กรี๊ดด ในที่สุดก็ได้มีรีวิวแรกของเกาหลีใต้ซักที ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเมืองหลวงอย่าง ‘โซล (Seoul)’ ที่หลายคนน่าจะมาเริ่มต้นกันที่เมืองนี้นั่นแหละ ซึ่งรีวิวนี้เอง เราขอไปสถานที่แบบแมสๆซักหน่อย ไม่ว่าจะใส่ชุดฮันบกเที่ยวตามพระราชวังเกาหลี ไปมิวเซียมที่น่าไปดู รวมถึงย่านช้อปปิ้งฮิตที่ได้ไปเกาหลีเมื่อไหร่ ต้องได้แวะไปเดินหาซื้อของกันบ้าง เสียดายไปนิด ที่ทริปนี้ เราไม่ได้เก็บคาเฟ่ในเกาหลีเท่าไหร่ เพราะเวลาไม่พอ เอาเป็นว่า .. ถ้ามีโอกาสหน้าเมื่อไหร่ นี่จะเอามารีวิวอีกรอบแน่นอนเด้อ
วอร์มอัพด้วยวิดีโอเที่ยวเมืองโซล (Seoul)
จาก Hashcorner กับ Traveloka และ KTO Thailand ❤️
Seoul, South Korea : เที่ยวโซลครั้งแรก!
โซล x เกาหลี ฉบับเที่ยวครั้งแรก 🇰🇷
นี่จะพาไปเที่ยวโซล กับที่เที่ยวห้ามพลาดเมื่อไปโซลครั้งแรก!ไม่ว่าจะเป็นการแต่งชุดฮันบกเที่ยว ‘พระราชวังเกาหลี’
ถ่ายรูปคิ้วท์ๆ เป็นสาวเกา หนุ่มโอปป้า
ในหมู่บ้านโบราณ ‘Bukchon Hanok Village’
เติมความติสท์ที่ ‘Leeum, Samsung Museum of Art’
หาจุด Instagramable ถ่ายรูปที่ ‘Anyang Art Park’
พักอ่านหนังสือและพักผ่อนที่ ‘Starfield Library’ และ ‘สวนสาธารณะโอลิมปิก’
จบด้วยการลุยย่านฮิตอย่าง ‘เมียงดง’ และ ‘ฮงแด’ทั้งหมดนี้ คือฟินกับโซลครั้งแรกของพวกเราแน่นอน
ส่วนใครที่ลังเล จะจองหรือไม่จองไปเกาหลีดี
ตอนนี้ Traveloka เค้าจับมือกับ KTO Thailand
มอบส่วนลดเที่ยวบินสูงสุด 15% หรือ สูงสุด 600 บาทอีกด้วย
ดีลดีขนาดนี้ จะพลาดหรอออออ
คลิกดู https://www.traveloka.com/th-th/promotion/gokoreaไปดูวิดีโอแล้วรีบไปเที่ยวกันเลย
ส่วนรีวิว โซล (Seoul) ฉบับเต็ม จะมาอีกรอบ
ต้องติดตามกันเด้อออออ#ใกล้ไกลก็ไปได้หมด
#EverywhereIsNowPossible
#TravelokathPosted by HashCorner on Wednesday, November 7, 2018
แพลนเที่ยวโซล (Seoul) + วิธีการเดินทาง
วันที่ 1:
– บินมาถึงโซล + เข้าที่พัก
– ดงแดมุน ดีไซน์ พลาซ่า (Dongdaemun Design Plaza (DDP))
วันที่ 2:
– พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace)
– พระราชวังชังกย็องกุง (Changgyeonggung Palace)
– หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village)
– ฮงแด (Hongdae)
วันที่ 3:
– พิพิธภัณฑ์ศิลปะลีอุมซัมซุง (Leeum, Samsung Museum of Art)
– ห้องสมุดสตาร์ฟิลด์ (Starfield Library)
– สวนโอลิมปิกกรุงโซล (Seoul Olympic Park)
วันที่ 4:
– สวนศิลปะอันยาง (Anyang Art Park)
วันที่ 5:
– อินทาวน์เช็คอินสายการบิน + โหลดกระเป๋า + ผ่าน ตม. ที่ Seoul Station
– เมียงดง (Myeong-dong)
– ไปสนามบิน + บินกลับไทย
วิธีการเข้าเมืองจากสนามบินอินชอน
วิธีที่สะดวกที่สุดในการเข้าเมือง มีอยู่สองวิธี AREX Incheon Airport Express เป็นรถไฟยิงตรงจากสนามบินเข้าเมืองโซลที่สถานี Seoul Station และรถบัสจากสนามบิน ซึ่งข้อดีและข้อเสียนั่นก็แตกต่างกันไป รถไฟ AREX จะรวดเร็ว ตรงเวลา แต่อาจจะต้องต่อรถไฟที่ Seoul Station เพื่อไปยังที่อื่นต่อ มันจะง่ายสำหรับคนที่พักโรงแรมติดกับสถานีรถไฟ ส่วนรถเมล์มันสามารถเลือกสายเพื่อไปลงใกล้ๆ โรงแรมได้ภายในต่อเดียว ทีนี้ก็อยู่ที่แต่ละคนว่าสะดวกแบบไหนเน้อ สำหรับสายรถเมล์การเข้าเมืองจากสนามบิน แนะนำให้ดูที่ เว็บสนามบินอินชอน (คลิก)
⚡️ ใครที่จะใช้ AREX Incheon Airport Express แนะนำให้ซื้อตั๋วรถไฟจากเว็บ Klook ที่ได้ราคาถูกกว่าปกติตรงหน้าเคาท์เตอร์ประมาณ 45 บาท สามารถดูและซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้จากลิงค์นี้เลย (FYI: ตอนซื้อในเว็บเราต้องเลือกวันที่ใช้บริการรถไฟด้วย) คลิกซื้อ AREX Incheon Airport Express ผ่าน Klook
เช็คอินในเมืองตอนขากลับไทย ก่อนไปสนามบิน!
สำหรับคนที่ขึ้นสายการบิน Korean Air, Asiana Airlines, Jeju Air, T’way Air และ Eastar Jet (อัพเดท พฤศจิกายน 2018) กลับไทยล่ะก็ มีสิ่งหนึ่งที่โคตรดีย์ คือ เราสามารถ In-town Check-in ที่ Seoul Station กลางเมืองได้เลย แต่มีข้อแม้ว่า เราต้องใช้บริการ AREX Incheon Airport Express เท่านั้น ซึ่งก๊อตได้ใช้บริการมาแล้ว คือสะดวกและรวดเร็วโคตรๆ
⚡️ ตอนเช้าเรามาซื้อ AREX และเลือกเวลาที่จะนั่งรถไฟกลับสนามบิน จากนั้นเช็คอิน + โหลดกระเป๋ากับสายการบิน ที่พีคคือ.. เราสามารถปั้มตราผ่านด่าน ตม ตรงนั้นได้เลย และเมื่อเราไปถึงสนามบิน พวกที่ทำการผ่าน ตม. ในเมืองมาแล้ว เราสามารถเข้าเลนพิเศษ (Special Lane) เพื่อผ่านเข้าไปยังเกทสนามบินได้รวดเร็ว โดยที่เราไม่ต้องเข้าแถวกับคนทั่วไป ซึ่งอันนี้คือดีโคตรๆ ใครที่ขึ้นสายการบินเกาหลีตามที่บอกไป นี่คือแนะนำมากถึงมากที่สุดเล้ย!
บัตร T-Money สำหรับใช้ขึ้นรถไฟ + รถเมล์
สำหรับการเดินทางในโซล (Seoul) เราจะใช้รถไฟใต้ดินซะส่วนใหญ่ จะมีบ้างบางครั้งที่จะใช้รถเมล์ ทีนี้การขึ้นรถสาธารณะต่างๆด้วยเงินสด นี่คือปวดหัวมาก นี่เลยแนะนำให้เราซื้อบัตร T-Money ที่เราสามารถใช้บัตรนี้จ่ายได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน รถเมล์ หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อ แนะนำให้ซื้อตั้งแต่ตอนขึ้นรถไฟที่สนามบินเลย มันจะมีตู้ขายบัตรนี้อยู่เด้อ
Pocket Wifi ใช้ในเกาหลี
อีกอันที่อยากแนะนำมากคือ Pocket Wifi ที่ใช้ในเกาหลี ทริปนี้ก๊อตได้เช่า Pocket Wifi จากเว็บ Klook โดยไปรับ-คืนที่สนามบิน บอกเลยว่าดีมาก ดีที่สุดในสามโลก Sim2Fly ของ AIS หรือ Travel Sim Asia ของ TrueMove ก็เอาไม่อยู่ เพราะ Pocket Wifi ที่เช่าจาก Klook นั้นเป็นอินเตอร์เนตแบบ Unlimited และราคาค่าเช่านั้นแค่ 70-85 บาท/วัน เท่านั้น คือถูกโคตรรรรร อันนี้แนะนำมาก เพราะใช้จริง ไม่ได้สปอนเซอร์เด้อ หากใครสนใจ คลิกดู Pocket Wifi ที่เว็บ Klook ที่นี่เลย
ข้อมูลแน่นแล้ว มาเริ่มเที่ยวกันดีกว่า!
โซล (Seoul) วันแรก:
ดงแดมุน ดีไซน์ พลาซ่า (Dongdaemun Design Plaza (DDP))
เนื่องจากวันแรกที่นี่มาถึงโซล ก็ค่อนข้างเย็นแล้วอ่ะ วันนี้เลยจะไม่ทำไรมา คือเราจะมาเดินเล่นกันที่ ดงแดมุน ดีไซน์ พลาซ่า (Dongdaemun Design Plaza (DDP)) ต่อไปจะเรียกสั้นๆว่า DDP ซึ่งก๊อตก็จะแนะนำให้มากันตอนเย็นๆ เพราะบรรยากาศตอนกลางคืน ตึกเค้ามีเปิดไฟ และมีทุ่งดอกไม้ LED Rose Garden ที่เปิดไฟสวยงาม เออ นี่เห็นรูปมาก็เลยอยากมาดู แต่ดันไม่เจอ เหมือนเค้าเอาออกไปแล้ว โอ้ย 5555555555555
⚡️ ดงแดมุน ดีไซน์ พลาซ่า หรือ DDP นี่แทบจะเป็นอีกแลนด์มาร์คหนึ่งของเกาหลีที่ทำให้แสดงความอาร์ท ความติสท์ของเกาหลียุคใหม่เลยนะเว้ย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถาปัตยกรรมและแฟชั่น ซึ่ง Seoul Fashion Week เค้าก็จะมาจัดกันที่นี่ทุกปี โดยคนออกแบบ DDP นั้นคือ Zaha Hadid นักออกแบบชื่อดัง ที่ฝากผลงาน Achitecture แบบ Desconstruction กับตึกฟรีฟอร์มที่ไม่จำกัดอยู่แค่เส้นตรง หรือตึกเหลี่ยมๆ นั่นเอง
ปกติที่ DDP เค้าก็จะมีนิทรรศการหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเราไปช่วงไหนแล้วมีงานที่น่าสนใจหรือเจองานของศิลปินที่เราชื่นชอบ เราสามารถซื้อบัตรเพื่อเข้าไปดูได้เลยเด้อ ส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่นิทรรศการจัดแสดงนั้น เราสามารถเดินเล่นได้แบบฟรีๆ จะนั่งชิลๆ เดินถ่ายรูปเล่น หรือแม้แต่เดินช้อปปิ้ง ที่ DDP นั้นก็มีหลายอย่างให้ทำเยอะแยะเต็มไปหมด ส่วนตัวผมนั้น .. ก็เดินถ่ายรูปเล่นนั่นแหละจ๊า เพราะที่นี่เป็นอีกแห่งที่น่าถ่ายรูปลง Instagram เป็นอย่างยิ่ง ฮ่าๆ
สำหรับใครที่มา DDP แล้วมีเวลาว่าง อยากเดินช้อปปิ้งแบบเมามันส์ล่ะก็ นี่จะแนะนำให้เดินมาฝั่งตรงข้ามกับตึกใหญ่ 2-3 ตึก ที่เป็นร้านค้าขายส่งเสื้อผ้าคล้ายประตูน้ำบ้านเรา ดังนั้น ถ้าใครอยากขนเสื้อผ้าเกาหลีน่ารักๆกลับไทยล่ะก็ ให้มาที่นี่เลยจ๊าาา 5555
โซล (Seoul) วันที่ 2:
เที่ยวพระราชวังเกาหลี
สำหรับใครที่มาเที่ยวเกาหลีครั้งแรก การมาเที่ยวพระราชวังเกาหลีนั้น นับเป็นสถานที่ที่เราจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของชาติเกาหลีได้อย่างดี ซึ่งพระราชวังที่สำคัญของเกาหลีนั้นมีอยู่ 5 แห่ง ด้วยกัน นั่นคือ (1.) พระราชวังคยองบกกุง (Gyeongbokgung Palace) ที่เป็นพระราชวังหลวงวังแรกของเกาหลี (2.) พระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace) (3.) พระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace) (4.) พระราชวังคย็องฮี (Gyeonghuigung) (5.) พระราชวังชังกย็องกุง (Changgyeonggung Palace)
⚡️ พระราชวังที่เราจะไปในรีวิวนี้จะมีอยู่แค่ 2 ที่ คือ พระราชวังคยองบกกุง (Gyeongbokgung Palace) + สวนลับฮูวอน (Huwon Secret Garden) และ พระราชวังชังกย็องกุง (Changgyeonggung Palace)
จริงๆ อีกวังที่อยากรีวิวแต่ไม่ได้ไปในทริปนี้ คือ พระราชวังคยองบกกุง (Gyeongbokgung Palace) ที่เป็นพระราชวังที่สำคัญที่สุดในเกาหลี เพราะเป็นพระราชวังหลวงที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในเกาหลี แต่ทริปนี้ไม่ได้ไป เพราะจริงๆเคยไปมาแล้วเมื่อหลายๆปีก่อน ทริปนี้เลยไม่ได้ไปอ่ะ เพราะเวลาไม่พอ และไม่อยากเขียนในนี้ เพราะมันนานมาแล้ว และรูปสวยๆก็ไม่มี งั้นไปเที่ยวเองนะ 55555555555
ตั๋วรวมเที่ยวพระราชวังเกาหลี
💵 ใครที่คิดจะเที่ยวพระราชวังเกาหลีหลายที่ล่ะก็ ตรงหน้าวังเค้าจะมีขายตั๋วรวมแพ็ค 4 พระราชวัง + สวนลับฮูวอนด้วย + ศาลเจ้าจงมโย ราคาตั๋วรวมมันจะอยู่ที่ 10,000 วอน ซึ่งถ้าไปครบหมดทุกอัน ราคารวมปกติมันจะอยู่ที่ 14,000 วอน เราจะประหยัดไป 4,000 วอนเด้อ
ตั๋วราคาปกติในการเข้าแต่ละพระราชวัง ตามนี้:
1. พระราชวังคยองบกกุง (Gyeongbokgung) : 3,000 วอน
2. พระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace) : 1,000 วอน
3. พระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace) : 3,000 วอน + สวนลับฮูวอน (Huwon Secret Garden) : 5,000 วอน
4. พระราชวังชังกย็องกุง (Changgyeonggung Palace) : 1,000 วอน
5. ศาลเจ้าชงเมียว (Jongmyo Shrine) : 1,000 วอน
อันนี้ต้องไปบวกเลขคิดดูเอาเองว่าคุ้มมั้ยที่จะซื้อตั๋วร่วมนะแจ๊ะ สรุปคือถ้าใครชอบเที่ยวพระราชวังเกาหลี และอยากรู้ลึกเรื่องประวัติศาสตร์ แนะนำให้ไปให้หมดละกัน โดยแนะนำให้ซื้อตั๋ว เอาให้เอียนไปเลย แล้วไม่ต้องมาเที่ยวพระราชวังอีกกก 55555
พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace)
💵 พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) ที่นอกจากจะมีวังให้เราเที่ยวแล้ว ที่นี่ยังมี สวนลับฮูวอน (Huwon Secret Garden) ให้เราเข้าไปเที่ยวอีกด้วย ซึ่งอยากที่ได้บอกไป ราคาค่าเข้าสวนลับนั่นจะต้องเสียเงินเพิ่ม 5,000 วอนนะก๊ะ
นี่จะแนะนำให้เข้าในช่วงเวลาที่เค้ามีทัวร์ไกด์ภาษาอังกฤษ ซึ่งเราจะได้ฟังพี่ไกด์ชาวเกาหลีเค้าเล่าประวัติของที่นี่ด้วย มันมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเยอะมาก รอบทัวร์ภาษาอังกฤษมีรอบ 11:30, 13:30, 14:30, และ 15:30 ยังไงลองเช็คหน้าวังตรงที่ขายตั๋วอีกรอบนะเออ และที่สำคัญคือเราต้องเลือกรอบทัวร์เลยตอนเราซื้อตั๋วเด้อ ซื้อตั๋วเข้าวัง + สวนลับเรียบร้อย ที่นี้ได้เวลาเดินสวยๆ เข้าวังโลด
พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1405 ในสมัยของพระเจ้าแทจง (King Taejong) พระมหากษัติย์องค์ที่ 3 ในราชวงค์โชซอน (Joseon) ซึ่งพระราชวังที่นี่นั้น ถือเป็นพระราชวังลำดับที่ 2 ของเกาหลีแหละ โดยเหตุผลที่พระเจ้าแทจงสร้างงที่นี่ขึ้นใหม่นั้น หลายคนที่เชื่อว่า พระเจ้าแทจงสร้างใหม่เพราะไม่อยากปกครองบ้านเมืองโดยใช้พระราชวังเดิมเพราะพระองค์เคยฆ่าพี่น้องต่างแม่ของตัวเองในพระราชวังแห่งนั้นมาก่อน ก็เลยสร้างที่ใหม่ขึ้นมาแทนนั่นเอง
เรื่อยๆ ต่อมาในปี 1592 ญี่ปุ่นได้บุกรุกและยึดครองเกาหลีและเผาวังเกือบทุกแบบวอดวาย ทำเอาทุกวังพังหมดไม่เหลือชิ้นดี แต่สุดท้าย พระราชวังแห่งนี้ถูกบูรณะใหม่เป็นแห่งแรกในปี 1610 และใช้เป็นที่พักอาศัยของคนพระมหากษัตริย์และคนในราชวงศ์ต่อมายาวนานเกือบ 300 ปี เลยทีเดียว ในขณะที่พระราชวังแห่งแรก ‘พระราชวังคยองบกกุง’ กว่าจะถูกบูรณะ ก็เลยเถิดมาจนปี 1867 นี่แหละ แสดงว่าวังชางด๊อกกุงนี่สำคัญเอาเรื่องสุดๆนั่นเอง // นี่คือสาระ และขอต้อนรับเข้าสู่วิชาประวัติศาสตร์เกาหลีจย๊าา 5555
ด้านในพระราชวังชางด๊อกกุง เราสามารถเดินดูสถาปัตยกรรมของวังได้แบบเพลินๆ ซึ่งขนาดของวังก็ค่อนข้างใหญ่พอสมควรให้เราได้เดินสำรวจไปเรื่อยๆ เดินจนอิ่มและถึงเวลาที่เราจะได้เข้า สวนลับฮูวอน (Huwon Secret Garden) นี่ก็ไปรอหน้าประตูทางเข้า จากนั้นก็มีไกด์หญิงสาวชาวเกาหลี ต้อนรับยิ้มแย้มทักทายกรุ๊ปทัวร์ และพาเราเดินเข้าไปตามสถานที่ต่างๆ ด้านใน
ความร่มรื่นของ สวนลับฮูวอน (Huwon Secret Garden) คือโคตรแตกต่างจากวังด้านหน้ามาก ต้นไม้เยอะ และพระมหากษัตริย์เกาหลีมักจะใช้สวนนี้ในการพักผ่อนหย่อนใจ แต่งกลอน ทานข้าวเย็น และในสมัยที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครอง แน่นอนว่าสวนลับแห่งนี้ก็ไม่รอดจากการโดนเผาเช่นกัน ฮือ // อันใหม่นี้คืออันที่บูรณะใหม่ในปี 1623 เด้อ
สวนลับฮูวอนแห่งนี้ การออกแบบนั้นจำลองความสวยงามมาจากภูเขาบูกักซาน (Bugaksan Mountain) ที่ตั้งอยู่ตอนเหนือของเมืองโซล และจากการบูรณะและสร้างขึ้นใหม่ของสวนแห่งนี้ ต้นไม้ส่วนใหญ่ในสวนแห่งนี้เลยมีอายุเกือบ 400 ปีเลย โดยรวมคือชอบมากกว่าเดินวังด้านนอกอีก ส่วนตัวคิดว่า พระราชวังเกาหลีมันแห้งๆ ความร่มรื่นไม่ค่อยมี แต่ในสวนลับนี้คือดี มีบ่อน้ำ มีศาลา มีต้นไม้ และถ้าใครมาช่วงฤดูใบไม้ผลิ บอกเลยว่าโคตรสวยยย!
พระราชวังชังกย็องกุง (Changgyeonggung Palace)
ถัดมาด้านข้างของพระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) จะเป็นที่ตั้งของ พระราชวังชังกย็องกุง (Changgyeonggung Palace) โดยเราสามารถเข้าต่อหลังจากออกมาจากสวนลับฮูวอนได้ เพราะทางเข้าวังอยู่ติดกันเลยจ้า ส่วนเหตุผลที่อยากจะมาเที่ยววังนี้ คืออยากเดินเล่นในห้องเรือนกระจกหลังวังที่มีดีไซน์การออกแบบแบบตะวันตกแหละ ส่วนตัวพระราชวังนั้น คือมีความคล้ายๆกันกับพระราชวังเกาหลีอื่นๆ ไม่ได้มีอะไรแตกต่างมากนัก 555555
※ พระราชวังชังกย็องกุง (Changgyeonggung Palace) เป็นวังที่สร้างเคียงคู่กับ พระราชวังชังกย็องกุง (Changgyeonggung Palace) เพื่อเป็นที่พักอาศัยของพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระมหากษัตริย์
มีเหตุการณ์หนึ่งที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์เกาหลีที่เกิดในวังนี้คือ ‘รัชทายาทซาโด’ ถูกลงพระอาญาโดยพระบิดา ‘พระเจ้ายองโจ’ ที่บังคับให้เข้าไปอยู่ในกล่องข้าวจนถึงแก่ความตาย โดยเหตุผลที่ลงพระอาญา เพราะป่วยอากาศทางจิตและฆ่าคนในพระราชวังไปทั่ว หลายคนเลยหวาดกลัวเมื่อถึงเวลาที่ท่านได้มาเป็นพระมหากษัตริย์นั่นเอง ใครสนใจลองไปหาอ่าน สนุกดี ฮ่าๆ
เดินเที่ยววังเสร็จ อย่าลืมมาเดินตรงเรือนกระจกด้านหลังของพระราชวังชังกย็องกุง ที่มีการออกแบบสไตล์ยุโรปที่ได้แรงบันดาลใจมากจากเรือนกระจกคริสตัลในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ฟีลลิ่งคือเปลี่ยนมาก จากด้านหน้าที่ดูเป็นเกาหลี ตอนนี้ฟีลเหมือนอยู่ยุโรปเลย ฮ่าๆ ด้านในเรือนกระจกเค้าก็จะมีต้นไม้ พรรณไม้เต็มไปหมด เดินเล่นได้แบบชิลๆ เพลินๆ
หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village)
เที่ยวพระราชวังเสร็จจนอิ่มเอม แล้วมาต่อกันที่ หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village) ตั้งอยู่ระหว่างกลางพระราชวังคยองบกกุง (Gyeongbokgung) และ พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) ถ้าใครที่ไม่เคยมาเกาหลีมาก่อน นี่แนะนำให้มาเที่ยวที่หมู่บ้านบุกชอนฮันอกด้วย เพราะเราจะได้ฟีลความเป็นเกาหลีที่จับต้องได้มากขึ้นผ่านบ้านไม้เรือนไม้ของคนเกาหลีสมัยก่อน ที่นับมาจนถึงตอนนี้ก็มีอายุมากกว่า 600 ปี มาแล้ว
ก่อนจะเริ่มต้นเดินเที่ยว หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village) แนะนำให้เดินหา Visitor Center ที่จะมีคนแนะนำเส้นทางพร้อมให้แผนที่มาด้วย ซึ่งไอ้แผนที่มันช่วยได้มาก จะได้เดินไม่หลงและยังเก็บจุดถ่ายรูปได้ครบอีกด้วย // หรือจะดูแผนที่ในนี้ก็ได้ คลิก
เมื่อเราได้แผนที่มาแล้ว นี่ก็เดินต่อตามเส้นทางเลยจ้า ช่วงแรกๆของเส้นทางนั้นเราจะผ่านพวกช็อปร้านค้าต่างๆ เยอะแยะเรียงกันเป็นตับ ก่อนเส้นทางมันจะพาเราขึ้นไปยังเนินด้านบน เลี้ยวซ้าย แล้วเราจะเจอกับจุดถ่ายรูปแรก กับบ้านเรือนเกาหลีแบบโบราณ + ถนนลาดลงไปยังด้านล่าง ทำให้เราเห็นวิวเมืองเบาๆ .. รูปมันอาจจะดูธรรมดานิดๆ แต่ของจริงมันสวยอยู่นะเว้ย นี่ว่าฟีลลิ่งมันดีย์นะ ชอบ
เดินลงมาเรื่อยๆ มันจะลงมาเจอกับถนนใหญ่ ให้เราข้ามถนนแล้วเดินต่อไปยังซอยตามเส้นทางในแผนที่ ซึ่งถ้าใครงงๆ ให้ลองดูฝูงคนที่เดินดู เค้าไปทางไหน เราก็ไปทางนั้นแหละ ฮ่าๆ
จุดต่อไปนี่แหละ ที่ก๊อตคิดว่าจุดนี้คือสวยสุดของการเดินเที่ยว หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village) แล้ว คือมันเป็นทางลาดที่ได้สวยม๊ากกก มองจากด้านล่างขึ้นไป เราจะเห็นบ้านพี่เกาแบบสมัยก่อน ตั้งขนาบสองข้างถนนเล็กๆที่มุ่งไปสู่ด้านบน บ้านเหล่านี้ก็มีทั้งมิวเซียม แลสถานที่สำหรับการทำเวิร์คช็อปเกี่ยวกับวัฒนธรรมเกาหลีบลาๆ
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ใครที่อยากอินความเกามากขึ้นไปอีก แนะนำให้เช่าชุดฮันบกมาใส่เดินเล่นถ่ายรูปด้วย คือโคตรดีย์ นี่ยังนึกเสียดายเลยที่ไม่ได้เช่าชุดมาด้วย และถ้าผู้ชายคนไหนที่อยากเช่าชุดแล้วเขิลล่ะก็ จะบอกว่า .. ผู้ชายเช่าชุดอย่างเยอะ เช่ากันเป็นแก๊งค์บอยๆเลย ผู้ชายทั้งกลุ่มใส่ชุดฮันบก ใส่รองเท้าสนีคเกอร์เท่ห์ๆ คือโคตรคูล 5555 // ส่วนเรื่องร้านเช่าชุดฮันบกนั้น แนะนำให้ไปหาเองเด้อ ฮ่า
ทีนี้พอเดินไปยังสุดถนนด้านบนนี่แหละ คือพีคสุด เราสามารถเห็นฟีลเมืองเก่าต่อหน้า + เมืองสมัยใหม่ไกลๆด้านหลัง ซึ่งภาพที่เห็นตรงนี้คือดีย์ม๊าก มันเป็นความคอนทราสที่สวยงามและให้ฟีลลิ่งที่ดีแบบลงตัว และสิ่งที่ทำให้บรรยากาศตรงนี้มันสวยขึ้นไปอีกคือช่วงที่ได้ไปคือช่วงเย็นๆ แสงแดดอ่อนๆสีทองพอดี รวมๆคือสวยมากกกกกก คือโคตรชอบเลย ❤️
ฮงแด (Hongdae)
ถึงเวลาตกดึก พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า นี่ยังไม่หยุดพัก ขอไปต่อกันที่ย่านฮิตที่สุดของวัยรุ่นเกาหลี นั่นคือ ฮงแด (Hongdae) แถวมหาวิทยาลัยฮงอิก (Hongik University) ซึ่งสถานที่ที่เราจะไปเดินเล่นกันคือตรง ฮงแดวอร์คกิ้งสตรีท (Hongdae Walking Street) ที่โคตรครึกครื้นมากในเวลากลางคืน
ใครที่อยากมาดูโอปป้าเด็กมหาลัยเอ๊าะๆ แนะนำให้มาที่ ฮงแด (Hongdae) นี่แหละ ค่ำๆ จะมีเด็กมหาลัยเยอะโคตรๆ มาจับกลุ่มรวมตัวกันแสดงความสามารถของตัวเองตามมุมถนน ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง เต้น เล่นดนตรี คือเยอะม๊าก แล้วแฟนคลับของน้องๆกลุ่มที่มาแสดงตรงยังเยอะอีกด้วย ซึ่งนี่เคยได้ยินมาว่า ฮงแด นี่คือย่านแห่งการหาโอกาสทางด้านวงการบังเทิง เพราะจะมีแมวมองมาซุ่มๆ มองๆ หาเด็กหน้าใหม่ไปเป็นศิลปินในอนาคตนั่นเอง
สำหรับใครที่ไม่ได้อินกับเด็กโอปป้ามากนัก (5555555555) ที่ฮงแดมันยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งเสื้อผ้าวัยรุ่นอีกด้วยนะ ร้านแบรนด์สตรีทมาเต็ม ทั้งรองเท้า เสื้อผ้า บลาๆ แต่ที่ชอบสุดคือร้านเสื้อผ้าสตรีทข้างทางที่ตั้งติดๆกันเป็นแถบ ร้านพวกนี้คือร้านฮิตของวัยรุ่นเด็กมหาลัยที่นี่มา โดยร้านเค้าจะรวมหลายๆแบรนด์โลคอลเกาหลีที่เป็นฟีลแบรนด์ในสวนจตุจักรบ้านเราเอาไว้ในร้านเดียว โดยรวม เสื้อผ้าคือดีย์ สวยและเก๋กู๊ด ส่วนราคานั้นไม่ค่อยแรง แต่ก็ไม่ถูก อันนี้ต้องเลือกกันเอาเอง 555555
ถ้าใครชอบอะไรแบบนี้ ลองเดินมาเดินเล่นดู มันสนุกนะเออ นี่เดินจนเมื่อยขาและเหนื่อยเวอร์ สรุปคือไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ แป๊ปๆ กลับโรงแรมนอนดีกว่า แหะๆ
โซล (Seoul) วันที่ 3:
พิพิธภัณฑ์ศิลปะลีอุมซัมซุง (Leeum, Samsung Museum of Art)
เริ่มต้นวันที่ 3 นี่จะแวะไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะกันก่อน โดยในเมืองโซล (Seoul) นั้น มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ทริปนี้นี่มีเวลาไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เราเลยเลือกไปแค่ที่เดียวคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะลีอุมซัมซุง (Leeum, Samsung Museum of Art) ที่เหมาะกับคนที่ชอบเรื่องดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นสาย Contemperary Art, Expressionism, Abstractionism หรือแม้แต่วัตถุเครื่องปั้นดินเผาโบราณของเกาหลี ใครชอบอะไรแบบนี้ การมาเติมแรงบันดาลใจด้วยงานศิลปะ ก็เป็นอะไรที่ดีเหมือนกันน้า
💵+ 🚇สำหรับค่าเข้าชม พิพิธภัณฑ์ศิลปะลีอุมซัมซุง (Leeum, Samsung Museum of Art) อยู่ที่ 10,000 วอน หรือประมาณ 300 บาท/คน วิธีการมาที่นี่ ให้เรามายังสถานทีรถไฟ Hangangjin Station ออกประตุ 1 แล้วปัก Google Map นำทางได้เลย ไม่ไกล ฮ่า
ใครที่เป็นสายคาเฟ่ นี่รู้มาว่ารอบๆ พิพิธภัณฑ์ศิลปะลีอุมซัมซุง (Leeum, Samsung Museum of Art) คือแหล่งรวมคาเฟ่เกาหลีดีๆ เยอะแยะ แต่รอบนี้คือไม่ได้มาคาเฟ่แบบจริงจัง ถ้าใครสนใจ ลองหารีวิวอื่นดูเด้อ แล้วถ้าครั้งหน้า นี่มาเที่ยวโซลใหม่ ไว้จะมาคาเฟ่แบบจริงจังเนอะ แหะๆ
ห้องสมุดสตาร์ฟิลด์ (Starfield Library)
ถึงเวลาแวะ ห้างสตาร์ฟิลด์ โคเอ็กซ์มอลล์ (Starfield COEX Mall) ซักหน่อย ถ้าใครที่คิดอยากจะเดินห้าง กินข้าว ซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ แนะนำให้แวะห้างนี้ A Land ก็มี No Brand ก็มา พวก H&M, Zara, Uniqlo มี และที่พีคสุดคือมีอควาเรียมด้วย ฮ่าๆ ที่นี่ถือเป็นห้างใหญ่และมีครบหมดทุกอย่างเลย ส่วนสถานที่หลักในห้างสตาร์ฟิลด์ที่อยากมาเดินดูและรีวิวคือ ห้องสมุดสตาร์ฟิลด์ (Starfield Library) ที่บอกเลยได้ว่า อลังการและดูความมีคิวท์แบบเกาหลีขั้นสุด
📚 ห้องสมุดสตาร์ฟิลด์ (Starfield Library) นั้นมีหนังสือมากกว่า 50,000 เล่ม แต่ส่วนมากเป็นภาษาเกาหลี ส่วนค่าเข้าฟรีจ้า! อันนี้คือดีย์ แต่ถ้าใครที่คิดจะมานั่งอ่านหนังสือแบบจริงจัง นี่ไม่แนะนำอย่าแรง เพราะคนเยอะและพลุกพล่านเวอร์ มันไม่ได้เงียบเหมือนห้องสมุดที่มันควรจะเงียบอ่ะ แนะนำให้มาดูความสวยและถ่ายรูปเก๋ๆ พอ 55555555555
สวนโอลิมปิกกรุงโซล (Seoul Olympic Park)
ด้วยความอยากชิล เดินเล่นในสวนสาธาณะ นี่เลยมาต่อที่ สวนโอลิมปิกกรุงโซล (Seoul Olympic Park) ที่เมื่อมาถึงที่นี่ ถึงกับต้องร้อง .. โอ้โหววว คนเกาหลีเค้ามาสวนสาธารณะเยอะ (สึสสส) ความคนเยอะในที่นี้คือดีในแง่บวกนะ คือเค้ามากันเป็นกลุ่มเพื่อน กลุ่มครอบครัว หรือแม้แต่คู่แฟนมาจู๋จี๋งี้ มาปูเสื้อกินขนม มาเล่นกีฬา ปั่นจักรยาน มาเดินเล่น คือคนมาเยอะม๊ากกก นี่เลยรู้สึกว่าสวนโอลิมปิกกรุงโซล (Seoul Olympic Park) แห่งนี้ คือ โคตรมีชีวิตชีวาเลย ชอบมากกกกกก!
🚇 สำหรับการมาที่ สวนโอลิมปิกกรุงโซล (Seoul Olympic Park) นั้น ให้เรานั่งรถไฟไต้ดินมาลงที่สถานี Olympic Park Station ประตูทางออก 3 หรือสถานี Mongchontoseong Station ประตูทางออก 1 ได้เลย!
ด้านหน้าของ สวนโอลิมปิกกรุงโซล (Seoul Olympic Park) เราจะสังเกตเห็น World Peace Gate ที่ตั้งเด่นสง่าอยู่ ซึ่งตรงนี้มีเด็กๆเกาหลีรวมกลุ่มกันอยู่เยอะมากกกก หลายคนมาปั่นจักรยาน เล่นสเก็ตบอร์ด ตีแบต คือเต็มลานกว้างไปหมด คือที่นี่มันไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบทัวร์ริสอ่ะ มันค่อนข้างที่จะโลคอล เหมือนมาดูวิถีชีวิตคนเกาหลีที่เค้ามาพักผ่อนหย่อนใจ บรรยากาศดีมากจริงๆ มีความมีชีวิตชีวา
เมื่อเราเดินต่อเข้าไปเรื่อยๆ ไอ้ตรงลานด้านหน้าคือแค่ส่วนเล็กๆของ สวนโอลิมปิกกรุงโซล (Seoul Olympic Park) นี้เท่านั้น ความจริงคือ สวนโอลิมปิกมันโคตรใหญ่ มีหลากหลายมุมและสถานที่ให้เราได้เดินและเลือกพักผ่อนตามอัธยาศัย ทีนี้มันจะมีจุดนึงที่เหมือนจะน่ารักคือ ‘ต้นไม้แห่งความเหงา (Lonely Tree)’ กับลานทุ่งหญ้ากว้างและมีต้นไม้อยู่ต้นเดียวกลางทุ่งแบบคิวท์ๆ แถวนี้วัยรุ่นเกาเยอะมาก มากันเป็นคู่แล้วนอนเล่นอี๋อ๋อสวีทวี่วีเต็มไปหมด เห็นแล้วแอบหมั่นไส้เบาๆ 55555555
โดยรวมของ สวนโอลิมปิกกรุงโซล (Seoul Olympic Park) คือดีนั่นแหละ และที่ชอบสุดคือตรงแถวๆ ต้นไม้แห่งความเหงา มันจะมีเนินเขาสลับไปมาที่เราสามารถเดินขึ้นเนินไปดูวิวเมืองโซลได้ แถมยังได้เห็นตึก Lotte World Tower ที่ตอนนี้เป็นตึกที่สูงที่สุดในเกาหลี และเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกอันดับที่ 5 ได้แบบไม่ใกล้ไม่ไกลอีกด้วย ถ้าใครว่างๆ ลองมาแวะเดินเล่นสวนโอลิมปิกดูได้ มันโอเคเลยล่ะ
โซล (Seoul) วันที่ 4:
สวนศิลปะอันยาง (Anyang Art Park)
วันนี้เราจะออกมานอกตัวเมืองโซล โดยนั่งรถไฟออกมาจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อมาตามล่าหาสวนศิลปะโคตรคูลที่ชื่อว่า สวนศิลปะอันยาง (Anyang Art Park) นั่นเอง ส่วนตัวก๊อตนั้นเห็นรูปในอินสตาแกรมที่ถ่ายมาจากที่นี่บ่อยม๊าก การมาเที่ยวโซลครั้งนี้ .. เลยอยากมาตามรอยถ่ายรูปเก๋ๆกับเค้าบ้างซักหน่อย ซึ่งก๊อตยังคงยืนยันและบอกตรงนี้เลยว่า สวนศิลปะอันยาง (Anyang Art Park) ควรค่าแก่การมาเพื่อตามล่า Instagramable Spots เป็นที่สุด!
สวนศิลปะอันยาง (Anyang Art Park) สำหรับพวกเรา อาจจะเป็นที่อาร์ทๆสำหรับการถ่ายรูปเก๋ๆ แต่สำหรับคนเกาหลี ที่นี่เหมือนที่พักหย่อนใจที่เค้าชอบหลีกหนีความวุ่นวาย แล้วมาเดินเทรล นั่งปิกนิค และใช้เวลาครอบครัวร่วมกันที่นี่ ถือเป็นแง่มุมอีกด้านที่เราได้เห็นไลฟ์สไตล์คนเกาหลีได้อย่างดีเลยยย
🚇 วิธีการมา สวนศิลปะอันยาง (Anyang Art Park) นั้น ให้เราขึ้นรถไฟสาย 1 มาลงสถานีรถไฟ Gwanak Station แล้วออกทางประตู 2 จากนั้น ถ้าใครขยันเดินก็เดิน หรือถ้าใครจะเรียกแท็กซี่ก็บอกเค้าให้ไปลงจุดที่ตัวเองจะไป แนะนำให้อิงจุดจากแผนที่นี้ แล้วชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ แนะนำให้เริ่มจากจุด 6 หรือ 7 คลิกดูแผนที่ // จากนั้นเติมตามรูทเลยจ้า
ถ้าเราเริ่มต้นในจุดที่ 7 ในแผนที่ โซนแรกมันจะเป็นพื้นที่งาน Installation Art อาร์ทๆในป่า ซึ่งตรงนี้แหละคือดีและถ่ายรูปสวยมาก ซึ่งอันที่คิดว่าสวยมากๆ มีอยู่ 3 ชิ้นงาน โดยงานชิ้นแรกคือ Mirror Maze : 3-Dimensional Mirror Labyrinth ที่ก๊อตชอบที่สุดสวนศิลปะแห่งนี้ คือเค้าใช้ลูกเล่นเอฟเฟ็คของเสากระจก 108 ที่ทำให้เกิด Illusion สะท้อนกันไปมา ทำให้เวลาที่เรามองหรือเดินเข้าไปด้านในมีความเป็นเขาวงกตเล็กน้อย บอกเลยว่า ตรงนี้ถ่ายรูปแล้วโคตรดีย์!
ถัดมาจากงานเขาวงกตกระจก เราจะเจอกับอีกผลงาน Installation Art ที่ชื่อว่า Anyang Crate House กับการสร้างสรรค์ที่นำเอาลังเบียร์เยอมัน มาซ้อนต่อกันจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็น ‘บ้าน’ ซึ่งสีสันของลังเบียร์หลายๆสีนั้นทำให้บ้านหลังนี้คิวท์มากกก
อันต่อไปคือ Anyang Peak ที่สร้างจำลองเหมือนภูเขาโดยมีทางเดินทางที่เราสามารถไต่ขึ้นไปยังจุดสูงสุดของยอดเพื่อดูวิวย่านสวนศิลปะอันยางได้
นอกจาก 3 งานศิลปะที่เล่าไปแล้ว ในสวนนี้ยังมีงานเก๋ๆ คูลๆ อีกเยอะม๊าก ความเจ๋งมันคือการที่เค้ารวมเอางาน Installation Art ต่างๆ มาอยู่ในป่านี่แหละ ใครที่ชอบความธรรมชาติ + ความอาร์ทนี่ ได้ปลื้มปริ่มแน่นอน งื้อ
เอ้อ อย่านึกว่ามันหมดแล้วสำหรับ สวนศิลปะอันยาง (Anyang Art Park) ให้เราเดินต่อไปยังหมายเลข (23) Le Tube ที่เป็นทางเดินลอดท่อที่ถ่ายรูปแล้วโคตรคูล และเมื่อเราผ่านท่อนี้ไปเรียบร้อยแล้ว เราจะมาโผล่กับอีกชิ้นงานหนึ่งคือ Linear Building Up in The Tree กับลานคูลๆ ที่เค้าเล่นเส้นสายความคลื่นลาดลงไปกลายเป็นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจของคนที่มาเดินเที่ยวสวนศิลปะแห่งนี้ คือมันเจ๋งมาก และยังถ่ายรูปสวยอีกด้วย แนะนำให้มาเลย!
สุดท้ายจริงๆ ก่อนเดินกลับ แนะนำว่าอย่าเดินกลับทางเดินที่เป็นท่อ Le Tube ให้เราเดินตามถนนด้านล่าง เราจะเจออีกงานนึงที่โคตรเจ๋ง นั่นคือ Romance Pavillion งานศิลปะกำแพงท่ามกลางต้นไม้สูง ที่เมื่อเรามองมาจากทางมุมไหน เราจะเห็นกำแพงต่อกันเป็นรูปหัวใจ อันนี้ยอมรับเลยว่า เจ๋งและชอบมาก 5555555
จากการเดิน สวนศิลปะอันยาง (Anyang Art Park) นี่ใช้เวลาเกินกว่าครึ่งวัน พอกลับมาถึงโซล นี่ก็เหนื่อย เมื่อยเท้าจนไม่ไหวที่จะไปที่ไหนแล้ว วันนี้ก็เลยไปมาที่เดียวนี่แหละจ๊า
โซล (Seoul) วันที่ 5:
เมียงดง (Myeong-dong)
จบทริปด้วยย่านฮิตที่ไม่พูดถึงไม่ได้กับ ย่านเมียงดง (Myeong-dong) ที่มีความคลับคล้ายเหมือนสยามสแควร์ฝั่งร้อนบ้านเรา (แต่เมียงดงใหญ่กว่าเยอะม๊ากก) และบอกเลยว่ามีของเกือยทุกอย่างที่อยากตามล่า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง รวมถึงสกินแกร์ทุกแบรนด์ของเกาหลี ที่มีหมดเลยเด้อ .. ส่วนตัวขออนุญาตไม่รีวิว ย่านเมียงดง (Myeong-dong) อะไรมากมาย เพราะไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาเท่าไหร่ เพราะมัวแต่เดินช้อปปิ้งก่อนจะกลับไทย 5555555555
เอาเป็นว่า ถ้าใครมาเกาครั้งแรกก็อย่าพลาด แต่ถ้าใครเอียนและเบื่อเมียงดงแล้ว นี่คิดว่าย่านอื่นก็มีเยอะแยะให้เดินและช้อปปิ้งเหมือนกัน เพราะเมียงดงบางทีก็เป็นย่านที่เวลาเรานึกอะไรไม่ออกก็จะมาอะไรทำนองนั้นนั่นเอง อิอิ
โอยย จบแล้ว! ❤️
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลกหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡
3 comments
อันนี้ไปเที่ยวเดือนไหนคะ
กันยายนจ้าา
กำลังคิดอยากไปเที่ยวเองดู เคยไปกับทัวร์3ครั้งแล้ว รู้สึกอยากลองไปเองดู ขอบคุณมากค่ะสำหรับรีวิวดีๆ ค่อยข้างละเอียดเลย