ทาโรโกะ หรือ อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko National Park / 太魯閣國家公園) หรือชื่อเล่น เขาหินอ่อน (Marble Mountain) เป็นอุทยานที่ใหญ่ม๊ากก โดยกินพื้นที่ประมาณ 3 จังหวัดของไต้หวันคือ ฮัวเหลียน (Hualien) ไทจง (Taichung) และหนันโถว (Nantou) เลย เห็นพื้นที่ใหญ่เว่อร์วังขนาดนี้ แต่พื้นที่ที่เราจะไปเที่ยวในทาโรโกะนั้น จะอยู่ในจังหวัดฮัวเหลียน เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวส่วนมากจะอยู่ในเขตนี้นั่นเองเนอะ
ชื่อของ ทาโรโกะ (Taroko) นั้นตั้งตามชื่อของชนเผ่า Truku กลุ่มคนดั้งเดิมที่อยู่แถวนี้มาก่อน ที่น่าสนใจคือธรรมชาติของภูเขาและหุบเขาที่นี่ มันเกิดมาจากการชนอย่างรุนแรงของแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและแปซิฟิก คือแบบชนแรงโคตรจนดันขึ้นมาเป็นภูเขาสูงลิบมากกว่า 3,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล (สูงกว่าดอยอินทนนท์ในไทยอีกน้า) ปัจจุบัน หุบเขาทาโรโกะ สูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี จากการชนของแผ่นเปลือกโลกสองแผ่น เฉลี่ย 0.5 เซนติเมตร ส่วนน้ำที่เป็นแอ่งลึกก็จะลึกขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีเหมือนกัน แม่มเจ๋งงง รู้เรื่องราวเบื้องต้นของทาโรโกะแล้ว ก็ไปเที่ยวกันดีกว่าาาาา ฮ่าๆ
จะมาเที่ยวทาโรโกะ (Taroko) ต้องมาที่เมืองไหน?
จากที่บอกไปตอนแรก อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko National Park) ที่เที่ยวหลักตั้งอยู่ในฮัวเหลียน ดังนั้น การมานอนที่ฮัวเหลียนซักคืนนึงก่อนะไปเที่ยวทาโรโกะคือดีที่สุดแหละ และถ้าเรากำลังคิดอยากจะมาเที่ยวแบบ 1-day trip จากไทเปละก็ เปลี่ยนความคิดซะ เพราะกว่าจะนั่งรถไฟมาถึงฮัวเหลียนก็ 4 ชั่วโมงแล้ว เนื่องจากเส้นทางรถไฟอันนี้เป็นรถไฟแบบธรรมดา ไม่ได้เป็นรถไฟความเร็วสูงเหมือนไต้หวันฝั่งตะวันตกนั่นเอง ขนาดนี่นอนค้างที่ฮัวเหลียนคืนนึงแล้วออกเที่ยวทาโรโกะแต่เช้า วันนึงยังเก็บไม่หมดเลยแกรเอ้ยย
👀 หากคิดว่าจะมานอนฮัวเหลียนตั้งหลักซักคืนแล้วล่ะก็ ก๊อตมีเขียนรีวิวฮัวเหลียนไว้แล้ว มาเปื่อยๆ ชิลๆ ที่ฮัวเหลียนซักคืน ถือว่าดีย์ และบอกเลยว่าสวยม๊ากก > คลิกอ่านรีวิวฮัวเหลียนที่นี่เลย
วิธีเดินทางมาฮัวเหลียนจากไทเป
ถึงแม้ฮัวเหลียนจะไม่มีรถไฟความเร็วสูงยิงตรงมาจากไทเป แต่การมาฮัวเหลียนก็ไม่ได้ลำบากอะไรแหละ เพราะเค้ายังมีรถไฟแบบปกติให้เราได้นั่ง แถมยังสะดวกสบายด้วย นอกจากรถไฟแล้ว เรายังมีตัวเลือกอื่นๆ อีก เช่น รถบัส รวมถึงการเช่ารถจากไทเปแล้วขับฟีลโรดทริปมาเที่ยวที่นี่ก็ได้ ดังนั้นก๊อตขอลิสวิธีการเดินทางไว้ตามนี้ โดยก๊อตขอลิสเน้นวิธีการเดินทางมาจากไทเปแทนแล้วกันเนอะ ส่วนใครที่มาจากเมืองอื่น อาจจะต้องรีเสิร์ชกันต่อเองนะค้าบ
วิธีการเดินทางจาก ไทเป (Taipei) <-> ฮัวเหลียน (Hualien)
- 🚞 รถไฟธรรมดา (TRA) (⭐️ แนะนำวิธีนี้): ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง แล้วแต่สายรถไฟ โดยสายรถไฟที่แนะนำ เพราะมันใช้เวลาสั้นที่สุดคือ สาย Taroko Express (ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ราคาตั๋ว 440 TWD) และ สาย Puyuma Limited Express (ใช้เวลา 2-2.5 ชั่วโมง ราคาตั๋ว 440 TWD) สามารถขึ้นได้จากสถานี Taipei Main Station ได้เลย สามารถจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้ที่เว็บ TRA
- 🚌 รถบัส: ใช้เวลาเดินทาง 3.5 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้น 320 TWD / เที่ยว โดยมีรถบัสที่ยิงตรงยาวไปยังฮัวเหลียนอยู่สองสายคือ Ubus 1663 และ สาย 1071 โดยทั้งสองสายขึ้นได้ที่ Nangang Bus Station / สามารถจองตั๋วรถบัสสาย Ubus 1663 ออนไลน์ได้ที่นี่ คลิก
เราจะขับรถเที่ยวเองหรือไปกับทัวร์ดี?
คำถามนี้วนอยู่ในหัวมากตอนที่วางแพลนมาเที่ยวทาโรโกะ ด้วยความที่ก๊อตชอบเที่ยวเองเออเองแบบไม่ใช้ทัวร์ ก็เลยพยายามหาข้อมูลว่าสามารถเที่ยวเองได้หรือเปล่า สรุปว่า เราสามารถเที่ยวเองได้ แต่ต้องวางเส้นทางดีๆว่าจะขับไปไหน เส้นทางอะไร ถ้าอยากขับรถยนต์ ให้รู้ไว้ว่า บางจุดไม่มีที่จอดรถแบบเป็นที่เป็นทาง คือเราต้องหาที่จอดรถข้างถนนเอา และหลายจุดไม่สามารถขับรถยนต์เข้าไปได้ แต่ถ้าใครขับรถมอเตอร์ไซค์เป็น เราอาจจะเช่ามอเตอร์ไซค์ขับเที่ยวในทาโรโกะก็ได้ เพราะฝรั่งแบ็คแพ็คส่วนใหญ่เค้าจะขับมอไซค์เที่ยวกัน เพราะมันสามารถขับซอกแซกไปยังที่ต่างๆ ได้ แถมยังจอดรถสะดวกกว่ารถยนต์ม๊าก ส่วนเรื่องถนนหนทางในั้นนั้นถือว่าดี ไม่ต้องห่วงเรื่องของถนนเลยแหละ
⚡️🚙 อัพเดทล่าสุดปี 2023 คนไทยสามารถเช่ารถขับในไต้หวันได้แล้ว เนื่องจากไต้หวันอยู่ภายใต้ ‘อนุสัญญาเวียนนา 1968’ เช่นเดียวกับประเทศไทย หากใครที่ต้องการเช่ารถขับเที่ยวในไต้หวันไม่เกิน 30 วัน เราสามารถใช้ใบขับขี่สากล (IDP – International Driving Permit) ในไต้หวันได้ ที่สำคัญมากก็คือ ก่อนคอนเฟิร์มเช่ารถ เราต้องถามกับบริษัทเช่ารถก่อนว่าต้องใช้ใบขับขี่สากลแบบไหน โดยประเทศไทยจะมีใบขับขี่สาหลสองอนุสัญญาคือ ‘อนุสัญญาเจนีวา 1949 (1 ปี)’ และ ‘อนุสัญญาเวียนนา 1968 (3 ปี)’ ซึ่งแต่ละบริษัทรถเช่าบางเจ้ารับทั้งสองแบบ หรือบางเจ้าก็รับแค่แบบใดแบบหนึ่งนะ อันนี้ต้องเช็คกันก่อนเน้อ
สำหรับทริปทาโรโกะรอบนี้ ด้วยความที่กลุ่มก๊อตมากันทั้งหมด 3 คน ใจน่ะอยากขับมอไซค์เที่ยว เพราะเห็นฝรั่งเที่ยวกันแบบนี้แล้วมันอิสระดี แต่ประเด็นคือมีผมขับมอไซค์เป็นคนเดียว สรุป สุดท้ายตัดปัญหาคือซื้อทัวร์แบบเหมารถแบบส่วนตัวไปเลยจ้า และถึงแม้พี่คนขับรถจะพูดภาษาจีนซะส่วนใหญ่ แต่เรายังสามารถใช้ Google Translate ได้นั่นเอง ส่วนใครที่ตัดสินใจเที่ยวขับรถเที่ยวทาโรโกะเอง จะแพลนเที่ยวตามที่ผมเที่ยวในรีวิวนี้ก็ได้นะครับ นี่บอกชื่อสถานที่ไว้ให้หมดแล้วเน้อ ❤
ซื้อทัวร์ทาโรโกะแบบวันเดย์ทริปจากที่ไหน?
แกร จริงๆ การไปเที่ยวทาโรโกะจะโบกแท็กซี่แล้วเหมาเป็นวันก็ได้นะ แต่นี่ขี้เกียจเดินหานู่นนี่นั่น แถมนี่ชอบอะไรที่มันแน่นอนมากกว่า ก๊อตเลยตัดสินใจจอง Private Tour จาก Klook เอาล่วงหน้าไปเลย เอ้อ ซึ่งมันก็สะดวกดี คือซื้อผ่านเว็บหรือแอพแล้วรอเค้าคอนเฟิร์ม ทีนี้เมื่อบอกที่พักเราเรียบร้อย เค้าก็จะมารับเราแต่เช้าตามที่นัดหมายเลยแหละ
จริงๆ ที่ก๊อตดูในเว็บ Klook เค้ามีทั้งแบบเหมารถส่วนตัวและแบบเป็นรถบัสทัวร์ปกติที่ไปเที่ยวจอยกับคนอื่นนะ ยังไงลองคลิกดูรายละเอียดตามลิงค์ด้านล่างได้เลย เอาที่สะดวกใจว่าอยากไปแบบไหน แต่นี่คิดว่าแบบ Private ไม่ได้แพงกว่าอันปกติมากนัก อีกอย่าง ถ้ามากันหลายคน Private ถูกกว่า โดยเฉพาะถ้าเรามากันเยอะนั่นเอง ซึ่งเค้ามีให้เลือกเราทั้งแบบ 1-4 คน เป็นรถเก๋ง / 5-6 คน เป็นรถ SUV / และถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ 7-8 คน ก็คือใช้รถตู้ไปเลยจ้า ยังไงลองเลือกอันที่ชอบแล้วคำนวณเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อคนดูว่าอันไหนคุ้มกว่ากันเนอะ ทั้งนี้ ก๊อตมีใส่ลิงค์ทัวร์มาทั้ง Klook และ KKDay เผื่อไว้เป็นตัวเลือก และเทียบราคานะงับ
🚙 ทัวร์ 1 วัน Taroko Private Tour (เหมารถส่วนตัว) [ซื้อผ่าน Klook] [ซื้อผ่าน KKDay]
🚌 ทัวร์ 1 วัน Taroko Tour (นั่งรถบัส ทัวร์รวมกับคนอื่น) [ซื้อผ่าน Klook][ซื้อผ่าน KKDay]
เริ่มต้นเที่ยวดีกว่า โว้วว!
เริ่มต้นวันเที่ยวทาโรโกะ ด้วยการที่ลุง (คนที่จะพาเราไปเที่ยวทาโรโกะวันนี้) มารับเราที่หน้าบ้านพัก airbnb ที่เรานอนกันเมื่อคืนในฮัวเหลียน แถวหาดซีซิงถัน (Qixingtan Scenic Area) โดยท่านลุงที่ขับรถพาเราเที่ยวนั้น คือพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ มีความลำบากนิดหน่อยในการสื่อสาร ทีนี้เราเลยสื่อสารกันผ่าน Google Translate แทน ใครไม่มีแอพ โหลดหน่อยก็ดีนะ รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่มันกันตายได้ 55555
และเนื่องจากอุทยานแห่งชาติทาโรโกะจะอยู่ห่างออกจากตัวเมืองฮัวเหลียนไปทางเหนือหน่อยๆ ลุงเค้าก็จะพาเราแวะบางจุดในฮัวเหลียนก่อนขับไปทาโรโกะ ซึ่งก็จะมีแวะจุดชมวิวหาดซีซิงถัน และแวะที่ตัวชายหาดซีซิงถันอีกรอบ จากที่เราไปกันมาแล้วเมื่อวาน และนี่ท่านลุงในรูปด้านล่างนี้ คือคนที่จะพาเราเที่ยวทาโรโกะวันนี้นี่เองงงงง ฮี่ฮี่ // คุณลุงเดินนำเลยจ้า 55555
🚙 หากใครที่ขับรถเที่ยวเอง แล้วต้องการมาแวะจุดชมวิวหาดซีซิงถัน มันจะอยู่แถวสนามบินฮัวเหลียน สามารถปักเลข 24.023987, 121.630076 ใน Google Maps แล้วขับรถแวะมาก็ได้ ถือเป็นการวอร์มอัพก่อนไปเที่ยวทาโรโกะ ฮ่าๆ
จากนั้น ลุงขับพาเรามาดู หาดซีซิงถัน (Qixingtan Beach /七星潭 ) จุดที่ลุงพามาคือคนละจุดกับที่เรามาเที่ยวกันเองเมื่อวาน จุดนี้จะมีสนามหญ้า สนามเด็กเล่น รวมถึงป้ายบอกสถานที่ แล้วลุงถามเราว่าจะถ่ายรูปกับป้ายมั้ย ซึ่งพวกผมก็ให้ลุงถ่ายให้ จากปกติที่ไม่เคยถ่ายรูปกับป้ายสถานที่เลย แบบชอบถ่ายกับวิวมากกว่างี้ 555555555 // เดินเล่นกันเสร็จเรียบร้อย ลุงก็พาเรามุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไป
หน้าผาชิงสุ่ย (Qingshui Cliff / 清水断崖)
หน้าผาชิงสุ่ย (Qingshui Cliff / 清水断崖) ถือเป็น 1 ใน 8 ของธรรมชาติที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของไต้หวันเลยนะ ลุงเค้าจะมาปล่อยเรายังแพลตฟอร์มดูวิวหน้าผาชิงสุ่ยอยู่สองจุด ซึ่งจุดแรกกับจุดที่สองจะไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่ แล้วคือแดดร้อนเว่อร์ เหมือนมาผิดเวลา
จุดดูวิวที่ 1 จะเป็นแพลตฟอร์มดูวิวหน้าผมชิงสุ่ยแบบเล็กๆ วิวตรงนี้สวย เราจะสามารถมองเห็นชายหาดด้านล่างได้ ซึ่งจากที่มอง มีคนกำลังจะลงมหาสมุทรไปเล่นพายเรือคายัคกันด้วย ถ้าใครอยากลงไปมันมีทางลงไปชายหาดด้านล่างด้วยนะ ฮ่าๆ
จุดดูวิวที่ 2 อันนี้เป็นจุดดูวิวที่ใหญ่มาก คนเยอะเว่อร์ และมีแพลตฟอร์มดูวิวขนาดใหญ่สองชั้นที่เราสามารถขึ้นไปดูหน้าผ้าชิงสุ่ยอีกด้านได้ ดูไปดูมา นี่กลับเฉยๆกับจุดนี้ ฮ่าๆ
สวยมั้ยก็สวยนะ น้ำของมหาสมุทรแปซิฟิกคือเป็นสีฟ้ามาก ใครมีเวลาเที่ยวมากกว่านี้ มันสามารถมาเที่ยวแล้วลงไปยังชายหาดได้ ที่นี่มีกิจกรรมทางทะเลให้เที่ยวเยอะแยะ ตั้งแต่พายเรือคายัค เล่นทะเลหรือแม้แต่ปีนหน้าผาเลย แต่นี่ไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นไง ไปต่อดีกว่า 5555555
เริ่มเที่ยวหุบเขาทาโรโกะ (Taroko Gorge / 太魯閣)
แวะนู่นแวะนี่มาเยอะแล้ว ถึงเวลาที่เราจะได้เข้าสู่หุบเขาทาโรโกะซักที ฮ่าๆ เราจะสังเกตว่าเราเข้าสู่เขตทาโรโกะแล้วก็ต่อเมื่อเราผ่านซุ้มประตูที่หลายคนชอบมาถ่ายรูปนั่นเอง ซึ่งลุงก็ปล่อยเราลงไปถ่ายรูปด้วยเหมือนกัน ฮ่าๆ จากตรงนี้เราเริ่มจะเห็นความเป็นหุบเขาและแม่น้ำที่ไหลเอื่อยออกมาจากเขาด้านในแล้ว เริ่มตื่นเต้นแล้วไง
Shakadang Trail (砂卡噹步道)
ขึ้นรถลุงมา ลุงจะขับรถพาเรามาดรอปลงกลางสะพานที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเทรลวันแรกของวันนี้ ให้เราเดินลงมาจากสะพาน มันจะมีทางลงอยู่ เทรลนี้มีชื่อว่า Shakadang Trail (砂卡噹步道) ซึ่งเป็นทางเดินเลียบแม่น้ำ Shakadang ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินไป-กลับ ประมาณ 2 ชั่วโมง เส้นทางง่ายสุดๆ ไม่ต้องกลัว เพราะทางเป็นทางเรียบ ไม่ต้องปีนป่ายอะไรทั้งนั้น เด็กเดินได้ ผู้ใหญ่เดินดีจ๊าาา
สำหรับเส้นทาง Shakadang Trail จริงๆแล้ว เป็นทางเดินที่สร้างโดยคนญี่ปุ่นเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำบนแม่น้ำ Shakadang สมัยที่ไต้หวันโดนญี่ปุ่นปกครอง
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ตอนแรกนึกว่าแม่น้ำ Shakadang น้ำจะเยอะกว่านี้ แต่เดาว่านี่มากันช่วงหน้าร้อน น้ำเลยน้อย ถ้าน้ำเยอะอาจจะสวยกว่านี้ก็เป็นได้แหะ
มีทางเดินช่วงนึงที่ดีย์งาม คือเป็นทางที่เดินเลียบแม่น้ำแล้วอยู่ใต้แนวหิน ตรงนี้คือสวยยย
ผมกับเพื่อนเดินไป ถ่ายรูปไปกันเพลิน จนลุงโทรมาตามว่าออกมาได้แล้ว 55555
เอาจริง .. คือยังเดินกันไม่สุดทางเลย ก็เลยรีบจ้ำเดินเกือบสุดทางแล้วเดินกลับมาแบบรวดเร็ว งื้ออ
Yanzikou Trail (燕子口)
หลังจากลุงตามให้เรารีบขึ้นรถ จากนั้นลุงก็บอกว่า รีบๆหน่อย ยังมีหลายที่ให้เก็บอีกเยอะเด้ออออ พวกเราก็โอเค๊ ไอแอมซอรี่ ฮ่าๆ ผ่านไปไม่นาน ลุงขับมาจอดซุ้มทางเข้าอันนึง จากนั้นลุงลงจากรถเพื่อไปลงทะเบียนอะไรซักอย่างแทนเรา และหยิบหมวกนิรภัยมาให้เราใส่ พร้อมปล่อยเราลงตรง Zhuilu Suspension Bridge ซึงเป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่ยาวและหวาดเสียวมากก แต่ .. แต่ .. เราไม่ได้จะข้ามสะพานจ่ะ เราจะเดินเทรลง่ายๆ สวยๆ เชิ่ดๆกับต่อกับ Yanzikou Trail (燕子口) 5555555 บอกก่อนเลยว่า วันนี้จะไม่มีการเดินแบบลำบากๆหรอก
ส่วนตัวคือชอบทางเดิน Yanzikou Trail (燕子口) อันนี้ เราจะเดินเลียบถนนที่เลียบกับแม่น้ำที่อยู่ติดกันลึกลงไปในช่องเขา เส้นนี้คือสวย ได้เห็นหิน เห็นเท็กซ์เจอร์ของหินที่เป็นลายหินอ่อน และได้เห็นความคดเคี้ยวของแม่น้ำ อันนี้คือสวยจริงงงง ❤
ทางเดินจะค่อนข้างยาวเหมือนกัน แต่ละช่วง เราก็จะได้เห็นสายน้ำคดเคี้ยวผ่านหุบเขาในมุมที่แตกต่างกันหลายแบบเลยล่ะ
เดินไปเรื่อยๆตามถนนที่ลอดถ้ำพร้อมกับกรุ๊ปทัวร์เยอะแยะมากมาย น่าจะมีแค่ผมกับเพื่อนรวมกัน 3 คน ที่เดินกันต้อยๆเกาะกลุ่มกันเอง สุดท้ายนี่เดินมาถึงแถวจุดพักที่ลุงจอดรถอยู่ ลุงบอก เดินไปอีกหน่อย ข้ามสะพานแล้วเดินเข้าไปทางอุโมงค์นั่นแล้วเดินกลับมานะจ๊ะ .. บอกมาขนาดนี้ เราก็เดินต่อสิจา 555
นี่ก็เดินนนน แล้วก็เดินลอดถนนอุโมงค์จนสุดและเดินกลับออกมาหาลุงเพื่อขึ้นรถไปที่อื่นต่อ จากทั้งหมดที่ได้เดินในส่วนของ Yanzikou Trail (燕子口) ผมว่าจุดนี้นี่แหละที่ทำให้เหมือนมาถึง หุบเขาหินอ่อน จริงๆ เพราะลายของหิน มันเหมือนหินอ่อนมากกก ☺
สะพานหลิวฟาง (Liufang Bridge / 流芳橋)
ลุงรีบขับรถต่อมายังแถวสะพานหลิวฟางแล้วปล่อยเราลงรถมาดูวิว ที่นี่เค้าจะสร้างแพลตฟอร์มที่เราสามารถนั่งเอื่อยพร้อมวิวเขาทาโรโกะข้างหน้าที่เป็นทางโค้งแม่น้ำและมีสะพานสองอันคาดผ่านพอดี ซึ่งนี่อยากบอกเลยว่า มุมนี้สวยว่ะ จุดนี้เป็นอีกจุดที่ห้ามพลาดเลย
ด้วยความที่ลุงขับรถพาพวกเรามาลงตรงนี้ เลยไม่แน่ใจว่า ทางเดินเทรลจากเราเดินดูหุบเขาทาโรโกะด้านบนมันทะลุต่อกันถึงตรงนี้หรือเปล่า แต่มันต้องทะลุต่อกันสิ ไม่งั้นจะขับรถมาได้ไงแปปเดียว แสดงว่า ถ้าเราจะเดินมาตรงนี้หรือจะขับมอไซค์ก็สามารถทำได้ 55555
Eternal Spring Shrine (長春祠)
จนถึงตอนนี้ก็เย็นแล้วล่ะ ที่อ่านรีวิวหน้านี้มา มันอาจจะดูไปเที่ยวนิดเดียวไม่กี่ที่ แต่จริงๆแต่ละที่กินเวลาค่อนข้างมากเลยทีเดียว ขนาดลุงบอกพวกเราแล้วว่ารีบเดินรีบกลับมาหน่อยนะ เรายังเลทกันเลย ฮ่าๆ ต่อไปลุงเลยพาเราแวะดู Eternal Spring Shrine (長春祠) แบบไกลๆ ให้ดูรู้ว่าที่นี่คือแลนด์มาร์คอีกหนึ่งจุดของทาโรโกะที่มีชื่อเสียง แต่วันที่ผมไปเที่ยว ดูเหมือนว่าเค้าน่าจะบูรณะวัดกันอยู่
เสร็จจากที่นี่ ลุงเค้าก็พาเราขับรถออกจากทาโรโกะ พาไปส่งยังจุดหมายที่เราสามารถบอกเค้าได้ว่าอยากปล่อยเราลงที่ไหน ส่วนผมก็ให้ลุงเค้าพาผมและเพื่อนไปส่งที่บริษัทเช่ารถนั่นเอง เห็นม๊าา … ดูเหมือนเที่ยวไม่เยอะ แต่แค่นี้คือกินเวลาวันนึงแล้วววว
เสร็จจากเที่ยวทาโรโกะแล้วยังไงต่อ?
สำหรับคนที่เที่ยวทาโรโกะเสร็จแล้ว เราอาจจะนอนในอุทยานแห่งชาติทาโรโกะต่อก็ได้ จะได้ซึมซับบรรยากาศต่อ นี่คิดว่าน่าจะดีย์ หรือถ้าหากใครยังไม่ได้เที่ยวฮัวเหลียน อาจจะนอนที่ฮัวเหลียนต่อซักคืนแล้วค่อยย้ายเมืองอื่นก็ได้เหมือนกัน จะได้ไม่เหนื่อยเกินไป และเผื่อใครที่กำลังแพลนเที่ยวอยู่ จากทาโรโกะ เราสามารถขับรถผ่านทาโรโกะ ทะลุไป เหอหวนชาน-ฟาร์มชิงจิ้ง (Hehuanshan / Cingjing Farm) ได้นะ แต่ต้องเช่ารถ ไม่ก็เหมาแท็กซี่ไป แล้วเราก็มีรีวิวที่นี่โด้ยยยย คลิกอ่านได้
พวกผมและเพื่อนนั้น ผมให้ลุงไปส่งร้านเช่ารถแถวสถานีรถไฟฮัวเหลียน เพราะแพลนเที่ยวผมคือ ต่อจากนี้จะเป็นการเที่ยวแบบ Road Trip ขับรถจากไถตง (Taitung) ยาวไปเขิ่นติง (Kengting) แล้วไปคืนรถที่เกาสง (Kaoshiung) นั่นแล ยังไงก่อนจองรถ ลองเทียบราคาดูทั้งเว็บบริษัทเช่ารถตรงในไต้หวัน กับเว็บ OTA อเน้อ เอาที่คุ้มและประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด ❤
รีวิวเที่ยวไต้หวันหมดจาก HASHCORNER!
โซนภาคเหนือ ไตหวัน
1. ไทเป (Taipei) #1
2. ไทเป (Taipei) #2
3. หยางหมิงซาน (Yangmingshan)
4. จิ่วเฟิ่น-จินกัวสือ (Jiufen-Jinguashi)
5. ปี๋โถวเจี่ยว (Bitoujiao)
6. ซินจู๋ (Hsinchu)
7. จีหลง (Keelung)
8. นิวไทเป ซิตี้ (New Taipei City)
9. เถาหยวน (Taoyuan)
โซนภาคกลาง ไต้หวัน
10. ไทจง (Taichung)
11. ซันมูนเลค / ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake)
โซนภาคใต้ ไต้หวัน
12. ไถหนาน (Tainan)
13. อาลีซาน (Alishan)
14. ชิงจิ้ง-เหอหวนซาน (Cingjing-Hehuanshan)
โซนภาคตะวันออก ไต้หวัน
15. ฮัวเหลียน (Hualien)
16. ทาโรโกะ (Taroko)
17. ไถตง (Taitung)
18. เกาสง (Kaohsiung)
19. เขิ่นติง (Kenting)
20. ไถ่ผิงซาน (Taipingshan)
21. อี้หลาน (Yilan)
สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการเที่ยวไต้หวัน
22. เช่ารถขับในไต้หวัน [อัปเดท 2023]
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลกหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡
2 comments
สวัสดีครับ
รบกวนสอบถาม เที่ยว Tarako ใช้เวลาทั้งหมด กี่ชม.ครับ
และ จุดนี้ Yanzikou Trail (燕子口) ใช้เวลานานมั้ยครับ