ใครมีลูกเล็กเด็กแดง หรือชื่นชอบในการส่องสัตว์เรียนเชิญทางนี้เลยจ๊า เพราะรีวิวนี้ก๊อตจะพาทุกคนไปเที่ยวสิงคโปร์แบบซูเดย์ (Zoo Day) จัดเต็มกันตั้งแต่ชาวยันเย็น โดยเราจะไปกันที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า Mandai Wildlife Reserve ที่สิงคโปร์กัน ซึ่งเราจะไปตามเก็บ สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) สวนนกที่เค้าว่ากันว่ามีนกอาศัยอยู่กว่า 3,500 ตัวจากทั้งหมด 400 สายพันธุ์ ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากทั่วทุกมุมโลก และอีกที่ที่พลาดไม่ได้ เพราะเค้าได้ชื่อว่าเป็นสวนสัตว์แห่งชาติของสิงคโปร์เลยก็คือ สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) สวนสัตว์ที่น้องๆ หนูๆ จะได้ร่วมผจญภัยไปในผืนป่ากับเหล่าสัตว์น้อยใหญ่กว่า 4,200 ตัว ที่อาศัยอยู่ในป่าฝนเขตร้อนอันเขียวชอุ่ม บอกเลยว่าใครที่ชื่นชอบการดูสัตว์ และกำลังมาเที่ยวสิงคโปร์พอดี อยากให้ทุกคนได้มาที่นี่เพื่อที่เราจะได้ส่องสัตว์กันแบบหนำใจเลยแหละ
- รีวิวเต็ม สิงคโปร์ 28 ที่เที่ยว จัดเต็ม
- รีวิวเต็ม Universal Studios Singapore (USS) ละเอียด รู้เรื่องมากที่สุด
- โรงแรมและที่พักแนะนำในสิงคโปร์ (Singapore)
- ส่วนลด Klook / ส่วนลด Agoda
ทำความรู้จักกับ Mandai Wildlife Reserve กันก่อน
ก่อนที่เราจะไปดูสัตว์กันแบบจุใจ มาทำความรู้จักกับ Mandai Wildlife Reserve กันก่อนสักแมท ซึ่งที่นี่เค้าเป็นพื้นที่ที่ถูกพัฒนาให้เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่าขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ โดยภายในแบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo), สวนสัตว์ริเวอร์วันเดอร์ส (River Wonders) (เดิมชื่อ River Safari), สิงคโปร์ไนท์ ซาฟารี (Singapore Night Safari), สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) (เดิมชื่อ Jurong Bird Park) และ Rainforest Wild Park ที่เค้าเตรียมเปิดตัวกันในปีหน้า 2024 ดังนั้นแต่ละส่วนของเค้าจะอยู่ติดๆ กันในพื้นที่เดียวของ Mandai Wildlife Reserve ทำให้เราสามารถแพลนมาเที่ยวสิงคโปร์แบบวันเดย์ทริปเที่ยวดูสวนสัตว์ได้นั่นเอง อย่างก๊อตเองที่ครึ่งเช้าเรามาเที่ยวกันที่ สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) ช่วงบ่ายเราไปต่อกันที่ สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) ซึ่งทุกคนสามารถเที่ยวตามแพลนแบบก๊อตได้เลยนะ และถ้ามีเวลาเหลือๆ ในตอนค่ำ เราสามารถปิดท้ายวันด้วยการไปดูสัตว์ที่ Singapore Night Safari ได้เลย ใครที่อยากไปเจอนกสวยๆ และอดใจไม่ไหวอยากไปผจญภัยกับเหล่าสิงห์สาราสัตว์ตอนนี้เลย ให้รีบเลื่อนอ่านรีวิวเต็มด้านล่างเร้ววว
เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า Mandai Wildlife Reserve
ซื้อบัตรสวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) และสวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) จากที่ไหนดี
สำหรับใครที่อยากจะไปตามรอยทั้งสวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) และสวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อบัตรเข้าที่ไหนดี จากประสบการณ์ส่วนตัวของก๊อตที่ไปมา ช่องทางการซื้อที่สะดวกสุดเลยคือ Klook เพราะเค้าเป็น Official Partner กับทาง Mandai Wildlife Reserve แน่นอนว่าเราจะได้ดีลในราคาพิเศษ แถมยังมีโปรโมชั่นปังๆ ในแต่ละเดือนอีกด้วย ซึ่งการจองผ่าน Klook นั้นก็ง๊ายง่าย เราสามารถกดเข้าไปจองกิจกรรมทุกอย่างที่มีอยู่ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า Mandai Wildlife Reserve ได้เลย ทั้งบัตรเข้าในแต่ละส่วนไปจนถึงซื้อแพ็คเกจทำกิจกรรมต่างๆ ที่อยู่ข้างใน อย่างที่ก๊อตมีไปกินบุฟเฟ่กับเหล่าสัตว์น่ารักๆ นี่ก็ซื้อบัตรมาจาก Klook เค้านั่นแหละ
🎫 ชี้เป้าลิงค์ซื้อตั๋วทุกส่วนของ Mandai Wildlife Reserve
- สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) [ซื้อบัตรผ่าน Klook]
- สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) [ซื้อบัตรผ่าน Klook]
- แพ็กเกจรับประทานอาหารเช้าในป่าที่สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) [ซื้อบัตรผ่าน Klook]
- สวนสัตว์ริเวอร์วันเดอร์ส (River Wonders) [ซื้อบัตรผ่าน Klook]
- สิงคโปร์ไนท์ ซาฟารี (Singapore Night Safari) [ซื้อบัตรผ่าน Klook]
วิธีเดินทางไป Mandai Wildlife Reserve ด้วยรถสาธารณะ
สำหรับคนที่อยากเดินทางมายังเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า Mandai Wildlife Reserve ไม่ว่าจะมาเที่ยวในโซนไหนของเค้า เราสามารถเดินทางจากในเมืองของสิงคโปร์มาที่นี่ได้หลายวิธีเลย อีกทั้งยังสะดวกมากๆ เพราะเค้ามีขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม โดยก๊อตได้รวมเอาวิธีการเดินทางทั้งหมดมาไว้ให้ตามด้านล่างนี้ ใครชอบแบบไหน ถนัดทางใด จิ้มตามนี้ได้เล้ยย
วิธีการเดินทางมายัง Mandai Wildlife Reserve
1. รถไฟใต้ดิน (MRT) ต่อด้วยรถบัส (⭐️⭐️ แนะนำ) : การเดินทางด้วย MRT แล้วนั่งรถบัสต่อนั้นเป็นวิธีที่ก๊อตแนะนำในการมาเที่ยวที่ Mandai Wildlife Reserve ที่สุดแล้ว โดยเค้าจะมี MRT อยู่สองสายที่คนเค้านิยมใช้เพื่อเดินทางมาที่นี่กัน
- สาย North South Line มาลงที่สถานีคาติบ Khatib MRT Station (NS14) จากนั้นให้เดินมาขึ้นรถบัส Mandai Khatib Shuttle เค้าจะพาเรามาส่งยังที่หมาย โดยค่าตั๋วสำหรับเที่ยวเดียวเริ่มต้น 1 SGD (~25 บาท) ซึ่งรถบัสจะมาทุกๆ 10 นาที
- สาย Thomson-East Coast MRT line (TEL) นั่งมาลงที่สถานีสปริงลีฟ Springleaf MRT Station (TE4) จากนั้นให้ขึ้นมาต่อรถบัสสาย 138
- ซื้อบัตรเติมเงิน NETS FlashPay Card สำหรับเดินทางในสิงคโปร์: สำหรับคนที่ไม่อยากยุ่งยากต่อแถวซื้อตั๋วแต่ละรอบ แนะนำให้ใช้บัตรเติมเงิน สะดวกกว่ามาก ตัวบัตรจะคล้ายๆ บัตรแรบบิทขึ้น BTS บ้านเรา [ดูราคาและซื้อผ่าน Klook]
2. แท็กซี่ หรือ GRAB : เราสามารถเรียกแท็กซี่ได้จากทุกที่ในเมืองได้เลย ซึ่งการนั่งแท็กซี่มาที่ Mandai Wildlife Reserve ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับการจราจรในช่วงเวลานั้นๆ ราคาแท็กซี่พื้นฐานเริ่มต้น 4.05 SGD (~104 บาท) โดยเค้าคิดกิโลเมตรละ 0.70 SGD (~18 บาท) อีกทางนึงที่สะดวกเลยคือการเรียก GRAB ซึ่งเราสามารถใช้แอพ GRAB ตัวเดียวกันกับที่เราใช้ในประเทศไทยบ้านเราได้เลย ซึ่งอันนี้เราสามารถรู้ราคาได้ผ่านแอพและสามารถตัดผ่านบัตรเครดิตได้ด้วย
สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise)
สำหรับวันนี้ก๊อตขอยกให้เป็นวันสวนสัตว์เดย์ เพราะเราจะไปส่องสัตว์กันตลอดทั้งวัน เริ่มจากครึ่งวันเช้าเรามากันที่ สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) ที่เที่ยวเปิดใหม่ล่าสุดของสิงคโปร์ที่ตั้งอยู่ในตั้งอยู่ภายใน Mandai Wildlife Reserve โดยด้านในสวนนกนั้นมีนกอาศัยอยู่กว่า 3,500 ตัวจากทั้งหมด 400 สายพันธุ์ ที่มาจากทั่วทุกมุมโลกเล้ยย
โดย สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) นี่เรียกว่าเป็นสวนนกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเลยก็ว่าได้ ซึ่งรูทการเดินเที่ยวในสวนนกนั้น เราสามารถเดินเป็นวงกลมไล่จากฝั่งซ้ายสุดขึ้นไปแล้ววนกลับลงมาทางฝั่งขวาเพื่อกลับมายังจุดเริ่มต้นได้เลย คือเดินง่ายมากๆ ไม่ต้องกลัวหลง โดยภายในสวนนกเค้าจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 กรง ข้างในเต็มไปด้วยนกอาศัยอยู่มากมาย ซึ่งในแต่ละกรงนั้นมีการจำลองสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งต้นไม้ ลำธาร และอากาศให้เหมือนกับถิ่นฐานเดิมที่นกเค้าเคยอาศัยอยู่จริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นโซนของ Australian Outback ที่ข้างในเต็มไปด้วยต้นยูคาลิปตัน และมีนกมากกว่า 30 สายพันธุ์ ซึ่งนกไฮไลท์ของเค้าเลย คือเจ้านกแก้ว Golden-shouldered Parrot ที่โดดเด่นด้วยหงอนบนหัวสีดำ แต่มีขนหลากสีอยู่บนตัว หรือจะเป็นนกอีมู (Common Emu) นกประจำถิ่นของออสเตรเลีย ที่เป็นเครือญาติกลายๆ ของนกกระจอกเทศ แต่จะมีขนาดตัวที่เล็กกว่า หรือจะเป็นโซน Amazonian Jewels โซนนี้เป็นที่อยู่ของนกในเขตร้อนซึ่งมีการปลูกพื้ชและต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากป่าฝนของอเมริกาใต้ อย่างนกที่เป็นไฮไลท์เลย คือ นกแก้วสีทอง นกทูคาเน็ตสีเหลือง
หรือจะเป็นโซน Nyungwe Forest Heart Of Africa ที่เค้าจำลองหุบเขาที่ปกคลุมด้วยป่าในทวีปแอฟริกา เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี เพื่อให้เหมาะกับนกกว่า 80 สายพันธุ์ที่อยู่ในนี้ โดยนกที่ต้องมาดูเลย คือ นกฟลามิงโก้เล็ก (Lesser Flamingo) สีขาวอมชมพูสุดคิ้วท์ที่มีอยู่หลายสิบตัว หรือจะเป็นนกแก้วเทาแอฟริกัน (Grey Parrot) นกแก้วสีเทาแสนฉลาด ที่พูดได้เป็นร้อยๆ คำจนได้ชื่อว่าเป็นไอน์สไตล์แห่งนกเลย
และโซนไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยคือ Hong Leong Foundation Crimson Wetlands เพราะข้างในเค้าจำลองม่านน้ำตกขนาดใหญ่มาตั้งอยู่กลางผืนป่าโดยมีนกฟลามิงโก้สีสันสุดจี๊ดอาศัยอยู่มากมาย แถมอยู่ในท่าเดินทอดน่อง บ้างก็ยืนชิลๆ อยู่บริเวณด้านล่างของน้ำตกอีกด้วย
นอกจากนี้เค้ายังมีโซนอื่นๆ อีกเพียบไม่ว่าจะเป็นโซน Kuok Group Wings of Asia ที่จำลองป่าไผ่ และนาขั้นบันไดโดยมีนกจากทวีปเอเชียอยู่ในนี้กว่า 30 สายพันธ์ุ รวมถึงยังมีโซน Mysterious Papua โซนป่าดงดิบของเกาะนิวกินีที่มีนกอาศัยอยู่กว่า 25 สายพันธุ์ และโซน Lory Loft รวมอยู่ด้วย หรือถ้าใครอยากดูเพนกวินเดินต้วมเตี้ยมไปมา ที่นี่เค้าก็มีโซน Ocean Network Express Penguin Cove ที่เค้าจำลองธารน้ำแข็งจากมหาสมุทรแอตแลนด์ติกมาไว้ในแทงค์ขนาดใหญ่ ที่เจ้าเหล่าน้องเพนกวินว่ายน้ำโฉบเฉี่ยวให้เราดูกันแบบเพลินตาเลยแหละ
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ซึ่งในแทงก์น้ำเราก็จะได้เห็นเหล่าเพนกวิน 4 สายพันธุ์ คือ King penguin, Gentoo Penguin, Northern rockhopper penguin และ Humboldt penguin ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน โดยน้องเพนกวินเค้าก็จะเดินเตาะแตะอยู่บนโขดน้ำแข็งไปมา บางตัวกก็ทิ้งตัวโดดลงน้ำว่ายไปมาให้เราได้ดูอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
นอกจากการเดินเล่นชมนกด้านใน สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) แล้ว เค้ามีกิจกรรมพิเศษ Feeding Session ที่เราสามารถซื้อเพิ่มเติมเพื่อให้อาหารน้องนกแบบใกล้ชิดด้วยนะ เพราะเค้าปล่อยให้นกบินได้อย่างอิสระ บางตัวคือบินมาเกาะอยู่ตามระเบียงให้เราสามารถเข้าไปเซลฟี่ใกล้ๆ เลย ถ้าใครที่สงสัยว่านกมันบินไปโซนอื่นได้ไหม ก๊อตบอกเลยว่าไม่ได้จ๊า เพราะในแต่ละโซนเค้าจะมีตาข่ายขนาดใหญ่กั้นเป็นโซนเอาไว้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่านกมันจะบินหนีออกไปไหนเด้อ
โดยรวมแล้ว สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) ถือเป็นสวนนกที่ดีที่สุดเท่าที่ก๊อตเคยไปมาในชีวิตนี้แล้ว นี่ว่าคนที่ชอบดูนกมาดูสามารถอยู่ได้ทั้งวันเลยนะ แต่ถ้าคนทั่วไปฟีลมาดูเอาบรรยากาศนี่ว่าอยู่สักครึ่งวันแล้วไปเที่ยวสวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) ต่อยังพอไหวเพราะเค้าอยู่ติดกันเลย นี่ว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะมากันแบบครอบครัวที่เค้ามีน้องๆ หนูๆ มาด้วยมาก ใครที่แบบปล่อยจอยวันนี้เน้นเที่ยวแบบแอนิมอลเดย์ ครึ่งวันเช้ามาที่นี่ ครึ่งบ่ายไปสวนสัตว์ ปิดท้ายตอนเย็นด้วยการไป Night Safari นี่ว่าก็ครบรสเลยแหละ
สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo)
มาต่อครึ่งวันบ่ายกันที่ สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) สวนสัตว์ที่เรียกได้ว่าเป็นสวนสัตว์ประจำชาติของสิงคโปร์ที่เค้าเพิ่งจะฉลองครบรอบ 50 ปีกันไปหมาดๆ โดยที่นี่เราจะได้เข้ามาผจญภัยในป่าไปกับสัตว์กว่า 4,200 ตัว ที่อาศัยอยู่ในป่าฝนเขตร้อนอันเขียวชอุ่ม บอกเลยว่าใครเป็นสายส่องสัตว์มาที่นี่จะได้ดูกันตั้งแต่สัตว์เล็กไปจนถึงสัตว์ใหญ่กันแบบจุใจเลย
สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) เปิดครั้งแรกในปีค.ศ.1973 โดยเค้ามีแนวคิดของสวนสัตว์แบบระบบเปิด ด้วยการจำลองที่อยู่อาศัยให้เหมือนสภาพแวดล้อมที่สัตว์เค้าอยู่กันจริงๆ ผ่านทั้ง 12 โซนที่อยู่ภายใน ท่ามกลางพื้นที่กว้างขวางให้สัตว์ได้อาศัยอยู่เสมือนพวกเค้าอยู่ในป่ากันจริงๆ
ซึ่งแต่ละโซนนั้นมีสัตว์อยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นโซน Australasia ที่เราได้เห็นจิงโจ้สีเทาและวอลลาบีจากออสเตรเลีย รวมถึงยังจิงโจ้จากปาปัวนิวกินีให้ได้มาดูกันด้วย หรือใครชอบสัตว์เลื้อยคลานให้มากันที่โซน RepTopia ที่เต็มไปด้วยสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและสัตว์เลื้อยคลานกว่า 60 สายพันธุ์ที่เน้นไปทางงูเสียมากกว่า แต่ถ้าใครอยากดูอุลังอุตังโดยเฉพาะ เค้ามีโซน Orangutan Island & Boardwalk โดยความพิเศษคือเค้าปล่อยให้ลิงอุรังอุตังอาศัยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของผืนป่าที่เค้าจำลองขึ้นมาเป็นเกาะแยกให้ลิงเค้าอยู่กันเองเลย ซึ่งถือว่าเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของโลกที่ปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติแบบนี้
ถ้าใครชอบเสือ สิงห์ ม้าลาย ให้มาโซน Wild Africa เป็นอีกโซนที่ก๊อตว้าวมาก เพราะเค้าจำลองพื้นที่ให้กลายเป็นป่าฝนเขตร้อนไปจนถึงทะเลทรายอันโหดร้าย เป็นโซนที่มีสัตว์เฉพาะถิ่นอาศัยอยู่เยอะมาก ทั้งหมาป่าแอฟริกา (African Painted dog) สิงโตแอฟริกา (African Lion) เสือชีตาร์(Cheetah) ยีราฟ ม้าลาย แรด เป็นต้น
ที่ก๊อตว้าวเลยคือโซน Tortoise Shell-ter ที่เต็มไปด้วยเต่าสายพันธุ์ต่างๆ โดยนี่เป็นครั้งแรกที่ก๊อตได้มาเห็นเต่ายักษ์อัลดาบร้า (Aldabra giant tortoise) ครั้งแรกในชีวิต ซึ่งเค้าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์เต่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักตัวที่ก๊อตเจอเค้าหนักกว่า 300 กิโลกรัม มีอายุยืนกว่า 150 ปี อาศัยอยู่ในแถบมาดากัสการ์ ซึ่งพอก๊อตไปลองถ่ายรูปกับพี่เต่าเค้าแล้ว ตัวเค้ากับตัวก๊อตคือจะเท่าๆ กันเลย เป็นเต่าที่ตัวยักษ์จริงๆ
นอกจากสัตว์ต่างๆ แล้ว ที่นี่เค้ายังมีโซนน้องช้างที่ถูกเลี้ยงแยกเอาไว้ต่างหากด้วยนะ โดยเค้าจะปล่อยให้น้องช้างออกมาเล่นน้ำโชว์นักท่องเที่ยวให้ได้ดูกันท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่ชอบใจกันใหญ่เวลาเห็นช้างเค้าพ่นน้ำออกจากงวง แถมถ้าใครอยากให้อาหารช้าง เราสามารถซื้อกิจกรรมให้อาหารเพิ่มเติมได้อีกด้วย
มากไปกกว่านั้น ที่ สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) เค้ายังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้เรามาเล่นกันอีกด้วยนะ อย่างจุดที่อยู่ใกล้ๆ กับ โซน Orangutan Island & Boardwalk ของน้องลิงอุรังอุตัง จะมีร้านอาหารให้เรามาเปิดประสบการณ์ลิ้มรสอาหารนานาชาติ ในโปรแกรมที่เค้าเรียกว่า Breakfast in the Wild at Singapore Zoo ซึ่งเราจะได้มานั่งกินบุฟเฟ่ท่ามกลางป่าดิบชื้นของสวนสัตว์ หลังจากทานเสร็จเค้าจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยแนะนำเรื่องเล่าของสวนสัตว์ให้เราฟังพร้อมทั้งยังพาน้องสัตว์ต่างๆ มาโชว์ตัวให้เห็นใกล้ๆ ทั้งนกแก้ว งู สุนัขจิ้งจอก และมีสัตว์อื่นๆ ที่โฉบไปมาอยู่รอบๆ ให้ได้ตื่นเต้นกันอีกด้วย โดยเค้าจะมีช่วงสุดท้ายท้ายสุด ที่เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปคู่กับน้องๆ ได้ด้วย น่ารักมากๆ
จบไปแล้วกับวันสวนสัตว์เดย์ของก๊อต ที่เราพาทุกคนไปส่องสัตว์กันแบบจัดเต็มมาก ทั้งที่ สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ (Bird Paradise) และ สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) จากประสบการณ์ที่ไปมาเอาจริงใครชื่นชอบสัตว์มาสองที่แล้วคืออิ่มเอมใจมาก เพราะเราจะได้ดูสัตว์แทบจะทุกประเภทที่มีอยู่บนโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ ทั้งกลุ่มสัตว์ปีกอย่างการมาส่องนกกันแบบจุใจกว่า 400 สายพันธุ์ที่มีถิ่นอาศัยอยู่แทบจะทุกมุมโลก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และเหล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงพวกสัตว์หายากก็มีให้ได้มาดูกันแบบใกล้ชิด ซึ่งนี่ว่าเป็นอีกวันดีๆ ที่เหมาะกับการมาเที่ยวกันแบบแฟมิลี่เดย์มาก ยิ่งบ้านไหนมีเด็กๆ มาด้วยก๊อตว่าน้องๆ คงจะเพลิดเพลินกันจนไม่อยากกลับเลยแหละ ซึ่งใครที่มาเที่ยวทั้งสองที่นี่แล้ว และยังรู้สึกว่ามีเวลาเหลือๆ อยากไล่เที่ยวส่องสัตว์ให้ครบ ช่วงเย็นก๊อตแนะนำให้ไปเที่ยวต่อที่ Night Safari มันจะเป็นการปิดจบวันที่คอมพลีทมาก นี่แอบเสียดายที่เราเวลาไม่พอเลยไม่ได้ไปเก็บภาพมาฝาก เอาไว้ไปสิงคโปร์รอบหน้าจะพาทุกคนไปเที่ยวให้ครบและเก็บรูปมาอัปเดตอีกครั้งนะครับ ใครมาตามรอยก็ขอให้มีวันสวนสัตว์เดย์ที่สนุกๆ กันทุกคนเลยนะ
รีวิวและบทความเกี่ยวกับเที่ยวสิงคโปร์ยังไม่หมด คลิกอ่านต่อได้เลย!
1. รีวิว สิงคโปร์ (ปี 2022)
2. รีวิว สิงคโปร์ (ปี 2018)
3. กิจกรรมและที่เที่ยวสิงคโปร์ห้ามพลาด! (ปี 2022)
4. รีวิว Universal Studios Singapore (ปี 2022)
5. 8 โรงแรมคูลๆ แนะนำในสิงคโปร์
6. Jurassic World Staycation, Hard Rock Hotel Singapore