บานาฮิลล์ (Bana Hills) ที่เที่ยวสุดป๊อป ที่คนไทยชอบมากที่สุดของเวียดนามตอนนี้ เราต้องยกให้ บาน่าฮิลล์ (Bana Hills) เค้าเลย เพราะไม่ว่าก๊อตจะไถฟีดไปทางไหน 95% ของเพื่อนๆ ในโซเชียลที่ได้ไปเที่ยวเวียดนามมา ล้วนไปเที่ยวเช็คอินกันที่ บานาฮิลล์ (Bana Hills) แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพของสะพานสีทองอร่ามพร้อมมือยักษ์ขนาดใหญ่รองเป็นฐาน กระเช้าลอยฟ้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลก และสวนสนุกธีมหมู่บ้านฝรั่งเศสที่ทุกคนบอกว่าไม่ต้องไปไกลถึงยุโรป ซึ่งก๊อตขอกระซิบก่อนเริ่มรีวิวเลยว่า จากที่ก๊อตเคยไปเที่ยวยุโรปมา บอกเลยว่าที่ บานาฮิลล์ (Bana Hills) คือได้ฟีลยุโรปเบาๆเลยแหละ บรรยากาศเค้าทำเหมือนจริง เอาล่ะ เกริ่นมาตื่นเต้นขนาดนี้แล้ว เราไปเที่ยวบานาฮิลล์ (Bana Hills) ที่ดานัง กันแบบละเอียดยิบกันดีกว่า เย่!
รู้จัก บานาฮิลล์ (Bana Hills)
บานาฮิลล์ (Bana Hills) ตั้งอยู่ในเมืองดานัง (Da Nang) อยู่ห่างจากตัวเมืองทางด้านทิศตะวันตกประมาณ 20 กิโลเมตร โดยตั้งอยู่บนเทือกเขาเจื่องเซิน (Mount Trường Sơn) หลายคนที่อ่านรีวิวแล้วอาจจะเข้าใจว่านี่คือหมู่บ้านฝรั่งเศสแบบโบร่ำโบราณที่เป็นหมู่บ้านจริงๆ เออ นี่จะบอกว่าไม่ใช่ แต่นี่มันคือธีมพาร์ค หรือสวนสนุกของกลุ่ม Sun World ที่ด้านในมีทั้งสวนสนุก โรงแรม ร้านอาหาร และพื้นที่สำหรับพักผ่อนสไตล์ฝรั่งเศสนั่นเอง
บานาฮิลล์ (Bana Hills) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1919 โดยกัปตันชาวฝรั่งเศส ที่ชื่อว่า ‘Debay’ และรัฐอาณานิคม ที่ต้องการพื้นที่สร้างรีสอร์ทและวิลล่าเพื่อหนีอากาศร้อนๆ ของดานัง ซึ่งฝรั่งเศสเองก็ได้ลงทุนและสร้างที่พักวิลล่าตากอากาศกว่า 200 หลังในบานาฮิลล์เลยทีเดียว จนสุดท้าย บานาฮิลล์ก็ต้องถูกทิ้งร้างไปจากการพ่ายแพ้ของฝรั่งเศส ต่อกองทัพปฏิวัติคอมมิวนิสต์ชาตินิยมเวียดมินห์ใน ‘ศึกเดียนเบียนฟู (Battle of Diem Bien Phu)’ ในปี ค.ศ. 1954
สุดท้ายในปี 2009 กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของเวียดนามอย่าง Sun World ได้เข้าพัฒนาและสานต่อพื้นเดิมตรงนี้ใหม่ให้กลายเป็นสถานที่เที่ยวฮิต โดยสร้างเป็นธีมปาร์คในรูปแบบหมู่บ้านฝรั่งเศส (French Village) โดยเอาแรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านในบ้านเกิดของ ‘ปีแยร์ ปีโญ เดอ เบแอน (Pigneau de Behaine)’ บาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่ถือเป็นต่างชาติคนแรกที่ได้มาเยือนบานาฮิลล์นั่นเอง
ด้วยความที่ บานาฮิลล์ (Bana Hills) ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,500 เมตร ความสูงระดับนี้ทำให้พื้นที่บริเวณบาน่าฮิลล์ (Bana Hills) มีอากาศเย็นสบายกว่าในตัวเมืองดานังมากกก จากตอนแรกที่ก๊อตอยู่ในตัวเมืองดานังนี่ร้อนเหงื่อแตก พอขึ้นมาด้านบนที่บานาฮิลล์ที คือเย็นสบาย เหงื่อแทบไม่มี ใครที่ขี้หนาวหน่อยๆ ก๊อตแนะนำให้พกแขนยาวติดไม้ติดมือไปด้วย เพราะตอนกลางคืนก็คือหนาวจริงงง
สำหรับไฮไลท์สุดปังของ บานาฮิลล์ (Bana Hills) คือการมาขึ้นกระเช้าลอยฟ้าทางรางเดี่ยวที่ยาวที่สุดในโลก ท่ามกลางวิวภูเขา ธรรมชาติเขียวๆ อีกทั้งยังได้เดินเล่นในหมู่บ้านฝรั่งเศสที่ให้ฟีลเหมือนอยู่ยุโรปของจริง และสุดท้าย กับการไปถ่ายรูปบนสะพานมือยักษ์ ‘Golden Bridge’ ที่ทุกคนต้องถล่มกดไลก์ บอกเลยว่าทริปบานาฮิลล์ (Bana Hills) ถ่ายรูปสนุก เพราะถ่ายมุมไหนก็สวยไปหมดจริงๆ
แพลนเที่ยว บานาฮิลล์ (Bana Hills) ดานัง เวียดนาม
สำหรับการเที่ยวบานาฮิลล์ (Bana Hills) ของก๊อตนั่น จะเป็นการเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน ที่ถือว่าเป็นเวลาที่พอเหมาะพอดี มีเวลาเยอะให้ถ่ายรูปเล่น และสามารถเก็บครบทุกจุดของบานาฮิลล์เลย ส่วนใครที่คิดอยากจะมาเที่ยวโดยใช้เวลามากกว่านี้ ก๊อตแนะนำว่า ไปเที่ยวที่อื่นต่อเถ้อออ นอกจากไม่ได้คิดอะไรมาก อยากมานอนเล่นบนบานาฮิลล์แค่นั้น ถ้าแบบนั้นน่ะโอเค ฮ่า
ที่พัก/โรงแรมบนบานาฮิลล์ (Bana Hills)
ใครที่ต้องการเที่ยวบานาฮิลล์ (Bana Hills) แบบคุ้มๆ และเต็มอิ่ม ยังไงก็ต้องมานอนด้านบน เพราะต้องบอกก่อนว่าช่วงเวลาปกติตอนกลางวัน ด้านบนบานาฮิลล์คนจะเยอะมากๆ เนื่องจากมันเป็นสวนสนุก การที่เราจะได้รูปสวยๆ นั้นเป็นไปไม่ได้เลย แต่สำหรับคนที่มานอนด้านบนนั้น เราจะมีเวลาช่วงเย็น-ค่ำในช่วงที่นักท่องเที่ยวทั่วไปจะลงกันไปหมดแล้ว ทำให้ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาสำหรับคนที่นอนด้านบนได้อิ่มหนำสำราญไปกับบรรยากาศ พร้อมกับถ่ายรูปได้แบบหนำใจ โดยไม่ติดคนเลย ซึ่งรูปภาพในรีวิวนี้ที่ไม่มีคนอื่นในรูป ส่วนมากก็คือถ่ายในช่วงเวลานี้แหละเอ้อออ
สำหรับที่พักด้านบนเค้ามีอยู่โรงแรมเดียวเลยคือ โรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills ที่ยืนหนึ่งในเรื่องทำเล เพราะตั้งอยู่กลางบานาฮิลล์ (Bana Hills) ส่วนเรื่องราคาก็อาจจะเหวี่ยงหน่อยตามซีซั่น ยังไงลองเช็คราคาดูก่อนตามเว็บต่างๆ เนอะ ส่วนใครที่อยากอ่านรีวิวตัวโรงแรมเต็มๆ เลื่อนอ่านต่อด้านล่างได้เลย รีวิวนี้มาแบบครบจัดเต็ม
⚡️ สำคัญมาก ใครที่จะนอน Mercure Danang French Village Bana Hills ควรจองล่วงหน้านานๆ เพราะถ้าปล่อยไว้จองใกล้ๆ ตอนจะไปเที่ยว มีสิทธิ์ตุ๊บสูงมาก เพราะอย่าลืมว่ามันมีอยู่โรงแรมเดียวแบบผูกขาดเด้อ ดังนั้น จองไปก่อน จะจองแบบยกเลิกฟรีก็ได้ เพราะถ้าเจอใหม่ในราคาที่ถูกกว่า ค่อยยกเลิกอันเดิมนั่นเอง
> ดูราคาและจองผ่าน Agoda
> ดูราคาและจองผ่าน Booking.com
> ดูราคาและจองผ่าน Expedia
> ดูราคาและจองผ่าน Trip.com
> ดูราคาและจองผ่าน Klook
วิธีไปบานาฮิลล์ (Bana Hills)
สำหรับการไปบานาฮิลล์ (Bana Hills) นั้น อย่างแรกคือเราต้องไปที่สถานีกระเช้าบานาฮิลล์ (Bana Hills Cable Station) กันก่อน ไม่ว่าใครจะมาจากไหน ไม่ว่าจากดานัง (Da Nang) หรือฮอยอัน (Hoi An) ก๊อตแนะนำให้เราเรียก Grab หรือเหมารถกันมาน่าจะสะดวกที่สุด ซึ่งราคานั้นจะเหวี่ยงสุด ไม่ว่าจะเป็น Grab ที่ราคาเหวี่ยงตามช่วงเวลา หรือแม้แต่ราคารถรับ-ส่ง ที่ถามจากโรงแรม เค้าก็จะชาร์จขึ้นไปอี๊ก
ทีนี้ ถ้าถามว่าจะหารถเหมาจากไหน ก๊อตแนะนำให้จองจาก Klook หรือ KKday คือดีสุด แถมยังน่าเชื่อถือ เพราะนอกจากจะเป็น Flat Rate ที่เราจะไม่ถูกชาร์จเพิ่ม หรือราคาเหวี่ยงแล้ว เรายังสามารถกำหนดจุดรับ (อย่างเช่นที่โรงแรมของเรา) รวมถึงบางทีเราอาจจะได้ส่วนลด KLOOK เพิ่มเติมจากโปรโมชั่นประจำเดือนเค้าอีกด้วย
รถรับ-ส่ง ดานัง (Da Nang) <> บานาฮิลล์ (Bana Hills)
รถรับ-ส่ง ฮอยอัน (Da Nang) <> บานาฮิลล์ (Bana Hills)
ซื้อบัตรเข้าบาน่าฮิลล์ (Bana Hills)
สำหรับการขึ้นไปยังบาน่าฮิลล์ (Bana Hills) นั้น เราจะต้องเสียค่าบัตรเข้ากันก่อน โดยตั๋วค่าเข้านั้นรวมมาให้เกือบทุกอย่าง รวมถึงค่าขึ้นกระเช้าทั้งหมดภายในบาน่าฮิลล์เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เราไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเติมอีกด้านใน ยกเว้นก็แต่บางเครื่องเล่นในสวนสนุกที่อาจจะมีเพิ่มเติม (แต่จากที่ก๊อตเข้าไปเล่นมา ก็เล่นฟรีนะเว้ย ยังไงต้องลองเช็คหน้างานดูอีกที)
ทั้งนี้ ก๊อตแนะนำให้เราซื้อออนไลน์ผ่าน Klook หรือ KKDay ไปเลย เพราะหน้าคิวขึ้นกระเช้าแน่นมาก แต่ถ้าเราซื้อออนไลน์ล่วงหน้ามาแล้ว เราจะได้ตั๋วแบบ QR Code และแสกนเข้าเกทได้แบบไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วใด คือสะดวกม๊าก นอกจากนี้ เค้ายังมีออพชั่นบุฟเฟต์อาหารกลางวัน หรืออาหารค่ำให้เราเลือกซื้อเป็นแพ็คด้วย ซึ่งซื้อคอมโบเป็นแพ็คแบบนี้นั้นจะถูกกว่าซื้อหน้างานด้วยแหละ ยังไงลองเช็คราคาทั้งสองเจ้าดูได้เลย
> จองบัตรเข้าบานาฮิลล์ (Bana Hills) รวมกระเช้าลอยฟัา [ซื้อผ่าน KLOOK] / [ซื้อผ่าน KKDay]
👀✨ สำหรับคนที่พักค้างคืนที่ Mercure Danang French Village Bana Hills
ส่วนใครที่เข้าพักโรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills แบบก๊อตนั้น ให้ลองเช็คกับโรงแรมหรือ OTA ดีๆ บุ๊คกิ้งที่เราจองนั้นมีรวมค่าเข้า + ขึ้นกระเช้าไปยังบาน่าฮิลล์ (Bana Hills) แล้วหรือ เพราะบางแพ็คเกจโรงแรมจะรวมกระเช้าไปแล้ว อย่างรอบนี้ กลุ่มก๊อตเองที่ไปเที่ยวบานาฮิลล์และนอนโรงแรมกันทั้งหมด 4 คน ในบุ๊คกิ้งโรงแรมที่ก๊อตจองนั้นเค้ารวมตั๋วค่าเข้าและขึ้นกระเช้ามาให้แล้ว 2 คน ส่วนอีก 2 คน ที่เหลือจะได้ส่วนลดค่าเข้าครึ่งราคา โดยก๊อตนั้นจ่ายที่ 450,000 ดอง (~700 บาท) เท่านั้น ซึ่งถ้าจองนอนโรงแรมด้านบนแล้วยังต้องซื้อบัตรเพิ่ม ก๊อตแนะนำว่าไม่ต้องไปซื้อออนไลน์ในราคาเต็ม ให้เราไปซื้อหน้างานตอนเช็คอินโรงแรมก่อนขึ้นกระเช้าเนอะ
มาเริ่มเที่ยวบาน่าฮิลล์ (Bana Hills) กันเล้ยย!!
วันที่ 1: นั่งกระเช้าลอยฟ้ากันก่อน
การที่เราจะไปเที่ยวบานาฮิลล์ (Bana Hills) ได้นั้น อย่างแรกเราต้องขึ้นกระเช้าลอยฟ้ากันก่อน ซึ่งกระเช้าเค้าก็มีรางวัลการันตี ถึงขั้นได้รับการบันทึกสถิติโลก โดย Guinness World Record ถึง 4 สถิติ ไม่ว่าจะเป็น (1.) กระเช้าลอยฟ้าแบบสลิงสายเดี่ยวที่ยาวที่สุดในโลก ที่ความยาว 5,042 เมตร โดยมีจุดสูงที่สุดอยู่ที่ระดับความสูง 1,291 เมตร (2.) ระยะทางระหว่างสถานีเคเบิ้ลที่ยาวที่สุดในโลกที่ 1,368.93 เมตร (3.) น้ำหนักเคเบิ้ลที่หนักมากที่สุดในโลกถึง 141.24 ตัน และ (4.) สายเคเบิลที่ใช้นั้นถือเป็นเส้นที่ยาวที่สุดในโลกกว่า 11,587 เมตร
เออ ก็ดูความยิ่งใหญ่ของเขาแล้วกันว่ามันขนาดไหน โดยการนั่งกระเช้าขึ้นไปยังบานาฮิลล์นั้น จะใช้เวลาประมาณ 18 นาที กับวิวที่ใช้คำว่าสวยได้เปลืองจัด ทั้งวิวภูเขาสีเขียวๆ รายล้อม พร้อมน้ำตกไหลลดหลั่นไปตามภูเขา และที่สวยสุด คือเราสามารถเห็นวิวเมืองดานังสวยๆ ได้นั้นเอง บอกเลยว่าฟีลดี และทำดีมาก
หมู่บ้านฝรั่งเศส (French Village)
หลังจากนั่งกระเช้าขึ้นมายัง บานาฮิลล์ (Bana Hills) และเช็คอินฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเดินสำรวจบานาฮิลล์ฝั่งหมู่บ้านฝรั่งเศส (French Village) กัน ซึ่งก๊อตบอกเลยว่าคนเยอะมากของจริง จากตอนแรกก่อนมาเที่ยวที่ก๊อตคิดว่าเป็นหมู่บ้านฝรั่งเศสแบบโบร่ำโบราณ ฟีลสถานที่ทางประวัติศาสตร์ แต่แท้ที่จริงแล้วมันคือสวนสนุกธีมยุโรปนั่นเอง คือไม่ได้ทำการบ้านก่อนมาเที่ยวอย่างแท้จริง โอ้ย 555555
อย่างแรกต้องขอชมว่าเค้าสร้างออกมาได้เหมือนยุโรปนะ ฟีลมันได้อยู่เพราะอากาศที่เย็นสบายเอย ความตึกรามบ้านช่องที่สร้างออกมาได้เหมือนมากเว้ย ถ้าใครที่ไม่เคยไปเที่ยวยุโรปมาก่อน ก๊อตบอกเลยว่าไม่ผิดหวัง ซึ่งตึกธีมยุโรปต่างๆ ในบานาฮิลล์ (Bana Hills) ก็คือตึกโรงแรมเมอร์เคียว ร้านอาหารและคาเฟ่ซะส่วนใหญ่ ซึ่งเดินเพลินมาก รับรองว่าถ่ายรูปได้หลายร้อยรูปเล้ย
และด้วยความที่เค้าเป็นสวนสนุก ตรงลานพลาซ่าเรือนกระจก เค้าก็จะมีการแสดงตลอดทั้งวัน และที่เซอร์ไพรส์ของการแสดงเค้าคือ นางใช้นักแสดงฝรั่งทุกคนเพื่อให้เหมือนฟีลยุโรปมากที่สุดนาจา อันนี้ถือว่าได้ เหมือนทำการบ้านมาอย่างดี ฟีลแบบ ถ้านักแสดงหน้าตาเอเชียก็คงจะไม่ใช่งี้ 55555
นั่นแหละ อย่างที่ก๊อตบอกไปว่าช่วงกลางวันคนแบบแตกแตนล้านแปด เพราะคนส่วนมากเค้ามาเที่ยวสวนสนุก และมากันแบบเดย์ทริป บอกเลยว่าขนาดก๊อตเองยังถ่ายรูปไม่ค่อยได้เลยแหละ เพราะติดคนเต็มไปหมด ดังนั้น นี่ก็เลยแปะไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวก๊อตจะกลับมาถ่ายรูปกับบรรยากาศของบานาฮิลล์ (Bana Hills) กันใหม่ในช่วงค่ำที่สวนสนุกเค้าปิด และคนที่มาแบบเดย์ทริปเค้ากลับกันหมดแล้วนั่นเอง โอเค เดี๋ยวมาใหม่!
โบสถ์เซนต์ เดนิส (Saint Denis)
สำหรับแลนด์มาร์คที่ก๊อตชอบมากที่สุดของฝั่งหมู่บ้านฝรั่งเศส (French Village) คือ โบสถ์เซนต์ เดนิส (Saint Denis) ที่ตั้งสง่าอยู่ด้านเคียงข้างลานพลาซ่าหลักของบานาฮิลล์ (Bana Hills) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ที่ต้องมาถ่ายรูป โดยที่นี่นั้นไม่ใช่โบสถ์จริงนะทุกคน แต่เค้าสร้างเป็นโบสถ์จำลองสไตล์โกธิค ที่ทำให้บานาฮิลล์ดูเป็นยุโรปมากขึ้นไปอี๊ก ซึ่งโบสถ์นี้เองก็ได้ต้นแบบการสร้างจากอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (Cathédrale Notre-Dame de Paris) ประเทศฝรั่งเศส
จากใจ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นโบสถ์จำลองก็คือนึกว่าเป็นโบสถ์ของจริง เพราะเค้าทำออกมาได้โคตรดีทั้งด้านนอกและด้านใน ความละเมียดละไมของการตกแต่งคือยอมใจทั้งเฟรมกระจกสีและประตู เสาและคานต่างๆ ด้านในที่มีลวดลายเส้นสายสวยงาม มาพร้อมทั้งออร์แกนปลอมที่เล่นเพลงไม่ได้ โดยรวมคือสวยและดีมากก
วัดหลินฟองเซ็น (Linh Phong Zen Monastery)
นอกจากบานาฮิลล์ที่มีฟีลยุโรปแล้ว เค้ายังมีกลุ่มวัดจีนเข้ามาตัดรสอีกด้วย (จนบางทีก็ตัดอารมณ์ความยุโรปเกิ้น เปลี่ยนอารมณ์ไม่ทันจริง 5555) ซึ่งที่นี่ก็คือ วัดหลินฟองเซ็น (Linh Phong Zen Monastery) ที่ประกอบไปด้วยเจดีย์ สวนดอกไม้ และหอระฆังที่เราสามารถปีนขึ้นไปดูวิวบาน่าฮิลล์ (Bana Hills) สวยๆ ได้เกือบทั้งหมด
ทั้งวิวหมู่บ้านฝรั่งเศสที่เรายกยอว่างดงามตอนเดินเล่น พอได้ขึ้นมาเห็นวิวจากมุมสูง ก็ให้มู้ดต่างออกไปด้วยหลังคาตึกทรงกรวยฟีลยุโรปตั้งเรียงราย พร้อมตัดวิววัดจีน ทั้งเจดีย์และสวนจีนต่างๆ บอกเลยว่าฟีลลิ่งโคตรแปลกแต่ก็สวยดี เออ มันได้ว่ะ 5555555555
ถ่ายรูปเก็บตกหมู่บ้านฝรั่งเศสช่วงเย็น-ค่ำ
หลังจากที่คนหมู่มากได้ลงจาก บานาฮิลล์ (Bana Hills) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่คนที่เป็นแขกของโรงแรมเมอร์เคียว ที่เราสามารถเดินเล่นถ่ายรูปเก็บตกบรรยากาศของบานาฮิลล์ (Bana Hills) ได้แบบสวยๆ นั่นเอง
บอกเลยว่าบรรยากาศนั้นต่างกันสุดขั้ว บานาฮิลล์ (Bana Hills) จากตอนแรกที่คนทะลัก ตอนนี้เหลืออยู่ไม่กี่คน นั่นทำให้บานาฮิลล์ (Bana Hills) สวยขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อลองเทียบบรรยากาศระหว่างกลางวัน และตอนค่ำดูว่าต่างกันขนาดไหน ซึ่งรอบค่ำนี้เองที่ก๊อตได้มีโอกาสเดินวนไปมาในบริเวณของหมู่บ้านฝรั่งเศส เลยทำให้ได้รู้ว่า เค้ามีมุมหลากหลายและเยอะมากให้เราถ่ายรูปเลย
เอาล่ะ เห็นแบบนี้แล้ว ถ้าใครที่อยากได้รูปดีๆ สวยๆ แบบนี้ ก็ต้องค้างข้างบนบานาฮิลล์ (Bana Hills) กับ Mercure Danang French Village Bana Hills นะเออ ส่วนเรื่องว่าโรงแรมมันจะดีไหม คุ้มค่าคุ้มราคา บริการดีหรือเปล่า ก๊อตขอรีวิวโรงแรมแบบเต็มๆ ที่ท้ายรีวิวนี้เลย
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
สะพานมือยักษ์ (Golden Bridge)
เช้าวันที่สองของ บานาฮิลล์ (Bana Hills) เรารีบตื่นกันแต่เช้า เพื่อที่จะไปขึ้นกระเช้ารอบแรกตอน 7 โมงครึ่ง และลงไปยัง สะพานมือยักษ์ (Golden Bridge) ตอนที่คนยังไม่ค่อยมีนั่นเอง โดยเราสามารถนั่งกระเช้าลงมาได้เลยนะ ซึ่งก๊อตกับเพื่อนมาถึงกันตอนประมาณ 7 โมงเช้า ก็เริ่มมีคนขึ้นมากันแล้ว แต่จะไม่เยอะเท่าช่วงกลางวัน
สำหรับ สะพานมือยักษ์ (Golden Bridge) นั้นถูกวางโค้งไปตามแนวเขา ในระดับความสูง 1,414 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งนี่ถือเป็นอีกจุดไฮไลท์ของบานาฮิลล์ (Bana Hills) ที่นักท่องเที่ยวหลายคนอยากมาเห็นกับตา และถ่ายรูปกับเจ้ามือนี้มากที่สุดเลยแหละ โดยจุดโดดเด่นของที่นี่คือ มือยักษ์ 2 ข้างที่อยู่ในท่าทางราวกับกำลังยกตัวสะพานไว้ในอุ้งมือ และถ้ามองจากมุมสูงมันจะให้ความรู้สึกเหมือนมือทั้งสองข้างกำลังยกสะพานขึ้นสู่ท้องฟ้า ท่ามกลางความเขียวของผืนป่าด้านล่าง โดยว่ากันว่าการเดินเล่นรอบสะพานทองคำเปรียบเสมือนการเดินบนก้อนเมฆข้ามพระหัตถ์ของเทพเจ้าแห่งขุนเขาอีกด้วย
สำหรับการมาถ่ายรูปสะพานมืออันนี้ ก็คือต้องวัดดวงกับเรื่องสภาพอากาศซักหน่อย เพราะบางวันมันก็มีหมอกหนาจนแทบมองไม่เห็น หรือถ้าวันไหนฝนตก ภาพก็จะหม่นหมองแบบไม่สวยไปเลย โชคดีหน่อย วันที่ก๊อตไปนั้น แดดแรว๊ง ฟ้าใส ถ่ายรูปออกมาก็เลยสวยแหละ แต่วันที่ก๊อตไปคือแดดแรว๊งง ฟ้าใส ก็ถือเป็นอีกมู้ดที่สวยเลยล่ะ
เนี่ยแหละ ถ้าเราอยากได้รูปแบบคนไม่ค่อยมี ก็ควรขึ้นกระเช้าลงมาตั้งแต่รอบแรก 7.30 ซึ่งถ้าเราไม่มาเช้าแบบนี้ บอกเลยว่าช่วงเวลาปกตินั้น เราไม่สามารถถ่ายรูปได้แน่นอน เพราะจริงๆ ก๊อตแอบลงมาดูตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คือคนเยอะจริง เยอะมากจนปวดหัว เยอะถึงขั้นมองไม่เห็นจังหวะที่เราจะสามารถถ่ายรูปแบบไม่ติดคนได้เลย นั่นเป็นเหตุผลให้วันนี้พวกเราต้องตื่นเช้าเพื่อมาเก็บรูปสวยๆ เพื่อมาทำรีวิวฝากทุกคนนั่นเองงง เย่
สวนสไตล์ฝรั่งเศส Le Jardin d’ Amour
หากเราเดินเที่ยว สะพานมือยักษ์ (Golden Bridge) กันเรียบร้อยแล้ว เราสามารถเดินต่อเข้ามาอีกยัง Le Jardin d’ Amour สวนสไตล์ฝรั่งเศสขนาดใหญ่ที่ภายในเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสถูกปลูกเอาไว้เยอะม๊าก แถมยังมีรูปปั้นสีขาวสุดปราณีตตั้งเอาไว้โดดเด่น ไว้เป็นจุดให้เราได้มาถ่ายรูปอีกด้วย ก๊อตบอกเลยฟีลสวนต้องลากแฟนมาถ่าย โรแมนติกที่สุด
ถ้าใครถ่ายรูปเล่นตรงสวนเสร็จแล้ว ลองเดินมาที่โรงไวน์ Debay Wine Cellar ดูนะ เราสามารถเดินเข้าไปดูด้านในได้ด้วย ลักษณะเป็นเหมือนอุโมงหินใต้ดิน ตามสองข้างทางก็จะมีถังไม้สำหรับใช้บ่มไวน์ตั้งเรียงรายอยู่ นอกจากนี้เดินต่อมาอีกไม่ไกล เราจะเห็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์พระศากยะมุนี พระพุทธรูปปูนขาวที่สูงถึง 27 เมตร ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนบานาฮิลล์ (Bana Hills) เลย และถ้าใครเดินเล่นจนเมื่อยแล้วสามารถไปนั่งดื่ม Starbucks ที่ด้านหน้าร้านปลูกไม้เลื้อยเขียวขจีแตกหน่อออกใบปกคลุมไปทั่วอาคาร แวะพัก แวะถ่ายรูปได้สบายๆ
สุดท้าย มุมเด็ดอีกจุดที่ต้องมาถ่ายรูป คือ ตรงโซนเสาสีขาวๆ หลายสิบต้นที่ตั้งเรียงราย แว๊บแรกที่ก๊อตเห็นนั้น คิดถึงตอนที่ก๊อตไปเที่ยวถ่ายรูปที่ LACMA : Urban Light ที่ลอสแอนเจลิส อเมริกาเลย ซึ่งที่นี่ก็ถือว่าถ่ายรูปออกมาแล้วกิ๊บเก๋สุด ยิ่งถ้าใครแต่งตัวจัดจ้าน ตัดกับสีขาวนะ คือคูลมากกก แนะนำเลย
เล่นรถรางเลื่อน Double High Speed Alpine Coaster / Fantasy World
หลังจากขึ้นกระเช้ามาจาก สะพานมือยักษ์ (Golden Bridge) แล้ว เราก็มาต่อคิวเล่นรถรางเลื่อน (Double High Speed Alpine Coaster) กันต่อ ซึ่งอันนี้เราไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเติมนะ เพราะมันรวมไปกับค่ากระเช้าเข้าบานาฮิลล์เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น มาขนาดนี้แล้ว เล่นไปเถ้ออออ
เอาล่ะ สำหรับการเล่นรถรางเลื่อนอันนี้ หนึ่งคันเราสามารถนั่งได้สองคน หรือถ้าใครอยากนั่งคนเดียวก็เล่นได้เหมือนกันนะ เค้าจะปล่อยให้เล่นและไหลไปกับรางเอง ซึ่งความเร็วขึ้นอยู่กับที่เราดึงเบรกเลยเว้ย อันนี้สนุกโคตรๆ มันเหมือนเราไถลไปตามเนินเขา ท่ามกลางวิวสวยๆ ได้เห็นตึกรามปราสาทของบานาฮิลล์ ถือเป็นอีกหนึ่งที่ก๊อตคิดว่าสนุก และถ้าเล่นรอบเดียวไม่พอ จะต่อคิวเล่นอีกหลายรอบก็ได้ 555555
ระหว่างที่เราเล่นเนี่ย เค้าจะมีมุมกล้องคอยถ่ายภาพเราเอาไว้ขายเอาเงินเราด้วย เพราะตอนที่เราเล่นอยู่ บอกเลยว่าแทบถ่ายรูปเองไม่ได้ ดังนั้น ใครที่อยากได้รูปตอนเล่นรถรางเลื่อนเก็บไว้เป็นที่ระลึก ขอให้ทำหน้าเก๊กสวยหล่อตลอดเวลา เพราะตอนเล่นเสร็จ เราสามารถซื้อรูปจากเค้าได้ โดยเค้าจะปริ้นมาเป็นกระดาษให้เป็นของที่ระลึก และเรายังสามารถโหลดไฟล์ JPG ได้อีกด้วยยย เออๆ ตอนแรกนี่จะไม่ซื้อ แต่เพื่อนซื้อกันหมด นี่เลยซื้อด้วยก็ได้ 5555555
อย่างที่รู้กันว่าบานาฮิลล์ (Bana Hills) มันก็คือสวนสนุกใช่ป่ะ ซึ่งเค้าจะมีโซนสวนสนุก Fantasy Park โดยเค้าเคลมว่าเป็นสวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ใครที่มีเวลาเยอะ งานนี้เลยอยู่เล่นกันได้ยาวๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเหงื่อไหลไคลย้อยกันเลย เพราะมันอยู่ในร่มเกือบทั้งหมด
ซึ่งเจ้า Double High Speed Alpine Coaster ที่เราไปเล่นเมื่อกี้นั้นก็เป็นหนึ่งในเครื่องเล่นของสวนสนุกสุดมันส์แห่งนี้ด้วยนะ ภายในก็จะมีโซนกิจกรรมมาให้เราได้เลือกเล่นเพียบ ไม่ว่าจะเป็น โซน Jurassic Park สำหรับแฟนๆ ที่หลงใหลเจ้าไดโนเสาร์ หรือจะเป็นโซน Tower Drop สำหรับสายแอดเวนเจอร์ที่ชื่นชอบความหวาดเสียว นอกจากนี้ยังมี บ้านผีสิง สำหรับสายชื่นชอบเรื่องสยองขวัญ ไปจนถึงเหล่าเกมส์ 4D 5D ให้ได้เลือกเล่นอีกมากมาย ใครชอบอันไหนก็เลือกเล่นได้ตามใจชอบเลย
สำหรับค่าตั๋วเครื่องเล่นต่างๆ นั้น มันรวมอยู่ในราคาตั๋วตั้งแต่ตอนเราซื้อบัตรขึ้นกระเช้าลอยฟ้ามาแล้ว จะยกเว้นก็แต่ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง หรือโซนตู้คีบตุ๊กตา ที่เราจะต้องจ่ายเงินเพิ่มนิดหน่อยเท่านั้น ส่วนตัวก๊อตเองนั้นไม่ได้เข้าไปเล่นต่อ เพราะเวลาก๊อตน้อย และรีบลงจากบานาฮิลล์ (Bana Hills) เพื่อไปเที่ยวที่อื่นต่อนั่นเอง
เป็นอันจนทริป บานาฮิลล์ (Bana Hills) แบบ 2 วัน 1 คืน บอกได้คำเดียวเลยว่าประทับใจบานาฮิลล์ (Bana Hills) สุดด (ถ้าไม่นับเรื่องคนเยอะนะ 5555) ที่นี่เป็นสถานที่เที่ยวครบรส มีกิจกรรมมากมายให้เราได้เลือกเล่น และยังมีสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสที่แสนจะงดงามเหมือนโลกในเทพนิยาย ราวกับตัวเราได้หลุดเข้าไปในนั้นจริงๆ ใครที่ชื่นชอบอาคาร ตึกรูปทรงของยุโรปแนะนำให้มาที่นี่เลย แถมบนนี้อากาศก็ดี๊ดีสดชื่นสุดๆ เที่ยวเสร็จแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเป็นสถานที่ฮิตที่คนเยอะมหาศาลขนาดนี้ มันดีมากแม่ อยากให้ทุกคนมาตามรอย
ที่พักบานาฮิลล์ (Bana Hills)
Mercure Danang French Village Bana Hills
อย่างที่ก๊อตบอกทุกคนไปว่ารอบนี้เราเลือกพักด้านบนบาน่าฮิลล์ (Bana Hills) เพื่อที่จะได้มีเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งที่พักด้านบนเค้ามีอยู่โรงแรมเดียวเลยคือ โรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills ที่ยืนหนึ่งในเรื่องทำเล เพราะตั้งอยู่กลางบานาฮิลล์ (Bana Hills) เลย ซึ่งตึกโรงแรมเค้ามีหลายตึก กระจัดกระจายอยู่พื้นที่ของบานาฮิลล์ โดยรวมของบรรยากาศที่พักถือว่าสวยงามตามสไตล์หมู่บ้านฝรั่งเศสเค้าแหละ
สำหรับข้อดีของการมานอนด้านบนที่ Mercure Danang French Village Bana Hills ก็คือ ช่วงเย็นเป็นต้นไปจนถึงตอนเช้า นักท่องเที่ยวปกติจะหายไปเหลือแต่แขกโรงแรม ซึ่งเราสามารถใช้เวลาช่วงนี้ในการถ่ายรูปเล่นได้แบบอิ่มเอิบใจ เพราะต้องยอมรับเลยว่า ช่วงกลางวันนั้นถ่ายรูปแบบโคตรของโคตรยาก เพราะคนเยอะจริง ถ้าไม่ได้พักที่ด้านบน บอกเลยว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะได้รูปแบบไม่มีคนเด้อ
Family Four Bunk Room
สำหรับห้องที่ก๊อตจองพักไปนั้น ด้วยความที่ก๊อตไปกับเพื่อนรวมแล้วทั้งหมด 4 คน นี่เลยเลือกจองห้องแบบ Family Four Bunk Room ที่สามารถพักได้ทั้งหมด 4 คนแบบพอดิบพอดี ซึ่งก๊อตได้ราคามาประมาณ 4,000 บาท โดยเตียงจะเป็นเตียงแบบสองชั้นสองหลังในขนาดห้อง 25 ตร.ม. ซึ่งบอกเลยว่าพื้นที่คับแคบไปนิด และห้องน้ำนั้นจะเป็นแบบเปิดที่ไม่ได้กั้นเป็นห้องมากนัก แถมภายในห้องนั้นมีความชื้นหน่อยๆ ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่
สำหรับอาหารเช้าของโรงแรมนั้น ถือว่าดีและตัวเลือกให้ทานเยอะ วันที่ก๊อตไปนั้นเหมือนมีทัวร์ลง แบบทัวร์เยอะมาก ก็อาจจะวุ่นวายไปหน่อย แต่โดยรวมแล้ว เค้าก็เติมอาหารค่อนข้างเร็ว และห้องอาหารเค้าก็ค่อนข้างกว้างพอสมควร
ความไม่ประทับใจบริการ 😐
อันนี้ขอรีวิวแบบตรงๆ เลย ส่วนตัวก๊อต ไม่ประทับใจการเข้าพักที่นี่ การบริการไม่สมระดับโรงแรมเชนเมอร์เคียว และโรงแรมระดับ 4 ดาว แต่ละตึกในห้องพักนั้นกระจัดกระจายในบานาฮิลล์ และแต่ละตึกไม่มีพนักงานโรงแรมแสตนด์บายอยู่เคาท์เตอร์ชั้นล่างแต่ละตึก ถ้าจะรีเควสอะไรต้องโทรหาล็อบบี้เท่านั้น (ซึ่งอันนี้ โอเค ไม่เป็นไร)
ทีนี้ ด้วยความที่วันที่ก๊อตไปฝนตกหนักมาก ปกติห้องพักเค้าจะมีร่มเตรียมไว้ให้ แต่ร่มห้องก๊อตดันไม่มี นี่ก็เลยโทรหารีเซฟชั่น ซึ่งโทรหาติดยากมาก พอโทรแล้วก็ดันมาพูดฟีลเถียงว่าร่มมันอยู่ในห้อง นี่ก็บอกกลับว่ามันไม่มีโว้ย ซึ่งก๊อตก็บอกว่าให้โรงแรมเอาร่มมาให้หน่อย เพราะออกจากตึกไม่ได้ สรุปก็หายเงียบ ไม่มีร่มมาจนก๊อตต้องเดินตากฝนไปที่ล็อบบี้เพื่อเอาร่มเอง พอไปถึงแล้วก็ไม่มีความสนใจแขกด้วย
อีกเรื่องคือตอนเช็คเอาท์ ซึ่งเราก็บอกรีเซฟชั่นว่าเช็คเอาท์นะ และเค้าก็บอกว่าให้รอแปปนึง ซึ่งเราก็รอประมาณเกือบยี่สิบนาทีได้ จนเดินเข้าไปถามอีกรอบว่ายังไง เสร็จแล้วหรือยัง ซึ่งรีเซฟชั่นก็ตอบว่า เสร็จแล้ว โอเคแล้ว คือแบบ ฮัลโหล้วววว .. ก็คือจะมาบอกให้รอทำไม ถึงแม้ว่าให้รอ ถ้าเช็คเอาท์เสร็จแล้วก็ควรบอกแขกว่าเสร็จแล้ว ไม่ใช่มาให้แขกรอบเก้อแบบนี้
สิ่งหนึ่งที่คนเข้าพักที่ต้องรู้ไว้อีกอย่างคือ เมื่อสวนสนุกบนบานาฮิลล์เขาปิดแล้ว ร้านอาหารด้านบนเค้าก็ปิดตามไปด้วย ดังนั้น เราควรหาอะไรกินก่อนช่วงตอนเย็น เพราะถ้าตกดึกไปแล้ว จะเหลือแค่ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าโรงแรม และอาหารบุฟเฟต์ของตัวโรงแรมเอง ดังนั้น วางแผนเรื่องนี้กันดีๆ ด้วย จะหอบขนมนมเนยหรือมาม่า จากด้านล่างขึ้นมาด้วยก็ดีเด้อ
สรุป Mercure Danang French Village Bana Hills
สรุป ยังไงก๊อตก็ยังแนะนำให้เรามานอนด้านบนบานาฮิลล์ (Bana Hills) อยู่ดี แม้ว่าเราจะมีตัวเลือกโรงแรมเดียวอย่าง Mercure Danang French Village Bana Hills แต่ถ้าเอาเรื่องความคุ้มในการที่เราจะอยู่บานาฮิลล์ในช่วงที่ไม่มีคนนั้น ถือว่าได้อยู่ อีกทั้งยังได้ส่วนลดค่าขึ้นกระเช้ามายังบานาฮิลล์ด้วย ก็ถือว่าโอเค๊ 5555
ราคาห้องพักเริ่มต้น 3,500 บาท/คืน ดูเรทและจอง Mercure Danang French Village Bana Hills สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย ดูเรทและจองผ่าน Agoda
ดูเรทและจองผ่าน Booking
ดูเรทและจองผ่าน Expedia
ดูเรทและจองผ่าน Trip
รีวิวเที่ยวเวียดนาม ยังมีอีกเยอะเลยน้า
เวียดนาม ถือเป็นประเทศหนึ่งที่ก๊อตไปเที่ยวบ่อยมาก และไปแทบจะทุกปีเลยแหละ มีตั้งแต่สมัยเที่ยวคนเดียวตอนแรกเริ่มเป็นบล็อกเกอร์ จนถึงตอนนี้ที่เริ่มแก่แล้ว ฮื้ออ เอาล่ะ สำหรับใครที่กำลังหารีวิวเที่ยวเวียดนาม ลองดูต่อกับลิสเมืองอื่นๆ ด้านล่างนี้ได้เล้ย
1. ฮานอย (Hanoi)
2. ฮานอย คาเฟ่ (Cafe Hopping Hanoi)
3. ดาลัด (Da Lat)
4. บานาฮิลล์ (Bana Hills)
5. ฮอยอัน (Hai An)
6. เว้ (Hue)
7. ซาปา (Sapa) ปี 2017
8. เว้ ฮอยดัน ดานัง (Hue, Hoi An, Da Nang) ปี 2017
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡
1 comment
เรื่องความบริการไม่สมกับ 5 ดาว ร่อนอยู่ในพันท์ทิปด้วยเช่นกันค่ะ รวมทั้งความเสียงดังของร้านอาหารในโซนโรงแรม สะเทือนมาถึงห้องพักแขก นี่ภาวนาอย่าให้ได้ห้องใกล้โซนเสียงดัง โอมมมมมมม 🙂