ฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม และเมืองใหญ่อันดับสองรองจากโฮจิมินห์ ถ้าใครพูดถึงเวียดนาม มันก็ต้องมีเมืองตั้งหลักไว้เริ่มต้นเที่ยวอยากฮานอยอยู่ในลิสมั้งแหละ ซึ่งถ้ายึดตามหลักแล้ว ฮานอยนี่ถือเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญและเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านการปกครองของเวียดนามที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปีมาแล้ว เอ้ออออ และเมื่อครั้งที่เวียดนามเป็นประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศส ฮานอยถือเป็นเมืองหลักที่ฝรั่งเศสตั้งเป็นจุดศูนย์กลางในการปกครองอีกด้วยนะแจ๊ะ
เก่าแก่และสำคัญขนาดนี้ แน่นอนว่าสถานที่เที่ยวส่วนใหญ่ในฮานอยก็จะเป็นฟีลเมืองเก่าเวียดนามผสมกับสถาปัตยกรรมแบบโรมันที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้น ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้เองที่ทำให้ฮานอยมีเสน่ห์และความขลังที่เก่าแก่ไม่เหมือนใคร ยั่วให้อยากเที่ยวขนาดนี้แล้ว ตามไปอ่านและเที่ยวกันเลยดีกว่าเด้อ
แพลนเที่ยวฮานอย 3 วัน 2 คืน
วันที่ 1: พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ / วัดเจดีย์เสาเดียว / สุสานโฮจิมินห์ / วิหารกวานแท่ญ
วันที่ 2: โบสถ์เซนต์โจเซฟ / รอบทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม
วันที่ 3: สะพานลองเบียน / ทางรถไฟฮานอย / ตึกล็อตเต้เซ็นเตอร์
ทั้งหมดเราสามารถเที่ยวแบบเก็บหมดได้ภายใน 3 วันเต็มแบบชิลๆ โดยทริปนี้คือเน้นแลนด์มาร์คสำคัญของฮานอย ที่พูดได้เต็มปากเลยว่า เก็บหมดนี่คือแทบไม่ต้องกลับมาเที่ยวฮานอยใหม่อีกรอบแล้วเด้อ แต่ถ้าใครอยากไปให้มากกว่านี้ นี่แนะนำให้ไป Cafe Hopping ที่ฮานอยต่อได้ เพราะคาเฟ่ที่นี่โคตรเยอะ และกิ๊บเก๋มาก ตามรอยได้เลยจากรีวิวด้านล่างนี้จ้า 😆
การเดินทางเที่ยวในฮานอย
เรื่องการเดินทางในฮานอยนั้น รีวิวนี้เราจะทำตัวขี้เกียจเพราะ ทริปนี้เราใช้บริการ GRAB ตลอดทั้งทริป (อันนี้ไม่ได้เงินค่าโฆษณา แต่อยากบอกสิ่งที่ดีที่สุดให้ 5555) แท็กซี่ทั่วไปไม่ขึ้น รถเมล์ไม่เอา มอเตอร์ไซค์ไม่เช่า เพราะขี้เกียจวิ่งตาม ขี้เกียจรอ และขี้เกียจขับมอไซค์ คือแบบ .. แกร๊ การขับมอไซค์ในฮานอยที่เป็นเมืองวุ่นวายแบบนี้ คือโคตรปวดหัว ทีนี้เราจะแนะนำเฉพาะการใช้ GRAB ในเวียดนามเนอะ
※ GRAB TAXI คือแอพเรียกแท็กซี่ที่มีราคามาตรฐานดีที่สุดแล้วจริงๆ อันนี้ยืนยัน นอนยัน การเรียกแกร็บไปไหนมาไหน คือราคาจะอยู่ 25,000-50,000 ดอง แล้วแต่ระยะทาง ซึ่งทริปนี้ มีรอบนึงที่เราอยากลองของโดยการเรียกแท็กซี่บนถนนหนึ่งครั้งในระยะทางสั้นๆ ซึ่งนี่ก็บอกว่า “กดมิเตอร์นะโว้ยยย” แล้วคือมิเตอร์ขึ้นพุ่งพรวดไป 250,000 คือกูโดนโกงแน่นอนแล้วตอนนี้ ครั้งเดียวเลยพอ 555555555
คือเข้าใจฟีลป่ะ พอเรียกแท็กซี่ตามถนนแล้วรู้สึกไม่สบายใจ กระวนกระวายว่ากูจะโดนอะไรมั้ยงี้ สุดท้ายทั้งทริปนี้คือเราเรียก GRAB เนี่ยแหละ สบายใจสุด ส่วนใครมาเที่ยวคนเดียว เค้ามี GRAB Bike เหมือนบ้านเราด้วย ไม่ต้องห่วงง 555555
ป่ะ .. เริ่มเที่ยวกัน! วันแรก:
พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Museum)
ที่แรกของการเที่ยวฮานอย ขอเริ่มที่ พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Museum) กันก่อน ซึ่งถ้าใครเป็นคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และอยากรู้จักเวียดนามให้มากขึ้น นี่แนะนำให้มาที่นี่เป็นอย่างยิ่ง เพราะพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์เป็นสถานที่ที่เราสามารถเรียนรู้ชีวิตของ “โฮจิมินห์” อดีตผู้นำคนสำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์เวียดนาม ตั้งแต่การนำอิสรภาพมาสู่เวียดนามและสร้างประวัติศาสตร์รัฐคอมมิวนิสต์
※ก่อนเข้าตึกเราต้องซื้อบัตรก่อนในราคา 10,000 ดอง จากนั้นค่อยเดินเข้าไปยังตัวตึกสีขาว ที่เราจะได้เจอกับรูปปั้นทองสำริดของท่านลุงโฮยืนตระหง่านต้อนรับผู้มาเยือน เมื่อเดินผ่านรูปปั้นมาทางขวา เราจะเข้าสู่โซนจัดการแสดงของประวัติลุงโฮที่แบ่งแยกออกเป็นทั้งหมด 8 นิทรรศการ
เอาจริงๆ ถ้าเราใช้เวลาจริงจังในการอ่านและศึกษา นี่คิดว่าน่าจะใช้เวลาเกือบครึ่งวันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าใครสนใจคือต้องมา เค้ามีภาษาอังกฤษบรรยายพร้อมเสร็จสรรพ รวมถึงการจัดแสดงสิ่งของต่างๆนั้น นำเสนอออกมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว
วัดเจดีย์เสาเดียว (One Pillar Pagoda)
หากเรามาพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์แล้ว ให้เราเดินมาด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์หน่อยๆ ด้านซ้ายเราจะเจอกับวัดเจดีย์เสาเดียวที่ตั้งอยู่บนเสาปูนแท่งเดียวในสระบัว ซึ่งวัดเจดีย์เสาเดียวถือว่าเป็นพุทธศาสนสถานที่สำคัญของเวียดนาม สร้างตั้งแต่ปี 1409 นับจนถึงตอนนี้วัดเจดีย์เสาเดียวนี่มีอายุ 600 กว่าปีแล้ว
วัดเจดีย์เสาเดียว (One Pillar Pagoda) นั้นสร้างโดย สมเด็จพระจักรพรรดิลี้ ท้าย ตง (Lý Thái Tông) ของเวียดนาม โดยตอนแรกท่านนั้นไม่มีลูก ทีนี้ท่านฝันเห็นเจ้าแม่กวนอิมประทับอยู่กลางดอกบัวและยื่นลูกชายมาให้ จากนั้นไม่นานสมเด็จพระจักรพรรดิลี้ ท้าย ตง ก็ได้แต่งงานแล้วมีลูกชายดั่งหวัง และสร้างวัดเจดีย์ไว้สักการะเจ้าแม่กวนอิมนั่นเอง
ใครที่มาแล้ว นี่แนะนำให้เราเดินขึ้นไปไหว้องค์เจ้าแม่กวนอิมด้านบนเจดีย์ด้วย ซึ่งเค้าเชื่อกันว่า หากคู่รักคู่ไหนที่มาไหว้ขอพรที่นี่ ชีวิตการแต่งจะมีความสุขและมีลูกสืบสกุล ตามประวัติของที่มาของวัดเจดีย์เสาเดียวอีกด้วย
สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Mausoleum)
เดินออกมาจากวัดเจดีย์เสาเดียวแล้วออกมาด้านนอก เราจะผ่านลานกว้างที่มีสุสานโฮจิมินห์ตั้งอยู่ เอาจริง คือเสียดายม๊ากที่เรามาสายไปหน่อย เพราะสุสานแห่งนี้เปิดตอน 8 โมงเช้า และปิดตอน 11 โมง ปิดเร็วสุดๆ ทีนี้เลยได้แต่ถ่ายรูปด้านนอกเก็บเอาไว้ ดังนั้น แนะนำว่าตอนมาเที่ยว เราอาจจะมาสุสานโฮจิมินห์ก่อนจากนั้นค่อยไปวัดเจดีย์เสาเดียว และ พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ก่อน จะได้ไม่พลาดเหมือนเก๊าเด้อ งื้อ
วิหารกวานแท่ญ (Quán Thánh Temple)
วิหารกวานแท่ญ (Quán Thánh Temple) ถือเป็นวัดและวิหารหนึ่งในฮานอยที่นี่รู้สึกว่าสวยและค่อนข้างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะประตูทางเข้าวัดด้านหน้าที่ใหญ่โตสวยงาม และมีความเป็นจีนเบาๆ เพราะวัดแห่งนี้เป็น 1 ใน 4 ของวัดลัทธิเต๋าที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข โดยวิหารกวานแท่ญ (Quán Thánh Temple) สร้างเพื่อบูชาแก่เทพเจ้าเสินหวู่ (Xuanwu) หรือเทพเจ้าทิศเหนือนั่นเอง ใครสนใจอยากเข้าไปดู สามารถจ่ายเงิน 10,000 ดอง เพื่อเข้าไปดูได้เล้ย ราคากระจิ๊ดริด ถือเป็นการบำรุงวัดเค้าไปในตัว
วันที่ 2:
โบสถ์เซนต์โจเซฟ (St Joseph’s Cathedral)
วันที่สองของการเที่ยวฮานอย เราจะวนเวียนอยู่แถวๆ ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem Lake) ซึ่งที่แรกที่เราจะมาก่อนคืออีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่น่ามาถ่ายรูปในฮานอยอย่างยิ่ง คือ โบสถ์เซนต์โจเซฟ (St Joseph’s Cathedral) โบสถ์คริสต์คาทอลิกในสไตล์นีโอโกธิค (Neo-gothic) ที่มีอายุมากกว่า 130 ปี ถือเป็นโบสถ์คริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอยและยังสิ่งก่อสร้างแรกๆที่สร้างขึ้นโดยฝรั่งเศส สมัยที่เค้าเข้ามาครอบครองเวียดนามตอนนู้นน
มาจนถึงปัจจุบันตอนนี้ โบสถ์เซนต์โจเซฟ (St Joseph’s Cathedral) ก็ยังคงคามสวยงามและน่ามาเยี่ยมเยือน ซึ่งถ้าใครได้มาแล้ว จะบอกว่ารอบๆตัวโบสถ์นั้นมีร้านกาแฟ และบาร์ฮิปๆ ให้เราได้แวะเวียนได้อีกด้วย บรรยากาศคือดีงามจริงๆ
ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem Lake)
ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem Lake) หรือ ทะเลสาบคืนดาบ ที่นี่คือแลนด์มาร์คสำคับที่แทบจะเป็นศูนย์กลางของจุดนัดพบของคนฮานอยเลย เราจะได้เห็นคนมานั่งอ้อยอิ่งชิลๆแบบสโลวไลฟ์กันที่นี่ หรือบ้างบางทีก็เจอกลุ่มคนสูงอายุมานัดเจอกันทำกิจกรรมต่างๆก็มี ซึ่งการเดินไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ รอบทะเลสาบก็สนุกดี ได้ดูผู้คน ดูวิถีชีวิตของบ้านเมืองเค้าเพลินๆ
เดินไปเรื่อยๆ ตรงกลางของทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมนั้นจะมีแลนด์มาร์คอีกสองจุดที่สำคัญคือ วัดหง็อกเซิน (Ngoc Son Temple) ที่เราต้องข้ามสะพานสีแดง หรือสะพานพระอาทิตย์เพื่อไปยังวัดแห่งนี้ ซึ่งนี่ไม่ได้เข้าไป เพราะต้องจ่ายเงินเพิ่ม แล้วตอนนั้นก็ฝนตก เลยขี้เกียจหน่อยๆ 5555 // ส่วนอีกอันที่ตั้งเด่นสง่ากลางทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม คือ หอคอยเต่า (Thap Rua) ที่สร้างขึ้นตามตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับเต่าศักดิ์สิทธิ์ในทะเลสาบแห่งนี้
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
นอกจากแลนด์มาร์คกลางทะเลสาบแล้ว ถนนรอบๆของทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมยังมีความพิเศษไปอี๊ก คือ ถ้าเรามาเที่ยวฮานอยในวันเสาร์-อาทิตย์ ถนนรอบๆทะเลสาบจะปิดกลายเป็นถนนคนเดินที่คนเวียดนามเค้าจะออกมาทำกิจกรรมกัน อันนี้คือเซอร์ไพรส์มาก และที่ชอบสุดของบรรยากาศของถนนคนเดินนี้คือ มันดูโคตรอบอุ่นอ่ะ อย่างข้างนี้คือเค้ามาตั้งวงร้องเพลงกระทบไม้กัน เด็กฝรั่งก็มาเล่น คือเอ็นจอยสุด
ถัดจากถนนรอบๆทะเลสาบ เราจะเดินมายังจัตุรัส Dong Kinh Nghia Thuc ที่เป็นเหมือนกับเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นที่เค้าจะมารวมเป็นกลุ่มกันตามร้านกาแฟ คาเฟ่ ร้านอาหารตรงนี้ คึกคักมาก อย่างวันที่ได้ไปเที่ยว เค้าก็จะมีอีเวนท์จัดยิ่งใหญ่ ฟีลคล้ายเหมือนสยามบ้านเราอะไรประมาณนั้นเลยย
แนะนำให้เราขึ้นมายังร้าน Highlands Coffee บนตึกที่มีร้าน ALDO อยู่ด้านล่าง บอกเลยว่าตรงนี้วิวดี สามารถมองเห็นทะเลสาบตอนกลางคืนที่เปิดไฟสวยสุดๆ แถมยังเห็นจตุรัสด้านล่างที่คนพลุกพล่านไปมาได้อย่างเพลินๆอีกด้วย
วันที่ 3: สะพานลองเบียน (Long Bien Bridge)
วันสุดท้ายของฮานอยแล้วว เปิดที่แรกที่ สะพานลองเบียน (Long Bien Bridge) ที่ตอนนี้กลายเป็นสถานที่ฮิตในการถ่ายรูปสตรีทลง Instagram ในหมู่วัยรุ่นเวียดนามและหมู่นักท่องเที่ยวฝรั่งมากกกกกกก ใครมาเช้าๆ ตรงสะพานลองเบียงนี่มีตลาดสดด้วยเนอะ แต่ตอนนี้มาคือตลายวายแล้ว 55555
สะพานลองเบียงแห่งนี้ ถือว่าเป็นสะพานเก่าแก่ที่สุดในฮานอย สร้างตั้งแต่ปี 1898 นับจนถึงตอนนี้ก็มีอายุกว่า 120 ปีแล้ว นานม๊าก และนอกจากสะพานแห่งนี้จะถูกสร้างมายาวนานแล้ว ที่นี่ยังเป็นสะพานเหล็กแห่งแรกที่สร้างข้ามผ่านแม่น้ำแดง แม่น้ำเส้นที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม สะพานลองเบียงแห่งนี้เปิดให้สัญจรเฉพาะมอเตอร์ไซค์ และเป็นทางรถไฟข้ามเท่านั้นนาจา
ทางรถไฟฮานอย (Hanoi Street Train)
อีกอันที่ต้องมาสุดๆ สำหรับการมาเที่ยวฮานอยคือ การมาดูรถไฟวิ่งผ่านชุมชนเล็กๆ ตามทางรถไฟ ซึ่งจุดที่เราสามารถปักหลักดูได้ จริงๆคือดูได้ระหว่างสถานทีรถไฟฮานอยและสถานีรถไฟลองเบียน แต่ถ้าแนะนำ.. ให้เราเสิร์ชใน Google Map คำว่า Hanoi Street Train แล้วไปตรงนั้นได้เลย
สำหรับระยะเวลาที่รถไฟวิ่งผ่านนั้น มีอยู่สองช่วงเวลาคือตอน 15.30 และ 19.30 นาจา ถ้าให้แนะนำคือให้มาช่วงบ่ายสามนั่นแหละดีสุดเด้อ สิ่งที่เราจะได้เห็นคือรถไฟวิ่งผ่านในระยะประชิดมากกกกก ตื่นเต้นสุดๆ (ทำให้นึกถึงตลาดร่มหุบในบ้านเราเบาๆ แต่ที่นี่ไม่มีตลาดจ้า 555555)
ตึกล็อตเต้เซ็นเตอร์ ฮานอย (Lotte Centre Hanoi)
ที่สุดท้ายก่อนจากลาจากฮานอย เราจะไปดูเมืองฮานอยในมุมสูงกันที่ชั้น 65 ของ ตึกล็อตเต้เซ็นเตอร์ ฮานอย (Lotte Centre Hanoi) ใจกลางเมืองฮานอยกัน ซึ่งตึกนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่สร้างเสร็จไม่นาน แถมมีดีกรีเป็นตึกที่สูงที่สุดอันดับ 2 ของเวียดนามด้วยนะเออ
สำหรับค่าเสียหายในการขึ้นไปยังงจุดชมวิวหรือ Observation Deck ชั้น 65 นั้นจะอยู่ที่ 230,000 ดอง ราคานี้เมื่อเทียบกับจุดชมวิวบนตึกสูงในประเทศอื่น ราคานี้ถือว่าถูกมากกกกกกก แนะนำให้มา โดยเฉพาะอันที่พีคสุดของการมาดูวิวที่นี่คือ มันจะมีส่วนพื้นกระจกใสที่เราสามารถเดินออกไปได้ จะบอกว่าโคตรเสียวเลย 5555555555
ทั้งหมดของการเที่ยวที่ฮานอยเวียดนาม การมาดูวิวฮานอยมุมสูงนี่แหละคือการปิดทริปฮานอยที่เวียดนามอย่างสมบูรณ์ 💙
ที่พักในฮานอย
Allure Hotel Hanoi
การเลือกที่พักในฮานอยครั้งนี้ ถือว่าเลือกแบบสบายพอสมควร กับโรงแรม 4 ดาว ชื่อว่า Allure Hotel Hanoi ที่ต้องบอกเลยว่า ทำเลโรงแรมคือชนะเลิศ อยู่ในย่านเมืองเก่าอย่าง Old Quarter Hanoi ใกล้กับตลาดเดินกลางคืนของฮานอย อีกทั้งยังใกล้กับทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem Lake) อีกด้วย คือเอาคะแนนเต็มสิบไปเลย ส่วนเรื่องของการบริการ สภาพที่พัก และอาหารเช้า นี่ให้แบบไม่มีที่ติในราคาแค่ 2,500 บาท/คืน คือดีมากกกกก
ห้องนอน ตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ทอง ผสมลายหินอ่อน ดูดีย์มีความหรู และมีความคลาสสิกหน่อยๆ ตามสถานที่ที่โรงแรมตั้งอยู่ เตียงนอนคือนอนสบายโคตร และในห้องนอนยังมี Welcome Snack ที่เป็นขนมของเวียดนามอีกด้วย อย่อยยย
ห้องอาหารเช้าจะอยู่ใต้ดิน ซึ่งไลน์อาหารเช้าที่นี่จะมีไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่โดยรวมคือค่อนข้างชอบพอควร เพราะมีของให้เลือกกินแบบค่อนข้างถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเฝอ หรือกาแฟเย็นฉบับเวียดนามแบบไม่อั้น นอกนั้นก็ตามฉบับบุฟเฟต์โรงแรมทั่วไป เบคอน ไข่ต่างๆ ไส้กรอก บลา บลา คือดีย์
ดูเรทและจองผ่าน Agoda ดูเรทและจองผ่าน Booking ดูเรทและจองผ่าน Expedia ดูเรทและจองผ่าน Trip ดูเรทและจองผ่าน Hotelsถ้าจะถามว่า อยากแนะนำโรงแรมนี้มั้ย เอ้อ .. ดีอยู่ พักเถอะ เราว่าคุ้มค่าจ้า
ดูเรทและจอง Allure Hotel Hanoi สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง
เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย 🚀
รีวิวเที่ยวเวียดนาม ยังมีอีกเยอะเลยน้า
เวียดนาม ถือเป็นประเทศหนึ่งที่ก๊อตไปเที่ยวบ่อยมาก และไปแทบจะทุกปีเลยแหละ มีตั้งแต่สมัยเที่ยวคนเดียวตอนแรกเริ่มเป็นบล็อกเกอร์ จนถึงตอนนี้ที่เริ่มแก่แล้ว ฮื้ออ เอาล่ะ สำหรับใครที่กำลังหารีวิวเที่ยวเวียดนาม ลองดูต่อกับลิสเมืองอื่นๆ ด้านล่างนี้ได้เล้ย
1. ฮานอย (Hanoi)
2. ฮานอย คาเฟ่ (Cafe Hopping Hanoi)
3. ดาลัด (Da Lat)
4. บานาฮิลล์ (Bana Hills)
5. ฮอยอัน (Hai An)
6. เว้ (Hue)
7. ซาปา (Sapa) ปี 2017
8. เว้ ฮอยดัน ดานัง (Hue, Hoi An, Da Nang) ปี 2017
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลกหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡