ชอบมาถ่ายรูปมาเลยนะ ด้วยความที่นางเคยเป็นประธานาธิบดีของอเมริกาและมีคนที่ไม่ค่อยชอบนางเยอะมาก ป้ายนี้ก็เลยป๊อปตาม โดยคนชอบเอาเท้ามาเหยียมถ่ายคู่กับป้ายชื่อนี่แหละ 55555
⭐️ สำหรับคนที่อยากตามล่าชื่อนักร้อง นักแสดง หรือศิลปินในดวงใจ ก็ลองไปส่องดูได้ ซึ่ง Hollywood Walk of Fame เค้าได้ทำป้ายชื่อตามทางไว้เกือบ 3,000 คนเลย
ส่วนใครที่อินการประกาศผลรางวัลออสการ์ ต้องไป Dolby Theatre แล้วแหละ เพราะที่นี่เป็นที่จัดงานการประกาศผลรางวัล Academy Awards หรือรางวัลออสการ์ที่เรารู้จักกันดี ซึ่งบันไดที่เห็นตรงทางเข้าของ Dolby Theatre คือบันไดพรมแดงที่เหล่าดาราออสการ์ใช้เดินขึ้นเข้างานกัน โดยด้านข้างบันไดจะมีป้ายรายชื่อคนที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีต่างๆ เขียนไว้ด้วย
ไม่ไกลจาก Hollywood Walk of Fame จะมี TCL Chinese Theatre ที่นี่เป็นอีกสถานที่นึงที่คนนิยมมาเที่ยวเหมือนกัน มันเป็นโรงละครที่มีมาตั้งแต่ปี 1927 ซึ่งมันมีมาก่อน Hollywood Walk of Fame อีกเว้ย สองสถานที่นี่เหมือนเป็นไฮไลท์ของความเป็นฮอลี่วูดเลย ความปังของมันคือเป็นสถานที่ที่ใช้ฉายหนังรอบปฐมทัศน์ในฮอลลีวูดและเป็นที่คนชอบไปดูคือรอยประทับมือและเท้าของเหล่าดาราดังๆ ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันเลย
Grand Lower (IG Photo Spot)
นี่มีจุดถ่ายรูปคูลๆ ที่ก๊อตเจอโดยบังเอิญระหว่างขับรถวนหาที่จอดรถเพื่อไปหาอะไรรองท้องที่ Grand Central Market แหละ โดยตอนนั้นไปเจอวัยรุ่นกลุ่มนึงกำลังยืนถ่ายรูปกันอยู่ใต้สะพานแล้วดูอย่างคูล นี่ก็เลยหาที่จอดแถวนั้นแล้วก็ลงไปถ่ายรูปบ้าง 55555
บอกก่อน มันไม่ได้เป็นที่เที่ยวหรือแลนด์มาร์คใดๆ แต่มันเป็นจุดที่ถ่ายรูปได้เก๋มาก สามารถเป็น Instagrammable Spot ได้เลยล่ะ โดยเราสามารถปักไปที่ ‘Grand Lower’ ได้เลย ส่วนใครที่คิดจะมาตรงนี้อาจต้องดูแลตัวเองนิดนึง เพราะแถวนี้ Homeless ค่อนข้างเยอะและมีความสกปรกนิดหน่อย แต่ถือเป็นอีกสถานที่ที่ทำให้เราได้เห็นอีกมุมนึงของ ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) ที่เราอาจจะไม่ได้เห็นนั่นเอง แต่ส่วนตัวก๊อตไม่ได้รู้สึกอันตรายนะ ยังไงให้ลองขับรถผ่านแล้วดูก่อน ถ้าคิดว่าโอเคก็ลงถ่ายได้เลย
Google Map: https://goo.gl/maps/WU2R2ay5upAQdA818
Grand Central Market
หลังจากแวะถ่ายรูปแล้วก็ รู้สึกหิวเต็มที่ล่ะ ฮ่าๆ พอได้ที่จอดก็ตรงดิ่งเข้าไปที่ Grand Central Market ตลาดเก่าแก่ที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารอร่อยๆ จากหลากหลายสัญชาติไว้ทั้งหมด 40 ร้าน เช่น ฟาสต์ฟู้ด อาหารจีน เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม ไทย และอีกเยอะมากๆ ซึ่งเราสนใจร้านไหนเราก็ไปซื้อแล้วเอามานั่งกินบริเวณส่วนกลางที่เค้าจัดโต๊ะเอาไว้ให้ มันเป็นฟีลเหมือน The Common ทองหล่อบ้านเรา เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้กินครบทั้งเครื่องดื่ม ของคาว ของหวาน แบบโคตรดีย์
Grand Central Market เป็นตลาดที่มีมาตั้งแต่ปี 1917 เดิมที่นี่ชื่อ Wonder Market ในสมัยนั้นเค้าว่าที่นี่เป็น Public Market ที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดบนชายฝั่งแปซิฟิก ส่วนมากร้านที่นี่เค้าจะผสมผสานความเป็นเอเชียนิดๆ ด้วยความที่แต่เดิมมี China Cafe และ Roast To Go ที่มาเช่าตลาดนี้มานานมาก ซึ่งในปัจจุบัน 2 ร้านนี้ก็ยังมีขายอยู่นะ นับว่าเป็นร้านที่เก่าแก่ของตลาดนี้เลยก็ว่าได้
ด้วยความที่ Grand Central Market เค้าเปิดมานานแล้ว ที่นี่เลยกลายเป็นสถานที่ที่ใครๆ ก็อยากมา ทั้งคนที่นั่นเองก็มักจะมานั่งชิลๆ เม้ามอยกับเพื่อนที่นี่ หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวแบบเราก็อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศและความหลากหลายของอาหารบ้านเค้า วันนี้ก๊อตก็สั่ง Hot Dog และบั๋นหมี่ซึ่งเป็นอาหารเวียดนามมากิน และปิดท้ายด้วยการกินมิลค์เชค โดยรวมถือว่ารสชาติอาหารเค้าอร่อยเลยแหละ
สำหรับใครที่ไปช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ ที่ชั้นล่างของ Grand Central Market ก็จะมีตลาดนัดเล็กๆ ขายของน่ารักๆ เช่น เสื้อผ้า ของแฮนเมค เครื่องประดับ และอื่นๆ ซึ่งเค้าเปิดช่วงประมาณ 11 โมง และอยากบอกคนที่ขับรถไปว่า ที่นี่หาที่จอดยากมากกกกก โดยเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์นี่แหละ ใครจะไปก็ต้องวางแผนการเดินทางดีๆ เด้อ
โดยรวมก๊อตชอบที่นี่เพราะอาหารอร่อย บรรยากาศดีมาก สามารถมานั่ง Hangout กับเพื่อนได้แบบชิลเวอร์ และเค้าเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 4 ทุ่มเลยล่ะ ยิ่งช่วงโควิดแบบนี้ก็สามารถสั่งอาหารจากร้านค้าใน Grand Central Market ผ่านทางออนไลน์ได้เลยด้วย
Angels Flight Railway
ถ้าใครที่เคยดูหนังเรื่อง LA LA LAND อาจพอคุ้นๆ ฉากที่นางเอกกับพระเอกจูบกับบนรถไฟสีส้มๆ ซึ่งมันคือที่ Angels Flight Railway ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสุดฮิตของ ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) เลยก็ว่าได้ เพราะเค้ามีชื่อเสียงมายาวนาน โดยสร้างมาตั้งแต่ปี 1901 และป๊อปมาก่อนหนังเรื่องนี้จะมาถ่ายทำอีก
บางคนอาจจะไม่รู้ว่า ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) เป็นอีกเมืองที่มีเนินเขาค่อนข้างเยอะ ซึ่งมันก็เป็นที่มาของการสร้างรถไฟสายเล็กๆ อย่าง Angels Flight Railway เพื่อให้คนได้เดินทางขึ้นเนินจากถนน Hill Street ไปยังถนน Grand Avenue ได้สะดวก ซึ่งเส้นทางเค้าก็สั้นม๊ากจนได้ชื่อว่าเป็นทางรถไฟที่สั้นที่สุดในโลก ซึ่งเอาจริงๆ หากใครที่ไม่อยากนั่งรถไฟ ด้านข้างมันมีบันไดให้เราเดินขึ้นก็ได้ 55555555
เอาเป็นว่า ใครที่อยากตามรอย LA LA LAND และขึ้นรถไฟอันนี้ มันอยู่ไม่ไกลจาก Grand Central Market มาก สามารถเดินมาได้เลย โดยมีค่าขึ้น $1 เท่านั้นเอง
Walt Disney Concert Hall
หลังจากที่ได้ขึ้น Angels Flight Railway มาด้านบนแล้ว ก๊อตก็เดินไปตามเส้น Grand Avenue เพื่อที่จะมาดูเหล่าสถาปัตยกรรมของตึกทั้งหมดสองอันที่ตั้งติดกันคือ The Broad และ Walt Disney Concert Hall โดยก๊อตขอเริ่มที่ Walt Disney Concert Hall ที่เป็นโรงละคร สถานที่ใช้จัดคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ต่างๆ มากมายของ ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) เลย
Walt Disney Concert Hall ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ออกแบบโดย Frank Gehry สถาปนิกชาวแคนาดา-อเมริกันที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก ผลงานการออกของเค้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ ด้วยการออกแบบโครงสร้างอาคารที่บิดเบี้ยว พริ้วไหว แต่กลับมีเสน่ห์ที่ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ สำหรับก๊อต Walt Disney Concert Hall เป็นตึกที่สวยมากและเป็นตึกที่ทำให้มองแล้วรู้ทันทีเลยว่าใครเป็นคนออกแบบ ด้วยรูปทรงและวัสดุที่ใช้เป็นสแตนเลสโค้งๆ แบบนี้
เค้าบอกว่าตึกนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากการที่ Frank Gehry ชอบเล่นเรือใบ ตึกนี้เลยจะมีลักษณะคล้ายๆ กับใบเรือขนาดใหญ่ที่ถูกลมพักโค้งไปมา ซึ่งมันดูโคตรคูล และดู Timeless มากเลยแหละ ด้วยความที่ตึกมันสวยขนาดนี้ นักท่องเที่ยวเองก็เลยชอบมาถ่ายรูปกัน ถือเป็นอีกหนึ่ง Instagrammable Spot สุดป๊อปของลอสแอนเจลิสเลยล่ะเทอ
The Broad
ใครที่ยังอินกับงานสถาปัตยกรรมของชิคๆ ของเมืองนี้อยู่ แนะนำให้เดินถัดมาจาก Walt Disney Concert Hall อีกหน่อย จะเจอกับตึกที่มีการออกแบบที่สวยไม่แพ้กัน คือ The Broad กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะชื่อดังใน ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) ที่สวยดึงดูดตั้งแต่การออกแบบอาคารด้านนอกแล้ว
ส่วนด้านในมีการเก็บสะสมผลงานศิลปะร่วมสมัยมากมายมาจัดแสดง โดยมีผลงานตั้งแต่ทศวรรษ 1950 จนถึงปัจจุบัน และมีผลงานของศิลปินดังๆ หลายคน อย่าง Jeff Koons, Andy Warhol, Takashi Murakami, Yayoi Kusama แต่น่าเสียดายว่าที่ก๊อตไม่ได้เข้าไปดู ซึ่งถ้าใครอยากเข้า สามารถเข้าได้เลยนะ ไม่เสียตังค์ด้วย
The Broad นั้นเพิ่งก่อสร้างมาเมื่อ 6 ปีที่แล้วนี่เอง เจ้าของที่นี่คือ 2 เศรษฐีที่รวยจนติดอันดับ 1 ใน 100 ของโลกนี้ ชื่อ Eli และ Edythe Broad โดยมีทีมจาก Diller Scofidio + Renfro ที่ร่วมมือกับ Gensler มาร่วมออกแบบด้วย โดยมีคอนเซปต์คือ Veil and Vault ซึ่งแบ่งเป็นด้านในกับด้านนอก ด้านนอกนั้นมากจากแนวคิด Veil ที่ออกแบบให้เป็นเหมือนม่านกรองแสงขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นเหมือนรังผึ้ง เพื่อกันไม่ให้แสงเข้ามากระทบตัวผลงานที่จัดแสดงอยู่ด้านในอาคาร ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาผลงานศิลปะที่ดีมากเลยนะ
ส่วนด้านในนั้นจะเป็น Vault ซึ่งเป็นโซนที่ใช้เก็บผลงานศิลปะทั้ง 3 ชั้น ซึ่งในทุกชั้นสามารถชมงานศิลปะได้อย่างสบายตามากเพราะไม่มีโครงสร้างเสามารบกวนเลย แต่ด้วยความที่ก๊อตไม่ได้เข้าไป เลยทำได้แค่ชมในส่วนที่เป็น Veil รังผึ้งด้านหน้าอาคารอย่างเดียว ยิ่งได้รู้คอนเซปต์แล้วก็ยิ่งรู้สึกว้าวกับการออกแบบของเค้ามากขึ้นไปอีกด้วย
The Last Bookstore
พามาเที่ยวเอาใจหนอนหนังสือกันซักหน่อยกับร้านหนังสือที่มีทั้งหนังสือใหม่และมือสองที่ใหญ่ที่สุดในแคลิฟอร์เนีย กับร้าน The Last Bookstore ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2005 และตั้งใจที่จะตั้งชื่อแบบประชดสังคมยุคดิจิตอล ที่หลายสำนักพิมพ์และร้านหนังสือต่างๆ ที่ทยอยปิดตัวลงจากการเข้ามาของยุคดิจิตอลและ Paperless ด้วยความรักหนังสือของเจ้าของ เค้าเลยคิดว่าเค้าเนี่ยแหละจะเป็นร้านหนังสือร้านสุดท้ายที่ยังอยู่ในยุคนี้
The Last Bookstore มีทั้งหมด 2 ชั้น โดยชั้นแรกส่วนมากจะเป็นหนังสือใหม่ และมีพื้นที่สำหรับให้คนมานั่งอ่านได้แบบเต็มที่มาก ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นห้องสมุดมากกว่าที่จะเป็นร้านหนังสือด้วยซ้ำไป ส่วนชั้นมือสองกว่า 250,000 เล่มเอาไว้ และมีโซนสำหรับ Vinyl Record และ Graphic Novels อยู่ด้วย นอกจากนี้ ชั้นสองเองยังมีมุมที่เค้าจัดไว้สำหรับถ่ายรูปเยอะมากกกก จนนี่เองกลายเป็นอีกหนึ่ง Instagrammable Spot ชื่อดังของลอสแอนเจลิสเลย
ด้วยแนวคิดเค้าที่ต้องการจะเป็นร้านหนังสือร้านสุดท้ายที่อยู่รอดในยุคนี้ การสร้างกิมมิคแฝงไว้ในร้านหนังสือ เช่น มุมถ่ายรูปชิคๆ ที่สามารถเข้ามาถ่ายได้ฟรีโดยที่ร้านเค้าก็เวลคัมให้มาถ่ายรูปสุด มุมอ่านหนังสือที่จัดโซฟาให้นั่งอ่านแบบเต็มที่มาก หรือแม้แต่การขายหนังสือมือสองที่ราคาโครตถูก มันเลยทำให้ The Last Bookstore เป็นร้านหนังสือที่ได้รับความนิยมของคนเมืองนี้และนักท่องเที่ยวด้วย อันนี้คือเริ่ดจริง ต้องยอมเค้าแหละ
หอดูดาวกริฟฟิธ (Griffith Observatory)
หอดูดาวกริฟฟิธ (Griffith Observatory) ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่พลาดไม่ได้ของ ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) เพราะที่นี่เป็นหอดูดาวที่อยู่บนเขาทางใต้ของ Mount Hollywood ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนชอบมานั่งเล่นชมวิวกัน โดยจุดนี้เราสามารถมองวิวเมืองลอสแอนเจลิสได้ทั้งเมือง แถมยังเห็นป้าย Hollywood ได้ชัดและสวยมาก ซึ่งถ้าใครอยากปีนไปยังป้ายฮอลีวูดต่อ เราสามารถเริ่มเดินเทรลจากที่นี่ได้เลย และเช่นเคยถ้าคนที่เคยดู LA LA LAND ก็น่าจะพอคุ้นๆ ภาพที่นี่บ้างแหละ เพราะที่นี่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้เหมือนกัน
หมดอายุ: 10-10-2024
หมดอายุ: 10-10-2024
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ชื่อของ หอดูดาวกริฟฟิธ (Griffith Observatory) นั้นได้มาจาก Griffith J. Griffith เพราะว่าที่นี่สร้างขึ้นด้วยเงินทุนจากการสืบทอดมรดกของเค้าที่ต้องการให้สร้างที่นี่ขึ้นมา โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าเข้าชม ซึ่งก็สร้างเสร็จและเปิดให้เข้าชมในปี 1935 เป็นปีแรกเรื่อยมาจนถึงตอนนี้เลย
ถ้าใครที่จะมาเที่ยวที่นี่ก๊อตแนะนำให้มาช่วงเย็นๆ เพราะนอกจากจะไม่ร้อนแล้ว แสงยังสวยมากอีกด้วย ไม่ว่าจะมานั่งดูวิวหรือถ่ายรูปก็ฟิน ข้อดีของการดูวิวที่ ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) คือเมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีตึกสูงอยู่เยอะ เพราะฉะนั้นเราก็จะได้เห็นทั้งวิวเมืองและวิวภูเขาในเวลาเดียวกัน และถ้าใครที่มีเวลาเยอะ สามารถยู่ต่อจนค่ำได้ เราสามารถเข้าไปชมหอดูดาวที่เค้าจะเปิดให้เข้าประมาณช่วง 2 ทุ่มต่อได้เลย แต่ก๊อตไม่ได้เข้าไปนะ เพราะรอไม่ไหวจริง 55555
DAY 2 :
Beverly Hills + Rodeo Drive
เริ่มต้นวันที่ 2 ของทริป ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) ด้วยการไปเดินเล่นที่ Beverly Hill ซึ่งเล่นย่านคนรวยและเซเลปที่ดังที่สุดของอเมริกา นอกจากนี้ Beverly Hill ยังมีถนนช้อปปิ้งแบรนด์เนมที่ถือว่าครบเครื่องที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นช้อป Armani, Gucci, Coco Chanel, Cartier, Tiffany, หรือแม้แต่ Harry Winston ที่สายรักแบรนด์เนมโคตรห้ามพลาดเลย
พูดว่าเป็นย่านที่คนรวยและเซเลปอยู่มากที่สุดขนาดนี้คือเรื่องจริงนะ Beverly Hills ถือเป็นย่านที่แพงจัดจ้านมากที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกา โดยราคาบ้านเฉลี่ยกลางๆ อยู่ที่ 3.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาบ้านที่สูงกว่า 230% ของราคาบ้านเฉลี่ยของอเมริกาทั่วประเทศเลยเชียวนะ ตัวอย่างเซเลปที่บ้านอยู่แถว Beverly Hills ก็มีอย่างเช่น Madonna, Adele, Rihanna, Taylor Swift, Elton John, Jennifer Lawrence และ Katy Perry
สำหรับที่เที่ยวที่ก๊อตจะไปแถว Beverly Hill คือถนนช้อปปิ้ง Rodeo Drive ที่ขนาบข้างไปด้วยต้นปาล์มและร้านแบรนด์เนมตลอดทางนี่แหละ และถึงแม้ว่าใครที่ไม่ได้อยากมาช้อปปิ้งก็สามารถเดินเล่น ดูสถาปัตยกรรมของเค้าได้นะ เพราะตึกย่านนี้มันสวย หรูหราหมาเห่ามาก
ที่นี่มันจะมีมุมยอดฮิตที่คนชอบมาถ่ายรูปกันด้วยนะ มันคือสุดปลายถนน Rodeo Drive ที่เป็นซอยโค้งเข้าไป ข้างในก็มีร้านค้าอยู่เต็มไปหมด และตรงนี้แทบจะเป็นจุดเช็คอินของใครหลายๆ คนเล้ย
ท่าเรือซานต้าโมนิก้า (Santa Monica Pier)
อย่างที่รู้กันดีว่า ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) นั้นเป็นเมืองที่อยู่ติดทะเล ก๊อตก็เลยขอไปเดินเล่นชิลๆ ต่อแถว ท่าเรือซานต้าโมนิก้า (Santa Monica Pier) ซักหน่อย ที่นี่เป็นท่าเรือเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ปี 1909 และถือเป็นท่าเรือที่มีขนาดใหญ่มาก แถมที่นี่ยังเป็นจุดสิ้นสุดของ Route 66 ซึ่งเป็นเส้นทางโรดทริปคลาสสิกเส้นนึงของอเมริกานั่นเอง
บริเวณ ท่าเรือซานต้าโมนิก้า (Santa Monica Pier) ก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารเยอะมากๆ รวมไปถึงมีสวนสนุกติดชายฝั่งที่มีชื่อว่า Pacific Park ให้ไปเล่นกันได้อีกด้วย ความพิเศษของสวนสนุกนี้คือมีชิงช้าสวรรค์ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นที่แรก และมีเครื่องเล่นให้เล่นอีกมากกว่า 10 ชนิดเลยด้วย เจ้าสวนสนุกนี่แหละที่เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้คนรู้จักและอยากมาเที่ยวที่ ท่าเรือซานต้าโมนิก้า (Santa Monica Pier)
คนส่วนมาก ถ้าไม่ได้มาเที่ยว Pacific Park เค้าก็ชอบมานั่งชิลกันที่นี่ หรือไม่ก็มาเล่นน้ำที่ Santa Monica State Beach ก๊อตชอบที่นี่มากเพราะว่าบรรยากาศดี ยิ่งไปช่วงตอนเย็นๆ แสงกำลังสวย อากาศก็ไม่ได้ร้อนมาก เดินเล่นได้สบายๆ แถมถ่ายรูปออกมาก็สวยจริง โดยรวมคือประทับใจ ซานต้าโมนิก้า (Santa Monica) มาก มีความ L.A. Vibes ขั้นสุด มากกว่าในตัวดาวน์ทาวน์ของ L.A. ซักอีก ถือว่าเป็นอีกที่เที่ยวนึงที่ต้องมาเลย
LACMA : Urban Light
สุดท้ายของวัน นี่ขอแวะมาถ่ายรูปและชมงานศิลปะข้างหน้าพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งตะวันตกของอเมริกา อย่าง Los Angeles County Museum of Art หรือ LACMA กันหน่อย ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ที่สะสมผลงานไว้เป็นแสนๆ ชิ้น ซึ่งไม่ได้มีแค่ผลงานศิลปะอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีผลงานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ที่สะสมไว้ตั้งแต่เนิ่นนานจนถึงปัจจุบันเลย
รอบนี้ก๊อตไม่ได้เข้าไปดูตัวพิพิธภัณฑ์ แต่ก๊อตตั้งใจที่จะมาดู Urban Light ซึ่งเป็น Installation Art ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า LACMA ที่กลายเป็นอีกหนึ่งจุดยอดฮิตที่คนชอบมาถ่ายรูปเล่นกัน โดยงานชิ้นนี้เป็นผลงานของ Chris Burden ศิลปินชาวอเมริกัน ที่นำมาจัดแสดงไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
Chris Burden เริ่มสะสมโคมไฟโบราณมาตั้งแต่ปี 1980 และสร้าง Urban Light เล็กๆ ไว้ที่บ้านของเค้าจนกระทั่ง Michael Govan ซีอีโอของ LACMA มาเห็นแล้วก็ชอบมาก เลยย้ายให้มาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นี้ และมีการเพิ่มจำนวนเสาไฟให้เยอะขึ้น จะได้ดูใหญ่ๆ ปังๆ มากยิ่งขึ้น โดยที่โคมไฟพวกนี้จะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟทั้งหมด เลยทำให้ถูกมองว่านี่เป็นงานศิลปะที่ดีมากเพราะนอกจากจะสวยแล้วยังใส่ใจในแวดล้อมด้วย
ส่วนตัวก๊อตว่าที่นี่เป็น Instagrammable Places ที่สวยมากที่นึงของเมืองนี้เลย แต่ขอแนะนำว่าให้มาช่วงกลางคืนที่เค้าเปิดไฟแล้ว เพราะถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ แต่ถ้าใครไม่มีเวลามากขนาดนั้น จะมาถ่ายตอนกลางวันก็ได้เหมือนกันน้า
DAY 3 : Universal Studio Hollywood (USH)
อ่านรีวิวเต็ม USH คลิกที่นี่
Universal Studios Hollywood (USH) ที่ลอสแองเจลิส (Los Angeles) นั้น ถือเป็นต้นกำเนิดและเป็นออริจินอลของสวนสนุกเฟรนส์ไชส์ของ Universal Studios เลยนะเว้ย ซึ่งจุดเริ่มต้นเค้ามาจากการทำ Studio Tour ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมสตูดิโอและเซ็ตถ่ายหนังของจริงจนประสบผลสำเร็จ และขยายออกมาเป็นสวนสนุกตามธีมหนังต่างๆ ซึ่งพอทำแล้วก็ปังมาจนตอนนี้มีสวนสนุก Universal Studios ทั่วโลกไปแล้ว 5 ที่เลย
ใครที่มาเที่ยวรัฐแคลิฟอร์ และได้ผ่านมาเที่ยวในลอสแองเจลิส (Los Angeles) หรือ LA จะบอกว่ามาเที่ยวที่ Universal Studios Hollywood (USH) ด้วยเถ้ออ เพราะเค้ามีเครื่องที่สนุกๆ เล่นได้ทั้งครอบครัว ถ่ายรูปก็สวยเพราะพร็อพฉากอลัง แถม Studio Tours สุดคลาสสิคก็ยังมีให้เราได้เข้าไปเยี่ยมชมอีก ซึ่ง Studio Tour อันนี้มันมีที่เดียวในโลกด้วยนะ ที่ฟลอริดาไม่มี ญี่ปุ่นก็ไม่มีน้าาา เอาล่ะ เกริ่นเว่อร์ขนาดนี้แล้ว ก๊อตมีข้อมูลแน่นๆ ของที่นี่แบบละเอียดยิบ ยังไงลองอ่านทำความเข้าใจ รวมถึงรีวิวความสนุกของเครื่องต่างๆ จากนั้นก็จองบัตรแล้วเข้าไปเที่ยวด้วยกันได้เลยครับโผมม
เครื่องเล่นห้ามพลาดของ Universal Studios Hollywood / ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ฮอลลีวูด
สำหรับเครื่องเล่นห้ามพลาดใน Universal Studios Hollywood นั้น คือห้ามพลาดแทบทุกอัน เพราะด้วยตัวพื้นที่ของ USH ที่มันไม่ได้ใหญ่อยู่แล้ว เครื่องเล่นที่นี่ก็เลยไม่ได้เยอะมากเหมือน ดิสนีย์แลนด์ปาร์ค (Disneyland Park) อ่ะ แล้วเครื่องเล่นที่มันมีอยู่ตอนนี้ก็ถือว่าดีหลายตัว จะมีก็แต่บางอันที่แบบ เออ เราเล่นที่ประเทศอื่นมาหลายรอบงี้ ที่เราอาจจะรู้สึกเฉยๆ นั่นเอง
เหตุผลห้ามพลาด | เครื่องเล่น USH ห้ามพลาด |
โคตรห้ามพลาด เพราะสนุก ว้าว และถือเป็นไฮไลท์ | - Harry Potter and the Forbidden Journey - The Simpsons Ride (มีเฉพาะที่อเมริกา) - The World-Famous Studio Tour (มีเฉพาะที่ USH) - The Secret Life of Pets: Off the Leash (มีเฉพาะที่ USH) - Jurassic World: The Ride (มีเฉพาะที่ USH) |
เครื่องเล่นสนุก แนะนำให้เล่น | - Revenge of the Mummy - TRANSFORMERS™: The Ride-3D - Despicable Me Minion Mayhem |
ซื้อบัตร Universal Studios Hollywood (USH) / ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ฮอลลีวูด ที่ไหนดี?
ถ้าถามก๊อตว่าซื้อบัตร Universal Studios Hollywood (USH) ที่ไหน ตัวก๊อตเองจะแนะนำสองเจ้าให้เทียบราคากันคือ KLOOK และ KKDAY โดยทั้งสองเจ้านั้นสามารถเชื่อถือได้ ซื้อง่ายและราคาที่ถูกกว่าซื้อตรงจากสวนสนุกจริงๆ อย่างตอนที่ก๊อตไปนั้น ใน KLOOK และ KKDAY มีโปรเดียวกันคือ ซื้อ 1 วัน เข้าสวนสนุกได้ 2 วัน แต่ในเว็บ USH เองนั้นจะไม่มีโปรนี้แหละ ส่วนราคาของสองเจ้านี้ บางช่วง KKDAY ถูกกว่า หรือบางช่วง KLOOK ก็ถูกกว่า ยังไงลองคลิกเข้าไปเช็คราคาที่แน่นอนกันอีกรอบนะ
> เช็คราคาและซื้อบัตร USH จาก KLOOK > เช็คราคาและซื้อบัตร USH จาก KKDAY
⚡️ เนื่องจากรายละเอียดของ Universal Studios Hollywood (USH) ค่อนข้างเยอะมาก ใครที่อยากอ่านรีวิวเต็ม สามารถคลิกลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลย ในนั้นจะรีวิวหมดทุกเครื่องเล่น รวมถึงการซื้อตั๋วและ Express Pass ด้วย ใครที่จะไปเที่ยว บอกเลยว่าต้องอ่าน ไม่มีผิดหวังแน่นอน
อ่านรีวิวเต็ม Universal Studios Hollywood คลิกที่นี่
DAY4 : ขับรถจาก L.A. ไป Anaheim
The Oldest McDonald's
ด้วยความที่วันที่ 5 ของการเที่ยวลอสแอนเจลิสนั้น ก๊อตจะไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ (Disneyland) ซึ่งการจะเดินทางให้สะดวกที่สุดนั้นคือการขับรถไป โดยเราจะไปนอนที่อนาไฮม์ (Anaheim) ก่อน เพื่อที่จะได้รีบไปสวนสนุกตั้งแต่ตอนเช้าเลย ระหว่างทางไปอนาไฮม์ (Anaheim) เพื่อนก๊อตบอกว่าเราสามารถแวะเมืองดาวนีย์ (Downey) ที่มีแมคโดนัลด์ (McDonald's) สาขาออริจินอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลกตอนนี้ที่ยังเปิดอยู่ด้วยนะ แหม๊ แมคโดนัลด์เค้าเป็นฟาร์สฟู้ดเบอร์หนึ่งของโลกขนาดนี้ แถมกินมาตั้งแต่เด็กๆ นี่ก็ขอแวะเพื่อไปสัมผัสความคลาสสิกของเค้ากันซักหน่อย
The Oldest McDonald's ที่ดาวนีย์ (Downey) ถือเป็น McDonald's ที่เก่าแก่ที่สุด โดยเปิดมาตั้งแต่ปี 1953 และเป็นสาขาแบบออริจินอลของสองพี่น้องแมคโดนัลด์ที่ยังเหลืออยู่ในตอนนี้ ซึ่งถ้านับกันตามจริงแล้ว ที่นี่นับว่าเป็นสาขาที่ 3 ของเค้า เนื่องจากสองสาขาแรกได้ปิดตัวลงไปแล้วนั่นเอง
ความเก๋ของ The Oldest McDonald's คือแค่ป้ายหน้าก็ขลังเกินเบอร์แล้ว ด้วยป้ายที่เขียนว่า HAMBURGERS พร้อมตัวมาสคอท Speedee มาสคอทดั้งเดิมของแมคโดนัลด์ที่ใส่ชุดเชฟยืนชี้เข้าไปที่ร้าน พอเลี้ยวเข้าไป ก็จะเจอกับร้าน McDonald's กับเสาโค้งสีเหลือง สัญลักษณ์ของแมคโดนัลด์ที่โคตรคลาสสิค ฟีลเหมือนในหนัง ‘The Founder (2016)’ ที่เคยดูเลย ทุกอย่างที่นี่คือออริจินอลมากๆ ทั้งโลโก้ มาสคอท และบรรยากาศร้านที่แตกต่างจากแมคโดนัลด์ทุกสาขาในปัจจุบันของ เรย์ คร็อก (Ray Kroc) ที่เทคโอเวอร์ไปหมดแล้ว
หากใครยังไม่รู้ประวัติของ McDonald's นี่จะเล่าให้ฟังแบบรวบๆ ที่โคตรพีค เรื่องมันเริ่มต้นมาจากสองพี่น้องตระกูลแมคโดนัลด์ คือ Dick McDonald และ Mac McDonald พยายามทำร้านอาหารที่คนสามารถเข้ามาซื้อของอร่อยๆ กลับไปทานได้ง่ายและรวดเร็ว เค้าเลยทำการเปิดร้านขายเบอร์เกอร์ ของทอด และเครื่องดื่มที่ใช้ระยะเวลาในการทำแค่ 30 วินาทีต่อหนึ่งเสิร์ฟเท่านั้น (และนี่ก็เป็นที่มาของคำว่า Fast Foods ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง) โดยร้านนี้มีความแตกต่างจากร้านอื่นๆ ในยุคนั้นตรงที่มันเป็นร้านแบบ Drive-thru ที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งไอเดียนี้ก็ไกลายเป็นต้นแบของร้านฟาร์สฟู้ดและฮิตมากๆ ในอเมริกา ในช่วงเวลาต่อมา
จนวันนึง Ray Kroc เซลล์แมนขายเครื่องมิ้ลค์เชคก็ได้ไปรู้จักที่นี่และมองเห็นช่องทางบางอย่างสำหรับธุรกิจนี้ เค้าคิดว่าอยากเปิดแฟรนไชส์ไปตามเมืองต่างๆ เลยเอาไอเดียไปเสนอกับสองพี่น้อง แต่ทางสองพี่น้องก็บอกว่ากลับไปว่าพวกเค้าเคยทำแล้วแต่ไม่เวิค ก็เลยปัดข้อเสนอนี้ไป แต่ด้วยพลังตื๊อของเรย์ สุดท้ายเรย์ก็ทำการตกลงกับสองพี่น้องจนมาเปิดแฟรนไชส์ขยายไปหลายที่มาก จน McDonald's นั้นเติบโตไวมากกว่าที่คิด สุดท้ายทั้งสองฝ่ายได้มีปัญหาทางธุรกิจเกี่ยวกับแฟรนไชน์ที่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน สุดท้ายเรย์ก็กวาดซื้อและครอบครองสิทธิ์ McDonald's ทั้งหมดและขยายธุรกิจจนใหญ่โตอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนี่แหละ (ใครอยากรู้เรื่องราวแบบเจาะลึก นี่แนะนำให้ไปดูหนังเรื่อง The Founder คือโคตรดีย์ มีความดราม่าและพีคมากเลยทีเดียว)
ก๊อตรู้สึกว่าที่นี่มีความขลัง ด้วยความออริจินอลของมันนี่แหละ บรรยาการต่างๆ การตกแต่งร้านมันเหมือนเราได้ย้อนไปอยู่ยุคนั้นเลย ซึ่งเป็นอะไรที่หายากมากในปัจจุบัน ส่วนเรื่องรสชาติก๊อตว่าเฉยๆ เพราะว่าในอเมริกา Fast Foods มันเยอะมาก บอกตรงๆ ว่ามันยังมีร้านที่อร่อยกว่านี้อีก แต่ถ้าอยากมาเสพบรรยากาศ หรือมาแวะพักระหว่างทางก็ถือว่าโอเคเลยนะ และภายในร้านนี้ไม่ได้ขายแค่อาหารเท่านั้นแต่เค้ายังขายของทีระลึกด้วย คนที่เป็นชอบสะสมของออริจินอลก็แนะนำให้แวะมาที่นี่เลย
DAY5-6 : ดิสนีย์แลนด์ ปาร์ค (Disneyland Park) + ดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ ปาร์ค (Disney California Adventure Park)
สาวกดิสนีย์พลาดไม่ได้กับ 2 สวนสนุก Disneyland ในแคลิฟอร์เนีย (California) คือ ดิสนีย์แลนด์ ปาร์ค (Disneyland Park) และ ดิสนีย์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ ปาร์ค (Disney California Adventure Park) คนที่เป็นแฟนดิสนีย์คือต้องเก็บทั้งสองปาร์คนะ ถ้ามีเวลาวันเดียวก็สามารถ Hopping ระหว่างสองปาร์คได้ หรือถ้าใครมีเวลาเยอะหน่อย ก๊อตแนะนำว่าให้เราเที่ยวแบบ 2 วัน วันละปาร์คไปเลย บินมาไกลถึงอเมริกาทั้งที ก็เก็บแต้มเล่นให้หมด เชื่อก๊อต!
สำหรับรีวิว Disneyland Park และ Disneyland California Adventure Park ในหน้านี้ จะมีแค่รายละเอียดคร่าวๆ นะครับ ใครที่อยากอ่านฉบับเต็ม แนะนำให้คลิกรูปหรือลิงค์ด้านล่าง เพื่อเข้าไปอ่านแบบละเอียดได้เลย ตั้งแต่การซื้อตั๋ว โรงแรม และรีวิวแต่ละเครื่องเล่น บอกเลยว่าแน่นและจุกมาก ใครที่จะไปคือต้องอ่านจริงจัง! > อ่านรีวิว Disneyland Park / อ่านรีวิว Disneyland California Adventure Park
รู้จัก ดิสนีย์แลนด์ ปาร์ค (Disneyland Park) และ ดิสนีย์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ ปาร์ค (Disney California Adventure Park) + แตกต่างกันอย่างไร?
ดิสนีย์แลนด์ ปาร์ค (Disneyland Park) เป็นสวนสนุกของ Walt Disney แห่งแรกของโลก เมื่อก่อนที่นี่มีชื่อน่ารักๆ ว่า The Mickey Mouse Park แล้วสุดท้ายก็เปลี่ยนมาเป็นชื่อ Disneyland อย่างที่เราเรียกกัน ที่นี่เปิดให้เข้ามาใช้บริการครั้งแรกปี 1955 โดยมีคอนเซปต์ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่มีความสุขที่สุดในโลก และต่อมาในปี 2001 ก็ได้มีการเปิดสวนสนุกโซนใหม่ขึ้นมาเพิ่ม เรียกว่า ดิสนีย์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ ปาร์ค (Disney California Adventure Park)
ขอเริ่มจากภาพรวมของ ดิสนีย์แลนด์ ปาร์ค (Disneyland Park) นั้นจะมีความเป็นดิสนีย์แบบที่เราคุ้นเคย ความเจ้าหญิง ปราสาทฟรุ้งฟริ้ง สีหวานๆ แต่มีความคลาสสิคกว่าที่อื่น เครื่องเล่นหลากหลาย มีให้เล่นตั้งแต่เด็กเล็กจนวัยผู้ใหญ่แบบเรา ซึ่งเค้ามาครบทั้งตระกูลเจ้าหญิง ไปจนถึงไฮไลท์เด็ดสุดคือโซน Star Wars ที่ถือเป็นโซนใหม่ล่าสุดที่มีไม่กี่แห่งบนโลก ดังนั้น ใครที่มากันเป็นครบครัวคือเหมาะที่สุด ส่วนใครที่เป็นแฟนดิสนีย์ และ Star Wars อยู่แล้ว ก็ห้ามพลาดอย่างยิ่งเลย
ส่วน ดิสนีย์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ ปาร์ค (Disney California Adventure Park) จะค่อนข้างตรงกันข้ามนิดหน่อย ฝั่งนี้เค้าเน้นเครื่องเล่นผาดโผน หวาดเสียว เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเหล่าแฟนหนัง Marvel นี่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะเค้ามีโซนเปิดใหม่อย่าง Avengers Campus ที่ตอนนี้มีแค่ที่นี่ที่เดียวในโลกด้วย รับรองว่าสนุกและมันส์มาก!
⚡️ เอาจริงๆ ทั้งสองพาร์คมีความเด็ดดวงทั้งคู่แบบไม่มีใครยอมใคร ฝั่งนึงก็มี Star Wars อีกฝั่งก็มี Marvel กับเหล่าบรรดา Avengers ดังนั้น บินไกลมาถึงอเมริกาทั้งที ควรเก็บให้หมดดดดด! ซึ่งเอาจริงป่ะ นี่ว่าดิสนีย์เค้าคิดมาแล้ว ยูจะมาเสียตังค์แค่อันเดียวได้ไง พวกยูต้องเสียตังค์ให้ฉันหมดทั้งสองพาร์คโว้ย เออ ก็ตามนั้นแหละ 5555555555
ซื้อบัตร ดิสนีย์แลนด์ ปาร์ค (Disneyland Park) ที่ไหนดี?
บัตร Disneyland Park นั้นหลักๆ มีประมาณ 6 แบบ โดยแบ่งออกเป็นจำนวนวัน คือ 1-3 วัน และจำนวนพาร์คที่เราต้องการเข้า คือ Single Park หรือ Hopper ซึ่งแต่ละวัน ราคาเค้าก็จะแตกต่างกันออกไปตาม Tier ที่ดิสนีย์เค้ากำหนดไว้ ซึ่งแน่นอนว่าช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ ราคาจะแพงกว่าวันธรรมดาแน่นอน ดังนั้น วางแผนวันไปกันไว้ดีๆ เลย
ซึ่งตัวก๊อตเองเลือกซื้อแบบ 2 Days Single Park Ticket คือ เล่นเต็มที่หนึ่งวันต่อหนึ่งพาร์คไปเลย (ไม่สามารถ Hopping ไปอีกพาร์คได้) โดยก๊อตซื้อบัตรผ่านทาง KLOOK เพราะสะดวกและซื้อได้อย่างรวดเร็วเช่นเดิม และแน่นอนว่าราคาของเค้าดี และถูกกว่าซื้อตรงจากเว็บ Disneyland นะ
ดูราคาหรือซื้อบัตร Disneyland Park + Disney California Adventure Park ให้เราลองคลิกลิงค์จากลิสด้านล่างนี้ได้เลย
💥 แต่ขอย้ำหน่อยว่าสำหรับการซื้อบัตรที่ Disneyland แม้ว่าเราจะซื้อผ่านทาง KLOOK มาแล้วแต่เรายังต้องเข้าไปกดจองวันเข้าสวนสนุกในเว็บของ Disneyland ด้วย ซึ่งเค้าจะจำกัดจำนวนคนเข้าสวนสนุกแต่ละวัน ถ้าเต็มนี่คืออดเข้าจริงๆนะ เพราะเพื่อนก๊อตโดนมาแล้วกับตัวคือ จองและเลือกวันจากเว็บ Klook แต่ไม่ได้จองวันในเว็บ Disneyland แล้วพอมาจองดันเต็ม ไปขอร้องหน้าสวนสนุก เค้าก็ไม่ให้เค้านะเออ อันนี้สำคัญมาก ดังนั้น วางแผนดีๆ และควรที่จะซื้อก่อนล่วงหน้านานๆ เลยด้วย
สำหรับใครที่จะไปเที่ยวและอยากจะซื้อบัตรใน KLOOK ก๊อตแนะนำว่าให้ เช็คส่วนลดประจำเดือนของ KLOOK (คลิกที่นี่) ด้วยนะ เพราะว่า KLOOK เค้ามีการอัพเดทโปรโมชั่นอยู่เรื่อยๆ และส่วนลดที่เค้าให้แต่ละรอบนั้นเยอะมาก อย่าลืมเช็คส่วนลดก่อนไปกดจองน้า จะได้เที่ยวแบบคุ้มๆ
เครื่องเล่นห้ามพลาดไฮไลท์ของ ดิสนีย์แลนด์ ปาร์ค (Disneyland Park)
ดิสนีย์แลนด์ ปาร์ค (Disneyland Park) แบ่งออกได้ประมาณ 9 โซนหลักๆ คือ Star Wars: Star Wars: Galaxy’s Edge, Fantasyland, Tomorrowland, Adventureland, Critter Country, Frontierland, New Orleans Square, Main Street U.S.A. และ Mickey’s Toontown ซึ่งแต่ละโซนเค้าก็จะมีเครื่องเล่นไฮไลท์หลักของแต่ละโซนอยู่ ก๊อตแนะนำว่า ถ้าเราอยากเล่นอันไหนก่อน ให้พุ่งตัวไปโซนนั้นเป็นที่แรก หลังจากนั้นค่อยตามเก็บไปทีละโซนเป็นวงกลมได้เลย
สำหรับเครื่องเล่นห้ามพลาดของ ดิสนีย์แลนด์ ปาร์ค (Disneyland Park) คือตัวเด็ด ตัวไฮไลท์ของแต่ละโซน โดยก๊อตขอแนะนำทั้งหมด 8 เครื่องเล่น แต่ละเครื่องคือสนุกหมด และคุ้มค่าแก่การต่อคิวที่สุด ใครไม่รู้จะเล่นอะไร ปักหมุดพวกนี้ไว้ก่อนเลย
เหตุผล | เครื่องเล่นห้ามพลาด |
ต้องเล่น! เป็นประสบการณ์ใหม่มากก | - Star Wars: Rise of the Resistance (* ต้องจอง Virtual Queue ผ่านแอพเท่านั้น / Walk-in ไม่ได้) / โซน Star Wars: Galaxy’s Edge - Millennium Falcon: Smugglers Run / โซน Star Wars: Galaxy’s Edge |
สายรถไฟเหาะ สนุก-หวาดเสียว | - Splash Mountain / โซน Critter Country - Big Thunder Mountain Railroad / โซน Frontierland - Matterhorn Bobsleds / โซน Fantasyland - Space Mountain / โซน Tomorrowland |
เครื่องเล่นสายว้าว ตื่นตาตื่นใจ | - Pirates of the Caribbean / โซน New Orleans Square - Haunted Mansion Holiday / โซน New Orleans Square |
เครื่องเล่นห้ามพลาด + ไฮไลท์ของ Disney California Adventure Park
ดิสนีย์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ ปาร์ค (Disney California Adventure Park) ถูกแบ่งออกได้ประมาณ 6โซนหลักๆ คือ Avengers Campus, Cars Land, Grizzly Peak, Paradise Gardens Park, Pixar Pier และ Hollywood Land ซึ่งแต่ละโซนก็จะมีไฮไลท์แตกต่างกันไป
เหตุผล | เครื่องเล่นห้ามพลาด |
ต้องเล่น! เป็นอะไรที่สนุก และมีที่ Disney California Adventure Park เดียว | - WEB SLINGERS: A Spider-Man Adventure (* ต้องจอง Virtual Queue ผ่านแอพ Disneyland เท่านั้น / Walk-in เข้าไปเล่นเองไม่ได้) - Radiator Springs Racers |
เครื่องเล่นโคตรสนุก-หวาดเสียว | - Incredicoaster - Guardians of the Galaxy – Mission: BREAKOUT! - Grizzly River Run |
น่าประทับใจ | - Soarin' Around the World |
จบแล้วสำหรับการเที่ยว ลอสแอนเจลิส (Los Angeles) ครั้งนี้
นี่คือการมาเที่ยว 6 วันที่โคตรดี ได้ไปเที่ยวแลนด์มาร์คสำคัญๆ ของเมืองนี้เยอะมาก ไม่ว่าจะ Hollywood Walk of Fame, หอดูดาวกริฟฟิธ (Griffith Observatory) และยังได้เห็นงานสถาปัตยกรรมทั้งแบบใหม่และเก่าของเมืองนี้ รวมไปถึงได้ไปเที่ยวสวยสนุกยอดฮิตทั้ง 3 ที่ของที่นี่ด้วย เป็นการเดินทางมาที่โคตรคุ้มค่า ใครที่อยากมาเมืองนี้แต่ไม่รู้จะไปไหนดี ก็มาเที่ยวตามก๊อตได้เลย รับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวัง และต้องประทับใจมากๆ แน่นอน
รีวิวเที่ยวอเมริกาครั้งแรก ยังไม่หมดเท่านี้ 🇺🇸🗽
เที่ยวอเมริกาให้เยอะขึ้นอีกจากรีวิวอเมริกาด้านล่างนี้ได้เลย
EP.0 (1) – USA Travel 101 กำลังเขียน
EP.0 (2) – 8 เหตุผล ทำไมต้องไปเที่ยวอเมริกาซักครั้งในชีวิต
EP.1 – Chicago
EP.2 – San Francisco กำลังเขียน
EP.3 - Pacific Coast Highway : Monterey + Carmel-By-The-Sea กำลังเขียน
EP.4 - Pacific Coast Highway : Big Sur กำลังเขียน
EP.5 - Pacific Coast Highway : Morro Bay + Santa Barbara กำลังเขียน
EP.6 – Los Angeles
EP.7 – Universal Studios Hollywood
EP.8 – Disneyland Park
EP.9 – Disney California Adventure Park
EP.10 – San Diego กำลังเขียน
EP.11 – Joshua Tree National Park
EP.12 – Death Valley National Park กำลังเขียน
EP.13 – Yosemite National Park กำลังเขียน
EP.14 – Washington D.C. กำลังเขียน
EP.15 – New York City
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡
5 comments
รอรีวิว San Francisco ครับผมม
กำลังทำอยู่นะครับ
อยากไปตามรอยเลยค่ะ รบกวนขอทราบได้มั้ยคะ ว่า48วัน หมดไปเท่าไหร่ ขอบคุณค่ะ
ตามรีวิวตลอดเขียนละเอียด สนุกมากๆค่ะ กำลังตาม LA เมย นี้ค่า
กำลังทำแพลนเที่ยวแอลเอ มีประโยชน์มากเลยค่ะ เขียนสนุก รายละเอียดดีค่ะ จะติดตามต่อนะคะ